ซีเฉิงอยู่ห่างจากเซินเฉิง ขับรถขึ้นทางด่วนใช้เวลาสี่ชั่วโมงโหลวฉางเยว่วางหินก้อนใหญ่เกี่ยวกับเนี่ยเหลียนอี้ลง ในใจของเธอไม่กังวลอะไรอีกต่อไป จิตใจผ่อนคลาย ตอบกลับข้อความที่ไม่ได้ตอบในช่วงสองวันที่ผ่านมาหลังจากที่ "หายตัวไป" จากนั้นก็เริ่มง่วงสาเหตุหลักมาจากอบเชยในรถ ซึ่งนำบรรยากาศในฤดูหนาวที่อบอุ่นมา ทำให้ถูกสะกดจิตทั่วทั้งร่าง เธอพิงศีรษะกับหน้าต่างรถ แล้ว ค่อยๆ หลับตาลง เธอไม่ได้หลับสนิท แต่ตื่นขึ้นมาตอนเหวินเหยียนโจวยื่นมือของเขาวางลงบนหัวของเธอผ่านกระจกโหลวฉางเยว่ยกเปลือกตาขึ้นเล็กน้อย เห็นเหวินเหยียนโจวอ่านอีเมลในแท็บเล็ตอยู่ ส่วนมืออีกข้างทำหน้าที่เป็นเบาะรองระหว่างเธอกับกระจก เพื่อกันไม่ให้รถสั่นและกระทบเธอตอนผ่านถนนที่ขรุขระ การเคลื่อนไหวของเขาเป็นธรรมชาติมาก ราวกับว่ามันเป็นอย่างที่ควรจะเป็น มิน่าล่ะที่ผู้คนพูดว่า ตอนผู้ชายมีใจหรือไม่มีใจ จะเปลี่ยนไปอย่างกับเป็นคนละคน เลนข้างหน้าเริ่มเบี่ยงออก รถของพวกเขาเลี้ยวโค้ง โหลวฉางเยว่แกล้งทำเป็นเพิ่งตื่น เอาศีรษะออกจากฝ่ามือเขา แล้วลืมตาขึ้น เหวินเหยียนโจวหันไปมองเธอ "ไม่นอนแล้วเหรอ?"โหลวฉางเยว่เปลี่ยนท่านั่ง "อืม เกือบถึงแล้
แม่ลูกเดินด้วยกันบนถนนหินกรวดในหมู่บ้านโหลวฉางเยว่เดินไปด้วยคุยกับเธอไปด้วย แน่นอนว่า เป็นข่าวดีไม่ใช่ข่าวร้ายพอแม่โหลวมีความสุข ท่าทีของเธอก็ผ่อนคลายกว่าปกติ ยังบอกโหลวฉางเยว่ว่า "พ่อลูกจะไปฝังเข็ม เราจะพาพ่อลูกกลับบ้านทีหลัง" "ได้ค่ะ"เมื่อเดือนที่แล้ว พ่อโหลวได้รับการรักษาด้วยการฝังเข็มเพื่อรักษาอาการขาเจ็บจากแพทย์แผนจีน โหลวฉางเยว่ได้ยินเรื่องนี้จากพี่เลี้ยงเธอตามแม่โหลวไปตลาดผัก นอกจากซื้อซี่โครงแล้ว ยังซื้อวัตถุดิบอื่น ๆ อีกมากมาย ทั้งไก่ เป็ด ปลา เนื้อสัตว์ และผักโหลวฉางเยว่อยากบอกว่าเธออยู่แค่สองวัน มีอาหารให้กินมากมาย เธอกินไม่หมดหรอก แต่ลูก ๆ ของแม่โหลวกลับบ้านครั้งนึงก็ยากแล้ว แม่ของเธอเลยอดไม่ได้ที่จะขุนพวกเขาจนมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นสักสิบหรือแปดโลครึ่งก่อนค่อยปล่อยไป จะห้ามก็ห้ามไม่ได้โหลวฉางเยว่ทำได้แค่ส่งข้อความขอให้พี่สาวคนโตพาหลานสาวของเธอกลับมาทานข้าวคืนนี้ ช่วยเรื่องการย่อยอาหารสักนิดเธอพยายามส่งข้อความไป แม่โหลวก็ซื้อดอกกะหล่ำอีกลูก โหลวฉางเยว่อยากจ่าย แต่แม่โหลวยืนกรานว่าจะจ่ายเอง โหลวฉางเยว่ตามใจแม่ หยิบของด้วยมือเดียว แล้วจับมือเธอไว้ หมู่บ้านไม่มีผู้อยู่อาศั
เหวินเหยียนโจวมอง วางโทรศัพท์ลง พูดอย่างเฉยเมย "มาเร็วมากนะ เชิญเขาเข้ามาเลย""ค่ะ"เหอชิงโบกมือ บอร์ดี้การ์ดที่ซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่งปรากฏตัวขึ้น ขวางรถคันนั้นเหอชิงเดินไปที่รถแล้วพูดสองสามคำ คนบนรถก็ลงมาเป็นหลิวเยี่ยนหลิวเยี่ยนเหลือบมองไปทางเหวินเหยียนโจว กึ่งยิ้ม แล้วล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ เดินตามเหอชิงไปเหวินเหยียนโจวนั่งอยู่บนเก้าอี้กลางแจ้งในร้านกาแฟ หลิวเยี่ยนพูดว่า "ช่วงนี้ประธานเหวินดูว่างเกินไปนะ เดี๋ยวอยู่ที่ซีเฉิง เดี๋ยวอยู่ที่นี่ ซีอีโอผู้สง่างามไป ๆ มา ๆ แบบนี้ ปี๋หยุนซบเซาลงขนาดนี้แล้วเหรอ?"เหวินเหยียนโจว "ลูกพี่ลูกน้องของประธานหลิวถูกตำรวจพาตัวไป คุณก็ไม่ได้อยู่ช่วยที่ซีเฉิง แต่ยังมาที่นี่ ไม่ใช่ไม่รู้ว่าตัวเองควรทำอะไรเหรอ?"ชายหนุ่มรูปหล่อสองคนพบกันในหมู่บ้านเล็ก ๆ คนหนึ่งยิ้ม อีกคนสงบและเฉยเมย แต่คำพูดของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์คุกกรุ่น ขิงก็ราข่าก็แรงหลิวเยี่ยนยิ้มมุมปาก นั่งลงตรงข้ามกับเขา นั่งไขว่ห้างแล้วพูด "ลูกพี่ลูกน้องของผมมีป้าและลุงผมอยู่ด้วยครั้งนี้แฟนผมกลัวมาก ผมจึงต้องมาปลอบเธอ"เสียงของเหวินเหยียนโจวเย็นชา "เธอตกลงที่จะเป็นแฟนของคุณเหรอ?"“เธอก็ไม่ป
เหวินเหยียนโจวอยู่บนเรือ สวมชุดสูทสีดำ แต่ผูกเน็คไทสีแดงเข้ม ราวกับแสงสว่างในคืนที่มืดมิด ข้ามผ่านความมืดและกระแทกหัวใจของเธอเข้าจัง ๆ "..."เรือค่อย ๆ เทียบท่าอย่างช้า ๆ เหวินเหยียนโจวยื่นมือไปหาโหลวฉางเยว่ ขอให้เธอกระโดดขึ้นเรือไปด้วยกันกับเขาโหลวฉางเยว่ไม่ขยับยกเว้นครั้งนั้นในลิฟต์ เธอไม่เคยมีความคิดที่จะวิ่งเข้าหาเขา เพียงแต่มองดูเขาอย่างแน่วแน่เหวินเหยียนโจวขอให้คนพายเรือเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอีกหน่อย ตอนนี้ระยะห่างจากชายฝั่งประมาณ 40 หรือ 50 เซนติเมตร จู่ ๆ เขาก็ก้าวข้ามเรือไปบนฝั่ง กระโดดลงต่อหน้าโหลวฉางเยว่! โหลวฉางเยว่ไม่ทันระวังเห็นเขา "กระโจน" เข้าหาเธอ เธอถอยหลังโดยสัญชาตญาณ แต่โดนเขาดึงเข้ามาในอ้อมกอดเดิมผู้ชายมีรูปร่างไหล่กว้างและเอวแคบ แถมสวมเสื้อคลุมสีดำ กอดเธอไว้แบบนี้ ดูเหมือนเขาจะซ่อนตัวเธอมิดในอ้อมกอดตัวเอง จมูกโหลวฉางเยว่มีน้ำแข็งเกาะเล็กน้อยเพราะโดนลมหนาว ปะทะเข้ากับหน้าอกอันอบอุ่นของเขา เธอมองไปทางอื่นอย่างไม่เป็นธรรมชาติ "...ทำไมยังไม่ไปคะ?" เธอคิดว่าเขาออกจากหมู่บ้านไปนานแล้ว เหวินเหยียนโจวหรี่ตาลง "ผมจะไปไหนได้ ช่วงวันหยุด โรงแรมเพียงสองแห่งในหมูบ้านคุณ
โหลวฉางเยว่ทั้งโกรธทั้งโมโห เธอกัดฟันและพูดว่า "ที่มาหาฉัน ก็เพื่อ เพื่อสิ่งนี้เหรอ?"เธอเหมือนโดนอะไรปะทะเข้าที่หัว จู่ ๆ ก็คิดได้ว่า นี่เป็นวิธีใหม่ของเขาใช่ไหม?เขาเคย "เสพติดการนอน" กับเธอมาก่อน ใช้กำลังแย่งชิงเธอมา และบังคับให้เธออยู่กับเขา ตอนนี้เขาเปลี่ยนมาใช้แผนการที่อ่อนโยนเหรอ? ไม่ใช่ว่าเธอถูกเขาหลอกอีกรอบนะ?โหลวฉางเยว่ไม่ยอม ยังไงก็ไม่ยอม จึงผลักเขาออกไปเหวินเหยียนโจวคว้าเอวของเธอจากด้านหลัง "เมื่อมีรักย่อมมีความปรารถนา"ทันใดนั้นโหลวฉางเยว่ก็รู้สึกขนลุกทั้งร่าง ดวงตามีความชื้นขุ่นมัว "...ไม่เคยได้ยินความคิดนี้เลย พวกผู้ชาย ไม่ใช่จะเอา ผู้หญิงคนไหนก็ได้เหรอ?"“ผมทำไม่ได้ ผมเลือกนะ ขอแค่เป็นคุณ”โหลวฉางเยว่พึมพำ "ผู้ชายน่ะ เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ พอจะพูดอะไรก็พูดไม่ออก"เหวินเหยียนโจวมองเข้าไปในดวงตาของเธอผ่านความมืด "รอพระอาทิตย์ขึ้น ผมจะบอกคุณอีกครั้ง"โหลวฉางเยว่รู้สึกว่าคืนนี้เธอทำตัวไร้เหตุผลไร้เหตุผลที่พาเขากลับบ้าน ไร้เหตุผลที่ไม่อยากเชื่อคำพูดของเขา และไร้เหตุผลที่ยอมจำนนและตกลงที่จะเดินหน้าต่อไปในที่สุดอาจเป็นเพราะเขายืนอยู่บนหัวเรือ ขณะที่น้ำไหลเข้ามาใกล้เธอ
พ่อโหลวเหยียบหินที่นูนขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ จึงเซและล้มไปข้างหน้า เหวินเหยียนโจวคว้าแขนของเขาไว้ทัน ทำให้เขากลับมาทรงตัวไว้ได้พ่อโหลวเงยหน้าขึ้นอย่างไม่รู้ตัว เห็นชายสวมชุดสูทราคาแพง ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกอึดอัด จึงพูดอย่างรวดเร็ว "ขอบคุณ ขอบคุณครับ"เหวินเหยียนโจวพูดอย่างใจเย็น "ไม่เป็นไรครับ"พ่อโหลวยิ้ม และเดินไปข้างหน้าต่อ เหวินเหยียนโจวก็เดินเคียงข้างเขาเช่นกัน ก้าวไม่เร็วมาก ดูเหมือนเดินบนถนนสายเดียวกันกับเขาพ่อโหลวรู้สึกกำลังโดนกดดันอย่างบอกไม่ถูก ถามอย่างสุภาพว่า "ผมเห็นคุณออกมาจากซอย 8 ด้วย บังเอิญมาก ครอบครัวผมก็อยู่ซอย 8 เหมือนกัน คุณเป็นญาติกับครอบครัวไหนเหรอ ผมอาศัยอยู่ที่นี่มาหลายปีแล้ว ไม่เคยเห็นคุณมาก่อน”เหวินเหยียนโจวตอบอย่างห่างเหิน "ถ้าผมเอ่ยชื่อ คุณคงเคยได้ยินแน่ ๆ" “จริงเหรอ? งั้นบอกผมหน่อยสิ” พ่อโหลวดูสนใจ เหวินเหยียนโจวก็หยุดเช่นกัน ริมฝีปากของเขาบางและซีด เขาพูดสองคำ "โจวหวัง"พ่อโหลวหยุดกะทันหัน!เหวินเหยียนโจว "ผมอยากคุยกับคุณเรื่อง 'สามแสนล้าน' "หากเขารู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินชื่อของโจวหวัง คำว่า "สามแสนล้าน" ก็ทำให้ใบหน้าของเขาซีดขึ้นอย่างรวดเร็วด
เหอชิงที่อยู่ข้าง ๆ ก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดเช่นกันเธอรู้สึกว่าถ้าประธานเหวินรู้เรื่องนี้ ประธานเหวินต้องช่วยเลขาโหลวแน่นอน จึงรีบเดินหน้าทันที“เลขาโหลว คุณดูแลแม่ดี ๆ นะ ฉันไปตรวจสอบเรื่องพยาบาลคนนั้นให้”เหอชิงมีเส้นสาย เธอตรวจสอบเร็วที่สุดโหลวฉางเยว่ไม่ปฏิเสธ สีหน้าของเธอตึงเครียด "รบกวนด้วยนะคะ"เหอชิงทำงานมีประสิทธิภาพมาก ก่อนที่ผลการตรวจของแม่โหลวจะออกมา เธอก็เจอตัวพยาบาลคนนั้นแล้ว และพาเขามาเลยมุมลานจอดรถของโรงพยาบาลพยาบาลถูกกักตัวอยู่ที่นั่น พยายามวิ่งหนีหลายครั้ง แต่บอดี้การ์ดที่แข็งแกร่งทั้งสี่คนก็ดูโหดเกินจนไม่ต้องทำอะไรเลย แค่ยืนอยู่ตรงนั้น เธอก็กลัวจนไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามพยาบาลกลืนน้ำลาย ขมวดคิ้วแล้วถามว่า “พวกคุณเป็นใคร จะทำอะไร ลักพาตัว ลักพาตัวมันผิดกฎหมายนะ!”“คุณรู้กฎหมายด้วยเหรอ?” จู่ ๆ เสียงของโหลวฉางเยว่ก็ดังขึ้น พยาบาลหันกลับมาเห็นเธอ สีหน้าก็เปลี่ยนไป! เป็นเธอได้ยังไง! พยาบาลรู้สึกผิด "คุณ คุณจะทำอะไร? ฉันบอกคุณแล้ว ทำร้ายคนมันผิดกฎหมาย!" โหลวฉางเยว่ "คุณฆ่าคนก็ไม่ผิดกฎหมายสินะ?"พยาบาลขึ้นเสียงทันที "ฉันไม่ได้ฆ่าใคร!"โหลวฉางเยว่ยิ้ม "ถ้าฉันไม่มีหล
โหลวฉางเยว่กำโทรศัพท์มือถือไว้แน่น เมื่อกี้เธอโกรธมาก แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าใครคือคนร้ายและเธอก็แสดงสีหน้าเย็นชาออกมา “คุณยังจะทำอะไรอีก? สารภาพออกมาให้หมด”พยาบาลโบกมือซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ไม่มีแล้ว ไม่มีแล้วจริง ๆ”โทรศัพท์มือถือของเหอชิงดังขึ้น เธอรับโทรศัพท์และตอบว่า “ได้ ได้ ฉันเข้าใจแล้ว”เธอรีบไปข้างหน้าแล้วดึงโหลวฉางเยว่ขึ้นมา “เลขาโหลวคะ ฉันจะรายงานเรื่องนี้ให้ประธานเหวินทราบ และประธานเหวินจะจัดการเรื่องนี้ให้อย่างแน่นอนค่ะ”ตอนนี้เธอเสียใจมากจริง ๆ หากเธอรู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับไป๋โหยว เธอคงไม่คิดจะช่วยโหลวฉางเยว่ตรวจสอบเรื่องนี้แน่......เธอจะไม่เดือดร้อนใช่ไหม?“พะ......พวกเราไปหาคุณป้ากันก่อนเถอะ หมอบอกว่าผลตรวจออกมาแล้ว มีอะไรผิดปกตินิดหน่อย”โหลวฉางเยว่หลับตาแล้วยืนขึ้น “ได้”เหอชิงมองพยาบาลอย่างลังเล “งั้นเธอ...... ”“ปล่อยมันไปเถอะ”ไม่อย่างงั้นล่ะ? หรือว่าพวกเขายังสามารถจัดการเธอด้วยตัวเองได้งั้นเหรอ?ไม่มีการบันทึกเสียงใด ๆ ในมือของโหลวฉางเยว่จริง ๆ หรอก มันเป็นเพียงกลอุบายที่เอาไว้ใช้หลอกลวงเธอก็เท่านั้นเธอพบว่าตัวเองไม่มีกำลังมากพอที่จะทำอะไรเลย แม้ว่าเธอ
พอแม่โหลวก็ได้ยินเสียงพ่อโหลวกลับมา จากนั้นเธอก็นำอาหารจานสุดท้ายมาเสิร์ฟที่โต๊ะ“งั้นก็มากินข้าวกันเถอะ วันนี้เย่ว่เยว่พาเหยียนโจวกลับมาด้วย เธอไม่ได้บอกเราล่วงหน้า พวกเราเลยไม่ได้เตรียมอะไรไว้ เลยมีแค่อาหารทำเองที่บ้าน ไม่รู้ว่าเหยียนโจวจะทานได้หรือเปล่า? ”เหวินเหยียนโจวลุกขึ้นยืน เหลือบมองใบหน้าซีดเซียวของพ่อโหลว และกระซิบเบา ๆ “เป็นผมที่ไม่ได้บอกเย่ว่เยว่ล่วงหน้าว่าผมจะอยู่ต่อ เธอถึงไม่ได้บอกกับทุกคน ไม่โทษเธอหรอกครับ”แม่ยายมองดูลูกเขย ยิ่งมองก็ยิ่งชอบเขามากขึ้น แม่โหลวไม่ได้มีความสุขขนาดนี้มานานแล้ว มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเธอ เธอแสร้งดุออกไป “เหยียนโจว เธอก็อย่าให้ท้ายเยว่เยว่มากเกินไปสิ”แต่หลังจากที่พูดจบ เขาก็ปกป้องเธอ “แต่เยว่เยว่ของเราเป็นคนที่มีเหตุผลที่สุด ต่อให้ตามใจก็ไม่เป็นไรหรอกครับ”มุมปากของโหลวฉางเยว่โค้งงอขึ้นทุกคนมานั่งที่โต๊ะด้วยกัน แม่โหลวตักซุปเสิร์ฟให้เหวินเหยียนโจวก่อน จากนั้นจึงใช้ตะเกียบคีบผักใส่ในชามของเขา“เหยียนโจว ลองซุปปลาหน่อไม้เหลืองฤดูหนาวดูสิ หน่อไม้นั่นปลูกเองเชียวนะ ปลาก็เป็นของเพื่อนบ้านที่ไปจับมาจากทะเล”“แล้วก็ยังมีหมูเปรี้ยวหวานสั
จนถึงตอนนี้โหลวฉางเยว่ก็ยังไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างไป๋โหยวกับเขาอย่างถ่องแท้ เธอเหลือบมองเขา และอดไม่ได้ที่จะเริ่มคิดผู้ชายน่ะนะ ไม่ได้ “ไร้เดียงสา” ขนาดนั้น โดยเฉพาะผู้ชายอย่างเหวินเหยียนโจว ผู้หญิงสนใจเขาหรือเปล่า เขาก็สามารถมองออกได้ง่าย ๆเหวินเหยียนโจวรู้อยู่แล้วว่าไป๋โหยวชอบเขา แล้วเขาก็ยังตกลงที่จะให้เธอมาอยู่เคียงข้างเขาอีก นั่นก็เป็นเหมือนคำตอบรับโดยปริยายว่าเขายอมรับความรู้สึกของเธอแล้วไม่ใช่หรือไง?พอมาคิดรวมกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันส่งท้ายปีเก่าปีที่แล้ว ก็มีความคิดเห็นที่เกี่ยวกับเธอขึ้นมา เขาเย็นชาใส่เธอตลอด ดังนั้นที่เขาเก็บไป๋โหยวไว้ ไม่ใช่แค่เพราะว่าอยากจะทำให้เธอโกรธ แต่วางแผนที่จะทำให้ “เปลี่ยนใจ” ด้วยสินะ?โหลวฉางเยว่พูดด้วยความรำคาญ “แม่ของคุณชอบไป๋โหยวมากเลยเหรอคะ? เธอยังอยากให้คุณแต่งงานกับไป๋โหยวด้วยใช่ไหม? เนี่ยเหลียนอี้เคยบอกฉันว่าท่านประธานใหญ่เหวินยอมรับไป๋โหยวแล้วด้วย แต่เพราะด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาก็ปฏิเสธกะทันหัน เป็นเพราะว่าท่านประธานใหญ่เหวินรู้เรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไป๋โหยวกับแม่ของคุณรึเปล่าคะ? ”แม้ว่าโหลวฉางเยว่จะไม่ค่อยรู้เรื่องคร
ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว แต่พ่อโหลวก็ยังไม่กลับมา พี่เลี้ยงจึงออกไปตามหาเขาเดิมทีโหลวฉางเยว่ต้องการช่วยแม่โหลววางจานและตะเกียบ แต่แม่โหลวก็ให้เธอไปอยู่เป็นเพื่อนเหวินเหยียนโจว เพราะเธอกลัวว่าลูกเขยคนจะอึดอัดถ้าต้องนั่งอยู่คนเดียว......จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง? ต่อให้ฟ้าจะถล่ม ประธานเหวินก็ยังคงมั่นคงไม่ขยับเขยื้อนอยู่ดีแต่ยังไงโหลวฉางเยว่ยังคงเดินไปหาเขาเหวินเหยียนโจวอยู่บนโซฟาสำหรับสองคน เดิมทีเธอต้องการนั่งบนโซฟาเดี่ยวที่อยู่ข้าง ๆ แต่ประธานเหวินดึงเธอเข้ามานั่งกับเขาเขากระซิบข้างหูเธอ “คุณพูดอะไรกับแม่ของคุณบ้าง? ”หูของโหลวฉางเยว่ไวต่อความรู้สึกมาก เธอก็กระตุกตัวหลบอยู่ครู่หนึ่ง “ก็ไม่ได้พูดอะไรหนิคะ”“ไม่พูดงั้นเหรอ แล้ววทำไมท่าทีที่เธอมีต่อผมถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้? ” เหวินเหยียนโจวบีบนิ้วของเธอ “คุณคิดว่าผมดูไม่ออกเหรอ? เมื่อกี้เธอไม่ค่อยพอใจผมเท่าไหร่ แล้วผมมีอะไรที่ทำให้แม่ยายไม่พอใจเหรอ? ”ความมั่นใจของประธานเหวินก็มาจากสภาพที่เหนือกว่าของเขา แต่ตราบใดที่พ่อแม่ไม่ขายลูกกิน สิ่งแรกที่พวกเขาจะพิจารณาเมื่อลูกจะแต่งงานก็คืออุปนิสัยของอีกฝ่ายการแสดงออกของโหลวฉางเยว่ยังคง
แม่โหลวไม่ใช่คนโง่ แม้ว่าเหวินเหยียนโจวจะตอบด้วยท่าทีนอบน้อม แต่เธอก็มองออก ด้วยลักษณะท่าทางและนิสัยของเหวินเหยียนโจว คงไม่ใช่แค่มี “เงินเล็กน้อย” ถึงสามารถเลี้ยงเขามาได้แน่ ๆ “งั้นก็ดีมาก ดีแล้วล่ะ พวกลูกคบกันมาสามปี สิ่งที่ควรจะเรียนรู้ก็น่าจะเรียนรู้กันมาหมดแล้ว แม่เองก็ไม่มีอะไรที่จะต้องถามอีกแล้วล่ะ”เหวินเหยียนโจวไม่ชอบพูดอ้อมค้อม จู่ ๆ เขาก็จับมือโหลวฉางเยว่ “เมื่อกี้ผมเพิ่งขอเยว่เยว่แต่งงานครับ และเธอก็ตอบตกลงแล้วด้วย”โหลวฉางเยว่มองไปที่แม่ของโหลวโดยไม่รู้ตัวใบหน้าของแม่โหลวเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอไม่ได้มีความสุขมากนัก เธอฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ จะเร่งรีบขนาดนี้ได้ยังไง พวกเรายังไม่ได้รู้จักเธอมากขนาดนั้นเลย เราเองก็ไม่เคยพบพ่อแม่ของเธอด้วย อย่างน้อยก็ควรจะหาเวลา ให้พวกเราทั้งสองตระกูลได้พูดคุยกันและปรึกษาหารือกันหน่อย”เหวินเหยียนโจวหยิบถ้วยชาขึ้นมา แต่เขาแค่เอามันมาใกล้จมูกแล้วดมกลิ่น เขาไม่ได้ดื่มมัน จากนั้นก็วางมันกลับไปที่เดิม สีหน้าเขาดูไม่ใส่ใจโหลวฉางเยว่รู้จักเขาดี เขารู้สึกว่าชาราคาถูกเกินไป เกินกว่าที่เขาจะเอาเข้าปากได้ และคำพูดเหล่า
ระยะทางจากห้างสรรพสินค้าถึงบ้าน ก็ใช้เวลาประมาณสิบกว่านาที โหลวฉางเยว่ก็ครุ่นคิดว่าจะพูดอะไรดีอยู่ในใจ จะบอกพ่อโหลวแม่โหลวยังไงดี เกี่ยวกับเรื่องที่เธอกำลังจะแต่งงาน?จะให้อธิบายยังไง ว่าลูกสาวของพวกเขา ตอนเพิ่งออกจากบ้านก็เป็นแค่คนโสด แต่ผ่านไปได้แค่ครึ่งชั่วโมง กลับบ้านมาก็กลายเป็นคนที่กำลังจะแต่งงานอย่างงั้นเหรอ?เธอคิดไม่ตกเลยจริง ๆ เลยได้แต่พาเหวินเหยียนโจวเดินไปรอบ ๆ ตรอกเท่านั้น จนกระทั่งประธานเหวินเริ่มหมดความอดทน เขาคว้าหลังคอของเธอแล้วลากกลับบ้าน“ผมเคยได้ยินประโยคหนึ่งที่ว่า ‘แม้ลูกสะใภ้จะขี้เหร่ แต่ก็จำเป็นจะต้องเจอหน้าพ่อแม่สามีอยู่ดี’ ผมคงไม่ได้ไร้ความสามารถถึงขั้นทำให้คุณอายจนไม่กล้าพาผมไปเจอหน้าพวกท่านหรอกมั้ง? ”โหลวฉางเยว่คิดว่าเขามีความสามารถมากเกินไปต่างหาก เธอถึงไม่รู้ว่าจะบอกพ่อแม่ของเธอยังไงดีคิ้วของเหวินเหยียนโจวขยายออก และยกขึ้นเล็กน้อย แล้วเขาก็พูดด้วยหางเสียงว่า “หืม” โหลวฉางเยว่ทำได้แค่กัดฟัน แล้วพาเขาเข้าไปพ่อโหลวออกไปตั้งแต่เช้า ตอนนี้ยังไม่กลับมาแม่โหลวเพิ่งเห็นว่าเธอพาเพื่อนกลับบ้านมาด้วย แถมยังเป็นเพื่อนผู้ชายอีกต่างหาก รู้สึกประหลาดใจและตกใจม
ผนังซีเมนต์สีเทาที่ได้รับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ ทำให้รู้สึกอบอุ่นเล็กน้อย ขณะที่เธอกำลังจัดเสื้อผ้าตัวเองอยู่ โหลวฉางเยว่ก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอย่างอื่น “......ฉันยังไม่ได้ตกลงอะไรเลยนะคะ คุณเลิกคิดเองเออเองได้แล้วค่ะ”เหวินเหยียนโจวก็ยังคงจัดการวางแผนเองอยู่ “ยังไงนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เข้าบ้านจริง ๆ คงดูไม่ดีถ้าเข้าไปมือเปล่า คุณช่วยพาผมไปที่ห้างสรรพสินค้าในตำบลของคุณหน่อยสิ แล้วคุณก็ช่วยเลือกของขวัญที่เหมาะกับพ่อแม่ของคุณด้วย”“......”“เด็กดี นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้พบกับพ่อแม่คุณ คุณต้องช่วยผมด้วยนะ”“......”โหลวฉางเยว่ลูบแหวน เธอไม่รู้ว่าเธอตัวชาเพราะการที่เขาเรียกเธอว่าเด็กดี หรือเป็นเพราะสับสนกับท่าทางที่เขายอมก้มหัวให้กันแน่ เธอค่อนข้างสับสนอย่างมาก แต่เธอก็ยังพาเขาไปที่ห้างสรรพสินค้าอยู่ดีโชคดีที่ชุมชนนี้เป็นพื้นที่ท่องเที่ยว เลยยังพอจะมีห้างสรรพสินค้าที่จำหน่ายสินค้าแบรนด์ระดับไฮเอนด์อยู่บ้างแต่ก่อนที่จะเข้าประตู เหวินเหยียนโจวก็ได้รับสายโทรศัพท์สายหนึ่ง เขามองไปที่ชื่อผู้โทร ขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าของเขาไม่ผ่อนคลายเหมือนตอนที่เผชิญหน้ากับเธอเมื่อกี้โหลวฉางเยว่มองไปที
ทันทีที่คำพูดจบลงไม่ถึงวินาที เหวินเหยียนโจวก็ก้มศีรษะลงและจูบเธออย่างเร่าร้อนต่อให้มีการแย่งชิง การปล้นชิงทรัพย์ในเวลากลางวันแสก ๆ หรือแม้แต่ผู้คนรอบข้าง เขาก็ไม่สนใจทั้งนั้น เขาจับหลังศีรษะของเธอและใช้ลิ้นของเขารุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ของเธอ โหลวฉางเยว่กลัวว่าจะถูกคนรู้จักเห็นเข้า เธอจึงได้แต่จับชุดสูทของเขาไว้แน่น “เหวิน เหวินเหยียนโจว...... ”เหวินเหยียนโจวค่อนข้างเฉยเมยกับเรื่องพวกนั้น เขาจูบเธอสักพักก่อนที่จะปล่อยริมฝีปากของเธอ เขาหอบเบา ๆ ต่อหน้าเธอ ทั้งเซ็กซี่และเย้ายวน “ไม่ใช่แค่การลอง แต่เป็นการตัดสินใจแล้ว เราจะคบกัน”เขาจับมือของโหลวฉางเยว่ขึ้นมา โดยไม่ให้โอกาสโหลวฉางเยว่ได้เห็นชัดเจนว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ แล้วเขาก็สวมแหวนไว้บนนิ้วนางของเธอม่านตาของโหลวฉางเยว่หดตัวลง!เสียงของเหวินเหยียนโจวแหบแห้ง “เด็กดี ตอนนี้สำนักงานกิจการพลเรือนก็หยุดกันหมดแล้ว รอถึงเดือนหน้าวันที่เก้า ในเวลาราชการ เราค่อยไปจดทะเบียนกันนะ”อะ อะไรนะ?ว่ายังไงนะ ! ?เดี๋ยวนะ!พอโหลวฉางเยว่รู้ว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น ประสาทของเธอก็แทบจะระเบิด!เธอปิดปากเหวินเหยียนโจวอย่างรวดเร็ว เพื่อหยุดไม่ให้เขาพูดเ
เช้าวันรุ่งขึ้น โหลวฉางเยว่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือตีสี่ตีห้าเธอเพิ่งจะหลับตาลงได้ แต่ยังไม่ทันจะได้นอน เธอง่วงจนแทบจะทนไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องเปิดเปลือกตาขึ้นด้วยความพยายามอย่างมาก เมื่อเธอเห็นว่าผู้โทรคือเหวินเหยียนโจว อาการง่วงนอนของเธอก็แทบจะถูกขับออกไปในทันทีเธอลุกขึ้นนั่ง มองดูซองจดหมายสีเหลืองอ่อนบนโต๊ะข้างเตียง พอนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปากล่างของตัวเองหลังจากถอนหายใจและระงับอารมณ์ได้แล้ว เธอก็รับสาย “ฮัลโหล”เสียงเย็นชาของเหวินเหยียนโจว ก็ได้ลอยผ่านเคลื่อนโทรศัพท์ ส่งตรงไปถึงหูของเธอ และยังคงสามารถทำให้เธอขนลุกได้โดยไม่ทันตั้งตัว“คุณกำลังทำอะไรอยู่? ”“......นอนค่ะ”“คุณนอนที่ไหน? ” น้ำเสียงของชายคนนั้นเข้มขึ้นทันที “ผมอยู่ในห้องของคุณ แต่ก็ไม่เห็นคุณ คุณไปนอนที่ไหนเหรอ? ”สถานการณ์ของเขาตอนนี้เหมือนกำลังจับคนทำผิด......โหลวฉางเยว่ตกตะลึง “คุณอยู่ในห้องของฉันเหรอคะ? คุณไปหาฉันที่ซีเฉิงเหรอคะ? ”“ไม่ใช่ว่าเมื่อวานคุณทำงานเป็นวันสุดท้ายหรอกเหรอ? ผมเลยมารับคุณกลับเซินเฉิง” เหวินเหยียนโจวถามต่อว่า “ตอนนี้คุณอยู่ที่
รักข้างเดียว......ลมพัดโดนผิวของโหลวฉางเยว่จนเกิดเป็นชั้นอนุภาคเล็ก ๆ เธอยังคงคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่ออยู่เลย แต่จะให้เธอตรวจสอบยังไงกันล่ะว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเท็จกันแน่?โหลวฉางเยว่จำได้อีกว่า ในวันที่เธอเลี้ยงข้าวเขาที่ร้านอาหารส่วนตัว เขายังเคยถามเธอเกี่ยวกับลิ้นชักจดหมายรักอีกด้วยตอนนั้นเธอก็รู้สึกว่าทำไมเขาต้องใส่ใจเรื่องนี้มากขนาดนั้นด้วย พอลองมองดูตอนนี้แล้ว คงไม่ใช่ว่าปีนั้นเอง เขาก็เขียนจดหมายรักให้เธอด้วยหรอกนะ?จู่ ๆ โหลวฉางเยว่ก็ลุกขึ้นยืน ตาของเธอเป็นก็ประกาย จดหมายรักพวกนั้นเธอน่าจะยังเก็บไว้ที่บ้าน บ้านที่ตำบลเฟิงเสียน เธอโทรหาหลี่ซิงรั่วทันที“ซิงรั่ว เธอออกเดินทางรึยัง? ”“กำลังจะออกเดินทางแล้ว เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ”“ฉันอยากกลับเซินเฉิงกับเธอด้วย สะดวกไหม? ”หลี่ซิงรั่วหยุดชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “สะดวกสิ เธอยังอยู่ที่ประตูร้านอาหารเดิมรึเปล่า? ฉันจะไปรับเธอ”ในไม่ช้า รถของหลี่ซิงรั่วก็ขับมาถึง โหลวฉางเยว่ก็เปิดประตูและเข้าไปจากนั้นหลี่ชิงรั่วจึงถามว่า “เป็นเพราะประธานเหวินหรือเปล่า? ”หัวใจของโหลวฉางเยว่เต้นเร็วขึ้นอย่างอธิบายไม่ได้ เธอรีบร้อ