“แก จริงดิ ทำไมหล่ะ แกอยู่กับเขาไม่มีความสุขเหรอ” แป้งถามอย่างไม่เข้าใจเพื่อนของตัวเอง
“มีสิ มีมากด้วย แต่อย่างที่ฉันเคยบอกแก ฉันยังไม่อยากให้เรื่องความรักมันเข้ามาจนทำให้ฉันเสียงาน ตั้งแต่มีเรื่องของเขาเข้ามา ฉันกลับบ้านเร็วทุกวัน ฉันรู้สึกว่าโฟกัสของงานน้อยลง เพราะต้องคอยไปโน้นไปนี้กับเขา” ฟ้าใสพยายามพูดให้เพื่อนมองในมุมของเธอ
แต่แป้งไม่เห็นด้วย
“ฟ้า ความรักที่ดีเราไม่รู้หรอกนะว่าจะมาเมื่อไหร่ และเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ถ้าปล่อยคราวนี้ผ่านไปแล้วมันจะมาอีกเมื่อไหร่ ฉันอยากให้แกคิดดีๆ ถ้าแกคิดว่าคุณกรณ์คือคนนั้นจริงๆ คือความรักดีๆ ของแกจริงๆ ฉันว่าแกไม่ควรปล่อยไปนะ” แป้งมองหน้าฟ้าใสอย่างจริงจัง เธออยากให้เพื่อนคิดๆ
“ฉันไม่รู้อะแก ฉันสับสนจริงๆ นะ แล้วเรื่องแผนอนาคตฉันหล่ะ ฉันควรทำยังไงดี”
“โอ้ย แกปรับแผนแกไม่ได้เหรอ แกต้องซีเรียสขนาดนั้นเลยเหรอ ตำแหน่งมันไม่ได้อยู่กับแกตลอดชีวิตนะ วันนึงเมื่อแกต้องเกษียณ หรือต้องเปลี่ยนงานอยู่ดี แต่ความรักดีๆ ผู้ดีๆ เขาจะอยู่กับแกชั่วชีวิตเลยนะ แกเข้าใจความสำคัญ
ปกรณ์หันไปมองหน้ามิ้นท์ เขาขมวดคิ้วขึ้นมา ไม่คาดหวังที่จะเห็นสองคนนี้ที่นี่อีก“ทั้งสองคนมาด้วยกันเหรอ” ชายหนุ่มเลิกคิ้วถามไปที่ผู้ช่วยหนุ่มของตัวเอง“ครับ” เจมส์ตอบกลับด้วยหน้านิ่งเรียบโดยยืนอยู่ข้างมิ้นท์ไม่ห่าง ปกรณ์เหลือบมองเล็กน้อย แล้วก็พยักหน้าพร้อมกับเดินไปทางห้องรับรองด้านในห้องรับรองผู้ชายวัยกลางคนกำลังนั่งก้มหน้าอยู่ด้วยสภาพเหมือนไม่ได้นอนมาทั้งคืน ขอบตาดำคล้ำ ข้างกายเป็นหญิงสาวที่หน้าตาหมองคล้ำไม่ต่างกันก้มหน้ามองมือที่วางอยู่บนโต๊ะ“ทวีค่ะ คิดว่ากรณ์เขาจะช่วยเราได้มั้ย ฉันโดนออกจากงาน คุณก็ไม่มีงานทำ หากเมียคุณฟ้องหย่าเราสองคนจริงๆ เราแย่แน่ แค่ทุกวันนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะเอาเงินที่ไหนใช้แล้ว”ทวีเงยหน้าขึ้นดวงตาฉายแววอาฆาต เม้มปากจนเป็นเส้นตรง“หากเขาไม่ช่วย แล้วเราต้องตาย มันก็ต้องตายด้วย”นีน่าตกใจเมื่อได้ยินคำพูดนั้น มองซ้ายมองขวา แล้วรีบยกมือขึ้นไปปิดปากทวี“เฮ้ย ทำอะไรเนี่ย” ทวีปัดมือไม้ของนีน่าพัลวัน“คุณนี่นะ นี่เราอยู่ที่บริษัทของ
ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงปกรณ์และเจมส์เดินเข้ามาในห้องที่สองคนรออยู่ปกรณ์ยื่นหนังสือสัญญาที่ร่างมาส่งให้กับทวี ทวีอ่านคร่าวๆ คร่าวๆ จริง จึงไม่ทันได้เห็นใจความสำคัญบางอย่างไป เมื่ออ่านเสร็จก็เงยหน้าขึ้นมองไปยังปกรณ์พร้อมยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย“สัญญามีแค่นี้เองเหรอ” มีเพียง 2 แผ่นเท่านั้น“หรือคุณทวีต้องการให้มีมากกว่านี้” ปกรณ์เลิกคิ้วขึ้นอย่างกวนๆ“เปล่าๆ เห็นเขียนแค่ว่าให้เราสองคนเลิกติดต่อกันไม่ว่าในทางใด ๆ อืมกว้างดีนะ”“แล้วต้องให้ละเอียดขนาดไหนหล่ะ หรือจะไม่เซ็น”“เซ็นสิ เซ็นเลย”ว่าแล้วทวีก็เซ็นสัญญาสองฉบับทันที ปกรณ์เป็นพยาน และจะนำไปให้วิจิตตราเซ็นอีกที เพราะนี่เป็นสัญญาระหว่างทวีกับปกรณ์“ผมจะรอฟังข่าวดีนะครับ”เมื่อพูดจบนายทวีรีบเดินออกไปจากห้องรับรองอย่างสบายใจ ไม่วายแอบเหลือบมองนีน่าแล้วยิ้มออกมาอย่างกรุ่มกริ่มส่วนนีน่าก็ยังรู้สึกสังหรณ์ใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ค่อนข้างจะเชื่อมั่นในตัวของทวี เพราะเขาเคยเป็นถึงผู้บริหารใหญ่ หารู้ไม่ที่
ฟ้าใสเมื่อได้ฟังจากตอนแรกที่ก้มหน้าเขินอายเมื่อฝ่ายชายใกล้ชิดมาก กลายเป็นรีบเงยหน้าขึ้นมองไปที่ปกรณ์ด้วยความเคือง“นายนี่มัน”ว่าแล้วก็งอนไม่มองหน้าตลอดการเดินไปจนถึงนั่งพับเพียบต่อหน้าผู้ใหญ่ทั้งสองฝั่งคุณหญิงอรพินท์เมื่อเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดก็อดไม่ได้ที่จะแอบก้มลงไปตีลูกชายตัวดีอย่างเอ็นดูในความขี้แกล้งเพราะแอบชอบหญิงสาว“แกนี่น้า ถ้าหนูฟ้ายกเลิกงานหมั้นเพราะความขี้แกล้งของแกหล่ะก็ ฉันจะไม่ยกโทษให้เลย”“โอ๊ย แม่ผมแค่แกล้งเล่นครับ”ฟ้าใสจึงได้คลายโกรธลงพร้อมกับหัวเราะคิกคัก สมน้ำหน้าร่างสูงตรงหน้าที่โดนแม่ตีเหมือนเด็กพิธีงานหมั้นวันนี้ผ่านไปด้วยดี ท่ามกลางความปิติยินดีของทั้งญาติ เพื่อน และคนรู้จักของทั้งสองฝ่ายข่าวงานหมั้นของทั้งสองคนขึ้นหน้าหนึ่ง และออกข่าวหลายช่องเพราะสถานะทางสังคมของปกรณ์@ คอนโดมิเนียมหรู ใจกลางกรุงเทพฯ“กรี๊ดดดดดด”นีน่ากรีดร้องเมื่อเห็นข่าวหมั้นของแฟนเก่าระหว่างรับชมข่าวไฮโซทางสำนักข่าวช่องหนึ่งทางโทรทัศน์ พร้อมกับปาหมอนออกไปอย่างเดื
รถพยาบาลวิ่งเข้ามา เจ้าหน้าที่จัดการพาคนไข้ขึ้นไป ปกรณ์ก็กระโดดตามขึ้นไป โดยโทรหาเจมส์ให้ไปหาลูกค้าแทนเขาเมื่อไปถึงโรงพยาบาลนีน่าถูกนำส่งไปยังห้องฉุกเฉินเพื่อไปทำการรักษา ปกรณ์รออยู่หน้าห้องฉุกเฉินอย่างกระวนกระวายใจถึงแม้ว่าเขากับนีน่าตัดขาดกันไปแล้ว แต่เมื่อเห็นเธอมาเป็นลมต่อหน้า ในฐานะเพื่อนมนุษย์ และยังเป็นคนที่เคยรู้จักก็อดไม่ได้ที่จะมีความเป็นห่วงออกมาเขาอยากรู้เหลือเกินว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ดูจากสภาพที่อิดโรยและร่องรอยฟกช้ำบนใบหน้า และทางร่างกายที่เมื่อกี้มองผ่านแวบไป ทำให้เกิดความสงสัยอย่างมากผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง หมอก็ออกมาเรียกหาญาติของนีน่า ปกรณ์รีบตรงไปหา“คุณเป็นญาติคนไข้ใช่มั้ยครับ”“ใช่ครับ”“เอ่อ เป็นอะไรกับคนไข้ครับ”“เป็นเพื่อนครับ”“เอิ่ม มีญาติใกล้ชิดกว่านี้อีกมั้ยครับ อย่างเช่นสามี พี่น้อง หรือพ่อแม่”“คุณแม่เธออยู่ต่างประเทศ คุณพ่อเธอเสียไปแล้ว เธอเป็นลูกคนเดียวครับ มีปัญหาอะไรหรือครับ”“โอเคครับ งั้นผม
ระหว่างที่ทั้งสามคนยืนคุยกันอยู่นั้น ไม่มีใครรู้เลยว่ามีคนแอบฟังอยู่หน้าประตูห้องพักเมื่อทั้งสามคนกำลังเดินเข้าห้องไป คนไข้ก็ยังไม่ฟื้น ทั้งสามจึงได้แต่นั่งรออยู่ที่โซฟาครืน ครืน ครืน“สวัสดีครับ ฟ้า เป็นไงบ้าง เสร็จงานแล้วเหรอครับ”ปกรณ์รับสายฟ้าใสแล้วเอ่ยถามเสียงเบา ไม่อยากรบกวนคนไข้“เสร็จแล้วค่ะ คุณเสร็จหรือยังค่ะ” เสียงใสจากอีกฝั่งตอบมาอย่างอารมรณ์ดี“เอ่อ คุณรอผมอีกสักพักได้มั้ยครับ ผมยังไม่เสร็จเลย”“อ้าวเหรอค่ะ นานจัง เอ หรือให้คนขับรถขับมารับฉันไปร้านอาหารดีมั้ยค่ะ เราจะได้กลับพร้อมกัน เผื่อจะได้ไปเจอลูกค้าด้วย เห็นคุณบอกว่าลูกค้าพาภรรยามาด้วย”“เอ่อ พอดีภรรยาลูกค้าไม่ได้มาด้วย แล้วที่นี่ก็มีแต่ผู้ชาย ถ้าคุณมาคุณจะไม่สนุกนะ”มิ้นท์เหล่มองพี่ชายตัวเองที่กำลังโกหกคู่หมั้นอย่างหมั่นไส้“แค้ก แค้ก แค้ก”เสียงไอของนีน่าดังขึ้น ทุกหันไปมองที่เตียงคนไข้“เสียงใครค่ะ ไหนบอกว่ามีแต่ผู้ชายแล้วทำไมมีเสียงผู้หญิงค่ะ”
“หึ หึ หึ ผมควรปล่อยคุณดีมั้ยน้า”“ปละ ปล่อยนะ เราไม่ควรใกล้กันแบบนี้นะ”ยิ่งฟ้าใสบอกให้ปล่อย ปกรณ์ก็ยิ่งโน้มหน้าเข้าใกล้เธอมากขึ้น จากที่ยกยิ้มอยู่ก็มองตาเธออย่างลึกซึ้ง“ฟ้า ทำไมคุณสวยอย่างนี้ คุณรู้ตัวมั้ย ว่าคุณสวยมาก”ฟ้าใสเมื่อได้ยินคำพูดนั้น ก็เผลอสบสายตาของชายหนุ่มอย่างจัง ทั้งสองไม่พูดอะไรมีเพียงแค่ใบหน้าที่ค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้กัน แม้กระทั่งได้สัมผัสลมหายใจของกันและกันปากหนาบรรจงจูบลงบนปากบางอย่างกระหาย จนเธอรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก จึงยกมือขึ้นตีเพื่อให้ร่างหนาปล่อย ปากหนาผละออกมาจากปากบางอย่างเสียดายเฮือก ฟ้าใสรีบกอบเอาอากาศเข้าปอดไป แล้วมองค้อนไปที่ปกรณ์“ฟ้า เราเป็นคู่หมั้นกัน ยังไงเราก็ต้องแต่งงานกันสักวัน วันนี้ผมขอได้มั้ย”“คุณแน่ใจได้ยังไงว่าเราจะได้แต่งงานกัน” ฟ้าใสพูดออกมาเสียงเบาๆปกรณ์ได้ยินก็ขมวดคิ้ว สีหน้าเริ่มมืดลง เขาผละตัวออกจากหญิงสาวไปนอนข้างๆ แทน สายตามองขึ้นไปยังเพดานอย่างเลื่อนลอย พร้อมกับถอนหายใจออกมา“คุณยังต้องก
เมื่อถึงเวลาเที่ยงซึ่งปกติ ปกรณ์จะลงมารับฟ้าใสเพื่อไปทานข้าว แต่วันนี้เลยไปเกือบสิบห้านาทีแล้วก็ยังไม่มา“เอ หรือเขาออกไปหาลูกค้าข้างนอกนะ แต่ปกติเขาจะบอกนี่นาถ้ามาไม่ได้ หรือเราควรจะโทรไปถามดี แต่ไม่ดีกว่า รออีกหน่อยแล้วกัน” ฟ้าใสคิดขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้โทรตาม เพราะกลัวจะโทรไปรบกวนเวลาของเขา เวลาผ่านไปจนถึงเที่ยงครึ่ง ปกรณ์ก็ยังไม่ติดต่อมา ฟ้าใสรอไม่ไหวเพราะเธอมีประชุมตอนบ่ายโมงครึ่งจึงลงมาทานข้าวที่ข้างล่างแทนจริงๆ ตึกของ TK กรุ๊ป จะมีโรงอาหารสำหรับพนักงานซึ่งเป็นสวัสดิการพนักงานอยู่ใต้ตึก แต่ที่ฟ้าใสไม่เคยมากิน เพราะทุกวันจะเป็นปกรณ์ที่พาฟ้าใสกับแป้งไปทานข้างนอกกัน ยกเว้นเขามีธุระข้างนอก เขาจะแจ้งให้มิ้นท์เป็นคนมาพาทั้งสองคนไปทานข้าวแทนเพียงแต่วันนี้แป้งออกไปจัดอีเวนท์ข้างนอกซึ่งฟ้าใสรู้อยู่แล้ว ส่วนเจมส์กับมิ้นท์ก็ไปทานข้าวข้างนอกเช่นกัน เพราะคิดว่าปกรณ์อยู่บริษัทและคงพาฟ้าใสไปทานข้าวแล้วจนกระทั่งฟ้าใสทานข้าวเที่ยงเสร็จ กำลังเดินผ่านโถงบริษัทที่ชั้นหนึ่งก็เจอกับเจมส์และมิ้นท์ที่เพิ่งกลับมา“อ้าว พี่ฟ้าใสกลับมาแล้วหรือค่ะ วันนี
ปกรณ์เมื่อเห็นนีน่าฟื้นขึ้นมาแล้วก็รีบเดินไปที่เตียงคนไข้ หญิงสาวบนเตียงเมื่อเห็นดังนั้นจึงเอื้อมมือออกไปเพื่อที่จะจับมือชายหนุ่ม แต่ฝ่ายชายแค่เดินเข้ามากดปุ่มเรียกพยาบาลเท่านั้น โดยทำเป็นไม่เห็นมือบางที่ยื่นออกมานั่นแม้แต่น้อยเมื่อกดเสร็จร่างสูงก็แค่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้เยี่ยมไข้ข้างเตียงแล้วเอามือขึ้นกอดอกพร้อมทั้งมองไปบนร่างบางอย่างเฉยเมย“ทำไมคุณต้องทำร้ายตัวเองแบบนี้ คุณรู้มั้ยว่ามันอันตรายแค่ไหน หากคุณไข้สูงจนช็อกไปจะทำยังไง” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูหงุดหงิดเมื่อมือที่ยื่นออกไปจับได้แต่อากาศ หญิงสาวก็น้อยใจแล้ว พอมาเจอน้ำเสียงหงุดหงิดที่ต่อว่ามา ก็ทำให้ความน้อยใจในโชคชะตาของตัวเองขึ้นถึงขีดสุด จึงระเบิดออกมาทั้งน้ำตา“ก็ปล่อยให้มันตายๆ ไปไงค่ะ คุณจะมาสนใจนีทำไม ยังไงคุณก็ไม่ยกโทษให้นีอยู่แล้วนิ นีมันสมควรตาย คุณก็ปล่อยให้นีตายไปเถอะ ฮือ ฮือ ฮือ”หญิงสาวร้องไห้ตัวโยนอย่างน่าสงสารปกรณ์เมื่อได้ยินนั้น ก็ไม่รู้ว่าต้องรู้สึกยังไง สงสารหรือแค้น เขาถึงได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างหนัก“ผมบอกแล้วไงว่า
“ทำอะไรกันนะ”เสียงทุ้มดังขึ้นมา ทำให้ทั้งสองสะดุ้งทันที ฟ้าใสหันมาเจอกับปกรณ์ที่มีสีหน้าทะมึงถึงพร้อมกับสายตาของเขาที่จ้องไปที่มือทั้งสองที่ยังคงจับกันอยู่ ในขณะที่พีทก้มหัวทักทายปกรณ์เล็กน้อย แต่เมื่อมองตามสายตาของปกรณ์ไปก็ตกใจรีบปล่อยมือตัวเองออกจากแฟนสาวของท่านประธานทันที“ตกใจหมดเลยกรณ์ ทำไมต้องเสียงดังด้วย เบาหน่อยสิค่ะ เดี๋ยวเรื่องก็แตกหรอก” ฟ้าใสบ่นไปยังแฟนตัวเอง แล้วยกนิ้วชี้ปิดที่ปากของตัวเอง พร้อมกับส่งเสียง จุ๊ ๆ พลางมองซ้ายมองขวา เมื่อไม่เห็นออยออกมาจากห้องก็ถอนหายใจออกมา แล้วหันไปทำตางอนๆ ใส่แฟนตัวเอง“ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนี้ แล้วนี่ทำอะไรกัน ทำไมมาอยู่กันสองคน พร้อมจับไม้จับมือกันอยู่ ไม่อยากให้คนเข้าใจผิดก็ไม่ควรทำ” ปกรณ์เอ่ยออกมาอย่างตำหนิ น่าหยิกแฟนตัวเองดีนัก“ขอโทษครับ พอดีผมตื่นเต้นและดีใจเกินไปหน่อย” พีทขอโทษออกมาอย่างรู้สึกผิดที่ทำให้ทั้งสองคนตรงหน้ากำลังเข้าใจผิดซึ่งกันและกันปกรณ์เหลือบมองฝ่ายชายอย่างไม่ค่อยใส่ใจ ถึงแม้เขาพอจะรู้แล้วว่าเพื่อนคนนี้ของแฟนสาวมีแฟนอยู่แล้ว แต่ก็เคยช
“ฟ้ารู้ใช่มั้ยว่าพีทรักฟ้า” พีทไม่ตอบคำถามหญิงสาว แต่กลับถามกลับไปแทน“ฟ้าไม่รู้ เพิ่งรู้วันนั้นแหล่ะ แต่วันนี้ฟ้าจะพูดให้ชัด ฟ้าไม่ได้มองพีทเป็นอย่างอื่น นอกจากเพื่อน” เสียงหญิงสาวอ่อนลงแต่หนักแน่นเพื่อให้เพื่อนของตัวเองรู้ว่ายังไงเธอก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจแน่นอน“หึหึ พีทรู้อยู่แล้วหล่ะ พีทผิดเองที่พึ่งรู้ใจตัวเอง เมื่อมันสายไป แต่เราสองคนยังเป็นเพื่อนกันได้ใช่มั้ย” พีทหันไปจ้องที่หญิงสาวที่ตัวเองหลงรักมานานหลายปี“ได้สิ ถ้าพีทไม่คิดกับเราเกินเพื่อนเราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้เหมือนเดิม” ฟ้าใสยิ้มบางๆ ให้กับคนตรงหน้า“อืม” พีทฝีนยิ้มออกมา เขาต้องทำให้ได้เพราะตอนนี้เขามีอีกสองชีวิตที่ต้องรับผิดชอบ“แล้วออยหล่ะ พีทจะทำยังไง” ฟ้าใสถามออกมาอีกครั้ง“พีทจะรับผิดชอบออยกับลูก พีทว่าพีทก็เริ่ม...” พีทยังพูดไม่ทันจบก็มีเสียงแหบแห้งพูดออกมา“ไม่ต้อง ไม่ต้องมารับผิดชอบอะไรทั้งนั้น เราไม่ใช่ตัวสำรองของใคร” เสียงออยดังขึ้นมา จริงๆ แล้วหญิงสาวรู้สึกตัวตั้งแต่ไ
“แล้วแกไม่โกรธมันเหรอ” ออยถามหยั่งเชิงนิดๆ อยากรู้ว่าเพื่อนรักรู้สึกอะไรกับนายนั่นหรือเปล่า“อืม จะพูดยังไงดีหล่ะ รู้นะว่ามันเมา มันไม่ได้ตั้งใจ แต่แค่ไม่คิดว่ามันจะคิดกับฉันแบบนั้น”“แกไม่ได้รู้สึกอะไรกับมันเลยเหรอ” ออยถามเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง“ไม่ได้คิดอะไรเลย คิดเป็นแค่เพื่อนเท่านั้น อีกอย่าง...”“อีกอย่างอะไร” เสียงอยากรู้ออกมาทันที จนฟ้าใสนึกเอ็นดูเพื่อน“อีกอย่างตอนนี้ฉันกับคุณกรณ์ก็ตกลงเป็นแฟนกันอย่างเป็นทางการแล้ว”“หา! ตั้งแต่เมื่อไหร่ เขายอมบอกรักแกแล้วเหรอ”“อืม เมื่ออาทิตย์ที่แล้วหล่ะ” ฟ้าใสตอบไปด้วยมีริ้วแดงขึ้นบนหน้าไปด้วย แสดงออกถึงความเขินอายเล็กน้อย“เฮ้ย ยินดีด้วยนะ” ออยจับมือฟ้าใสขึ้นมาแล้วยิ้มออกมาอย่างจริงใจ“ว่าแต่แกยังไม่บอกเลย ว่าโกรธอะไรกับมัน”“เอ่อ มีเรื่องทะเลาะกับมันนิดหน่อย ตอนนี้ยังไม่อยากคุยกับมัน ฟ้าอย่าสนใจเลย เดี๋ยวพออะไรๆ ดีขึ้น เรากับมันก็คุยกันเ
“ฟ้า ทบทวนเรื่องของเราสองคนอีกรอบได้มั้ย”ฟ้าใสหันไปมองหน้าชายหนุ่มอย่างงุนงง ทบทวนอะไรเหรอ“ทบทวนเรื่องความรู้สึกของเราสองคนไงหล่ะ เหตุการณ์เมื่อคืนทำให้กรณ์ไม่อยากรอถึงสองปีแล้ว ถ้าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับฟ้า กรณ์คงอยู่ไม่ได้แน่ๆ กรณ์อยากจะสามารถปกป้องฟ้าได้อย่างเต็มที่ ฟ้าเป็นแฟนกับกรณ์นะ”พูดจบก็ยิ่งกระชับไหล่ที่โอบไว้แน่นขึ้นร่างบางเมื่อได้ยินร่างสูงพูดความในใจออกมาก็เข้าใจสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อ หากเมื่อคืน เธอโดนพีทล่วงเกิน แม้จะแค่จูบ เธอก็คงจะรู้สึกกับเขาเช่นกันตอนนี้เธอค่อนข้างจะมั่นใจตัวเองแล้วว่าเธอรักเขามากจริงๆ แต่เขาหล่ะ“กรณ์แน่ใจแล้วเหรอว่า กรณ์รักฟ้า ไม่ใช่แค่ความใกล้ชิด”ร่างหนาพยักหน้าอย่างแรงจนเธอนึกเอ็นดู“จริง ตอนนี้กรณ์รู้ใจตัวเองแล้ว ว่ากรณ์รักฟ้า กรณ์ไม่อาจเสียฟ้าไปได้ เราแต่งงานกันนะฟ้า”เพี๊ยะ เสียงตีดังขึ้น พร้อมกับรอยแดงที่แขน แต่แปลก หน้าคนตีก็แดงด้วย“เร็วไปแล้วค่ะ เป็นแฟนกันก่อนก็พอ”“อ้าวเหรอ ก็อยากข้ามขั้นอ
“มึง ไอ้พีท”พีทโดนกระชากออกจากตัวฟ้าใสทันที ปกรณ์ตามเข้าไปต่อยชายหนุ่มที่บังอาจทำกับคนของเขาแบบนั้น ส่วนฟ้าใสก็ตัวสั่นอยู่ภายในอ้อมกอดของแป้ง โดยมีมิ้นท์ยืนอยู่ข้างๆออยวิ่งเข้ามาดูเป็นคนสุดท้ายเพราะออกไปรับโทรศัพท์ที่ระเบียงมา เมื่อเห็นเพื่อนโดนปกรณ์ทั้งต่อย ทั้งเตะ และมองไปเห็นฟ้าใสตัวสั่นด้วยความกลัว ก็พอจะเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นออยเดินเข้าไปหาฟ้าใสแล้วถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง“ฟ้า เป็นยังไงบ้าง เกิดอะไรขึ้น”เหมือนฟ้าจะได้สติขึ้นมา จึงรีบเดินเข้าไปจับมือปกรณ์ที่กำลังง้างเพื่อต่อยเขาอีก“พอเถอะกรณ์ พีทไม่ได้ตั้งใจหรอก เขาเมาหนะ” ฟ้าพูดด้วยเสียงที่สั่นเทาปกรณ์หันหน้ามาหาหญิงสาวแล้วโอบกอดเธอไว้ พร้อมมองไปที่ร่างของชายหนุ่มที่นอนกองอยู่กับพื้น ไม่ถึงกับสลบแต่ก็น่าหายเมาพอสมควร“ยังจะไปแก้ตัวแทนมันอีก” ปกรณ์ดันหัวฟ้าเข้าหาตัวเอง แล้วพูดออกมาด้วยเสียงสั่นเช่นกัน เขาคิดไม่ออกว่าถ้าหญิงสาวเป็นอะไรไป เขาจะทำยังไงพีทเมื่อเริ่มได้สติ หันไปเห็นคนที่ตัวเองแอบรักมาหลายปี มีอา
ฟ้าใสรีบเดินออกมาจากห้องครัวอย่างเร็วเพื่อเดินไปเปิดประตูทันทีแกร๊ก“สวัสดีพี่ฟ้าใส” เสียงใสดังขึ้นหน้าประตูทันที“สวัสดีจ๊ะ น้องมิ้นท์ คุณเจมส์” ฟ้าใสยิ้มทักทายทั้งสองคนมิ้นท์ชูของขวัญให้กับว่าที่พี่สะใภ้ หันไปส่งให้เจมส์เป็นคนถือ จากนั้น ก็รีบควงแขนพี่สะใภ้คนโปรดเข้าไปในห้องทันที“อ้าวสวัสดีค่ะ พี่กรณ์ และก็พี่ๆ ทุกคนค่ะ”มิ้นท์ทักทายทุกคนอย่างไม่ถือตัว“เอาหละค่ะ ในเมื่อทุกคนมากันครบแล้ว งั้นเราเริ่มตั้งหม้อเลยมั้ย” ฟ้าใสยิ้มบอกกับทุกคน“เย้ เอาเลย หิวแล้ว” ทุกคนเอ่ยพร้อมกันฟ้าใสรีบเข้าไปในครัวเพื่อจัดการเทน้ำซุปที่ต้มไว้แล้ว เมื่อกำลังจะยก ปกรณ์รีบมาช่วยยกแทนหญิงสาวเอง แต่ก่อนเดินออกไปก็แอบหอมแก้มร่างบางตอนเผลอแล้ววิ่งออกไปทันทีฟ้าใสยืนจับแก้มตัวเอง แต่ก็แอบอมยิ้มเขินๆ ไปด้วยปกรณ์เมื่อยกเตาชาบูมาวางบนโต๊ะกินข้าว ก็เดินเข้าไปเตะขาเพื่อนสนิท กับมือขวาตัวเอง ที่นั่งอยู่บนโซฟาเล่นโทรศัพท์อยู่“เฮ้ย อยากกินก็ไปช่วยกันดิ”
เมื่อเข้ามาที่โต๊ะอาหาร ก็เห็นอาหารวางอยู่บนโต๊ะหลายอย่าง“อ๋อ ที่ทำเป็นงอนกลับห้องเนี่ย แอบไปสั่งอาหารเนี่ยเอง กลิ่นหอมจัง” ฟ้าใสยิ้มตาหยี ถูมือไปมา อยากกระโจนเข้าหาอาหารเต็มที่แล้ว เข้าเช้ามีแค่โจ๊กรองท้องไปเอง“หิวก็กินสิ ผมไม่ใช่คนใจร้ายแบบใครบางคนหรอก เวลาผมทำอะไรก็คิดถึงฟ้าตลอดแหละ” ว่าแล้วก็เดินหน้าตึงไปนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามทันที พร้อมกับยื่นอาหารซึ่งเป็นของโปรดของฟ้าใสออกมาฟ้าใสยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี ก็เลยเดินเข้าไปยืนใกล้ๆ ร่างสูงปกรณ์เงยมองฟ้าใส ยกคิ้วขึ้นอย่างสงสัยว่ามายืนทำอะไรยังไม่ทันได้ตั้งตัว ฟ้าใสก็ก้มลงหอมแก้มชายหนุ่มไปหนึ่งฟอดทันที แล้วรีบเดินกลับไปนั่งลงตรงเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม พร้อมทั้งกับดึงอาหารจานโปรดมากินอย่างตั้งอกตั้งใจ แต่ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่าหูกับแก้มมีสีแดงเรื่อๆ ออกมาเล็กน้อยส่วนปกรณ์เมื่อรู้ว่าโดนจู่โจม ก็ยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดีทันที แล้วนั่งทานข้าวอย่างมีความสุขเมื่อทานกันเสร็จแล้ว ปกรณ์ก็เลยอาสาเดินไปกับถือของให้กับฟ้าใสเพื่อเตรียมสำหรับงานเลี้ยงคืนนี้เมื่อซื้อของเสร
ฟ้าหันหาเพื่อนทันที ทำหน้างงๆ“ใครนะ พีทนะเหรอ ฮ่าฮ่าฮ่า ออยคิดอะไรเนี่ย”เมื่อได้ยินที่เพื่อนรักถามออกมา ก็หัวเราะออกมาอย่างหนัก“ขำอะไรอะ ก็เห็นนายนั่นเข้ามาหาแกมากขึ้น เห็นหลายๆ คนเริ่มพูดถึงเรื่องนี้กันด้วย ก็เลยมาถามแกก่อนไง ว่าแต่ไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่อะ”ออยมีสีหน้าอยากรู้อยากเห็นมากจริงๆ ฟ้าใสมองอย่างนั้นก็อมยิ้ม ส่ายหัวไปมา“ไม่มีอะไรหรอก จำไม่ได้เหรอ เมื่ออาทิตย์ก่อนที่ฉันขอไปนอนห้องแกแล้วแกไม่อยู่ห้อง หลังจากนั้นแกก็เอาเบอร์พีทมาให้ไงหล่ะ”“อ๋อ จำได้แล้ว และสรุปวันนั้นแกไปนอนที่ไหนอะ พีทมันหาที่ให้แกนอนเหรอ”ฟ้าใสนิ่งสักพักก่อนจะพยักหน้า ไม่แน่ใจว่าควรจะบอกเพื่อนดีมั้ย ว่าไปนอนห้องชายหนุ่มแต่นึกถึงที่เพื่อนไม่อยู่ห้องก็ยังอุตส่าห์พยายามหาคนมาช่วยเหลือก็เลยยอมเล่าความจริงให้เพื่อนฟัง“อืม นอนห้องมันหนะ”ออยพยักหน้าแล้วยิ้ม แต่พอนึกได้ว่าเพิ่งได้ยินอะไรก็ทำหน้าตกใจ รีบถามเพื่อนเสียงดังอีกครั้ง“อะไรนะ แกว่าแกไปนอนห้องพีทเหรอ&rdqu
“คุณกรณ์” เสียงฟ้าใสตะโกนขึ้นมาอย่างเหลืออด อะไรจะงี่เง่าขนาดนี้เนี่ย“ไม่เป็นไรฟ้า คุณกรณ์คงไม่ได้ตั้งใจ” พีทเอ่ยออกมาอย่างอ่อนโยน“หึ หึ ปกติเห็นแต่ผู้หญิงที่จะทำตัวเสแสร้งแกล้งเป็นคนดี นึกไม่ถึงว่าผู้ชายก็ทำเป็นด้วย”ปกรณ์เอ่ยออกมาอย่างประชดประชันพีทหันมามองหน้าปกรณ์ แล้วยิ้มเยาะออกมา เขาไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับคำพูดของปกรณ์แม้แต่น้อยผิดกับฟ้าใส ที่รู้สึกว่าวันนี้คู่หมั้นหนุ่มไปกินยาอะไรผิดสำแดงหรือเปล่า ทำไมดูหงุดหงิดแปลกๆ“เอาล่ะ ตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว ถ้าพีทไม่เป็นอะไรแล้ว เราขอตัวกลับก่อนนะ ขอบใจมากนะที่ช่วยเหลือเรา ไว้ไปทานข้าวเที่ยงกันนะ เราเลี้ยงเอง”ฟ้าใสตัดบท เพราะเริ่มรู้สึกปวดหัว ตุบๆ กับทั้งสองคนนี้พีทพยักหน้ารับ “โชคดีฟ้า จำไว้ ถ้ามีปัญหาอะไรเราพร้อมเป็นที่ปรึกษาให้ฟ้าเสมอ”พูดจบก็ยิ้มออกมาอย่างมีเสน่ห์ ไม่วายเหลือบไปยิ้มเหยียดให้กับปกรณ์ที่ยืนถือกระเป๋ามือสั่นอยู่ไม่ไกลฟ้าใสเดินไปขึ้นรถกับปกรณ์ด้วยใบหน้าบูดบึ้ง ส่วนชายหนุ่มนั้น รู้ตัวว่า