“ท่านลุงอู๋ วัตถุดิบยังขาดเม็ดผักชี กระเทียม กระวาน และพริกไทยขอรับ” อู๋เจ๋อได้ยินเช่นนั้นจึงเดินไปหยิบวัตถุดิบตามรายการที่เด็กน้อยได้บอกมา เขาวางมันลงตรงกลางโต๊ะคู่กับวัตถุดิบที่มีอยู่ก่อน เมื่อจางอี้หมิงเห็นว่ามีของทุกอย่างพร้อมแล้ว จึงได้บอกขั้นตอนในการทำต่อไป“สิ่งแรกที่ท่านลุงอู๋ต้องทำคือการหั่นหมูสามชั้นให้เป็นชิ้นขนาดพอดีคำขอรับ”“หมิงหมิงน้อย ขนาดเท่านี้ได้ไหม” อู๋เจ๋อใช้มีดอันใหญ่แตะไปที่หมูสามชั้นพลางเอ่ยปากถามเด็กน้อย“ใหญ่ไปขอรับ หมูชิ้นใหญ่จะใช้เวลาตุ๋นนาน ลุงอู๋เอาขนาดครึ่งหนึ่งกำลังพอดีขอรับ” จางอี้หมิงบอก เมื่ออู๋เจ๋อหั่นหมูสามชั้นจนได้ตามขนาดที่พอดีคำแล้ว เขาจึงบอกขั้นตอนต่อไป“สูตรการทำหมูพะโล้บ้านจางจะเป็นพะโล้แห้งนะขอรับ ขั้นตอนวิธีการปรุงจะแตกต่างจากสูตรของเหลาซิ่งฝู แบ่งออกเป็นสองขั้นตอน เริ่มจากขั้นตอนแรกคือการหมักเนื้อหมูขอรับ ขอท่านลุงอู๋โขลกกระเทียม เม็ดผักชี กับพริกไทย เสร็จแล้วแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกใส่ลงไปที่เนื้อหมู ตามด้วยเกลือ ซีอิ้ว และน้ำตาลผัก ไม่ต้องใส่มากนะขอรับ เพราะเราต้องใส่น้ำตาลอีก ใช้มือขยำ ๆ คลุกเคล้าให้เครื่องหมักเข้ากับเนื้อหมู เสร็จแล
บนชั้นเก็บของมีผักที่วางบนตะกร้าแบ่งแยกไว้ตามประเภทอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นหัวไชเท้า มันเทศ กวางตุ้ง ผักกาดขาว คะน้า แตงกวา นอกจากนี้ยังมีถั่วเหลืองและถั่วเขียวด้วย อี้หมิงหันไปมองอีกก็เห็นหอมหัวใหญ่ เห็ด หน่อไม้ ต้นหอม ถั่วฝักยาว ขิง กระเทียม ขึ้นฉ่าย ผักโขม ผักคะน้า ผักชี และผักอีกหลายชนิดที่เขาไม่รู้จัก แต่ที่ทำให้จางอี้หมิงถึงกับตาโตและประหลาดใจมากที่สุดคือในตะกร้าพวกนั้นมีมันฝรั่ง แครอท มะเขือเทศ หอมหัวใหญ่ กะหล่ำปลี ฟักทองและมะนาว ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาคาดไม่ถึงจริง ๆถ้ามีบล็อกโคลี่ด้วยนี่ฮาเลยนะ เด็กน้อยคิดตลกในใจ เนื่องจากผักพวกนี้นั้น ในโลกที่เขาจากมาไม่ใช่พืชที่มีแหล่งกำเนิดจากทวีปเอเชีย อยู่ดี ๆ มาโผล่ที่นี่ก็นับว่าน่าตื่นตาไม่น้อย สรุปแล้ว เขาคงมาอยู่ในโลกที่ไม่มีจริงในประวัติศาสตร์เป็นแน่ เพราะทั้งยุคสมัยการปกครอง การดำรงชีวิตหลาย ๆ อย่างก็ไม่ตรงกับที่เขาได้รู้มาก่อนเลย ช่างเถอะ เขาไม่สนใจแล้วล่ะ ขอแค่มีชีวิตอยู่ก็ถือว่าดีที่สุด จะเป็นโลกไหนต่อไปเขาจะไม่สนใจเรื่องความสมเหตุสมผลแล้ว“ท่านลุงอู๋ ข้าขอดูเครื่องปรุงหน่อยได้หรือไม่ขอรับ” จางอี้หมิงถามเสียงซื่อ เ
เมื่อจางอี้หมิงและอู๋เจ๋อเดินกลับมาที่ห้องครัว เด็กน้อยเห็นว่าตอนนี้มีเวลาประมาณหนึ่งเค่อก่อนหมูหมักสำหรับทำพะโล้จะได้ที่จึงคิดเปลี่ยนใจ หันไปมองดูของที่มีอยู่และที่เอามาเพิ่มแล้วก็คิดว่าจะทำอาหารจานผักแทน จากที่ตอนแรกคิดเอาไว้ว่าจะทำผัดผักใส่เนื้อหมู“ท่านลุงอู๋ ก่อนอื่นให้เตรียมผักทั้งหลายโดยการปอก แครอท เอาเปลือกทิ้งไป ใช้มีดกรีดข้าง ๆ หัวตามยาวให้เป็นร่อง ทำทั้งหัวเลยนะขอรับ เว้นช่องว่างสักเล็กน้อย เสร็จแล้วหั่นขวางเป็นชิ้นไม่หนาไม่บางมากนัก ลุงอู๋จะเห็นเหมือนกับเป็นรูปดอกไม้ขอรับ ผักกาดขาว เลือกเอาแต่ใบแยกกับตัวก้าน หั่นเป็นชิ้นให้สวย ๆ นะขอรับ เห็ดก็แยกเป็นส่วน ๆ ล้างผักทั้งหมดให้สะอาด”“หมิงหมิงน้อย แคหลอดลุงทำถูกต้องไหม” อู๋เจ๋อเอ่ยถาม“แครอทขอรับ ถูกต้องแล้วขอรับท่านลุงอู๋”“ใช่ ๆ แ...ค.....ร...อ....ท” อู๋เจ๋อพยายามออกเสียงให้ถูกต้องอยู่นาน สุดท้ายเขาก็ทำสำเร็จ สามารถออกเสียงได้ชัดเจนจนเด็กน้อยยกนิ้วโป้งให้อู๋เจ๋อขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ พ่อครัวใหญ่หั่นผักต่อไปอย่างขะมักเขม้นจนทุกอย่างเรียบร้อย จางอี้หมิงคอยเฝ้าดูอยู่ไม่ห่าง และเมื่อเห็นว่าท่านลุงอู๋ทำผักได้ตามที่บอกถ
และผลก็เป็นไปตามที่อี้หมิงคาด เมื่อเขาบอกวิธีการปรุงสามสหายท่องหล้าให้กับอู๋เจ๋ออีกครั้ง หัวหน้าพ่อครัวก็ทำออกมาได้อย่างดี ไม่ทำให้เด็กน้อยผิดหวัง สมกับที่เป็นพ่อครัวมาหลายสิบปี เพียงหนึ่งเค่อ สามสหายท่องหล้าจึงวางอยู่บนจาน “สีสันน่ากินมากเลย หมิงหมิงน้อย” อู๋เจ๋อเอ่ยชมหลังจากที่เขาลงมือผัดผักตามที่เด็กชายตัวน้อยได้บอกไว้ รายการอาหารนี้ใช้เวลาทำไม่นาน นอกจากมีกลิ่นหอมแล้ว สีสันยังน่าสนใจมากสีของผักทั้งสามชนิดช่วยทำให้ดูสดใส กลิ่นหอมของกระเทียมที่ผ่านการเจียว ซีอิ้วที่เพิ่มกลิ่นมากยิ่งขึ้นเมื่อถูกความร้อน ควันที่ลอยอ้อยอิ่งขึ้นจากจานที่ผัดออกมาจากเตาหมาด ๆ ส่งผลให้จางอี้เทากับหลินไห่ รวมทั้งอู๋เจ๋อถึงกับกลืนน้ำลายลงคอดังอึก ไม่ต้องนับรวมถึงคนงานและผู้ช่วยในครัวทั้งหลายที่มามุงดูการปรุงอาหารตั้งแต่จางอี้หมิงบอกให้อู๋เจ๋อหมักเนื้อหมูพะโล้แล้ว“หมิงหมิงน้อย มันช่างหอมยิ่งนัก” หลินไห่เอ่ยขึ้น“ท่านปู่ หอมใช่ไหมขอรับ ท่านปู่กับท่านลุงอู๋ ลองชิมดูขอรับ” จางอี้หมิงเอ่ยโอ้อวดด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ อู๋เจ๋อจึงถือจานใส่สามสหายท่องหล้าและตะเกียบเปล่าสามคู่เดินไปวางไว้บนโต๊ะตรงหน้าของเจ้านายตนเอง ก่
จางอี้เทาอดชื่นชมในตัวบุตรชายเพิ่มขึ้นไม่ได้ เขาเห็นเจ้าตัวเล็กเดินไปโน้นนี่นั่น คอยชี้มือให้หัวหน้าพ่อครัวเหลาอาหารซิ่งฝูทำตามคำบอก ตัวก็เล็กถึงเพียงนั้นแต่ช่างมีพลังล้นเหลือ เมื่อเห็นบุตรชายเป็นที่เอ็นดูสำหรับคนอื่น เขาก็มีความสุขมากแล้ว“ท่านลุงอู๋ ตั้งกระทะใส่น้ำมันลงไปเล็กน้อย พอน้ำมันร้อน ใส่กระเทียมที่แบ่งไว้อีกส่วน ผัดให้หอม ท่านลุงอู๋ไม่ต้องรอให้กระเทียมสุก ใส่โป้ยกั๊ก กระวาน อบเชย ลงไปผัดพร้อมกันเลยนะขอรับ สำหรับปริมาณ ท่านลุงกะเอาได้เลยขอรับ จนเครื่องเทศส่งกลิ่นหอมก็เอาเนื้อที่หมักลงไปผัดให้สุก เติมน้ำเปล่าลงไปให้ท่วมหมูสามชั้น คนเป็นครั้งคราวให้หมูสุกทั่วถึง ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาลผัก ซีอิ้วอีกครั้ง ตุ๋นเนื้อหมูไปจนน้ำแห้ง เมื่อเนื้อเปื่อยแล้วให้ลองชิมรสชาติดูขอรับ หากขาดรสไหนก็ปรุงรสนั้นเพิ่ม” จางอี้ หมิงอธิบายครั้งเดียวตั้งแต่ต้นจนจบโดยที่ไม่กลัวว่าอู๋เจ๋อจะไม่เข้าใจ ในการทำสามสหายท่องหล้า ท่านลุงอู๋สามารถทำตามคำบอกของเขาได้อย่างไม่มีผิดพลาด นั่นจึงเป็นการบ่งบอกระดับทักษะการทำอาหารของพ่อครัวเหลาอาหารซิ่งฝูได้เป็นอย่างดี“หมิงหมิงน้อย ต้องใช้เวลาในการตุ๋นนานเท่าใดหรือ”“ไม
จางอี้เทาจูงมือบุตรชายเดินลัดเลาะไปตามถนนหลัก พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปยังร้านขายผ้าร้านเดิมซึ่งเคยแวะมาซื้อผ้าต่าง ๆ เมื่อครั้งก่อน โชคดีที่ระยะทางจากเหลาอาหารซิ่งฝูถึงร้านขายผ้าไม่ไกลมากนัก ใช้เวลาเดินเพียงครู่ สองพ่อลูกก็พบกับคนงานขายผ้าแสนคุ้นเคย“สวัสดีพี่ชาย วันนี้อยากได้ผ้าอีกเช่นนั้นหรือขอรับ” คนงานขายผ้าทักทายและเอ่ยถามต่อ“น้องชาย วันนี้ข้ากับบุตรชายมิได้มาซื้อผ้า แต่ข้ามีสินค้ามาเสนอขายให้กับเถ้าแก่ ข้าจึงอยากจะขอพบเถ้าแก่ของน้องชายจะได้หรือไม่” จางอี้เทาเอ่ยตอบอย่างมีอัธยาศัย ทำให้คนขายผ้ารู้สึกดีด้วยไม่น้อย เขายกยิ้มและตอบว่า“พวกท่านรอสักครู่ ข้าขอไปถามเถ้าแก่เนี้ยก่อน”คนขายผ้าหายไปไม่ถึงห้าลมหายใจก็เดินออกมาบอกให้สองพ่อลูกบ้านจางเข้าไปพบกับเถ้าแก่เนี้ยซึ่งนั่งทำงานอยู่ในห้องบัญชีหลังร้าน จางอี้เทาจึงรีบจูงมือจางอี้หมิงเดินเข้าไปในร้านทันที“พวกเจ้ามีสินค้ามาขายเช่นนั้นหรือ” เถ้าแก่เนี้ยที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำบัญชีพูดขึ้น มองผ่าน ๆ คาดการณ์ได้ว่าอายุประมาณ สี่สิบปี ใบหน้าสวยงามตามอายุและยิ้มแย้มเสมอคล้ายคนมีอัธยาศัยดีสมกับเป็นคนค้าขาย นางเงยหน้าขึ้นถามสองพ่อลูกบ้านจาง“ใช่แล้
สองพ่อลูกคุยกันเบา ๆ ระหว่างรอเถ้าแก่เนี้ยนำเงินมาให้ เพียงไม่นาน หญิงวัยกลางคนจึงเดินออกมาแล้วยื่นเงินจำนวนสี่สิบสี่ตำลึงกับห้าร้อยอีแปะให้เขา จางอี้เทารับเงินมาพิจารณา หลังจากตรวจสอบเรียบร้อยแล้วจึงได้เก็บเข้าไปไว้ในอกเสื้อของตนเอง“จำนวนเงินถูกต้องหรือไม่”“ถูกต้องขอรับ”“อย่าลืมนะที่เจ้ารับปากข้าไว้ ว่าถ้ามีสินค้าดี ๆ เช่นนี้จะเอามาขายให้กับร้านข้าอีก”“ข้าไม่ลืมขอรับ เช่นนั้นพวกข้าสองพ่อลูกขอตัวลาก่อนนะขอรับ” “ลาก่อนขอรับ” จางอี้หมิงเอ่ยลาเช่นกัน เขาค้อมศีรษะเล็กน้อยทำความเคารพจางอี้เทาเดินจูงมือบุตรชายออกจากร้านขายผ้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มสดใส สองพ่อลูกเดินตรงไปยังร้านขายเครื่องประดับต่อ อี้เทาได้ปิ่นเงินอันใหม่มาให้นางหูกับหลี่อ้ายคนละหนึ่งชิ้นโดยมีจางอี้หมิงช่วยเลือก หลังจากนั้นพวกเขาจึงไปที่ร้านเถ้าแก่หวัง เพื่อซื้อข้าวสาร แป้ง เครื่องเทศต่าง ๆ ที่ขาดไม่ได้คือเครื่องปรุงครั้งนี้อี้หมิงซื้อน้ำตาลไปด้วย เขายังไม่ลืมว่าที่บึงใกล้ลำธารมีไข่น้ำอยู่ น่าเสียดายที่ยังไม่ได้สอนให้ท่านย่าได้ลองทำเสียที ตอนนี้เครื่องเทศเครื่องปรุงมีครบแล้ว เขาจะได้กินอาหารชนิดใหม่บ้าง กินแต่ผัดผักบุ้
หน้าเหลาอาหารซิ่งฝูในตอนนี้มีร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งเดินวนเวียนไปมาอย่างร้อนใจ ซีฮันชะเง้อคอมองหาสองพ่อลูกเจ้าของสูตรอาหาร และเมื่อเห็นว่าทั้งคู่เดินกลับมาแล้วจึงรีบปรี่เข้าไปหาโดยไม่รอให้จางอี้เทาและจางอี้หมิงเดินมาถึงหน้าเหลาอาหารเสียด้วยซ้ำ บุรุษบ้านจางต่างวัยขมวดคิ้วพร้อมกันด้วยความสงสัยเกิดเหตุอันใดขึ้นระหว่างที่พวกเขาสองคนพ่อลูกไปขายผ้าปักเช่นนั้นหรือ“พี่อี้เทา หมิงหมิงน้อย พวกเจ้ากลับมาแล้ว รีบขึ้นไปหาเถ้าแก่และท่านลุงอู๋โดยเร็วเถอะ” ซีฮันไม่ปล่อยให้สองพ่อลูกเอ่ยถามอันใด เขารีบบอกออกไปทันที“อาฮัน เกิดอันใดขึ้นเช่นนั้นหรือ” อี้เทาถามออกไปด้วยความข้องใจ“เถ้าแก่น่ะสิ ร้อนใจอยากให้พวกเจ้ารีบกลับมาตั้งนานแล้ว เจ้าไม่รู้อันใดเสียแล้วว่าพะโล้มันส่งกลิ่นรบกวนทุกคน ลูกค้าที่มากินอาหารที่เหลาโวยวายเสียงดังยกใหญ่” ซีฮันบอกด้วยเสียงเครียดขรึม“พะโล้ส่งกลิ่นรบกวนลูกค้าเช่นนั้นหรือ จะเป็นไปได้อย่างไรกัน” อี้หมิงพึมพำกับตนเองเบา ๆหรือว่ามีปัญหาในขั้นตอนการปรุง แต่เขาจำได้ว่าในการปรุงพะโล้ ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการหมักไปจนถึงการตุ๋น ก่อนที่เขาจะออกจากร้านไป มันไม่มีขั้นตอนไหนผิดพลาดนี่นา“พวก
“ทางออกอันใดหรือเด็กน้อย” เฉินเจียเอ่ยถามด้วยความสงสัย เขามองดูเด็กน้อยตรงหน้าอย่างพินิจ“ทางออกของเรื่องทั้งหมดนี้เช่นไรเล่าขอรับ ข้าขอเสนอให้พวกท่านทั้งสิบคนแลกเปลี่ยนนิลเง็กเซียนกับสามสหายท่องหล้า แบ่งปันกันชิมคนละคำสองคำ เช่นนี้แล้วพวกท่านทั้งหมดก็จะได้ชื่อว่าเป็นผู้ชิมอาหารชนิดใหม่ด้วยวิธีการปรุงแบบใหม่ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน”“สำหรับค่าอาหารจากที่ท่านเฉินเจียกับท่านฉีหมิงต้องจ่ายคนละห้าสิบตำลึง สองจานรวมเป็นหนึ่งร้อยตำลึง เมื่อแลกเปลี่ยนอาหารกันแล้ว พวกท่านเพียงจ่ายคนละสิบตำลึงเท่านั้น เช่นนี้แล้วพวกท่านทุกคนจึงเท่าเทียมเหมือนกันแล้วขอรับ”“ในอนาคต เหลาอาหารซิ่งฝูจะมีรายการอาหารชนิดใหม่ออกมาทุกเดือน เพื่อเป็นการตอบแทนท่านทั้งสิบคน เหลาอาหารซิ่งฝูยินดีที่จะให้ท่านเป็นลูกค้าพิเศษ เมื่อมีรายการอาหารชนิดใหม่ในแต่ละครั้ง เหลาซิ่งฝูจะทำการเชิญท่านทั้งสิบมาทำการลิ้มลองอาหารก่อนเป็นกลุ่มแรก เช่นนี้แล้ว ท่านลุง ท่านตาทั้งหลายพอใจหรือไม่ขอรับ” จางอี้หมิงอธิบายเสร็จแล้วจึงถอยหลังกลับไปยืนข้างท่านปู่ด้วยความสงบเรียบร้อย“ฮะ ฮะ ฮะ” ฉีหมิงหัวเราะออกมาและกล่าวชมเชยหลินไห่“เถ้าแก่หลิน หลานชายข
“ข้าไม่เคยได้ชิมอาหารจานผักเช่นนี้มาก่อนเลย จะว่าเป็นน้ำแกงก็มีน้ำน้อยเกินไป จะว่าเป็นผักต้มแต่กลับมีกลิ่นของกระเทียม รสชาติกลมกล่อมเกินกว่าจะเป็นผักต้มได้ เถ้าแก่หลิน สามสหายท่องหล้าคืออาหารชนิดใดกันแน่ขอรับ” ชายคนแรกที่ตั้งข้อสงสัยถามเถ้าแก่หลินขึ้นมา“เรียนลูกค้า สามสหายท่องหล้าเป็นอาหารจานผัก ส่วนวิธีการปรุงนั้นทำมาจากการผัด” เถ้าแก่หลินไห่เอ่ยตอบด้วยท่าทางสุขุม“การผัดเช่นนั้นหรือ มันคืออันใดกันเล่า ข้าอายุแก่จนปูนนี้แล้ว ยังมิเคยได้ยินว่ามีการปรุงอาหารด้วยการผัดมาก่อน พวกเจ้าเล่า เคยได้ยินมาก่อนหรือไม่” ชายชราที่อายุมากที่สุดในกลุ่มเอ่ยออกมาเสียงไม่เบานัก ก่อนจะหันไปถามผู้ที่ร่วมชิมสามสหายท่องหล้าด้วยกัน“ข้าไม่เคย”“ข้าก็ไม่เคย” ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกัน“ข้าคงมิสามารถตอบได้เนื่องจากว่าเป็นความลับของเหลาซิ่งฝู ขอลูกค้าอย่าได้ถามอีกเลย” หลินไห่ตอบกลับด้วยความสุภาพ“เจ้าว่าอันใดนะ สามสหายท่องหล้าของพวกเจ้า ปรุงขึ้นมาจากวิธีการปรุงอาหารแบบใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนเช่นนั้นหรือ” ฉีหมิงเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เขายินดียิ่งนักที่ได้เป็นคนกลุ่มแรกซึ่งได้ชิมรายการอาหารชนิดใหม่ประเภทจ
หลินไห่เดินจูงมือจางอี้หมิงนำหน้าอู๋เจ๋อและอู๋หมินออกมา ที่มือของคนครัวทั้งคู่ถือถาดไม้บรรจุนิลเง็กเซียนส่งกลิ่นหอมฉุย พวกเขาเดินนำอาหารไปวางไว้บนโต๊ะของผู้ชนะการประมูลซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามกันเถ้าแก่หลินเป็นผู้อธิบายถึงรายการอาหารรสเลิศตรงหน้า ทั้งกลิ่นหอมกรุ่ม ทั้งควันที่ลอยออกมาบ่งบอกว่าเพิ่งผ่านการปรุงมาใหม่ ๆ รวมถึงการตกแต่งจานอาหารให้มีสีสันน่ากิน ประกอบกับล่วงเลยเวลาอาหารมื้อแรกของวันมานานพอสมควรแล้ว ยิ่งทำให้เมนูใหม่ดูน่าเย้ายวนลูกค้าที่แพ้การประมูลทั้งหลายเกือบจะกระโดดออกไปยึดเอาถาดไม้ใส่อาหารมาเป็นของตนเองอยู่รอมร่อ เพียงแต่พอมองหน้าเถ้าแก่หลินแล้ว พวกเขาได้แต่กล้ำกลืนฝืนทน รออาหารอีกชนิดหนึ่งแทน ซึ่งพวกตนก็ยังไม่รู้ว่าเป็นอันใดและจะมีกลิ่นหอมเหมือนกับอาหารของผู้ชนะหรือไม่“ท่านเฉินเจียและท่านฉีหมิง อาหารชนิดใหม่ตรงหน้าท่าน เป็นอาหารจานเนื้อ เรียกว่า นิลเง็กเซียน เนื้อสัมผัสอ่อนนุ่ม หอมกลิ่นเครื่องเทศเข้มข้น ข้าขอแนะนำให้นำเนื้อจิ้มลงไปในน้ำแกงก่อนกิน แล้วตามด้วยข้าวสวยร้อน ๆ ดอกไม้ซีหงซื่อและแตงกวาที่วางอยู่บนจาน พวกท่านสามารถนำมากินแก้อาการเลี่ยนได้ เชิญท่านทั้งสองลิ้มลองอา
“พี่ชายหมิน รบกวนหยิบมะเขือเทศกับแตงกวามาให้ข้าที อย่าลืมล้างให้เรียบร้อยด้วยนะขอรับ มาทำตรงโต๊ะเตรียมวัตถุดิบนะขอรับ” จางอี้หมิงบอกแล้วจึงเดินไปรอที่โต๊ะกลางห้องอู๋หมินรีบหยิบผักออกมา เมื่อล้างแตงกวาและมะเขือเทศจนสะอาดแล้วจึงเดินมาสมทบกับอี้หมิงทันที เขาวางวัตถุดิบทั้งสองอย่างไว้บนโต๊ะ แล้วยกตัวของเด็กน้อยขึ้นนั่งบนเก้าอี้ ส่วน อู๋หมินยืนอยู่ข้าง ๆ อีกที“หมิงหมิงน้อยบอกว่าจะทำดอกไม้จากซีหงซื่อเช่นนั้นหรือ”“พี่ชายหมิน ต่อไปต้องเรียกมะเขือเทศนะขอรับ ห้ามเรียกซีหงซื่ออีก”“ดะ ได้ หมิงหมิงน้อยจะทำดอกไม้จากมะเขือเทศเช่นนั้นหรือ” อู๋หมินลนลานถามอีกครั้ง คำพวกนี้ระหว่างที่รอสองพ่อลูกบ้านจางไปขายผ้า พวกเขาก็ถูกเถ้าแก่บังคับให้ฝึกเรียกไว้ก่อนแล้วเช่นกัน ไม่น่าเชื่อว่าเถ้าแก่จะเห่อหลานชายคนใหม่ยิ่งนัก เพียงแต่ช่วงแรก ๆ เขาก็มีหลงลืมเผลอใช้คำที่คุ้นเคยเช่นเดิมไปบ้างเท่านั้น“ขอรับ ดอกไม้จากมะเขือเทศทำง่ายมาก เพียงพี่ชาย หมินเอามีดมาปอกเปลือกมะเขือเทศให้เป็นเส้นจากบนลงล่างโดยที่ไม่ให้เปลือกมะเขือเทศขาดออกจากกัน ความกว้างของเส้นเอาสักสองข้อมือข้านี่แหละขอรับ เสร็จแล้วม้วนเปลือกเข้าหากันมันจะ
“เด็กน้อย เหลาเฟิงฟู่ทำอาหารได้เลิศรสจริงอันนี้ข้าไม่มีข้อโต้แย้ง แต่จะให้ข้า เฉินเจียผู้นี้กินอาหารแบบเดิม ๆ ทุกครั้ง เจ้าว่าข้าจะทำได้หรือไม่ นานแค่ไหนแล้วที่เหลาเฟิงฟู่ไม่มีรายการอาหารใหม่ ๆ ให้พวกข้าได้ลองชิมกัน” “วันนี้ในระหว่างที่ข้ากำลังจะมากินอาหารที่เหลาเฟิงฟู่ ระหว่างทางไปข้าเดินผ่านเหลาอาหารซิ่งฝู ข้าได้กลิ่นอาหารที่ หอมมาก หอมจนข้าอดใจไม่ไหวถึงได้เดินเข้ามาที่เหลาซิ่งฝูแห่งนี้ เสี่ยวเอ้อร์บอกเพียงว่าเขาเองก็ไม่รู้ จนเถ้าแก่หลินออกมาอธิบายให้พวกข้าฟังว่าเป็นอาหารชนิดใหม่ และสุดท้ายก็เป็นอย่างที่เจ้ารับรู้ในตอนนี้”“อ๋อ เป็นเช่นนี้นั่นเอง แล้วพวกท่านก็เป็นเช่นท่านเฉินเจียเหมือนกันหรือขอรับ” จางอี้หมิงหันหน้าไปถามบรรดาลูกค้าทั้งหลายที่ยืนออกันอยู่ตรงหน้า แล้วก็เป็นดังที่คาดไว้ในใจ พวกเขาทุกคนต่างพากันพยักหน้าถือเป็นคำตอบได้เป็นอย่างดี“ข้าไม่มีสิ่งใดสงสัยแล้วขอรับ เชิญท่านปู่ทำการประมูลต่อได้เลยขอรับ” อี้หมิงหันหน้ากลับมาบอกหลินไห่“พวกท่านพอใจกับราคาเปิดประมูลหรือไม่ หากคิดว่าราคาแพงไป ดังนั้นขอเชิญสั่งอาหารตามรายการที่ทางเหลาซิ่งฝูมีอยู่แล้วได้เลย” หลินไห่ถามย้ำอีกครั้ง เ
ทันทีที่เถ้าแก่หลินเดินออกมาจากห้องครัว เหล่าคหบดีที่นั่งรออยู่ก็พากันลุกขึ้นยืนโดยพร้อมเพรียงกัน พวกเขาต่างตั้งใจรอฟังว่าเจ้าของเหลาอาหารซิ่งฝูจะแก้ปัญหานี้อย่างไร หลินไห่แย้มรอยยิ้มกว้าง เขาใช้เสียงดังป่าวประกาศออกไป“ท่านลูกค้าทั้งหลาย เหลาอาหารซิ่งฝูต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจในรายการอาหารชนิดใหม่มากถึงเพียงนี้ ตามที่ข้าได้แจ้งให้พวกท่านทราบไปก่อนหน้านี้แล้ว อาหารที่เหลาซิ่งฝูทดลองทำมีปริมาณไม่เพียงพอกับทุกคน ในตอนนี้เหลาซิ่งฝูสามารถให้พวกท่านได้ทดลองชิมเพียงสองจานเท่านั้น แต่เท่าที่ข้านับได้ พวกท่านมีประมาณสิบคน ดังนั้นข้าจึงได้มีความคิดหนึ่ง หวังว่าพวกท่านจะเห็นด้วยกับความคิดนี้”คหบดีมากมายยืนนิ่งรอฟัง มีบ้างที่เกือบชักสีหน้าเมื่อรู้ว่าอาหารมีไม่เพียงพอ แต่เถ้าแก่หลินก็รีบกล่าวเสริมต่อ“ข้าจะเปิดประมูลอาหารสองจานนี้ ใครที่ให้ราคามากที่สุดจึงจะได้อาหารทั้งสองจานนี้ไปลิ้มลอง ค่าอาหารทั้งหมดที่ได้รับในวันนี้ ข้าหลินไห่ เจ้าของเหลาอาหารซิ่งฝูจะนำไปบริจาคและช่วยเหลือชาวบ้านที่ยากจน โดยแจ้งแก่พวกชาวบ้านว่าเป็นสินน้ำใจจากพวกท่านทั้งหลาย ไม่ทราบว่าพวกท่านเห็นเป็นเช่นใดบ้าง”“…”ห
“นอกจากจะแก้ปัญหาไม่ให้พวกนั้นตีกันแล้ว ยังได้เงินมาช่วยเหลือคนยากจนอีกด้วย เหล่าคหบดี ข้าราชสำนักพวกนั้นชอบให้คนยกยอตนเองอยู่แล้ว ถ้าพวกเขาอยากชิม ก็จ่ายเงินมา ถ้าไม่จ่าย ก็ไม่ได้ชิม เหลาซิ่งฝูก็ไม่ต้องมากังวลว่าพะโล้จะไม่พอให้ชิม ต้องมาทำอะไรวุ่นวายไปหมด ที่ข้าชอบที่สุดเห็นจะเป็นเหลาอาหารซิ่งฝูยังได้กระจายข่าวรายการอาหารใหม่อีกสอง รายการโดยที่ไม่ต้องทำอันใด ลูกค้าพวกนั้นจะเป็นคนกระจายข่าวให้เหลาอาหารของพวกเราเอง” หลินไห่พึมพำถึงข้อดีของการแก้ปัญหานี้กับตนเอง ก่อนที่จะหันไปถามหัวหน้าพ่อครัวถึงอาหารที่มีตอนนี้“ว่าแต่อู๋เจ๋อ เจ้าลองตักใส่จานดูสิ พะโล้ในหม้อมีจำนวนกี่จาน” “รอสักครู่ขอรับ”อู๋เจ๋อรีบเดินไปตักพะโล้แห้งใส่จาน เขามองดูแล้วว่าได้ทั้งหมดเพียงสองจานเท่านั้น เสร็จแล้วชายวัยกลางคนจึงถือจานมาวางไว้บนโต๊ะที่เถ้าแก่หลินนั่งอยู่“มีเพียงสองจานเท่านี้เองหรือ ไม่เป็นไร ยิ่งมีน้อยความต้องการยิ่งสูงราคายิ่งแพงตามไปด้วย อู๋เจ๋อ เจ้าให้พ่อครัวเตรียมวัตถุดิบทำสามสหายท่องหล้าขึ้นมาสักสิบจาน ข้าจะเอาไว้ปลอบใจให้กับคนที่ประมูลพะโล้แห้งไม่ได้” เถ้าแก่หลินเอ่ยสั่งงานหัวหน้าพ่อครัวด้วยอารมณ์ที
หลินไห่ จางอี้เทา จางอี้หมิง รวมทั้งซีฮันเข้ามายังห้องครัว เท้ายังไม่พ้นประตูดี อู๋เจ๋อที่รออยู่ข้างในครัวด้วยความกระวนกระวายถึงกับถลาเดินเข้ามาหาทั้งสองคนด้วยใบหน้าตื่นตูม“หมิงหมิงน้อย เจ้ากลับมาแล้ว เถ้าแก่เป็นเช่นไรบ้างขอรับ”ใครจะคิดว่าอาหารสูตรบ้านจางจะส่งอิทธิพลขนาดนั้น หลินไห่พยักหน้าตอบพ่อครัว เขากับจางอี้เทาเดินเลี่ยงไปนั่งตรงมุมพักผ่อนเช่นเดิม“ท่านลุงอู๋ พะโล้ได้ที่แล้วกระมังขอรับ รบกวนท่านลุงอู๋ชิมดูได้หรือไม่ขอรับ” จางอี้หมิงเอ่ยถามหัวหน้าพ่อครัว “ลุงก็ไม่รู้ว่าพะโล้สุกได้ที่แล้วหรือไม่ เพราะหมิงหมิงน้อยเพียงแต่บอกให้ตุ๋นรอเจ้ากลับมา ลุงจะยกลงก็เกรงว่าจะผิดสูตร จึงได้แต่รอเจ้ากลับมานี่แหละ” อู๋เจ๋อเรียกสติของตนเองและตอบกลับ“ท่านลุงลองชิมพะโล้ดูก่อนขอรับ ถ้าเนื้อหมูนุ่ม ซอส เอ่อ น้ำแกงเหลือขลุกขลิก รสชาติใช้ได้แล้วก็ยกลงได้เลย ลองให้ท่านปู่หลินช่วยชิมดูอีกคนก็ได้ขอรับ” อู๋เจ๋อเดินไปที่เตาหม้อตุ๋นหมูพะโล้ เขาก้มลงดูอาหารด้านใน เมื่อเห็นว่าน้ำแกงแห้งขอด มีเหลืออยู่เพียงเล็กน้อยตามที่เด็กชายได้เอ่ยบอกไว้ เขาจึงหยิบจานใบเล็กมาตักหมูพะโล้วางลงไป แล้วจึงปิดฝาหม้อไว้เช่นเดิม
หน้าเหลาอาหารซิ่งฝูในตอนนี้มีร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งเดินวนเวียนไปมาอย่างร้อนใจ ซีฮันชะเง้อคอมองหาสองพ่อลูกเจ้าของสูตรอาหาร และเมื่อเห็นว่าทั้งคู่เดินกลับมาแล้วจึงรีบปรี่เข้าไปหาโดยไม่รอให้จางอี้เทาและจางอี้หมิงเดินมาถึงหน้าเหลาอาหารเสียด้วยซ้ำ บุรุษบ้านจางต่างวัยขมวดคิ้วพร้อมกันด้วยความสงสัยเกิดเหตุอันใดขึ้นระหว่างที่พวกเขาสองคนพ่อลูกไปขายผ้าปักเช่นนั้นหรือ“พี่อี้เทา หมิงหมิงน้อย พวกเจ้ากลับมาแล้ว รีบขึ้นไปหาเถ้าแก่และท่านลุงอู๋โดยเร็วเถอะ” ซีฮันไม่ปล่อยให้สองพ่อลูกเอ่ยถามอันใด เขารีบบอกออกไปทันที“อาฮัน เกิดอันใดขึ้นเช่นนั้นหรือ” อี้เทาถามออกไปด้วยความข้องใจ“เถ้าแก่น่ะสิ ร้อนใจอยากให้พวกเจ้ารีบกลับมาตั้งนานแล้ว เจ้าไม่รู้อันใดเสียแล้วว่าพะโล้มันส่งกลิ่นรบกวนทุกคน ลูกค้าที่มากินอาหารที่เหลาโวยวายเสียงดังยกใหญ่” ซีฮันบอกด้วยเสียงเครียดขรึม“พะโล้ส่งกลิ่นรบกวนลูกค้าเช่นนั้นหรือ จะเป็นไปได้อย่างไรกัน” อี้หมิงพึมพำกับตนเองเบา ๆหรือว่ามีปัญหาในขั้นตอนการปรุง แต่เขาจำได้ว่าในการปรุงพะโล้ ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการหมักไปจนถึงการตุ๋น ก่อนที่เขาจะออกจากร้านไป มันไม่มีขั้นตอนไหนผิดพลาดนี่นา“พวก