ผมรู้ว่าเธอเมาเธออาจจะเลอะเลือนไปบ้าง แต่ก็ใช่ว่าคนเมาจะไม่พูดความจริง ถูกไหม“พี่คนนั้น พี่คนไหน?” ผมถามอีกครั้งเพราะเธอเอาแต่ก้มหน้าไม่ยอมสนใจคำถามของผม“พะ เพื่อนพี่สิงห์ไง คะ คนที่เป็นหมอ” อ่า! ไอ้เชี้ยกาย มันหล่อกว่าผมตรงไหนวะ ครั้งหน้าอย่าหวังว่าเธอจะได้เจอหน้ามันอีก“เธอชอบมัน?”“อะ อื้ม ชอบนิดหน่อย...” เหอะ!! ผมถึงกับพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ ก่อนจะเอาลิ้นดันกระพุ่งแก้มอย่างหัวเสีย สายตายังคงมองที่ร่างของคนตัวเล็กอยู่ ตอนนี้เธอแม่งก็ไม่รับรู้อะไร ถึงเธอจะสร่างเมาแล้วก็คงไม่สนใจผมอีกอยู่ดีผมยกมือขึ้นไปประคองใบหน้าของเธอให้หันมาหาผมแล้วจับปลายคางของเธอให้เงยขึ้น พริ้งเธอค่อย ๆ ปลายสายตามามองใบหน้าของผมช้า ๆ จากนั้นผมกับเธอก็จ้องหน้ากันสักพักก่อนที่ผมจะเลื่อนหน้าขยับเข้าไปใกล้ ๆ ใบหน้าของเธอ“ฉันกับมัน เธอชอบใคร” ผมยิงคำถามออกไปและรอฟังคำตอบอย่างจดจ่อ“ก็ ก็ พี่สิงห์...” จู่ ๆ เธอก็หลบสายตาของผมและกลับไปก้มหน้าอีกครั้งก่อนจะพูดคำตอบออกมาเบา ๆ“ทีตอนไม่เมาปากแข็งนักนะ”เมื่อได้ยินคำตอบผมก็ยิ้มมุมปากออกมาอย่างพอใจก่อนพูดค้อนเธอ ผมปล่อยมือออกจากแก้มเนียนแล้วขับรถกลับคอนโดผมรู้ว่ามันยัง
— Talk Prink ผลัก!! ฉันรวบรวมเรี่ยวแรงที่มีผลักพี่สิงห์ออกอย่างหงุดหงิด ใช่ว่าฉันจะจำไม่ได้นะว่าเมื่อคืนเขาเกือบจะปล้ำฉัน ใช่ว่าเราเคยมีอะไรกันแล้วและถึงฉันจะชอบเขาอยู่ ใช่ฉันรู้ตัวเองดีที่สุด แต่พี่สิงห์ยังไม่ทำให้ฉันมั่นใจอะไรสักอย่างเลยส่วนเรื่องที่คลับฉันยอมรับว่าฉันเมามากจนแทบจำอะไรไม่ได้เลยจริง ๆ เป็นเพราะความงี่เง่า เอาแต่ใจของพี่สิงห์นั่นแหละมันทำให้ฉันตัดสินใจดื่ม ทั้งที่บอกให้ง้อดี ๆ แล้วดูสิเขาไม่เคยทำได้พี่สิงห์ทำท่าเดินกลับเข้ามาหาฉันอีกครั้งด้วยใบหน้าที่เกรี้ยวกราด ก่อนจะคว้าหมับมาจับข้อแขนของฉันแล้วดึงตัวฉันเขาหาตัวเอง ร่างฉันเซไปชนกับแผงอกแกร่งที่ไร้เสื้อผ้าปิดคลุมของพี่สิงห์เผยให้เห็นลอนกล้ามของซิกแพ็กเป็นมัด ๆ เต็มตา ไม่รู้ทำไมพอเห็นแล้วหน้าของฉันมันถึงเห่อร้อนขึ้นมาซะดื้อ ๆ ทั้งที่ฉันก็เคยเห็นเขาเปลือยท่อนบนมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน“เธอผลักฉันรู้ไหมว่ามันเจ็บ” เสียงทุ้มต่ำของพี่สิงห์เอ่ยขึ้น“ก็ไม่ยอมถอยไปเอง”“ก็อยากมองเมีย” พี่สิงห์เว้นคำพูดก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงมากระซิบหูฉันว่า “ใกล้ ๆ”พี่สิงห์พ่นลมหายใจของตัวเองออกมา ลมหายใจร้อนผ่าวกระทบกับใบหูและบริเวณซอกคอของ
ฉันยืนอยู่เฉย ๆ ไม่ได้อีกแล้วขืนยืนแบบนี้ต่อไปพี่สิงห์ต้องจับอาการเขินของฉันได้แน่ ๆ ดังนั้นฉันจึงต้องรีบเดินหนีพี่สิงห์อีกครั้ง“ปลดล็อกรถสิคะ” ฉันหันไปบอกพี่สิงห์ที่เดินตามหลังฉันมาติด ๆ ตอนนี้เราเดินมาถึงรถกันแล้วแต่แล้วพี่สิงห์ก็พุ่งเข้ามาประชิดตัวฉัน เขารวบมือของฉันทั้งสองข้างขึ้นไปตึงเอาไว้เหนือหัวด้วยมือข้างเดียวของเขา จากนั้นก็จ้องมองใบหน้าของฉันด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา“พี่สิงห์เดี๋ยวมีคนมาเห็น ทำบ้าอะไรเนี่ย ทำไมชอบทำอะไรแบบนี้ในที่สาธารณะ” ฉันดิ้นเพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นแต่มันก็ไม่เป็นผล“ตรงนี้มีแค่เธอกับฉัน”“ก็นั่นแหละ ถ้าเกิดมีคนผ่านมาล่ะคะ”“แล้วยังไง?”“พี่สิงห์” ฉันเรียกชื่อผู้ชายตรงหน้าออกไปอย่างเหลืออด เขามันคนไม่มียางอายเลยจริง ๆ“พรุ่งนี้เธอไม่มีเรียน?”“...” รู้ดีไปอีก นี่แอบมีตารางเรียนของฉันแหงเลย หลายครั้งแล้วที่รู้เวลาเรียนของฉันแบบนี้“พ่อฉันมาซื้อบ้านที่กรุงเทพ”“แล้วยังไงต่อคะ” ฉันถามออกไปด้วยความแปลกใจ พ่อพี่สิงห์มาซื้อบ้านที่กรุงเทพมันก็ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับฉัน“ไปบ้านพ่อฉันไหม?” สายตาของพี่สิงห์ที่มองฉันมันเหมือนเขาไม่ได้ตั้งคำถามมาเพื่อให้ฉันตอบเลย เขาต้อ
“หนูพริ้ง อ่า! ลุงคิดว่าหนูจะไม่ได้มาซะแล้ว มา ๆ นั่งก่อนสิ นั่งก่อน” คุณพ่อของพี่สิงห์พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ส่วนพี่มารีก็เดินไปนั่งกับท่าน ถึงตอนนี้ฉันก็ยังสับสนกับเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่ดีว่ามันเป็นมายังไงที่นั่งที่ว่างอยู่มันเป็นโซฟาตัวที่พี่ม่อนนั่ง พี่ม่อนก็ขยับให้นะส่วนฉันก็กำลังจะเดินไปนั่งแต่ถูกพี่สิงห์ตัดหน้าก่อน คือพี่สิงห์ดันตัวฉันออกแล้วก็เอาตัวเองไปนั่งข้าง ๆ กับพี่ม่อนแทน“เมียแกสินะ” ผู้ชายวัยกลางคนที่ฉันไม่รู้จักชื่อถามพี่สิงห์ ท่านมองเราทั้งคู่สลับกันไปมา“มะ ไม่ใช่นะคะ” ฉันรีบยกมือขึ้นประฏิเสธทันที รู้แหละว่าถามพี่สิงห์แต่ฉันก็รู้อีกเหมือนกันว่าถ้าพี่สิงห์ตอบมันจะเป็นยังไง“เดี๋ยวก็ใช่ครับอา ^_^”“ไม่ใช่ ไม่มีวันด้วย !!” ฉันรีบหันไปเถียงพี่สิงห์ทันที“พริ้ง” พี่มารีเรียกชื่อฉันพร้อมกับมองด้วยสายตาดุ ๆ ฉันผิดงั้นเหรอเนี่ยผู้ใหญ่เขาพากันพูดถึงเรื่องงานแต่งงาน สรุปคือพี่มารีจะแต่งงานกับคุณพ่อของพี่สิงห์จริง ๆ ส่วนเรื่องที่ฉันมากับพี่สิงห์คุณพ่อของเขาไม่ได้ถามอะไร ท่านคงจะรู้จากพี่สิงห์มาแล้วว่าเรื่องมันเป็นมายังไง นี่แหละที่ฉันอายจนแทบไม่กล้าจะสบตากับใครเ
ฉันก้าวขาเดินขึ้นบันไดไปโดยไม่ได้ถามอะไรพี่สิงห์อีก ส่วนพี่สิงห์ก็เดินขึ้นมาตามหลังของฉัน เขาจะประคองฉันเอาไว้เหมือกลัวฉันจะตกเมื่อเข้ามาในเครื่องแล้วฉันก็ต้องอึ้งตาค้างเพราะภายในมันตกแต่งได้สวยงามมาก ตั้งแต่ขึ้นเครื่องบินมาฉันไม่เคยรู้สึกตื่นเต้นขนาดนี้มาก่อนเลย ฉันเงยหน้าขึ้นมองบนเพดานของเครื่องบิน มันมีช่องที่ขนาดไม่ใหญ่มากและไม่เล็กมากตรงนั้นมันเป็นกระจกใสด้วย มีเตียงนอนขนาดที่นอนได้สองคนถูกจัดเอาไว้ตรงมุมนั้นพอดิบพอดี“คิดอะไรไม่ดีกับพริ้งอยู่ใช่ไหม” ฉันรีบหันควับไปจ้องหน้าพี่สิงห์ทันทีเมื่อเห็นเตียงนอน เขาต้องมีแผนแน่ ๆ ทำดีแบบนี้ยิ่งมีพิรุธ“เธอคิดไปเอง” พี่สิงห์ตอบก่อนจะเดินไปนั่งบนเก้าอี้อีกตัวที่อยู่ไม่ไกลเตียงสักเท่าไหร่ก่อนจะบอกฉันว่า “อยากดูดาวเธอก็นอนดูบนเตียงนั่น สวนฉันจะนั่งมองเธออยู่ตรงนี้”“เพราะฉันอยากดูเธอมากกว่า”คำพูดของพี่สิงห์กับสายตาของเขาที่เอาแต่มองฉันมันทำให้ฉันต้องก้มหน้าลงเพราะความเขิน ทำไมถึงพูดอะไรเลี่ยน ๆ แบบนี้ออกมา เมื่อก่อนไม่เคยจะพูดหรอก ฉันรีบเดินไปนั่งบนเตียงพร้อมกับเครื่องบินที่ค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกจากโกดัง หลังบ้านเป็นลานกว้างมันมีพื้นที่มากพอใ
ฉันเม้มปากแน่นแล้วผลักพี่สิงห์ออกเบา ๆ เพราะการที่ใบหน้าเราทั้งคู่มันอยู่ใกล้กันขนาดนี้มันทำให้ใจของฉันเต้นรัวไม่เป็นจังหวะเอาซะเลย ไหนจะคำพูดเมื่อกี๊อีก“จะบ้าเหรอคะ พะ พริ้งไม่แต่ง” ฉันหลบสายตาของพี่สิงห์เพราะเขาเอาแต่จ้องหน้าฉันแบบไม่ละสายตาอยู่อย่างนั้น“ถ้าเธอไม่อยากแต่ง งั้นหมั้นก่อน”“ไม่แต่งแล้วก็ไม่หมั้นค่ะ” ฉันยืนยันเสียงหนักแน่นก่อนจะยันตัวลุกขึ้นนั่งพลางเอามือทาบหน้าอกของตัวเองที่มันกำลังเต้นรัวไม่เป็นท่า ถึงจะพูดออกไปแบบนั้นแต่ภายในใจกลับไม่ได้เป็นแบบที่พูดเลย“ฉันก็กำลังทำให้เธอมั่นใจอยู่นี่ไง”“แต่พริ้งไม่ได้ต้องการแบบนี้สักหน่อย”“แล้วเธอต้องการแบบไหน” พี่สิงห์ลุกขึ้นนั่ง เขาดึงตัวฉันไปกอดจากทางด้านหลังแถมยังจูบลงบนต้นคอของฉันด้วย จากนั้นเขาก็เอาคางของตัวเองมาวางไว้บนไหล่ของฉัน “ตอบฉันสิ”“บอกไปแล้วค่ะ พี่สิงห์ก็ไม่เคยทำตามที่พริ้งขอเลย เอาแต่บังคับ”“ก็เธอมันดื้อ”“แต่พี่สิงห์ง้อพริ้งอยู่นะ ต้องตามใจพริ้งสิ” ฉันหันหน้ามองพี่สิงห์ตอนนี้เขากำลังทำหน้าเหมือนไม่สนโลกอยู่“ดีกันได้แล้ว นะครับ” ฉันสตันไปชั่วขณะ มะ เมื่อกี๊พี่สิงห์พูดว่ายังไงนะ เขาพูดครับงั้นเหรอ นี่เขาพูดจร
พอจบคำพูดของพี่สิงห์ฉันก็แสร้งทำเป็นหาวนอนยกมือขึ้นมาปิดปาก“พริ้งง่วงจังค่ะ อยากนอนแล้วเอาเครื่องลงได้แล้ว” ฉันพูดออกไปน้ำเสียงงัวเงียเพื่อให้มันดูสมจริงยิ่งขึ้น“ง่วง? นี่เธอล้อฉันเล่นหรือเปล่า” พี่สิงห์ขมวดคิ้วหนาเป็นปมพร้อมกับยืนเอามือท้าวเอวมองค้อนฉัน เขาดูจะไม่ค่อยเชื่อฉันสักเท่าไหร่“ง่วงจริง ๆ นะคะ ตาจะปิดแล้วเนี่ย”“งั้นเธอนอนไปเดี๋ยวทำเอง” พูดจบพี่สิงห์ก็ทำท่าเหมือนจะขึ้นมาคร่อมตัวฉัน เห็นแบบนั้นฉันรีบขยับหนีเขาทันทีพร้อมกับดึงผ้าห่มมาคลุมตัวเอาไว้ ไม่ชอบเลยที่มีเตียงนอนอยู่บนเครื่องแบบนี้ มันเข้าทางพี่สิงห์ไปหมดทุกอย่าง“ง่วงหรือไม่อยากให้ทำ?” พี่สิงห์เลิกคิ้วขึ้นเชิงถาม ตอนนี้เขาอยู่ในท่าที่มือทั้งสองข้างวางค้ำยันกับที่นอนเอาไว้พร้อมจะคลานเข่าเข้ามาหาฉันตลอดเวลา“มะ ไม่อยากทำ” ฉันเม้มปากแน่น คือแบบฉันก็ไม่รู้จะพูดยังไงอะนะ คือก็คนมันยังไม่พร้อมจะให้ทำแบบนั้นนี่นา แต่แทนที่พี่สิงห์จะเข้าใจเปล่าเลยค่ะ เขาคลานเข่าเข้ามาใกล้ฉันเรื่อย ๆ“พี่สิงห์...” มันรู้สึกร้อนวูบวาบกับสายตาแบบนี้ของเขายังไงก็ไม่รู้ มันเหมือนกับว่าพี่สิงห์กำลังสื่อบอกฉันว่ายังไงครั้งนี้เขาก็ไม่ยอมปล่อยฉันไปแ
พี่สิงห์มองค้อนฉัน แอบคิดในใจนะว่านี่ฉันคิดดีแล้วใช่ไหมที่ให้อภัยเขา ดูความเอาแต่ใจของเขาสิ แต่ก็นะถ้าฉันกลับคำพูดก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับฉัน “พะ พี่สิงห์ทำแบบนี้มันสกปรกนะคะ” ฉันเบิกตากว้างเพราะ จู่ ๆ พี่สิงห์ก็ถอดเสื้อตัวเองออกมาเช็ดคราบน้ำกามของเขาที่ติดอยู่บนหน้าท้องของฉันออก แล้วก็เช็ดน้ำกามที่ติดอยู่ตรงหว่างขาให้ฉันด้วย “ถ้าไม่เอาเสื้อฉันเช็ดแล้วเธอจะเอาอะไรเช็ด เสื้อเธอไหม?” พี่สิงห์เลิกคิ้วถาม ฉันเงียบไม่ได้เถียงอะไรต่อเพราะพูดไปก็คงไม่ชนะเขาหรอก ฉันลุกขึ้นแต่งตัวโดยมีพี่สิงห์จ้องมองตลอดเวลา ส่วนเขาน่ะยังไม่ลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าเลย ไม่อายเลยรึไง นี่เขาโป๊อยู่นะ ทำหน้ากวนฉันด้วยนะ“พี่สิงห์ใส่เสื้อผ้าได้แล้ว” ฉันทนมองไม่ไหวเลยต้องบอกให้พี่สิงห์ลุกขึ้นใส่เสื้อผ้า“นึกว่าเธออยากมอง” ดูเขาพูดสิ ไหนคำว่าอายไม่มีเลยจริง ๆ “บะ บ้าเหรอคะ ใครจะอยากมองกันล่ะ ไม่เห็นจะหน้ามองเลยสักนิด”“ก็เธอไง ไม่รู้ตัวเหรอว่าเธอจ้องมันอยู่”พอพี่สิงห์พูดแบบนั้นฉันถึงกับต้องรีบหันหน้าไปทางอื่นทันที ใบหน้ามันร้อนผ่าวฉัน ฉันรู้สึกได้เลยตอนนี้ “ไม่ต่อเหรอ?”“ตะ ต่ออะไรเล่า บะ บ้า สั่งให้นักบินเอาเครื
— Talk Singhaหึ!! คิดว่าผมไม่รู้หรือไงว่าเมียตัวเองแอบหนีไปเที่ยว เธอคงไม่รู้ว่าผมให้ลูกน้องคอยตามดูเธอเอาไว้ ว่าแล้ว ไล่ผมมาจัง กลับไปเจอดีแน่ ๆที่เธอไม่กล้าบอกผมก็เพราะรู้ว่าบอกผมยังไงผมก็ไม่ให้ไป ผมหวง ถ้าจะไปผมต้องไปด้วย ดูท่าเพื่อนของเธอคงจะเป็นต้นคิดแน่ ๆโชคดีที่งานอีกงานที่ผมต้องไปพรุ่งนี้ถูกยกเลิก ผมเลยคิดว่าจะบินกลับไทยไปตอนนี้เลยจริง ๆ ผมก็ไม่ได้โกรธอะไรมากมาย ผมแค่ไม่ชอบให้พริ้งไปเที่ยว เพราะเวลาเธอเมามันเหมือนคนอื่นเขาซะที่ไหนกันล่ะ แต่วันนี้ลูกน้องผมบอกว่าเธอดื่มน้ำเปล่า ค่อยโล่งใจหน่อย ถ้าผมรู้ว่าเธอดื่มเหล้าคงจะหัวเสียมากกว่านี้หลังจากที่ผมแน่ใจว่าเมียผมหลับไปแล้ว ผมก็กดวางสายก่อนจะนั่งรถไปขึ้นเครื่องกลับไทยจริง ๆ ผมไม่ชอบมางานสังคมแบบนี้สักเท่าไหร่ แต่เพราะพ่อเป็นคนขอให้ผมมา จะเอาเมียมาด้วยก็ไม่ยอมมา คงเพราะมีแผน อุตส่าห์ซื้อของขวัญไว้ให้ เตรียมจะเซอร์ไพรส์ รู้แบบนี้มันน่าให้ไหมวะ เมียผมแม่งดื้อ !!!#ประเทศไทยมาถึงผมก็สั่งให้ลูกน้องเอาของที่ผมจะให้เมียมาที่คอนโด เป็นของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ได้หวือหวาอะไรมาก เมื่อคุยกับลูกน้องเสร็จผมก็รีบเดินขึ้นไปที่ห้อง รอเวลาเ
หนีเที่ยว พรุ่งนี้พี่สิงห์จะต้องไปดูงานที่ต่างประเทศ ซึ่งแน่นอนว่าฉันไปด้วยไม่ได้เพราะต้องเรียน วันนี้เขาก็เลยจะงอแงเป็นพิเศษ แถมจะเอาฉันไปด้วยให้ได้เลย “ไปแค่สองวันเอง ไม่ได้รึไง?” พี่สิงห์ยกหัวขึ้นมานอนบนหน้าตักของฉันแล้วทำหน้าอ้อน ตอนนี้เราอยู่กันในห้อง พี่สิงห์เพิ่งจะไปรับฉันกลับมาจากมหาวิทยาลัย “ก็นั่นสิคะ แค่สองวันเองนะ” ฉันย้อนคำพูดของพี่สิงห์ทันที“เดี๋ยวนี้รู้จักเถียง” พี่สิงห์มองฉันตาดุ ๆ ก่อนจะยกมือขึ้นมาหยิกแก้มของฉัน “อื้อ พี่สิงห์ ก็พริ้งบอกว่าพริ้งมีเรียนไง” ฉันจับมือพี่สิงห์ออกจากแก้มแล้วก็อธิบายเหตุผลเดิม ๆ ที่ฉันพูดไปเป็นร้อยครั้งแล้ว ให้พี่สิงห์ฟัง “ไม่อยากห่างเธอ” พี่สิงห์พูดเสียงจริงจัง“เราก็วิดีโอคอลคุยกันไงคะ ^_^”“มันเหมือนกันไหมล่ะ คอลคุยแล้วฉันได้กอดเธอไหมล่ะ” นั่นไง งอแงอีกแล้ว คนแก่นี่จริง ๆ เลยนะ “ยังไงก็ไปไม่ได้ค่ะ พี่สิงห์เข้าใจพริ้งหน่อย”“เธอใจร้ายชะมัด”“แล้วนี่เก็บกระเป๋ายังคะ?”“นี่อยากให้ฉันไปมากว่างั้น เธอมีพิรุธ !!” พูดจบพี่สิงห์ก็ลุกขึ้นมองหน้าฉันอย่างเอาเรื่อง เขามองฉันด้วยสายตาที่กำลังจ้องจะจับผิดฉันอยู่“เปล่า พริ้งแค่จะเก็บกระเป๋าให้ไ
ทะเล...ที่พี่สิงห์บอกว่าจะพาฉันมาเที่ยวทะเลน่ะ ตอนแรกฉันคิดว่าทะเลที่ไทย แต่ที่ไหนได้เขาพาฉันไปเที่ยวทะเลที่ต่างประเทศ ขึ้นเครื่องบินส่วนตัวของคุณพ่อพี่สิงห์มา และแน่นอนว่ารวยระดับพี่สิงห์ต้องเป็นเกาะส่วนตัวนี่เดี๋ยวกลับไปจากเที่ยวก็ต้องไปงานแต่งของพี่มารีต่อด้วย เรามากันแค่สองวันหนึ่งคืนเท่านั้น เพราะมีเวลาแค่นี้จริง ๆ “ไปใส่ชุดนี้หน่อย”ในขณะที่ฉันกำลังนั่งมองบรรยากาศยามเช้าที่ชิงช้าริมหาดพี่สิงห์ก็ยื่นถุงอะไรบางอย่างมาให้ฉัน แถมเขายังทำหน้าอ้อนฉันอีกด้วย “อะไรคะ?” ฉันรับถุงมาจากพี่สิงห์ก่อนจะปิดดูข้างใน เมื่อเห็นว่าของข้างในนั้นมันมีสีแดงสดฉันก็รีบปิดถุงทันที มันคือบิกินี่ที่พี่สิงห์ซื้อให้ฉัน “บะ บ้า ก็พริ้งบอกว่าไม่ใส่ไง”พี่สิงห์นี่จริง ๆ เลยนะ ฉันอุตส่าห์ตั้งใจแล้วแท้ ๆ ที่จะไม่หยิบบิกินี่มา ไม่รู้ว่าพี่สิงห์แอบเอาใส่กระเป๋ามาด้วยตั้งแต่เท่าไหร่ “อุตส่าห์ซื้อมาตั้งแพง” พี่สิงห์บ่น แต่ฉันไม่ได้บอกให้เขาซื้อให้เลยนะ พี่สิงห์น่ะอยากจะซื้อเองต่างหาก “ก็พริ้งบอกแล้วว่าไม่ต้องซื้อ”“ก็อยากให้เมียใส่ ที่นี่มีแค่ผัวเธอนะ เธอจะอายทำไม”“ก็พริ้งอายนี่นา...” ฉันทำหน้ามุ่ยตอบพี่สิงห์
เชื่อไหมคะถ้าฉันจะบอกว่าตอนนี้ฉันถูกพี่สิงห์ลากตัวมาที่ห้างสรรพสินค้า เพื่อที่จะมาเลือกซื้อชุดบิกินี่ตามที่เขาได้พูดเอาไว้ ซึ่งแน่นอนว่าฉันไม่อยากจะใส่มันเลยสักนิด“พี่สิงห์ไม่เอา พริ้งบอกแล้วไงว่าไม่อยากใส่” ฉันปัดมือพี่สิงห์ออก เพราะเขาเอาบิกินี่สีแดงสดมาทาบลงบนตัวของฉัน“เซ็กซี่ดี เอาอันนี้ แล้วสีไหนอีกดี” รับบทเป็นคนหูหนวกไปแล้วค่ะแฟนฉันตอนนี้ ฉันถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ จะทำยังไงกับเขาดีเนี่ยพูดไม่ฟังเลยพี่สิงห์หยิบชุดบิกินี่มาประมาณสามชุดได้แต่ละชุดควไม่ต้องให้พูดถึงความโป๊ของมันนะ ถ้าแบบนี้ให้ฉันแก้ผ้าเลยยังจะดีกว่า“ยิ้มหน่อยสิ ดูทำหน้าเข้า” พี่สิงห์บอกฉันหลังจากที่จ่ายเงินค่าชุดเดินออกมาจากร้านเรียบร้อยแล้ว“พี่สิงห์น่ะ บอกไม่ฟังเลย”“หิว กินอะไรดี เธออยากกินอะไร?” ค่ะ!! สุดท้ายพี่สิงห์ก็คือพี่สิงห์ ฉันควรชินได้แล้วจริง ๆ“อะไรก็ได้ค่ะ”“อะไรก็ได้ มันไม่มีขายหรอกนะ”“กวน... เหรอคะ” ฉันพูดเว้นคำมันก็แล้วแต่พี่สิงห์จะไปเติมคำในช่องว่าง“นั่นปากใช่ไหม ใครให้พูดกับคนที่อายุเยอะกว่าแบบนี้ อีกอย่างใครใช้ให้พูดกับผัวแบบนี้ ฮะ” พี่สิงห์มองฉันสายตาเกรี้ยวกราดเขายกมือขึ้นมาเท้าเอว
ภายในห้อง... เมื่อมาถึงพี่สิงห์ก็ยังงอนตุ๊บป่องอยู่ แต่ฉันต้องไปให้อาหารแมวก่อน ดูสิพอเห็นคนเดินเข้ามาในห้องนางร้องใหญ่เลย อึเอาไว้หลายกองด้วยนะ“ค้าบบ แม่กำลังจะเอาอาหารให้กินอยู่นี่ไงสิงห์” ฉันปรามแมวน้อยเพราะเอาแต่ร้องแล้วก็จะปีนกรงท่าเดียว“เหมี๊ยว เหมี๊ยว ~” ดูมันทำท่าเข้าสิน่ารักซะไม่มีหลังจากเอาอาหารให้แมวเรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาที่จะต้องมาง้อแฟน เฮ้อ!! เป็นฉันนี่มันก็เหนื่อยเหมือนกันนะ“พี่สิงห์ งอนอะไรพริ้งอีก” ฉันถามเขาแต่พี่สิงห์ก็เอาแต่นอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียงไม่สนใจฉันเลย“ทำไมคนแก่ชอบขี้งอนจัง ไม่กลัวพริ้งเบื่อเหรอคะ”“กล้าเบื่อฉันก็ลองดู !!” พี่สิงห์ละสายตาออกจากหน้าจอโทรศัพท์ เขาจ้องฉันตาเขม่งเลยตอนนี้“พริ้งแค่คุ้นหน้าผู้ชายคนนั้น เขาน่าจะแอบกิ๊ก ๆ กันกับยัยสารธาร”“อื้ม” พี่สิงห์พยักหน้าเหมือนจะเข้าใจ เขามองโทรศัพท์ในมือต่อ แต่ฉันดูออกว่าแบบนี้น่ะยังไม่หายงอนหรอกฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ จากนั้นก็คลานเข่าขึ้นไปบนเตียง นั่งคร่อมตรงช่วงสะโพกของพี่สิงห์แล้วก็มุดหน้าลงไประหว่างแขนสองข้างของพี่สิงห์ที่กำลังเล่นโทรศัพท์อยู่“พี่สิงห์ทำไมขี้งอนขนาดนี้เนี่ย” ฉันบนพึมพำบนแผงอกก
เช้าวันใหม่... ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาก่อนจะรีบดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงเพราะนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนฉันแช่ชุดนักศึกษาเอาไว้แล้วยังไม่ได้เอาไปตากเลยเพราะเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนที่พี่สิงห์อาบน้ำอยู่เมื่อเดินเข้าไปดูในห้องน้ำฉันก็ไม่เห็นชุดนักศึกษาของตัวเองแล้ว หายไปไหนกัน“พี่สิงห์ พี่สิงห์เห็นชุดที่พริ้งแช่เอาไว้เมื่อคืนไหม” ฉันเดินไปนั่งลงบนเตียงแล้วถามพี่สิงห์ที่กำลังนอนหลับอยู่พี่สิงห์ปรือตาขึ้นมามองฉันแต่แค่แป๊บเดียวเท่านั้นที่เขามองหน้า สายตาของพี่สิงห์ค่อย ๆ เลื่อนมองตรงระดับหน้าอกของฉันอย่างหื่นกามแป๊ะ!! ฉันฟาดไปที่ไหล่กว้างของพี่สิงห์แรง ๆ เพราะเขาเอาแต่บ้ากามไม่สนใจคำถามของฉันเลย“โอ้ย! เธอตีแรงไปไหมวะพริ้ง” พี่สิงห์จ้องหน้าฉันสายตาดุ ๆ เขายกมือขึ้นไปลูบตรงที่เพิ่งโดนฉันฟาดไปเมื่อกี๊“พริ้งถามน่ะ ไม่ได้ยินเหรอคะ”“เอาไปตากให้แล้ว” พี่สิงห์ตอบก่อนที่เขาจะเอาหัวของตัวเองมาวางไว้บนหน้าตักของฉัน จะว่าไปพี่สิงห์ก็น่ารักเหมือนกันนะเนี่ยมีตากผ้าให้ด้วย“ขอบคุณนะคะ ^_^”“เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็น...”“ไม่ค่ะ หยุดบ้ากามก่อนจะได้ไหม พริ้งอยากกลับห้องแล้ว แมวพริ้งไม่มีอาหารกิน”“แมวกับผัวอะไรสำคัญกว่า
ฉันดันตัวพี่สิงห์ออกเพื่อที่จะให้ตัวเองหลุดออกจากอ้อมกอดของเขา แต่พี่สิงห์กลับไม่ยอมปล่อยฉัน เขาเอาแต่จ้องไปหน้าของฉันไม่ละสายตา จนฉันต้องถอนหายใจออกมาเพราะความหนักใจกับอาการที่เหมือนเด็กของพี่สิงห์ ไม่สิ! เด็กบางคนยังพูดรู้เรื่องกว่าเขาอีกนะ“นานตรงไหนคะ แค่ไม่กี่ปีเอง”“สำหรับฉันหนึ่งเดือนก็ถือว่านานมาก” พี่สิงห์ยังคงงอแงไม่ยอมเลิก ฉันจะจัดการกับผู้ชายคนนี้ยังไงดี“เราเลิกคุยกันเรื่องนี้กันดีกว่าค่ะ”“ยังคุยไม่รู้เรื่อง” พี่สิงห์ขัดขึ้น เขาพ่นลมหายใจแรง ๆ รดใบหน้าของฉันด้วย“พริ้งรู้เรื่องแล้ว แต่พี่สิงห์น่ะไม่รู้เรื่อง” ฉันพูดด้วยอารมณ์ที่เริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้ง“ถ้าพี่สิงห์ยังพูดไม่รู้เรื่องแบบนี้งั้นคืนนี้พริ้งขอกลับไปนอนที่คอนโดนะคะ” ฉันพูดตัดปัญหาไป เพราะขืนถ้ายังคุยกันไม่รู้เรื่องแบบนี้แล้วต้องมานอนด้วยกันพี่สิงห์ก็คงต้องหยิบเรื่องหมั้นขึ้นมาพูดอีกแน่ ๆ“เธอทำไมใจร้ายแบบนี้วะพริ้ง แม่ง!!” นั่นไง!! พอไม่ได้ดั่งใจเขาก็โวยวาย ก็เขาพูดเองว่ารอได้แล้วจะมาอะไรเนี่ย งานหมั้นเชียวนะ มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยพี่สิงห์ปล่อยกอดออกจากฉันจากนั้นก็เดินหน้าบึ้งพร้อมกับกระแทกเท้ากลับไปน
พี่สิงห์มองค้อนฉัน แอบคิดในใจนะว่านี่ฉันคิดดีแล้วใช่ไหมที่ให้อภัยเขา ดูความเอาแต่ใจของเขาสิ แต่ก็นะถ้าฉันกลับคำพูดก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับฉัน “พะ พี่สิงห์ทำแบบนี้มันสกปรกนะคะ” ฉันเบิกตากว้างเพราะ จู่ ๆ พี่สิงห์ก็ถอดเสื้อตัวเองออกมาเช็ดคราบน้ำกามของเขาที่ติดอยู่บนหน้าท้องของฉันออก แล้วก็เช็ดน้ำกามที่ติดอยู่ตรงหว่างขาให้ฉันด้วย “ถ้าไม่เอาเสื้อฉันเช็ดแล้วเธอจะเอาอะไรเช็ด เสื้อเธอไหม?” พี่สิงห์เลิกคิ้วถาม ฉันเงียบไม่ได้เถียงอะไรต่อเพราะพูดไปก็คงไม่ชนะเขาหรอก ฉันลุกขึ้นแต่งตัวโดยมีพี่สิงห์จ้องมองตลอดเวลา ส่วนเขาน่ะยังไม่ลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าเลย ไม่อายเลยรึไง นี่เขาโป๊อยู่นะ ทำหน้ากวนฉันด้วยนะ“พี่สิงห์ใส่เสื้อผ้าได้แล้ว” ฉันทนมองไม่ไหวเลยต้องบอกให้พี่สิงห์ลุกขึ้นใส่เสื้อผ้า“นึกว่าเธออยากมอง” ดูเขาพูดสิ ไหนคำว่าอายไม่มีเลยจริง ๆ “บะ บ้าเหรอคะ ใครจะอยากมองกันล่ะ ไม่เห็นจะหน้ามองเลยสักนิด”“ก็เธอไง ไม่รู้ตัวเหรอว่าเธอจ้องมันอยู่”พอพี่สิงห์พูดแบบนั้นฉันถึงกับต้องรีบหันหน้าไปทางอื่นทันที ใบหน้ามันร้อนผ่าวฉัน ฉันรู้สึกได้เลยตอนนี้ “ไม่ต่อเหรอ?”“ตะ ต่ออะไรเล่า บะ บ้า สั่งให้นักบินเอาเครื
พอจบคำพูดของพี่สิงห์ฉันก็แสร้งทำเป็นหาวนอนยกมือขึ้นมาปิดปาก“พริ้งง่วงจังค่ะ อยากนอนแล้วเอาเครื่องลงได้แล้ว” ฉันพูดออกไปน้ำเสียงงัวเงียเพื่อให้มันดูสมจริงยิ่งขึ้น“ง่วง? นี่เธอล้อฉันเล่นหรือเปล่า” พี่สิงห์ขมวดคิ้วหนาเป็นปมพร้อมกับยืนเอามือท้าวเอวมองค้อนฉัน เขาดูจะไม่ค่อยเชื่อฉันสักเท่าไหร่“ง่วงจริง ๆ นะคะ ตาจะปิดแล้วเนี่ย”“งั้นเธอนอนไปเดี๋ยวทำเอง” พูดจบพี่สิงห์ก็ทำท่าเหมือนจะขึ้นมาคร่อมตัวฉัน เห็นแบบนั้นฉันรีบขยับหนีเขาทันทีพร้อมกับดึงผ้าห่มมาคลุมตัวเอาไว้ ไม่ชอบเลยที่มีเตียงนอนอยู่บนเครื่องแบบนี้ มันเข้าทางพี่สิงห์ไปหมดทุกอย่าง“ง่วงหรือไม่อยากให้ทำ?” พี่สิงห์เลิกคิ้วขึ้นเชิงถาม ตอนนี้เขาอยู่ในท่าที่มือทั้งสองข้างวางค้ำยันกับที่นอนเอาไว้พร้อมจะคลานเข่าเข้ามาหาฉันตลอดเวลา“มะ ไม่อยากทำ” ฉันเม้มปากแน่น คือแบบฉันก็ไม่รู้จะพูดยังไงอะนะ คือก็คนมันยังไม่พร้อมจะให้ทำแบบนั้นนี่นา แต่แทนที่พี่สิงห์จะเข้าใจเปล่าเลยค่ะ เขาคลานเข่าเข้ามาใกล้ฉันเรื่อย ๆ“พี่สิงห์...” มันรู้สึกร้อนวูบวาบกับสายตาแบบนี้ของเขายังไงก็ไม่รู้ มันเหมือนกับว่าพี่สิงห์กำลังสื่อบอกฉันว่ายังไงครั้งนี้เขาก็ไม่ยอมปล่อยฉันไปแ