บางทีเขาคงคิดมากเกินไป!เมื่อเห็นว่าหลิง อี้หราน กำลังยุ่งอยู่กับงานของเธอกว๋อ ซิ่นหลี่ ก็ส่ายหัวและพูดว่า "อี้หราน... ถ้าอย่างนั้นผมไปก่อนนะครับเพราะคุณไม่ว่าง"เมื่อดูกว๋อ ซิ่นหลี่ จากไป อี้จินหลี่ ก็จับคางของหลิง อี้หราน ด้วยนิ้วของเขาและบังคับให้เธอหันหน้าไปทางเขาตรงๆ “ผมไม่ชอบให้พี่สาวมองผู้ชายคนอื่นแบบนี้”หลิงอี้หราน หัวเราะออกมา "คิดอะไรอยู่เนี่ย? ฉันไม่ได้มีคิดอะไรกับเขาสักหน่อย"“นั่นหมายความว่าเขาไม่มีความรู้สึกแบบนั้นต่อพี่สาวเหรอ?” เขาถามกลับเธอพูดไม่ออก“เขาเป็นเพื่อนร่วมงานที่ชอบพี่สาวใช่ไหม?" เขาถาม"ใช่ ฉันได้ขอให้พี่ซูช่วยปฏิเสธแล้ว แต่ฉันไม่คิดว่าเขาจะมาหาฉันในวันนี้""ผู้ชายคนนั้นไม่สามารถเข้ากับพี่ได้ ถ้าพี่ไม่ชอบเขา พี่ควรที่จะปฏิเสธเขาโดยตรง" เขากล่าวหลิงอี้หรานหัวเราะ “นายคงคิดเรื่องฉันมากเกินไป ฉันเองที่ไม่ดีพอสำหรับเขา เขามีบ้าน รถและงานที่มั่นคงในที่ทำงานของเรา มีผู้หญิงหลายคนชอบเขา”“พี่สาวของฉันมีค่ามากกว่านั้นมาก” เขากล่าว ในน้ำเสียงของเขามีความปรารถนาที่จะครอบครองโดยที่เขาไม่ทันได้สังเกตหลังจากที่หลิง อี้หราน ทำความสะอาดถนนและกำลังเตรียมเก็บ
เมื่อเธอได้ยินสิ่งนี้ เธอก็คิดว่ามันเป็นเรื่องตลก สิ่งนี้ถูกสร้างขึ้นเป็นพิเศษโดยตระกูลเซียวและตระกูลห่าว สำหรับสานสัมพันธ์การแต่งงานของพวกเขา ใครจะกล้าบังอาจเอามันลง? มันเป็นไปไม่ได้สำหรับเธอ มือของเขาสัมผัสกับผิวของเธอและมีความรู้สึกอบอุ่นจากตรงนั้นหลังจากนั้นไม่นานเธอก็เอามือเขาลงและเงยหน้าขึ้นมองเขา “จิน ขอบใจนะ” เธอคิดว่าเขาพยายามปลอบเธอด้วยการพูดสิ่งเหล่านี้ "เอาล่ะ ไปกันเถอะ กลับบ้านไปทานอาหารเย็นกัน" ขณะที่เธอพูดเธอจับมือของเขาและเดินไปในทิศทางที่พวกเขาอาศัยอยู่เขาเหลือบมองไปที่จอโฆษณาขนาดใหญ่แล้วเดินเธอเพื่อออกไปจากตรงนั้น—กลับมาที่อะพาร์ตเมนต์เช่า หลิง อี้หราน ได้ไปที่สำนักงานรักษาความปลอดภัยในชุมชนเพื่อรับพัสดุด่วน มันคือเสื้อกันหนาวซึ่งทำด้วยผ้าขนสัตว์ที่เธอซื้อมาเธอเปิดกล่องพัสดุหยิบเสื้อกันหนาวออกมาและสัมผัสเนื้อผ้าดู มันก็ไม่แย่ สำหรับราคาแบบนี้คุณภาพค่อนข้างดีทีเดียว"จิน มาดูนี่สิ เสื้อกันหนาวตัวนี้เหมาะกับนายหรือเปล่า?" เธอกล่าวเสื้อกันหนาวที่มีลายตารางหมากรุกสีน้ำเงินและสีเขียว เมื่ออี้จินหลี่ สวมใส่มัน แววตาของหลิง อี้หราน ก็เป็นประกาย โอ้ เขาดูดีมากท
เขาจ้องมองเธอ “พี่สาว พี่คิดว่าฉันหาเงินน้อยเกินไปใช่ไหม?”"อ่า เปล่า!" เธอกล่าวปฏิเสธ “ฉันแค่อยากให้นายมีชีวิตที่ดีขึ้น” บางทีชีวิตของเธออาจจะต้องเป็นแบบนี้ แต่เธอต้องการสิ่งที่ดีกว่าสำหรับตัวเขา“ฉันจะมีชีวิตที่ดีขึ้น เมื่อถึงเวลาฉันจะสามารถให้ชีวิตแบบไหนก็ได้ตามที่พี่ต้องการ” เขามองเธออย่างจริงจังและพูดนี่เป็นเพียงเกมสำหรับเขา แต่ในขณะนี้เขาต้องการให้เธอมีชีวิตที่ดีขึ้นในอนาคต สำหรับเขานั้นมันง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากหลิง อี้หราน หัวเราะ เธอไม่คิดว่าจินจะให้ชีวิตที่เธอต้องการได้ อย่างไรก็ตามเธอไม่ต้องการทำร้ายความมั่นใจของอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน เธอจึงพูดว่า "โอเค โอเค งั้นฉันจะรอจนกว่าจินจะหาเงินได้มาก ๆ เพื่อดูแลฉันในอนาคตด้วยวิธีนั้น ฉันจะอยู่ได้อย่างสบาย ๆ เกาะนายกิน”"โอเค" เขาเห็นด้วย ดวงตาของเขาแวววาวด้วยความมุ่งมั่น “ตราบใดที่พี่เต็มใจ ฉันจะทำให้แน่ใจว่าพี่จะอยู่อย่างสบายอย่างที่พี่ต้องการไปตลอดชีวิต” เขาคิดวันต่อมา เมื่อเกา ฉงหมิง ไปที่ห้องชงชาเขาก็ได้ยินเพื่อนร่วมงานบางคนคุยกัน “วันนี้เธอเห็นเสื้อกันหนาวของประธานอี้หรือยัง?”“ยังนะ มีอะไรหรือเปล่า?”"ดูเหมือนจะเป็นหน
"น่าจะมี 99 อันครับ" เกา ฉงหมิง กล่าว เขาจำได้ว่ามีการสัมภาษณ์สื่อที่ เซียว จื่อฉีเคยบอกว่าจะมีจอโฆษณาทั้งหมด 99 เรื่อง ซึ่งแสดงถึงความรัก 99 ชีวิต ประโยคนี้กลายเป็นประโยคคลาสสิกสำหรับแฟน ๆ ของห่าว อี้เหมิง ห่าว อี้เหมิง กลายเป็นดาราหญิงยอดนิยมในแวดวงบันเทิงดังนั้นเธอจึงมีแฟนคลับมากมาย“เอาออกทั้งหมด” อี้จินหลี่ กล่าว“ทั้งหมดเลยเหรอครับ?” เกา ฉงหมิง ประหลาดใจ“ทั้งหมด” อี้จินหลี่ กล่าวด้วยความมั่นใจ“รับทราบครับ” นายน้อยอี้ต้องการถอนการฉายโฆษณาของตระกูลเซียว ตระกูลเซียวหรือตระกูลห่าวได้ทำให้นายน้อยอี้ขุ่นเคืองหรือไม่? หรือเขาไม่ชอบพันธมิตรการแต่งงานระหว่างสองตระกูล? อย่างไรก็ตามนายน้อยอี้ไม่ได้ยอมรับคำเชิญงานหมั้นจากตระกูลเซียวและห่าวมาก่อนหน้านี้หรือ? เกา ฉงหมิง งงงวย ทันใดนั้นเขาก็ตัวสั่นและนึกถึงความเป็นไปได้ที่น่าประทับใจเป็นไปได้ไหมที่นายน้อยอี้ต้องการถอนการฉายโฆษณาก็เพราะ… หลิง อี้หราน? เกา ฉงหมิง ตกใจกับความคิดของตัวเองนายน้อยอี้ จะทำเช่นนั้นเพื่อผู้หญิงอย่างนั้นเหรอ? เพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง เขาจะสร้างปัญหาให้กับตระกูลเซียวและห่าวเลยหรือ? แม้แต่เพื่อห่าว เหมยยวี่ ซึ่งกำลังจ
"เธอเรียกใครว่าพี่เขย?" ทันใดนั้นเสียงก็ดังขึ้น ผู้หญิงสวยและทันสมัยในชุดเสื้อคลุมสีน้ำตาลเดินเข้ามาหาพวกเขา เธอหัวเราะอย่างเย็นชาเมื่อสังเกตเห็นหลิง ลั่วอิน “ฉันกำลังสงสัยว่านี่คือใครกัน กลับกลายเป็นว่าเธอคือน้องสาวของฆาตกร”การแสดงออกของหลิง ลั่วอิน เปลี่ยนเป็นไม่พอใจทันที เธอจำได้ว่าผู้หญิงที่ยืนอยู่ต่อหน้าเธอคือห่าว อี้เหมิง คู่หมั้นคนปัจจุบันของเซียว จื่อฉีห่าว อี้เหมิง เดินเข้ามาหาหลิง ลั่วอิน ด้วยสายตาเหยียดหยาม "ฉันจำได้ว่าเธอเป็นแค่นักแสดงเล็ก ๆ ดังนั้นวันนี้มาหาจื่อฉีและเรียกเขาว่าพี่เขยด้วยความหวังว่าเขาจะมอบบทนักแสดงนำหญิงให้เหรอ? เธอนี่หน้าด้านจริง ๆ "หลิง ลั่วอิน รู้สึกอับอายอย่างยิ่งกับการดุด่า มันบังเอิญมากที่คนอื่น ๆ กำลังมาและเดินไปตามทางเดินในขณะนั้นจ้องมองพวกเขาราวกับว่าพวกเขากำลังดูการแสดงอยู่"อะไรกัน? ยังไม่ไปอีกเหรอ?" ห่าว อี้เหมิง ถามอย่างไม่พอใจหลิง ลั่วอิน กัดริมฝีปากของเธอ เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องออกไปและวางแผนที่จะหาโอกาสอีกในอนาคตหลังจากหลิงลั่วอินออกไป ห่าว อี้เหมิง หันไปมองเซียว จื่อฉี “คุณยังเลิกคิดถึงหลิง อี้หราน ไม่ได้ใช่ไหม? เมื่อกี้ห
"คุณเรียกใครว่าพี่เขย?" ทันใดนั้นเสียงก็ดังขึ้น ผู้หญิงสวยและทันสมัยในชุดเสื้อคลุมสีน้ำตาลเดินเข้ามาหาพวกเขา เธอหัวเราะอย่างเย็นชาเมื่อสังเกตเห็นหลิง ลั่วอิน “ฉันกำลังสงสัยว่านี่คือใครกัน กลับกลายเป็นว่าเธอคือน้องสาวคนเล็กของฆาตกร”การแสดงออกของหลิง ลั่วอิน เปลี่ยนเป็นไม่พอใจทันที เธอจำได้ว่าผู้หญิงที่ยืนอยู่ต่อหน้าเธอคือห่าว อี้เหมิง คู่หมั้นคนปัจจุบันของเซียว จื่อฉีห่าว อี้เหมิง เดินเข้ามาหาหลิง ลั่วอิน ด้วยสายตาเหยียดหยาม "ฉันจำได้ว่าคุณเป็นแค่นักแสดง ดังนั้นวันนี้คุณมาหาจื่อฉีและเรียกเขาว่าพี่เขยด้วยความหวังว่าเขาจะมอบบทนักแสดงนำหญิงให้คุณเหรอ? คุณนี่หน้าด้านจริง ๆ "หลิง ลั่วอิน รู้สึกอับอายอย่างยิ่งกับการดุด่า มันบังเอิญมากที่คนอื่น ๆ กำลังมาและเดินไปตามทางเดินในขณะนั้นจ้องมองพวกเขาราวกับว่าพวกเขากำลังดูการแสดงอยู่หลิง ลั่วอิน ทำได้เพียงสาปแช่งหลิง อี้หราน ภายในใจ "ถ้าเธอไม่ได้ฆ่าใครสักคนขณะขับรถ ฉันก็คงกลายเป็นคนดังที่มีชื่อเสียงได้อย่างสง่างามไปแล้วและไม่ต้องรับโทษเช่นนี้"หลิงลั่วอินลืมไปสนิทเลยว่าบทบาทที่ดีหลายอย่างที่เธอเคยได้รับครั้งแรกนั้นมาจากความสัมพันธ์ของหลิง อี
ห่าว อี้เหมิง ขมวดคิ้วและมองไปที่เซียว จื่อฉี เพราะยังไงโฆษณาก็จัดการโดยตระกูลเซียวเซียว จื่อฉี ตอบว่า "ให้ผมถามว่าเกิดอะไรขึ้น... "เขาพูดแทบจะยังไม่จบ โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นอย่างกะทันหัน เมื่อเขารับสายสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างไม่พอใจทันที “อะไรนะ? เอาออก? เอาออกแล้วทั้งหมด? พวกเขาไม่กลัวการจ่ายค่าธรรมเนียมชดใช้หรือไง?”"อีกผ่ายระบุว่าแม้ว่าพวกเขาจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเต็มจำนวน แต่ก็ต้องลบโฆษณาออกครับ" ผู้จัดการที่รับผิดชอบโอดครวญขณะที่เขารายงานผ่านโทรศัพท์ "ท่านประธานเซียว เราเร่งรีบติดต่อบริษัทอื่น ๆ แล้ว แต่ไม่มีบริษัทใดยินดีที่จะฉายโฆษณาเหล่านี้เลย"กล่าวอีกนัยหนึ่งนอกเหนือจากองค์กรภายใต้ชื่อห่าวหรือเซียวแล้วไม่มีบริษัทอื่นใดที่ยินดีจะฉายโฆษณานี้เลย“ใครกันที่พยายามต่อต้านตระกูลเซียว?” เซียว จื่อฉี ถาม ใบหน้าของเขาเคร่งเครียด"ตระกูลอี้" ผู้จัดการตอบ "ปัญหานี้ได้รับการจัดการเป็นการส่วนตัวโดยเกา ฉงหมิง เลขาของอี้กรุ๊ป"เซียว จื่อฉี ตกตะลึงทันที "เกา ฉงหมิง... เลขาส่วนตัวของอี้จินหลี่? หมายความว่าเป็นอี้จินหลี่ ซึ่งต้องการจะลบโฆษณาเหล่าน่ะเหรอ? นั่นหมายความว่าอย่างไร? อี้
ร่างกายของเขาเเข็งทื่อเล็กน้อยแต่เขาไม่ได้ขัดขืน เขาโน้มศีรษะลงบนไหล่ของเธอและรู้สึกว่ากลิ่นกายของเธอโอบล้อมเขาไว้กลิ่นหอมจาง ๆ ทำให้เขารู้สึกพึงพอใจอย่างอธิบายไม่ได้ ราวกับว่าการอยู่เคียงข้างเธอทำให้เขาผ่อนคลายได้อย่างเต็มที่“จิน นายบอกว่าจะไม่มีวันทอดทิ้งฉันใช่ไหม? ฉันก็เหมือนกันนะ ฉันจะไม่มีวันทอดทิ้งนายไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตฉันจะอยู่เคียงข้างนาย” เสียงของเธอดังข้างหูของเขาเบา ๆ “พี่จะอยู่เคียงข้างฉันจริง ๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นใช่ไหม?” เขาพึมพำขณะที่เขาถาม"แน่นอน" เธอตอบว่าอย่างมั่นใจ“พี่ไม่กลัวฉันเหรอ?” เขาถาม.เธอหัวเราะเบา ๆ "ทำไมฉันต้องกลัวนายด้วยล่ะ? จินของเราเป็นเด็กดี แล้วฉันก็ชอบนายมาก"‘จินของเรา’... โอ้ คำพูดนี้ทำให้ดูเหมือนว่าเขาเป็นของเธอ แต่เขาก็ไม่รังเกียจความรู้สึกนั้นแต่กลับพอใจเขาเงยหน้าขึ้นและทันใดนั้นใบหน้าของพวกเขาก็ห่างกันเพียงนิ้วเดียว ปลายจมูกของพวกเขาแทบจะสัมผัสกันใบหน้าของเธอแดงก่ำขึ้นทันทีและเธอก็พยายามจะถอยห่างออกไปโดยไม่รู้ตัว แต่เขาก็โอบแขนไว้รอบเอวของเธอเพื่อไม่ให้เธอถอยห่างไป“พี่สาวชอบให้ฉันเชื่อฟังหรือเปล่า?” เขาถามอย่างเบา ๆใ
เสียงจัวเชียนอวิ๋นดังมาจากปลายสาย “นี่ การผ่าตัดของเสี่ยวเหยียนเป็นไปด้วยดีนะ หมอบอกว่าเสี่ยวเหยียน หลังจากผ่านไปสองสามวันเสี่ยวเหยียนปรับตัวได้ เขาก็จะเริ่มการฝึกเรื่องของการแยกแยะเสียงแล้ว”“ดีมากเลยค่ะ” หลิงอี้หรานดีใจที่ได้ยิน “ถ้างั้นตอนบ่ายฉันจะแวะไปเยี่ยมเสี่ยวเหยียนนะคะ”จากนั้นหลิงอี้หรานก็ถามอีกครั้งถึงเลขห้องผู้ป่วยของเสี่ยวเหยียนในโรงพยาบาลก่อนจะวางสายไป“นี่เรื่องของเด็กที่หูหนวกนั่นเหรอ?” อี้จิ่นหลีมองหลิงอี้หรานก่อนถาม“การผ่าตัดของเสี่ยวเหยียนเป็นไปด้วยดี ยังไงตอนบ่ายฉันก็มีเวลาว่าง ฉันเลยจะไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล” หลิงอี้หรานบอก“ให้ฉันไปกับเธอแล้วกัน” อี้จิ่นหลีพูด“คุณจะไปกับฉันเหรอคะ?” หลิงอี้หรานเบิกตาโตอย่างประหลาดใจ “แต่… คุณไม่มีงานต้องทำเหรอ?”“ฉันก็แค่บอกให้เลขาเลื่อนงานตอนบ่ายออกไป ยังไงก็ไม่ได้มีอะไรเร่งด่วน” อี้จิ่นหลีพูดเรียบ ๆแต่หลิงอี้หรานรู้ดีว่าในบริษัทใหญ่แบบนี้ สำหรับคนเป็นประธานไม่มีอะไรที่ “เร่งด่วน” สำหรับเขา“ทำไม เธอไม่อยากให้ฉันไปด้วยเหรอ?” เขาถาม“เปล่า ไม่ใช่แบบนั้น” พูดตามตรงการที่เขาเต็มใจจะไปเป็นเพื่อนเธอ ทำให้เธอประหลาดใจแต่ก็ร
และเพราะว่าเธอฟังเข้าใจ จู่ ๆ เธอก็ยิ่งรู้สึกอายสุดท้ายอี้จิ่นหลีก็ตอบว่า “เธอนั่นแหละ”“โอ้ จิน คุณเป็นอะไรกับเธอเหรอ? เป็นคนรักกันไหม?” คนต่างชาติมักจะชอบถามอะไรตรง ๆหากว่าเป็นพนักงานชาติเดียวกัน ไม่มีใครกล้าถามอี้จิ่นหลีตรง ๆ แบบนี้แน่จากนั้นหลิงอี้หรานก็ได้ยินอี้จิ่นหลีตอบเป็นภาษาอังกฤษ “เธอเป็นคนโปรดของฉัน”ฉับพลันหลิงอี้หรานก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเธอมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบรัดไว้ แม้แต่จังหวะการเต้นของหัวใจก็เหมือนจะสะดุดหลังจากที่การประชุมทางวิดีโอจบลง อี้จิ่นหลีก็เดินเข้ามาหาเธอและถามว่า “เป็นอะไรไป? ทำไมหน้าแดงแบบนั้น?”“เปล่า…ไม่มีอะไรค่ะ” เธอรีบตอบแต่เขาก็เอามือมาจับหน้าเธอไว้แล้วพิจารณาหน้าแดงก่ำของเธอ “นี่เพราะว่าเรื่องที่พวกนั้นพูดเมื่อกี้เหรอ?”เธอไม่ได้ตอบอะไร แต่เธอก็ใช้ความเงียบเป็นการยอมรับ“ไว้อนาคตมีโอกาส ฉันจะแนะนำเธอกับพวกเขา” เขาบอก“แนะนำเหรอคะ?” เธอร้องเขาเลิกคิ้วเล็กน้อย “ทำไม เธอไม่อยากเหรอ?”เอ่อ… เธออึ้งไป ตอนนั้นดวงตาสีดอกท้อคู่นั้นฉายแววบีบคั้น เหมือนว่าหากเธอตอบว่าไม่อยาก เธอก็คงเหมือนเป็นตัวจุดประกายให้ไฟโทสะเขาลุกท่วมเธอคิดอยู่พั
“แต่ถึงกู้ลี่เฉินอยากจะแย่งเธอไปจริง ๆ เขาก็ทำไม่ได้ใช่ไหม? เพราะว่าคนที่เธอชอบก็คือฉัน และคนที่เธอมีชะตาต้องตกหลุมรักในอนาคตก็คือฉันใช่ไหม?”เสียงของเขาพึมพำและลมหายใจอุ่นร้อนก็เป่ารดใบหน้า เมื่อพูดจบเขาก็จูบเธอที่ริมฝีปากเขาไม่มีทางยกเธอให้ใคร เธอจะเป็นของเขาเท่านั้น……ตอนที่หลิงอี้หรานตื่นขึ้นมาให้วันต่อมา อี้จิ่นหลีก็ไปทำงานแล้ว หลังจากที่กินอาหารเช้าเสร็จเธอก็เตรียมอาหารกลางวันให้อี้จิ่นหลีที่คฤหาสน์อี้มีกล่องอาหารกลางวันและวัตถุดิบ และก็มีพ่อครัวอยู่ใกล้ ๆ เห็นชัดว่าพ่อครัวก็ได้รับคำสั่งมา หากว่าหลิงอี้หรานมีปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือ พ่อครัวก็พร้อมช่วยถึงขนาดที่ว่าหลังจากทำกล่องอาหารกลางวันแล้ว หลิงอี้หรานรู้สึกว่าฝีมือของตัวเองนั้นพัฒนาสูงขึ้นเลยทีเดียวเธอนำกล่องอาหารมาที่อี้กรุ๊ป แต่เพราะว่าวันนี้คนขับรถของตระกูลอี้เป็นคนพาเธอมา ยามที่หน้าประตูก็ตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นเธอลงมาจากรถแม้ว่าพนักงานหลายคนในบริษัทเริ่มที่จะลือกันว่าพนักงานส่งอาหารลึกลับคนนี้น่าจะไม่ใช่คนธรรมดา แต่ก็ไม่มีใครคิดว่าพนักงานคนนี้จะเปลี่ยนจากรถไฟฟ้าเล็ก ๆ มาเป็นรถส่วนตัวเร็วแบบนี้โดยเฉพาะรถ
ช่วงนี้เขามักจะมาค้างในห้องของเธอ นอนร่วมเตียงกับเธอ แม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะไม่ได้ทำอะไรกัน แต่มันก็เหมือนว่าการนอนร่วมเตียงเดียวกันนั้นกลายเป็นนิสัยไปโดยไม่รู้ตัวแล้วเพราะว่าเธอต้องเปิดไฟนอน เธอก็พูดเสียงอ่อนว่า “คุณจะชินกับการเปิดไฟนอนตลอดเวลาไปแล้ว ทำไมคุณไม่กลับไปนอนห้องคุณล่ะคะ”สุดท้ายเขาก็บอกว่า “ฉันอยากนอนกับเธอนี่ พี่สาว ถึงจะเปิดไฟไว้ก็ไม่เป็นไรหรอก”ดังนั้นคำพูดที่เหลือของเธอจึงโดนกลืนกลับลงไป“เธอจะนอนแล้วเหรอ?” อี้จิ่นหลีถามขณะที่มองหลิงอี้หรานเดินไปที่เตียง“ใช่” หลิงอี้หรานพูดพร้อมหน้าแดงเรื่อหลิงอี้หรานเลิกผ้าห่มและเข้าไปนอนเตียง มือของอี้จิ่นหลีก็มาโอบรอบเอวเธอ เขากอดเธอแนบแน่นและฝังใบหน้าซุกกายเธอราวเก็บเด็กที่อยากจะออดอ้อนเขาดูราวกับเด็กเล็กน้อยซึ่งต่างไปจากท่าทางปกติของเขา แต่ด้วยเหตุผลบางประการ หลิงอี้หรานรู้สึกว่าชอบอี้จิ่นหลีที่มีท่าทางเป็นเด็ก ๆ แบบนี้“ว่าแต่กู้ลี่เฉินหมายความว่าอะไรตอนที่คุยกับคุณวันนี้? พวกคุณทะเลาะกันเหรอ?”จู่ ๆ หลิงอี้หรานก็คิดขึ้นมาได้“ประโยคไหนล่ะ?” อี้จิ่นหลีถาม พลางรู้สึกว่าการกอดเธอมันชวนให้เสพติดมาก เมื่อเขากอดเธอแล้วก็ไม
“ฉันเข้าใจค่ะ ฉันจะไม่พูดอะไรกับเธอ” จัวเชียนอวิ๋นลังเลและบอกว่า “ถึงตอนนี้ฉันจะรู้ว่าเธอเป็นแฟนของคุณ ฉันไม่เคยบอกอะไรเธอมาตั้งแต่แรก และฉันก็ไม่คิดว่าจะบอกอะไร ไม่คิดจะหาประโยชน์จากเธอ แน่นอนว่าในอนาคตฉันก็ไม่คิดจะทำแบบนั้น ที่ตอนแรกฉันจ้างเธอก็เพราะว่าฉันรู้สึกว่าเธอเหมือนกับฉัน เคยติดคุกมาก่อน และรู้สึกว่าเราลงเรือลำเดียวกัน ฉันก็เลยอยากให้โอกาสเธอได้ทำงาน”ความเย็นชาในตาของอี้จิ่นหลีหายไป “ผมไม่สนหรอกว่าระหว่างคุณกับเย่เหวินหมิงมีเรื่องอะไร แต่ตราบใดที่เธอยังทำงานที่นี่กับคุณ เธอก็จะทำงานอย่างปลอดภัย หากว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ ไม่ว่าจะอะไร คุณโทรหาผมได้ตลอด”เมื่อพูดจบ เขาก็เอาเบอร์มือถือให้จัวเชียนอวิ๋นจัวเชียนอวิ๋นรีบจดลงไป เธอเกรงว่าคงมีไม่กี่คนที่สามารถมีเบอร์นี้ได้ในเมืองเสิ่น แต่ตอนนี้เธอได้มาภายใต้เงื่อนไขแต่ที่อี้จิ่นหลีบอกว่าเขาไม่สนว่าระหว่างเธอกับเย่เหวินหมิงมีเรื่องอะไร ก็แปลว่าเขาคงไม่บอกเย่เหวินหมิงว่าเธออยู่ที่ไหน ซึ่งนี่ก็ทำให้จัวเชียนอวิ่นหายใจได้อย่างโล่งอกอี้จิ่นหลียังอยู่ในร้านและกินมื้อเย็นกับหลิงอี้หรานดังนัั้นเมื่อเลิกงาน เพื่อนร่วมงานทุกคนเลยได้รู
จัวเชียนอวิ๋นจำได้ว่าตอนที่เธอดึงหลิงอี้หรานมาถาม อีกฝ่ายก็ให้คำตอบที่ชัดเจนหนักแน่นกับเธอ“ก็พี่จัว คนที่ว่าก็คืออี้จิ่นหลีของอี้กรุ๊ป” โอเค ก็ถือว่าเป็นคำตอบแล้วกันจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกว่าเหมือนมีฟ้าผ่าลงมากลางหัวเธอ ซึ่งทำให้เธอมึนไม่หายพนักงานส่งอาหารให้ร้านของเธอเป็นแฟนกับอี้จิ่นหลีจริงเหรอ? ถ้าบอกไปแล้วใครจะเชื่อ?โดยเฉพาะหลิงอี้หรานบอกว่ายังมีอาหารที่ต้องออกไปส่งอีก อี้จิ่นหลีก็บอกว่า “ถ้างั้นฉันจะรอเธอที่นี่ วันนี้ยังไงก็ว่าง”ดังนั้นคนหนึ่งก็ออกไปส่งอาหาร ส่วนอีกคนก็… เอ่อ อ่านหนังสือจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกว่าเธอประสบคลื่นลมโหมกระหน่ำ แต่ตอนนี้เธอสับสนมากทำไมอี้หรานถึงได้ยังมาทำงานที่ร้านของเธอหากว่ามีแฟนแบบนี้? แล้วอี้จิ่นหลีจริงจังกับอี้หรานเหรอ?แต่เมื่อมองเหตุการณ์ก่อนหน้าระหว่างทั้งสอง ก็ไม่ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องหลอกลวง อย่างน้อยท่าทีของอี้จิ่นหลีที่มีต่ออี้หรานด้วยสายตาคนนอกอย่างเธอก็เห็นได้ว่าเขารักอี้หรานมากเมื่อเห็นว่าอี้จิ่นหลีกินกาแฟหมดแล้ว จัวเชียนอวิ๋นก็เดินเข้าไปหาและถามว่า “คุณอี้ ต้องการอะไรเพิ่มไหมคะ?”“ขอน้ำให้ผมแก้วหนึ่งพอครับ” อี้จิ่นหลีบอกดังนั้น
หลิงอี้หรานอดหน้าแดงไม่ได้ เธอกัดปากเล็กน้อยและบอกกับจัวเชียนอวิ๋น “เขาเป็นแฟนฉันค่ะ”“แฟนเธอเหรอ?” จัวเชียนอวิ๋นตาเบิกกว้างทันที แม้เธอจะรู้สึกได้ว่าระหว่างทั้งสองคนมีบรรยากาศแปลก ๆ ขณะที่พูดคุยกันก็ตามแต่… แฟนเหรอ? อี้หรานมีแฟนเหรอ? แถมยังเป็นผู้ชายที่ดูลึกล้ำยากจะหยั่งถึงนี่คือสิ่งที่จัวเชียนอวิ๋นรู้สึก ตอนนั้นเองแม้ว่าชายคนนั้นจะมีรอยยิ้มบนใบหน้าและดูไม่มีพิษภัย แต่เธอไม่คิดว่าชายคนนี้จะไร้พิษภัยจริง ๆ ตรงกันข้ามสัญชาตญาณบอกเธอว่าชายคนนี้อันตรายมากทั้งร่างของเขาแผ่กลิ่นอายของคนที่สูงส่งออกมา“ค่ะ แฟนฉัน” หลิงอี้หรานตอบ“สวัสดีค่ะ… ฉันเป็นเจ้าของร้านที่นี่ จัวเชียนอวิ๋น” จัวเชียนอวิ๋นแนะนำตัวเอง“สวัสดีครับ ผมอี้จิ่นหลี” อี้จิ่นหลีบอกสีหน้าจัวเชียนอวิ๋นตะลึงอีกครั้ง จากนั้นแววตาประหลาดใจของเธอก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆอี้จิ่นหลี… คงไม่ใช่… คงไม่ใช่คนที่เธอคิดหรอกนะ ตอนนี้จัวเชียนอวิ๋นรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาร้านของเธอมีกู้ลี่เฉินมา แล้วก็มีอี้จิ่นหลีมาอีก ผู้ชายทั้งสองคนต่างก็มาหาอี้หรานแล้ว… ตัวตนที่แท้จริงของเธอมันยังไงกันแน่? ใช่แบบที่เขียนในใบสมัครงานจริงเหรอ?ตอน
อี้จิ่นหลียังคงดื่มกาแฟในมือสบาย ๆ เหมือนกับว่าเขากำลังเพลิดเพลินกับเวลาน้ำชา และเขาก็แค่มาพูดคุยเล่นกับกู้ลี่เฉินไม่ได้คุยเรื่องที่สามารถเขย่าเมืองเสิ่นให้สั่นสะเทือนได้กู้ลี่เฉินค่อย ๆ สงบความคุกรุ่นในแววตาลงและก็หยิบกาแฟขึ้นมาจิบอีกครั้งทั้งสองต่างก็ไม่มีบรรยากาศน่าตึงเครียดเหมือนก่อนหน้าแล้ว และตอนนี้ก็เหมือนเป็นการกินข้าวกันระหว่างเพื่อนเท่านั้นจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะลูกค้าคนอื่น ๆ ในร้านโดยเฉพาะลูกค้าสาว ๆ ต่างก็มองทั้งสองเป็นระยะ อย่างไรพวกเขาคนหนึ่งก็ดูเหมือนดารา ไม่ต้องนับพวกลูกค้าสาวหรอก ขนาดจัวเชียนอวิ๋นเองยังอยากหยิบมือถือมาถ่ายเลยตอนที่ลูกค้าสาวยกมือถือส่องไปทางอี้จิ่นหลีและกู้ลี่เฉิน ก่อนที่เธอจะทันได้กดปุ่มถ่ายรูปก็มีมือใหญ่มาขวางเอาไว้เขาก็คือบอดี้การ์ดของอี้จิ่นหลี เขาพูดกับลูกค้าสาวว่า “ท่านประธานไม่ชอบโดนถ่ายรูปครับ ถ้าคุณยืนกรานจะถ่ายให้ได้ ผมก็คงทำได้แค่ต้องเชิญคุณออกไป”ลูกค้าสาวอึ้งงันไป นี่มัน…ขู่กันเหรอ? แต่เมื่อเธอเห็นสีหน้าไร้อารมณ์ของบอดี้การ์ดและ… ร่างกายกำยำของเขา คำพูดที่เธอเตรียมจะเอ่ยประท้วงก็โดนกลืนกลับลงท้องไปจิตสำนึกบอก
นิ้วมือของกู้ลี่เฉินที่จับแก้วกาแฟอยู่บีบแน่นเล็กน้อย “แล้วถ้าฉันเสียใจล่ะ?” ตอนนั้นเขาประเมินน้ำหนักของหลิงอี้หรานที่มีในใจตัวเองต่ำไปเขาคิดว่าหลิงอี้หรานเหมือนคนที่เขาตามหา ดังนั้นเขาก็เลยสนใจเธอแค่นั้นแต่ต่อมาเขาก็พบว่ามันมากกว่านั้น เมื่อเขาเห็นคนอื่นทำร้ายเธอ ทำอันตรายเธอ เขาก็รู้สึกหัวใจบีบรัดและรีบเข้าไปช่วยโดยไม่รู้ตัวเหมือนว่าแค่เห็นเธอบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยก็ทำให้เขาใจสลายได้ และตอนที่เธอจะจากไป เขาก็คิดเรื่องเธอมาก เหมือนว่าเขาอยากให้เธอมองเขานานอีกหน่อยแค่เพียงนิดเดียวก็ยังดีนานแค่ไหนแล้วที่เขาสนใจผู้หญิงสักคนมากขนาดนี้? ยกเว้นเด็กผู้หญิงที่เคยช่วยเขาตอนนั้น เธอเป็นแค่คนเดียวเท่านั้นเขาถึงกับคิดว่า บางทีเขาไม่น่ายอมปล่อยเธอให้อี้จิ่นหลีง่ายเกินไปเลย หากว่าเธออยู่ข้างกายเขา จะทำให้เขาคิดถึงคนที่ตามหาอยู่น้อยลงไหม? แล้วจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากการไม่ได้สิ่งที่เขาต้องการมาบ้างไหม?แววตาอี้จิ่นหลีมืดครึ้มทันที เขาจ้องกู้ลี่เฉินเย็นชา “นายไม่มีโอกาสแน่ และฉันก็จะไม่ให้นายมีโอกาสด้วย”“งั้นเหรอ?” กู้ลี่เฉินสบตาอีกฝ่าย “งั้นฉันคงต้องขอลองดูและดูว่าทำไมฉันถึงได้ไม่มีโอ