โหลวฉางเยว่ได้สติหยุดฝีเท้าลงเหวินเหยียนโจวเองก็เชยสายตาขึ้นเหมือนกัน ทั้งสองคนมองตากันและกัน เหวินเหยียนโจวกำลังรับโทรศัพท์ น้ำเสียงที่แข็งเย็น “ไปคิดมาให้ดีว่าจะพูดอะไรกับฉันค่อยโทรมา”หลังจากนั้นก็วางสายไปเห็นได้ชัดว่าเขาอารมณ์ไม่ดี ดังนั้นจึงมาพาลลงที่เธอ “ไม่เข้ามาก็ปล่อยมือเสีย อย่าทำให้ฉันเสียเวลส”โหลวฉางเยว่ที่กดปุ่มลง ทำให้ประตูปิดไม่ลงโหลวฉางเยว่กลับไม่อยากจะลงลิฟท์ไปชั้นล่างพร้อมกับเขา เพียงแค่ถ้าต้องรออีกรอบคงไปประชุมไม่ทันเธอทำได้เพียงเดินเข้าไปพื้นที่ในลิฟท์มีจำกัด เกรงว่าถ้าเธอยืนทางด้านนั้น พยายามรักษาระยะห่างจากเขาและเพราะว่าบนตัวเขาที่มีกลิ่นความเยือกเย็นเล็กน้อยเหมือนหิมะอย่างนั้นทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไร ช่วงสั้น ๆ ขณะที่ลงไปไม่กี่สิบวินาทีนั้น เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นสองครั้ง เขาก็กดตัดสายไปดื้อ ๆ โหลวฉางเยว่กลับไม่ได้ใส่ใจ เพียงแค่พอดีกับเงาที่สะท้อนบนผนัง เห็นชื่อแวบ ๆ บนโทรศัพท์ของเขาเข้า ไป๋โหยวเมื่อครู่เขาก็โทรหาไป๋โหยวเหมือนกันเหรอ?โหลวฉางเยว่นึกเรื่องเหล่านี้ เพราะว่าเธอสงสัยว่าใช้ภาพที่จูบกันสองภาพนั้นไหมที่ทำให้ทั้งสองคนทะเลาะกันเ
โหลวฉางเยว่ชะงักไปหลังจากนั้นก็ช้อนสายตาจ้องไปที่เขา “แล้วยังไงล่ะ นั่นก็ไม่ใช่ของที่หายากอะไร โรงพยาบาลใหญ่ ๆ ล้วนมีทั้งนั้น”“แต่ยี่ห้อไม่เหมือนกัน หมอคนละระดับ ทำออกมาก็ได้ผลไม่เหมือนกัน หมอของเธอบอกเธอเรื่องอัตราการติดเชื้อเท่าไร? 50%?” เหวินเหยียนโจวท่าทีไม่เดือดไม่ร้อน “หมอของผมบอกคือ 10%”โหลวฉางเยว่หายใจติดขัด 10%คุณหมอของแม่เธอตอนนี้ เป็นผู้อำนวยการใหญ่มีชื่อเสียงติดอันดับในเมืองเฉินแล้ว เขาสามารถยับยั้งอัตราการติดเชื้อได้แค่50% เท่านั้นเขากลับมีคุณหมอที่สามารถทำได้ถึง 10% นี่หมายความว่าเขาสามารถทำให้แม่ของเธอมีโอกาสรอดชีวิต 50% เปลี่ยนเป็น90%เก้าสิบ“เลขาโหลว ครั้งนี้ฉันไม่ได้บีบบังคับเธอและไม่ได้ขวางเธอ เพียงแค่ให้ทางเลือกกับเธออีกทาง” เหวินเหยียนโจวปล่อยเธอ เรียวนิ้วยาวที่กดปุ่ม ประตูลิฟท์ก็เปิดใหม่อีกครั้ง“เลือกด้วยตนเองเถอะ”“……”โหลวฉางเยว่อยู่ในลิฟท์คนเดียว เรียวนิ้วที่กำไว้แน่น ดูเหมือนว่าเขาจะให้ทางเลือกกับเธอ แต่ความเป็นจริงไม่ได้ให้เธอเลือกอะไรสักนิดบางครั้งเธอก็รังเกียจวิธีการของเหวินเหยียนโจวจริง ๆ เขาเล่นสงครามเย็นกับไป๋โหยว แต่อีกด้านก็มาจัดหน
ซูซูกลับมาถึงโรงแรม รีบวิ่งไปทีห้องประชุม ผลักประตูก็ตะโกนขึ้น“แย่แล้ว! โหลวฉางเยว่หายตัวไป!”หมู่คนที่กำลังเตรียมสรุปงานในวันนี้ ล้วนมองไปที่เธอเสิ่นซูชินลุกขึ้นยืนทันที-----ใช่ เขาเพิ่งเสร็จงานจากห้องทดสอบกลับมาเขาคิดว่าควรรอที่นี่ รอให้โหลวฉางเยว่กลับจากทำงาน นึกไม่ถึงว่าการรอจะรอเสียแรงเปล่า!“เธอพูดอะไร?”ฝีมือการแสดงของเธอดีเยี่ยม “วันนี้พวกเราไปหลายฐานเพื่อเก็บข้อมูล ทำงานเสร็จก็เตรียมจะกลับโรงแรม อยู่ ๆ โหลวฉางเยว่ก็บอกว่าอยากไปเข้าห้องน้ำ ผลคือฉันกับคนขับรถรอเป็นครึ่งชั่วโมงเธอก็ยังไม่กลับมา”“ฉันคิดว่าผิดปกติเลยไปหาที่ห้องอาบน้ำ พบว่าไม่มีใครเลย!โทรศัพท์หาเธอก็ปิดเครื่อง! ฉันหาในระแวงข้าง ๆ แล้วก็หาไม่เจอจึงรีบกลับมาที่นี่เพื่อมาหาพวกคุณ พวกเรารีบระดมไปหาเธอกันเถอะ”เสิ่นซู่ชินถามออกมา “ที่ไหน?”“ไซส์งานที่ถนนซงเหอ”เสิ่นซูชินออกไปทันทีเหวินเหยียนโจวขมวดคิ้วกลับมองไปที่ซูซู ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไร?ซิ่วอวี้ขมวดคิ้วขัด “เรื่องนี้มีเงื่อนงำ คุณโหลวให้ความสำคัญกับงานคงไม่ไปไหนง่าย ๆ พวกเราหาคนไปหาเถอะ เหมี่ยวฉิน นายไปเตรียมการ”เหมี่ยวฉินเป็นเลขาของซิ่วอวี้ รับคำ
“ผมไม่จำเป็นตรงใช้คุณ” เหวินเหยียนโจวไม่มีเวลาว่างจะพูดกับเธอ รีบเดินออกจากทางออกฉุกเฉินเขาหยิบโทรศัพท์โทรหาคนขับรถซูซูตามเขาไป “คุณไม่รู้สินะ ผู้หญิงน่ะซื้อมุกวีรบุษช่วยสาวงามมาก คุณรออีกสักชั่วโมง รอให้เธอเดียวดายไม่มีใครช่วย ตอนที่กำลังหวาดกลัวค่อยปรากฏตัว เธอจะต้องอ่อนยวบแน่นอนก็เข้าแผนคุณแล้ว”“มารับผมที่ประตูใหญ่” เหวินเหยียนโจวพูดจบก็วางสาย ผลักซูซูให้พ้นทาง กดลิฟท์ลงชั้นล่าง “ผมรู้แค่ว่าตอนนี้เธอขาดการอบรมสั่งสอน พรุ่งนี้เธอกลับไปอยู่กับพ่อแม่เธอ”สีหน้าของซูซูหดลง “ฉันช่วยคุณ ทำไมคุณถึงตอบแทนอย่างนี้ล่ะ!”เหวินเหยียนโจวทำเพียงแค่จ้องมองไปที่ลิฟท์ ไม่ผินหน้าอย่างผิดแปลกซูซูกลัวว่าเขาจะส่งเธอกลับไปจริง ๆ “ถ้าไม่ใช่ว่าฉันทำเพื่อคุณ ฉันก็คงไม่ต้องมาทำเรื่องเยอะแยะขนาดนี้!”ลิฟท์มาถึงแล้ว เหวินเหยียนโจวไม่ได้สนใจเธอ ตรงเข้าไปที่ลิฟท์“ไปที่ป่าด้านตะวันออก”……อีกด้านเสินซูชินรีบตามไปไซส์งานถนนซ่งเหอ ก็จอดรถหากล้องวงจรปิด ภาพชัดเจน โหลวฉางเยว่ขึ้นรถสามารถยืนยันได้ว่าซูซูไม่ได้พูดความจริง โหลวฉางเยว่ไม่ได้หายตัวไปก่อนขึ้นรถแต่เป็นหลังจากขึ้นรถก็หายตัวไป!เขาไม่มีเวล
เลขาหญิงหันกลับไปมองโดยสัญชาตญาณ รถขับเข้าไปในอุโมงพอดี ใบหน้าของผู้ชายหายไปในความมืด มองไม่ค่อยชัดดังนั้นจึงเห็นมือที่วางบนตักของเขาราง ๆ หมุนไฟแช็กเป็นระยะ ๆตัวไฟแช็กสีขาวเงิน ไม่มีรูปภาพตกแต่งใด ๆ ไม่ใช่แบรนด์เนม แต่ไม่ใช่สิ่งของที่เป็นงานออกแบบ เป็นแค่ไฟแช็กรุ่นเก่าธรรมดาถ้าให้พูดว่ามีจุดไหนที่โดดเด่น อาจเป็นอัญมณีสีส้มฝังอยู่ที่ด้านล่าง เหมือนแสงสีทองของตะวันกำลังที่กำลังตกดินไฟแช็กนี้ไม่เหมาะกับฐานะของเขาอย่างมาก แต่เขาก็เก็บไว้กับตัวมานานหลายปี ไม่เคยเอาห่างจากตัวแม้แต่วันเดียวรถขับออกจากอุโมง ชายที่สวมหน้ากากมองดูกระจกข้างซ้ายขวา เมื่อไม่มีรถ ก็เหยียบคันเร่ง เร่งความเร็วโดยตรง ขับเข้าไปในป่าทางทิศตะวันออกพืชพรรณหนาแน่นในป่า ขวางทางรถ เขาพวกทำได้เพียงทิ้งรถและเดินเท้าเข้าไปเลขาหญิงชื่อซังชาน แจ็คเก็ตหนังและกางเกงหนัง รองเท้าบูทสั้นคู่หนึ่ง ผมสั้น มีความสามารถมาก หยิบไฟฉายฉุกเฉินออกมาจากช่องเก็บของข้างประตูรถพร้อมกับชายสวมหน้ากาก รีบใส่ถ่านเข้าไป ยกไฟฉายขึ้นพร้อมกัน ฉายเข้าไปในป่าเธอหันไปคุยกับผู้ชาย "เจ้านาย ฉันไปหาเธอกับฉือหนานก็พอ คุณรอพวกเราที่รถก็พอค่ะ"ยังไม่ทันสิ้น
โหลวฉางเยว่รีบลุกขึ้นยืนทันที ยื่นมือจับกิ่งไม้ข้าง ๆ ใช้กิ่งไม้เขี่ยพุ่มไม้แต่ไม่มีอะไรเลยสายลมยามค่ำคืนพัดใบไม้ ส่งเสียงซ่า ๆ โหลวฉางเยว่เงยหน้ามอง เงาต้นไม้บิดเบี้ยวเป็นรูปทรงประหลาดในความมืดราวกับเป็นมือที่กำลังโบกไปมาภาพที่ประหลาดแบบนี้พอมองนาน ๆ เสียงลมนั้นราวกับเป็นเสียงกรีดร้องของผู้หญิงในสมองเธอปรากฎภาพหลอนระทึกที่น่ากลัวมาก ๆ แม้จะพยายามห้าม แม้จะรู้ว่าไม่ใช่ของจริงอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ไปนาน ๆ แม้ไม่ได้พบเจออันตรายของจริง แต่ก็สามารถทำให้ตกใจจนเกิดอาการป่วยขึ้นมาโหลวฉางเยว่พยายามกอดต้นไม้ที่อยู่ตรงหน้าตัวเอง อยากจะปีนขึ้นไปข้างบน มองทิศทางจากที่สูง หาจุดที่มีแสงสว่าง ก็สามารถหาทางออกเจอแต่นี่คือต้นสน ทั้งสูงและผอม ไม่มีกิ่งไม้ ไม่มีที่เหยียบ เธอกว่าจะปีนขึ้นไปได้สูงหนึ่งเมตรอย่างยากลำบาก กลับร่วงลงมาเพราะหมดแรง ล้มจนทำให้กระดูกก้นของเธอเจ็บแต่ว่า ถ้าห่วงแต่เจ็บ ก็จะไม่รู้สึกกลัวโหลวฉางเยว่ปลอบใจตัวเองในช่วงที่มีความทุกข์ ก็ไม่ถือว่าล้มฟรีและในเวลานี้ เธอได้ยินเสียงคนคุยกันดังมาคร่าว ๆ“ที่นี่ ๆ ขุดที่นี่”โหลวฉางเยว่ตั้งใจมองเข้าไป ดงป่าตรงนั้น เหมือนมีแสงไฟกระพริ
ระหว่างเดียวกัน ประโยคที่เสียงดังกว่า "โหลวฉางเยว่" ครอบคลุมเสียงของเขา ขาของผู้ชายหยุดกะทันหันหยุดอยู่ที่เส้นทางมืดมนเส้นนั้นโหลวฉางเยว่เงยหน้าขึ้นอย่างเร่งรีบขณะที่วิ่ง คิดไปเองงั้นเหรอ?เธอเหมือนว่า ได้ยินคนตะโกนเรียกเธอ "อาเยว่""โหลวฉางเยว่"เสียงตะโกนอีกหนึ่งประโยค ไม่ใช่อาเยว่ ก็คือโหลวฉางเยว่โหลวฉางเยว่หยุดกะทันหัน เห็นไฟสองดวงจากรถเข้าใกล้เรื่อย ๆ วินาทีต่อมา ไฟของรถกลายเป็นไฟที่ใหญ่ แสงสว่างส่องจ้ามาที่เธอโดยตรงจากระยะหลาย10เมตรเหมือนแสงสว่างที่ลงมาจากฟ้าป่าที่กว้างแบบนี้ แน่นอนว่าไม่ได้มีแค่เส้นทางเดียว เพราะไม่มีป้ายบอกทาง ต้องเดินยังไง ไม่มีคนในพื้นที่คอยนำทาง ก็ได้แต่พึ่งพาโชคโชคของเหวินเหยียนโจวนั้นถือว่าไม่เลว พบเจอเส้นทางใหญ่ ขับรถมาจอดในพื้นที่ที่มีระยะห่างจากโหลวฉางเยว่20-30เมตรชายสองคนนั้นเห็นว่ามีคนมา จ้องตากันครั้งเดียว ก็รีบหันหลังวิ่งเข้าป่าโหลวฉางเยว่จึงพบว่า ตัวเองอยู่ใกล้กับเส้นทางที่ถูกต้อง เมื่อกี้ที่เธอพยายามเดินหน้า นั่นคืออีกทิศทางหนึ่งเธอเห็นเหวินเหยียนโจวลงจากรถ เดินก้าวขามาตรงหน้าเธออย่างรวดเร็ว ผมสั้นบนหน้าผากของเขาถูกลมพัดปลิวว่อน ชายเสื้อก
คนประหลาดกลุ่มหนึ่งที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน จู่ ๆ ก็กระโจนเข้ามา เหอชิงเป็นแค่เลขาธรรมดา ก็ตกใจเล็กน้อย"พวกคุณจะทำอะไร ถ้าเข้ามาอีกฉันจะแจ้งตำรวจแล้วนะ"ได้ยินว่าเธอจะโทรแจ้งตำรวจ ชาวบ้านก็พุ่งเร็วขึ้น "จับพวกเขาไว้"โหลวฉางเยว่รู้สึกไม่ปลอดภัย จะลงมาจากเหวินเหยียนโจว แต่เหวินเหยียนโจวไม่ยอมปล่อย สองมืออุ้มเธอไว้ ถีบชาวบ้านคนหนึ่งที่พุ่งเข้าไปโหลวฉางเยว่กล่าวด้วยความกังวลใจ "เหวินเหยียนโจว ปล่อยฉันลงมา""คิดว่าผมจะพาคุณไปไม่ได้งั้นเหรอ?" เหวินเหยียนโจวเหลือบมองเธอ ระหว่างเดียวกันก็ก้มตัวหลบไม้ที่ฟาดมาแต่สองมือก็ยากที่จะสู้หลายมือ เป็นแบบนี้ต่อไป ไปจากนี่ไม่ได้แน่นอนโหลวฉางเยว่จับประตูรถตะโกน "ขึ้นรถ"เหวินเหยียนโจวถีบชาวบ้านคนหนึ่งออกไป หันหลังนำโหลวฉางเยว่วางไว้ในรถ เหอชิงก็รีบขึ้นรถเหวินเหยียนโจวเพิ่งวางโหลวฉางเยว่ลง โหลวฉางเยว่ก็เห็นไม้อันหนึ่งตีลงมา เธอดวงตาเบิกกว้าง "เหวินเหยียนโจว"หลังของเหวินเหยียนโจวถูกไม้ทุบอย่างแรง เขาจับประตูรถส่งเสียงอื่ม สายตามีความโกรธ หันกลับไปถีบชาวบ้านคนนั้นออกไป เขาไม่ชอบสู้ ก้าวขาขึ้นรถเขากำลังจะปิดประตู แต่มีชาวบ้านจับประตูรถไว้ ท่าทางแบบนั้น คล้
พอแม่โหลวก็ได้ยินเสียงพ่อโหลวกลับมา จากนั้นเธอก็นำอาหารจานสุดท้ายมาเสิร์ฟที่โต๊ะ“งั้นก็มากินข้าวกันเถอะ วันนี้เย่ว่เยว่พาเหยียนโจวกลับมาด้วย เธอไม่ได้บอกเราล่วงหน้า พวกเราเลยไม่ได้เตรียมอะไรไว้ เลยมีแค่อาหารทำเองที่บ้าน ไม่รู้ว่าเหยียนโจวจะทานได้หรือเปล่า? ”เหวินเหยียนโจวลุกขึ้นยืน เหลือบมองใบหน้าซีดเซียวของพ่อโหลว และกระซิบเบา ๆ “เป็นผมที่ไม่ได้บอกเย่ว่เยว่ล่วงหน้าว่าผมจะอยู่ต่อ เธอถึงไม่ได้บอกกับทุกคน ไม่โทษเธอหรอกครับ”แม่ยายมองดูลูกเขย ยิ่งมองก็ยิ่งชอบเขามากขึ้น แม่โหลวไม่ได้มีความสุขขนาดนี้มานานแล้ว มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเธอ เธอแสร้งดุออกไป “เหยียนโจว เธอก็อย่าให้ท้ายเยว่เยว่มากเกินไปสิ”แต่หลังจากที่พูดจบ เขาก็ปกป้องเธอ “แต่เยว่เยว่ของเราเป็นคนที่มีเหตุผลที่สุด ต่อให้ตามใจก็ไม่เป็นไรหรอกครับ”มุมปากของโหลวฉางเยว่โค้งงอขึ้นทุกคนมานั่งที่โต๊ะด้วยกัน แม่โหลวตักซุปเสิร์ฟให้เหวินเหยียนโจวก่อน จากนั้นจึงใช้ตะเกียบคีบผักใส่ในชามของเขา“เหยียนโจว ลองซุปปลาหน่อไม้เหลืองฤดูหนาวดูสิ หน่อไม้นั่นปลูกเองเชียวนะ ปลาก็เป็นของเพื่อนบ้านที่ไปจับมาจากทะเล”“แล้วก็ยังมีหมูเปรี้ยวหวานสั
จนถึงตอนนี้โหลวฉางเยว่ก็ยังไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างไป๋โหยวกับเขาอย่างถ่องแท้ เธอเหลือบมองเขา และอดไม่ได้ที่จะเริ่มคิดผู้ชายน่ะนะ ไม่ได้ “ไร้เดียงสา” ขนาดนั้น โดยเฉพาะผู้ชายอย่างเหวินเหยียนโจว ผู้หญิงสนใจเขาหรือเปล่า เขาก็สามารถมองออกได้ง่าย ๆเหวินเหยียนโจวรู้อยู่แล้วว่าไป๋โหยวชอบเขา แล้วเขาก็ยังตกลงที่จะให้เธอมาอยู่เคียงข้างเขาอีก นั่นก็เป็นเหมือนคำตอบรับโดยปริยายว่าเขายอมรับความรู้สึกของเธอแล้วไม่ใช่หรือไง?พอมาคิดรวมกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันส่งท้ายปีเก่าปีที่แล้ว ก็มีความคิดเห็นที่เกี่ยวกับเธอขึ้นมา เขาเย็นชาใส่เธอตลอด ดังนั้นที่เขาเก็บไป๋โหยวไว้ ไม่ใช่แค่เพราะว่าอยากจะทำให้เธอโกรธ แต่วางแผนที่จะทำให้ “เปลี่ยนใจ” ด้วยสินะ?โหลวฉางเยว่พูดด้วยความรำคาญ “แม่ของคุณชอบไป๋โหยวมากเลยเหรอคะ? เธอยังอยากให้คุณแต่งงานกับไป๋โหยวด้วยใช่ไหม? เนี่ยเหลียนอี้เคยบอกฉันว่าท่านประธานใหญ่เหวินยอมรับไป๋โหยวแล้วด้วย แต่เพราะด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาก็ปฏิเสธกะทันหัน เป็นเพราะว่าท่านประธานใหญ่เหวินรู้เรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไป๋โหยวกับแม่ของคุณรึเปล่าคะ? ”แม้ว่าโหลวฉางเยว่จะไม่ค่อยรู้เรื่องคร
ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว แต่พ่อโหลวก็ยังไม่กลับมา พี่เลี้ยงจึงออกไปตามหาเขาเดิมทีโหลวฉางเยว่ต้องการช่วยแม่โหลววางจานและตะเกียบ แต่แม่โหลวก็ให้เธอไปอยู่เป็นเพื่อนเหวินเหยียนโจว เพราะเธอกลัวว่าลูกเขยคนจะอึดอัดถ้าต้องนั่งอยู่คนเดียว......จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง? ต่อให้ฟ้าจะถล่ม ประธานเหวินก็ยังคงมั่นคงไม่ขยับเขยื้อนอยู่ดีแต่ยังไงโหลวฉางเยว่ยังคงเดินไปหาเขาเหวินเหยียนโจวอยู่บนโซฟาสำหรับสองคน เดิมทีเธอต้องการนั่งบนโซฟาเดี่ยวที่อยู่ข้าง ๆ แต่ประธานเหวินดึงเธอเข้ามานั่งกับเขาเขากระซิบข้างหูเธอ “คุณพูดอะไรกับแม่ของคุณบ้าง? ”หูของโหลวฉางเยว่ไวต่อความรู้สึกมาก เธอก็กระตุกตัวหลบอยู่ครู่หนึ่ง “ก็ไม่ได้พูดอะไรหนิคะ”“ไม่พูดงั้นเหรอ แล้ววทำไมท่าทีที่เธอมีต่อผมถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้? ” เหวินเหยียนโจวบีบนิ้วของเธอ “คุณคิดว่าผมดูไม่ออกเหรอ? เมื่อกี้เธอไม่ค่อยพอใจผมเท่าไหร่ แล้วผมมีอะไรที่ทำให้แม่ยายไม่พอใจเหรอ? ”ความมั่นใจของประธานเหวินก็มาจากสภาพที่เหนือกว่าของเขา แต่ตราบใดที่พ่อแม่ไม่ขายลูกกิน สิ่งแรกที่พวกเขาจะพิจารณาเมื่อลูกจะแต่งงานก็คืออุปนิสัยของอีกฝ่ายการแสดงออกของโหลวฉางเยว่ยังคง
แม่โหลวไม่ใช่คนโง่ แม้ว่าเหวินเหยียนโจวจะตอบด้วยท่าทีนอบน้อม แต่เธอก็มองออก ด้วยลักษณะท่าทางและนิสัยของเหวินเหยียนโจว คงไม่ใช่แค่มี “เงินเล็กน้อย” ถึงสามารถเลี้ยงเขามาได้แน่ ๆ “งั้นก็ดีมาก ดีแล้วล่ะ พวกลูกคบกันมาสามปี สิ่งที่ควรจะเรียนรู้ก็น่าจะเรียนรู้กันมาหมดแล้ว แม่เองก็ไม่มีอะไรที่จะต้องถามอีกแล้วล่ะ”เหวินเหยียนโจวไม่ชอบพูดอ้อมค้อม จู่ ๆ เขาก็จับมือโหลวฉางเยว่ “เมื่อกี้ผมเพิ่งขอเยว่เยว่แต่งงานครับ และเธอก็ตอบตกลงแล้วด้วย”โหลวฉางเยว่มองไปที่แม่ของโหลวโดยไม่รู้ตัวใบหน้าของแม่โหลวเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอไม่ได้มีความสุขมากนัก เธอฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ จะเร่งรีบขนาดนี้ได้ยังไง พวกเรายังไม่ได้รู้จักเธอมากขนาดนั้นเลย เราเองก็ไม่เคยพบพ่อแม่ของเธอด้วย อย่างน้อยก็ควรจะหาเวลา ให้พวกเราทั้งสองตระกูลได้พูดคุยกันและปรึกษาหารือกันหน่อย”เหวินเหยียนโจวหยิบถ้วยชาขึ้นมา แต่เขาแค่เอามันมาใกล้จมูกแล้วดมกลิ่น เขาไม่ได้ดื่มมัน จากนั้นก็วางมันกลับไปที่เดิม สีหน้าเขาดูไม่ใส่ใจโหลวฉางเยว่รู้จักเขาดี เขารู้สึกว่าชาราคาถูกเกินไป เกินกว่าที่เขาจะเอาเข้าปากได้ และคำพูดเหล่า
ระยะทางจากห้างสรรพสินค้าถึงบ้าน ก็ใช้เวลาประมาณสิบกว่านาที โหลวฉางเยว่ก็ครุ่นคิดว่าจะพูดอะไรดีอยู่ในใจ จะบอกพ่อโหลวแม่โหลวยังไงดี เกี่ยวกับเรื่องที่เธอกำลังจะแต่งงาน?จะให้อธิบายยังไง ว่าลูกสาวของพวกเขา ตอนเพิ่งออกจากบ้านก็เป็นแค่คนโสด แต่ผ่านไปได้แค่ครึ่งชั่วโมง กลับบ้านมาก็กลายเป็นคนที่กำลังจะแต่งงานอย่างงั้นเหรอ?เธอคิดไม่ตกเลยจริง ๆ เลยได้แต่พาเหวินเหยียนโจวเดินไปรอบ ๆ ตรอกเท่านั้น จนกระทั่งประธานเหวินเริ่มหมดความอดทน เขาคว้าหลังคอของเธอแล้วลากกลับบ้าน“ผมเคยได้ยินประโยคหนึ่งที่ว่า ‘แม้ลูกสะใภ้จะขี้เหร่ แต่ก็จำเป็นจะต้องเจอหน้าพ่อแม่สามีอยู่ดี’ ผมคงไม่ได้ไร้ความสามารถถึงขั้นทำให้คุณอายจนไม่กล้าพาผมไปเจอหน้าพวกท่านหรอกมั้ง? ”โหลวฉางเยว่คิดว่าเขามีความสามารถมากเกินไปต่างหาก เธอถึงไม่รู้ว่าจะบอกพ่อแม่ของเธอยังไงดีคิ้วของเหวินเหยียนโจวขยายออก และยกขึ้นเล็กน้อย แล้วเขาก็พูดด้วยหางเสียงว่า “หืม” โหลวฉางเยว่ทำได้แค่กัดฟัน แล้วพาเขาเข้าไปพ่อโหลวออกไปตั้งแต่เช้า ตอนนี้ยังไม่กลับมาแม่โหลวเพิ่งเห็นว่าเธอพาเพื่อนกลับบ้านมาด้วย แถมยังเป็นเพื่อนผู้ชายอีกต่างหาก รู้สึกประหลาดใจและตกใจม
ผนังซีเมนต์สีเทาที่ได้รับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ ทำให้รู้สึกอบอุ่นเล็กน้อย ขณะที่เธอกำลังจัดเสื้อผ้าตัวเองอยู่ โหลวฉางเยว่ก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอย่างอื่น “......ฉันยังไม่ได้ตกลงอะไรเลยนะคะ คุณเลิกคิดเองเออเองได้แล้วค่ะ”เหวินเหยียนโจวก็ยังคงจัดการวางแผนเองอยู่ “ยังไงนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เข้าบ้านจริง ๆ คงดูไม่ดีถ้าเข้าไปมือเปล่า คุณช่วยพาผมไปที่ห้างสรรพสินค้าในตำบลของคุณหน่อยสิ แล้วคุณก็ช่วยเลือกของขวัญที่เหมาะกับพ่อแม่ของคุณด้วย”“......”“เด็กดี นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้พบกับพ่อแม่คุณ คุณต้องช่วยผมด้วยนะ”“......”โหลวฉางเยว่ลูบแหวน เธอไม่รู้ว่าเธอตัวชาเพราะการที่เขาเรียกเธอว่าเด็กดี หรือเป็นเพราะสับสนกับท่าทางที่เขายอมก้มหัวให้กันแน่ เธอค่อนข้างสับสนอย่างมาก แต่เธอก็ยังพาเขาไปที่ห้างสรรพสินค้าอยู่ดีโชคดีที่ชุมชนนี้เป็นพื้นที่ท่องเที่ยว เลยยังพอจะมีห้างสรรพสินค้าที่จำหน่ายสินค้าแบรนด์ระดับไฮเอนด์อยู่บ้างแต่ก่อนที่จะเข้าประตู เหวินเหยียนโจวก็ได้รับสายโทรศัพท์สายหนึ่ง เขามองไปที่ชื่อผู้โทร ขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าของเขาไม่ผ่อนคลายเหมือนตอนที่เผชิญหน้ากับเธอเมื่อกี้โหลวฉางเยว่มองไปที
ทันทีที่คำพูดจบลงไม่ถึงวินาที เหวินเหยียนโจวก็ก้มศีรษะลงและจูบเธออย่างเร่าร้อนต่อให้มีการแย่งชิง การปล้นชิงทรัพย์ในเวลากลางวันแสก ๆ หรือแม้แต่ผู้คนรอบข้าง เขาก็ไม่สนใจทั้งนั้น เขาจับหลังศีรษะของเธอและใช้ลิ้นของเขารุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ของเธอ โหลวฉางเยว่กลัวว่าจะถูกคนรู้จักเห็นเข้า เธอจึงได้แต่จับชุดสูทของเขาไว้แน่น “เหวิน เหวินเหยียนโจว...... ”เหวินเหยียนโจวค่อนข้างเฉยเมยกับเรื่องพวกนั้น เขาจูบเธอสักพักก่อนที่จะปล่อยริมฝีปากของเธอ เขาหอบเบา ๆ ต่อหน้าเธอ ทั้งเซ็กซี่และเย้ายวน “ไม่ใช่แค่การลอง แต่เป็นการตัดสินใจแล้ว เราจะคบกัน”เขาจับมือของโหลวฉางเยว่ขึ้นมา โดยไม่ให้โอกาสโหลวฉางเยว่ได้เห็นชัดเจนว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ แล้วเขาก็สวมแหวนไว้บนนิ้วนางของเธอม่านตาของโหลวฉางเยว่หดตัวลง!เสียงของเหวินเหยียนโจวแหบแห้ง “เด็กดี ตอนนี้สำนักงานกิจการพลเรือนก็หยุดกันหมดแล้ว รอถึงเดือนหน้าวันที่เก้า ในเวลาราชการ เราค่อยไปจดทะเบียนกันนะ”อะ อะไรนะ?ว่ายังไงนะ ! ?เดี๋ยวนะ!พอโหลวฉางเยว่รู้ว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น ประสาทของเธอก็แทบจะระเบิด!เธอปิดปากเหวินเหยียนโจวอย่างรวดเร็ว เพื่อหยุดไม่ให้เขาพูดเ
เช้าวันรุ่งขึ้น โหลวฉางเยว่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือตีสี่ตีห้าเธอเพิ่งจะหลับตาลงได้ แต่ยังไม่ทันจะได้นอน เธอง่วงจนแทบจะทนไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องเปิดเปลือกตาขึ้นด้วยความพยายามอย่างมาก เมื่อเธอเห็นว่าผู้โทรคือเหวินเหยียนโจว อาการง่วงนอนของเธอก็แทบจะถูกขับออกไปในทันทีเธอลุกขึ้นนั่ง มองดูซองจดหมายสีเหลืองอ่อนบนโต๊ะข้างเตียง พอนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปากล่างของตัวเองหลังจากถอนหายใจและระงับอารมณ์ได้แล้ว เธอก็รับสาย “ฮัลโหล”เสียงเย็นชาของเหวินเหยียนโจว ก็ได้ลอยผ่านเคลื่อนโทรศัพท์ ส่งตรงไปถึงหูของเธอ และยังคงสามารถทำให้เธอขนลุกได้โดยไม่ทันตั้งตัว“คุณกำลังทำอะไรอยู่? ”“......นอนค่ะ”“คุณนอนที่ไหน? ” น้ำเสียงของชายคนนั้นเข้มขึ้นทันที “ผมอยู่ในห้องของคุณ แต่ก็ไม่เห็นคุณ คุณไปนอนที่ไหนเหรอ? ”สถานการณ์ของเขาตอนนี้เหมือนกำลังจับคนทำผิด......โหลวฉางเยว่ตกตะลึง “คุณอยู่ในห้องของฉันเหรอคะ? คุณไปหาฉันที่ซีเฉิงเหรอคะ? ”“ไม่ใช่ว่าเมื่อวานคุณทำงานเป็นวันสุดท้ายหรอกเหรอ? ผมเลยมารับคุณกลับเซินเฉิง” เหวินเหยียนโจวถามต่อว่า “ตอนนี้คุณอยู่ที่
รักข้างเดียว......ลมพัดโดนผิวของโหลวฉางเยว่จนเกิดเป็นชั้นอนุภาคเล็ก ๆ เธอยังคงคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่ออยู่เลย แต่จะให้เธอตรวจสอบยังไงกันล่ะว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเท็จกันแน่?โหลวฉางเยว่จำได้อีกว่า ในวันที่เธอเลี้ยงข้าวเขาที่ร้านอาหารส่วนตัว เขายังเคยถามเธอเกี่ยวกับลิ้นชักจดหมายรักอีกด้วยตอนนั้นเธอก็รู้สึกว่าทำไมเขาต้องใส่ใจเรื่องนี้มากขนาดนั้นด้วย พอลองมองดูตอนนี้แล้ว คงไม่ใช่ว่าปีนั้นเอง เขาก็เขียนจดหมายรักให้เธอด้วยหรอกนะ?จู่ ๆ โหลวฉางเยว่ก็ลุกขึ้นยืน ตาของเธอเป็นก็ประกาย จดหมายรักพวกนั้นเธอน่าจะยังเก็บไว้ที่บ้าน บ้านที่ตำบลเฟิงเสียน เธอโทรหาหลี่ซิงรั่วทันที“ซิงรั่ว เธอออกเดินทางรึยัง? ”“กำลังจะออกเดินทางแล้ว เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ”“ฉันอยากกลับเซินเฉิงกับเธอด้วย สะดวกไหม? ”หลี่ซิงรั่วหยุดชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “สะดวกสิ เธอยังอยู่ที่ประตูร้านอาหารเดิมรึเปล่า? ฉันจะไปรับเธอ”ในไม่ช้า รถของหลี่ซิงรั่วก็ขับมาถึง โหลวฉางเยว่ก็เปิดประตูและเข้าไปจากนั้นหลี่ชิงรั่วจึงถามว่า “เป็นเพราะประธานเหวินหรือเปล่า? ”หัวใจของโหลวฉางเยว่เต้นเร็วขึ้นอย่างอธิบายไม่ได้ เธอรีบร้อ