ฉินเหลียนอีกะพริบตา ไม่ใช่ว่า… เขาควรคืนมือถือให้เธอตอนนี้เหรอ?“ให้เงินคุณเหรอ?” ทันทีที่คำพูดหลุดปาก ฉินเหลียนอีก็รู้สึกโง่เง่าขึ้นมาทันที ถ้าสถานะของเขาตอนนี้ เขาจะมาสนเงินเธอได้อย่างไร?แน่นอนว่ามุมปากของเขายกยิ้มและเขามองเธอเหมือนมองคนโง่“ถ้างั้นคุณต้องการอะไร?” เธอสูดหายใจเข้าลึกและถาม เพราะไม่ว่าจะวิ่งไปทางไหนก็เหมือนหนีเสือปะจระเข้ เธอเดาว่าอีกฝ่ายคงอยากใช้มือถือของเธอมาเป็นสิ่งช่วยระบายโทสะที่มีกับเธอมากว่าสามปีอย่างไรก็ปล่อยให้เขาระบายแค้นแล้วกัน“สามปีมานี้คุณมีความรักบ้างหรือเปล่า?” เขาถามเธอส่ายหน้า สงสัยว่าเขาถามทำไม“แล้วคุณชอบใครอีกบ้างไหม?” เขาถามอีกนี่… ดูเหมือนจะเกินไปหน่อย หากเธอนับพวกดาราที่เธอชอบ สิบนิ้วก็คงไม่พอกระมังแต่ตอนนี้ที่อยู่ต่อหน้าใบหน้าไร้อารมณ์ของเขา เธอทำได้เพียงส่ายหน้าทันที“พูดถึงเรื่องนี้ เหมือนคุณเคยบอกว่า ถ้าคุณมีแฟนแบบผม คุณก็คงมีความสุขมากใช่ไหม?” เขาพูดอีก ท่าทางดูสบาย ๆเธอเกือบจะสำลักน้ำลาย นั่นมัน… เป็นคำพูดที่เธอพูดตอนที่ยังเด็กไม่รู้อิโหน่อีเหน่ อี้จิ่นหลีบอกว่าตอนนี้เขาเป็นประธานไป๋เฟิงกรุ๊ปและเป็นหัวหน้าตระกูลไป๋ซึ่งมัน
ใบหน้าฉินเหลียนอีเปลี่ยนจากแดงเป็นซีดขาว ริมฝีปากเธอสั่นระริกและเธอทำได้เพียงพูดออกมาว่า “ฉันเสียใจ”อย่างไรเธอก็เป็นคนที่พูดคำพวกนี้ออกมาจริง และเธอก็เป็นคนที่ทำตามคำพูดไม่ได้“คุณต้องเสียใจกับผมให้มาก” เขาบอกในรถเงียบสงัดอีกครั้ง เธอไม่รู้ว่านานแค่ไหนแต่สุดท้ายรถก็หยุด ฉินเหลียนอีออกมาจากรถพร้อมไป๋ถิงซิ่น และพบว่าเธอมาอยู่ที่วิลล่าที่เขาพาเธอมาเมื่อวานเมื่อคิดถึงเรื่องเมื่อวานที่เขาไม่ยอมให้เธอออกมา ฉินเหลียนอีก็อดไม่ได้ที่จะหยุดฝีเท้า“ทำไม คุณไม่กล้าเข้าไปเหรอ?” ไปถิงซิ่นหันมามองฉินเหลียนอีมุมปากเธอกระตุกและพยายามฝืนยิ้ม “ถ้าคุณมีอะไรจะพูด เราคุยกันข้างนอกก็ได้”ไป๋ถิงซิ่นพูดกึ่งยิ้ม “ฉินเหลียนอี ถ้าผมอยากกักขังหน่วงเหนี่ยวคุณ ผมมีหลายวิธีเลย แล้วผมบอกเลยนะว่า คราวนี้ถ้าอี้จิ่นหลีจะอยากมาพาคุณไปอีก ก็ไม่ง่ายแบบนั้นแล้ว”ฉินเหลียนอีสะอึก เธอลังเลก่อนจะกัดฟันแน่น ใครจะกลัวใครกันแน่ หากเขาอยากจะทำร้ายเธอจริง ๆ เธอก็คงไม่สามารถจะห้ามเขาได้แล้วตอนนี้ดังนั้นฉินเหลียนอีจึงเดินกระทืบเท้าก้าวไปด้านหน้าไป๋ถิงซิ่นยิ้มเล็กน้อยและเดินไปเมื่อทั้งสองเข้าไปในวิลล่า ไป๋ถิงซิ่นก็ชี้
“โอเค… ดื่ม” เธอรู้สึกลิ้นพันกันเล็กน้อย และในปากก็เต็มไปด้วยรสชาติของค็อกเทลเหล้าแก้วนั้นเจตนาให้ดื่มทีละนิดแต่ตอนนี้เธอกระดกรวดเดียวหมด “ไป๋ถิงซิ่น คุณต้องการอะไรจากฉันกันแน่ถึงได้ทำให้คุณรู้สึกแบบนี้? บอกมา”บางทีอาจจะเพราะเหล้าแก้วนั้นที่ทำให้เธอใจกล้าและพูดดังขึ้นดวงตาดำขลับของเขาดำทะมึนขึ้น “ไม่ว่าอะไรที่คุณติดค้างผมก่อนหน้านี้ ตอนนี้คุณต้องชดใช้คืนให้ผม”เธอเอียงหัวมองเขาด้วยตากลมโต ราวกับว่าเธอกำลังคิดบางอย่างอยู่ “ฉันติดค้างคุณบางสิ่ง งั้นฉันชดใช้คืนให้คุณได้ใช่ไหม?”“ใช่”เขาบอกฉินเหลียนอียืนขึ้นและส่ายหัว บางทีเธออาจจะวิงเวียนเล็กน้อยเพราะความเมาในตอนนี้เหล้านี้ก็เหมือนกับเมื่อก่อน มันแรงมากแต่ตอนนี้เพราะว่าเจอเหล้าแรง เธอกลายเป็นใจกล้าและสามารถทำเรื่องที่เวลาปกติเธอคงไม่กล้าทำตอนนั้นเองเธอดึงซิปของเสื้อคลุมออกและเริ่มจะถอดเสื้อคลุมไป๋ถิงซิ่นหรี่ตาและมองการกระทำของฉินเหลียนอีตอนนี้ ด้วยตาเป็นประกายฉินเหลียนอีถอดเสื้อคลุมออกแล้วเริ่มที่จะถอดเสื้อไหมพรมตัวใน หลังจากถอดเสื้อไหมพรมแล้ว เธอก็ถอดเสื้อยืดออก…“อะไร คุณคิดว่าผมจะคิดถึงคุณเหรอ?” ไป๋ถิงซินพูดเสียงเย
ตอนที่เขาบอกเธอว่าเขาเป็นลูกนอกสมรส เธอยิ้มอย่างร่าเริงว่า “เป็นลูกนอกสมรสแล้วยังไงล่ะ? คุณก็เป็นคุณ เป็นคนเดียวที่มีในโลก คนที่ประสบความสำเร็จไม่ได้วัดว่าเขาเป็นลูกนอกสมรสหรือไม่ซะหน่อย”“คุณไม่คิดว่าชาติกำเนิดของผมต้อยต่ำเหรอ?”ตอนนั้นเธอพูดว่าอะไรนะ? เธอพูดอย่างจริงจังว่า “ฉันคิดว่าทัศนคติที่พ่อแม่คุณมีต่อการแต่งงานนั้นไร้ความรับผิดชอบมาก พอคุณมีลูกกันคุณก็ต้องแต่งงานสิ หากว่าแต่งงานกันไม่ได้ก็ต้องรักษาระยะห่างกันแต่แรกไม่งั้นก็ต้องป้องกันไม่ใช่เหรอไง? แล้วความสัมพันธ์ที่ไม่ได้มีเป้าหมายว่าจะแต่งงานกันมันเป็นพวกคนเถื่อนหมดหรือไง?”นั่นเป็นครั้งแรกที่มีคนพูดแบบนี้เกี่ยวกับพ่อแม่ของเขาต่อหน้าเขาแต่เธอรู้ไหมว่า บางครั้งการแต่งงานก็ไม่ใช่เป้าหมายเพราะว่ามันมีเป้าหมายอื่น ๆ ด้วย เช่นการแลกเปลี่ยนทางผลประโยชน์ที่เข้ามาเกี่ยวข้อง?การแต่งงานนั้นเป็นเพียงเรื่องของการเลือกผู้หญิงที่สามารถเพิ่มผลประโยชน์ให้เราได้“งั้นถ้าคุณคบกับใคร ก็ไม่ได้เพื่อการแต่งงานหรอกเหรอ?” เขาถาม“แน่นอนสิว่าใช่” เธอตอบเขาแบบนั้น “หากว่าอนาคตฉันต้องการแต่งงาน ฉันก็จะต้องหาผู้ชายที่ฉันรักมาก ๆ และเขาก็ต้องรัก
เมื่อมองใบหน้ายามหลับใหลที่อยู่ต่อหน้า เขาก็จับมือข้างหนึ่งของเธอมากุมไว้เขาหาเธอเจอแล้วจริง ๆ เธอไม่ได้อยู่แค่เพียงในความทรงจำของเขาอีกต่อไปแต่ว่ามาอยู่ต่อหน้าเขาอีกครั้ง“คุณสัญญาแล้วนะวันนี้ ผมจะไม่ยอมให้คุณกลับคำ” เสียงเขาแผ่วเบาในห้องที่เงียบสงัดและเสียงเดียวที่ตอบกลับเขาก็คือเสียงลมหายใจของทั้งสอง……หลิงอี้หรานกลับมาที่คฤหาสน์อี้หลังจากการสัมภาษณ์ การสัมภาษณ์วันนี้นั้นที่จริงก็ค่อนข้างง่ายสำหรับเธอ อีกฝ่ายดูใบรับรองแพทย์และก็ถามคำถามพื้น ๆแต่ตอนที่เขาถามว่า ทำไมเธอซึ่งเป็นนักเรียนแถวหน้าจบมาจากคณะกฎหมายถึงได้อยากจะมาเป็นคนส่งของ แม้ว่าเธอจะเตรียมตัวมาแล้วแต่ก็ยังอดประหม่าไม่ได้ เธอพยายามตอบให้เรียบง่ายว่าเป็นเพราะเธอติดคุกมาจากอุบัติเหตุทางรถ ดังนั้นใบอนุญาตทนายจึงถูกเพิกถอนหลังจากนั้นอีกฝ่ายก็ไม่ได้ถามอะไรอีก เพียงแต่บอกให้เธอกลับมารอฟังผลเธอรู้ว่าบางทีคราวนี้ก็คงไม่ผ่านสัมภาษณ์อีกเหมือนเดิมแต่ปัญหานี้มันเป็นเรื่องที่ใครก็คงแก้ไขไม่ได้มีบริษัทในเมืองนี้สิบกว่าบริษัทที่รับสมัครพนักงานส่งของ และหลิงอี้หรานก็ยื่นใบสมัครไปทุกที่ เธอไม่รู้ว่าสุดท้ายจะมีบริษัทไหนรับเ
หลิงอี้หรานตกใจขึ้นมาทันที “คุณว่าไงนะ?”“พี่ฟังชัดเจนแล้วไม่ใช่เหรอ?” อี้จิ่นหลีพูดซ้ำอีกครั้งอย่างอดทน “ฉันบอกว่าในเมื่อพี่ไม่ชอบบริษัทนั่น งั้นก็ทำให้บริษัทนั่นถูกเพิกถอนไปซะ”สีหน้าของเขาดูราวกับว่ากำลังพูดเรื่องธรรมดาทั่วไปแค่นั้นแต่ว่า… เพิกถอนเหรอ?ม่านตาของหลิงอี้หรานกระชับแน่นขึ้นมาทันที เป็นแบบที่เธอเข้าใจหรือเปล่า? บริษัทนั้นก็ถือว่าเป็นบริษัทเปิดใหม่ในอุตสาหกรรมการส่งอาหาร แม้ว่าจะไม่ได้ดีมากเท่ากับบริษัทดัง ๆ พวกนั้น แต่แนวโน้มช่วงนี้ก็ดีมาก เธอยังเคยอ่านข่าวด้วยว่า ช่วงนี้การระดมทุนของบริษัทแห่งนี้ประสบความสำเร็จอย่างมาก สถานการณ์เงินทุนอยู่ที่ 1.7 พันล้านเลยทีเดียวบริษัทแบบนี้จะมาบอกเพิกถอนก็เพิกถอนได้เลยได้อย่างไรกันแต่ว่า… ถ้าอี้จิ่นหลีเป็นคนพูดประโยคนี้ขึ้นมาเอง ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย มันสามารถเป็นไปได้แน่นอน“แค่เพราะฉันไม่ชอบเหรอ?” เธอเอ่ยถามพลางมองไปยังอี้จิ่นหลีอย่างงงงวยเขายิ้มออกมาเล็กน้อย “ฉันก็ไม่ชอบคนที่ทรยศพี่สาวเหมือนกัน ผู้นำบริษัทที่ทรยศคนอื่นเพื่อเอาผลประโยชน์เข้าตัวเองแบบนี้ แต่ให้ฉันไม่ลงมือเอง บริษัทนี้ก็คงไม่เจริญรุ่งเรืองไปมากกว่
ที่นี่… ที่ไหนน่ะ?เธอสะดุ้งตัว ในหัวเธอก็เริ่มนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ทันที จากนั้นจึงได้ลุกขึ้นมานั่งเธอ… ดื่มเหล้าอีกแล้ว จากนั้นก็เมาอย่างนั้นเหรอ!“ตื่นแล้วเหรอ?” มีเสียงหนึ่งดังขึ้นในห้อง ฉินเหลียนอีตัวแข็งทื่อ ก่อนจะหันหัวไปมองอีกทางด้านหนึ่งแน่นอนว่าตอนนี้ไป๋ถิงซิ่นกำลังนั่งอยู่บนโซฟาที่ไม่ไกลจากเตียง สายตาของเขาจดจ้องไปยังเธอ“ตื่น… ตื่นแล้ว…” เธอตอบด้วยสีหน้าเหยเก ก่อนจะรีบลุกขึ้นจากเตียงทันที เมื่อมองดูเสื้อผ้าที่อยู่บนร่างกายของตัวเองก็ยังอยู่ครบ งั้นก็น่าจะ…ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นล่ะมั้งฉินเหลียนอีคิดในใจ แต่เธอก็ยังอยากถามสักหน่อยเผื่อไว้ก่อน “หลังจากที่ฉันเมาแล้วฉันไม่ได้ทำอะไรบ้า ๆ ลงไปใช่ไหม”“ทำไปหลายอย่างเลย คุณอยากให้ผมพูดเรื่องไหนล่ะ?” ไป๋ถิงซิ่นเอ่ยถามอย่างขี้เกียจฉินเหลียนอีแทบจะล้มหน้าคะมำไปกับพื้นหลายเรื่อง… เธอ เธอทำอะไรลงไปเนี่ย?! การเมาครั้งนี้ในหัวมันเลอะเลือนไปหมด หลังจากตื่นมาแล้วเธอจะจำได้อย่างไรว่าตอนนั้นเธอทำอะไรลงไป!“ฉัน… ฉันทำอะไรไป?” เธอกลืนน้ำลายที่ไหลออกมาจากลำคอกลับเข้าไป และเอ่ยถามด้วยความระมัดระวังใบหน้าของเขากลับ
“ก็ได้ งั้นก็มาคบกัน” ฉินเหลียนอีพูดราวกับว่าเธอยอมจำนนต่อโชคชะตาของเธอ อย่างไรเธอก็ต้องโดนเอาคืนอยู่ดี อย่างน้อยเธอก็จะได้เตรียมตัวกับการโดนเอาคืน ก็ไม่แย่นะ “งั้นคุณ… เอ่อ เอาโทรศัพท์คืนมาให้ฉันได้แล้วมั้ง”เธอยังไม่ลืมว่าจุดประสงค์ของเธอในตอนแรกที่ตามเขามาก็เพื่อเอาโทรศัพท์มือถือของเธอคืนเขามองไปที่เธอสักพักก่อนจะโยนโทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะน้ำชาคืนกลับไปให้เธอ“อ๊ะ!” เธออุทานอย่างตกใจพลางรับโทรศัพท์ได้อย่างหวุดหวิด มือถือเครื่องนี้เธอซื้อมาในราคาห้าหมื่นบาท เธอต้องกัดฟันแค่ไหนกว่าจะได้มันมา ถ้ามันหล่นลงพื้นไปจริง ๆ แล้วถ้าจอแตกขึ้นมา มีหวังได้เสียค่าซ่อมเป็นหมื่นแน่แค่คิดก็เจ็บใจแล้ว!แต่ถ้ามันดันพังขึ้นมาจริง ๆ เธอก็คงไม่กล้าให้เขาชดใช้อยู่ดี!ฉินเหลียนอีเปิดโทรศัพท์เพื่อดูเวลา ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มกว่าแล้ว แถมยังมีสายที่เธอไม่ได้รับอีกหลายสาย ล้วนเป็นพ่อกับแม่ที่โทรมา เธอจึงรีบโทรกลับไปอย่างรวดเร็วจากนั้นไม่นาน โทรศัพท์ก็มีคนรับสาย เสียงโกรธของพ่อของฉินเหลียนอีก็ดังจากในโทรศัพท์ “ดึกขนาดนี้แกยังไม่กลับบ้านมากินข้าวอีก โทรหาพ่อแม่ไม่เป็นหรือไง? พ่อโทรหาแกก็ไม่รับ แกคิดจะทำอะ
เสียงจัวเชียนอวิ๋นดังมาจากปลายสาย “นี่ การผ่าตัดของเสี่ยวเหยียนเป็นไปด้วยดีนะ หมอบอกว่าเสี่ยวเหยียน หลังจากผ่านไปสองสามวันเสี่ยวเหยียนปรับตัวได้ เขาก็จะเริ่มการฝึกเรื่องของการแยกแยะเสียงแล้ว”“ดีมากเลยค่ะ” หลิงอี้หรานดีใจที่ได้ยิน “ถ้างั้นตอนบ่ายฉันจะแวะไปเยี่ยมเสี่ยวเหยียนนะคะ”จากนั้นหลิงอี้หรานก็ถามอีกครั้งถึงเลขห้องผู้ป่วยของเสี่ยวเหยียนในโรงพยาบาลก่อนจะวางสายไป“นี่เรื่องของเด็กที่หูหนวกนั่นเหรอ?” อี้จิ่นหลีมองหลิงอี้หรานก่อนถาม“การผ่าตัดของเสี่ยวเหยียนเป็นไปด้วยดี ยังไงตอนบ่ายฉันก็มีเวลาว่าง ฉันเลยจะไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล” หลิงอี้หรานบอก“ให้ฉันไปกับเธอแล้วกัน” อี้จิ่นหลีพูด“คุณจะไปกับฉันเหรอคะ?” หลิงอี้หรานเบิกตาโตอย่างประหลาดใจ “แต่… คุณไม่มีงานต้องทำเหรอ?”“ฉันก็แค่บอกให้เลขาเลื่อนงานตอนบ่ายออกไป ยังไงก็ไม่ได้มีอะไรเร่งด่วน” อี้จิ่นหลีพูดเรียบ ๆแต่หลิงอี้หรานรู้ดีว่าในบริษัทใหญ่แบบนี้ สำหรับคนเป็นประธานไม่มีอะไรที่ “เร่งด่วน” สำหรับเขา“ทำไม เธอไม่อยากให้ฉันไปด้วยเหรอ?” เขาถาม“เปล่า ไม่ใช่แบบนั้น” พูดตามตรงการที่เขาเต็มใจจะไปเป็นเพื่อนเธอ ทำให้เธอประหลาดใจแต่ก็ร
และเพราะว่าเธอฟังเข้าใจ จู่ ๆ เธอก็ยิ่งรู้สึกอายสุดท้ายอี้จิ่นหลีก็ตอบว่า “เธอนั่นแหละ”“โอ้ จิน คุณเป็นอะไรกับเธอเหรอ? เป็นคนรักกันไหม?” คนต่างชาติมักจะชอบถามอะไรตรง ๆหากว่าเป็นพนักงานชาติเดียวกัน ไม่มีใครกล้าถามอี้จิ่นหลีตรง ๆ แบบนี้แน่จากนั้นหลิงอี้หรานก็ได้ยินอี้จิ่นหลีตอบเป็นภาษาอังกฤษ “เธอเป็นคนโปรดของฉัน”ฉับพลันหลิงอี้หรานก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเธอมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบรัดไว้ แม้แต่จังหวะการเต้นของหัวใจก็เหมือนจะสะดุดหลังจากที่การประชุมทางวิดีโอจบลง อี้จิ่นหลีก็เดินเข้ามาหาเธอและถามว่า “เป็นอะไรไป? ทำไมหน้าแดงแบบนั้น?”“เปล่า…ไม่มีอะไรค่ะ” เธอรีบตอบแต่เขาก็เอามือมาจับหน้าเธอไว้แล้วพิจารณาหน้าแดงก่ำของเธอ “นี่เพราะว่าเรื่องที่พวกนั้นพูดเมื่อกี้เหรอ?”เธอไม่ได้ตอบอะไร แต่เธอก็ใช้ความเงียบเป็นการยอมรับ“ไว้อนาคตมีโอกาส ฉันจะแนะนำเธอกับพวกเขา” เขาบอก“แนะนำเหรอคะ?” เธอร้องเขาเลิกคิ้วเล็กน้อย “ทำไม เธอไม่อยากเหรอ?”เอ่อ… เธออึ้งไป ตอนนั้นดวงตาสีดอกท้อคู่นั้นฉายแววบีบคั้น เหมือนว่าหากเธอตอบว่าไม่อยาก เธอก็คงเหมือนเป็นตัวจุดประกายให้ไฟโทสะเขาลุกท่วมเธอคิดอยู่พั
“แต่ถึงกู้ลี่เฉินอยากจะแย่งเธอไปจริง ๆ เขาก็ทำไม่ได้ใช่ไหม? เพราะว่าคนที่เธอชอบก็คือฉัน และคนที่เธอมีชะตาต้องตกหลุมรักในอนาคตก็คือฉันใช่ไหม?”เสียงของเขาพึมพำและลมหายใจอุ่นร้อนก็เป่ารดใบหน้า เมื่อพูดจบเขาก็จูบเธอที่ริมฝีปากเขาไม่มีทางยกเธอให้ใคร เธอจะเป็นของเขาเท่านั้น……ตอนที่หลิงอี้หรานตื่นขึ้นมาให้วันต่อมา อี้จิ่นหลีก็ไปทำงานแล้ว หลังจากที่กินอาหารเช้าเสร็จเธอก็เตรียมอาหารกลางวันให้อี้จิ่นหลีที่คฤหาสน์อี้มีกล่องอาหารกลางวันและวัตถุดิบ และก็มีพ่อครัวอยู่ใกล้ ๆ เห็นชัดว่าพ่อครัวก็ได้รับคำสั่งมา หากว่าหลิงอี้หรานมีปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือ พ่อครัวก็พร้อมช่วยถึงขนาดที่ว่าหลังจากทำกล่องอาหารกลางวันแล้ว หลิงอี้หรานรู้สึกว่าฝีมือของตัวเองนั้นพัฒนาสูงขึ้นเลยทีเดียวเธอนำกล่องอาหารมาที่อี้กรุ๊ป แต่เพราะว่าวันนี้คนขับรถของตระกูลอี้เป็นคนพาเธอมา ยามที่หน้าประตูก็ตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นเธอลงมาจากรถแม้ว่าพนักงานหลายคนในบริษัทเริ่มที่จะลือกันว่าพนักงานส่งอาหารลึกลับคนนี้น่าจะไม่ใช่คนธรรมดา แต่ก็ไม่มีใครคิดว่าพนักงานคนนี้จะเปลี่ยนจากรถไฟฟ้าเล็ก ๆ มาเป็นรถส่วนตัวเร็วแบบนี้โดยเฉพาะรถ
ช่วงนี้เขามักจะมาค้างในห้องของเธอ นอนร่วมเตียงกับเธอ แม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะไม่ได้ทำอะไรกัน แต่มันก็เหมือนว่าการนอนร่วมเตียงเดียวกันนั้นกลายเป็นนิสัยไปโดยไม่รู้ตัวแล้วเพราะว่าเธอต้องเปิดไฟนอน เธอก็พูดเสียงอ่อนว่า “คุณจะชินกับการเปิดไฟนอนตลอดเวลาไปแล้ว ทำไมคุณไม่กลับไปนอนห้องคุณล่ะคะ”สุดท้ายเขาก็บอกว่า “ฉันอยากนอนกับเธอนี่ พี่สาว ถึงจะเปิดไฟไว้ก็ไม่เป็นไรหรอก”ดังนั้นคำพูดที่เหลือของเธอจึงโดนกลืนกลับลงไป“เธอจะนอนแล้วเหรอ?” อี้จิ่นหลีถามขณะที่มองหลิงอี้หรานเดินไปที่เตียง“ใช่” หลิงอี้หรานพูดพร้อมหน้าแดงเรื่อหลิงอี้หรานเลิกผ้าห่มและเข้าไปนอนเตียง มือของอี้จิ่นหลีก็มาโอบรอบเอวเธอ เขากอดเธอแนบแน่นและฝังใบหน้าซุกกายเธอราวเก็บเด็กที่อยากจะออดอ้อนเขาดูราวกับเด็กเล็กน้อยซึ่งต่างไปจากท่าทางปกติของเขา แต่ด้วยเหตุผลบางประการ หลิงอี้หรานรู้สึกว่าชอบอี้จิ่นหลีที่มีท่าทางเป็นเด็ก ๆ แบบนี้“ว่าแต่กู้ลี่เฉินหมายความว่าอะไรตอนที่คุยกับคุณวันนี้? พวกคุณทะเลาะกันเหรอ?”จู่ ๆ หลิงอี้หรานก็คิดขึ้นมาได้“ประโยคไหนล่ะ?” อี้จิ่นหลีถาม พลางรู้สึกว่าการกอดเธอมันชวนให้เสพติดมาก เมื่อเขากอดเธอแล้วก็ไม
“ฉันเข้าใจค่ะ ฉันจะไม่พูดอะไรกับเธอ” จัวเชียนอวิ๋นลังเลและบอกว่า “ถึงตอนนี้ฉันจะรู้ว่าเธอเป็นแฟนของคุณ ฉันไม่เคยบอกอะไรเธอมาตั้งแต่แรก และฉันก็ไม่คิดว่าจะบอกอะไร ไม่คิดจะหาประโยชน์จากเธอ แน่นอนว่าในอนาคตฉันก็ไม่คิดจะทำแบบนั้น ที่ตอนแรกฉันจ้างเธอก็เพราะว่าฉันรู้สึกว่าเธอเหมือนกับฉัน เคยติดคุกมาก่อน และรู้สึกว่าเราลงเรือลำเดียวกัน ฉันก็เลยอยากให้โอกาสเธอได้ทำงาน”ความเย็นชาในตาของอี้จิ่นหลีหายไป “ผมไม่สนหรอกว่าระหว่างคุณกับเย่เหวินหมิงมีเรื่องอะไร แต่ตราบใดที่เธอยังทำงานที่นี่กับคุณ เธอก็จะทำงานอย่างปลอดภัย หากว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ ไม่ว่าจะอะไร คุณโทรหาผมได้ตลอด”เมื่อพูดจบ เขาก็เอาเบอร์มือถือให้จัวเชียนอวิ๋นจัวเชียนอวิ๋นรีบจดลงไป เธอเกรงว่าคงมีไม่กี่คนที่สามารถมีเบอร์นี้ได้ในเมืองเสิ่น แต่ตอนนี้เธอได้มาภายใต้เงื่อนไขแต่ที่อี้จิ่นหลีบอกว่าเขาไม่สนว่าระหว่างเธอกับเย่เหวินหมิงมีเรื่องอะไร ก็แปลว่าเขาคงไม่บอกเย่เหวินหมิงว่าเธออยู่ที่ไหน ซึ่งนี่ก็ทำให้จัวเชียนอวิ่นหายใจได้อย่างโล่งอกอี้จิ่นหลียังอยู่ในร้านและกินมื้อเย็นกับหลิงอี้หรานดังนัั้นเมื่อเลิกงาน เพื่อนร่วมงานทุกคนเลยได้รู
จัวเชียนอวิ๋นจำได้ว่าตอนที่เธอดึงหลิงอี้หรานมาถาม อีกฝ่ายก็ให้คำตอบที่ชัดเจนหนักแน่นกับเธอ“ก็พี่จัว คนที่ว่าก็คืออี้จิ่นหลีของอี้กรุ๊ป” โอเค ก็ถือว่าเป็นคำตอบแล้วกันจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกว่าเหมือนมีฟ้าผ่าลงมากลางหัวเธอ ซึ่งทำให้เธอมึนไม่หายพนักงานส่งอาหารให้ร้านของเธอเป็นแฟนกับอี้จิ่นหลีจริงเหรอ? ถ้าบอกไปแล้วใครจะเชื่อ?โดยเฉพาะหลิงอี้หรานบอกว่ายังมีอาหารที่ต้องออกไปส่งอีก อี้จิ่นหลีก็บอกว่า “ถ้างั้นฉันจะรอเธอที่นี่ วันนี้ยังไงก็ว่าง”ดังนั้นคนหนึ่งก็ออกไปส่งอาหาร ส่วนอีกคนก็… เอ่อ อ่านหนังสือจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกว่าเธอประสบคลื่นลมโหมกระหน่ำ แต่ตอนนี้เธอสับสนมากทำไมอี้หรานถึงได้ยังมาทำงานที่ร้านของเธอหากว่ามีแฟนแบบนี้? แล้วอี้จิ่นหลีจริงจังกับอี้หรานเหรอ?แต่เมื่อมองเหตุการณ์ก่อนหน้าระหว่างทั้งสอง ก็ไม่ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องหลอกลวง อย่างน้อยท่าทีของอี้จิ่นหลีที่มีต่ออี้หรานด้วยสายตาคนนอกอย่างเธอก็เห็นได้ว่าเขารักอี้หรานมากเมื่อเห็นว่าอี้จิ่นหลีกินกาแฟหมดแล้ว จัวเชียนอวิ๋นก็เดินเข้าไปหาและถามว่า “คุณอี้ ต้องการอะไรเพิ่มไหมคะ?”“ขอน้ำให้ผมแก้วหนึ่งพอครับ” อี้จิ่นหลีบอกดังนั้น
หลิงอี้หรานอดหน้าแดงไม่ได้ เธอกัดปากเล็กน้อยและบอกกับจัวเชียนอวิ๋น “เขาเป็นแฟนฉันค่ะ”“แฟนเธอเหรอ?” จัวเชียนอวิ๋นตาเบิกกว้างทันที แม้เธอจะรู้สึกได้ว่าระหว่างทั้งสองคนมีบรรยากาศแปลก ๆ ขณะที่พูดคุยกันก็ตามแต่… แฟนเหรอ? อี้หรานมีแฟนเหรอ? แถมยังเป็นผู้ชายที่ดูลึกล้ำยากจะหยั่งถึงนี่คือสิ่งที่จัวเชียนอวิ๋นรู้สึก ตอนนั้นเองแม้ว่าชายคนนั้นจะมีรอยยิ้มบนใบหน้าและดูไม่มีพิษภัย แต่เธอไม่คิดว่าชายคนนี้จะไร้พิษภัยจริง ๆ ตรงกันข้ามสัญชาตญาณบอกเธอว่าชายคนนี้อันตรายมากทั้งร่างของเขาแผ่กลิ่นอายของคนที่สูงส่งออกมา“ค่ะ แฟนฉัน” หลิงอี้หรานตอบ“สวัสดีค่ะ… ฉันเป็นเจ้าของร้านที่นี่ จัวเชียนอวิ๋น” จัวเชียนอวิ๋นแนะนำตัวเอง“สวัสดีครับ ผมอี้จิ่นหลี” อี้จิ่นหลีบอกสีหน้าจัวเชียนอวิ๋นตะลึงอีกครั้ง จากนั้นแววตาประหลาดใจของเธอก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆอี้จิ่นหลี… คงไม่ใช่… คงไม่ใช่คนที่เธอคิดหรอกนะ ตอนนี้จัวเชียนอวิ๋นรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาร้านของเธอมีกู้ลี่เฉินมา แล้วก็มีอี้จิ่นหลีมาอีก ผู้ชายทั้งสองคนต่างก็มาหาอี้หรานแล้ว… ตัวตนที่แท้จริงของเธอมันยังไงกันแน่? ใช่แบบที่เขียนในใบสมัครงานจริงเหรอ?ตอน
อี้จิ่นหลียังคงดื่มกาแฟในมือสบาย ๆ เหมือนกับว่าเขากำลังเพลิดเพลินกับเวลาน้ำชา และเขาก็แค่มาพูดคุยเล่นกับกู้ลี่เฉินไม่ได้คุยเรื่องที่สามารถเขย่าเมืองเสิ่นให้สั่นสะเทือนได้กู้ลี่เฉินค่อย ๆ สงบความคุกรุ่นในแววตาลงและก็หยิบกาแฟขึ้นมาจิบอีกครั้งทั้งสองต่างก็ไม่มีบรรยากาศน่าตึงเครียดเหมือนก่อนหน้าแล้ว และตอนนี้ก็เหมือนเป็นการกินข้าวกันระหว่างเพื่อนเท่านั้นจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะลูกค้าคนอื่น ๆ ในร้านโดยเฉพาะลูกค้าสาว ๆ ต่างก็มองทั้งสองเป็นระยะ อย่างไรพวกเขาคนหนึ่งก็ดูเหมือนดารา ไม่ต้องนับพวกลูกค้าสาวหรอก ขนาดจัวเชียนอวิ๋นเองยังอยากหยิบมือถือมาถ่ายเลยตอนที่ลูกค้าสาวยกมือถือส่องไปทางอี้จิ่นหลีและกู้ลี่เฉิน ก่อนที่เธอจะทันได้กดปุ่มถ่ายรูปก็มีมือใหญ่มาขวางเอาไว้เขาก็คือบอดี้การ์ดของอี้จิ่นหลี เขาพูดกับลูกค้าสาวว่า “ท่านประธานไม่ชอบโดนถ่ายรูปครับ ถ้าคุณยืนกรานจะถ่ายให้ได้ ผมก็คงทำได้แค่ต้องเชิญคุณออกไป”ลูกค้าสาวอึ้งงันไป นี่มัน…ขู่กันเหรอ? แต่เมื่อเธอเห็นสีหน้าไร้อารมณ์ของบอดี้การ์ดและ… ร่างกายกำยำของเขา คำพูดที่เธอเตรียมจะเอ่ยประท้วงก็โดนกลืนกลับลงท้องไปจิตสำนึกบอก
นิ้วมือของกู้ลี่เฉินที่จับแก้วกาแฟอยู่บีบแน่นเล็กน้อย “แล้วถ้าฉันเสียใจล่ะ?” ตอนนั้นเขาประเมินน้ำหนักของหลิงอี้หรานที่มีในใจตัวเองต่ำไปเขาคิดว่าหลิงอี้หรานเหมือนคนที่เขาตามหา ดังนั้นเขาก็เลยสนใจเธอแค่นั้นแต่ต่อมาเขาก็พบว่ามันมากกว่านั้น เมื่อเขาเห็นคนอื่นทำร้ายเธอ ทำอันตรายเธอ เขาก็รู้สึกหัวใจบีบรัดและรีบเข้าไปช่วยโดยไม่รู้ตัวเหมือนว่าแค่เห็นเธอบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยก็ทำให้เขาใจสลายได้ และตอนที่เธอจะจากไป เขาก็คิดเรื่องเธอมาก เหมือนว่าเขาอยากให้เธอมองเขานานอีกหน่อยแค่เพียงนิดเดียวก็ยังดีนานแค่ไหนแล้วที่เขาสนใจผู้หญิงสักคนมากขนาดนี้? ยกเว้นเด็กผู้หญิงที่เคยช่วยเขาตอนนั้น เธอเป็นแค่คนเดียวเท่านั้นเขาถึงกับคิดว่า บางทีเขาไม่น่ายอมปล่อยเธอให้อี้จิ่นหลีง่ายเกินไปเลย หากว่าเธออยู่ข้างกายเขา จะทำให้เขาคิดถึงคนที่ตามหาอยู่น้อยลงไหม? แล้วจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากการไม่ได้สิ่งที่เขาต้องการมาบ้างไหม?แววตาอี้จิ่นหลีมืดครึ้มทันที เขาจ้องกู้ลี่เฉินเย็นชา “นายไม่มีโอกาสแน่ และฉันก็จะไม่ให้นายมีโอกาสด้วย”“งั้นเหรอ?” กู้ลี่เฉินสบตาอีกฝ่าย “งั้นฉันคงต้องขอลองดูและดูว่าทำไมฉันถึงได้ไม่มีโอ