@บ้านสิริราญานุกุลเรื่องของหนุ่มสาวทั้งสองคนทำเอาคุณหญิงอมรรัตน์ถึงกับกุมขมับโดยเฉพาะบุตรชายตัวดีที่ไม่ว่าเธอจะพูดอะไรไปเขาก็ดูจะไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลยจนสุดท้ายก็ต้องลากทั้งสองคนกลับมาคุยต่อที่บ้านเพราะไม่อยากคุยที่มหาวิทยาลัยกลัวข่าวจะเพ่งพายออกไป"กวินท์นะกวินท์ทำไมแกถึงรังแกหนูแก้มจนสภาพดูไม่ได้ขนาดนี้" คุณหญิงอมรรัตน์เดินมานั่งลงบนโซฟาในห้องโถงของบ้านพร้อมต่อว่าบุตรชายด้วยความไม่พอใจพร้อมมองไปยังซอกคอของเด็กสาวที่มีรอยช้ำรอยเขี้ยวเต็มไปหมดจนดูไม่ได้ ทว่ากวินท์หาได้ใส่ใจกับคำพูดของผู้เป็นแม่ไม่เขาตวัดสายตามองร่างบางอย่างเอาเรื่องพร้อมเปล่องเสียงตอบหน้าตาเฉย "ปกติมากกว่านี้อีกครับแม่"คำพูดแสนร้ายกาจของเขาทำเอาแก้มหวานถึงกับหน้าเหว่ออ้าปากค้างเพราะไม่คิดว่าอาจารย์หนุ่มผู้เคร่งขรึมพูดน้อยจะกล้าพูดอะไรแบบนี้ออกมาแถมยังทำให้เธอรู้สึกอับอายเข้าไปอีก เธออยากจะเข้าไปทึ้งผมเขาให้หายคับแค้นใจที่ทำเธออับอายแต่ก็ทำได้เพียงสะกดกลั้นอารมณ์เอาไว้ก่อนกัดฟันต่อว่าร่างสูงข้างๆ ด้วยความไม่พอใจ "พูดบ้าอะไร""ผมพูดความจริง" คนโดนต่อว่ายกยิ้มมุมปากไหว่ไหล่ให้หญิงสาวอย่างไม่ยีระทำเอาคุณหญิงอมรรัตน์ที่นั่ง
รถสปอร์ตหรูที่มีสองหนุ่มสาวนั่งอยู่ด้านในเคลื่อนตัวมาจอดลงยังลานจอดรถของคอนโด แต่ถึงแม้รถจะจอดสนิทแล้วคนทั้งสองก็ยังคงนั่งนิ่งอยู่แบบนั้นโดยไม่มีใครคิดจะเปิดประตูรถลงมา หรือแม้แต่จะปริปากคุยกันสักคำก็ไม่มีภายในรถตกอยู่ในความเงียบนานหลายนาทีก่อนแก้มหวานจะพูดทำลายความเงียบ "แก้มว่าแม่คุณคงเชื่อแล้วว่าเราเป็นแฟนกันจริงๆ ไม่อย่างนั้นท่านคงไม่ให้เราหมั้นกัน"ดวงตากลมโตปรายมองเสี้ยวหน้าหล่อเหลาเชิงขอความคิดเห็นแต่เธอก็ได้รับเพียงความเงียบตอบกลับมานอกจากเขาจะไม่ตอบคำถามแล้วยังจะเปิดประตูลงจากรถเดินเข้าคอนโดไปหน้าตาเฉยทำเอาร่างบางงงงวยไม่น้อยจู่ๆเข้าก็นิ่งเงียบไปเลยตั้งแต่ขับรถออกมาจากบ้านจนกระทั่งถึงตอนนี้"ผีเข้าหรือไงคิดจะเงียบก็เงียบ" เธอพึมพำอย่างไม่ชอบใจก่อนเปิดประตูลงจากรถเดินตามเข้าไปเงียบๆ เมื่อมาถึงห้องต่างคนก็ต่างเดินเข้าห้องนอนตัวเองแก้มหวานเดินมาทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาบนเตียงอย่างหมดเรี่ยวแรงในสมองพลันคิดถึงเรื่องของอาจารย์หนุ่มขึ้นมาดื้อๆ ถึงแม้จะพยายามไม่คิดก็ตามไหนจะเรื่องแม่ของเขาอีกจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ทำให้มั่นใจได้ระดับหนึ่งว่าแม่ของเขาเชื่อแล้วว่าเธอกับอาจารย์หนุ่มเป็นแฟนก
กวินท์ลากร่างบางออกมายังสนามหญ้าหน้าบ้านเมื่อเห็นว่าปลอดคนแล้วจึงปล่อยมือออกจากข้อมือเล็กแล้วถามไถ่เรื่องที่ตัวเองสงสัยทันที "ไปสนิทกับแม่ผมตั้งแต่เมื่อไหร่""ไม่ได้สนิทค่ะ" คนโดนถามลอบถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนเปล่งเสียงตอบเธอคิดว่าจะมีสำคัญอะไรซะอีกแค่ที่ไหนได้ก็แค่เรื่องไม่เป็นเรื่อง "อย่ามาโกหกก็เห็นๆ อยู่" ร่างสูงหาได้คำพูดของหญิงสาวไม่เขาจับจ้องดวงหน้าเรียวอย่างคาดคั้นพร้อมก้าวเท้าเข้าหาเธอเรื่อยๆ จนหญิงสาวต้องก้าวเท้าถอยกรู่ตามสัญชาติญาณพร้อมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงร้อนรน "คุณจะสนใจทำไมเรื่องนี้ทำไมมันไม่ได้สำคัญเลยสักนิดสนใจแค่ผลลัพธ์ก็พอตอนนี้แม่คุณก็เชื่อแล้วว่าเราเป็นแฟนกันจริงๆ จะยกเลิกสัญญาได้หรือยัง" "ว๊ายย!"สิ้นเสียงพูดร่างบางก็โดนกวินท์พุ่งเข้าประชิดตัวด้วยความเร็วพร้อมกับตวัดแขนรวบเอวคอดกิ่วของเธอแล้วรั้งเข้ามาแนบชิดตัวก่อนโน้มลงกระซิบข้างกกหูเล็ก "ผมต้องพิสูจน์ก่อนสิว่าแม่ผมเชื่อจริงๆ ร้อยเปอร์เซ็น" "...." ทำเอาคนฟังถึงกับหน้านิ่วคิ้วขมวดแหงนมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างไม่เข้าใจทั้งๆ ที่เขาเองก็น่าจะพอเดาได้แล้วว่าแม่ของตัวเองเชื่อว่าเธอกับเขาเป็นแฟนกันจริงๆ จนถึงขั
@Dris Place Condo"คุณจะเอายังไงกันแน่คุณกวินท์" เสียงหวานเปล่งออกจากริมฝีปากเอิบอิ่มอย่างไม่สบอารมณ์หลังจากเดินเข้ามาในห้องพักแล้ว นี่เป็นรอบที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ที่หญิงสาวพยายามถามอาจารย์หนุ่มตั้งแต่ขึ้นรถจากบ้านสิริราญานุกุลจนถึงคอนโดแต่เธอก็ได้รับเพียงความเงียบตอบกลับทุกครั้งไปเธอไม่เข้าใจเลยจริงว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ และครั้งนี้ก็เช่นกันเธอยังคงได้รับความเงียบแทนคำตอบเหมือนเดิม"....." กวินท์ตวัดสายตามองร่างบางที่ยืนขว้างไม่เขาเปิดประตูเข้าห้องนอนด้วยแววตาราบเรียบที่เขาไม่ตอบก็เพราะไม่รู้จะพูดอะไรเขาเองก็ยังสับสนในตัวเองอยู่เลยว่าทำไมต้องรู้สึกหงุดหงิดเมื่อเธอถามถึงเรื่องยกเลิกสัญญา ทว่าร่างบางกลับไม่รู้เลยว่ากำลังสร้างความไม่พอใจให้เขา"คุณตอบมาสิตกลงมันยังไงกันแน่ แล้วทำไมคุณไม่ปฏิเสธแม่คุณไปทำแบบนี้ทุกอย่างก็จะยิ่งยื้ดเยื้อไปเรื่อยๆ นะ" เธอเปล่งเสียงถามอีกครั้งอย่างไม่ยอมแพ้ยังไงวันนี้ก็จะต้องคุยกับเขาให้รู้เรื่องเธอไม่อยากค้างคาอะไรอีกต่อไป ดวงตากลมโตจับจ้องใบหน้าหล่อเหลาเชิงตั้งคำถาม คนโดนถามใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มอย่างไม่สบอารมณ์จับจ้องคนตรงหน้าด้วยแววตาดุดันนานนับนาที
"อื้อ" การกระทำของอาจารย์หนุ่มสร้างความวาบหวามให้แก้มหวานไม่น้อยเธอได้แต่เม้มปากแน่นไม่ให้ตัวเองหลุดเสียงใดๆ ออกมาพร้อมยกขึ้นดันร่างสูงพัลวันเพื่อให้เขาหยุดการกระทำก่อนที่เธอจะอดกลั้นไม่ไหวเผลอส่งเสียงออกมา ทว่านั้นยิ่งทำให้ร่างสูงได้ใจเขาขบเม้มติ่งหูเล็กซ้ำๆ ก่อนค่อยๆ เลื่อนริมฝีปากลงขบเม้มซอกคอระหงระเรื่อยมาจนถึงเนินอกอวบอิ่ม"ยะ..หยุดนะคุณกวินท์" คนโดนเล้าโลมหอบหายใจหนักๆ ร้องห้ามปากคอสั่นแต่เธอก็ต้องสะดุ้งเฮือกในเวลาต่อมาเมื่อคนด้านบนปลดบราเซียของเธอออกแล้วตะโบมดูดดึงยอดถันอย่างมูมมาม"อื้ออ" ริมฝีปากเอิบอิ่มเม้มเข้ากันแน่นจนเป็นเส้นตรงกลั้นเสียงเอาไว้เมื่อโดนความเสียวซ่านเข้าเล่นงานอย่างหนัก มือเล็กพยายามยกขึ้นดันศีรษะร่างสูงให้พ้นเต้าอวบ"อย่าเล่นหัวผู้ใหญ่" การกระทำของร่างบางทำให้กวินท์ไม่ชอบใจเป็นอย่างมากเขาผละปากออกจากยอดถันสีชมพูก่อนรวบมือเธอไปตรึงไว้เหนือศีรษะ"ปล่อยคุณจะทำอะไรแก้มไม่เล่นด้วยนะ" หญิงสาวร้องท้วงดังลั่นพร้อมพยายามขืนมือออกจากการจับกุมในตอนที่อาจารย์หนุ่มเอื้อมไปหยิบบราเซียที่วางอยู่ข้างๆ มามัดข้อมือเธอเพื่อไม่ให้สร้างความรำคาญให้เขาอีก"อดทนให้ไหวนะแก้มหวานต่
วันต่อมาแสงแดดยามเก้าโมงเช้าสาดส่องผ่านม่านประตูกระจกริมระเบียงห้องเข้ามากระทบร่างของสองหนุ่มสาวที่นอนกอดกันกลม แต่กะนั้นก็ไม่ได้ทำให้ทั้งสองรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาคงเป็นเพราะอ่อนเพลียจากเมื่อคืนกว่าบทรักสุดดุเดือดจะจบลงก็เกือบเที่ยงคืนเล่นเอาหมดแรงกันเลยทีเดียวกระทั่งโทรศัพท์แผดเสียงดังขึ้น'ครืด ครืด'โทรศัพท์เครื่องหรูแผดเสียงดังอย่างต่อเนื่องปลุกให้กวินท์รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา มือหนาเอื้อมไปคว้าโทรศัพท์มากดรับสายทั้งที่ตายังปิดอยู่ก่อนกรอกน้ำเสียงงัวเงัยลงไปตามสาย (กวินท์พูดสายครับ)(กวินท์จะพาหนูแก้มมาส่งตอนไหนนี่ก็เกือบสิบโมงแล้วนะ อย่าคิดตุกติก) เปลือกตาหนาปรือขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินประโยคจากปลายสายเขาถอนหายใจหนักๆออกมาระคนเบื่อหน่ายก่อนเปล่งเสียงตอบ (ผมไปส่งแน่ครับแม่ไม่ต้องเป็นห่วง) (จะไม่ให้แม่เป็นห่วงได้ไงก็ดูลูกรังแกหนูแก้มสิ)(นิดหน่อยเองแม่ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมวางสายก่อนนะครับ) สิ้นเสียงพูดกวินท์ก็กดวางสายจากผู้เป็นแม่ทันทีก่อนวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมแล้วพลิกตัวนอนตะแคงเอามือท้าวศีรษะจับจ้องร่างบางที่นอนหลับสนิทอยู่ข้างกาย"ขนาดอยู่กับผมทุกวันคุณยังมีเวลาไปสนใจคนอื่นได้นะแก้มหวาน"
'แกร็ก'หลังจากแก้มหวานกลับเข้ามาในห้องนอนตัวเองได้ประมานชั่วโมงกว่าๆ ประตูห้องนอนของเธอก็ถูกเปิดออกอีกครั้งก่อนจะเผยให้เห็นร่างของกวินท์เดินถือหนังสือสัญญาว่าจ้างเข้ามา ทว่าร่างบางที่เผลอหลับไปก่อนหน้านี้ไม่นานหาได้รู้สึกตัวไม่ว่ามีคนเปิดประตูเข้ามาคงเป็นเพราะความเหนื่อยล้าที่ส่างสมมานานหลายวันทำให้เธอนอนหลับเสียสนิท"ยังมีอารมณ์หลับอีกนะแก้มหวาน" ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อเห็นว่าเจ้าของห้องนอนหลับอยู่บนเตียงทั้งที่เธอก็เพิ่งตื่นไม่นานนี้เองแต่กลับนอนหลับอีกแล้ว เขาเดินมาหยุดข้างเตียงก่อนโน้มหน้าไปเรียกร่างบางที่นอนตะแคงข้างเบาๆ ข้างกกหู "แก้มหวานๆ ตื่น""อื้อ" คนโดนรบกวนเวลานอนส่งเสียงในลำคอเบาๆ พร้อมกับปรือตาขึ้นแล้วเอี่ยวหน้ามองทางต้นเสียงอย่างรู้สึกหงุดหงิดโดยไม่รู้เลยว่าใบหน้าหล่อเหลาอยู่ใกล้กกหูตัวเองแค่เอื้อมเมื่อเธอหันไปเลยทำให้จมูกชนเข้ากับแก้มสากของร่างสูงเต็มๆ เธออึ้งค้างไปชั่วขณะมองใบหน้าหล่อตาปริบๆ ใบหน้าสวยเริ่มแดงระเรื่อด้วยความเขินอายในตอนที่ร่างสูงหันมามองสบสายตาเธอในระยะประชิดจนสามารถรับรู้ได้ถึงลมหายใจ และจังหวะการเต้นของหัวใจที่เต้นแรงผิดปกติของกันและกันทั้
@บ้านสิริราญานุกุล"ตอนนี้แม่ของคุณก็เชื่อแล้วว่าเราเป็นแฟนกันจริงๆ แล้วแก้มต้องอยู่บ้านคุณจนถึงเมื่อไหร่กัน" แก้มหวานหันหน้าไปพูดกับอาจารย์หนุ่มเมื่อรถหรูเคลื่อนตัวมาจอดลงยังโรงจอดรถของบ้านหลังจากที่เธอนิ่งเงียบมาตลอดทาง ดวงตากลมโตที่แฝงไปด้วยความเศร้าจับจ้องเสี้ยวหน้าหล่อเหลาด้ยความรู้สึกหลากหลายคนถูกถามนิ่งเงียบนานนับนาท่ีเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ก่อนหันมาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง "คุณก็ทนอยู่ที่นี่ไปสักระยะก่อนไว้มีโอกาสเหมาะเมื่อไหร่ค่อยหาข้ออ้างขอย้ายออกไป" สิ้นเสียงพูดเขาก็เปิดประตูลงจากรถเดินเข้าไปในบ้านโดยไม่รอฟังว่าหญิงสาวจะพูดอะไรต่อการกระทำของเขาทำให้แก้มหวานอดคิดไม่ได้ว่าเขาไม่อยากใก้เธออยู่ใกล้ๆ จนต้องรีบเดินเข้าบ้านไปเพื่อส่งเธอให้พ้นๆ"คงดีใจมากสินะที่เขี่ยแก้มออกห่างได้ถึงได้รีบขนาดนั้น" เธอบ่นอย่างตัดพ้อก่อนสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่เรียกความฮึกเหิมให้ตัวเองพร้อมเอี่ยวตัวไปหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าที่วางอยู่เบาะหลังแล้วเปิดประตูลงจากรถเดินตามอาจารย์หนุ่มเข้าไปในบ้าน"หนูแก้มเมื่อคืนกวินท์รังแกอะไรหนูหรือเปล่า" เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงห้องโถงคุณหญิงอมรรัตน์ก็ถามไถ่เธอทันทีแก้มห
หลายเดือนต่อมาอ๊วกกก! เสียงอาเจียนดังเล็ดออกมาจากห้องน้ำภายในห้องนอนของแก้มหวานกับกวินท์ เจ้าของเสียงอาเจียนหาใช่หญิงสาวไม่แต่กลับเป็นชายหนุ่มที่ยืนอาเจียนหน้าอ่างล้างหน้าจนหมดไส้หมดพุงเขามีอาการแบบนี้มา 2วันติดๆ แล้วก็ไม่ทราบสาเหตุเหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร"พี่กวินท์เป็นอะไรมากไหมคะ แก้มว่าไปหาหมอดีกว่าพี่เป็นแบบนี้มา 2-3วันแล้วนะ" แก้มหวานเดินเข้าไปลูบหลังให้แฟนหนุ่มเบาๆ พร้อมถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นสีหน้าซีดเผือดของเขาผ่านกระจกกวินท์ใช้มือกรอกน้ำล้างปากก่อนแหงนหน้าขึ้นสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ระบายอาการคลื่นไส้ในอกแล้วหันไปพูดกับแฟนสาวด้วยใบหน้าอิดโรย "ก็ดีเหมือนกันครับ""ค่ะ" ใบหน้าสวยเพียงพยักรับน้อยๆ มือเล็กเอื้อมไปจับแขนแกร่งไว้แล้วประคองเขาเดินออกจากห้องน้ำพาไปนั่งลงริมเตียงจากนั้นจึงเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบเสื้อออกมายื่นให้เขาเปลี่ยน "นี่ค่ะเสื้อ""ขอบคุณครับ" กวินท์รับเสื้อจากมือแฟนสาวมาวางลงข้างตัวแล้วสอดมือเข้าไปรั้งเอวคอดกิ่วของร่างบางที่ยืนตรงหน้าเข้ามาแนบชิดทำให้ตอนนี้ใบหน้าของเขาอยู่ระดับหน้าท้องแบนราบพอดี ก่อนเขาจะแหงนหน้าขึ้นมองใบหน้าแฟนสาวพลางนึกขอบคุณใน
"พี่ยังไม่ตอบแก้มเลยนะคะรู้ได้ยังไงว่าแก้มอยู่ที่นี่" แก้มหวานหันไปถามอาจารย์หนุ่มอีกครั้งขณะกำลังเดินไปหาน้องสาวกับเพื่อนริมชายหาดหลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าจนเป็นที่พอใจของอาจารย์หนุ่มแล้วเธอยังคงคาใจอยู่อยากจะรู้ว่าเขาตามหาเธอถูกได้ยังไง"ผมก็หลอกถามจากเพื่อนคุณยังไงละ" กวินท์ตอบหน้าระรื่นก่อนยกยิ้มมุมปากเขาก็แค่ส่งไลน์ไปหาเพื่อนของหญิงสาวบอกให้ทั้งสองเอาโปรเจคมาให้เขาดู แต่เพื่อนของเธอบอกว่าไม่สะดวกเพราะมาเที่ยวพัทยาเขาเลยได้รู้แล้วแสร้งตีเนียนถามข้อมูลไปเรื่อยๆ จนรู้ว่าเธอพักอยู่รีสอร์ทนี้"พี่นี่มันจริงๆ เลย" เธอถึงกับกรอกตามองบนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่กับความเจ้าเล่ห์ของเขา ทว่าอีกคนกลับหัวเราะร่าออกมาอย่างอารมณ์ดีพร้อมยื่นมือไปโอบไหล่มน "ผัวคุณฉลาดไหมละ""เจ้าเล่ห์สิไม่ว่า หลอกล่อเก่ง แผนเยอะ""ก็บอกแล้วไงว่าผมเจ้าเล่ห์กับเด็กดื้ออย่างคุณคนเดียว""เพราะพี่เจ้าเล่ห์ไงแก้มก็เลยต้องดื้อ กับคนอื่นแก้มเชื่อฟังจะตาย""ผมต้องดีใจไหมที่คุณดื้อกับผมคนเดียว""ต้องดีใจสิคะ""ระวังจะโดนผมลากขึ้นไปกำราบบนเตียงนะเด็กดื้อ""คนบ้าชอบพูดจาทะลึ่งอยู่เรื่อย""ผมพูดจริงทำจริงไม่ได้ทะลึ่ง" "พอเลยไม่พูดเ
กวินท์ยืนจับจ้องแผ่นหลังร่างบางในชุดบิกินี่ด้วยแววตาดุดัน ใช้ลิ้นดันกระพุงแก้มอย่างไม่สบอารมณ์เขารู้สึกหัวเสีย และโกรธเอามากๆ แต่ก็พยายามระงับอารมณ์เอาไว้ไม่ให้ตัวเองขาดสติใช้อารมณ์เข้านำเหมือนในคืนนั้นอีก เขาผ่อนลมหายใจแล้วเดินอ้อมไปยืนข้างหน้าร่างบางที่ยืนนิ่งไม่ไหวติงก้มหน้ามองดิน คิ้วเข้มถึงกับขมวดชนกันเป็นปมเมื่อเห็นหน้าอกหน้าใจที่ล้นทะลักออกมานอกบรา ไหนจะหน้าท้องขาวเนียนเรียวขาสวยนั้นอีก บิกินี่ทูพีชเผยให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งสัดส่วนทุกอย่างชัดเจนไปหมดผู้ชายคนใดได้เห็นก็คงคิดดีไม่ได้"ทำไมใส่ชุดแบบนี้มันโป็มากรู้ไหม" เขาอดที่จะเอ็ดหญิงสาวไม่ได้อยากจะจับเธอตีก้นให้เข็ดหลาบว่าไม่ควรแต่งตัวแบบนี้อีกแต่ก็ต้องข่มอารมณ์ไว้ ก่อนถอดเสื้อแจ็กเก็ตมาห่อตัวเธอจนมิดชิด"ว๊าย!" แก้มหวานที่ยืนมองการกระทำของอาจารย์หนุ่มอย่างงงๆ ร้องอุทานด้วยความตกใจในตอนที่เขาจับตัวเธอขึ้นอุ้มพาดบ่าจนหัวห้อยโต่งเตงไม่แคร์สายตาคนที่เดินผ่านไปมา หรือสายตาน้องสาวกับเพื่อนสาวของเธอที่ยืนอ้าปากค้างมองด้วยความงุนงงสักนิด"คุณกวินท์ปล่อยแก้มลงนะคนมองหมดแล้ว" เสียงหวานเปล่งออกจากริมฝีปากเอิบอิ่มเบาๆ ด้วยความอับอายเธอไม
"พี่แก้มดีขึ้นแล้วเหรอคะ" เสียงของแก้วตาทำให้แก้มหวานที่ยืนทอดสายตามองทะเลด้วยใจเหม่อลอยสะดุ้งหลุดออกจากภวังค์ความคิด ก่อนปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วหันกลับไประบายยิ้มตอบน้องสาว "พี่ดีขึ้นแล้ว""งั้นไปหาอะไรกินกันเถอะเริ่มหิวแล้วอะ" มิราเอ่ยชวนทันทีเมื่อเห็นสีหน้าเพื่อนสาวสดชื่นขึ้นกว่าก่อนหน้านี้พร้อมใช้มือลูบวนไปมาบนท้อง "งั้นก็ไปหาอะไรกินกัน" หญิงสาวได้แต่ส่ายหน้าไปมาให้กับการท่าทางของเพื่อนสาวก่อนเดินไปโอบไหล่เพื่อนสาวกับน้องสาวแล้วเดินพาออกจากห้อง@ร้านอาหารทั้งสามคนเลือกมาทานอาหารทะเลร้านใกล้ๆ กับรีสอร์ทที่เดินเลียบชายหาดมาเพียง 200เมตรก็ถึงเพราะได้ชื่นชมบรรยากาศระหว่างเดินมาด้วย เมื่อได้ออกมาพปปะผู้คนข้างนอกได้ชื่นชมกับบรรยากาศริมทะเลก็ทำให้แก้มหวานรู้สึกดี และผ่อนคลายมากขึ้นลืมเรื่องอาจารย์หนุ่มไปชั่วขณะหลังจากทานอาหารเสร็จทั้งสามคนก็พากันตะเวนเที่ยวทั่วเมืองพัทยาจนค่ำจึงกลับห้องมาพักผ่อน"พรุ่งนี้เล่นน้ำกันไหม" มิราเอ่ยขึ้นหลังจากเดินมาหย่อนสะโพกนั่งลงบนโซฟาในห้องแล้ว "ไปสิคะพี่มิรา" แก้วตาตอบตกลงอย่างไม่รอช้าก่อนหันไปพูดกับพี่สาวต่อ "มาทะเลทั้งทีไม่ได้เล่นน้ำก็เหมือนมาไม่ถ
@คอนโดมิรา"ฮึก ฮื่อ" เสียงสะอื้นไห้ดังระงมเบาๆ ภายในห้องนอนของคอนโดมิราแก้มหวานเลือกหนีอาจารย์หนุ่มมาหลบที่คอนโดเพื่อนสาวเพราะคิดว่าเขาคงไม่รู้แน่นอน เธอปล่อยให้น้ำตาแห่งความเสียใจ และผิดหวังหลั่งไหลออกมาเพื่อชะล้างความรู้สึกแย่ให้หมดไป และหลังจากนั้นเธอจะเริ่มต้นใหม่"คนปากเสียมาว่าแก้มแบบนั้นได้ไง แก้มไม่ชอบคุณแล้ว" ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนที่เธอนอนร้องไห้อยู่อย่างนั้นจนรู้สึกดีขึ้นจึงหยัดกายลุกขึ้นนั่งแล้วยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออกจากพวงแก้มลวกๆ ดวงตากลมโตฉายแววเด็ดเดี่ยวขึ้นในทันตาเมื่อสิ้นเสียงงึมงำ ก่อนจะลุกลงจากเตียงเดินเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำแล้วเดินกลับมาหย่อนสะโพกนั่งริมเตียง มือเล็กเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายข้างออกมาเปิดเครื่องหลังจากที่เธอปิดเครื่องหนีอาจารย์หนุ่มก่อนหน้านี้เพื่อโทรบอกน้องสาว ทว่าเพียงแค่เปิดเครื่องเท่านั้นข้อความพยายามติดต่อจากเขาก็เด้งเข้ามาในมือถือระรัวเกือบสิบข้อความแต่เธอหาได้สนใจไม่กลับปัดข้อความเขาทิ้งแล้วต่อสายหาน้องสาว ถือสายรอไม่นานปลายสายก็กดรับ(ว่าไงคะพี่แก้ม)(คืนนี้พี่นอนห้องพี่มิรานะแก้ว)(ค่ะ..เมื่อกี้เจ้านายพี่เขามาตามหาพี่
"แก้มหวาน!" กวินท์เดินปรี่ไปหาหญิงสาวที่กำลังยืนคุยกับผู้ชายหน้าระรื่นด้วยอารมณ์เดือดดาล มือหนาเอื้อมไปจับแขนเล็กแล้วกระชากให้ออกห่างเตชินเจ้านายเก่าของเธออย่างแรงจนเธอเซถลาปะทะลำตัวของเขาเต็มๆปึก!"อ๊ะ..คุณกวินท์" แก้มหวานเบ้หน้าออกมาด้วยความเจ็บ ก่อนแหงนมองหน้าอาจารย์หนุ่มด้วยความรู้สึกตกใจเล็กน้อย ทว่าเธอก็ต้องลอบกลืนน้ำลายเหนี่ยวๆ ลงลำคออึกใหญ่เมื่อเห็นสีหน้าแดงก่ำ และแววตาเกรี้ยวกราดของเขาที่จับจ้องเธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ "คุณฟังแก้มก่อนได้ไหม""โอ๊ย! แก้มเจ็บนะ" เธอพยายามข่มไม่ให้ตัวเองตื่นกลัวกับท่าทางเกรี้ยวกราดของร่างสูงตรงหน้า ก่อนเปล่งเสียงพูดเพืื่ออธิบายให้เขาเข้าใจ ทว่าเธอก็ต้องร้องท้วงด้วยความรู้สึกเจ็บพร้อมใช้อีกมือแกะมือหนาออกในตอนที่มือหนาออกแรงบีบแขนของเธอแรงๆ ราวกับจะให้มันแหลกคามือยังไงยังงั้น แต่แรงอันน้อยนิดของเธอหาได้ทำให้มือหนาขยับเขยื้อนออกจากแขนเธอสักนิดไม่ "ผมคนเดียวมันไม่ถึงใจใช่ไหมถึงได้ระริกระรี้กับผู้ชายคนอื่นอีก" กวินท์โกรธและหึงจนหน้ามืดตามัวไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว เขาใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มจับจ้องหน้าเธอสลับกับชายหนุ่มอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนพรั่งพรูคำ
"เฮ้อ" แก้มหวานเดินเข้ามาทิ้งตัวลงนั่งริมเตียงภายในห้องนอนด้วยสมองที่หนักอึ้งหลังจากทานมือค่ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว เรื่องที่คุณหญิงอมรรัตน์ไม่ยอมให้เธอย้ายออกไปแต่กลับให้น้องสาวย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันทำให้เธอคิดไม่ตกไม่รู้ว่าควรจะเอายังไงต่อไปดี แต่ที่แน่ๆ เธอไม่ให้น้องสาวรู้เรื่องความสัมพันธ์จอมปลอมระหว่างเธอกับอาจารย์เด็ดขาด'แกร็ก'เสียงปลดล็อคประตูดังขึ้นทำให้แก้มหวานหลุดออกจากห้วงความคิดก่อนปรายตามองทางประตู เธอถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อเห็นว่าคนที่เปิดประตูเข้ามาคืออาจารย์หนุ่มเธอก็คิดว่าหลังจากทานข้าวเสร็จเขาจะกลับคอนโดไปแล้วเสียอีก"คุณเข้ามามีธุระอะไรกับแก้มคะ" ดวงตากลมโตจับจ้องร่างสูงที่เดินมาหยุดยืนตรงหน้านิ่งๆ นานนับนาทีๆ ก่อนเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย"คุณจะเอายังไงต่อเรื่องที่แม่ผมให้น้องสาวย้ายมาอยู่ที่นี่กับคุณ" กวินท์หย่อนสะโพกนั่งลงข้างๆ หญิงสาวก่อนถามไถ่ด้วยน้ำเสียงจริงจัง ใบหน้าเคร่งขรึมไม่ได้แสดงท่าทางเจ้าเล่ห์ หรือกรุ่มกริ่มเหมือนที่ผ่านมา ท่าทางที่ดูจริงจังของเขาทำเอาแก้มหวานแปลกใจไม่น้อย ดวงกลมโตจับจ้องเสี้ยวหน้าหล่อเหลาอย่างใช้ความคิดปกติเขาคงจะหาเรื่องเข้ามา
@บ้านสิริราญานุกุล"ไม่ต้องมายุ่งกับแก้มคนเผด็จการ" แก้มหวานหันไปตะเบ็งเสียงใส่อาจารย์หนุ่มดังลั่นเมื่อเขายื่นมือมาดึงพวงแก้มนวลของเธอหลังจากรถจอดเรียบร้อยแล้วพร้อมยกมือขึ้นปัดมือหนาออกจากพวงแก้มจากนั้นก็เปิดประตูลงจากรถเดินเข้าไปในบ้านด้วยท่าทางกระเฟียดกระฟัด แต่เมื่อเข้ามาในบ้านเธอก็ต้องรีบปรับสีหน้า และท่าทางให้เป็นปกติเมื่อเห็นคุณหญิงอมรรัตน์นั่งอยู่ในห้องโถงก่อนเดินเข้าไปทักทาย "สวัสดีค่ะคุณป้า""จ้ะ" คุณหญิงอมรรัตน์พยักหน้ารับพร้อมระบายยิ้มให้เด็กสาวบางๆ แต่เธอก็ต้องขมวดคิ้วชนกันเป็นปมเมื่อเห็นบุตรชายเดินเข้ามา "ลมอะไรหอบลูกมาบ้านอีกละวันนี้" เธอแซวบุตรชายอย่างอดไม่ได้เพราะสองวันติดๆ แล้วที่บุตรชายโผล่หน้ากลับมาอย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่าบุตรชายของเธอนั้นกว่าจะกลับบ้านได้แต่ละทีไม่มีธุระก็เธอโทรตามเท่านั้น แต่เธอก็ไม่ได้แปลกใจอะไรเพราะพอรู้เหตุผลว่าทำไมบุตรถึงกลับบ้าน"ไม่มีลมอะไรทั้งนั้นแหละครับ" กวินท์ไหว่ไหล่ให้ผู้เป็นแม่ก่อนเดินเข้าไปนั่งลงบนโซฟาตรงข้ามท่าน ดวงตาคมกริบปรายมองร่างบางที่ยืนเยื้องๆ กับโซฟาก่อนรอยยิ้มร้ายจะผุดขึ้นประดับมุมปากหนาเมื่อเห็นสีหน้าบึ้งตึงของเธอ"เผด็จกา
วันต่อมา@มหาวิทยาลัยคอนเวนต์'ติ๊ง ติ๊ง'เสียงแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชั่นไลน์ดังขึ้นเบาๆ ทำให้แก้มหวานที่กำลังฟังอาจารย์สอนอย่างตั้งใจละสายตาจากจอโปรเจคเตอร์ ก่อนล้วงไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายออกมาเปิดดูข้อความ"เรียนเสร็จมาหาผมที่ห้องทำงาน" เธอแบะปากน้อยๆ เมื่ออ่านข้อความที่อาจารย์หนุ่มเป็นคนส่งมาจบ "รอไปเถอะแก้มไม่ไปตามคำสั่งคุณหรอก" "งึมงำอะไรของแกแก้ม" มิราที่นั่งอยู่ข้างๆ เอียงหน้ามาถามเพื่อนสาวเบาๆ เมื่อเห็นเธอก้มมองหน้าจอมือถือแล้วงึมงำเบาๆ ราวกับคนบ้า"เปล่าาา" แก้มหวานตอบพร้อมส่งยิ้มแหย่ๆ ให้เพื่อนสาวขณะที่มือกดปิดหน้าจอมือถือแล้วใส่ไว้ในกระเป๋าเหมือนเดิมไม่ได้คิดจะตอบกลับข้อความของอาจารย์หนุ่มเพราะยังรู้สึกเคืองๆ เรื่องเมื่อวานอยู่ ก่อนสนใจกับการเรียนต่อ หลังจากเรียนเสร็จเธอกับเพื่อนสาวก็เดินมานั่งที่ศาลาหน้าตึกคณะเพื่อทำโปรเจคต่อ"ฉันได้ดูโปรเจคที่แกส่งมาแล้วนะ แกทำได้ไงอะ" มิราขมวดคิ้วมองหน้าถามเพื่อนสาวด้วยความสงสัยหลังจากนั่งลงแล้วเพราะเพียงเวลาแค่ 2-3วันเพื่อนสาวก็ทำโปรเจคเกือบเสร็จแล้วแถมข้อมูลยังแน่นอีกคนถูกถามลอบถอนหายใจเบาๆระคนเหนื่อยหน่ายเธอคงต้องโกหกเพื่อนสาวอี