ร่างบางระหงกำลังนั่งดีดลูกคิดไปมาในศาลากลางน้ำ ทำบัญชีไปก็ถอนหายใจไป เกือบปีแล้วที่น้องสามแต่งเข้าจวนเยี่ยอ๋อง อยากถามหาข่าวคราวก็ยากนัก ควรไปเยี่ยมสักครั้งดีหรือไม่
"นั่งคิดอะไรอยู่ หรือสงสารนักเด็กปัญญาอ่อนนั่นอีกแล้ว หึจางหย่งเล่อ เจ้าควรรู้ว่าต้องวางตัวเช่นไร" จางซิ่วเอ๋อร์เดินมาเห็นจางหย่งเล่อถอนหายใจก็เปิดปากทันที
"พี่ใหญ่ข้าว่าที่ท่านไม่กล้าแต่งกับเยี่ยอ๋องคงเพราะห้ามวาจาความคิดที่ชั่วร้ายของตนเองไม่ได้ กลัวจะไปเป็นอาหารปลาในสระตำหนักเหมยฮวากระมังจึงส่งฉีเอ๋อร์ไปลำบากแทนท่าน"
จางหย่งเล่อไม่ชอบบุตรสาวลุงใหญ่คนนี้ นิสัยน่ารังเกียจชอบยกตนข่มคนอื่น ท่านย่าก็เข้าข้างลุงใหญ่เสมอ แค่รองเจ้ากรมเล็กๆทำยังกับเป็นเสนาบดีใหญ่โต อวดใครกัน
"หย่งเล่อ วาจาเช่นนี้ใช่ควรที่จะกล่าวกับพี่สาวหรอกหรือ ข้าว่าถึงเวลาควรหาบ้านสามีให้เจ้าสักที"
ฮูหยินผู้เฒ่าเดินผ่านมาได้ยินพอดีจึงต่อว่าหลานสาวคนรองทันที จางหย่งเล่อมองหน้าท่านย่าเห็นสายตาเยาะเย้ยของจางซิ่วเอ๋อร์ก็มงบนหนึ่งทีก่อนจะเอ่ย
"เดิมทีปู่ทวดเป็นราชครูอดีตฮ่องเต้ตอนนี้ท่านปู่เป็นแม่ทัพใหญ่อยู่ชายแดน พวกท่านอยู่เมืองหลวงทำตัวเป็นตัวตลกให้น้อยลงหน่อยเถิด สามีประทานของท่านย่าข้าไม่อยากได้นักหรอก น้องสามแต่งงานแทนพี่ใหญ่ไปแล้วหรือจะให้ข้าไปคัดเลือกสนมแทนพี่ใหญ่อีกครั้ง ตบหน้าเชื้อพระวงศ์ครั้งแล้วครั้งเล่าคิดว่าพวกท่านมีกี่หัวให้ตัดกัน อยากเห็นสกุลจางสูญสลายจริงๆหรือ หลานขอตัวนะเจ้าคะต้องไปเก็บค่าเช่าร้านมาอุดหนุนรูรั่วของพวกพิการงานการไม่ทำแต่รู้จักใช้เงิน"
จางหย่งเล่อจากไปแล้วฮูหยินผู้เฒ่าหอบหายใจโมโหจะตายอยู่แล้ว นังเด็กนี่เป็นความภูมิใจของท่านโหวผู้เฒ่าเรื่องแต่งงานนางไม่มีสิทธิ์ยื่นมือ แค่ข่มขู่นางนิดหน่อยกลับตอกหน้ากลับมาเสียคำโต สะใภ้รองสั่งสอนลูกดีจริงๆ
"ไปตามสะใภ้รองมาสิข้าอยากรู้นางเลี้ยงลูกสาวเช่นไร"
ซูซย่าจื่อนั่งลงหลังตั้งตรงมีความสงบนิ่งแม้แต่ฮูหยินผู้เฒ่ายังแอบหวิ่นนิดๆ นางเป็นบุตรสาวคหบดีร่ำรวยแต่งงานกับคุณชายรองจางต้าหนิงมีบุตรสาวด้วยกันคือจางหย่งเล่อ สามีไปทำการค้าข้างนอกส่วนนางดูแลร้านค้าในเมืองหลวง ไม่ชอบสนใจเรื่องในบ้าน แต่บางครั้งก็รำคาญแม่สามีคนนี้ยิ่งนัก สะใภ้ใหญ่เป็นหลานสาวฝั่งนางจึงเอ็นดูมากกว่าคนอื่น
"ท่านแม่ก็เรียกสะใภ้มาไม่ทราบว่ามีเรื่องอันใดเจ้าคะ"
"เหอะ สะใภ้รองข้าว่าถึงเวลาพูดคุยเรื่องแต่งงานของหย่งเล่อได้แล้วกระมัง ข้ามีหลานชายคนหนึ่งเพิ่งจะสอบได้จี่เหรินปีหน้าอาจเลื่อนขั้นเป็นทั่นฮวา หน้าตาก็ใช้ได้เหมาะสมกับหย่งเล่อที่สุด ข้าจะหาวันมงคลแลกป้ายวันเกิดพวกเขาเจ้าว่าอย่างไร"
ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยถาม หากนางจัดการเองสามีต้องไม่พอใจเช่นนั้นก็ให้สะใภ้รองเป็นคนจัดการเถอะ นางเป็นแม่สามีอย่างไรสะใภ้รองก็ต้องเชื่อฟัง
"ท่านแม่ หลานชายท่านอายุยี่สิบห้าเพิ่งสอบได้จี่เหริน บุตรสาวข้าอายุสิบเจ็ดเดือนนึงหาเงินได้ไม่ต่ำกว่าห้าหมื่นตำลึง จะให้นางไปเลี้ยงดูบัณฑิตยากจนคนหนึ่งคงไม่คุ้ม "
"สะใภ้รองเจ้าพูดอีกทีสิ นี่กำลังดูถูกบ้านเดิมข้าใช่หรือไม่"
"นั่นสิเจ้าคะอาสะใภ้ วาจาท่านกล่าวเช่นนี้เหมือนตระกูลท่านย่าหวังมาเกาะพวกท่านกิน ควรกล่าวหรือเจ้าคะ"จางซิ่วเอ๋อร์ออกตัวแทนฮูหยินเฒ่า ซูซยาจื่อลุกขึ้นย่อกายเอ่ยลา
"สะใภ้มีงานมากขอตัวก่อนนะเจ้าคะ เรื่องแต่งงานหย่งเล่อท่านพี่ไม่อยู่หากท่านแม่รีบร้อน ข้าจะส่งจดหมายหาท่านพ่อที่ชายแดน ถึงแม้พี่ใหญ่จะดูแลจวนแต่อย่าลืมขุนนางเล็กๆคนหนึ่งยังต้องพึ่งสมบัติและการค้าจากบ้านรองข้า เหตุใดท่านพ่อสามีมิให้ท่านถือกุญแจคลังสมบัติท่านคงรู้แก่ใจดี หย่งเล่อพูดถูกพวกท่านอยู่บ้านทำตัวให้ตลกน้อยลงเถอะ"
สองย่าหลานทำอะไรไม่ได้จึงได้แต่ฮึดฮัด
"ท่านย่ารอถึงวันคัดเลือกพระสนม หากข้าปรนนิบัติฮ่องเต้ได้และหากข้าตั้งครรภ์ ถึงเวลานั้นได้เลื่อนเป็นกุ้ยเฟยหรืออาจเป็นฮองเฮา จะบีบพวกนางเช่นไรก็ได้เจ้าค่ะ อย่าโมโหเลยนะเจ้าคะ"
"ซิ่วเอ๋อร์ต้องพึ่งเจ้าแล้ว"
ฮูหยินผู้เฒ่าลูบมือหลานสาวอย่างยินดี
รถม้าวิ่งมากลางทางจางหย่งเล่อถอนหายใจก่อนจะสั่งคนสนิท
"ลุงจูไปตำหนักเหมยฮวาหน่อย ข้าอยากรู้ว่าฉีเอ๋อร์สบายดีหรือไม่ ต่อให้นางสติไม่ดีแต่ก็เป็นสายเลือดสกุลจาง เยี่ยอ๋องคงจะไว้หน้าท่านปู่บ้าง"
"คุณหนู แต่เรื่องเปลี่ยนตัวคนกระทบไม่น้อยนะขอรับ แม้ว่าจะไม่ได้กระเทือนวังหลวงแต่นี่ก็เป็นการตบหน้าฝ่าบาทอย่างหนึ่งนะขอรับ"
"หึ ทุกวันนี้ไปทำงานแทบจะไม่มีใครอยากคบหา ลุงใหญ่ไม่รู้ตัวจริงหรือว่าทำอะไรลงไป ยังกล้าส่งพี่ใหญ่เข้าคัดเลือกสนมอีก ไปเถอะเข้าได้ไม่ได้ก็ไปก่อนถึงจะรู้"
รถม้ามาถึงหน้าตำหนักจางต้าจูลงไปแจ้งว่าขอพบคุณหนูจางซูฉีกลับถูกถ่มน้ำลายใส่แล้วปิดประตูใส่หน้าอีกด้วยเขาจึงเดินกลับมา
จางหย่งเล่อยืนรออยู่ เห็นสีหน้าลุงจูก็รู้แล้วว่าพวกเขาไม่ให้พบ
"พูดอะไรบ้างไหมน้องสามเป็นอย่างไรบ้าง พวกเขาไม่ให้พบเลยหรือ"
"ไม่พูดขอรับสายตารังเกียจยิ่งนัก คุณหนูเรื่องที่นายท่านใหญ่ทำไม่เล็กนะขอรับ เยี่ยอ๋องเป็นถึงมหาอุปราชมีอำนาจรองเพียงแค่ฮ่องเต้การเปลี่ยนตัวครั้งนี้หากไม่ใช่เพราะชายแดนไม่สงบนายท่านรั้งอยู่ชายแดนสกุลจางคงไม่เหลือแล้ว"
ลุงโจวกล่าวแก่นางจางหย่งเล่อทำได้แึ่ถอนหายใจ
จางหย่งเล่อถอนหายใจกำลังจะกลับขึ้นรถม้า พอดีกับรถม้าอีกคันมาจอดเทียบ คนในรถเลิกผ้าม่านขึ้นก็เห็นอักษรจางจึงเหยียดมุมปาก"สกุลจางนี่ช่างใจกล้านัก ลักขื่อเปลี่ยนเสาไม่เท่าไหร่ ตอนนี้ยังกล้าส่งคนที่บ้านคัดเลือกสนมอีกครั้ง ดูท่าทะเยอทะยานไม่น้อยจะเป็นทั้งสะใภ้ใหญ่สะใภ้รองของราชวงศ์ให้ได้กระมัง"บุรุษรูปงามเปิดม่านออกมาก่อนจะเอ่ยวาจาถากถาง เขาคือหนานกงมั่วบุตรชายเสียนอ๋องซึ่งเป็นเสด็จอาของฮ่องเต้ วันนี้มาหาพี่ชายพอดี พอเห็นรถม้าสกุลจางจอดอยู่จึงอดไม่ได้ที่จะหยุดรถ จางหย่งเล่อเกลียดบุรุษผู้นี้แต่จำต้องคารวะทักทาย"หย่งเล่อคารวะซื่อจื่อเจ้าค่ะ หมดธุระแล้วข้าน้อยขอตัวนะเจ้าคะ""ทำไมข้าพูดผิดหรือคุณหนูรองจาง ข้าว่าจางป๋อเหวินท่านลุงของเจ้าไม่เลวเลยนะ ส่งหลานสาวปัญญาอ่อนมาให้แต่งงานกับพี่ชายข้าแทนบุตรสาวตนเอง ใช้ข้ออ้างว่านางป่วย แต่มาตอนนี้กลับจะส่งคนป่วยเข้าคัดเลือกสนมถือว่าสกุลจางของเจ้าใจกล้าไม่น้อยเชียว"หนานกงมั่วเยาะเย้ยถากถาง จางหย่งเล่อทำได้แค่อดทน หากนางปะทะกับเขาน้องสามอยู่ในตำหนักเหมยฮวาอาจยิ่งลำบาก หนานกงมั่วจิตใจคับแคบ มักหาโอกาสช่วงชิงการค้ากับนางเสมอทำตัวเป็นคู่แค้น ตั้งแต่มีปัญ
ตอนนี้สายตาของจางหย่งเล่อจดจ่ออยู่ที่หนังสือในมือนี่มัน จางหย่งเล่อหน้าแดงเป็นผลผิงกั๋วยามสุกงอม เนื้อหาในหนังสือนั้นช่างเร่าร้อนรุนแรง ภาพประกอบก็ช่างวาดได้ถึงใจจริงๆ"ซือหมิงเจ้าจะบอกว่านี่คือฝีมือน้องสามของข้าหรือ อีกทั้งนางถูกเอาไปไว้เรือนอนุเหวินผู้นั้นจริงๆหรือ""อืม นางหายปัญญาอ่อนแล้ว ดูเหมือนหลี่ม่านม่านคนนั้นอยากให้นางตายจึงผลักตกสระบัว ใครจะรู้ว่านางกลับหายสติไม่ดีเสียงั้น แต่ดันปรากฏตัวผิดเวลาดันปรากฏตัววันที่เยี่ยอ๋องนัดประชุมราชการที่จวน พระชายาฟั่นเฟือนออกมาเพ่นพ่านสร้างความตลกขบขันขนาดไหนเจ้าไม่รู้หรอก ต่อหน้าไม่กล้าวิจารณ์แต่ลับหลังเล่า ฉีเอ๋อร์น้องสาวเจ้าเลยโชคร้ายถูกหิ้วไปโยนเรือนร้างคงกะให้อดตายไปเอง ดีที่นางหายแล้วไม่เช่นนั้นคงอดตายจริงๆ"ฟางซือหมิงอธิบาย จางหย่งเล่อน้ำตาซึมช่างเถอะอยู่ไกลดาวมัจจุราชนั่นก็ดี เยี่ยอ๋องนึกจะโยนใครก็โยนไม่สนหน้าไหนทั้งนั้น" แม้แต่ฮ่องเต้ยังต้องไว้หน้าน้องชายคนนี้ ฉีเอ๋อร์สามารถออกมาใช้ชีวิตข้างนอกได้ก็นับว่าดี ซือหมิงหนังสือนี้ต้องระวังนะเนื้อหาอ่านไปเล่มท้ายๆเกี่ยวโยงทั้งเยี่ยอ๋องกับฝ่าบาท ยิ่งสวีไค่เฉิงกับหลี่หมิงหลงนั้นสองตระกูลน
จางซูฉีกำลังพรวนดินแปลงผักเริ่มเพราะเมล็ดน้ำในมิติคือดีตามที่นิยายชอบอวยจริงๆ แช่แค่คืนเดียวงอกหน่ออ่อนมาแล้ว แอบผสมน้ำในมิติกับน้ำในลำธารรดแปลงผักทุกวันไม่นานคงได้กินพรุ่งนี้นางอยากขึ้นเขาอยากหาเครื่องเทศมาปลูกไว้บริเวณบ้านกับปลูกในมิติ ขอบ่อยๆไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะหมด รออีกสักสิบวันค่อยไปร้านหนังสือ มาดูว่านิยายของนางไปถึงไหนแล้วหลินผู่เย่วมาหา กำลังทำขนมไปไหว้สุสานเสิ่นฮูหยินมารดาของนางมีเจียวฟางซินค่อยช่วย จางซูฉีล้างมือเรียบร้อยจึงแอบเข้าไปในมิติเด็ดลูกพีชกับสาลี่และองุ่นออกมาวันก่อนเห็นมีขายในตลาดจึงไม่แปลกเท่าไหร่ก่อนจะหาดอกไม้ที่ไม่เหี่ยวง่ายๆมาเสียบแซมประดับตระกร้าให้สวยงามใส่ผลละไม้ตระกร้าละแปดลูก"พี่ผู่เย่ว ข้าฝากผลไม้ไปไว้มารดาท่านด้วยเจ้าค่ะ ส่วนนี่สุราข้าขุดเจอกว่าห้าสิบไหอนุเหวินผู้นั้นช่างมีฝีมือในการหมักจริงๆ นางมีตำราทิ้งไว้ข้าจะลองทำตาม หมักนานแล้วคงเกินสามสิบกว่าปีกลิ่นหอมยิ่งนัก ข้ากรองมาให้ท่านหนึ่งกา""ขอบใจมากนะฉีเอ๋อร์ ขนมที่เจ้าทำล้วนแต่อร่อยข้าจะเอาไปฝากแม่นมหม่ากับท่านลุงหม่าด้วย คราวก่อนให้นางไว้ใช้จ่ายเพียงห้าสิบตำลึง สินเดิมท่านแม่ข้าคงไม่เหลือแล้ว"หล
จางซูฉีสะพายตระกร้าขึ้นเขาเปิดออกประตูหลัง นางเป็นนักสำรวจมาก่อน เดินป่าไม่เป็นอุปสรรคไม่นานก็มาถึงป่าด้านในห่างจากบ้านสิบห้าลี้ เหนื่อเอาการเชียวไม่มีอุปกรณ์เดินป่าสองมือสองเท้าก็ว่าได้วันนี้นางแต่งตัวคล้ายสตรีสูงอายุขณะกำลังก้มๆเงยๆเก็บสมุนไพร สักพักก็มีอะไรเย็นๆมาพาดที่คอเหลือบมองก็เห็นเป็นปลายกระบี่เงาวับอื้อหือเจอโจรหรือไงวะ"เจ้ามาทำอะไรที่นี่ หันหน้ามาให้ดูเดี๋ยวนี้" แม่เจ้ายิ่งกว่าเจอโจรอีกน้ำเสียงแบบนี้ แผ่ไอเย็นมาขนาดนี้ให้ตายวันนี้คิดว่าไม่ซวยแล้วนะ ไอ้อ๋องโรคจิตนี่จะอยู่ทุกที่เลยหรือไงนะ" เอ่อ ข้ามาเก็บสมุนไพรไม่ทราบว่าท่านเป็นผู้ใดหรือ"จางซูฉีนั่งอยู่ไม่ยอมลุก หากจวนตัวค่อยแวบเข้ามิติแล้วกัน วันนี้แต่งเป็นคนแก่วัยเกือบชรา เงอะเงิ่นๆก็ไม่แปลก"ข้าไม่สนว่าเจ้ามาทำไม หันหน้ามาไม่เช่นนั้นหัวเจ้าคงไม่อยากเอาไว้แล้วกระมัง"จางซูฉีค่อยๆหัน หนานกงเยี่ยเห็นสตรีตรงหน้าก็แปลกใจนางคล้ายท่านป้าคนนั้นบางมุมก็คล้ายเย่วฉาง แต่ดูเหมือนนางจะหกสิบแล้ว อายุขนาดนี้มาเก็บสมุนไพร หรือจะเป็นสายลับแคว้นซ่งกัน"เจ้ามาทำอะไรที่นี่บอกมา"หนานกงเยี่ยยังคงถามซ้ำ จางซูฉีดัดเสียงให้แก่ก่อนจะเอ่ย"ข้าม
หลินผู่เย่วมาถึงบ้านก็จัดการเรียกคนของตนเอง ฉีเอ๋อร์พูดถูกพึ่งคนอื่นมิสู้พึ่งพาตนเองหากนางไม่จัดการจะรอผู้ใด"ท่านอาเว่ยข้ามีเรื่องอยากให้ท่านไปทำสักหน่อย""คุณหนูเชิญสั่งขอรับ"หลินผู่เย่วแจ้งแก่คนสนิท เขาถึงกับยืนตะลึงคุณหนูทำเช่นนี้จะแตกหักจริงๆหรือ"คุณหนูต้องทำเช่นนี้จริงหรือขอรับ อย่างไรท่านผู้เฒ่าก็รักเอ็นดูท่านมากนัก"“ท่านอาเว่ย เจ็บปวดตอนนี้ดีกว่าต้องทนเจ็บเรื่อยๆ นางพูดถูกไม่มีใครช่วยใครได้ทุกคนต้องช่วยตัวเอง ท่านปู่แก่แล้วจะปกป้องข้าได้สักกี่ปี ท่านดูเอาเถอะแต่งตั้งนางไม่กี่วันก็เจ้ากี้เจ้าการหาคู่ให้ข้าหลินต้งไม่คัดค้านนางสักคำกลับเห็นดีเห็นงาม บุรุษที่หาให้ก็แค่บัณฑิตจอมปลอมอยากอาศัยสูบเงินทองของข้า ท่านอาเรื่องนี้ไม่ต้องพูดแล้วท่านไปจัดการเถอะ"เว่ยถิงจำเป็นต้องทำตาม คุณหนูน่าสงสารนักเขาเป็นคนที่นายท่านทิ้งไว้ให้กับนางเชื่อฟังเพียงนางเท่านั้นเว่ยถิงไปแล้วหลินผู่เย่วนั่งบนขอบหน้าต่างมองดวงดาวที่สว่างบนฟ้า"ท่านแม่ข้ารู้ว่าท่านมองข้าอยู่ ท่านไม่อยากให้ข้าเป็นเด็กไม่ดี ฉีเอ๋อร์พูดถูกคนเราจะยอมถูกรังแกเพราะคำว่ากตัญญูค้ำคอไม่ได้"สวีไค่เฉิงเฝ้ามองนางอยู่บนหลังคาอีกแห่งนางพู
จากนั้นนางก็หลับไปจนกระทั่งซีอานจนเข้าเขตถึงหมู่บ้านเหมาซานรถม้าจอดตรงบ้านอิฐหลังหนึ่ง เป็นบ้านไม่ใหญ่มากมีห้าห้องหนึ่งหลัง สามห้องอีกหนึ่งหลัง เว่ยถิงเรียกหลินผู่เย่ว"คุณหนูถึงแล้วขอรับตื่อเถอะ แม่นมหม่ามารับท่านแล้ว"หลินผู่เย่วลืมตา เห็นร่างของหญิงชายชราสองคนเดินมาหาปาดน้ำตา เรียกหานาง"คุณหนูท่านมาแล้ว บ่าวรอตั้งแต่เมื่อวานคิดว่าปีนี้ท่านอาจมาไม่ได้เสียอีก""ท่านย่าหม่าท่านปู่หม่า คิดถึงข้าหรือไม่"หลินผู่เย่วเดิไปกอดคนชราทั้งสอง แม่นมหม่าลูบหัวนางอย่างรักใคร่ ก่อนจะมองไปยังอีกคนที่ลงมาจากรถม้า"คุณหนูไม่ทราบว่าเขาคือ""คุณชายน้อยสวีไค่เฉิงน่ะ บุตรชายท่านป้าสวีท่านย่าหม่าจำได้หรือไม่" แม่นมหม่านึกอยู่นาน"อ้อที่แท้คุณชายน้อยใจดีคนนั้น จำบ่าวได้หรือไม่เจ้าคะ ตอนนั้นบ่าวหกล้มท่านมาพยุงแล้วบอกว่าไม่เจ็บนะท่านจะเป่าให้ เวลาช่างผ่านไปเร็ว ตอนเด็กรูปงามนักโตมายิ่งสง่าผ่าเผย" สวีไค่เฉิงกำลังนึกก็จำได้ว่านางคือแม่นมคนสนิทท่านน้าเสิ่น"อ้อที่แท้ท่านยายที่ทำขนมอร่อยคนนั้นเอง"ทั้งหมดขนของลงจากรถม้า สุสานเก็บกวาดเรียบร้อยแล้วเดิมนางต้องมาตั้งแต่เมื่วาน แต่เพราะถูกหลินต้งตบหน้าจึงไม่อยากให้ค
หลินผู้เย่วตื่นขึ้นมากลิ่นหอมยังคงอยู่เมื่อคืนเขานอนที่นี่งั้นหรือ ป้ายห้อยเอวของสวีไค่เฉิงตกอยู่บนเตียง เขานอนกับนางเมื่อคืนนี้หลินผู่เย่วหลับตา นางไม่ได้ฝันว่ามารดานอนกอดนางอีกทั้งยังลูบหลังกล่อมทั้งคืนแต่เป็นเขา บุรุษที่นางมีใจให้ตั้งแต่เด็กหากไม่เกิดเรื่องท่านแม่เขาและนางคงไม่ห่างเหินถึงเพียงนี้ หลินผู่เย่วลุกไปอาบน้ำ วันนี้ฉีเอ๋อร์นัดไปวัดตัวตัดชุดใส่วันงานวันเกิดท่านผู้เฒ่าสวีห้องทรงอักษร หนานกงเยี่ยสังเกตเห็นสวีไค่เฉิงไม่ค่อยสมาธิจึงหยุดพูดคุย"เสด็จพี่ ให้ใต้เท้าสวีพักก่อนดีไหมพ่ะย่ะค่ะ ดูเขามีเรื่องในใจ"หนาวกงเยี่ยเอ่ยกับฮ่องเต้ หนานกงอินจึงเงยหน้าจากฎีกาก็เห็นตามที่น้องชายพูด"ฉู่กงกง วันนี้พอแค่นี้ให้ทุกคนออกไปก่อน"ฉู่กงกงประกาศเลิกการประชุมขุนนางจึงพากันออกไปเหลือเพียงสี่คน หลี่หมิงหลงจึงเอ่ยขึ้นก่อน"คุณชายสวีที่นี่ไม่มีคนอื่นพวกเราเล่นกันมาแต่เด็ก เจ้ามีอะไรจะบอกหรือไม่""นั่นสิ หมิงหลงพูดถูกวันนี้เจ้าดูไม่มีสมาธิเลย"หนางกงอินเอ่ย สวีไค่เฉิงมองหน้าเจาก่อนจะเอ่ย"ฝ่าบาทช่วยออกราชโองการสมรสพระราชทานระหว่างกระหม่อมกับหลินผู่เย่วได้ไหมพ่ะย่ะค่ะ""อะไรนะ อยู่ๆจะแต่งงานอีก
จากนั้นนางก็หลับไปจนกระทั่งซีอานจนเข้าเขตถึงหมู่บ้านเหมาซานรถม้าจอดตรงบ้านอิฐหลังหนึ่ง เป็นบ้านไม่ใหญ่มากมีห้าห้องหนึ่งหลัง สามห้องอีกหนึ่งหลัง เว่ยถิงเรียกหลินผู่เย่ว"คุณหนูถึงแล้วขอรับตื่อเถอะ แม่นมหม่ามารับท่านแล้ว"หลินผู่เย่วลืมตา เห็นร่างของหญิงชายชราสองคนเดินมาหาปาดน้ำตา เรียกหานาง"คุณหนูท่านมาแล้ว บ่าวรอตั้งแต่เมื่อวานคิดว่าปีนี้ท่านอาจมาไม่ได้เสียอีก""ท่านย่าหม่าท่านปู่หม่า คิดถึงข้าหรือไม่"หลินผู่เย่วเดิไปกอดคนชราทั้งสอง แม่นมหม่าลูบหัวนางอย่างรักใคร่ ก่อนจะมองไปยังอีกคนที่ลงมาจากรถม้า"คุณหนูไม่ทราบว่าเขาคือ""คุณชายน้อยสวีไค่เฉิงน่ะ บุตรชายท่านป้าสวีท่านย่าหม่าจำได้หรือไม่" แม่นมหม่านึกอยู่นาน"อ้อที่แท้คุณชายน้อยใจดีคนนั้น จำบ่าวได้หรือไม่เจ้าคะ ตอนนั้นบ่าวหกล้มท่านมาพยุงแล้วบอกว่าไม่เจ็บนะท่านจะเป่าให้ เวลาช่างผ่านไปเร็ว ตอนเด็กรูปงามนักโตมายิ่งสง่าผ่าเผย" สวีไค่เฉิงกำลังนึกก็จำได้ว่านางคือแม่นมคนสนิทท่านน้าเสิ่น"อ้อที่แท้ท่านยายที่ทำขนมอร่อยคนนั้นเอง"ทั้งหมดขนของลงจากรถม้า สุสานเก็บกวาดเรียบร้อยแล้วเดิมนางต้องมาตั้งแต่เมื่วาน แต่เพราะถูกหลินต้งตบหน้าจึงไม่อยากให้ค
แดนเซียนควันสวีทองลอยขึ้นมายังด้านบนก่อนจะลอยเข้าสู่หว่างคิ้วของหนานกงเยี่ยเทพสงครามที่นั่งรอพระชายาตนอยู่ปากถ้ำ ทันทีที่ดวงจิตเข้าสู่ร่างเขาก็รู้ทันทีว่ามหาเทพถือกำเนิดในแดนมนุษย์แล้วชายาของเขานางกำลังจะออกมาจากการกักตนเพื่อหนีหน้าเขาแล้ว ประตูหินค่อยเลื่อนออกควันสีทองลอยเข้าไปยังด้านในเข้าสู่กลางหว่างคิ้วของเทพบุปผา ไม่นานชิงเหลียนที่หน้าตาเหมือนกันกับจางซูฉีที่แดนมนุษย์ก็เดินออกมาจากด้านใน นางเห็นสวามียืนรอก็เดินตรงมาหา เทพสงครางกางแขาออกให้ชายารักเดินเข้ามาสู่อ้อมกอดเทพบุปผาซบหน้ากับอกกว้าของเขาพร้อมเอ่ยเบาๆ"ฝ่าบาท หม่อมฉันผิดไปแล้ว ที่ผ่านมาหนีหน้าพระองค์ ไร้เหตผลต่อจากนี้จะไม่ทำอีกแล้วเพคะ ตอนอยู่แดนมนุษย์เคยเกือบเสียพระองค์ไปหม่อมฉันรู้แล้วว่าความเจ็บปวดนั้นเป็นเช่นไร""ข้าไม่โกรธเจ้า คนงามของข้าๆเตรียมเรือเรียบร้อยแล้ว รอเจ้าออกมาจากด่านเราจะไปล่องเรือกัน เราจะล่องจากตำหนักเหลียนฮวาาจนไปถึงดินแดนประจิม แล้วจากนั้นข้าจะพาเจ้าไปทะเลตะวันออกดีหรือไม่ หืม""เพคะ หม่อมฉันตามใจพระองค์ ฝ่าบาทชิงเหลียนรักพระองค์เพคะ""คนงามข้าก็รักเจ้า ชิงเหลียนคนดีของข้า"ทั้งคู่ล่องเรือไปตามสระบั
ท้องฟ้าเหนือแคว้นอู๋มีสายรุ้งปรากฎถึงเก้าสาย อีกยังมีเหล่านกน้อยบินวนรอบตำหนักเหมยฮวา ท้องฟ้าเป้นสีทองก้อนเมฆสีรุ้งงามตานัก จากนั้นด้านในจางซูฉีก็คลอดเด็กกออกมา อุแว้ๆๆๆๆ ไม่นานก็มีเสียงทารกดังออกมา"ท่านอ๋อง ไท่จื่อเป็นซื่อจื่อน้อยเพคะ หน้าตาละม้ายท่านอ๋องยิ่งนักเพียงแต่ว่า" แม่นมพูดค้างไว้จนทุกคนมองหน้ากัน หนานกงเยี่ยร้อนใจจึงเอ่ยถาม"แต่ว่าอะไรแม่นมเฟิ่ง ท่านพูดออกมาให้หมด""แต่ว่าเส้นผมของซื่อจื่อน้อยไม่ได้ดกดำเพคะ แต่เป็นสีเงินยวงราวกับหิมะเลยเพคะ เสียงร้องดังมากแปลว่าแข็งแรงดี""ทันทีที่แม่นมเอ่ยจบหนานกงเยี่ยก็รู้ทันทีว่าหน้าที่ของพวกเขาในแดนมนุษย์นั้นสมบูรณ์แล้ว รอเวลาจิตวิญญาณเขาและนางกลับแดนเซียนเท่านั้นหนึ่งชั่วยามต่อมาทุกคนจึงได้รับอนุญาตให้เข้าไปดูจางซูฉีกับบุตรชายได้ หนานกงเยี่ยเห็นหน้าบุตรชายก็ถอนหายใจ เขาต้องเป็นบิดาของคนที่เอาแต่ใจที่สุดในแดนสวรรค์จริงๆหรือ จากนั้นก็ก้มลงไปจุมพิตหน้าผากน้อยๆเบาก่อนจะกระซิบ"ฝ่าบาท อย่างไรก็เป็นบุตรกระหม่อม ดื้อรั้นให้น้อยลงหน่อยนะพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันมีสิทธิ์ตีก้นพระองค์ได้นะพ่ะย่ะค่ะ"ก่อนที่ทารกน้อยจะลืมตาทันทีจ้องหน้าคนที่เพิ่งข่มขู่เ
หนานกงเช่อไปแล้วบรรดาสาวนั่งจับกลุ่มคุยกันไม่หยุด แต่ละคนอุ้ยอ้ายจนดูน่ารักไปหมด เฉินลี่จูที่ถูกเยี่ยผิงอันอุ้มลงจากรถม้าเดินมาส่งที่ด้านในตำหนักก็อายหน้าแดง"ท่านอาปล่อยข้าลงเดินเองก็ได้นะเจ้าคะ ไม่ได้ไกลสักนิด""เมียจ๋า ดูพื้นสิขรุขระขนาดนี้ หากไม่ระวังอาจหกล้มได้ ไม่รู้ว่าเยี่ยอ๋องทรงคิดเช่นไรถึงได้ปูหินให้มีร่องห่างกัน พื้นไม่เสมอพระชายาก็กำลังตั้งครรภ์ไม่รู้จักระวังเลย"จางซูฉีขำกับความห่วงเมียคลั่งรักเมียของเยี่ยผิงอันหากบอกว่าท่านอาลู่จงได้เมียเด็กก็ไม่ถูกนัก อาลู่อายุสี่สิบ จูชุ่ยชุ่ยอายุย่างสิบแปด แต่เยี่ยผิงอันสี่สิบห้าย่างสี่สิบหก ส่วนเฉินลี่จูอายุสิบหก นางเด็กที่สุดในบรรดาเมียๆของเหล่าบุรุษแห่งวังหลวงเลยล่ะ"ใต้เท้าเยี่ย หากพื้นปูติดๆกันไม่มีร่อง ยามหิมะตก หรือฝนตกพื้นจะลื่น ร่องช่วยให้เวลาเดินไม่ลื่นน่ะ ลี่จูมานั่งกับพี่ก่อน เสี่ยวหรันกับชิงชิงน่าจะกำลังมา""เพคะพระชายา อ้อพี่ผู่เย่วท่านตั้งครรภ์อีกแล้วหรือเจ้าคะ ใต้เท้าสวีจะขยันเกินไปหรือไม่ คนโตยังไม่ได้ขวบเลย คิกๆๆ"ในบรรดาเด็กรุ่นน้องสามสาวแห่งสกุลจิน สกุลเฉินและสกุลว่านนี่คือแสบที่สุด ต่อยตีกับบุรุษไม่เว้นแต่ละวัน"พ
เมืองหลวงที่ไม่เคยหลับไหล โคมไฟเรียงรายห้อยเต็มหน้าร้านหน้าบ้านที่ปลูกติดกันยามลมพัดแกว่งไกวไปมาบรรยากาศในเมืองหลวงมีแต่ความสุข ฮ่องเต้กำเนิดพระธิดาสองพระองค์ อีกทั้งตอนนี้ฮองเฮาก็กำลังทรงพระครรภ์ได้สามเดือนแล้วตั้งแต่มาถึงเมืองหลวง ตระกูลหลักหลายตระกูล ตระกูลหลี่ ตระกูลว่าน ตระกูลสวี ตระกูลจิน และตำหนักอ๋องทั้งสอง รวมถึงตำหนักบูรพาขององค์รัชทายาท ต่างจัดเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ เพราะพระชายาไท่จื่อ พระชายาเยี่ยอ๋อง และชินอ๋องรวมถึงบรรดาฮูหยินของใต้เท้าทั้งหลายนั้นตั้งครรภ์พร้อมกันตำหนักบูรพารัชทายาทหนานกงอินกำลังรักเมียสาวอยู่อย่างนุ่มนวลอ่อนโยน เสียวครางแสนหวานของเจียงฟางซินทำให้เขายิ่งรักนางยิ่งขึ้น"ไท่จื่อ เมียไม่ไหวแล้วเพคะพอเถอะ อื้อ ลูกดิ้นอีกแล้วพระองค์ก็ไม่ยอมเลิกสักที ลูกในท้องงอแงแล้วนะเพคะ อร๊าย หนานกงอินเสียวนะ อย่างัดแบบนี้สิคนบ้าข้าตั้งครรภ์อยู่นะ""บอกมาก่อนว่ารักพี่เด็กดีพูดเร็ว ตั้งแต่เข้าหอมาจนถึงวันนี้ยังไม่บอกว่ารักพี่เลย พูดมาคนดี อืม เสียวจริงๆเมียจ๋า อยากให้ผัวเลิกต้องบอกรักผัวก่อน อ่าา""อื้อ รักเพคะ หม่อมฉันเจียงฟางซินรักหนานกงอิน อร๊าย หม่อมฉันเสร็จอีกแล้ว
ขบวนเดินทางมาได้ครึ่งเดือนแล้ว แวะพักบางจุดเนื่องจากทำผักดองแบะเนื้อรมควันไว้มากมาย อาหารการกินจึงไม่ลำบากมมากนักจางซูฉีไม่ต้องการให้หนานกงเยี่ยไปล่าสัตว์บนเขา ซึ่งอาจเกิดอันตรายได้คืนนี้พวกเขาแวะพักตรงริมน้ำใกล้เชิงเขา แต่จางซูฉีสั่งเดินทางต่อ หนานกงเช่อจึงไม่เข้าใจเหตุผลของนาง"ฉีเอ๋อร์ พ่อไม่เข้าใจที่เจ้าให้พวกเราเดินทางต่อ นี่ยามเซินแล้วกว่าจะสร้างกระโจมอีก ตรงนี้มีลำธารด้วยสะดวกสบายกว่าไม่ใช่หรือ""เสด็จพ่อ หากเป็นแม่น้ำลำธารที่ไม่อยู่ใกล้เชิงเขาลูกคงไม่ขัดหรอกเพคะ แต่ว่าลำธารนี้ทรงทอดพระเนตรสิเพคะ มีรอยเท้าสัตว์เต็มไปหมด แปลว่านี่เป็นแหล่งน้ำของพวกมัน อีกทั้งยังมีคราบเลือดเป็นจุดๆทั้งรอยเก่ารอยใหม่ แปลว่ามีสัตว์นักล่าด้วย ในขบวนมีคนท้องถึงเจ็ดคน แม้ว่าเหล่าบุรุษจะมีวรยุทธ แล้วนางกำนัลเหล่านั้นเล่าเพคะพวกนางอ่อนแอ เราเสียเวบาเดินทางอีกหน่อยก็ไม่ต้องเสี่ยง ลูกแค่ห่วงความปลอดภัยของทุกคน"เมื่อจางซูฉีชี้แจงเหตุผลจบ ทุกคนก็ยิ่งรีบเดินให้พ้นลำธารไวขึ้น ไม่นานก็เลยเชิวเขามาห้าลี้และเจอเข้ากับแม่น้ำเล็กๆสายหนึ่ง แม่น้ำสายนี้เรือเล็กสามารถสัญจรได้ จึงพากันหยุดพักที่ตรงนั้น"ฉีเอ๋อร์เหนื
ผ่านไปเดือนกว่ารถม้าที่สั่งทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตอนี้กำลังฝึกม้าที่จะนำมาใช้กับรถม้าอยู่ ใช้เวลาฝึกนานประมาณเกือบเดือน เพราะบรรดาคนที่นั่งในรถม้าคือเหล่าสตรีที่กำลังตั้งครรภ์จินเสี่ยวหรันที่ตอนนี้ไม่ต้องดูแลสวีไค่ไหยุนแล้ว เพราะเขาเริ่มไม่มีอาการแพ้ท้องแบบที่อาเจียนไม่หยุดแล้ว เหลือเพียงแค่ความอยากอาหารเท่านั้นส่วนว่านชิงชิงทุกวันนี้นางกลุ้มใจมาก ว่านอันสุ่ยไม่ยอมห่างนางเลยไม่ยอมให้เดิน ไปไหนก็อุ้มตลอดเวลา บางครั้งเขาก็งอแงเป็นเด็กน้อยห่างนางไม่ถึงชั่วยามก็ตามหาอีกแล้ว จนถูกฮ่องเต้เรียกไปต่อว่าหลายครั้งเพราะเสียงานเสียการ"ใต้เท้าว่าน เราว่าท่านรักเมียเกินไปหรือไม่ งานการมีไม่สนใจทำงานอยู่ดีๆหาเมียไม่เจอก็ทิ้งงาน เจ้ามันตาแก่หลงเมียเด็กจริงๆ""ฝ่าบาท กระหม่อมผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ ต่อไปจะไม่ให้เกิดเรื่องเช่นนี้อีกพ่ะย่ะค่ะ"ว่านอันสุ่ยเสียงอ่อย แต่ฮ่องเต้ตรัสถูกต้องเขาหลงเมียจริงๆแต่แค่ไม่อยากยอมรับ"ใต้เท้าว่าน ข้าเองก็รักเมียไม่แพ้ท่าน แต่งานส่วนงานท่านต้องแยกแยะสักหน่อยนะ"หนานกงอินเยาะว่านอันสุ่ย เขาเถียงไม่ได้เพราะหนานกงอินเป็นถึงรัชทายาท ได้แต่บ่นอุบอิบๆเท่านั้น"ไท่จื่อ ทรงหลงพระ
หนานกงเช่อกำลังอ่านรายงานที่ทางวังหลวงส่งมา จิ่วโจวให้ผลผลิตถั่วและมันดียิ่งนัก ต้องไปหาสะใภ้เล็กสักหน่อย ว่าหลังเก็บเกี่ยวแล้วต้องแปรรูปอย่างไร ไม่เช่นนั้นก็จะทิ้งเปล่าให้เน่าเสียจางซูฉีนังเขียนสูตรทำวุ้นเส้น ซอสถั่วเหลือง การหมักน้ำส้มสายชู โชคดีที่ก่อนจากยุคสิวิไลนั้นมา นางสามารถทำสิ่งเหล่านี้ไว้ใช้เอง บางครั้งทำวิจัยต้องไปอาศัยอยู่กับชาวบ้านตามชนบท จึงได้วิธีการแปรรูปต่างๆมา บางอย่างก็เป็นสูตรจากบรรพบุรุษที่สืบทอดกันมาหนานกงเช่อเห็นสะใภ้เล็กนั่งทำงานทั้งๆที่ท้องโตมากแล้วก็นึกดีใจแทนบุตรชาย ขนาดเมียขุนนางยังไม่ใส่ใจช่วยเหลือสามีเท่ากับนางเลย เอาแต่แย่งชิงความโปรดปรานจากสามีไม่บรรดาเมียเอกกับเมียรองตีกัน ก็บรรดาบุตรหลานชิงดีชิงเด่นกัน แต่สะใภ้คนนี้เอาแต่คิดหาหนทางให้ผู้คนอยู่รอด ช่วยเหลือสามีทุกด้านเจียงฟางซินสะใภ้คนโตก็เรียนรู้งานมาจากนางไม่น้อย ทุกวันนี้ก็จัดระเบียบบ้านได้ดี จับมือกับหลานสะใภ้เขาจางหย่งเล่อผู้นั้นมองหาลู่ทางเปิดเส้นการค้าใหม่เสมอ จนแคว้นอู๋ร่ำรวยขึ้นพริบตาเงินในท้องพระคลังเพิ่มขึ้นมากมาย ตอนนี้สวีไค่หยุนได้ถูกเขาแต่งตั้งเป็นเจ้ากรมการคลังเรียบร้อยแล้ว รอกลับเ
จางซูฉีและหนานกงเยี่ยกำลังเตรียมตัวกลับเมืองหลวง กำลังวางแผนงานและการค้าทั้งหมดที่นี่ โดยให้ลู่จงกับจูชุ่ยชุ่ยเป็นคนดูแลหนางกงอินขอเบิกงบของกรมโยธามาเพื่อสร้างถนนให้สะดวกสบายกว่าเดิม จากเดิมที่ใช้เวลาเดินทางสิบห้าวันโดยรถม้า ก็เลื่อนเร็วขึ้นเหลือเพียงเก้าวันแต่เนื่องจากบรรดาสตรีของพวกเขาตั้งครรภ์ และมีหลายคนครรภ์ยังไม่มั่นคงจึงเลื่อนการเดินทางกลับไปอีกเดือนครึ่ง เสียนอ๋องกลับไปแล้ว ฮ่องเต้ให้เขากลับไปช่วยจางป๋อคุณและมหาราชครูฟางดูแลงานราชการต่างๆรอให้หยางฮองเฮาครรภ์แข็งแรงกว่านี้ก็จะเดินทางกลับ จางซูฉีหมักเหล้าไว้เกือบสามร้อยไห นางขุดดินฝังไว้ใต้ต้นหลิวในจวนใหญ่ที่เพิ่งสร้างเสร็จไม่นาน อีกครึ่งปีจึงจะขุดขึ้นมาได้ ถึงตอนนี้นางก็คลอดเจ้าตัวน้อยแล้ว"ฉีเอ๋อร์ อย่าทำงานมากนักเลยเจ้าตั้งครรภ์อยู่ พักผ่อนบ้างเถอะ งสนบางอย่างให้บ่าวไพร่ทำก็ได้" หนานกงเยี่ยกำลังคิดบัญชีของหอโอสถ เขาแพ้ท้องไม่สบายเสียนาน ปล่อยนางหักโหมทั้งที่ยังท้องอยู่รู้สึกเป็นห่วงนัก"ท่านอ๋อง นั่งมากเกินไปถึงเวลาคลอดจะคลอดยากนะเพคะ อีกอย่างงานไม่ได้หนักหนาเกินไปนัก อืมจริงสิวันนี้วุ้นเส้นที่ทำไว้แห้งดีแล้ว เย็นนี้เสวยผั
เรือนหอสวีไค่หยุนสวีไค่หยุนปลดเครื่องหัวให้จินเสี่ยวหรันออก จากนั้นก็แลกจอกเหล้ามงคลกับนาง"เสี่ยวหรันคนดี พี่รอวันนี้มาเกือบปีแล้วนะในที่สุดก็ได้อยู่ด้วยกันสักที ไม่ต้องปีนเข้าหาเจ้าแล้ว""ท่านพี่ ข้าชอบที่นี่แต่งานของท่านอยู่เมืองหลวง เสียดายจังเลยเจ้าค่ะ""ไว้พี่จะพามาบ่อยๆดีไหม เสี่ยวหรันจ๋าพี่อยากเข้าหอแล้วคนดีของพี่"สวีไค่หยุนปลดชุดแต่งงานจินเสี่ยวหรันออก จากนั้นก็ตามด้วยชุดเจ้าบ่าวของตน ก่อนจะจ้องมองร่างเปลือยเปล่าตรงหน้าอย่างหลงไหลใช่ว่าเขาไม่เคยเห็นร่างงามตรงหน้าเปลือยเปล่า เขามักแอบปีนห้องนางมาตักตวงความหวานเสมอ แต่ไม่เคยล่วงเกินนางมากกว่านั้น นี่เป็นครั้งแรกที่เขากับนางจะเป็นคนๆเดียวกันอย่างสมบูรณ์"ขืนท่านยังจ้องอีก ข้าคงแข็งเป็นหินแล้วท่านพี่ ใช่ว่าไม่เคยเห็นสักหน่อย จะให้รออีกนานไหมเจ้าคะ อากาศหนาวนะ""หึๆ อยากได้อะไรอุ่นๆหรือแม่นางน้อยของข้า วันนี้เจ้าเป็นปีศาจจิ้งจอกพันปี หรือเป็นโฉมงามของหอจันทราดีเล่า หืม"จินเสี่ยวหรันลุกขึ้นมา ก่อนจะคลึงทรวงอกตนเองยั่วยวนคนตรงหน้า มืออีกข้างโน้มคอสวีไค่หยุนลงมา ก่อนจะกระซิบข้างหูเบาๆ"หนาวจนแข็งเป็นไตแล้ว คุณชายท่านให้ความอบอุ่น