”งั้นก็บอกไปว่าเรารักษาโรคนี้ไม่ได้ แล้วพาแม่แกกลับบ้าน ฉันจะดูว่ามันจะยอมจ่ายเงินอยู่ไหม!” ตาหลูตอบอย่างโมโห“แล้วถ้ามันฟ้องร้องเราขึ้นมาจริง ๆ ล่ะ?” ลุงใหญ่ถามอย่างกังวลใจลุงรองจึงรีบเอ่ยขึ้นมาว่า “ใช่ ปีนั้นมันเป็นนักเรียนดีเด่นคณะกฎหมาย แล้วยังเคยเป็นทนายด้วย จะว่าไป ตอนนี้มันก็น่าจะมี… คนนั้นคอยสนับสนุนอยู่ ถ้ามันคิดจะฟ้องเราจริง ๆ ขึ้นมา เราอาจจะไม่มีโอกาสชนะคดีเลยก็ได้นะ”ตาหลูยกมือลูบคางตัวเองด้วยสีหน้าที่คาดเดายาก ก่อนจะเอ่ยว่า “งั้นพวกแกสามคนก็ช่วยกันจ่ายค่ารักษาพยาบาลอีกสามในสี่ส่วนที่เหลือทั้งหมดด้วยแล้วกัน”“ให้พวกเราจ่ายเนี่ยนะ?” ป้าสามถามสวนกลับไปแบบทันควัน“แล้วยังไง? หรือแกจะรอให้ยัยนั่นมันฟ้องพวกเราล่ะ?” ตาหลูถลึงตาจ้องมองลูกสาวตัวเองอย่างไม่พอใจสักเท่าไหร่นัก“ถ้าแกไม่ยอมจ่ายค่ารักษาพยาบาล อนาคตแกก็อย่าหวังว่าจะได้ค่ารื้อถอนสักแดงเดียว!”ป้าสามเงียบไปในทันที ถึงแม้ว่าเธอจะแต่งงานออกไปแล้ว แต่เธอเคยคุยกับทางครอบครัวมาก่อนแล้วว่าในอนาคตพวกเขาจะแบ่งเงินให้เธอส่วนนึงด้วยตอนนี้คนในครอบครัวทุกคนต่างก็ตั้งความหวังไว้กับค่ารื้อถอนนี้ในอนาคตกันทั้งนั้น!ถ้าเกิดหลิง
“ก็ไม่ยังไงนะ ในเมื่อเธอทำเรื่องที่ไม่ควรทำก็ต้องรับผลลัพธ์ที่ตามมา” กู้ลี่เฉินตอบคำถามอย่างไม่ยี่หระราวกับว่าเขาไม่ได้อะไรกับเรื่องนี้เลยแต่หลิงอี้หรานกลับรู้สึกใจตกไปอยู่ตาตุ่ม พูดแบบนี้… หมายความว่าจงหรงหรงโดนแบนไปแล้วเหรอ? อาจจะถึงขั้นถูกบีบให้ออกไปจากวงการบันเทิงเลยก็ได้หลังจากนี้ไปชีวิตที่รุ่งเรืองไม่มีอีกแล้ว และกลับคืนสู่ชีวิตธรรมดาสามัญแต่ว่าบนโลกใบนี้จะมีสักกี่คนที่เต็มใจจะชีวิตแบบธรรมดากันล่ะ? โดยเฉพาะคนที่เคยมีชีวิตที่รุ่งเรืองมาก่อนแต่ต้องมากลายเป็นชีวิตที่ราบเรียบของคนธรรมดาทั่วไป เกรงว่าจะทนไม่ได้น่ะสิ “คุณเห็นใจเธอเหรอ?” กู้ลี่เฉินมองตาคนที่อยู่ตรงหน้าก่อนจะเอ่ยต่อว่า“แต่วันนั้นจงหรงหรงไม่มีความเกรงใจกับคุณเลยนะ”“ฉันไม่ได้เห็นใจ และเธอก็คงไม่ต้องการความเห็นใจจากฉันเหมือนกัน” หลิงอี้หรานเอ่ย“คุณเองก็ไม่ต้องเลี้ยงข้าวไถ่โทษอะไรฉันก็ได้ค่ะ ฉันจะนั่งรถบัสกลับเมืองเซิน”“แล้วถ้าผมอยากจะเลี้ยงข้าวคุณให้ได้ล่ะ ทำไงดี?” กู้ลี่เฉินเอ่ยหลิงอี้หรานเอ่ยตอบอย่างไม่ใส่ใจ “จะชวนทานข้าวทั้งทีต้องบังคับกันด้วยหรือคะ?”“ผมไม่ชอบบังคับใครหรอก แต่พอได้บังคับหน่อยก็ไม่เลวเ
ไม่ใช่ว่าเธอภาวนาให้ตัวเองไม่ต้องไปข้องเกี่ยวอะไรกับอี้จิ่นหลีหรอกเหรอ? อย่างไรก็ตาม การมีอยู่ของเขาสำหรับเธอแล้ว มันเคยเป็นเหมือนกับฝันร้ายแต่นึกไม่ถึงเลยว่า ตัวเองจะกลายเป็นคนที่อยากให้เขามาช่วยเธอเอง!“ทำไมคุณถึงมาที่นี่ล่ะ?” จู่ ๆ เสียงของกู้ลี่เฉินก็ดังขึ้นมาภายในรถอย่างฉับพลัน“ยายของฉันป่วยน่ะ ฉันมาเยี่ยมเธอที่นี่” เธอตอบ แต่ต่อให้เธอไม่พูด แค่เขาสืบหาเล็กน้อยเขาก็รู้ข้อมูลแล้ว“ยายของคุณอาศัยอยู่ที่เมืองนี้เหรอ?” เขาถามต่อ“ค่ะ”“งั้นคุณ… เมื่อก่อนก็เคยอยู่ที่นี่เหรอ?” เขาเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงที่มีความลังเลใจเล็กน้อย“อยู่ช่วงระยะนึงตอนฉันเป็นเด็ก แต่พอโตขึ้นก็กลับไปเมืองเซิน” เธอตอบ“จริงเหรอ? งั้นตอนที่คุณอยู่ที่นี่ตอนเด็ก มีเรื่องอะไรพิเศษเกิดขึ้นหรือเปล่า?” ในตอนที่เขาถามคำถามนี้ออกมา นิ้วมือของเขากำพวงมาลัยรถแน่นขึ้นเล็กน้อย“ฉันไม่เข้าใจว่าเรื่องพิเศษที่คุณพูดคือหมายถึงอะไร” หลิงอี้หรานตอบกลับ “อีกอย่าง ตอนที่ฉันอยู่ที่นี่ฉันยังเด็กมาก ถึงจะมีเรื่องราวพิเศษอะไรเกิดขึ้น ฉันก็อาจจะไม่รู้ว่ามันคืออะไรหรือไม่ก็ลืมมันไปนานแล้ว”กู้ลี่เฉินเงียบและไม่ได้พูดอะไรต่ออี
“งั้นเหรอคะ?” เธอเอ่ยคล้อยตาม เหมือนกับว่าเขาจงใจพูดสิ่งนี้ให้เธอได้ยินดวงตาเหยี่ยวสีดำขลับจ้องมองใบหน้าที่อยู่ตรงหน้า ริมฝีปากบางของกู้ลี่เฉินเปิดออกก่อนจะเอ่ยต่อว่า “เพราะเมื่อก่อนตอนที่ผมอยู่ในโรงพยาบาล ผมพลัดพรากจากคนคนหนึ่ง คนนั้นเคยบอกกับผมว่า เธอชอบมาทานอาหารร้านนี้ ดังนั้นทุกปีผมจะมานั่งกินอาหารร้านนี้ในวันที่ผมกับเธอต้องแยกจากกัน”“แสดงว่าคนนั้นน่าจะสำคัญสำหรับคุณมากสินะคะ” หลิงอี้หรานเอ่ย ฟังจากน้ำเสียงของเขาแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะคิดถึงคนนั้นมาก“ใช่แล้ว สำคัญมาก สำหรับผมแล้ว ชีวิตของเธอสำคัญพอ ๆ กับชีวิตของผมเลย” น้ำเสียงที่ดูไม่สนใจอะไรราวกับกำลังพูดเรื่องธรรมดาทั่วไปอยู่แต่หลิงอี้หรานฟังแล้วกลับรู้สึกอยู่ไม่เป็นสุขกู้ลี่เฉินใส่ใจคนที่พลัดพรากจากเขาไปขนาดนี้เลยเหรอ? เดิมทีในสายตาของเธอเขาเปลี่ยนผู้หญิงเป็นว่าเล่น ขนาดแฟนเก่าเขายังไม่สนใจไยดีเลยแม้แต่น้อย เป็นคนที่ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแต่ความกลัวภายในใจของเธอเหมือนเป็นเพียงระลอกคลื่นเล็ก ๆ ที่พัดผ่านไปและหายไปแต่ตอนนี้เขากลับบอกว่าภายในใจมีคนหนึ่งที่มีความสำคัญมากพอ ๆ กับชีวิตของเขา ถ้าเรื่องนี้ไปถึงหูพวกสื่อมวลชนขี
อย่างไรก็ตาม ตอนแรกที่เขาได้พบกับคนคนนั้นก็อยู่ในเมืองนี้แต่แค่ว่าการที่ถามออกไปแบบนี้กลับดูเหมือนว่าเขาจะคิดมากไป“คุณก็ไม่ใช่สินะ” เขาเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา เธอไม่ใช่คนคนนั้นไม่ใช่อะไร? แววตาหลิงอี้หรานเต็มไปด้วยความสงสัยในตอนนี้ เถ้าแก่ร้านได้นำอาหารมาเสิร์ฟให้ทั้งคู่ กู้ลี่เฉินจึงเอ่ยว่า “เอาล่ะ ทานข้าวกัน คุณอยากดื่มเหล้าสักหน่อยไหม?”หลิงอี้หรานนึกไปถึงประสบการณ์ดื่มเหล้าจนเมาต่อหน้าอี้จิ่นหลีแล้วจึงรีบส่ายหัวแทบจะทันที“ไม่ดีกว่าค่ะ แค่เครื่องดื่มก็พอแล้ว”ดังนั้นกู้ลี่เฉินจึงให้เถ้าแก่ร้านนำเครื่องดื่มมาให้สองขวด“คุณก็ไม่ดื่มเหล้าเหรอ?” เธอเลิกคิ้วขึ้น“เดี๋ยวก็ต้องขับรถแล้ว ผมไม่ดื่มดีกว่า” เขาตอบสีหน้าของเธอหมองลงในทันทีเมื่อนึกถึงตัวเองในเมื่อก่อนที่ถูกตัดสินโทษจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ฐานเมาแล้วขับ แต่เธอไม่ได้ดื่มเหล้าเลยด้วยซ้ำ!“จริงสิ เมื่อก่อนคุณเคยประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เพราะเมาแล้วขับใช่ไหม” จู่ ๆ เสียงของเขาก็ดังขึ้นมาทันที “คุณเลยต้องไปทำงานกวาดถนนสุขาภิบาลใช่ไหม?”“อย่างน้อยฉันก็ยังมีงานทำล่ะนะ” หลิงอี้หรานหัวเราะเย้ยตัวเอง“อยากให้ผมไปทักทายทางสุขาภ
หลายวันมานี้ กลางวันเธอต้องทำงาน กลางคืนเธอก็ยุ่งกับการศึกษาวิธีการถักถุงมือ เวลานอนของเธอทุกวันนี้มีน้อยมาก และวันนี้เธอก็ต้องรีบนั่งรถเมล์มาที่นี่ตั้งแต่เช้าตรู่ แต่ละวันงานยุ่งมากดังนั้นไม่นาน เธอจึงเผลอปิดตานอนหลับไปโดยไม่รู้ตัวกู้ลี่เฉินเหลือบมองหลิงอี้หรานที่หลับอยู่เล็กน้อย ก่อนจะลดระดับเสียงเพลงให้เบาลงหลังจากที่เธอหลับไป ยิ่งดูเหมือนเธอคนนั้นในความทรงจำของเขายิ่งกว่าเดิมอีก ที่จริงตอนที่เธอลืมตาก็เหมือน เพียงแต่เวลาที่เธอลืมตา ความรู้สึกกดดันจากความยากลำบากในชีวิตเป็นสิ่งที่คนนั้นในความทรงจำของเขาไม่เคยมีเลยดวงตาของคนนั้นมีความสดใสและสว่างเจิดจ้า ราวกับเต็มไปด้วยความหวังที่ไม่มีที่สิ้นสุดเมื่อหลิงอี้หรานตื่นขึ้นมา รถก็มาจอดถึงหน้าประตูเขตชุมชนที่เธออาศัยอยู่แล้วเธอรู้สึกขัดเขินจึงรีบปลดเข็มขัดนิรภัยออกอย่างรวดเร็ว “ฉันหลับไปนานแค่ไหนแล้ว?“ก็ไม่ได้นานขนาดนั้น” เขาเอ่ยหลิงอี้หรานรีบลงจากรถ แล้วยื่นมือออกไปจะหยิบกระเป๋าของตัวเองที่วางไว้ข้าง ๆ แต่เธอดันหยิบไม่ทันระวัง ของที่อยู่ในกระเป๋าจึงหล่นลงมาทันใดนั้นมือข้างหนึ่งที่ได้คว้าเอาถุงมือที่ถักได้ครึ่งหนึ่งไปอย่า
หลังจากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงร้องเพลง ‘ถนนเส้นทางชีวิต’ ด้วยเสียงเจื้อยแจ้วแบบเด็ก ๆ “ถ้าพวกเรา… ถูกจับได้และหนีออกไปไม่ได้จะทำไงดีล่ะ?” เสียงเด็กผู้ชายดังขึ้นท่ามกลางเสียงร้องเพลง“ซื่อบื้อ มีฉันอยู่ทั้งคนทำไมจะหนีไม่ได้ล่ะ? ฉันจะพานายหนีออกไปจากที่นี่แน่นอน!”“ถ้าเธอทิ้งฉันไว้ตรงนี้ เธอจะหนีไปได้แน่นอน”“ฉันจะไม่ทิ้งนายเด็ดขาด! ฉันบอกแล้วว่าจะปกป้อง ก็คือปกป้อง! ฉันไม่กลัวคนชั่วพวกนั้นหรอก!”“ทำไมเธอไม่ทิ้งฉันไว้ล่ะ?”“เพราะพวกเราคือเพื่อนไง!”“อ๊ะ!” หลิงอี้หรานสะดุ้งตัวลืมตาตื่นขึ้นมา เธอลุกขึ้นมานั่งบนเตียง แสงไฟสลัวสาดสะท้อนเข้าม่านตาของเธอนี่เป็นห้องเช่าของเธอ!หลิงอี้หรานถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะมองดูเวลา ตอนนี้เพิ่งจะตีสามเท่านั้นนี่เธอ… ฝันไปเหรอ? ดูเหมือนจะฝันถึงตอนที่ตัวเองเป็นเด็กกำลังคุยกับเด็กผู้ชายคนหนึ่ง และตัวเองก็ยังร้องเพลง ’ถนนเส้นทางชีวิต’ ของเติ้งลี่จวินอีกต่างหากให้ตายเถอะ ทำไมเธอถึงได้ฝันแบบนี้ล่ะ? หรือว่าเป็นเพราะฟังเพลง ‘ถนนเส้นทางชีวิต’ จากในรถกู้ลี่เฉินหลายรอบเกิน ตอนกลางคืนเลยเก็บมาฝันว่าตัวเองกำลังร้องเพลงนี้หรือเปล่า?แต่ว่า… ภาพเหตุการณ
งานพาร์ทไทม์ที่พี่ซูบอกคือการเป็นนักแสดงชั่วคราว เพียงแค่ลงทะเบียนชื่อและทิ้งเบอร์โทรติดต่อไว้ก็พอ ไม่จำเป็นต้องดูเอกสารเพิ่มเติมใด ๆ ได้เงินวันละ 800 บาทรวมอาหารกลางวัน ถ้าหากจำเป็นต้องขยายเวลาถ่ายทำออกไป ก็จะมีอาหารเย็นให้ แต่ไม่มีค่าจ้างเพิ่มตามที่พี่ซูได้บอกไว้ อย่างไรก็ตาม หากวันพักผ่อนที่ว่างแล้วก็สามารถไปเป็นนักแสดงประกอบงานอื่นเพิ่มเติมได้ อย่างไรก็ตาม นี่เป็นงานที่ทำวันต่อวันหลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน ถ้าทุกวันที่เป็นวันพักผ่อนมีงานเข้ามาตลอด งั้นหนึ่งเดือนผ่านไปก็ได้มาหลายพันบาทแล้วเงินไม่กี่พันบาทสำหรับคนอื่นอาจจะไม่ได้มีค่าอะไร แต่สำหรับหลิงอี้หรานกลับเป็นอะไรที่มีค่ามากเมื่อถึงเวลาเลิกงาน หลิงอี้หรานมองไปยังถุงมือที่เธอถักเสร็จแล้ว ก่อนจะโทรหาอี้จิ่นหลี“ถุงมือถักเสร็จแล้วนะ คุณจะให้ฉันเอาไปส่งให้ หรือคุณจะส่งคนมารับเองล่ะ?”“เดี๋ยวฉันไปรับเองดีกว่า” อี้จิ่นหลีเอ่ย“งั้นก็ดีเลย” เธอตอบกลับ หลังจากที่กลับถึงห้องเช่าและทานอาหารที่ตัวเองทำเสร็จ เธอนำถุงมือที่ถักเสร็จแล้วไปวางไว้บนโต๊ะ จากนั้นนำสำเนาแฟ้มคดีของอุบัติเหตุรถยนต์ที่ชินเหลียนอีให้เธอมาเมื่อก่อนออกมา ด้านใ
เสียงจัวเชียนอวิ๋นดังมาจากปลายสาย “นี่ การผ่าตัดของเสี่ยวเหยียนเป็นไปด้วยดีนะ หมอบอกว่าเสี่ยวเหยียน หลังจากผ่านไปสองสามวันเสี่ยวเหยียนปรับตัวได้ เขาก็จะเริ่มการฝึกเรื่องของการแยกแยะเสียงแล้ว”“ดีมากเลยค่ะ” หลิงอี้หรานดีใจที่ได้ยิน “ถ้างั้นตอนบ่ายฉันจะแวะไปเยี่ยมเสี่ยวเหยียนนะคะ”จากนั้นหลิงอี้หรานก็ถามอีกครั้งถึงเลขห้องผู้ป่วยของเสี่ยวเหยียนในโรงพยาบาลก่อนจะวางสายไป“นี่เรื่องของเด็กที่หูหนวกนั่นเหรอ?” อี้จิ่นหลีมองหลิงอี้หรานก่อนถาม“การผ่าตัดของเสี่ยวเหยียนเป็นไปด้วยดี ยังไงตอนบ่ายฉันก็มีเวลาว่าง ฉันเลยจะไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล” หลิงอี้หรานบอก“ให้ฉันไปกับเธอแล้วกัน” อี้จิ่นหลีพูด“คุณจะไปกับฉันเหรอคะ?” หลิงอี้หรานเบิกตาโตอย่างประหลาดใจ “แต่… คุณไม่มีงานต้องทำเหรอ?”“ฉันก็แค่บอกให้เลขาเลื่อนงานตอนบ่ายออกไป ยังไงก็ไม่ได้มีอะไรเร่งด่วน” อี้จิ่นหลีพูดเรียบ ๆแต่หลิงอี้หรานรู้ดีว่าในบริษัทใหญ่แบบนี้ สำหรับคนเป็นประธานไม่มีอะไรที่ “เร่งด่วน” สำหรับเขา“ทำไม เธอไม่อยากให้ฉันไปด้วยเหรอ?” เขาถาม“เปล่า ไม่ใช่แบบนั้น” พูดตามตรงการที่เขาเต็มใจจะไปเป็นเพื่อนเธอ ทำให้เธอประหลาดใจแต่ก็ร
และเพราะว่าเธอฟังเข้าใจ จู่ ๆ เธอก็ยิ่งรู้สึกอายสุดท้ายอี้จิ่นหลีก็ตอบว่า “เธอนั่นแหละ”“โอ้ จิน คุณเป็นอะไรกับเธอเหรอ? เป็นคนรักกันไหม?” คนต่างชาติมักจะชอบถามอะไรตรง ๆหากว่าเป็นพนักงานชาติเดียวกัน ไม่มีใครกล้าถามอี้จิ่นหลีตรง ๆ แบบนี้แน่จากนั้นหลิงอี้หรานก็ได้ยินอี้จิ่นหลีตอบเป็นภาษาอังกฤษ “เธอเป็นคนโปรดของฉัน”ฉับพลันหลิงอี้หรานก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเธอมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบรัดไว้ แม้แต่จังหวะการเต้นของหัวใจก็เหมือนจะสะดุดหลังจากที่การประชุมทางวิดีโอจบลง อี้จิ่นหลีก็เดินเข้ามาหาเธอและถามว่า “เป็นอะไรไป? ทำไมหน้าแดงแบบนั้น?”“เปล่า…ไม่มีอะไรค่ะ” เธอรีบตอบแต่เขาก็เอามือมาจับหน้าเธอไว้แล้วพิจารณาหน้าแดงก่ำของเธอ “นี่เพราะว่าเรื่องที่พวกนั้นพูดเมื่อกี้เหรอ?”เธอไม่ได้ตอบอะไร แต่เธอก็ใช้ความเงียบเป็นการยอมรับ“ไว้อนาคตมีโอกาส ฉันจะแนะนำเธอกับพวกเขา” เขาบอก“แนะนำเหรอคะ?” เธอร้องเขาเลิกคิ้วเล็กน้อย “ทำไม เธอไม่อยากเหรอ?”เอ่อ… เธออึ้งไป ตอนนั้นดวงตาสีดอกท้อคู่นั้นฉายแววบีบคั้น เหมือนว่าหากเธอตอบว่าไม่อยาก เธอก็คงเหมือนเป็นตัวจุดประกายให้ไฟโทสะเขาลุกท่วมเธอคิดอยู่พั
“แต่ถึงกู้ลี่เฉินอยากจะแย่งเธอไปจริง ๆ เขาก็ทำไม่ได้ใช่ไหม? เพราะว่าคนที่เธอชอบก็คือฉัน และคนที่เธอมีชะตาต้องตกหลุมรักในอนาคตก็คือฉันใช่ไหม?”เสียงของเขาพึมพำและลมหายใจอุ่นร้อนก็เป่ารดใบหน้า เมื่อพูดจบเขาก็จูบเธอที่ริมฝีปากเขาไม่มีทางยกเธอให้ใคร เธอจะเป็นของเขาเท่านั้น……ตอนที่หลิงอี้หรานตื่นขึ้นมาให้วันต่อมา อี้จิ่นหลีก็ไปทำงานแล้ว หลังจากที่กินอาหารเช้าเสร็จเธอก็เตรียมอาหารกลางวันให้อี้จิ่นหลีที่คฤหาสน์อี้มีกล่องอาหารกลางวันและวัตถุดิบ และก็มีพ่อครัวอยู่ใกล้ ๆ เห็นชัดว่าพ่อครัวก็ได้รับคำสั่งมา หากว่าหลิงอี้หรานมีปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือ พ่อครัวก็พร้อมช่วยถึงขนาดที่ว่าหลังจากทำกล่องอาหารกลางวันแล้ว หลิงอี้หรานรู้สึกว่าฝีมือของตัวเองนั้นพัฒนาสูงขึ้นเลยทีเดียวเธอนำกล่องอาหารมาที่อี้กรุ๊ป แต่เพราะว่าวันนี้คนขับรถของตระกูลอี้เป็นคนพาเธอมา ยามที่หน้าประตูก็ตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นเธอลงมาจากรถแม้ว่าพนักงานหลายคนในบริษัทเริ่มที่จะลือกันว่าพนักงานส่งอาหารลึกลับคนนี้น่าจะไม่ใช่คนธรรมดา แต่ก็ไม่มีใครคิดว่าพนักงานคนนี้จะเปลี่ยนจากรถไฟฟ้าเล็ก ๆ มาเป็นรถส่วนตัวเร็วแบบนี้โดยเฉพาะรถ
ช่วงนี้เขามักจะมาค้างในห้องของเธอ นอนร่วมเตียงกับเธอ แม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะไม่ได้ทำอะไรกัน แต่มันก็เหมือนว่าการนอนร่วมเตียงเดียวกันนั้นกลายเป็นนิสัยไปโดยไม่รู้ตัวแล้วเพราะว่าเธอต้องเปิดไฟนอน เธอก็พูดเสียงอ่อนว่า “คุณจะชินกับการเปิดไฟนอนตลอดเวลาไปแล้ว ทำไมคุณไม่กลับไปนอนห้องคุณล่ะคะ”สุดท้ายเขาก็บอกว่า “ฉันอยากนอนกับเธอนี่ พี่สาว ถึงจะเปิดไฟไว้ก็ไม่เป็นไรหรอก”ดังนั้นคำพูดที่เหลือของเธอจึงโดนกลืนกลับลงไป“เธอจะนอนแล้วเหรอ?” อี้จิ่นหลีถามขณะที่มองหลิงอี้หรานเดินไปที่เตียง“ใช่” หลิงอี้หรานพูดพร้อมหน้าแดงเรื่อหลิงอี้หรานเลิกผ้าห่มและเข้าไปนอนเตียง มือของอี้จิ่นหลีก็มาโอบรอบเอวเธอ เขากอดเธอแนบแน่นและฝังใบหน้าซุกกายเธอราวเก็บเด็กที่อยากจะออดอ้อนเขาดูราวกับเด็กเล็กน้อยซึ่งต่างไปจากท่าทางปกติของเขา แต่ด้วยเหตุผลบางประการ หลิงอี้หรานรู้สึกว่าชอบอี้จิ่นหลีที่มีท่าทางเป็นเด็ก ๆ แบบนี้“ว่าแต่กู้ลี่เฉินหมายความว่าอะไรตอนที่คุยกับคุณวันนี้? พวกคุณทะเลาะกันเหรอ?”จู่ ๆ หลิงอี้หรานก็คิดขึ้นมาได้“ประโยคไหนล่ะ?” อี้จิ่นหลีถาม พลางรู้สึกว่าการกอดเธอมันชวนให้เสพติดมาก เมื่อเขากอดเธอแล้วก็ไม
“ฉันเข้าใจค่ะ ฉันจะไม่พูดอะไรกับเธอ” จัวเชียนอวิ๋นลังเลและบอกว่า “ถึงตอนนี้ฉันจะรู้ว่าเธอเป็นแฟนของคุณ ฉันไม่เคยบอกอะไรเธอมาตั้งแต่แรก และฉันก็ไม่คิดว่าจะบอกอะไร ไม่คิดจะหาประโยชน์จากเธอ แน่นอนว่าในอนาคตฉันก็ไม่คิดจะทำแบบนั้น ที่ตอนแรกฉันจ้างเธอก็เพราะว่าฉันรู้สึกว่าเธอเหมือนกับฉัน เคยติดคุกมาก่อน และรู้สึกว่าเราลงเรือลำเดียวกัน ฉันก็เลยอยากให้โอกาสเธอได้ทำงาน”ความเย็นชาในตาของอี้จิ่นหลีหายไป “ผมไม่สนหรอกว่าระหว่างคุณกับเย่เหวินหมิงมีเรื่องอะไร แต่ตราบใดที่เธอยังทำงานที่นี่กับคุณ เธอก็จะทำงานอย่างปลอดภัย หากว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ ไม่ว่าจะอะไร คุณโทรหาผมได้ตลอด”เมื่อพูดจบ เขาก็เอาเบอร์มือถือให้จัวเชียนอวิ๋นจัวเชียนอวิ๋นรีบจดลงไป เธอเกรงว่าคงมีไม่กี่คนที่สามารถมีเบอร์นี้ได้ในเมืองเสิ่น แต่ตอนนี้เธอได้มาภายใต้เงื่อนไขแต่ที่อี้จิ่นหลีบอกว่าเขาไม่สนว่าระหว่างเธอกับเย่เหวินหมิงมีเรื่องอะไร ก็แปลว่าเขาคงไม่บอกเย่เหวินหมิงว่าเธออยู่ที่ไหน ซึ่งนี่ก็ทำให้จัวเชียนอวิ่นหายใจได้อย่างโล่งอกอี้จิ่นหลียังอยู่ในร้านและกินมื้อเย็นกับหลิงอี้หรานดังนัั้นเมื่อเลิกงาน เพื่อนร่วมงานทุกคนเลยได้รู
จัวเชียนอวิ๋นจำได้ว่าตอนที่เธอดึงหลิงอี้หรานมาถาม อีกฝ่ายก็ให้คำตอบที่ชัดเจนหนักแน่นกับเธอ“ก็พี่จัว คนที่ว่าก็คืออี้จิ่นหลีของอี้กรุ๊ป” โอเค ก็ถือว่าเป็นคำตอบแล้วกันจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกว่าเหมือนมีฟ้าผ่าลงมากลางหัวเธอ ซึ่งทำให้เธอมึนไม่หายพนักงานส่งอาหารให้ร้านของเธอเป็นแฟนกับอี้จิ่นหลีจริงเหรอ? ถ้าบอกไปแล้วใครจะเชื่อ?โดยเฉพาะหลิงอี้หรานบอกว่ายังมีอาหารที่ต้องออกไปส่งอีก อี้จิ่นหลีก็บอกว่า “ถ้างั้นฉันจะรอเธอที่นี่ วันนี้ยังไงก็ว่าง”ดังนั้นคนหนึ่งก็ออกไปส่งอาหาร ส่วนอีกคนก็… เอ่อ อ่านหนังสือจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกว่าเธอประสบคลื่นลมโหมกระหน่ำ แต่ตอนนี้เธอสับสนมากทำไมอี้หรานถึงได้ยังมาทำงานที่ร้านของเธอหากว่ามีแฟนแบบนี้? แล้วอี้จิ่นหลีจริงจังกับอี้หรานเหรอ?แต่เมื่อมองเหตุการณ์ก่อนหน้าระหว่างทั้งสอง ก็ไม่ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องหลอกลวง อย่างน้อยท่าทีของอี้จิ่นหลีที่มีต่ออี้หรานด้วยสายตาคนนอกอย่างเธอก็เห็นได้ว่าเขารักอี้หรานมากเมื่อเห็นว่าอี้จิ่นหลีกินกาแฟหมดแล้ว จัวเชียนอวิ๋นก็เดินเข้าไปหาและถามว่า “คุณอี้ ต้องการอะไรเพิ่มไหมคะ?”“ขอน้ำให้ผมแก้วหนึ่งพอครับ” อี้จิ่นหลีบอกดังนั้น
หลิงอี้หรานอดหน้าแดงไม่ได้ เธอกัดปากเล็กน้อยและบอกกับจัวเชียนอวิ๋น “เขาเป็นแฟนฉันค่ะ”“แฟนเธอเหรอ?” จัวเชียนอวิ๋นตาเบิกกว้างทันที แม้เธอจะรู้สึกได้ว่าระหว่างทั้งสองคนมีบรรยากาศแปลก ๆ ขณะที่พูดคุยกันก็ตามแต่… แฟนเหรอ? อี้หรานมีแฟนเหรอ? แถมยังเป็นผู้ชายที่ดูลึกล้ำยากจะหยั่งถึงนี่คือสิ่งที่จัวเชียนอวิ๋นรู้สึก ตอนนั้นเองแม้ว่าชายคนนั้นจะมีรอยยิ้มบนใบหน้าและดูไม่มีพิษภัย แต่เธอไม่คิดว่าชายคนนี้จะไร้พิษภัยจริง ๆ ตรงกันข้ามสัญชาตญาณบอกเธอว่าชายคนนี้อันตรายมากทั้งร่างของเขาแผ่กลิ่นอายของคนที่สูงส่งออกมา“ค่ะ แฟนฉัน” หลิงอี้หรานตอบ“สวัสดีค่ะ… ฉันเป็นเจ้าของร้านที่นี่ จัวเชียนอวิ๋น” จัวเชียนอวิ๋นแนะนำตัวเอง“สวัสดีครับ ผมอี้จิ่นหลี” อี้จิ่นหลีบอกสีหน้าจัวเชียนอวิ๋นตะลึงอีกครั้ง จากนั้นแววตาประหลาดใจของเธอก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆอี้จิ่นหลี… คงไม่ใช่… คงไม่ใช่คนที่เธอคิดหรอกนะ ตอนนี้จัวเชียนอวิ๋นรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาร้านของเธอมีกู้ลี่เฉินมา แล้วก็มีอี้จิ่นหลีมาอีก ผู้ชายทั้งสองคนต่างก็มาหาอี้หรานแล้ว… ตัวตนที่แท้จริงของเธอมันยังไงกันแน่? ใช่แบบที่เขียนในใบสมัครงานจริงเหรอ?ตอน
อี้จิ่นหลียังคงดื่มกาแฟในมือสบาย ๆ เหมือนกับว่าเขากำลังเพลิดเพลินกับเวลาน้ำชา และเขาก็แค่มาพูดคุยเล่นกับกู้ลี่เฉินไม่ได้คุยเรื่องที่สามารถเขย่าเมืองเสิ่นให้สั่นสะเทือนได้กู้ลี่เฉินค่อย ๆ สงบความคุกรุ่นในแววตาลงและก็หยิบกาแฟขึ้นมาจิบอีกครั้งทั้งสองต่างก็ไม่มีบรรยากาศน่าตึงเครียดเหมือนก่อนหน้าแล้ว และตอนนี้ก็เหมือนเป็นการกินข้าวกันระหว่างเพื่อนเท่านั้นจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะลูกค้าคนอื่น ๆ ในร้านโดยเฉพาะลูกค้าสาว ๆ ต่างก็มองทั้งสองเป็นระยะ อย่างไรพวกเขาคนหนึ่งก็ดูเหมือนดารา ไม่ต้องนับพวกลูกค้าสาวหรอก ขนาดจัวเชียนอวิ๋นเองยังอยากหยิบมือถือมาถ่ายเลยตอนที่ลูกค้าสาวยกมือถือส่องไปทางอี้จิ่นหลีและกู้ลี่เฉิน ก่อนที่เธอจะทันได้กดปุ่มถ่ายรูปก็มีมือใหญ่มาขวางเอาไว้เขาก็คือบอดี้การ์ดของอี้จิ่นหลี เขาพูดกับลูกค้าสาวว่า “ท่านประธานไม่ชอบโดนถ่ายรูปครับ ถ้าคุณยืนกรานจะถ่ายให้ได้ ผมก็คงทำได้แค่ต้องเชิญคุณออกไป”ลูกค้าสาวอึ้งงันไป นี่มัน…ขู่กันเหรอ? แต่เมื่อเธอเห็นสีหน้าไร้อารมณ์ของบอดี้การ์ดและ… ร่างกายกำยำของเขา คำพูดที่เธอเตรียมจะเอ่ยประท้วงก็โดนกลืนกลับลงท้องไปจิตสำนึกบอก
นิ้วมือของกู้ลี่เฉินที่จับแก้วกาแฟอยู่บีบแน่นเล็กน้อย “แล้วถ้าฉันเสียใจล่ะ?” ตอนนั้นเขาประเมินน้ำหนักของหลิงอี้หรานที่มีในใจตัวเองต่ำไปเขาคิดว่าหลิงอี้หรานเหมือนคนที่เขาตามหา ดังนั้นเขาก็เลยสนใจเธอแค่นั้นแต่ต่อมาเขาก็พบว่ามันมากกว่านั้น เมื่อเขาเห็นคนอื่นทำร้ายเธอ ทำอันตรายเธอ เขาก็รู้สึกหัวใจบีบรัดและรีบเข้าไปช่วยโดยไม่รู้ตัวเหมือนว่าแค่เห็นเธอบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยก็ทำให้เขาใจสลายได้ และตอนที่เธอจะจากไป เขาก็คิดเรื่องเธอมาก เหมือนว่าเขาอยากให้เธอมองเขานานอีกหน่อยแค่เพียงนิดเดียวก็ยังดีนานแค่ไหนแล้วที่เขาสนใจผู้หญิงสักคนมากขนาดนี้? ยกเว้นเด็กผู้หญิงที่เคยช่วยเขาตอนนั้น เธอเป็นแค่คนเดียวเท่านั้นเขาถึงกับคิดว่า บางทีเขาไม่น่ายอมปล่อยเธอให้อี้จิ่นหลีง่ายเกินไปเลย หากว่าเธออยู่ข้างกายเขา จะทำให้เขาคิดถึงคนที่ตามหาอยู่น้อยลงไหม? แล้วจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากการไม่ได้สิ่งที่เขาต้องการมาบ้างไหม?แววตาอี้จิ่นหลีมืดครึ้มทันที เขาจ้องกู้ลี่เฉินเย็นชา “นายไม่มีโอกาสแน่ และฉันก็จะไม่ให้นายมีโอกาสด้วย”“งั้นเหรอ?” กู้ลี่เฉินสบตาอีกฝ่าย “งั้นฉันคงต้องขอลองดูและดูว่าทำไมฉันถึงได้ไม่มีโอ