เมื่อรู้สึกถึงอุณหภูมิร่างกายที่ร้อนของชายคนนั้น หลี่ซิงรั่วก็อดไม่ได้ที่จะเกาพื้นด้วยนิ้วเท้าของเธอ และผลักเขาออก พูดด้วยเสียงต่ำ “หยุดวุ่นวายก่อนได้ไหม...... มันเป็นเรื่องของฉางเยว่”“เกิดอะไรขึ้นกับเลขาโหลว? ” เย่เหอหรานถาม โดยก้มศีรษะลงเพื่อเปิดคอเสื้อของเธอและจูบที่คอของเธอ “เธอไม่ได้ไปที่เสิ่นซื่อกรุ๊ปที่ซีเฉิงหรอกเหรอ? ยังเกิดเรื่องกับเธอได้อีกเหรอ? ”ผิวหนังบนคอของหลี่ซิงรั่วนั้นบางมาก และเธอก็อดไม่ได้ที่จะสั่นเมื่อริมฝีปากชื้นของเขาเลื่อนผ่าน เธอวางมือบนหน้าอกของเขา คิดก่อนแล้วถามออกไปว่า “คุณรู้จักตระกูลเนี่ยจากซ่งเฉิงมากแค่ไหน? ”“ป้าและลุงของหลิวเยี่ยน? ”“ใช่”เย่เหอหรานพูดอย่างไม่ใส่ใจ "ฉันจำได้ว่าพวกเขามีลูกสาวเพียงคนเดียว พ่อแม่ตระกูลเนี่ยเอะอะอะไรก็จะให้ลูกสาวก่อนเสมอ และพวกเขาก็ตามใจเธอไปซะทุกอย่าง เมื่อเร็วๆนี้ภายใต้โจวเอ๋อร์ได้รับผิดชอบโครงหนึ่งอยู่”ขณะที่เขาพูด เขาก็เงยหน้าขึ้นและเดาได้ว่า “อะไรนะ? ตระกูลเนี่ยมีส่วนเกี่ยวข้องในคดีที่เลขาโหลวประสบอยู่ตอนนี้อย่างงั้นหรอ? ”หลี่ซิงรั่วไม่ได้พูดอะไรตอนนี้เธอยังมีปัญหาในการโต้ตอบอยู่เย่เหอหรานวางตัวเธอลงบนเต
เลขาก้มศีรษะลงแล้วยื่นซองซองหนึ่งให้ “นายน้อยเย่”“ลำบากแล้ว ไว้ปีหน้าจะขึ้นเงินเดือนให้นะ” เย่เฮหรานหยิบซองนั้นมาแล้วปิดประตูในห้องนั่งเล่นมีเพียงหลอดไฟรูปวงแหวนที่เปิดอยู่ ซึ่งมืดเพียงครึ่งเดียว เย่เหอหรานพบกระเป๋าที่หลี่ซิงรั่วทิ้งไว้บนโซฟาเธอมักจะนำเอกสารกลับบ้าน และปกติก็มักจะเอากระเป๋าของเธอไปไว้ในห้องหนังสือเก็บไว้ในตู้เซฟ วันนี้ตั้งแต่เข้าประตูมาเขาก็จูบเธอทันที และมัวแต่ถอดเสื้อผ้า จนไม่ได้สนใจกระเป๋าเลยเย่เหอหรานมองย้อนกลับไปที่ชั้นสอง พอเห็นว่าไม่มีใคร เขาจึงเปิดกระเป๋าของหลี่ซิงรั่ว และพบกล่องยาอยู่ในกระเป๋าของเธอเขาหยิบแผงยาออกมา ยาถูกกินไปแล้วสองแถวให้มันได้อย่างงี้สิ เขาอุตส่าห์พรวนดินทุกวัน แต่เธอก็กลับฆ่าแมลงครั้งแล้วครั้งเล่าเขาหยิบยาในซองที่เขาเตรียมออกมา และแกะออกสองแถว หลังจากเห็นว่ายาเหล่านั้นเหมือนกันทุกประการกับยาของเธอ เขาก็เอามันใส่ลงในกล่องของหลี่ซิงรั่วเย่เหอหรานม้วนริมฝีปาก วางซองกลับไปในที่เดิม เดินขึ้นไปชั้นบน หยิบเสื้อผ้าบนพื้นขณะที่เขาเดิน โยนมันลงในตะกร้าเสื้อผ้าสกปรก ถอดชุดนอนของเขาออกแล้วเข้านอน กอดหลี่ซิงรั่ว และผล็อยหลับไป……ทางด้
โหลวฉางเยว่ไม่ต้องการเปิดประเด็นความสัมพันธ์ที่อธิบายไม่ถูกนี้ เธอจึงวางสายทันที “ขอบคุณประธานหลิวที่เตือนฉัน ฉันซาบซึ้งใจมากค่ะ ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว คุณเองก็ควรกลับไปพักผ่อนเร็วๆนะคะ”หลังจากพูดเสร็จ เธอก็วางสายโทรศัพท์แต่ในวินาทีต่อมา เธอก็ถูกเหวินเหยียนโจวลากออกจากห้องและกดเข้ากับผนัง!โหลวฉางเยว่กดมือของเธอไว้บนหน้าอกของเขาโดยสัญชาตญาณ “เหวินเหยียนโจว! ”เหวินเหยียนโจวใช้มือข้างหนึ่งดันกำแพง และอีกมือหนึ่งจับคางของเธอ โดยมีรัศมีอันน่าเกรงขามอยู่รอบตัวเขา “ปกติพวกคุณคุยกันแบบนี้เหรอ? เมื่อก่อนผมไม่เคยช่วยคุณรึไง? ที่เสมือนดั่งฝันไม่ใช่ผมเหรอที่ช่วยคุณ? หัวใจเทียมของแม่คุณ ก็เป็นผมไม่ใช่เหรอที่ช่วยคุณ? ”โหลวฉางเยว่หันศีรษะและผละออกจากมือ “......ประธานหลิวเป็นคนพูดเอง ถ้าคุณรู้สึกไม่พอใจประธานหลิว คุณก็ไปหาประธานหลิวสิ เกี่ยวอะไรกับฉัน? ”เหวินเหยียนโจวไม่ตอบคำพูดของเธอ และมองเข้าไปในดวงตาของเธอ “งั้นถ้าเป็นเรื่องก่อนหน้านี้อีกล่ะ เรื่องที่คุณถูกทวงหนี้ ไม่ใช่ผมเหรอที่ช่วยคุณ?? ”โหลวฉางเยว่กลั้นหายใจ “นั่นมันก็นานมากแล้วนะคะ”เหวินเหยียนโจวพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “เรื่องดีๆมีไม่จ
“ฉันเห็นตอนลุกขึ้น ภาพเหล่านี้คือมีคนส่งมาให้ฉัน” โหลวฉางเยว่เพิ่งตื่น เสียงของเธอแหบแห้ง และตอนนี้เธอก็กลัวเล็กน้อยภาพถ่ายเหล่านั้นเป็นเรื่องที่จัดการยากเพราะดูเหมือนเธอกำลังมองหาคนที่จะรังแกเนี่ยเหลียนอี้มากเกินไป หลังจากเหตุการณ์เสร็จสิ้นอีกฝ่ายก็ส่งรูปถ่ายของเธอมายืนยันมือของเธอที่ถือโทรศัพท์กำลังสั่นนี่เป็นความกลัวอย่างหนึ่งซึ่ง "การกระทำสุ่มสี่สุ่มห้าโดยไม่ได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมจะนำไปสู่สถานการณ์ที่เป็นอันตราย"แม้เธอกลัวแต่ก็ไม่ลนลานเท่าไหร่ เธอตรวจสอบเวลาของข้อความอีกครั้งและบอกว่า "มันส่งไปตอนสี่โมงเช้า ฉันโทรกลับแล้วหมายเลขก็ปิดไป"หลี่ซิงรั่วจัดประเด็นสำคัญว่า: "มันไม่ใช่หมายเลขออนไลน์เสมือนใช่ไหม และก็ไม่ใช่หมายเลขว่างเปล่าเหมือนกัน มันเป็นหมายเลขโทรศัพท์มือถือปกติเหรอ"โหลวฉางเยว่เม้มริมฝีปากของเธอ: "ใช่ มันเป็นตัวเลขปกติ และเป็นของเมืองเซินเฉิง"“นี่มันลึกซึ้งลุ่มลึกมาก” หลี่ซิงรั่วพ่นน้ำแร่ “ส่งเบอร์มาให้ฉันแล้วฉันจะถามเพื่อน ฉันกำลังจะไปสนามบิน เที่ยวบินสุดท้ายคือไปเมืองซีเฉิง”ไปเมืองซีเฉิงโดยนั้งรถไฟความเร็วสูงสะดวกกว่าแต่ไม่มีตั๋วจึงต้องนั่งเครื่องบินโห
โหลวฉางเยว่มาถึงสถานีตำรวจ และสถานที่ที่เธอถูกสอบสวนในครั้งนี้ไม่ได้อยู่ในสำนักงานอีกต่อไปกลับเป็นห้องสอบปากคำที่ติดคำสีขาวบนพื้นหลังสีน้ำเงิน “ผ่อนปรนสำหรับผู้ที่สารภาพ ความเข้มงวดสำหรับผู้ที่ต่อต้าน”โหลวฉางเยว่นั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสอง และรู้สึกถึงการกดขี่อย่างหนักเธอเม้มริมฝีปากแล้วพูดว่า "ฉันไม่รู้จักพวกเขาเลย และฉันไม่ได้สั่งสอนพวกเขา พวกเขากำลังพยายามให้ฉันแพะรับบาป หรือไม่ก็จงใจใส่ร้ายฉัน"เจ้าหน้าที่ตำรวจชายถ่ายรูปชายสองคนเพื่อขอเส้นทางจากเธอ: "พวกเขาบอกว่าพวกเขากำลังยืนยันหน้าตาของเนี่ยเหลียนอี้กับคุณนตอนนั้น"โหลวฉางเยว่รู้สึกไร้สาระ: "พวกเขาโกหก! พวกเขาแค่ถามทางเท่านั้น"เจ้าหน้าที่ตำรวจชายกล่าวเสริมว่า "เรายังพบเงินสด 150,000 บาทในกระเป๋าของพวกเขา พวกเขาบอกว่าคุณมอบให้พวกเขาเอง และนักสืบด้านเทคนิคก็พบลายนิ้วมือของคุณอยู่บนนั้นด้วย" “…………”โหลวฉางเยว่เอนหลังบนเก้าอี้ กลิ่นของการสมรู้ร่วมคิดเข้าตา หู ปาก และจมูกของเธอจากทุกทิศทาง และทันใดนั้นเธอก็เข้าใจแล้วเมื่อเห็นว่าเธอไม่มีอะไรจะพูด เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองก็มองหน้ากันตำรวจหญิงวางกระดาษแผ่น
โหลวฉางเยว่คิดว่ามันไร้สาระเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ และถามหลี่ซิงรั่ว: "การยุยงให้ผู้อื่นข่มขืน ยังมากกว่าสองคนอีก แม้ว่าไม่ได้ทำให้สำเร็จ แต่ก็ต้องลงโทษค่อนข้างรุนแรงใช่ไหม"หลี่ซิงรั่ว กล่าวว่า: "หากหลักฐานสามารถสรุปได้ จะใช้เวลามากกว่าสามปีและน้อยกว่าสิบปี"ใบหน้าของโหลวฉางเยว่ ซีดขึ้นไปอีก ไม่น่าแปลกใจที่เนี่ยเหลียนอี้พูดในวันนั้นว่าต้องให้เธอไปเข้าคุกเมื่อคืนมีลมหนาวอุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็วแม้จะอยู่ในห้องสัมภาษณ์ที่ไม่มีหน้าต่าง ก็ยังรู้สึกได้ถึงอากาศเย็นที่เข้าไปถึงกระดูกเมื่อหลี่ซิงรั่วจัดการคดี เขาเคยพูดอย่างชัดเจนและตรงไปตรงมา เมื่อเห็นสภาพที่ย่ำแย่ของโหลวฉางเยว่เขาจึงลดน้ำเสียงลงและพูดว่า "ฉันกำลังพูดถึงกรณีที่มีหลักฐานชัดเจน"“ถึงแม้จะมีลายนิ้วมือของคุณบนเงิน แต่กฎหมายของประเทศของเราเน้นหลักฐานมากกว่าคำรับสารภาพ และหลักฐานที่แยกออกมาจะไม่กล่าวโทษ ซึ่งหมายความว่าศาลจะรับฟังข้อกล่าวหาของพวกเขาตามดุลยพินิจของพวกเขา หากมีหลักฐานเพียงชิ้นเดียว หลักฐานนี้ยังไม่เป็นที่ยอมรับ อย่ากังวลมาก”เป็นการกล่าวหาโดยไม่มีหลักฐานเพียงอย่างเดียวไม่ใช่หรือ? โหลวฉางเยว่เงยหน้าขึ้น แม้ว่าใบหน้
เมื่อความคิดวุ่นวายมาถึงจุดนี้ ประตูห้องขังก็ถูกเปิดจากด้านนอกทันทีผู้คุมตะโกน: "ทุกคนยืนขึ้น!"ทุกคนวางชามข้าวลงทันทีและยืนตัวตรง โหลวฉางเยว่เคยได้ยินกฎของที่นี่และจำกฎเหล่านั้นได้แต่ทันทีที่ขาของเธอแตะพื้น ท้องของเธอก็รู้สึกตึงและเจ็บปวด ร่างกายของเธอโค้งงออย่างควบคุมไม่ได้ และเมื่อเธอเกือบจะคุกเข่า จู่ๆ ก็มีแขนมาโอบกอดเธอไว้โดยตรงเธอชนเข้ากับหน้าอกของชายคนนั้น และกลิ่นหิมะที่คุ้นเคยก็ลอยกระทบจมูกของเธอมีความคับข้องใจที่ไม่สามารถอธิบายได้แสดงออกในดวงตาของโหลวฉางเยว่ความคับข้องใจที่โดนใส่ร้าย ความคับข้องใจที่อดอาหารสองมื้อ ความคับข้องใจที่ปวดท้องอย่างรุนแรง ประโยค "ทำไมคุณถึงเพิ่งมา" เกือบจะโพล่งออกมาแต่เธออดทนไว้เสียงของเหวินเหยียนโจวก็ดังมาจากเหนือศีรษะของเธอ: "เดินไม่ไหวเหรอ?"โหลวฉางเยว่พูดพร้อมกับลมหายใจโรยริน: "ฉันปวดท้อง..."เขาพูดว่า: "คุณสมควรได้รับมัน ไม่รู้จักให้หลี่ซิงรั่วมาหาผม"โหลวฉางเยว่ ผลักหน้าอกของเขาอย่างอ่อนแรง และเหวินเหยียนโจวก็กอดเธอโดยตรงจู่ๆ โหลวฉางเยว่ก็สูญเสียจุดศูนย์ถ่วง เลือดไหลเวียนทวนกระแส เธอมีอาการโลกหมุน และอดไม่ได้ที่จะจับเสื้อเขาใ
โหลวฉางเยว่กลืนน้ำลายและถามว่า “คุณจะฉวยผลประโยชน์ตอนคนอื่นกำลังลำบากเหรอ?”เหวินเหยียนโจวมองเธอด้วยความสงสัย เธออาศัยอยู่บนชั้น 12 เมื่อลิฟต์ขึ้นไปถึงจนกระทั่งประตูลิฟต์เปิดขึ้น เขาอุ้มเธอออกไปก่อนที่จะตอบเธอกลับ“ตอนนี้ตัวคุณเหม็นมาก ไม่อยากพูดด้วย”“......” เธอก็แค่ซุกตัวอยู่ในผ้าห่มที่มีกลิ่นเหม็นสักพักนึงเท่านั้น......เหวินเหยียนโจวเดินไปที่ประตูหน้าบ้านของเธอและหยิบบัตรแสกนเข้าบ้านเธอโดยไม่รู้ว่าเอามาจากไหน โหลวฉางเยว่ไม่มีอารมณ์ที่จะถามตอนนี้และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่รู้ว่าเขาสามารถทำได้ทุกอย่างเหวินเหยียนโจวใช้ข้อเท้าเกี่ยวประตูและปิดในที่สุดเขาก็เข้าไปในห้องของเธอเหวินเหยียนโจวจับโหลวฉางเยว่วางบนโซฟา ในที่สุดโหลวฉางเยว่ก็สามารถดึงมือของตัวเองออกมาเทน้ำอุ่นและดื่มมากกว่าครึ่งแก้วได้ กริ่งประตูได้ดังขึ้นและเหวินเหยียนโจวก็หันไปเปิดประตูในไม่นานก็เดินกลับ ในมือถือกล่องอาหารอยู่ในมือน่าจะให้คนเตรียมการไว้ตั้งนานแล้ว ถึงส่งมาได้ในเวลาที่พอดิบพอดีขนาดนี้เขาเปิดกล่องอาหาร เป็นโจ๊กทะเล พอเปิดฝาออก กลิ่นอาหารทะเลก็สกิดไปที่โพรงจมูก ทําให้คนอยากกินมากเขาวางโจ๊กตรงหน้
พอแม่โหลวก็ได้ยินเสียงพ่อโหลวกลับมา จากนั้นเธอก็นำอาหารจานสุดท้ายมาเสิร์ฟที่โต๊ะ“งั้นก็มากินข้าวกันเถอะ วันนี้เย่ว่เยว่พาเหยียนโจวกลับมาด้วย เธอไม่ได้บอกเราล่วงหน้า พวกเราเลยไม่ได้เตรียมอะไรไว้ เลยมีแค่อาหารทำเองที่บ้าน ไม่รู้ว่าเหยียนโจวจะทานได้หรือเปล่า? ”เหวินเหยียนโจวลุกขึ้นยืน เหลือบมองใบหน้าซีดเซียวของพ่อโหลว และกระซิบเบา ๆ “เป็นผมที่ไม่ได้บอกเย่ว่เยว่ล่วงหน้าว่าผมจะอยู่ต่อ เธอถึงไม่ได้บอกกับทุกคน ไม่โทษเธอหรอกครับ”แม่ยายมองดูลูกเขย ยิ่งมองก็ยิ่งชอบเขามากขึ้น แม่โหลวไม่ได้มีความสุขขนาดนี้มานานแล้ว มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเธอ เธอแสร้งดุออกไป “เหยียนโจว เธอก็อย่าให้ท้ายเยว่เยว่มากเกินไปสิ”แต่หลังจากที่พูดจบ เขาก็ปกป้องเธอ “แต่เยว่เยว่ของเราเป็นคนที่มีเหตุผลที่สุด ต่อให้ตามใจก็ไม่เป็นไรหรอกครับ”มุมปากของโหลวฉางเยว่โค้งงอขึ้นทุกคนมานั่งที่โต๊ะด้วยกัน แม่โหลวตักซุปเสิร์ฟให้เหวินเหยียนโจวก่อน จากนั้นจึงใช้ตะเกียบคีบผักใส่ในชามของเขา“เหยียนโจว ลองซุปปลาหน่อไม้เหลืองฤดูหนาวดูสิ หน่อไม้นั่นปลูกเองเชียวนะ ปลาก็เป็นของเพื่อนบ้านที่ไปจับมาจากทะเล”“แล้วก็ยังมีหมูเปรี้ยวหวานสั
จนถึงตอนนี้โหลวฉางเยว่ก็ยังไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างไป๋โหยวกับเขาอย่างถ่องแท้ เธอเหลือบมองเขา และอดไม่ได้ที่จะเริ่มคิดผู้ชายน่ะนะ ไม่ได้ “ไร้เดียงสา” ขนาดนั้น โดยเฉพาะผู้ชายอย่างเหวินเหยียนโจว ผู้หญิงสนใจเขาหรือเปล่า เขาก็สามารถมองออกได้ง่าย ๆเหวินเหยียนโจวรู้อยู่แล้วว่าไป๋โหยวชอบเขา แล้วเขาก็ยังตกลงที่จะให้เธอมาอยู่เคียงข้างเขาอีก นั่นก็เป็นเหมือนคำตอบรับโดยปริยายว่าเขายอมรับความรู้สึกของเธอแล้วไม่ใช่หรือไง?พอมาคิดรวมกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันส่งท้ายปีเก่าปีที่แล้ว ก็มีความคิดเห็นที่เกี่ยวกับเธอขึ้นมา เขาเย็นชาใส่เธอตลอด ดังนั้นที่เขาเก็บไป๋โหยวไว้ ไม่ใช่แค่เพราะว่าอยากจะทำให้เธอโกรธ แต่วางแผนที่จะทำให้ “เปลี่ยนใจ” ด้วยสินะ?โหลวฉางเยว่พูดด้วยความรำคาญ “แม่ของคุณชอบไป๋โหยวมากเลยเหรอคะ? เธอยังอยากให้คุณแต่งงานกับไป๋โหยวด้วยใช่ไหม? เนี่ยเหลียนอี้เคยบอกฉันว่าท่านประธานใหญ่เหวินยอมรับไป๋โหยวแล้วด้วย แต่เพราะด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาก็ปฏิเสธกะทันหัน เป็นเพราะว่าท่านประธานใหญ่เหวินรู้เรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไป๋โหยวกับแม่ของคุณรึเปล่าคะ? ”แม้ว่าโหลวฉางเยว่จะไม่ค่อยรู้เรื่องคร
ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว แต่พ่อโหลวก็ยังไม่กลับมา พี่เลี้ยงจึงออกไปตามหาเขาเดิมทีโหลวฉางเยว่ต้องการช่วยแม่โหลววางจานและตะเกียบ แต่แม่โหลวก็ให้เธอไปอยู่เป็นเพื่อนเหวินเหยียนโจว เพราะเธอกลัวว่าลูกเขยคนจะอึดอัดถ้าต้องนั่งอยู่คนเดียว......จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง? ต่อให้ฟ้าจะถล่ม ประธานเหวินก็ยังคงมั่นคงไม่ขยับเขยื้อนอยู่ดีแต่ยังไงโหลวฉางเยว่ยังคงเดินไปหาเขาเหวินเหยียนโจวอยู่บนโซฟาสำหรับสองคน เดิมทีเธอต้องการนั่งบนโซฟาเดี่ยวที่อยู่ข้าง ๆ แต่ประธานเหวินดึงเธอเข้ามานั่งกับเขาเขากระซิบข้างหูเธอ “คุณพูดอะไรกับแม่ของคุณบ้าง? ”หูของโหลวฉางเยว่ไวต่อความรู้สึกมาก เธอก็กระตุกตัวหลบอยู่ครู่หนึ่ง “ก็ไม่ได้พูดอะไรหนิคะ”“ไม่พูดงั้นเหรอ แล้ววทำไมท่าทีที่เธอมีต่อผมถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้? ” เหวินเหยียนโจวบีบนิ้วของเธอ “คุณคิดว่าผมดูไม่ออกเหรอ? เมื่อกี้เธอไม่ค่อยพอใจผมเท่าไหร่ แล้วผมมีอะไรที่ทำให้แม่ยายไม่พอใจเหรอ? ”ความมั่นใจของประธานเหวินก็มาจากสภาพที่เหนือกว่าของเขา แต่ตราบใดที่พ่อแม่ไม่ขายลูกกิน สิ่งแรกที่พวกเขาจะพิจารณาเมื่อลูกจะแต่งงานก็คืออุปนิสัยของอีกฝ่ายการแสดงออกของโหลวฉางเยว่ยังคง
แม่โหลวไม่ใช่คนโง่ แม้ว่าเหวินเหยียนโจวจะตอบด้วยท่าทีนอบน้อม แต่เธอก็มองออก ด้วยลักษณะท่าทางและนิสัยของเหวินเหยียนโจว คงไม่ใช่แค่มี “เงินเล็กน้อย” ถึงสามารถเลี้ยงเขามาได้แน่ ๆ “งั้นก็ดีมาก ดีแล้วล่ะ พวกลูกคบกันมาสามปี สิ่งที่ควรจะเรียนรู้ก็น่าจะเรียนรู้กันมาหมดแล้ว แม่เองก็ไม่มีอะไรที่จะต้องถามอีกแล้วล่ะ”เหวินเหยียนโจวไม่ชอบพูดอ้อมค้อม จู่ ๆ เขาก็จับมือโหลวฉางเยว่ “เมื่อกี้ผมเพิ่งขอเยว่เยว่แต่งงานครับ และเธอก็ตอบตกลงแล้วด้วย”โหลวฉางเยว่มองไปที่แม่ของโหลวโดยไม่รู้ตัวใบหน้าของแม่โหลวเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอไม่ได้มีความสุขมากนัก เธอฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ จะเร่งรีบขนาดนี้ได้ยังไง พวกเรายังไม่ได้รู้จักเธอมากขนาดนั้นเลย เราเองก็ไม่เคยพบพ่อแม่ของเธอด้วย อย่างน้อยก็ควรจะหาเวลา ให้พวกเราทั้งสองตระกูลได้พูดคุยกันและปรึกษาหารือกันหน่อย”เหวินเหยียนโจวหยิบถ้วยชาขึ้นมา แต่เขาแค่เอามันมาใกล้จมูกแล้วดมกลิ่น เขาไม่ได้ดื่มมัน จากนั้นก็วางมันกลับไปที่เดิม สีหน้าเขาดูไม่ใส่ใจโหลวฉางเยว่รู้จักเขาดี เขารู้สึกว่าชาราคาถูกเกินไป เกินกว่าที่เขาจะเอาเข้าปากได้ และคำพูดเหล่า
ระยะทางจากห้างสรรพสินค้าถึงบ้าน ก็ใช้เวลาประมาณสิบกว่านาที โหลวฉางเยว่ก็ครุ่นคิดว่าจะพูดอะไรดีอยู่ในใจ จะบอกพ่อโหลวแม่โหลวยังไงดี เกี่ยวกับเรื่องที่เธอกำลังจะแต่งงาน?จะให้อธิบายยังไง ว่าลูกสาวของพวกเขา ตอนเพิ่งออกจากบ้านก็เป็นแค่คนโสด แต่ผ่านไปได้แค่ครึ่งชั่วโมง กลับบ้านมาก็กลายเป็นคนที่กำลังจะแต่งงานอย่างงั้นเหรอ?เธอคิดไม่ตกเลยจริง ๆ เลยได้แต่พาเหวินเหยียนโจวเดินไปรอบ ๆ ตรอกเท่านั้น จนกระทั่งประธานเหวินเริ่มหมดความอดทน เขาคว้าหลังคอของเธอแล้วลากกลับบ้าน“ผมเคยได้ยินประโยคหนึ่งที่ว่า ‘แม้ลูกสะใภ้จะขี้เหร่ แต่ก็จำเป็นจะต้องเจอหน้าพ่อแม่สามีอยู่ดี’ ผมคงไม่ได้ไร้ความสามารถถึงขั้นทำให้คุณอายจนไม่กล้าพาผมไปเจอหน้าพวกท่านหรอกมั้ง? ”โหลวฉางเยว่คิดว่าเขามีความสามารถมากเกินไปต่างหาก เธอถึงไม่รู้ว่าจะบอกพ่อแม่ของเธอยังไงดีคิ้วของเหวินเหยียนโจวขยายออก และยกขึ้นเล็กน้อย แล้วเขาก็พูดด้วยหางเสียงว่า “หืม” โหลวฉางเยว่ทำได้แค่กัดฟัน แล้วพาเขาเข้าไปพ่อโหลวออกไปตั้งแต่เช้า ตอนนี้ยังไม่กลับมาแม่โหลวเพิ่งเห็นว่าเธอพาเพื่อนกลับบ้านมาด้วย แถมยังเป็นเพื่อนผู้ชายอีกต่างหาก รู้สึกประหลาดใจและตกใจม
ผนังซีเมนต์สีเทาที่ได้รับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ ทำให้รู้สึกอบอุ่นเล็กน้อย ขณะที่เธอกำลังจัดเสื้อผ้าตัวเองอยู่ โหลวฉางเยว่ก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอย่างอื่น “......ฉันยังไม่ได้ตกลงอะไรเลยนะคะ คุณเลิกคิดเองเออเองได้แล้วค่ะ”เหวินเหยียนโจวก็ยังคงจัดการวางแผนเองอยู่ “ยังไงนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เข้าบ้านจริง ๆ คงดูไม่ดีถ้าเข้าไปมือเปล่า คุณช่วยพาผมไปที่ห้างสรรพสินค้าในตำบลของคุณหน่อยสิ แล้วคุณก็ช่วยเลือกของขวัญที่เหมาะกับพ่อแม่ของคุณด้วย”“......”“เด็กดี นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้พบกับพ่อแม่คุณ คุณต้องช่วยผมด้วยนะ”“......”โหลวฉางเยว่ลูบแหวน เธอไม่รู้ว่าเธอตัวชาเพราะการที่เขาเรียกเธอว่าเด็กดี หรือเป็นเพราะสับสนกับท่าทางที่เขายอมก้มหัวให้กันแน่ เธอค่อนข้างสับสนอย่างมาก แต่เธอก็ยังพาเขาไปที่ห้างสรรพสินค้าอยู่ดีโชคดีที่ชุมชนนี้เป็นพื้นที่ท่องเที่ยว เลยยังพอจะมีห้างสรรพสินค้าที่จำหน่ายสินค้าแบรนด์ระดับไฮเอนด์อยู่บ้างแต่ก่อนที่จะเข้าประตู เหวินเหยียนโจวก็ได้รับสายโทรศัพท์สายหนึ่ง เขามองไปที่ชื่อผู้โทร ขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าของเขาไม่ผ่อนคลายเหมือนตอนที่เผชิญหน้ากับเธอเมื่อกี้โหลวฉางเยว่มองไปที
ทันทีที่คำพูดจบลงไม่ถึงวินาที เหวินเหยียนโจวก็ก้มศีรษะลงและจูบเธออย่างเร่าร้อนต่อให้มีการแย่งชิง การปล้นชิงทรัพย์ในเวลากลางวันแสก ๆ หรือแม้แต่ผู้คนรอบข้าง เขาก็ไม่สนใจทั้งนั้น เขาจับหลังศีรษะของเธอและใช้ลิ้นของเขารุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ของเธอ โหลวฉางเยว่กลัวว่าจะถูกคนรู้จักเห็นเข้า เธอจึงได้แต่จับชุดสูทของเขาไว้แน่น “เหวิน เหวินเหยียนโจว...... ”เหวินเหยียนโจวค่อนข้างเฉยเมยกับเรื่องพวกนั้น เขาจูบเธอสักพักก่อนที่จะปล่อยริมฝีปากของเธอ เขาหอบเบา ๆ ต่อหน้าเธอ ทั้งเซ็กซี่และเย้ายวน “ไม่ใช่แค่การลอง แต่เป็นการตัดสินใจแล้ว เราจะคบกัน”เขาจับมือของโหลวฉางเยว่ขึ้นมา โดยไม่ให้โอกาสโหลวฉางเยว่ได้เห็นชัดเจนว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ แล้วเขาก็สวมแหวนไว้บนนิ้วนางของเธอม่านตาของโหลวฉางเยว่หดตัวลง!เสียงของเหวินเหยียนโจวแหบแห้ง “เด็กดี ตอนนี้สำนักงานกิจการพลเรือนก็หยุดกันหมดแล้ว รอถึงเดือนหน้าวันที่เก้า ในเวลาราชการ เราค่อยไปจดทะเบียนกันนะ”อะ อะไรนะ?ว่ายังไงนะ ! ?เดี๋ยวนะ!พอโหลวฉางเยว่รู้ว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น ประสาทของเธอก็แทบจะระเบิด!เธอปิดปากเหวินเหยียนโจวอย่างรวดเร็ว เพื่อหยุดไม่ให้เขาพูดเ
เช้าวันรุ่งขึ้น โหลวฉางเยว่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือตีสี่ตีห้าเธอเพิ่งจะหลับตาลงได้ แต่ยังไม่ทันจะได้นอน เธอง่วงจนแทบจะทนไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องเปิดเปลือกตาขึ้นด้วยความพยายามอย่างมาก เมื่อเธอเห็นว่าผู้โทรคือเหวินเหยียนโจว อาการง่วงนอนของเธอก็แทบจะถูกขับออกไปในทันทีเธอลุกขึ้นนั่ง มองดูซองจดหมายสีเหลืองอ่อนบนโต๊ะข้างเตียง พอนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปากล่างของตัวเองหลังจากถอนหายใจและระงับอารมณ์ได้แล้ว เธอก็รับสาย “ฮัลโหล”เสียงเย็นชาของเหวินเหยียนโจว ก็ได้ลอยผ่านเคลื่อนโทรศัพท์ ส่งตรงไปถึงหูของเธอ และยังคงสามารถทำให้เธอขนลุกได้โดยไม่ทันตั้งตัว“คุณกำลังทำอะไรอยู่? ”“......นอนค่ะ”“คุณนอนที่ไหน? ” น้ำเสียงของชายคนนั้นเข้มขึ้นทันที “ผมอยู่ในห้องของคุณ แต่ก็ไม่เห็นคุณ คุณไปนอนที่ไหนเหรอ? ”สถานการณ์ของเขาตอนนี้เหมือนกำลังจับคนทำผิด......โหลวฉางเยว่ตกตะลึง “คุณอยู่ในห้องของฉันเหรอคะ? คุณไปหาฉันที่ซีเฉิงเหรอคะ? ”“ไม่ใช่ว่าเมื่อวานคุณทำงานเป็นวันสุดท้ายหรอกเหรอ? ผมเลยมารับคุณกลับเซินเฉิง” เหวินเหยียนโจวถามต่อว่า “ตอนนี้คุณอยู่ที่
รักข้างเดียว......ลมพัดโดนผิวของโหลวฉางเยว่จนเกิดเป็นชั้นอนุภาคเล็ก ๆ เธอยังคงคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่ออยู่เลย แต่จะให้เธอตรวจสอบยังไงกันล่ะว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเท็จกันแน่?โหลวฉางเยว่จำได้อีกว่า ในวันที่เธอเลี้ยงข้าวเขาที่ร้านอาหารส่วนตัว เขายังเคยถามเธอเกี่ยวกับลิ้นชักจดหมายรักอีกด้วยตอนนั้นเธอก็รู้สึกว่าทำไมเขาต้องใส่ใจเรื่องนี้มากขนาดนั้นด้วย พอลองมองดูตอนนี้แล้ว คงไม่ใช่ว่าปีนั้นเอง เขาก็เขียนจดหมายรักให้เธอด้วยหรอกนะ?จู่ ๆ โหลวฉางเยว่ก็ลุกขึ้นยืน ตาของเธอเป็นก็ประกาย จดหมายรักพวกนั้นเธอน่าจะยังเก็บไว้ที่บ้าน บ้านที่ตำบลเฟิงเสียน เธอโทรหาหลี่ซิงรั่วทันที“ซิงรั่ว เธอออกเดินทางรึยัง? ”“กำลังจะออกเดินทางแล้ว เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ”“ฉันอยากกลับเซินเฉิงกับเธอด้วย สะดวกไหม? ”หลี่ซิงรั่วหยุดชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “สะดวกสิ เธอยังอยู่ที่ประตูร้านอาหารเดิมรึเปล่า? ฉันจะไปรับเธอ”ในไม่ช้า รถของหลี่ซิงรั่วก็ขับมาถึง โหลวฉางเยว่ก็เปิดประตูและเข้าไปจากนั้นหลี่ชิงรั่วจึงถามว่า “เป็นเพราะประธานเหวินหรือเปล่า? ”หัวใจของโหลวฉางเยว่เต้นเร็วขึ้นอย่างอธิบายไม่ได้ เธอรีบร้อ