วันนี้เป็นวันที่คนในบ้านสกุลจางยุ่งมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว นางหูกำลังตั้งหม้อเตรียมทำน้ำตาลผักกับหลี่อ้ายและจางอี้เทา พวกเขาต้องเร่งมือเพื่อให้ทันส่งมอบให้กับเถ้าแก่หวังในวันพรุ่งนี้ หลี่อ้ายแยกตัวออกไปพลิกหญ้าสายรุ้งเป็นระยะ ทั้งสามปล่อยให้จางอี้หมิงนอนหลับผักพ่อนให้เต็มที่เด็กน้อยยังคงนอนอุตุอยู่บนแคร่ ไม่ได้ตื่นมากินข้าวเช้า แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีใครปลุกเลยสักคน สมาชิกบ้านจางรู้สึกสงสารจางอี้หมิงไม่น้อย ตัวก็เล็กเพียงเท่านี้แต่สามารถแบกเรื่องหนัก ๆ แบ่งเบาภาระครอบครัวไว้ได้มากมาย ในเมื่อวันนี้ไม่มีกำหนดการทำอันใดเป็นพิเศษ จึงเลือกให้เด็กชายนอนพักผ่อนชดเชยหลายวันที่ผ่านมา“ท่านย่าขอรับ ข้าหิว” จนกระทั้งในยามอู่ (11.00-12.59) จางอี้หมิงลุกขึ้นจากที่นอน เขาแยกตัวไปล้างหน้าล้างตาแล้วจึงเดินออกมานอกบ้าน เมื่อมาถึงก็เห็นว่าทั้งสามคนกำลังช่วยกันพลิกกลับหญ้าสายรุ้งให้ตากแดดได้ทั่วถึง“หมิงเอ๋อร์ เจ้าตื่นแล้ว หิวมากหรือไม่ รอย่าสักครู่นะ สะใภ้ เจ้าไปหาอาหารให้หมิงเอ๋อร์เถอะ ทางนี้ข้าจะพลิกกลับต้นหญ้าสายรุ้งเอง” นางหูเอ่ยทักหลานชาย เมื่อได้ยินว่าอี้หมิงหิว นางจึงหันไปสั่งการหลี่อ้ายทันที“ได้
“หมิงเอ๋อร์ แล้วถ้าเกลือผักสามารถทำออกมาขายได้เล่า เจ้าได้วางแผนไว้เช่นไรบ้าง” หลังจากที่เอ่ยชมกันไปมาแล้ว อี้เทาจึงถามบุตรชายด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ท่านพ่อ เกลือผักข้าจะไม่หวงสูตรขอรับ เพราะเกลือผักใช้เวลาในการทำนานกว่า ขั้นตอนยุ่งยากกว่า แต่ข้าจะขอส่วนแบ่งจากการขายแทนขอรับ อีกหนึ่งเหตุผลคือหากเราคิดค่าสูตรทุกอย่าง ชาวบ้านอาจจะต่อต้านเราเหมือนกับท่านพี่หลวนซาน เราแค่ขอส่วนแบ่งเล็กน้อยเท่านั้นก็พอ”“แต่ท่านพ่ออย่าลืมนะขอรับ ถึงแม้จะเพียงแค่หนึ่งอีแปะ แต่ถ้าปริมาณการขายเป็นหมื่นเป็นแสนห่อ ท่านพ่อคิดว่ามันจะมีรายได้เกิดขึ้นเท่าไรขอรับ”“หมิงเอ๋อร์ เจ้าช่างเหมือนกับท่านปู่ของเจ้ายิ่งนัก” นางหูเอ่ยชมออกมาหลังจากที่ได้ฟังความคิดของหลานชายสามีของนางทั้งเป็นคนดี รักครอบครัวและเก่งกาจในการทำการค้ายิ่งนัก เมื่อเห็นว่าอี้เทาชื่นชอบการเป็นอาจารย์ในสำนักศึกษา ก็ไม่เคยบังคับให้สืบต่อกิจการค้าผ้า น่าเสียดายที่สามีของนางอายุสั้น ไม่ทันได้เห็นความน่ารักและเฉลียวฉลาดของหลานชาย“ข้าเก่งเหมือนท่านพ่อแล้ว ข้ายังเก่งเหมือนท่านปู่ด้วยขอรับ ฮิฮิ” “เจ้าเด็กหลงตัวเอง” นางหูถึงกับส่ายหน้าแต่ก็ยกยิ้มกว้าง นางเพ
“ท่านพ่ออย่าได้เป็นกังวลไปเลยขอรับ ต้นหญ้าหวานมีเป็นภูเขา ถึงแม้จะมีใบสั่งซื้อจำนวนมาก ทว่าในการทำหัวเชื้อ เราใช้ต้นหญ้าหวานนิดเดียวเท่านั้น ท่านพ่อลืมแล้วหรือขอรับว่าเราไม่ต้องตากต้นหญ้าหวานแล้ว ในเมื่อเราใช้ใบสดในการทำน้ำตาลผัก ปริมาณที่ใช้จึงลดลงตามไปด้วย อีกอย่างหนึ่งคือใบหญ้าหวานสดหนึ่งจินใช้ทำหัวเชื้อได้ประมาณสิบไหเลยนะขอรับ”“จริงเช่นหมิงเอ๋อร์พูด พ่อช่างเป็นคนขี้ลืม หมิงเอ๋อร์บอกว่าจะปรับสูตรการทำหัวเชื้อเช่นนั้นหรือ ในเมื่อวันนี้ไม่มีวัตถุดิบที่จะทดลองแล้ว เช่นนั้นค่อยทดลองวันอื่นกันเถอะ”“หมิงเอ๋อร์ พรุ่งนี้หลังจากที่เราส่งน้ำตาลผักรอบสุดท้ายและตกลงจ้างงานกับเถ้าแก่หวังเสร็จแล้ว พ่อว่าเราไปหาท่านปู่หลินให้ช่วยเรื่องการสร้างบ้านกันเถอะ เรื่องสร้างบ้านพ่อไม่ถนัด เกรงว่าจะพูดคุยกับช่างไม่รู้เรื่อง แล้วหมิงเอ๋อร์พอรู้เรื่องการสร้างบ้านหรือไม่” จางอี้เทาปรึกษาบุตรชายอีกหนึ่งเรื่อง ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญเร่งด่วนอันดับหนึ่ง“ข้าเป็นเพียงเด็กน้อยห้าขวบ ไหนเลยจะรู้เรื่องการสร้างบ้านเล่าท่านพ่อ แต่ข้ารู้ว่าบ้านหลังนี้ ข้าต้องการสิ่งใดบ้าง ในวันที่คุยกับช่าง ข้าจะอธิบายให้ท่านพ่อและช่า
เมื่อเช้าวันใหม่มาเยือน สุริยายังไม่โผล่พ้นขอบฟ้า แต่สมาชิกตระกูลจางต่างก็พากันลุกขึ้นมาจัดการหน้าที่ของตนเองแล้ว แม้แต่เด็กน้อยอย่างจางอี้หมิงก็ตื่นนอนมาเตรียมตัวด้วยเมื่อวานตอนเย็นหลังจากที่ได้พูดคุยตกลงกัน พวกเขาได้ข้อสรุปแล้วว่าจะลงหลักปักฐานเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่หมู่บ้านหลัวถงนี้ดังนั้นแล้ว จางอี้หมิงจึงได้ขอโฉนดที่ดินมาจากท่านย่าเพื่อนำมาวางแผนผังการใช้สอยที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด ที่ดินของตระกูลจางมีทั้งหมดสามสิบหมู่และอยู่ท้ายหมู่บ้าน บ้านที่ชาวบ้านช่วยกันสร้างให้ตอนนี้อยู่ห่างจากลำธารพอสมควร จางอี้หมิงจึงเสนอให้แบ่งที่ดินออกเป็น 5 ส่วน ในเมื่อสกุลจางตกลงที่จะเป็นพ่อค้าคนกลางแล้ว ที่ดินที่จะใช้ในการปลูกพืชผักจึงตัดออกไปเสียมาก เหลือเพียงไว้ใช้ปลูกพืชผักเพื่อกินเองเท่านั้นบริเวณหน้าบ้าน อี้หมิงตั้งใจจะสร้างเป็นสถานศึกษาในอนาคต ที่ดินจึงถูกกันไว้มากหน่อย บ้านที่กำลังจะสร้างในอีกไม่กี่วันนี้เป็นแบบชั่วคราวเพื่อรอให้ชาวบ้านร่ำรวยและสร้างไปพร้อมกัน จึงจัดไว้ตรงกลาง เหลือพื้นที่หลังสุดที่อยู่ใกล้ลำธารสำหรับสร้างบ้านที่สวยงามและมีขนาดใหญ่ในภายหลังเมื่อวาดแบบออกมาอย่างคร่าว ๆ
“เถ้าแก่เอาน้ำตาลผักกับเกลือผักมาเปรียบเทียบกันไม่ได้ขอรับ เพราะเกลือผัก ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนในการทำ ระยะเวลาในการทำ รวมถึงการดูแลรักษายุ่งยากกว่าน้ำตาลผักมาก แต่ถ้าหากว่าเถ้าแก่คิดว่าแพงเกินไป กลุ่มการค้าหลัวถงก็คงต้องขอนำเกลือผักไปเสนอให้กลุ่มการค้าอื่นแทน ท่านว่าดีหรือไม่ขอรับ”“มะ ไม่ดีหมิงหมิงน้อย ข้าเพียงล้อเล่นเท่านั้นเอง ได้ฟังเจ้าอธิบายมาเช่นนี้แล้ว ข้าพอจะเข้าใจและยอมรับได้ เช่นนั้นก็ตกลงที่ราคาสิบอีแปะเท่าราคาเครื่องเทศนั่นแหละ” ฮึ! ช่างเป็นเด็กที่เจ้าเล่ห์เสียจริง เห็นรูปร่างเป็นเด็กน้อยเช่นนี้ ประมาทไม่ได้เสียแล้ว ในเรื่องการต่อรอง เขาต้องระวังตัวเช่นนี้เชียวหรือ เฮ้อ! หมดกันกับฉายาเถ้าแก่หวังผู้ไม่เคยพ่าย เถ้าแก่ร้านขายของชำถึงกับยกมือขึ้นซับเหงื่อตรงบริเวณหน้าผากทั้งที่ไม่มีเหงื่อออกมาเลยสักหยด“ท่านพ่อ ข้าขอตัวอย่างเกลือผักด้วยขอรับ” จางอี้หมิงขอเกลือผักจากบิดา เด็กน้อยได้คาดการณ์ไว้แล้วว่าเกลือผักต้องขายได้หลังจากที่ได้ยินเถ้าแก่หวังบอกเหตุผลตั้งแต่วันที่มาคุยเรื่องการค้าครั้งใหญ่ อีกอย่าง ในฐานะพ่อค้า เหตุใดจะไม่หาหนทางให้ขายได้ ถ้าเกลือผักนำออกขายไม่ได้ นั่นล่ะที่
“พี่ซีฮัน ข้ากับท่านพ่อเพิ่งมาถึง เหตุใดข้าจึงเป็นสาเหตุของเรื่องราววุ่นวายได้ล่ะขอรับ”จางอี้หมิงเกาหัวตนเองอย่างสับสนมึนงง เขาไม่เข้าใจว่าตนเองไปเป็นต้นเหตุของเรื่องราวได้เช่นไร เพิ่งก้าวเท้าเข้ามาได้ไม่เท่าไรก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นต้นเหตุเสียแล้ว เสียงดังโหวกเหวกพวกนี้มีมาก่อนหน้านี้แล้วมิใช่หรือ“เพราะรายการอาหารใหม่ที่จำกัดจำนวนการขายเป็นความเห็นของเจ้าเช่นไรเล่า ลูกค้าพวกนั้นถึงทะเลาะกันอยู่อย่างนี้” ซีฮันถึงกับเล่าไปด้วยใบหน้าแดงก่ำ เขาต้องยืนอยู่ตรงกลางชายชราทั้งสองคนมานานกว่าสองเค่อแล้วเห็นว่าเป็นชายชราเช่นนั้นหรือ ฮึ! หลอกลวงทั้งเพ ไม่รู้เอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ยื้อยุดฉุดกระชากกันไปมา ไม่เห็นใจคนที่อยู่ตรงกลางเช่นเขาเลยสักนิด“พี่ซีฮันอย่าเพิ่งโมโหไปขอรับ รบกวนพี่ซีฮันไปแจ้งแก่พวกเขาทุกคนว่าให้อยู่ในความสงบ ขอข้าได้รับฟังเรื่องราวสักนิด คงใช้เวลาไม่นานที่จะหาทางออกของปัญหาให้ขอรับ” “ได้ ๆ” เสี่ยวเอ้อร์อันดับหนึ่งของเหลาอาหารซิ่งฝูรีบไปจัดการตามที่เจ้านายตัวน้อยกล่าว เมื่อเขานำความไปแจ้งแก่ลูกค้ากลุ่มนั้น พวกเขาจึงเงียบเสียงลงและเดินไปนั่งรอคอยว่าเหลาอาหารซิ่งฝูจะจัดการปัญหาเช่นไร
“ขอถามท่านปู่ทั้งสอง พวกท่านสามารถเลื่อนการชิมอาหารไปในครั้งหน้าได้หรือไม่ ข้าจะให้พี่ซีฮันให้ท่านอยู่ลำดับแรก ๆ เลยขอรับ” “เด็กน้อย เจ้าเป็นใคร เหตุใดจึงมาแทรกการสนทนาของผู้ใหญ่” ผู้เฒ่าคนแรกเอ่ยถามขึ้นจางอี้หมิงพิจารณาการแต่งกายของคนตรงหน้าแล้ว คาดว่าคงจะไม่ใช่คหบดีหรือเศรษฐี ถ้าเดาไม่ผิดอาจจะเป็นหัวหน้าพ่อบ้านของจวนไหนสักแห่ง“ตอบท่านปู่ ข้าชื่อจางอี้หมิง เป็นหลานชายบุญธรรมของท่านปู่หลินไห่ เจ้าของเหลาอาหารซิ่งฝูขอรับ” จางอี้หมิงลุกขึ้นยืนตัวตรง ยกมือคารวะไปยังสองผู้เฒ่าพร้อมกับตอบคำถามด้วยน้ำเสียงชัดเจนฉะฉาน“หน้าตาของเจ้าช่างคุ้นนัก มิใช่เด็กน้อยที่ตะโกนขายน้ำตาลผักที่ร้านเถ้าแก่หวังหรอกหรือ”“เป็นข้าเองขอรับ” “ไม่นึกเลยว่าเด็กน้อยคนนั้นจะเป็นถึงหลานชายบุญธรรมของเถ้าแก่หลินไห่ ข้าชื่อหานอี้ เป็นหัวหน้าพ่อบ้านคหบดีหานอี้ฝาน รับคำสั่งจากคุณหนูใหญ่ให้มาทำการจองลำดับในวันนี้ แต่ไม่นึกว่าจะต้องมาเจอกับเจ้าเฒ่าหน้าเหม็นจวนผิงไปเสียได้” หานอี้อธิบาย เขามองไปยังผู้เฒ่าอีกคนด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย“เจ้าเฒ่าหาน อย่ามากล่าวหาข้าลอย ๆ เช่นนี้ นึกว่าข้าจะอยากมาเจอตาเฒ่าเช่นเจ้าหรือไร เพียงแต่
“ใช่แล้วขอรับคุณชายหวง อี้หมิง ทำความเคารพคุณชายหวงห่าวหรานเสียสิ คุณชายหวงเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของท่านเจ้าเมือง คุณชายหวงขอรับ เด็กน้อยคนนี้เป็นหลานบุญธรรมของข้า ชื่อว่าจางอี้หมิง และนั่นจางอี้เทา บิดาของเขาขอรับ” หลินไห่เอ่ยแนะนำอี้หมิงให้รู้จักกับชายหนุ่ม“คารวะคุณชายหวง” สองพ่อลูกสกุลจางเอ่ยทักทายตามคำบอกของเถ้าแก่หลิน“ยินดีที่ได้รู้จักเด็กฉลาดเช่นเจ้านะ หมิงหมิงน้อย เห็นทีว่าเถ้าแก่หลินคงไม่สะดวกในวันนี้ เช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อนดีหรือไม่” หวงห่าวหรานเอ่ยถามเสียงทุ้ม“ขอบคุณขอรับ” จางอี้หมิงเอ่ยตอบ แต่ในใจกลับคิดไปไกล หล่อโอ้ปป้าเกาหลีแบบนี้นี่เอง คุณหนูใหญ่ของทั้งสองจวนถึงแย่งกันขนาดนี้ แม้แต่การพูดยังคุณช๊ายคุณชาย “คุณชายหวงอย่าได้เป็นกังวล ข้าขอจัดการปัญหาสักครู่ เชิญคุณชายนั่งรอก่อนขอรับ” หลินไห่วางเด็กน้อยลงบนพื้นก่อนที่จะหันไปเชิญหวงห่าวหรานให้นั่งลงก่อน“ซีฮัน เกิดเรื่องอันใดขึ้น” เถ้าแก่หันไปถามคนงานด้วยน้ำเสียงจริงจังซีฮันจึงเริ่มเล่าเรื่องตั้งแต่เขาเปิดรับการจองลำดับอาหารทั้งหลายตามจำนวนที่เถ้าแก่ได้สั่งไว้ แต่ปรากฏว่าสามสหายท่องหล้าอันดับสุดท้ายนั้น เขาไม่รู้จะมอบ
คุณชายรองจวนเจ้าเมืองไม่นึกสงสัยในคำบอกเล่าของเถ้าแก่หลินอีกแล้ว เมื่อเช้านี้ เถ้าแก่หลินไห่ได้ไปเชิญท่านพ่อและครอบครัวของเขาให้มาในการเปิดตัวอาหารชนิดใหม่ เห็นเถ้าแก่เล่าถึงความฉลาดและเรื่องราวของเด็กน้อยบนตักให้ทุกคนได้รับฟังด้วยความภูมิใจนักหนา เขายังแปลกใจปนสงสัยในความฉลาดเกินเด็กของหลานชายบุญธรรมเถ้าแก่ไม่น้อย แต่หลังจากที่ได้ยินข้อเสนอนี้แล้ว เขาก็ไม่สงสัยอีกต่อไปหวงห่าวหรานหันหน้าไปมองจางอี้เทา แม้จะเป็นชาวบ้านธรรมดา แต่ความคิดความอ่านช่างดีนัก สามารถสอนบุตรชายให้เก่งกาจได้ถึงเพียงนี้ น่าคบหาเอาไว้ไม่น้อยทีเดียว“พี่ชายอี้เทา ท่านช่างสอนหมิงหมิงน้อยได้ดียิ่งนัก เช่นนั้นเจ้าก็ไปหาเถ้าแก่หลินไห่เถอะ บอกว่าเจ้าแก้ไขปัญหาได้แล้ว และข้ายินดีทำตามที่เจ้าต้องการ จะทำเช่นไรนั้นค่อยปรึกษากันทีหลัง ดีหรือไม่” หวงห่าวหรานเอ่ยชมจางอี้เทา ก่อนก้มหน้ายอมรับข้อเสนอของเด็กน้อยบนตักตนเองด้วยรอยยิ้มสมแล้วที่เป็นบุตรชายของท่านเจ้าเมือง เพียงได้ฟังคำบอกจากเขาก็เข้าใจได้ทั้งหมดจางอี้หมิงที่ได้ยินเช่นนั้นจึงยิ้มกว้างตอบ ขยับตัวลงจากตักของคุณชายหวงแล้ววิ่งไปหาท่านปู่หลินทันที“ท่านปู่ขอรับ ท่านมีท
“เมื่อถึงคราวครบกำหนดส่งเครื่องบรรณาการ ทุกเมืองในแคว้นฉินจะต้องหาเครื่องบรรณาการที่ล้ำค่าที่สุดส่งเข้าไปให้กับเมืองหลวงเพื่อคัดเลือกเป็นสิ่งของล้ำค่า ราวกับเป็นตัวแทนแคว้นฉินส่งมอบให้กับแคว้นจ้าว หากเมืองไหนได้รับเลือก เมืองนั้นจะได้รับการยกเว้นภาษีที่จะต้องส่งให้กับเมืองหลวง และยังได้เงินอีกจำนวนหนึ่งเป็นของรางวัลด้วย เมืองไห่ถังมิเคยได้รับเลือกเป็นตัวแทนสักครั้ง ท่านพ่อจึงหวังว่าในครั้งหน้า เมืองไห่ถังจะได้รับเลือก”“ท่านเจ้าเมืองช่างเป็นคนดียิ่ง” จางอี้เทาเปรยออกมาอย่างชื่นชม“แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าจะหาวิธีไหนในการหาสิ่งของที่มีมูลค่า จะประกาศออกไปก็เห็นทีจะทำไม่ได้ เพราะอาจจะเป็นการเปิดเบาะแสให้เมืองอื่นนำความคิดไปใช้ ข้าได้ข่าวลับมาว่าแคว้นจ้าวกำลังหาของขวัญเพื่อมอบให้เป็นของขวัญวันเกิดกับองค์หญิงพระองค์หนึ่งซึ่งหลงใหลในภาพวาดและงานเขียนเป็นอย่างมาก ท่านพ่อจึงคิดจะหาภาพวาดเพื่อมอบให้กับองค์หญิง” หวงห่าวหรานถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ เขาพูดออกมาเสียยืดยาวโดยลืมคิดไปเลยว่าเด็กตัวกระจ้อยแค่นี้จะมาเข้าใจอะไร“หมิงหมิงน้อย ข้าขอโทษเจ้าด้วย เจ้ายังเป็นเด็ก ข้าก็ช่างเลอะเลือน เอาปัญห
“ใช่แล้วขอรับคุณชายหวง อี้หมิง ทำความเคารพคุณชายหวงห่าวหรานเสียสิ คุณชายหวงเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของท่านเจ้าเมือง คุณชายหวงขอรับ เด็กน้อยคนนี้เป็นหลานบุญธรรมของข้า ชื่อว่าจางอี้หมิง และนั่นจางอี้เทา บิดาของเขาขอรับ” หลินไห่เอ่ยแนะนำอี้หมิงให้รู้จักกับชายหนุ่ม“คารวะคุณชายหวง” สองพ่อลูกสกุลจางเอ่ยทักทายตามคำบอกของเถ้าแก่หลิน“ยินดีที่ได้รู้จักเด็กฉลาดเช่นเจ้านะ หมิงหมิงน้อย เห็นทีว่าเถ้าแก่หลินคงไม่สะดวกในวันนี้ เช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อนดีหรือไม่” หวงห่าวหรานเอ่ยถามเสียงทุ้ม“ขอบคุณขอรับ” จางอี้หมิงเอ่ยตอบ แต่ในใจกลับคิดไปไกล หล่อโอ้ปป้าเกาหลีแบบนี้นี่เอง คุณหนูใหญ่ของทั้งสองจวนถึงแย่งกันขนาดนี้ แม้แต่การพูดยังคุณช๊ายคุณชาย “คุณชายหวงอย่าได้เป็นกังวล ข้าขอจัดการปัญหาสักครู่ เชิญคุณชายนั่งรอก่อนขอรับ” หลินไห่วางเด็กน้อยลงบนพื้นก่อนที่จะหันไปเชิญหวงห่าวหรานให้นั่งลงก่อน“ซีฮัน เกิดเรื่องอันใดขึ้น” เถ้าแก่หันไปถามคนงานด้วยน้ำเสียงจริงจังซีฮันจึงเริ่มเล่าเรื่องตั้งแต่เขาเปิดรับการจองลำดับอาหารทั้งหลายตามจำนวนที่เถ้าแก่ได้สั่งไว้ แต่ปรากฏว่าสามสหายท่องหล้าอันดับสุดท้ายนั้น เขาไม่รู้จะมอบ
“ขอถามท่านปู่ทั้งสอง พวกท่านสามารถเลื่อนการชิมอาหารไปในครั้งหน้าได้หรือไม่ ข้าจะให้พี่ซีฮันให้ท่านอยู่ลำดับแรก ๆ เลยขอรับ” “เด็กน้อย เจ้าเป็นใคร เหตุใดจึงมาแทรกการสนทนาของผู้ใหญ่” ผู้เฒ่าคนแรกเอ่ยถามขึ้นจางอี้หมิงพิจารณาการแต่งกายของคนตรงหน้าแล้ว คาดว่าคงจะไม่ใช่คหบดีหรือเศรษฐี ถ้าเดาไม่ผิดอาจจะเป็นหัวหน้าพ่อบ้านของจวนไหนสักแห่ง“ตอบท่านปู่ ข้าชื่อจางอี้หมิง เป็นหลานชายบุญธรรมของท่านปู่หลินไห่ เจ้าของเหลาอาหารซิ่งฝูขอรับ” จางอี้หมิงลุกขึ้นยืนตัวตรง ยกมือคารวะไปยังสองผู้เฒ่าพร้อมกับตอบคำถามด้วยน้ำเสียงชัดเจนฉะฉาน“หน้าตาของเจ้าช่างคุ้นนัก มิใช่เด็กน้อยที่ตะโกนขายน้ำตาลผักที่ร้านเถ้าแก่หวังหรอกหรือ”“เป็นข้าเองขอรับ” “ไม่นึกเลยว่าเด็กน้อยคนนั้นจะเป็นถึงหลานชายบุญธรรมของเถ้าแก่หลินไห่ ข้าชื่อหานอี้ เป็นหัวหน้าพ่อบ้านคหบดีหานอี้ฝาน รับคำสั่งจากคุณหนูใหญ่ให้มาทำการจองลำดับในวันนี้ แต่ไม่นึกว่าจะต้องมาเจอกับเจ้าเฒ่าหน้าเหม็นจวนผิงไปเสียได้” หานอี้อธิบาย เขามองไปยังผู้เฒ่าอีกคนด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย“เจ้าเฒ่าหาน อย่ามากล่าวหาข้าลอย ๆ เช่นนี้ นึกว่าข้าจะอยากมาเจอตาเฒ่าเช่นเจ้าหรือไร เพียงแต่
“พี่ซีฮัน ข้ากับท่านพ่อเพิ่งมาถึง เหตุใดข้าจึงเป็นสาเหตุของเรื่องราววุ่นวายได้ล่ะขอรับ”จางอี้หมิงเกาหัวตนเองอย่างสับสนมึนงง เขาไม่เข้าใจว่าตนเองไปเป็นต้นเหตุของเรื่องราวได้เช่นไร เพิ่งก้าวเท้าเข้ามาได้ไม่เท่าไรก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นต้นเหตุเสียแล้ว เสียงดังโหวกเหวกพวกนี้มีมาก่อนหน้านี้แล้วมิใช่หรือ“เพราะรายการอาหารใหม่ที่จำกัดจำนวนการขายเป็นความเห็นของเจ้าเช่นไรเล่า ลูกค้าพวกนั้นถึงทะเลาะกันอยู่อย่างนี้” ซีฮันถึงกับเล่าไปด้วยใบหน้าแดงก่ำ เขาต้องยืนอยู่ตรงกลางชายชราทั้งสองคนมานานกว่าสองเค่อแล้วเห็นว่าเป็นชายชราเช่นนั้นหรือ ฮึ! หลอกลวงทั้งเพ ไม่รู้เอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ยื้อยุดฉุดกระชากกันไปมา ไม่เห็นใจคนที่อยู่ตรงกลางเช่นเขาเลยสักนิด“พี่ซีฮันอย่าเพิ่งโมโหไปขอรับ รบกวนพี่ซีฮันไปแจ้งแก่พวกเขาทุกคนว่าให้อยู่ในความสงบ ขอข้าได้รับฟังเรื่องราวสักนิด คงใช้เวลาไม่นานที่จะหาทางออกของปัญหาให้ขอรับ” “ได้ ๆ” เสี่ยวเอ้อร์อันดับหนึ่งของเหลาอาหารซิ่งฝูรีบไปจัดการตามที่เจ้านายตัวน้อยกล่าว เมื่อเขานำความไปแจ้งแก่ลูกค้ากลุ่มนั้น พวกเขาจึงเงียบเสียงลงและเดินไปนั่งรอคอยว่าเหลาอาหารซิ่งฝูจะจัดการปัญหาเช่นไร
“เถ้าแก่เอาน้ำตาลผักกับเกลือผักมาเปรียบเทียบกันไม่ได้ขอรับ เพราะเกลือผัก ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนในการทำ ระยะเวลาในการทำ รวมถึงการดูแลรักษายุ่งยากกว่าน้ำตาลผักมาก แต่ถ้าหากว่าเถ้าแก่คิดว่าแพงเกินไป กลุ่มการค้าหลัวถงก็คงต้องขอนำเกลือผักไปเสนอให้กลุ่มการค้าอื่นแทน ท่านว่าดีหรือไม่ขอรับ”“มะ ไม่ดีหมิงหมิงน้อย ข้าเพียงล้อเล่นเท่านั้นเอง ได้ฟังเจ้าอธิบายมาเช่นนี้แล้ว ข้าพอจะเข้าใจและยอมรับได้ เช่นนั้นก็ตกลงที่ราคาสิบอีแปะเท่าราคาเครื่องเทศนั่นแหละ” ฮึ! ช่างเป็นเด็กที่เจ้าเล่ห์เสียจริง เห็นรูปร่างเป็นเด็กน้อยเช่นนี้ ประมาทไม่ได้เสียแล้ว ในเรื่องการต่อรอง เขาต้องระวังตัวเช่นนี้เชียวหรือ เฮ้อ! หมดกันกับฉายาเถ้าแก่หวังผู้ไม่เคยพ่าย เถ้าแก่ร้านขายของชำถึงกับยกมือขึ้นซับเหงื่อตรงบริเวณหน้าผากทั้งที่ไม่มีเหงื่อออกมาเลยสักหยด“ท่านพ่อ ข้าขอตัวอย่างเกลือผักด้วยขอรับ” จางอี้หมิงขอเกลือผักจากบิดา เด็กน้อยได้คาดการณ์ไว้แล้วว่าเกลือผักต้องขายได้หลังจากที่ได้ยินเถ้าแก่หวังบอกเหตุผลตั้งแต่วันที่มาคุยเรื่องการค้าครั้งใหญ่ อีกอย่าง ในฐานะพ่อค้า เหตุใดจะไม่หาหนทางให้ขายได้ ถ้าเกลือผักนำออกขายไม่ได้ นั่นล่ะที่
เมื่อเช้าวันใหม่มาเยือน สุริยายังไม่โผล่พ้นขอบฟ้า แต่สมาชิกตระกูลจางต่างก็พากันลุกขึ้นมาจัดการหน้าที่ของตนเองแล้ว แม้แต่เด็กน้อยอย่างจางอี้หมิงก็ตื่นนอนมาเตรียมตัวด้วยเมื่อวานตอนเย็นหลังจากที่ได้พูดคุยตกลงกัน พวกเขาได้ข้อสรุปแล้วว่าจะลงหลักปักฐานเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่หมู่บ้านหลัวถงนี้ดังนั้นแล้ว จางอี้หมิงจึงได้ขอโฉนดที่ดินมาจากท่านย่าเพื่อนำมาวางแผนผังการใช้สอยที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด ที่ดินของตระกูลจางมีทั้งหมดสามสิบหมู่และอยู่ท้ายหมู่บ้าน บ้านที่ชาวบ้านช่วยกันสร้างให้ตอนนี้อยู่ห่างจากลำธารพอสมควร จางอี้หมิงจึงเสนอให้แบ่งที่ดินออกเป็น 5 ส่วน ในเมื่อสกุลจางตกลงที่จะเป็นพ่อค้าคนกลางแล้ว ที่ดินที่จะใช้ในการปลูกพืชผักจึงตัดออกไปเสียมาก เหลือเพียงไว้ใช้ปลูกพืชผักเพื่อกินเองเท่านั้นบริเวณหน้าบ้าน อี้หมิงตั้งใจจะสร้างเป็นสถานศึกษาในอนาคต ที่ดินจึงถูกกันไว้มากหน่อย บ้านที่กำลังจะสร้างในอีกไม่กี่วันนี้เป็นแบบชั่วคราวเพื่อรอให้ชาวบ้านร่ำรวยและสร้างไปพร้อมกัน จึงจัดไว้ตรงกลาง เหลือพื้นที่หลังสุดที่อยู่ใกล้ลำธารสำหรับสร้างบ้านที่สวยงามและมีขนาดใหญ่ในภายหลังเมื่อวาดแบบออกมาอย่างคร่าว ๆ
“ท่านพ่ออย่าได้เป็นกังวลไปเลยขอรับ ต้นหญ้าหวานมีเป็นภูเขา ถึงแม้จะมีใบสั่งซื้อจำนวนมาก ทว่าในการทำหัวเชื้อ เราใช้ต้นหญ้าหวานนิดเดียวเท่านั้น ท่านพ่อลืมแล้วหรือขอรับว่าเราไม่ต้องตากต้นหญ้าหวานแล้ว ในเมื่อเราใช้ใบสดในการทำน้ำตาลผัก ปริมาณที่ใช้จึงลดลงตามไปด้วย อีกอย่างหนึ่งคือใบหญ้าหวานสดหนึ่งจินใช้ทำหัวเชื้อได้ประมาณสิบไหเลยนะขอรับ”“จริงเช่นหมิงเอ๋อร์พูด พ่อช่างเป็นคนขี้ลืม หมิงเอ๋อร์บอกว่าจะปรับสูตรการทำหัวเชื้อเช่นนั้นหรือ ในเมื่อวันนี้ไม่มีวัตถุดิบที่จะทดลองแล้ว เช่นนั้นค่อยทดลองวันอื่นกันเถอะ”“หมิงเอ๋อร์ พรุ่งนี้หลังจากที่เราส่งน้ำตาลผักรอบสุดท้ายและตกลงจ้างงานกับเถ้าแก่หวังเสร็จแล้ว พ่อว่าเราไปหาท่านปู่หลินให้ช่วยเรื่องการสร้างบ้านกันเถอะ เรื่องสร้างบ้านพ่อไม่ถนัด เกรงว่าจะพูดคุยกับช่างไม่รู้เรื่อง แล้วหมิงเอ๋อร์พอรู้เรื่องการสร้างบ้านหรือไม่” จางอี้เทาปรึกษาบุตรชายอีกหนึ่งเรื่อง ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญเร่งด่วนอันดับหนึ่ง“ข้าเป็นเพียงเด็กน้อยห้าขวบ ไหนเลยจะรู้เรื่องการสร้างบ้านเล่าท่านพ่อ แต่ข้ารู้ว่าบ้านหลังนี้ ข้าต้องการสิ่งใดบ้าง ในวันที่คุยกับช่าง ข้าจะอธิบายให้ท่านพ่อและช่า
“หมิงเอ๋อร์ แล้วถ้าเกลือผักสามารถทำออกมาขายได้เล่า เจ้าได้วางแผนไว้เช่นไรบ้าง” หลังจากที่เอ่ยชมกันไปมาแล้ว อี้เทาจึงถามบุตรชายด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ท่านพ่อ เกลือผักข้าจะไม่หวงสูตรขอรับ เพราะเกลือผักใช้เวลาในการทำนานกว่า ขั้นตอนยุ่งยากกว่า แต่ข้าจะขอส่วนแบ่งจากการขายแทนขอรับ อีกหนึ่งเหตุผลคือหากเราคิดค่าสูตรทุกอย่าง ชาวบ้านอาจจะต่อต้านเราเหมือนกับท่านพี่หลวนซาน เราแค่ขอส่วนแบ่งเล็กน้อยเท่านั้นก็พอ”“แต่ท่านพ่ออย่าลืมนะขอรับ ถึงแม้จะเพียงแค่หนึ่งอีแปะ แต่ถ้าปริมาณการขายเป็นหมื่นเป็นแสนห่อ ท่านพ่อคิดว่ามันจะมีรายได้เกิดขึ้นเท่าไรขอรับ”“หมิงเอ๋อร์ เจ้าช่างเหมือนกับท่านปู่ของเจ้ายิ่งนัก” นางหูเอ่ยชมออกมาหลังจากที่ได้ฟังความคิดของหลานชายสามีของนางทั้งเป็นคนดี รักครอบครัวและเก่งกาจในการทำการค้ายิ่งนัก เมื่อเห็นว่าอี้เทาชื่นชอบการเป็นอาจารย์ในสำนักศึกษา ก็ไม่เคยบังคับให้สืบต่อกิจการค้าผ้า น่าเสียดายที่สามีของนางอายุสั้น ไม่ทันได้เห็นความน่ารักและเฉลียวฉลาดของหลานชาย“ข้าเก่งเหมือนท่านพ่อแล้ว ข้ายังเก่งเหมือนท่านปู่ด้วยขอรับ ฮิฮิ” “เจ้าเด็กหลงตัวเอง” นางหูถึงกับส่ายหน้าแต่ก็ยกยิ้มกว้าง นางเพ