ฉันได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับแม้แต่ลมหายใจฉันยังแทบอยากจะกลั้นมันเอาไว้เลยตอนนี้ ทำไมฉันถึงได้ซวยขนาดนี้นะ“เอาโทรศัพท์เธอมา”“...” ฉันเม้มปากแน่นก่อนจะค่อย ๆ หยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าออกมายื่นให้พี่สิงห์บ้าจริง!! อยากจะไปจากเขาแต่พอเอาเข้าจริง ๆ โดนพี่สิงห์ขู่นิดหน่อยฉันก็กลัวจนหัวหดแล้วพี่สิงห์ทำอะไรบางอย่างกับโทรศัพท์ของฉันแถมเขายังไม่ยอมคืนโทรศัพท์มาให้ฉันอีกต่างหาก ฉันก็ไม่กล้าทวงคืนด้วยสิตอนนี้“อ่ะ !!” ร่างของฉันถูกพี่สิงห์อุ้มจนตัวลอย เขาอุ้มฉันไปวางบนโซฟา จากนั้นก็นั่งลงข้าง ๆ กับฉัน“เธอชอบดูหนังไหม?”“คะ?” ฉันขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปมเมื่อถูกคนที่นั่งข้าง ๆ ถามแบบนี้คือภาพในหัวของฉันคิดเอาไว้ว่า ยังไงพี่สิงห์ก็ต้องหัวเสียใส่ฉันมากแน่ ๆ บางทีฉันอาจจะเจ็บตัวเพิ่ม แต่กลับกัน พี่สิงห์ไม่แม้แต่จะโวยวายอะไรเลยสักคำ“คำถามของฉันมันตอบยากขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ?”“เอ่อ ไม่เท่าไหร่ค่ะ” ปกติเราไม่ค่อยคุยอะไรกันมากมาย พวกคำถามแบบนี้ฉันไม่เคยได้ยินพี่สิงห์ถามเลยสักครั้งมันเลยทำให้ฉันรู้สึกไปไม่เป็น“เดี๋ยวฉันเปิดให้ดู เธอเผื่อเธอจะชอบ” พี่สิงห์ยกยิ้มมุมปากให้ฉัน เขาเอื้อมมือไปหยิบรีโมทมา
#คอนโดพอมาถึงพี่สิงห์ก็อุ้มฉันขึ้นไปส่งที่บนห้อง เขาไม่แคร์สายตาของคนที่มองการกระทำของเขาในตอนนี้เลย“พริ้งเดินเองได้ค่ะ ไม่เจ็บมากแล้ววางพริ้งลงเถอะ” ฉันกระซิบบอกพี่สิงห์เบา ๆ เพราะรู้สึกอายที่มีแค่คนมองแบบนี้พี่สิงห์ก้มหน้าลงมามองฉัน แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรและไม่ยอมวางฉันลงด้วยร่างฉันค่อย ๆ วางลงบนเตียงนอน พี่สิงห์ฉวยโอกาสนี้ขึ้นมาคร่อมตัวฉันเอาไว้“นะ ไหนบอกว่ามีธุระไง อื้อ...”ริมฝีปากของฉันถูกพี่สิงห์ก้มลงมาจูบ เขาจูบฉันอย่างดูดดื่มและเร้าร้อน มือหนาลูบไล้ขาอ่อนก่อนจะ ค่อย ๆ เลื่อนมันไปตรงกลางลำตัว ฉันรีบคว้าไปจับมือของพี่สิงห์เอาไว้ทันทีก่อนที่เขาจะได้สัมผัสตรงนั้นของฉันพี่สิงห์ถอนริมฝีปากออกและจ้องมองฉันด้วยแววตาที่เหมือนกับเสือกำลังหิวโหยเหยื่อ“อย่าทำแบบนี้อีกเลยค่ะ พริ้งขอร้อง...”“ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าถ้าฉันจะทำ อย่าห้ามฉัน”“แต่เราไม่ได้เป็นอะไรกัน เราไม่ควรจะทำแบบนี้อีกแล้ว”“ที่ผ่านมาก็ไม่มีสถานะ เธอยังยอมฉันได้ อ๋อ! หรือเธอชอบความตื่นเต้น” จู่ ๆ สายตาของพี่สิงห์ก็มองฉันเปลี่ยนไป“หมายความว่ายังไงคะ”“เธอคงจะชอบเล่นชู้กับคู่หมั้นของพี่สาวตัวเองมากกว่า พอฉันถอนหมั้นเธอก
หลังจากที่พี่สิงห์กลับไปแล้ว และไม่ลืมที่จะคืน โทรศัพท์ให้ฉัน แถมยังย้ำบอกว่าพรุ่งนี้จะมารับฉันพาฉันไปส่งที่มหาวิทยาลัยแล้วก็จะซื้อยาคุมมาให้ไม่รู้ว่ามีธุระอะไรที่สำคัญมาก ๆ หรือเปล่า เพราะโทรศัพท์ของพี่สิงห์มีคนโทรเขามาถี่มาก ๆ ก่อนที่เขาจะรีบออกไปจากห้องของฉันเอาล่ะ ฉันควรเลิกคิดฟุ้งซ่านเรื่องนี้สักที ฉันต้องเลิกคิด เพียงเวลาแค่ไม่กี่วันที่เราใกล้ชิดกัน ทำไมถึงทำให้ความรู้สึกของฉันเพิ่มมากขึ้นขนาดนี้กันด้วยนะก๊อก ๆ ก๊อก ๆเสียงเคาะห้องดังขึ้นทำให้ฉันหลุดออกจากวังวนความคิดของตัวเอง คงจะเป็นสายธารที่มาเคาะ เพราะฉันบอกมันไปว่าฉันกลับมาที่ห้องแล้วฉันถอนหายใจออกมา เบา ๆ ก่อนจะลุกขึ้นไปเปิดประตูห้องให้เพื่อนเข้ามา“พริ้ง แกเป็นยังไงบ้างพี่สิงห์ทำอะไรแก เขาทำร้ายแกหรือเปล่า ทำไมฉันติดต่อแกไม่ได้เลย ทำไมแกถึงไม่ยอมไปเรียน แล้ว...”“สายธารฉันโอเค พี่สิงห์ไม่ได้ทำอะไร” ฉันขัดขึ้นเพราะสายธารสิ ยิงคำถามใส่รัว ๆ เลย“เฮ้ออแล้วไป แล้วทำไมแกถึงไม่ไปเรียน”“ข้อเท้าพลิกน่ะ เดินไม่ได้หลายวันเลย พี่สิงห์เลยให้ฉันอยู่กับเขาก่อน...”“ดูพี่สิงห์ก็เหมือนจะรัก จะสนใจแกมากเลยนะ อีกอย่างเขาก็ถอนหมั้นกับพ
“ครับ นี่อาพิมพ์ใช่ไหม ผมแทบจำไม่ได้แหนะ ^_^”“จ้ะ อาเอง^_^”“นี่อย่าบอกนะครับ ว่าอาพิมพ์กับอาสิงห์... กลับมาคบกันแล้ว แบบนี้ถ้าคุณปู่รู้คงจะดีใจมากแน่ ๆ ใช่ไหมครับอาสิงห์ ^_^”อะไรกัน ขะ เขาเคยคบกันอย่างนั้นเหรอ ทำไมพี่ม่อนถึงพูดแบบนี้ล่ะ“บ้าน่า!! อาแค่มากินข้าวกันเฉย ๆ เอง ^_^”“แกไม่เรียนรึไง” พี่สิงห์ถามพี่ม่อนแต่สายตากลับเอาแต่จ้องมองฉัน“วันนี้เรียนแค่ช่วงเช้าครับอา งั้นเดี๋ยวผมขอตัวพาสาว ๆ ไปกินข้าวก่อนนะครับ ไม่รบกวนอาสิงห์กับอาพิมพ์แล้ว ^_^”“ไปกันเถอะ ^_^” พี่ม่อนหันหน้ามาบอกฉัน“เดี๋ยว !!” เสียงของพี่สิงห์ท้วงขึ้นก่อนที่เราจะเดินแยกตัวออกไป“ครับ?”“ไปกินด้วยกันสิ” เขากำลังคิดจะทำอะไรอีก“สะ สิงห์คะแต่พิมพ์ว่า...”“นาน ๆ ทีฉันจะได้กินข้าวกับหลานชาย หวังว่าแกคงไม่ปฏิเสธ” พี่สิงห์ไม่ได้สนใจเลยว่าตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นกำลังทำหน้าตาแบบไหน เขาจงใจจะให้ฉันไปร่วมโต๊ะอาหารด้วย ซึ่งฉันคงไม่โอเคหรอก ไม่โอเคมาก ๆ ด้วย“งั้นสายธารกับพริ้งขอแยกตัวไปทานร้านอื่นดีกว่านะคะ เราเป็นคนนอกพี่สิงห์คงไม่สะดวก ^_^” สายธารจับมือฉันแล้วบีบเบา ๆ ฉันพูดอะไรไม่ออกจริง ๆ มันจุกมันแน่นไปหมด“คนนอก?” พี่สิ
เรามาที่ร้านอาหารหรู ขอบอกว่าร้านนี้อาหารแพงมาก สมัยที่ฉันยังพอมีเงินอยู่ฉันยังไม่กล้าเขาร้านหรูขนาดนี้เลย“สั่งสิ ฉันเลี้ยงเอง” พี่สิงห์ยื่นเมนูมาให้ฉันแต่เป็นสายธารที่ยื่นมือไปรับเมนูมาเองเพราะฉันไม่ยอมรับมาจากมือของพี่สิงห์สักที“แกสั่งเลยนะ ฉันเอาเหมือนแก” ฉันกระซิบบอกสายธาร“อื้อ พาฉันไปเข้าห้องน้ำหน่อยสิ” สายธารขยิบตาให้ฉันคงมีเรื่องอยากจะคุย ฉันคงเดาไม่ยากว่าจะพูดเรื่องอะไร“เดี๋ยวพริ้งกับสายธารมานะคะขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน” ฉันหันไปบอกพี่ม่อนก่อนจะเดินออกมาฉันมองพี่สิงห์แว่บหนึ่งมันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่พี่สิงห์ก็กำลังมองฉันอยู่เหมือนกัน ฉันรู้ตัวว่าเขามองฉันอยู่ตลอดเวลา เพราะแบบนี้มันยิ่งทำให้ฉันอึดอัดสายธารไม่ได้พาฉันมาเข้าห้องน้ำ แต่มันพาฉันกลับมาที่รถต่างหาก“แกจะกลับเหรอ เรายังไม่ได้บอกพี่ม่อนเลยนะ” ฉันถามสายธาร“เปล่า ฉันแค่พาแกมาสูดอากาศ”“ที่ลาดจอดรถเนี่ยนะ”“มันก็ดีกว่าในห้องน้ำไหมล่ะ”“นั่นสิเนอะ” ฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ“ฉันไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจเลยว่าพี่สิงห์เป็นอะไรมากปะ!! ทำไมต้องทำกับแกแบบนี้ด้วย หน้าตาก็ดีแต่ดูเขาทำสิ มันไม่ลูกผู้ชายเลยสักนิด” สายธารเหมือนระเบิดอ
ฉันดิ้นจนตัวเองหลุดออกมาจากวงแขนของพี่สิงห์จากนั้นก็ถอยหนีไปให้ไกลเขาที่สุด“เพราะอะไร?” พี่สิงห์ขมวดคิ้วมองหน้าฉัน เพราะอะไรงั้นเหรอ เขาถามฉันแบบนี้งั้นเหรอ ทั้งที่เราไม่ได้เป็นอะไรกันเลยด้วยซ้ำ “รักพริ้งไหมคะ รักพริ้งบ้างไหม ตอบมาสิว่าตอนนี้เราเป็นอะไรกัน เราเป็นแฟนกันงั้นเหรอคะ?”พี่สิงห์เงียบ เขาไม่กล้าสบตาฉันเลยด้วยซ้ำ “อย่ามายุ่งกับพริ้งอีก” แทบจะกลั้นหายใจ พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้สุด ๆ แล้วในตอนนี้ ฉันไม่อยากร้องไม่อยากอ่อนแอให้พี่สิงห์เห็นอีกแล้ว “เธออยากให้ฉันปล่อยเธอไปมากใช่ไหม ต้องการแบบนี้มากเลยใช่ไหม !!” พี่สิงห์ขึ้นเสียงใส่ฉัน “ใช่ค่ะ พริ้งต้องการ ต้องการแบบนี้มาตั้งนานแล้วด้วย !!” ฉันก็ขึ้นเสียงกลับเหมือนกัน “เหอะ !!”พี่สิงห์หัวเราะในลำคอแล้วก็เอาแต่จ้องหน้าฉันเหมือนกำลังขุ่นคิดอะไรอยู่ในใจสักอย่าง“ฉันกับพิมพ์ไม่ได้เป็นอะไรกัน เธอเชื่อฉันไหม?”“ไม่รู้ค่ะ พริ้งไม่ได้สนใจขนาดนั้น”พี่สิงห์พ่นลมหายใจออกมา แรง ๆ จู่ ๆ ก็ล้วงกระเป๋าหยิบซองบุหรี่ขึ้นมา เดินออกไปนอกระเบียงห้องแล้วจุดสูบเฉยเลย ทั้งที่ควรจะออกไปจากห้องฉัน แต่ทำไมถึงได้ทำแบบนี้กัน “ถ้ายังไม่พร้อมจะมีใครก็อ
2 อาทิตย์ผ่านไป... ช่วงนี้เริ่มเข้าช่วงหน้าฝนแล้ว ฝนตกแทบจะทุกวันเลย ฉันต้องกลับห้องค่ำ ๆ มืดเพราะต้องเทรนเรื่องประกวดดาวคณะ อีก 3 วันก็จะถึงวันประกวดจริงแล้ว ยอมรับว่าตื่นเต้นมาก แต่ที่ตื่นเต้นมากกว่าฉันก็ควจะเป็นเพื่อนสาวของฉัน ยัยสายธาร“แกต้องควบคุมอาหารนะ หุ่นจะได้สวย ๆ”“โอ้ยสายธารให้ฉันกินบ้างเถอะ ฉันผอมจนเหลือแค่กระดูกแล้วเนี่ย” ฉันบ่นสายธารเพราะมันไม่ยอมให้ฉันกินไก่ทอด บอกว่าหน้าจะบวม ก็คนมันหิวหนิยิ่งบังคับก็ยิ่งหงุดหงิดนะจริงไหม“อะ ๆๆ แค่ชิ้นเดียวนะ” สุดท้ายสายธารก็ใจอ่อนวันนี้เป็นวันที่ฉันรู้สึกผ่อนคลายที่สุด รู้ไหมทำไม ก็เพราะว่ามันคือวันหยุดไงล่ะ ไม่ต้องไปเรียนจะตื่นเมื่อไหร่ก็ได้ วันนี้ฉันตื่นเกือบเที่ยงแน่ะเพราะความเพลีย พอตื่นแล้วฉันก็ออกมาหาอะไรกินกับสายธารนี่แหละฉันพยายามทำตัวเองให้ยุ่งจนบางครั้งฉันก็รู้สึกเหนื่อยที่ต้องมาพยายามไม่ให้ตัวเองคิดถึงเรื่องของพี่สิงห์ ถึงแม้ว่ามันจะผ่านมาแล้วสองอาทิตย์แต่ความเจ็บปวดมันไม่ได้ลดหายไปเลยสักนิดครั้งนี้ถือว่าเราทั้งคู่จบกันแล้วจริง ๆ ฉันบล็อกทุกอย่างที่พี่สิงห์จะติดต่อฉันได้ และพี่สิงห์ก็ไม่ได้มาหาฉันตั้งแต่วันนั้น ส่วนเง
ฉันค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้น ความรู้สึกมันรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งหัวเลยตอนนี้ กลิ่นยาคละคลุ้งอบอวนไปทั่ว ทำให้ฉันรับรู้ได้ทันทีว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล“นะ นั่นใคร ใครคะ...” เสียงของฉันมันแหบแห้งและเบาเเอามาก ๆเหมือนฉันมองเห็นแผ่นหลังของใครสักคนแต่มันไม่ชัดเลยมันเป็นภาพลาง ๆ พอลืมตาขึ้นมาเต็ม ๆ ตากลับไม่พบใครแล้ว ฉะ ฉันตาฝาดไปงั้นเหรอตึกตัก ตึกตัก!! เสียงหัวใจดวงน้อย ๆ ของฉันมันเต้นรัวเมื่อคิดถึงใครคนนั้น แผ่นหลังกว้างเมื่อครู่ที่เห็นมันทำให้ฉันอดคิดถึงเขาไม่ได้เลย มันเหมือนว่าเป็นเขาจริง ๆอ่า!! มันคงจะเป็นภาพในจินตนาการของฉัน ฉันอาจจะคิดถึงเขามากไป...“พริ้งง แกฟื้นแล้วเหรอ” สายธารรีบวิ่งมาหาฉัน“สายธาร แกมาได้ยังไงไม่เรียนเหรอ”“นี่มันกี่โมงแล้ว ฉันบอกแกแล้วว่าจะไปส่งเป็นไงล่ะคนเก่ง” สายธารบ่นฉันยกใหญ่ ฉันกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้องอีกครั้งให้แน่ใจว่าในนี้มีแค่สายธารคนเดียวจริง ๆ“แกเฝ้าฉันนานหรือยัง”“อื้อ สักพักใหญ่ ๆ แล้วแหละ”“แกเฝ้าฉันคนเดียวเหรอ”“อื้อใช่สิ อ้อ! พี่ม่อนก็เฝ้าด้วยแต่ไม่นานเพราะรีบไปเรียนก่อน”“พี่ม่อน?” ฉันขมวดคิ้วเป็นปมอย่างไม่เข้าใจ พี่ม่อนมาเกี่ยวอะไรด้วย“พี
— Talk Singhaหึ!! คิดว่าผมไม่รู้หรือไงว่าเมียตัวเองแอบหนีไปเที่ยว เธอคงไม่รู้ว่าผมให้ลูกน้องคอยตามดูเธอเอาไว้ ว่าแล้ว ไล่ผมมาจัง กลับไปเจอดีแน่ ๆที่เธอไม่กล้าบอกผมก็เพราะรู้ว่าบอกผมยังไงผมก็ไม่ให้ไป ผมหวง ถ้าจะไปผมต้องไปด้วย ดูท่าเพื่อนของเธอคงจะเป็นต้นคิดแน่ ๆโชคดีที่งานอีกงานที่ผมต้องไปพรุ่งนี้ถูกยกเลิก ผมเลยคิดว่าจะบินกลับไทยไปตอนนี้เลยจริง ๆ ผมก็ไม่ได้โกรธอะไรมากมาย ผมแค่ไม่ชอบให้พริ้งไปเที่ยว เพราะเวลาเธอเมามันเหมือนคนอื่นเขาซะที่ไหนกันล่ะ แต่วันนี้ลูกน้องผมบอกว่าเธอดื่มน้ำเปล่า ค่อยโล่งใจหน่อย ถ้าผมรู้ว่าเธอดื่มเหล้าคงจะหัวเสียมากกว่านี้หลังจากที่ผมแน่ใจว่าเมียผมหลับไปแล้ว ผมก็กดวางสายก่อนจะนั่งรถไปขึ้นเครื่องกลับไทยจริง ๆ ผมไม่ชอบมางานสังคมแบบนี้สักเท่าไหร่ แต่เพราะพ่อเป็นคนขอให้ผมมา จะเอาเมียมาด้วยก็ไม่ยอมมา คงเพราะมีแผน อุตส่าห์ซื้อของขวัญไว้ให้ เตรียมจะเซอร์ไพรส์ รู้แบบนี้มันน่าให้ไหมวะ เมียผมแม่งดื้อ !!!#ประเทศไทยมาถึงผมก็สั่งให้ลูกน้องเอาของที่ผมจะให้เมียมาที่คอนโด เป็นของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ได้หวือหวาอะไรมาก เมื่อคุยกับลูกน้องเสร็จผมก็รีบเดินขึ้นไปที่ห้อง รอเวลาเ
หนีเที่ยว พรุ่งนี้พี่สิงห์จะต้องไปดูงานที่ต่างประเทศ ซึ่งแน่นอนว่าฉันไปด้วยไม่ได้เพราะต้องเรียน วันนี้เขาก็เลยจะงอแงเป็นพิเศษ แถมจะเอาฉันไปด้วยให้ได้เลย “ไปแค่สองวันเอง ไม่ได้รึไง?” พี่สิงห์ยกหัวขึ้นมานอนบนหน้าตักของฉันแล้วทำหน้าอ้อน ตอนนี้เราอยู่กันในห้อง พี่สิงห์เพิ่งจะไปรับฉันกลับมาจากมหาวิทยาลัย “ก็นั่นสิคะ แค่สองวันเองนะ” ฉันย้อนคำพูดของพี่สิงห์ทันที“เดี๋ยวนี้รู้จักเถียง” พี่สิงห์มองฉันตาดุ ๆ ก่อนจะยกมือขึ้นมาหยิกแก้มของฉัน “อื้อ พี่สิงห์ ก็พริ้งบอกว่าพริ้งมีเรียนไง” ฉันจับมือพี่สิงห์ออกจากแก้มแล้วก็อธิบายเหตุผลเดิม ๆ ที่ฉันพูดไปเป็นร้อยครั้งแล้ว ให้พี่สิงห์ฟัง “ไม่อยากห่างเธอ” พี่สิงห์พูดเสียงจริงจัง“เราก็วิดีโอคอลคุยกันไงคะ ^_^”“มันเหมือนกันไหมล่ะ คอลคุยแล้วฉันได้กอดเธอไหมล่ะ” นั่นไง งอแงอีกแล้ว คนแก่นี่จริง ๆ เลยนะ “ยังไงก็ไปไม่ได้ค่ะ พี่สิงห์เข้าใจพริ้งหน่อย”“เธอใจร้ายชะมัด”“แล้วนี่เก็บกระเป๋ายังคะ?”“นี่อยากให้ฉันไปมากว่างั้น เธอมีพิรุธ !!” พูดจบพี่สิงห์ก็ลุกขึ้นมองหน้าฉันอย่างเอาเรื่อง เขามองฉันด้วยสายตาที่กำลังจ้องจะจับผิดฉันอยู่“เปล่า พริ้งแค่จะเก็บกระเป๋าให้ไ
ทะเล...ที่พี่สิงห์บอกว่าจะพาฉันมาเที่ยวทะเลน่ะ ตอนแรกฉันคิดว่าทะเลที่ไทย แต่ที่ไหนได้เขาพาฉันไปเที่ยวทะเลที่ต่างประเทศ ขึ้นเครื่องบินส่วนตัวของคุณพ่อพี่สิงห์มา และแน่นอนว่ารวยระดับพี่สิงห์ต้องเป็นเกาะส่วนตัวนี่เดี๋ยวกลับไปจากเที่ยวก็ต้องไปงานแต่งของพี่มารีต่อด้วย เรามากันแค่สองวันหนึ่งคืนเท่านั้น เพราะมีเวลาแค่นี้จริง ๆ “ไปใส่ชุดนี้หน่อย”ในขณะที่ฉันกำลังนั่งมองบรรยากาศยามเช้าที่ชิงช้าริมหาดพี่สิงห์ก็ยื่นถุงอะไรบางอย่างมาให้ฉัน แถมเขายังทำหน้าอ้อนฉันอีกด้วย “อะไรคะ?” ฉันรับถุงมาจากพี่สิงห์ก่อนจะปิดดูข้างใน เมื่อเห็นว่าของข้างในนั้นมันมีสีแดงสดฉันก็รีบปิดถุงทันที มันคือบิกินี่ที่พี่สิงห์ซื้อให้ฉัน “บะ บ้า ก็พริ้งบอกว่าไม่ใส่ไง”พี่สิงห์นี่จริง ๆ เลยนะ ฉันอุตส่าห์ตั้งใจแล้วแท้ ๆ ที่จะไม่หยิบบิกินี่มา ไม่รู้ว่าพี่สิงห์แอบเอาใส่กระเป๋ามาด้วยตั้งแต่เท่าไหร่ “อุตส่าห์ซื้อมาตั้งแพง” พี่สิงห์บ่น แต่ฉันไม่ได้บอกให้เขาซื้อให้เลยนะ พี่สิงห์น่ะอยากจะซื้อเองต่างหาก “ก็พริ้งบอกแล้วว่าไม่ต้องซื้อ”“ก็อยากให้เมียใส่ ที่นี่มีแค่ผัวเธอนะ เธอจะอายทำไม”“ก็พริ้งอายนี่นา...” ฉันทำหน้ามุ่ยตอบพี่สิงห์
เชื่อไหมคะถ้าฉันจะบอกว่าตอนนี้ฉันถูกพี่สิงห์ลากตัวมาที่ห้างสรรพสินค้า เพื่อที่จะมาเลือกซื้อชุดบิกินี่ตามที่เขาได้พูดเอาไว้ ซึ่งแน่นอนว่าฉันไม่อยากจะใส่มันเลยสักนิด“พี่สิงห์ไม่เอา พริ้งบอกแล้วไงว่าไม่อยากใส่” ฉันปัดมือพี่สิงห์ออก เพราะเขาเอาบิกินี่สีแดงสดมาทาบลงบนตัวของฉัน“เซ็กซี่ดี เอาอันนี้ แล้วสีไหนอีกดี” รับบทเป็นคนหูหนวกไปแล้วค่ะแฟนฉันตอนนี้ ฉันถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ จะทำยังไงกับเขาดีเนี่ยพูดไม่ฟังเลยพี่สิงห์หยิบชุดบิกินี่มาประมาณสามชุดได้แต่ละชุดควไม่ต้องให้พูดถึงความโป๊ของมันนะ ถ้าแบบนี้ให้ฉันแก้ผ้าเลยยังจะดีกว่า“ยิ้มหน่อยสิ ดูทำหน้าเข้า” พี่สิงห์บอกฉันหลังจากที่จ่ายเงินค่าชุดเดินออกมาจากร้านเรียบร้อยแล้ว“พี่สิงห์น่ะ บอกไม่ฟังเลย”“หิว กินอะไรดี เธออยากกินอะไร?” ค่ะ!! สุดท้ายพี่สิงห์ก็คือพี่สิงห์ ฉันควรชินได้แล้วจริง ๆ“อะไรก็ได้ค่ะ”“อะไรก็ได้ มันไม่มีขายหรอกนะ”“กวน... เหรอคะ” ฉันพูดเว้นคำมันก็แล้วแต่พี่สิงห์จะไปเติมคำในช่องว่าง“นั่นปากใช่ไหม ใครให้พูดกับคนที่อายุเยอะกว่าแบบนี้ อีกอย่างใครใช้ให้พูดกับผัวแบบนี้ ฮะ” พี่สิงห์มองฉันสายตาเกรี้ยวกราดเขายกมือขึ้นมาเท้าเอว
ภายในห้อง... เมื่อมาถึงพี่สิงห์ก็ยังงอนตุ๊บป่องอยู่ แต่ฉันต้องไปให้อาหารแมวก่อน ดูสิพอเห็นคนเดินเข้ามาในห้องนางร้องใหญ่เลย อึเอาไว้หลายกองด้วยนะ“ค้าบบ แม่กำลังจะเอาอาหารให้กินอยู่นี่ไงสิงห์” ฉันปรามแมวน้อยเพราะเอาแต่ร้องแล้วก็จะปีนกรงท่าเดียว“เหมี๊ยว เหมี๊ยว ~” ดูมันทำท่าเข้าสิน่ารักซะไม่มีหลังจากเอาอาหารให้แมวเรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาที่จะต้องมาง้อแฟน เฮ้อ!! เป็นฉันนี่มันก็เหนื่อยเหมือนกันนะ“พี่สิงห์ งอนอะไรพริ้งอีก” ฉันถามเขาแต่พี่สิงห์ก็เอาแต่นอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียงไม่สนใจฉันเลย“ทำไมคนแก่ชอบขี้งอนจัง ไม่กลัวพริ้งเบื่อเหรอคะ”“กล้าเบื่อฉันก็ลองดู !!” พี่สิงห์ละสายตาออกจากหน้าจอโทรศัพท์ เขาจ้องฉันตาเขม่งเลยตอนนี้“พริ้งแค่คุ้นหน้าผู้ชายคนนั้น เขาน่าจะแอบกิ๊ก ๆ กันกับยัยสารธาร”“อื้ม” พี่สิงห์พยักหน้าเหมือนจะเข้าใจ เขามองโทรศัพท์ในมือต่อ แต่ฉันดูออกว่าแบบนี้น่ะยังไม่หายงอนหรอกฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ จากนั้นก็คลานเข่าขึ้นไปบนเตียง นั่งคร่อมตรงช่วงสะโพกของพี่สิงห์แล้วก็มุดหน้าลงไประหว่างแขนสองข้างของพี่สิงห์ที่กำลังเล่นโทรศัพท์อยู่“พี่สิงห์ทำไมขี้งอนขนาดนี้เนี่ย” ฉันบนพึมพำบนแผงอกก
เช้าวันใหม่... ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาก่อนจะรีบดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงเพราะนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนฉันแช่ชุดนักศึกษาเอาไว้แล้วยังไม่ได้เอาไปตากเลยเพราะเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนที่พี่สิงห์อาบน้ำอยู่เมื่อเดินเข้าไปดูในห้องน้ำฉันก็ไม่เห็นชุดนักศึกษาของตัวเองแล้ว หายไปไหนกัน“พี่สิงห์ พี่สิงห์เห็นชุดที่พริ้งแช่เอาไว้เมื่อคืนไหม” ฉันเดินไปนั่งลงบนเตียงแล้วถามพี่สิงห์ที่กำลังนอนหลับอยู่พี่สิงห์ปรือตาขึ้นมามองฉันแต่แค่แป๊บเดียวเท่านั้นที่เขามองหน้า สายตาของพี่สิงห์ค่อย ๆ เลื่อนมองตรงระดับหน้าอกของฉันอย่างหื่นกามแป๊ะ!! ฉันฟาดไปที่ไหล่กว้างของพี่สิงห์แรง ๆ เพราะเขาเอาแต่บ้ากามไม่สนใจคำถามของฉันเลย“โอ้ย! เธอตีแรงไปไหมวะพริ้ง” พี่สิงห์จ้องหน้าฉันสายตาดุ ๆ เขายกมือขึ้นไปลูบตรงที่เพิ่งโดนฉันฟาดไปเมื่อกี๊“พริ้งถามน่ะ ไม่ได้ยินเหรอคะ”“เอาไปตากให้แล้ว” พี่สิงห์ตอบก่อนที่เขาจะเอาหัวของตัวเองมาวางไว้บนหน้าตักของฉัน จะว่าไปพี่สิงห์ก็น่ารักเหมือนกันนะเนี่ยมีตากผ้าให้ด้วย“ขอบคุณนะคะ ^_^”“เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็น...”“ไม่ค่ะ หยุดบ้ากามก่อนจะได้ไหม พริ้งอยากกลับห้องแล้ว แมวพริ้งไม่มีอาหารกิน”“แมวกับผัวอะไรสำคัญกว่า
ฉันดันตัวพี่สิงห์ออกเพื่อที่จะให้ตัวเองหลุดออกจากอ้อมกอดของเขา แต่พี่สิงห์กลับไม่ยอมปล่อยฉัน เขาเอาแต่จ้องไปหน้าของฉันไม่ละสายตา จนฉันต้องถอนหายใจออกมาเพราะความหนักใจกับอาการที่เหมือนเด็กของพี่สิงห์ ไม่สิ! เด็กบางคนยังพูดรู้เรื่องกว่าเขาอีกนะ“นานตรงไหนคะ แค่ไม่กี่ปีเอง”“สำหรับฉันหนึ่งเดือนก็ถือว่านานมาก” พี่สิงห์ยังคงงอแงไม่ยอมเลิก ฉันจะจัดการกับผู้ชายคนนี้ยังไงดี“เราเลิกคุยกันเรื่องนี้กันดีกว่าค่ะ”“ยังคุยไม่รู้เรื่อง” พี่สิงห์ขัดขึ้น เขาพ่นลมหายใจแรง ๆ รดใบหน้าของฉันด้วย“พริ้งรู้เรื่องแล้ว แต่พี่สิงห์น่ะไม่รู้เรื่อง” ฉันพูดด้วยอารมณ์ที่เริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้ง“ถ้าพี่สิงห์ยังพูดไม่รู้เรื่องแบบนี้งั้นคืนนี้พริ้งขอกลับไปนอนที่คอนโดนะคะ” ฉันพูดตัดปัญหาไป เพราะขืนถ้ายังคุยกันไม่รู้เรื่องแบบนี้แล้วต้องมานอนด้วยกันพี่สิงห์ก็คงต้องหยิบเรื่องหมั้นขึ้นมาพูดอีกแน่ ๆ“เธอทำไมใจร้ายแบบนี้วะพริ้ง แม่ง!!” นั่นไง!! พอไม่ได้ดั่งใจเขาก็โวยวาย ก็เขาพูดเองว่ารอได้แล้วจะมาอะไรเนี่ย งานหมั้นเชียวนะ มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยพี่สิงห์ปล่อยกอดออกจากฉันจากนั้นก็เดินหน้าบึ้งพร้อมกับกระแทกเท้ากลับไปน
พี่สิงห์มองค้อนฉัน แอบคิดในใจนะว่านี่ฉันคิดดีแล้วใช่ไหมที่ให้อภัยเขา ดูความเอาแต่ใจของเขาสิ แต่ก็นะถ้าฉันกลับคำพูดก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับฉัน “พะ พี่สิงห์ทำแบบนี้มันสกปรกนะคะ” ฉันเบิกตากว้างเพราะ จู่ ๆ พี่สิงห์ก็ถอดเสื้อตัวเองออกมาเช็ดคราบน้ำกามของเขาที่ติดอยู่บนหน้าท้องของฉันออก แล้วก็เช็ดน้ำกามที่ติดอยู่ตรงหว่างขาให้ฉันด้วย “ถ้าไม่เอาเสื้อฉันเช็ดแล้วเธอจะเอาอะไรเช็ด เสื้อเธอไหม?” พี่สิงห์เลิกคิ้วถาม ฉันเงียบไม่ได้เถียงอะไรต่อเพราะพูดไปก็คงไม่ชนะเขาหรอก ฉันลุกขึ้นแต่งตัวโดยมีพี่สิงห์จ้องมองตลอดเวลา ส่วนเขาน่ะยังไม่ลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าเลย ไม่อายเลยรึไง นี่เขาโป๊อยู่นะ ทำหน้ากวนฉันด้วยนะ“พี่สิงห์ใส่เสื้อผ้าได้แล้ว” ฉันทนมองไม่ไหวเลยต้องบอกให้พี่สิงห์ลุกขึ้นใส่เสื้อผ้า“นึกว่าเธออยากมอง” ดูเขาพูดสิ ไหนคำว่าอายไม่มีเลยจริง ๆ “บะ บ้าเหรอคะ ใครจะอยากมองกันล่ะ ไม่เห็นจะหน้ามองเลยสักนิด”“ก็เธอไง ไม่รู้ตัวเหรอว่าเธอจ้องมันอยู่”พอพี่สิงห์พูดแบบนั้นฉันถึงกับต้องรีบหันหน้าไปทางอื่นทันที ใบหน้ามันร้อนผ่าวฉัน ฉันรู้สึกได้เลยตอนนี้ “ไม่ต่อเหรอ?”“ตะ ต่ออะไรเล่า บะ บ้า สั่งให้นักบินเอาเครื
พอจบคำพูดของพี่สิงห์ฉันก็แสร้งทำเป็นหาวนอนยกมือขึ้นมาปิดปาก“พริ้งง่วงจังค่ะ อยากนอนแล้วเอาเครื่องลงได้แล้ว” ฉันพูดออกไปน้ำเสียงงัวเงียเพื่อให้มันดูสมจริงยิ่งขึ้น“ง่วง? นี่เธอล้อฉันเล่นหรือเปล่า” พี่สิงห์ขมวดคิ้วหนาเป็นปมพร้อมกับยืนเอามือท้าวเอวมองค้อนฉัน เขาดูจะไม่ค่อยเชื่อฉันสักเท่าไหร่“ง่วงจริง ๆ นะคะ ตาจะปิดแล้วเนี่ย”“งั้นเธอนอนไปเดี๋ยวทำเอง” พูดจบพี่สิงห์ก็ทำท่าเหมือนจะขึ้นมาคร่อมตัวฉัน เห็นแบบนั้นฉันรีบขยับหนีเขาทันทีพร้อมกับดึงผ้าห่มมาคลุมตัวเอาไว้ ไม่ชอบเลยที่มีเตียงนอนอยู่บนเครื่องแบบนี้ มันเข้าทางพี่สิงห์ไปหมดทุกอย่าง“ง่วงหรือไม่อยากให้ทำ?” พี่สิงห์เลิกคิ้วขึ้นเชิงถาม ตอนนี้เขาอยู่ในท่าที่มือทั้งสองข้างวางค้ำยันกับที่นอนเอาไว้พร้อมจะคลานเข่าเข้ามาหาฉันตลอดเวลา“มะ ไม่อยากทำ” ฉันเม้มปากแน่น คือแบบฉันก็ไม่รู้จะพูดยังไงอะนะ คือก็คนมันยังไม่พร้อมจะให้ทำแบบนั้นนี่นา แต่แทนที่พี่สิงห์จะเข้าใจเปล่าเลยค่ะ เขาคลานเข่าเข้ามาใกล้ฉันเรื่อย ๆ“พี่สิงห์...” มันรู้สึกร้อนวูบวาบกับสายตาแบบนี้ของเขายังไงก็ไม่รู้ มันเหมือนกับว่าพี่สิงห์กำลังสื่อบอกฉันว่ายังไงครั้งนี้เขาก็ไม่ยอมปล่อยฉันไปแ