ในอดีตเซียวจื่ออี้คงตื่นเต้นที่ได้พบหน้ากับอี้จิ่นหลีในระยะใกล้ ๆ เช่นนี้ แต่ตอนนี้เธอร่ำร้องโอดครวญอยู่ในใจ"มาแล้วสินะ" อี้จิ่นหลีกล่าวนิ่ง ๆเซียวจื่ออี้ทำหน้าตาน่าสงสารและตอบอย่างระมัดระวัง “คุณอี้ เรียกหาฉันด้วยเหตุผลอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ?"สีหน้าของหลิงอี้หรานยังคงสับสน เธอไม่รู้ว่าทำไมอี้จิ่นหลีถึงให้เซียวจื่ออี้มาที่นี่อี้จิ่นหลียิ้มจาง ๆ และอธิบายกับหลิงอี้หรานว่า “พี่สาว พี่ยังไม่รู้เรื่องนี้ใช่ไหม? ในคืนที่สองของวันปีใหม่ ชินเหลียนอีเพื่อนของพี่ได้พบกับคุณเซียว เธอได้ทำสิ่งที่แย่มากกับเพื่อนของพี่”หลิงอี้หรานตกตะลึงไปชั่วขณะ แต่ในไม่ช้าเธอก็เข้าใจ วันนั้นที่พวกเขาเถียงกันในห้าง ชิน เหลียนอีได้พูดแทนเธอ เซียวจื่ออี้เลยรู้ว่า ชินเหลียนอีเป็นเพื่อนของเธอ ดังนั้นถ้าหล่อนได้พบกับชินเหลียนอี ก็น่าจะระบายความโกรธใส่เหลียนอีเมื่อเซียวจื่ออี้ได้ยินอี้จิ่นหลีเรียกหลิงอี้หรานว่า "พี่สาว" ลูกตาของเธอก็แทบจะถลนออกมานอกเบ้าไม่มีทาง! ในเมืองเฉินมีผู้หญิงที่คู่ควรให้อี้จิ่นหลีเรียกแบบนั้นเหรอ? แต่คนนั้นดันเป็นแค่คนกวาดถนนเท่านั้น“พี่สาว พี่อยากรู้ไหมว่าเธอทำเรื่องแย่ ๆ อะไรใ
เซียวจื่ออี้พยายามป้ายสีหลิงอี้หรานสุดกำลังแต่อี้จิ่นหลีลูบนิ้วมือของหลิงอี้หรานเล่นและพูดนิ่ง ๆ "เช็ดรองเท้าคนกวาดถนนแล้วมันยังไงล่ะ? ถึงวันนี้จะเป็นลูกสาวของนายกเทศมนตรีก็ยังต้องทำ ถ้าฉันสั่ง!"เซียวจื่ออี้สะอึกพูดไม่ออก แน่นอนว่าเธอไม่สามารถเทียบได้กับลูกสาวของนายกเทศมนตรีได้“คุณเซียว กรุณารีบทำเถอะครับ นายน้อยอี้ไม่ได้มีความอดทนขนาดนั้นนะครับ" เกาฉงหมิงกำชับว่า "ถ้านายน้อยอี้หมดความอดทน คุณจะไม่ได้แค่เช็ดรองเท้าแน่นอน"เซียวจื่ออี้กัดริมฝีปากอย่างไม่เต็มใจ แต่ไม่ว่าเธอจะไม่เต็มใจแค่ไหนเธอก็ทำได้แค่เดินไปหาหลิงอี้หรานทีละก้าว จากนั้นเธอก็ก้มลงและเริ่มเช็ดรองเท้าที่สะอาดอยู่แล้วแล้วด้วยทิชชูหลิงอี้หรานมองไปที่เซียวจื่ออี้ที่คุกเข่าต่อหน้าเธอด้วยความงุนงง เธอไม่เคยคิดว่าจะเกิดเหตุแบบนี้ แต่เหลียนอีเจอเรื่องนี้มาอย่างนั้นเหรอ?ตอนนั้นเหลียนอีจะรู้สึกอย่างไรนะ?หลิงอี้หรานรู้สึกเสียใจกับเพื่อนของเธอ ในขณะเดียวกันเธอก็ดูเหมือนจะเข้าใจว่า ทำไมอี้จิ่นหลี ถึงเรียกเซียวจื่ออี้มาแล้วให้จื่ออี้แสดงบทบาทนี้ต่อหน้าเธอเขาอยากจะบอกเธอว่า เขาสามารถทำอะไรก็ได้ที่ต้องการอย่างง่ายดาย แม้แต
แต่อี้จิ่นหลีไม่แม้แต่จะมองเซียวจื่ออี้ เขาพูดกับหลิงอี้หรานว่า "พี่สาวคิดว่ายังไงบ้าง? พอแล้วหรือยัง?"ในตอนนี้ไม่ว่าจะเกลียดหลิงอี้หรานมากแค่ไหน เซียวจื่ออี้ก็ทำได้เพียงขอความเมตตาจากเธอ“หลิงอี้หราน ฉัน... ฉันรู้ว่าฉันผิด ฉันไม่ควรทำกับเพื่อนของเธอแบบนั้น ฉัน... ฉันขอโทษเพื่อนของเธอ ปล่อยฉันไปเถอะ"หลิงอี้หรานมองเซียวจื่ออี้ซึ่งกำลังร้องไห้ไม่หยุด เธอรู้ดีว่าเซียวจื่ออี้ขอความเมตตาเธอเพราะอี้ จิ่นหลี ไม่ใช่เพราะเธอเมื่อเห็นสภาพของเซียวจื่ออี้ เธอก็ไม่ได้มีความเห็นอกเห็นใจใด ๆ เลย เพราะเมื่อเธอคิดถึงว่าเซียวจื่ออี้ทำแบบนี้กับชินเหลียนอีมาก่อน เธอก็เกลียดเซียวจื่ออี้และเธอก็โทษตัวเองไปพร้อมกันเธอยอมรับความอัปยศอดสูไว้เองดีกว่าที่จะให้เหลียนอีต้องทนทุกข์ทรมานชินเหลียนอีได้เสียสละเพื่อเธอมากแล้ว ตั้งแต่ที่หลิงอี้หรานได้รับการปล่อยตัวจากคุก เธอก็ไม่สามารถทำอะไรให้เหลียนอีได้ แถมเหลียนอียังต้องมาทนทุกข์ทรมานเช่นนี้เพราะเธอ“ถ้าอย่างนั้นฉันอยากให้เธอขอโทษชินเหลียนอีต่อหน้าทุกคนที่เห็นเหตุการณ์วันนั้น เธอจะต้องรับผิดชอบในการจ่ายค่ารักษาพยาบาลค่าชดเชยการทำงานและอื่น ๆ ให้กับเหลียนอ
หากอี้จิ่นหลีช่วยหลิงอี้หรานแก้แค้นตระกูลเซียวจริง ๆ ตระกูลเซียวก็จะสูญเสียหนักหนาจนถึงจุดที่พวกเขาจะไม่เป็นหนึ่งในตระกูลที่ร่ำรวยและมีอำนาจในเมืองเฉินอีกต่อไป"นาย… นายน้อยอี้ ผม... " เซียวจื่อฉีต้องการที่จะแก้ตัวแต่หลิงอี้หรานขัดจังหวะเขาและพูดกับอี้ จิ่นหลี ว่า "ไม่จำเป็น พอเราเลิกกันเขากลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับฉันไปแล้ว ฉันควรจะขอบคุณด้วยซ้ำที่เรื่องคราวนั้นทำให้ฉันได้เห็นความสัมพันธ์อย่างชัดเจน”ใบหน้าของเซียวจื่อฉีเขียวคล้ำสลับซีดและเขารู้สึกอับอาย ตอนหลิงอี้หรานพูดเธอไม่ได้มองเขาด้วยซ้ำ“ถ้าแบบนั้นก็ดี" อี้จิ่นหลียืนขึ้นและเดินไปหาเซียวจื่อฉี เขาตบบ่าเซียวจื่อฉีแล้วพูดว่า "นายควรขอบคุณเธอที่ไม่ต้องการแก้แค้นนายนะ ไม่อย่างนั้นในปีหน้าเราจะไม่เห็นธุรกิจของตระกูลเซียวในเมืองนี้อีกเลย"เซียวจื่อฉีตัวสั่นและเหงื่อแตกพลั่ก เขาทำได้เพียงขอบคุณหลิงอี้หรานก่อนที่จะช่วยเซียวจื่ออี้ ออกจากห้องไปจนกระทั่งพี่น้องทั้งสองออกจากโรงพยาบาลแล้ว พวกเขาก็รู้สึกโล่งใจได้“พี่ชาย ทำไมพี่คิดว่าอี้จิ่นหลีถึงชอบหลิงอี้หรานล่ะ?” เซียวจื่ออี้กล่าวอย่างโกรธเคือง“ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าไปยุ่งกับหลิ
”ฉันปฏิเสธไม่ได้ใช่ไหม?" เธอถามตาของเขากะพริบเล็กน้อยและรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็จางหายไปทีละนิด จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ ยืดตัวขึ้นและก้มมองเธอ "เปล่า พี่ปฏิเสธได้ ฉันให้สิทธิ์ปฏิเสธได้ แต่... "เขาหยุดชั่วครู่ก่อนมองเธอด้วยรอยยิ้มจาง ๆ "พี่แน่ใจเหรอว่าจะปฏิเสธ?"หลิงอี้หรานรู้สึกว่าอากาศรอบตัวเธอดูเหมือนจะถูกแช่แข็ง ถ้ายอมตกลงเธออาจได้รับหลายสิ่งหลายอย่าง หรือแม้กระทั่งเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตนเองถ้าเป็นคนอื่นที่พูดคำเหล่านี้กับเธอบางทีเธออาจจะเห็นด้วยแต่อี้จิ่นหลี... เธอกลัวผู้ชายคนนี้ จริงที่เขาไม่เคยลงมือกับเธอโดยตรง อย่างไรก็ตามเพียงแค่ประโยคเดียวจากเขาก็ทำให้เธอทุกข์ทรมานมากในคุกในช่วงสามปีที่ถูกจำคุกและแม้กระทั่งการพิจารณาของศาล ไม่มีใครกล้ารับทำคดีของเธอหลังจากที่ได้ยินว่า คนที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เป็นคู่หมั้นของอี้จิ่นหลี แม้แต่หลักฐานเท็จและพยานที่กล่าวหาเธออย่างเป็นเอกฉันท์ว่าดื่มเหล้า ทำให้เธอตั้งคำถามว่าเขาเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดนี้หรือเปล่าผู้ชายคนนี้เป็นเหมือนฝันร้ายที่กดเธอลงไปอย่างแรงจนแทบหายใจไม่ออก นับตั้งแต่เธอได้ค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเขา เมื
”ตราบใดที่คุณอี้ยินยอมคุณหลิงก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้ทุกเมื่อที่ต้องการครับ" หมอกล่าวหลิงอี้หรานรู้สึกพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ขนาดจะออกจากโรงพยาบาลยังต้องให้อี้จิ่นหลียินยอมเหรอ?"เข้าใจแล้วค่ะ" เธอตอบหลังจากหมอและพยาบาลออกไปแล้ว เธอก็เดินเข้าไปในห้องน้ำและมองดูตัวเองในกระจก สิ่งที่สะท้อนในกระจกคือใบหน้าที่บอบบาง คิ้วรูปพระจันทร์เสี้ยวและดวงตาสีอัลมอนด์ จมูกที่ได้รูปและริมฝีปากสีชมพูที่ดูวาววับภายใต้แสงไฟใบหน้าแบบนี้จะถือว่าค่อนข้างดูดีเมื่อเทียบกับคนทั่วไป แต่เมื่อเทียบกับคนสวย ๆ ทั้งหลายรอบข้างอี้จิ่นหลีแล้ว เธอก็ไม่มีอะไรเทียบได้อี้จิ่นหลีชอบอะไรเธอกัน? หลิงอี้หรานยิ้มอย่างขมขื่น เป็นเพียงเพราะเธอเข้าใจผิดว่าเขาเป็นคนจรจัดในตอนแรกเลยทำให้เขารู้สึกว่ามันสนุกน่าสนใจ และอยากเล่นเป็นพี่สาวน้องชายกันต่อไปเหรอ?เธอยกมือขึ้นแตะริมฝีปากเบา ๆ ภาพตอนที่เขาจูบเธอก็ผ่านเข้ามาในหัวเธอยังจำที่เหลียนอีเคยพูดว่า "อี้หราน เธอรู้ไหมว่าริมฝีปากของเธอสวยมาก?""ริมฝีปากสวยงั้นเหรอ?" เธอไม่เคยให้ความสนใจกับริมฝีปากของเธอมากนัก เธอรู้แค่ว่าริมฝีปากของเธอไม่ได้น่าเกลียด แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันพิเ
"ครับ” เกาฉงหมิงรีบตอบ เขาตามอี้จิ่นหลีออกจากคฤหาสน์ตระกูลอี้ไปโรงพยาบาลเมื่ออี้จิ่นหลีเดินเข้าไปในห้อง เขาก็เห็นหลิงอี้หรานนั่งอยู่บนโซฟาด้วยท่าทางมีมารยาทเป็นการเป็นงานใช่ 'เป็นการเป็นงาน' คือความรู้สึกแรกของอี้จิ่นหลี เธอนั่งหลังตรงวางมือไว้บนเข่า เป็นท่านั่งตามตำรามารยาทเลย“พี่ต้องการออกจากโรงพยาบาลใช่ไหม?” อี้จิ่นหลีถาม"อืม" เธอตอบพร้อมกับจ้องมองไปที่ผ้าพันคอรอบคอของเขาโดยไม่รู้ตัว นั่นคือผ้าพันคอที่เธอถักให้เขา ตอนนั้นเธอกลัวว่าเขาจะหนาวและหวังว่าในฤดูหนาวเขาจะอุ่นขึ้นอีกนิดที่จริงเธอไม่จำเป็นต้องทำเรื่องพวกนี้เลย เขามีผ้าพันคอและวิธีที่จะทำให้ตัวเองอบอุ่นมากมาย ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการผ้าพันคอของเธอสักนิด“ฉันให้โอกาสพี่เลือกอีกครั้ง คิดให้ดีก่อนตอบ พี่ปฏิเสธที่จะอยู่กับฉันจริง ๆ เหรอ?” เขาถาม ที่ผ่านมาเขาไม่เคยให้โอกาสใครเป็นครั้งที่สอง แต่เธอ... ดูเหมือนจะเป็นข้อยกเว้นเธอเงยหน้าขึ้นมองเขา แววตาของเธอมีความขมขื่นและยอมเป็นรอง แม้แต่อากาศรอบตัวก็ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความกดดันในตอนนี้ จู่ ๆ เธอก็รู้สึกถึงวิกฤตราวกับว่าหากตอบผิดเธอคงจะเจอหายนะใหญ่หลวงปฏิเสธ? หรือตกล
หลิงอี้หรานตัวแข็งทื่อ ใช่สิ ต่อให้เธอตะโกนเสียงดัง ใครจะเข้ามาช่วยเธอกันล่ะ? การมาช่วยเธอเท่ากับเป็นศัตรูกับอี้จิ่นหลี? ใครจะโง่ขนาดนั้นล่ะขณะเธออยู่ในภวังค์ ริมฝีปากของเขากำลังจูบเธออย่างดูดดื่ม เธอไม่ต้องการให้เป็นแบบนี้ เธอไม่ต้องการอยู่ดี ๆ เธอก็กัดเขาอย่างไม่รู้ตัวอึดใจต่อมาปากของหลิงอี้หรานก็เต็มไปด้วยเลือดและเธอก็ตกใจ นั่นคือ... เลือดของอี้จิ่นหลี เธอเพิ่งรู้ตัวว่ากัดลิ้นของเขาเต็มแรงถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงจูบเธอไม่หยุดและบังคับให้เธอกลืนเลือดของเขา!เธอไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไร เมื่อจูบจบลงริมฝีปากของเธอรู้สึกชาและรสเลือดในปากของเธอแรงมาก“รสชาติดีไหมล่ะ?” เขากระซิบถาม มุมริมฝีปากของเขายกยิ้มและหยดเลือดค่อย ๆ ไหลลงมาจากมุมหนึ่งของปากรอยยิ้มของเขาดูขัดแย้งกับเลือดสีแดงเข้มที่ดูงดงามเธออ้าปากจะพูด แต่รสชาติของเลือดกลับเข้มข้นขึ้นและน้ำลายผสมกับเลือดก็ไหลลงมาจากมุมริมฝีปากของเธอเขายกนิ้วขึ้นเช็ดรอยแดงที่มุมริมฝีปากของเธอเบา ๆ "ความจริงนี่เป็นครั้งแรกที่ผู้หญิงดื่มเลือดของฉัน พี่เป็นข้อยกเว้นของกฎหลายข้อของฉันจริง ๆ"“ปล่อยฉันไป ได้โปรดเถอะนะ" เธอขอร้องอย่างจริงจั
เสียงจัวเชียนอวิ๋นดังมาจากปลายสาย “นี่ การผ่าตัดของเสี่ยวเหยียนเป็นไปด้วยดีนะ หมอบอกว่าเสี่ยวเหยียน หลังจากผ่านไปสองสามวันเสี่ยวเหยียนปรับตัวได้ เขาก็จะเริ่มการฝึกเรื่องของการแยกแยะเสียงแล้ว”“ดีมากเลยค่ะ” หลิงอี้หรานดีใจที่ได้ยิน “ถ้างั้นตอนบ่ายฉันจะแวะไปเยี่ยมเสี่ยวเหยียนนะคะ”จากนั้นหลิงอี้หรานก็ถามอีกครั้งถึงเลขห้องผู้ป่วยของเสี่ยวเหยียนในโรงพยาบาลก่อนจะวางสายไป“นี่เรื่องของเด็กที่หูหนวกนั่นเหรอ?” อี้จิ่นหลีมองหลิงอี้หรานก่อนถาม“การผ่าตัดของเสี่ยวเหยียนเป็นไปด้วยดี ยังไงตอนบ่ายฉันก็มีเวลาว่าง ฉันเลยจะไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล” หลิงอี้หรานบอก“ให้ฉันไปกับเธอแล้วกัน” อี้จิ่นหลีพูด“คุณจะไปกับฉันเหรอคะ?” หลิงอี้หรานเบิกตาโตอย่างประหลาดใจ “แต่… คุณไม่มีงานต้องทำเหรอ?”“ฉันก็แค่บอกให้เลขาเลื่อนงานตอนบ่ายออกไป ยังไงก็ไม่ได้มีอะไรเร่งด่วน” อี้จิ่นหลีพูดเรียบ ๆแต่หลิงอี้หรานรู้ดีว่าในบริษัทใหญ่แบบนี้ สำหรับคนเป็นประธานไม่มีอะไรที่ “เร่งด่วน” สำหรับเขา“ทำไม เธอไม่อยากให้ฉันไปด้วยเหรอ?” เขาถาม“เปล่า ไม่ใช่แบบนั้น” พูดตามตรงการที่เขาเต็มใจจะไปเป็นเพื่อนเธอ ทำให้เธอประหลาดใจแต่ก็ร
และเพราะว่าเธอฟังเข้าใจ จู่ ๆ เธอก็ยิ่งรู้สึกอายสุดท้ายอี้จิ่นหลีก็ตอบว่า “เธอนั่นแหละ”“โอ้ จิน คุณเป็นอะไรกับเธอเหรอ? เป็นคนรักกันไหม?” คนต่างชาติมักจะชอบถามอะไรตรง ๆหากว่าเป็นพนักงานชาติเดียวกัน ไม่มีใครกล้าถามอี้จิ่นหลีตรง ๆ แบบนี้แน่จากนั้นหลิงอี้หรานก็ได้ยินอี้จิ่นหลีตอบเป็นภาษาอังกฤษ “เธอเป็นคนโปรดของฉัน”ฉับพลันหลิงอี้หรานก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเธอมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบรัดไว้ แม้แต่จังหวะการเต้นของหัวใจก็เหมือนจะสะดุดหลังจากที่การประชุมทางวิดีโอจบลง อี้จิ่นหลีก็เดินเข้ามาหาเธอและถามว่า “เป็นอะไรไป? ทำไมหน้าแดงแบบนั้น?”“เปล่า…ไม่มีอะไรค่ะ” เธอรีบตอบแต่เขาก็เอามือมาจับหน้าเธอไว้แล้วพิจารณาหน้าแดงก่ำของเธอ “นี่เพราะว่าเรื่องที่พวกนั้นพูดเมื่อกี้เหรอ?”เธอไม่ได้ตอบอะไร แต่เธอก็ใช้ความเงียบเป็นการยอมรับ“ไว้อนาคตมีโอกาส ฉันจะแนะนำเธอกับพวกเขา” เขาบอก“แนะนำเหรอคะ?” เธอร้องเขาเลิกคิ้วเล็กน้อย “ทำไม เธอไม่อยากเหรอ?”เอ่อ… เธออึ้งไป ตอนนั้นดวงตาสีดอกท้อคู่นั้นฉายแววบีบคั้น เหมือนว่าหากเธอตอบว่าไม่อยาก เธอก็คงเหมือนเป็นตัวจุดประกายให้ไฟโทสะเขาลุกท่วมเธอคิดอยู่พั
“แต่ถึงกู้ลี่เฉินอยากจะแย่งเธอไปจริง ๆ เขาก็ทำไม่ได้ใช่ไหม? เพราะว่าคนที่เธอชอบก็คือฉัน และคนที่เธอมีชะตาต้องตกหลุมรักในอนาคตก็คือฉันใช่ไหม?”เสียงของเขาพึมพำและลมหายใจอุ่นร้อนก็เป่ารดใบหน้า เมื่อพูดจบเขาก็จูบเธอที่ริมฝีปากเขาไม่มีทางยกเธอให้ใคร เธอจะเป็นของเขาเท่านั้น……ตอนที่หลิงอี้หรานตื่นขึ้นมาให้วันต่อมา อี้จิ่นหลีก็ไปทำงานแล้ว หลังจากที่กินอาหารเช้าเสร็จเธอก็เตรียมอาหารกลางวันให้อี้จิ่นหลีที่คฤหาสน์อี้มีกล่องอาหารกลางวันและวัตถุดิบ และก็มีพ่อครัวอยู่ใกล้ ๆ เห็นชัดว่าพ่อครัวก็ได้รับคำสั่งมา หากว่าหลิงอี้หรานมีปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือ พ่อครัวก็พร้อมช่วยถึงขนาดที่ว่าหลังจากทำกล่องอาหารกลางวันแล้ว หลิงอี้หรานรู้สึกว่าฝีมือของตัวเองนั้นพัฒนาสูงขึ้นเลยทีเดียวเธอนำกล่องอาหารมาที่อี้กรุ๊ป แต่เพราะว่าวันนี้คนขับรถของตระกูลอี้เป็นคนพาเธอมา ยามที่หน้าประตูก็ตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นเธอลงมาจากรถแม้ว่าพนักงานหลายคนในบริษัทเริ่มที่จะลือกันว่าพนักงานส่งอาหารลึกลับคนนี้น่าจะไม่ใช่คนธรรมดา แต่ก็ไม่มีใครคิดว่าพนักงานคนนี้จะเปลี่ยนจากรถไฟฟ้าเล็ก ๆ มาเป็นรถส่วนตัวเร็วแบบนี้โดยเฉพาะรถ
ช่วงนี้เขามักจะมาค้างในห้องของเธอ นอนร่วมเตียงกับเธอ แม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะไม่ได้ทำอะไรกัน แต่มันก็เหมือนว่าการนอนร่วมเตียงเดียวกันนั้นกลายเป็นนิสัยไปโดยไม่รู้ตัวแล้วเพราะว่าเธอต้องเปิดไฟนอน เธอก็พูดเสียงอ่อนว่า “คุณจะชินกับการเปิดไฟนอนตลอดเวลาไปแล้ว ทำไมคุณไม่กลับไปนอนห้องคุณล่ะคะ”สุดท้ายเขาก็บอกว่า “ฉันอยากนอนกับเธอนี่ พี่สาว ถึงจะเปิดไฟไว้ก็ไม่เป็นไรหรอก”ดังนั้นคำพูดที่เหลือของเธอจึงโดนกลืนกลับลงไป“เธอจะนอนแล้วเหรอ?” อี้จิ่นหลีถามขณะที่มองหลิงอี้หรานเดินไปที่เตียง“ใช่” หลิงอี้หรานพูดพร้อมหน้าแดงเรื่อหลิงอี้หรานเลิกผ้าห่มและเข้าไปนอนเตียง มือของอี้จิ่นหลีก็มาโอบรอบเอวเธอ เขากอดเธอแนบแน่นและฝังใบหน้าซุกกายเธอราวเก็บเด็กที่อยากจะออดอ้อนเขาดูราวกับเด็กเล็กน้อยซึ่งต่างไปจากท่าทางปกติของเขา แต่ด้วยเหตุผลบางประการ หลิงอี้หรานรู้สึกว่าชอบอี้จิ่นหลีที่มีท่าทางเป็นเด็ก ๆ แบบนี้“ว่าแต่กู้ลี่เฉินหมายความว่าอะไรตอนที่คุยกับคุณวันนี้? พวกคุณทะเลาะกันเหรอ?”จู่ ๆ หลิงอี้หรานก็คิดขึ้นมาได้“ประโยคไหนล่ะ?” อี้จิ่นหลีถาม พลางรู้สึกว่าการกอดเธอมันชวนให้เสพติดมาก เมื่อเขากอดเธอแล้วก็ไม
“ฉันเข้าใจค่ะ ฉันจะไม่พูดอะไรกับเธอ” จัวเชียนอวิ๋นลังเลและบอกว่า “ถึงตอนนี้ฉันจะรู้ว่าเธอเป็นแฟนของคุณ ฉันไม่เคยบอกอะไรเธอมาตั้งแต่แรก และฉันก็ไม่คิดว่าจะบอกอะไร ไม่คิดจะหาประโยชน์จากเธอ แน่นอนว่าในอนาคตฉันก็ไม่คิดจะทำแบบนั้น ที่ตอนแรกฉันจ้างเธอก็เพราะว่าฉันรู้สึกว่าเธอเหมือนกับฉัน เคยติดคุกมาก่อน และรู้สึกว่าเราลงเรือลำเดียวกัน ฉันก็เลยอยากให้โอกาสเธอได้ทำงาน”ความเย็นชาในตาของอี้จิ่นหลีหายไป “ผมไม่สนหรอกว่าระหว่างคุณกับเย่เหวินหมิงมีเรื่องอะไร แต่ตราบใดที่เธอยังทำงานที่นี่กับคุณ เธอก็จะทำงานอย่างปลอดภัย หากว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ ไม่ว่าจะอะไร คุณโทรหาผมได้ตลอด”เมื่อพูดจบ เขาก็เอาเบอร์มือถือให้จัวเชียนอวิ๋นจัวเชียนอวิ๋นรีบจดลงไป เธอเกรงว่าคงมีไม่กี่คนที่สามารถมีเบอร์นี้ได้ในเมืองเสิ่น แต่ตอนนี้เธอได้มาภายใต้เงื่อนไขแต่ที่อี้จิ่นหลีบอกว่าเขาไม่สนว่าระหว่างเธอกับเย่เหวินหมิงมีเรื่องอะไร ก็แปลว่าเขาคงไม่บอกเย่เหวินหมิงว่าเธออยู่ที่ไหน ซึ่งนี่ก็ทำให้จัวเชียนอวิ่นหายใจได้อย่างโล่งอกอี้จิ่นหลียังอยู่ในร้านและกินมื้อเย็นกับหลิงอี้หรานดังนัั้นเมื่อเลิกงาน เพื่อนร่วมงานทุกคนเลยได้รู
จัวเชียนอวิ๋นจำได้ว่าตอนที่เธอดึงหลิงอี้หรานมาถาม อีกฝ่ายก็ให้คำตอบที่ชัดเจนหนักแน่นกับเธอ“ก็พี่จัว คนที่ว่าก็คืออี้จิ่นหลีของอี้กรุ๊ป” โอเค ก็ถือว่าเป็นคำตอบแล้วกันจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกว่าเหมือนมีฟ้าผ่าลงมากลางหัวเธอ ซึ่งทำให้เธอมึนไม่หายพนักงานส่งอาหารให้ร้านของเธอเป็นแฟนกับอี้จิ่นหลีจริงเหรอ? ถ้าบอกไปแล้วใครจะเชื่อ?โดยเฉพาะหลิงอี้หรานบอกว่ายังมีอาหารที่ต้องออกไปส่งอีก อี้จิ่นหลีก็บอกว่า “ถ้างั้นฉันจะรอเธอที่นี่ วันนี้ยังไงก็ว่าง”ดังนั้นคนหนึ่งก็ออกไปส่งอาหาร ส่วนอีกคนก็… เอ่อ อ่านหนังสือจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกว่าเธอประสบคลื่นลมโหมกระหน่ำ แต่ตอนนี้เธอสับสนมากทำไมอี้หรานถึงได้ยังมาทำงานที่ร้านของเธอหากว่ามีแฟนแบบนี้? แล้วอี้จิ่นหลีจริงจังกับอี้หรานเหรอ?แต่เมื่อมองเหตุการณ์ก่อนหน้าระหว่างทั้งสอง ก็ไม่ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องหลอกลวง อย่างน้อยท่าทีของอี้จิ่นหลีที่มีต่ออี้หรานด้วยสายตาคนนอกอย่างเธอก็เห็นได้ว่าเขารักอี้หรานมากเมื่อเห็นว่าอี้จิ่นหลีกินกาแฟหมดแล้ว จัวเชียนอวิ๋นก็เดินเข้าไปหาและถามว่า “คุณอี้ ต้องการอะไรเพิ่มไหมคะ?”“ขอน้ำให้ผมแก้วหนึ่งพอครับ” อี้จิ่นหลีบอกดังนั้น
หลิงอี้หรานอดหน้าแดงไม่ได้ เธอกัดปากเล็กน้อยและบอกกับจัวเชียนอวิ๋น “เขาเป็นแฟนฉันค่ะ”“แฟนเธอเหรอ?” จัวเชียนอวิ๋นตาเบิกกว้างทันที แม้เธอจะรู้สึกได้ว่าระหว่างทั้งสองคนมีบรรยากาศแปลก ๆ ขณะที่พูดคุยกันก็ตามแต่… แฟนเหรอ? อี้หรานมีแฟนเหรอ? แถมยังเป็นผู้ชายที่ดูลึกล้ำยากจะหยั่งถึงนี่คือสิ่งที่จัวเชียนอวิ๋นรู้สึก ตอนนั้นเองแม้ว่าชายคนนั้นจะมีรอยยิ้มบนใบหน้าและดูไม่มีพิษภัย แต่เธอไม่คิดว่าชายคนนี้จะไร้พิษภัยจริง ๆ ตรงกันข้ามสัญชาตญาณบอกเธอว่าชายคนนี้อันตรายมากทั้งร่างของเขาแผ่กลิ่นอายของคนที่สูงส่งออกมา“ค่ะ แฟนฉัน” หลิงอี้หรานตอบ“สวัสดีค่ะ… ฉันเป็นเจ้าของร้านที่นี่ จัวเชียนอวิ๋น” จัวเชียนอวิ๋นแนะนำตัวเอง“สวัสดีครับ ผมอี้จิ่นหลี” อี้จิ่นหลีบอกสีหน้าจัวเชียนอวิ๋นตะลึงอีกครั้ง จากนั้นแววตาประหลาดใจของเธอก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆอี้จิ่นหลี… คงไม่ใช่… คงไม่ใช่คนที่เธอคิดหรอกนะ ตอนนี้จัวเชียนอวิ๋นรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาร้านของเธอมีกู้ลี่เฉินมา แล้วก็มีอี้จิ่นหลีมาอีก ผู้ชายทั้งสองคนต่างก็มาหาอี้หรานแล้ว… ตัวตนที่แท้จริงของเธอมันยังไงกันแน่? ใช่แบบที่เขียนในใบสมัครงานจริงเหรอ?ตอน
อี้จิ่นหลียังคงดื่มกาแฟในมือสบาย ๆ เหมือนกับว่าเขากำลังเพลิดเพลินกับเวลาน้ำชา และเขาก็แค่มาพูดคุยเล่นกับกู้ลี่เฉินไม่ได้คุยเรื่องที่สามารถเขย่าเมืองเสิ่นให้สั่นสะเทือนได้กู้ลี่เฉินค่อย ๆ สงบความคุกรุ่นในแววตาลงและก็หยิบกาแฟขึ้นมาจิบอีกครั้งทั้งสองต่างก็ไม่มีบรรยากาศน่าตึงเครียดเหมือนก่อนหน้าแล้ว และตอนนี้ก็เหมือนเป็นการกินข้าวกันระหว่างเพื่อนเท่านั้นจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะลูกค้าคนอื่น ๆ ในร้านโดยเฉพาะลูกค้าสาว ๆ ต่างก็มองทั้งสองเป็นระยะ อย่างไรพวกเขาคนหนึ่งก็ดูเหมือนดารา ไม่ต้องนับพวกลูกค้าสาวหรอก ขนาดจัวเชียนอวิ๋นเองยังอยากหยิบมือถือมาถ่ายเลยตอนที่ลูกค้าสาวยกมือถือส่องไปทางอี้จิ่นหลีและกู้ลี่เฉิน ก่อนที่เธอจะทันได้กดปุ่มถ่ายรูปก็มีมือใหญ่มาขวางเอาไว้เขาก็คือบอดี้การ์ดของอี้จิ่นหลี เขาพูดกับลูกค้าสาวว่า “ท่านประธานไม่ชอบโดนถ่ายรูปครับ ถ้าคุณยืนกรานจะถ่ายให้ได้ ผมก็คงทำได้แค่ต้องเชิญคุณออกไป”ลูกค้าสาวอึ้งงันไป นี่มัน…ขู่กันเหรอ? แต่เมื่อเธอเห็นสีหน้าไร้อารมณ์ของบอดี้การ์ดและ… ร่างกายกำยำของเขา คำพูดที่เธอเตรียมจะเอ่ยประท้วงก็โดนกลืนกลับลงท้องไปจิตสำนึกบอก
นิ้วมือของกู้ลี่เฉินที่จับแก้วกาแฟอยู่บีบแน่นเล็กน้อย “แล้วถ้าฉันเสียใจล่ะ?” ตอนนั้นเขาประเมินน้ำหนักของหลิงอี้หรานที่มีในใจตัวเองต่ำไปเขาคิดว่าหลิงอี้หรานเหมือนคนที่เขาตามหา ดังนั้นเขาก็เลยสนใจเธอแค่นั้นแต่ต่อมาเขาก็พบว่ามันมากกว่านั้น เมื่อเขาเห็นคนอื่นทำร้ายเธอ ทำอันตรายเธอ เขาก็รู้สึกหัวใจบีบรัดและรีบเข้าไปช่วยโดยไม่รู้ตัวเหมือนว่าแค่เห็นเธอบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยก็ทำให้เขาใจสลายได้ และตอนที่เธอจะจากไป เขาก็คิดเรื่องเธอมาก เหมือนว่าเขาอยากให้เธอมองเขานานอีกหน่อยแค่เพียงนิดเดียวก็ยังดีนานแค่ไหนแล้วที่เขาสนใจผู้หญิงสักคนมากขนาดนี้? ยกเว้นเด็กผู้หญิงที่เคยช่วยเขาตอนนั้น เธอเป็นแค่คนเดียวเท่านั้นเขาถึงกับคิดว่า บางทีเขาไม่น่ายอมปล่อยเธอให้อี้จิ่นหลีง่ายเกินไปเลย หากว่าเธออยู่ข้างกายเขา จะทำให้เขาคิดถึงคนที่ตามหาอยู่น้อยลงไหม? แล้วจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากการไม่ได้สิ่งที่เขาต้องการมาบ้างไหม?แววตาอี้จิ่นหลีมืดครึ้มทันที เขาจ้องกู้ลี่เฉินเย็นชา “นายไม่มีโอกาสแน่ และฉันก็จะไม่ให้นายมีโอกาสด้วย”“งั้นเหรอ?” กู้ลี่เฉินสบตาอีกฝ่าย “งั้นฉันคงต้องขอลองดูและดูว่าทำไมฉันถึงได้ไม่มีโอ