“เฮ้อ!” ปั้นหยาได้แต่ถอนใจทิ้งหนักๆ พลางแอบมองตฤณ ทว่าอยู่ๆ ก็ฉุกคิดถึงเรื่องแฟนขึ้นมา อยากจะถามว่าเขาเห็นอะไรหรือเปล่า ทำไมถึงอำเธอไม่เลิกแบบนี้ แต่ครั้นจะบอกความจริงว่ายังไม่มีแฟน ก็จะหาว่าเธอให้ท่าอีก “หยาต้องทำอะไรบ้างคะ” ปั้นหยาเริ่มถามเพราะเห็นเขาตั้งใจทำงานแล้ว ไม่ได้กวนประสาทแต่อย่างใด“หลักๆ ก็ดูแลเอกสารช่วยผมทุกอย่าง ไปประชุมด้วยทุกที่ และไปดูงานด้วยกันทั้งในและนอกสถานที่ ยกเว้นแบบค้างคืนก็จะให้ก้องไปแทน ช่วยเตือนผมเรื่องตารางงานต่างๆ ด้วย คงไม่ยากเกินความสามารถของคุณหรอกมั้ง ส่วนรายละเอียดมันจะโผล่มาให้เราได้เรียนรู้เองว่าต้องทำอะไรยังไง” “แล้วที่บอกว่าจะให้หยาช่วยเรื่องรีโนเวทห้องนอนใหม่คือยังไงคะ” เจอคำถามนี้เข้าไปเขาถึงกับเหลือบมอง“เอาไว้ว่างๆ เดี๋ยวพาไปดูสถานที่จริงครับ” ตฤณตอบพลางปรายตามองเธอแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ ปั้นหยาจึงลุกเดินมาหาเขาแล้วนั่งตรงข้ามอีกครั้ง สีหน้าของเธอดูจริงจังพร้อมที่จะตั้งคำถาม“อยากรู้อะไรอีก” ตฤณถามพลางหรี่ตามองอีกครั้ง “หยาควรถามประวัติท่านหรือเปล่า เราจะทำงานด้วยกันต้องรู้เรื่องของกันและกันหรือเปล่าคะ หรือว่าหยาต้องไปถามคุณก้อง” “จริงๆ แล้วต
“ค่ะ ก็สบายดี ท่านยังไม่ได้แก่มากเท่าไหร่ ยังทำสวนได้สบาย”“คุณโชคดีที่มีครอบครัวที่พร้อมหน้าพร้อมตา”“เอ่อ หยาไม่ถามเรื่องนี้แล้ว เรื่องทำงานน่ะจะมีสาวๆ แวะเวียนซื้อขนมมาฝากท่านหรือเปล่าคะ”“หึหึ ไม่มีสิ ก็บอกแล้วว่าไม่มีแฟน โสด”“หยากลัวโดนลูกหลงน่ะ”“ห้องทำงานผม ส่วนใหญ่จะมีแต่ผู้ชายเข้ามา พวกนายช่าง หัวหน้าคุมงาน หัวหน้าฝ่าย วิศวกร ผู้หญิงก็จะมีฝ่ายบัญชีกับฝ่ายบุคคล” “เท่าที่ทราบบริษัทของท่านโปรเจคใหญ่ทั้งนั้นเลยนะคะ” “ผมถึงอยากจะมีเลขาคอยทำงานช่วยผมกับก้องไง” “การมีเลขามันไม่ได้ทำให้งานน้อยลงหรอกค่ะ”“เปล่าเลย มีอะไรที่สวยงามสบายตาสบายใจ มันก็ทำให้ฟิวทำงานของผมไหลลื่นได้นะ” “เฮ้อ! ท่านประธานเป็นเจ้านายที่ขี้หลีมากเลยค่ะ” “เขาเรียกว่าเฟรนลี่ เป็นคนอารมณ์ดี ชอบพูดหยอก ไม่ชอบเหรอ เดี๋ยวก็ชิน” “ไม่ชินค่ะ” พูดจบเธอก็ลุกเตรียมจะกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานตัวเอง ทว่าเขาแทรกขึ้นเสียก่อน“ผมลืมบอกไป หน้าที่สำคัญอีกอย่างของหยาคือ นั่งรถมาทำงานพร้อมผมตอนเช้าและกลับพร้อมกัน ถ้ามื้อเที่ยงผมไม่มีเพื่อนกินข้าว หยาก็ต้องทำหน้าที่นั้น” นี่หน้าที่เลขาอย่างนั้นหรือ ให้ตายสิ“นั่นหน้าที่เลขาเหรอคะ”
“ถ้าเหงาก็แวะไปเล่นที่บ้านได้ครับ” “ไม่ต้องยั่วค่ะ” “มีอะไรจะถามอีกไหมครับ จะได้เริ่มทำงาน” “สิ่งที่ท่านบอกมาทั้งหมด หยาจำเป็นต้องทำ?” “แน่นอน” พอเขาตอบปุ๊บ เธอก็มองบนทันที ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! ระหว่างที่ทั้งคู่คุยกันอยู่นั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นทำลายบรรยากาศบางอย่าง“เชิญครับ” ตฤณเอ่ยอนุญาตคนอยู่ด้านนอกก็ดันประตูเข้ามา “ขออนุญาตค่ะท่าน” ปิยะพัฒน์ หรือหัวหน้าฝ่ายบุคคลเข้ามาพร้อมกับยกมือไหว้ทักทาย “คุณเปี๊ยก เชิญนั่งครับ” “ค่ะ อุ้ย! คุณหยา ยินดีต้อนรับนะคะ” ปิยะพัฒน์รับคำพร้อมกับหันมาทักทายปั้นหยา“สวัสดีค่ะ” ปั้นหยายกมือไว้หญิงสาวเช่นกัน เพราะเป็นถึงระดับหัวหน้า “หยาขอตัวค่ะ คุยกันตามสบาย” “ไม่เป็นไรนั่งตรงนี้แหละ คงจะมีเรื่องของปั้นหยาด้วยใช่ไหม” ตฤณบอกปั้นหยาแล้วหันมาถามปิยะพัฒน์อีกครั้ง“ใช่ค่ะ พอดีเปี๊ยกทราบว่าคุณหยาจะมาวันนี้ เลยทำรายละเอียดเรื่องทำสัญญาจ้างค่ะ เลยจะขึ้นมาถามท่านเรื่องเงินเดือนและสวัสดิ์การเทียบเท่ากับพนักงานระดับไหน” “นี่เลขาของประธานบริษัทเชียวนะ” “เปี๊ยกยังไม่กล้าลง เพราะคิดว่าท่านน่าจะมีอะไรพิเศษ” “ให้ 1 แสน” ตฤณตอบสั้นๆ พลางมองหน้าปั้นหยายิ้มๆ
“มีอะไรหรือเปล่าครับ เพิ่งมีเลขาวันแรกก็ถอนหายใจแล้ว” “เปล่า เรื่องประชุมเมื่อวาน ฉันไม่อยากถามต่อหน้าคนอื่นนัก เรียกผู้รับเหมาไปคุยกันที่บ้านตามลำพัง อย่าให้ใครรู้นะ” “ได้ครับ วันนี้เหรอครับ” “ก็ลองโทรไปดู ถ้าเขาว่างวันนี้ก็ให้ไปตอนหนึ่งทุ่ม หรือถ้าไม่ว่างตอนนี้ก็เลือกวันมา” “ได้ครับ เอ่อ ทำไมเราต้องกระซิบครับเนี่ย” “เรื่องแบบนี้ต้องให้ผู้หญิงรับรู้ด้วยหรือไง หืม” หมายถึงผู้หญิงที่นั่งตรงนั้นสินะ“แต่คุณหยาเป็นเลขา ไม่ให้รู้ได้เหรอ” “เอาไว้สักหน่อยค่อยว่ากัน นี่เพิ่งจะวันแรก” “งั้นก็ได้ครับ แล้วมีอะไรเพิ่มเติมไหม” “ยังก่อน ไปสอนงานเถอะ”“ไม่แอบหึงนะครับ” สิ้นคำของก้องการุณ ตฤณก็หรี่ตามองพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย ยิ้มมุมปากนิดๆ เพราะดันรู้ทันเจ้านายเกินไป“ถ้าไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ดี จะกลัวทำไม” “ไม่รู้ล่ะ บางทีเจ้านายก็อาจจะแบบ เหมารวม เอะอะหึงดะไปหมด” “ฉันแสดงออกขนาดนั้นเลยเหรอว่าอยากได้เธอน่ะ หืม” “ก็ ท่านบอกว่าอยากได้ เอาแต่ใจสุดๆ”“เอ่อ ไปได้แล้ว วุ่นวายนัก” ตฤณออกปากไล่ มีแอบยิ้มเล็กน้อยซึ่งก้องการุณก็สังเกตได้แหละ จากนั้นก้องการุณจึงกลับไปที่โต๊ะทำงานของปั้นหยาอีกครั้ง เพื่อ
“จะดีเหรอครับ” ก้องการุณหวาดแรงระแวง เพราะอยากให้มีคนติดตามไปมากกว่านี้“ไม่มั่นใจในฝีมือตัวเองเหรอ คุ้มครองเราสองคนไม่ได้หรือไง” ตฤณว่าเสียงเรียบ “มั่นใจครับ” “มั่นใจก็ไปกันเลย” ตฤณบอกอีกครั้งจากนั้นจึงได้เดินนำ แล้วทั้งสองก็ตามเดินตามเยื้องๆ “ท่านจะกลับเข้ามาตอนบ่าย มีอะไรค่อยเสนอ ไม่ต้องเอาแฟ้มเข้าไปรอ” ก้องการุณบอกเจ้าหน้าที่ในฝ่าย ขณะที่กำลังเดินผ่าน ทุกคนรับคำด้วยการพยักหน้าพร้อมกับมองเลขาใหม่แสนสวย ที่สวยจนทุกคนมองแล้วมองอีกกระทั่งลับตา “คนนี้หรือเปล่าที่คุณเปี๊ยกบอกว่า เป็นเบอร์ 1 ในบรรดาผู้ส่งใบสมัคร โคตรสวย ถึงว่าท่านประธานเลือกแบบไม่ลังเล” พนักงานสาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้นตามประสาคนออฟฟิศช่างซุบซิบ“ได้ข่าวจากผู้ติดตามท่านว่า คนนี้อย่ายุ่ง” พนักงานชายแทรกขึ้น“ใครจะกล้ายุ่ง ตัวท่านประธานเรายังเข้าถึงไม่ได้เลย นับประสาอะไรเลขาฯ ถ้าเป็นเลขาผู้จัดการทั่วไปก็ว่าไปอย่าง”“ว่ากันว่าเอาใจสุดๆ จริงไหม โต๊ะทำงานอยู่ด้านในกับท่าน มีสิทธิพิเศษอะไรอีกไม่รู้ แถมเงินเดือนสูงอีก” “สงสัยคงไม่ได้เลือกมาเป็นเลขาซะล่ะมั้ง น่าจะเลือกมาเป็น...” “อะแฮ่ม!” เสียงกระแอมดังขึ้นทำให้ทุกคนหันไปมองต้นเสี
“ให้ตายสิ คิดมากจัง” “ต้องคิดมากค่ะ ในเวลางานหยาคำนึงถึงความเหมาะสม ไม่ปีนเกลียว เลขาก็คือเลขา ไม่ใช่อย่างอื่น” “เฮ้อ! นี่คือบริษัทผม เรื่องบางเรื่องให้เป็นหน้าที่ของผมเถอะที่จะตัดสินใจและหยาเชื่อเถอะ ใครก็ไม่กล้ามองหยาแบบนั้น ขอแค่ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีก็พอ” “ก็ได้ค่ะ จะพยายาม”“ดีจ้ะ ฉะนั้นผมบอกอะไรก็ทำตามอย่างเคร่งครัด จะได้ลดการโต้เถียงของเรา” “เอ่อ ขอโทษครับ จะไปที่ไหนดีครับท่าน” ก้องการุณถามขึ้นเมื่อเห็นว่าทั้งคู่ไม่คุยกันแล้ว “ไปร้านกาแฟ ร้านประจำของเรา ฉันอยากกินสเต็ก”“ได้ครับ” เมื่อรับคำแล้วก้องการุณก็ขับไปยังร้านที่เจ้านายสั่งทันที เป็นร้านกาแฟกึ่งร้านอาหารสไตล์ฝรั่ง มีพาสตาร์และสเต็กชนิดต่างๆ ซึ่งร้านนี้เป็นร้านประจำ เขากับคนสนิทมาบ่าย ไม่ชอบรับประทานอาหารแบบยุ่งยาก และทันทีที่มาถึงพนักงานก็รู้จักเขาเป็นอย่างดี จึงเข้ามาทักทายสวัสดีอย่างนอบน้อมและกำลังจะเชิญไปนั่งทว่าเขาห้ามเอาไว้ก่อน จะได้ไม่ต้องเสียเวลารับแขกคนอื่น“คุณชอบนั่งตรงไหน” ตฤณหันมาถามปั้นหยา ซึ่งปกติก้องการุณจะเป็นคนถามเจ้านายมากกว่า“เอ่อ ท่านต้องเป็นคนเลือกสิคะ ตามใจท่าน” “แต่ผมตามใจคุณ” โอเค เธอไม่อ
ปั้นหยารู้ว่าประโยคเมื่อครู่มันกำลังจะวกเข้าหาเธอ จึงหยุดถามและรอให้อาหารมาเสิร์ฟ โดยที่เธอทำหน้าที่ดูแลท่านประธานหนุ่มเป็นอย่างดี เสิร์ฟน้ำ หยิบทิชชู่วางไว้ใกล้มือแบบไม่ต้องให้สอน เพราะเคยดูในละครแหละ ส่วนใหญ่ทำแบบนี้ แต่ระหว่างที่กำลังกินอย่างออกรสก็มีแขกไม่ได้รับเชิญมาเห็นเข้าพอดี“อ้าวเฮียตฤณ! มากินมื้อเที่ยงเป็นเหมือนกันเหรอครับ” ชายหนุ่มที่ดูท่าจะอายุน้อยกว่าตฤณทักขึ้น ทำให้ทั้งสามเงยหน้ามอง แต่ตฤณไม่ได้มีทีท่าว่าจะดีใจนัก“ซันด์” ตฤณแค่เอ่ยชื่อเล็กน้อย ก้องการุณจึงหันไปยกมือไหว้“เพิ่งรู้ว่ากินอาหารร่วมโต๊ะกับคนขับรถด้วยนะครับเนี่ย” ชายหนุ่มเอ่ยปากแซวก้องการุณ“กินทุกวัน แล้วนี่นายกินอาหารร้านเล็กๆ แบบนี้ด้วยเหรอ” ตฤณย้อนถามทันที “ก็มีบ้างอยากกินอาหารเบาๆ เอ่อ...” เขาพูดไม่ทันจบดี ก็เหลือบตามองสาวสวยที่นั่งข้างๆ ตฤณ “จะไม่แนะนำสุภาพสตรีท่านนี้ให้รู้จักหน่อยเหรอครับ คนใหม่เหรอ เฮียนี่เปลี่ยนผู้หญิงเป็นว่าเล่น แต่ก็เข้าใจอ่ะคนมาหล่อ รวย” “คุณหยานี่ซันด์ หรืออาทิตย์ เป็นญาติผู้น้องที่อายุห่างกันแค่สามปี ส่วนนี่ปั้นหยาเป็นผู้ช่วยคนใหม่”“พนักงานของเฮียนี่สวยๆ ทั้งนั้นเลยนะ เอ่อ
“นายเลิกพูดคำว่า เหมือนคนอื่นซะที หรืออยากจะพูดให้หยาได้ยินเหรอว่าฉันเคยมีแฟนหลายคน” “อ้าว! ก็เรื่องจริง จะคบกันก็รับให้ได้สิครับ” “ฉันว่านายเครียดเรื่องงานที่บริษัทก็พอ ไม่น่าจะเครียดเรื่องคนอื่น” “เฮียว่าผมเสือกเหรอครับ” อาทิตย์ถามด้วยความไม่พอใจ“แล้วนายตีความแบบนั้นจริงเหรอ” ตฤณถามกลับ “ก็ใช่นี่ครับแหม” “แล้วแต่จะคิด”“ที่ว่าจะพูดเรื่องงานน่ะ วันนี้ตอนเย็นผมแวะไปที่บ้านเฮียได้ไหม” “ตอนเย็นไม่ว่าง เอาไว้วันอื่น แล้วก็นัดล่วงหน้าด้วย”“นัดล่วงหน้า นี่ผมน้องเฮียนะ ต้องนัดล่วงหน้าเหรอครับ” “แต่ฉันเป็นประธานบริษัท จะนาย จะแปะ ก็ต้องนัด เพราะไม่ได้มีเวลาว่าสแตนบายรอใคร” “ทำไมครับ มีดินเนอร์กับแฟนเหรอ” “ใช่ คบกันใหม่ๆ ก็ต้องหาเวลาให้กัน ไม่อยากเอาเวลางานไปแทรก”“สักชั่วโมงก็ไม่ได้เหรอครับ” “แล้วนายจะไปพูดเรื่องอะไร พูดตอนนี้ก็ได้นี่” “แต่ไม่เป็นส่วนตัว ตรงนี้มีคนอื่น” “คนอื่นที่ว่าคือก้อง ผู้ช่วยที่ฉันไว้ใจให้ดูแลเรื่องเงินได้ ไม่มีอะไรที่เป็นความลับยกเว้นเรื่องบนเตียงของฉัน” “เอ่อๆๆ เรื่องเงินน่ะครับ คือ สถานการณ์ตอนนี้หุ้นตกไปหมดเลย ทำเอาหุ้นบริษัทผมดิ่งเชียว ไหนจะต้องแบกร
“แค่จูบเอง คุณมันบ้า หยาจะลงไปนอนข้างล่าง”“ไม่... คุณต้องรับผิดชอบ”“ไม่ค่ะ เราตกลงกันแล้ว อย่ามาผิดคำพูด”“ผมไม่ไหวแล้ว” เขาทำน้ำเสียงอ้อนก่อนจะลุกขึ้นนั่ง ขณะที่เธอคิดว่าต้องรู้สึกสนิทแค่ไหนถึงได้พูดเรื่องแบบนี้ได้“โทรบอกก้อง ให้เรียกเด็กๆ ขึ้นมาสักคนไป” สิ้นคำของเขาเท่านั้นแหละเธอก็ขว้างหมอนใส่ทันที“โอ๊ย! อะไร ก็คุณทำไม่ได้ ก็ต้องคนอื่นสิครับ”“เข้าห้องน้ำไปเลยค่ะ ไป!”“ไม่ได้ ไม่ชอบช่วยตัวเอง”“หยาก็ช่วยคุณไม่ได้ และจะไม่ให้ใครมายุ่งด้วย มานี่เลย” ว่าแล้วเธอก็ลงจากเตียงแล้วเดินไปดึงเขาเข้าห้องน้ำ ขณะที่เขาเอามือปิดกลางลำตัวเอาไว้“หยา... ใจร้าย” “คุณทำได้ คุณเก่ง หยาเชื่อ ใจเย็นๆ นะคะ” ยังมีหน้ามาปลอบใจเขาอีก พูดเสร็จก็ดันเขาเข้าห้องน้ำ ซึ่งแน่นอนวิธีจบปัญหานี้ของเขาคืออาบน้ำ เอาน้ำเย็นชะล้างร่างกายให้เย็นลง แต่ถึงกระนั้นเขาก็ต้องจบด้วยความสุขที่สร้างได้ด้วยมือ
“ไม่เป็นไรครับ มานอนมา” เจอคำชวนมึนๆ ของเขาก็ทำให้เธอแทบจะตาโตด้วยความตกใจ“เอาหมอนข้างคั่นกลางเอาไว้ก็ได้ ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก” สายตาเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ ใครจะเชื่อ“คุณเป็นคนที่หน้ามึนมาก แต่หยาเป็นคนตรงๆ ถามก่อน ว่าคุณจะทำอะไรหยาไหม นี่เราเพิ่งรู้จักกันนะคะ แต่คุณทำเหมือนสนิทกับหยาเสียเหลือเกิน”“ก็เราต่างคนต่างแสดงธาตุแท้ออกมาให้กันเห็นเร็ว มันก็ต้องสนิทกันเร็วเป็นธรรมดา ผมเชื่อใจหยา หยาก็ต้องเชื่อใจผม”“เหรอคะ แล้วหยาเชื่อได้ไหมว่าคุณอาหารเป็นพิษจริงๆ”“ชะ... ชะ... เชื่อได้ ผมดีขึ้นแล้ว ก็เลยฉอดได้”“อย่าแม้แต่จะคิดนะคะ” เธอชี้หน้าเขาเล็กน้อย ส่วนเขาก็ยกมือยอมแพ้“ก็ดีค่ะ ขออนุญาตนะคะ” ว่าแล้วเธอก็เดินเข้าไปหาเขาใกล้ๆ กอดแขนข้างขวาของเขาแล้วพยุงลงจากเตียง“หืม อะไรครับ” ตฤณงุนงงแต่ก็ยอมทำตาม กระทั่งเธอหยิบหมอนลงมาวางเอาไว้บนพื้นด้วย เขาก็เข้าใจความหมายในทันที “อะไรเนี่ย” ตฤณถามเมื่อเธอ
“อ้าว! แล้วที่บอกว่ามีแฟนล่ะ”“ไม่มี!” เธอขึ้นเสียงลั่นและหันขวับกลับมามองหน้าเขา ตอบตรงตามความจริงทุกประการ นั่นก็เพราะว่าไม่มีจริงๆ เรื่องที่โกหกไว้ก็แค่เอาตัวรอดเท่านั้นแหละ แล้วเป็นไงล่ะ ลืมไปหมดครื้น! ครื้น! อยู่ๆ เสียงฟ้าก็ข่มคำรามเล็กน้อยพอให้ตื่นตัว ก็แหงเธอเปียกเป็นลูกหมาตกน้ำก็เพราะฝนตกนี่แหละ ตกได้ตลอด เธอคิดพลางทำตาเลิ่กลั่ก“สรุปว่ายังไงครับเรื่องแฟน โกหกผมเหรอ” “ก็คุณถาม หยาก็แค่ตอบให้ตรงกับใจคุณเท่านั้นเอง แต่ว่า... คุณบอกว่าเห็นผู้ชายที่บ้าน” “นั่นน่ะสิ ใครครับ” ตฤณก็ยังแกล้งเธออยู่ “ไม่มีหรอกค่ะ เลิกอำหยาได้แล้ว หยาอยู่คนเดียว” พอได้คำตอบที่ตรงใจเขาก็ยิ้มสิทีนี้“ยังไม่มีแฟน งั้นเราก็เป็นแฟนกันได้” “ยังไม่เลิกพูดอีก ถ้าไม่เปลี่ยนเรื่องคุยหยาจะกลับ เดินกลับก็ได้ ดึกก็ไม่กลัว”“งั้นเอาเป็นว่าหยาตกลงใช่ไหม ดีจัง วันนี้จะเลิกคุยเรื่องนี้” “หายปวดท้องขึ้นมาเลยหรือเปล่าคะ” เธอแกล้งแซวอีก“เอ่อ... เอ่อก็กินยาสองครั้งแล้ว ดีขึ้นมากเลยครับ” แหมเกือบแก้ตัวไม่ทัน “งั้นก็นอนพักนะคะ หยาจะเอาถ้วยข้าวไปเก็บ” “แล้วขึ้นมาได้ไหม” “ถ้าคุณรับรองความปลอดภัยให้หยา” “นี่ไม่ไว้ใจกั
“ก็คุณก้องยังรู้ แล้วหยาล่ะ” เขามองหน้าเธอนิ่งๆ ก่อนจะตอบ“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ” พูดแบบนี้แปลว่าเขาไม่ไว้ใจเธอสินะ หรือไม่ก็เธอยังใหม่อยู่ ยังไม่ควรรู้ความลับอะไร“โอเค ไม่รู้ก็ได้ค่ะ แต่ถ้าหยาแอบรู้ขึ้นมาอย่าว่ากันนะคะ”“ถ้าหยารู้แล้วจะทำอะไรได้ จะช่วยอะไรผมมันเกี่ยวกับงานใหญ่ระดับพันล้าน” “อย่างน้อยช่วยให้คุณได้ระบายความอึดอัด แทนที่จะเก็บเอาไว้ไงคะ หยาชวนคุยได้” “ชวนปวดหัวมากกว่ามั้ง แต่อยู่กับหยาผมอึดอัดอยู่เรื่องเดียว” “เรื่องอะไรคะ” “เรื่อง... ที่เราต้องนอนห้องเดียวกันในคืนนี้” “ฝันไปเถอะค่ะ หยาต้องกลับ ไม่ค้างแน่” “ผมก็ไม่ให้หยากลับเวลานี้เหมือนกัน ถามจริง อยู่บ้านเช่าคนเดียวไม่กลัวหรือไง อันตรายจะตาย” “กลัวอะไรคะ หยาก็อยู่คนเดียวมาตลอดตั้งแต่สมัยเรียน”“กลัวคน กลัวสิ่งที่มองไม่เห็น แล้วนี่ดึกดื่นแบบนี้ ใครจะให้กลับ หืม”“ก็เพราะคุณไงทำให้หยาต้องกลับดึก” “ก็ถึงบอกให้นอนที่นี่ไง กำลังคิดอยู่ว่าจะให้นอนตรงไหนดี” “หยาว่าคุณวางแผนให้หยาอยู่มากกว่า” เธอฉลาดมาก เดาออกว่าหัวใจของเขากำลังหวั่นไหวกับเธอตั้งแต่แรกเจอ แถมยังหาทางพูดจาเย้าแหย่อยู่ตลอด “คนอย่างผมต้องวางแผนด้วย ดูหน้า
“งั้นก็กินค่ะ กินเสร็จกินยานอนพักผ่อน หยาจะได้กลับ” เธอขู่กลับบ้าง พร้อมกับเอี้ยวตัวเหมือนจะเดินหนี แต่เขาคว้าข้อมือเธอเอาไว้เสียก่อน เรียกได้ว่าต้องเป็นฝ่ายง้อเสียเอง “อะไรคะ” ปั้นหยาถามน้ำเสียงไม่พอใจ “ปวดท้อง ถ้าท้องเสียขึ้นมาแย่เลย” “เกี่ยวอะไรกับหยา ท้องใครท้องมัน” “ก็ถ้าหยากลับใครจะอยู่ดูแลผม” นี่เขากำลังอ้อนสินะ แล้วเมื่อกี้ทำเสียงดุใส่เธอ“หยาว่าคุณกำลังเครียดจากที่คุยงาน แล้วมาพาลหยาหรือเปล่า แต่ถ้าพาลก็ไม่แปลก เป็นเรื่องปกติที่เจ้านายมักจะพาลเก่ง เหวี่ยงเก่งโดยไม่มีความผิด” “ทำไมบ่นยาวจัง หืม ไม่ได้พาลลลล” ตฤณลากเสียงยาวเพื่อให้เธอเชื่อ ซึ่งเธอไม่เชื่อ “เสียงดุ” “เปล่าดุ” พอเขาปฏิเสธเธอก็ได้แต่เมินหน้าหนี “ขอโทษครับ ก็ดุแหละ คือคุยงานแล้วอารมณ์ค้างน่ะ ยังสลัดความเครียดไม่ออก” “แล้วยังปวดท้องอยู่ไหมคะ” เธอลองถามย้ำเพราะเห็นทำท่าปกติ “ปวดดดด” แล้วเขาก็ทำเสียงอ้อนอีก เหมือนคนเป็นไบโพล่าเลย ให้ตายสิ เขานี่มันเจ้าเล่ห์เสียจริง เธอคิด พลางนั่งลงที่เดิมแล้วหยิบถ้วยโจ๊กส่งให้เขา แล้วมองนิ่งๆ สายตาไร้อารมณ์เสียเหลือเกิน ที่มาดูแลเขาเพราะถูกบังคับสินะ คิดแล้ว ก็ได้แต่ถอนใจ
“งั้นไปที่ห้องนั่งเล่นดีกว่าครับ เป็นส่วนตัวกว่าห้องรับแขกมีทีวีดูเพลินๆ ระหว่างรอ ผมจะได้หาอะไรมาให้กินเสียเลย” “ก็ดีค่ะ ดูท่าทางจะนาน” ว่าแล้วกันระพีก็พาเดินผ่านห้องรับแขกไป ซึ่งอยู่ติดกันนั้นเป็นห้องนั่งเล่น แบบเป็นส่วนตัว โดยตรงข้ามกันก็เป็นห้องทำงานของตฤณ เพิ่งสังเกตว่าบ้านหลังใหญ่สไตล์โมเดิร์น ไม่ได้กว้างแบบโอ่โถงเหมือนคฤหาสน์เจ้าสัว แต่เป็นสัดส่วนมากกว่า ปั้นหยานั่งรออย่างสงบเสงี่ยม รอกันระพีนำอาหารมาเสิร์ฟ เพราะเธอยังไม่ได้กินอะไร นึกเป็นห่วงคนที่มีอาการไม่สบายท้อง แต่ดันมีการคุยงาน หรือนี่จะเป็นนิสัยที่บ้างานของเขาเนี่ย “หยาขอถามได้ไหมคะ ปกติแล้วจะมีคนแวะเวียนมาคุยงานด้วยแบบนี้เสมอเลยเหรอคะ” ปั้นหยาเอ่ยถามเมื่อกันระพีเข้ามา แล้ววางอาหารลง“ใช่ครับ” “แล้วนี่ไม่สบายด้วย จะทนนั่งได้นานแค่ไหน”“คงไม่เป็นไรหรอกครับ ท่านทนเก่ง” กันระพีตอบและยิ้มแปลกๆ “กินอะไรก่อนนะครับเดี๋ยวหิว” “เอ่อ แล้วท่านประธานคุยนานไหมคะ หรือแล้วแต่อารมณ์” “จะว่าแล้วแต่อารมณ์ก็ไม่ใช่เสียทีเดียวครับ แล้วแต่งานมากกว่า ถ้าสำคัญ เครียด และมีรายละเอียดเยอะก็คุยนาน แต่ถ้าไม่อะไรมากมายก็แปบเดียวครับ สักชั่วโม
“งั้นเดี๋ยวผมจะลงไปพร้อมกับคุณหยา จะได้บอกคนขับรถและการ์ด แล้วจะกลับมานะครับ”“อืม” ตฤณตอบเสียงเรียบ จากนั้นก้องการุณก็พาปั้นหยาลงไปด้านล่าง จัดการเรียกคนขับรถและการ์ดพาไปส่งที่บ้าน ดูแลความปลอดภัยให้เป็นอย่างดี เมื่อเรียบร้อยแล้วก้องการุณจึงขึ้นหาเจ้านายอีกรอบ “สรุปไปไหนมา” ตฤณถามขึ้นทันที “ไปธุระเรื่องผู้รับเหมารับ”“สรุปว่าเขาจะมาไหมล่ะ”“ก็จะมาครับ แต่เห็นคุณท่านเป็นแบบนี้ ผมคิดว่าจะมีแรงคุยหรือเปล่า ยกเลิกได้นะครับ” “ถ้าเรื่องงาน เหนื่อยแค่ไหนฉันก็ทำได้ ฉันอยากคุยแบบเห็นหน้า ไม่อยากโทร ไม่อยากนัดไปที่บริษัท”“อีกเดี๋ยวก็คงมาครับ น่าจะเป็นจังหวะดีที่คุณหยากลับบ้าน ว่าแต่... อาหารเป็นพิษจริงเหรอครับเนี่ย ปกติไม่เป็นแบบนี้” ก้องการุณแสร้งถามพลางหรี่ตามองเหมือนสงสัยเจ้านาย“แกสงสัยอะไร ก็จุกเสียดแน่นท้อง มันนึกอยากจะเป็นมันก็เป็น ร่างกายคนเรา จะให้แข็งแรงตลอดเวลาได้ยังไง” ตฤณแสร้งตอบเฉไฉแถมไม่มองหน้าอีก “เริ่มไม่แข็งแรงตอนคุณหยาอยู่ด้วยหรือเปล่าครับ” “รู้ดี” สิ้นคำ ตฤณก็ลุกพรวดจากที่นอน เดินดุ่มๆ เข้าห้องน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำเสียอย่างนั้น“ท่านประธานเป็นคนเจ้าเล่ห์ตั้งแต่เมื่
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! ผ่านไปสักครึ่งชั่วโมงก็ได้ยินเสียงเคาะประตู ก่อนจะถูกเปิดเข้ามาช้าๆ นั่นคือแม่บ้านคนเดิม ถือถาดอาหารเข้ามา“เอ่อ น้าเตรียมอาหารอ่อนๆ มาให้ค่ะ” แม่บ้านบอกปั้นหยา“ขอบ... ขอบคุณค่ะ เอ่อ หยาขออนุญาตอยู่ดูท่านสักพักนะคะแล้วค่อยกลับ รอคุณก้องกลับมาก่อน” “อยู่เถอะค่ะ ดีเสียอีกมีคนอยู่เป็นเพื่อนท่าน”“จริงสิ หนูลืมแนะนำตัว หนูชื่อหยาค่ะ ปั้นหยาเป็นเลขาคนใหม่ของท่านประธาน”“น้าแจ่มค่ะ เป็นแม่บ้านที่นี่หลายปีแล้ว” น้าแจ่มแนะนำตัวยิ้มๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง“น้าฝากคุณท่านด้วยนะคะ”“ค่ะ” ปั้นหยารับปาก จากนั้นน้าแจ่มก็ออกไปอย่างมีมารยาท อย่างนี้ปั้นหยาจะปลุกเขาลุกขึ้นมารับประทานยังไงล่ะ ดูท่าจะหลับนาน แต่ก็ยังดีที่ไม่มีอาการงอแงปวดท้องจุดเสียดให้เห็น “เฮ้อ” ปั้นหยาได้แต่ถอนใจแล้วนั่งเฝ้า จะบอกว่าเบื่อก็ใช่เพราะไม่มีอะไรทำ เนื่องจากนี่ไม่ใช่บ้านตัวเอง ไม่กล้าลุกไปรื้อค้นอะไรให้เสียมารยาท “อื้อ!” ตฤณครางอื้ออึงในลำคออีกครั้งพร้อมกับบิดตัว มือก็กุมท้องเอาไว้ พอจุดเสียดมากๆ เข้าเขาก็ลืมตา พยุงตัวลุกขึ้นมาหายใจเข้าออกลึกๆ “นึกว่ากลับแล้วซะอีก” “ยังสิคะ ไม่ใช่คนชอบผิดคำพูดเสียห
“เดี๋ยวผมมาครับ ไปไม่นานหรอก เรื่องงานนั่นแหละ”“ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรนายนะ อื้อ! ส่วนหยาอยากจะกลับก็กลับ” พูดไปพลางเขาก็ทำท่าจุกเสียดไปพลาง แล้วงี้เธอจะไปได้ยังไง ทิ้งเขาไว้กับแม่บ้านก็จะรู้สึกผิดอีก“คุณหยาอยู่เป็นเพื่อนคุณท่านก่อนนะครับ คุณท่านไม่ชอบให้ใครขึ้นมายุ่มย่ามบนห้องนอกจากผม” “ถ้าหยามีธุระกับแฟนก็ไม่ต้องไปรบเร้าน่าก้อง” ตฤณประชดด้วยความน้อยใจ “คุณก้องไปเถอะค่ะ หยาอยู่ได้” “ขอบคุณครับ งั้นเดี๋ยวผมมา” ว่าแล้วก้องการุณก็รีบออกไปทันที เหลือไว้แต่ปั้นหยากับตฤณตามลำพัง มาถึงตอนนี้เขาก็เมินหน้าหนี งอนเง้าเสียอย่างนั้น“ผมบอกว่า ผมดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องห่วง” “หยาก็ไม่ได้เถียงนะคะ กินยาแล้วก็นอนพักเถอะค่ะ”“แฟนคุณจะเข้าใจผิดไหม ทำงานวันแรกก็มาโผล่ที่บ้านเจ้านายก่อน” “เอาเป็นว่าหยาจะนั่งตรงนี้ คุณก็เลิกพูดเถอะค่ะ แล้วยังจุกอยู่ไหมคะ” พูดไปด้วยเธอก็เผลอเอามือลูบไปตามแขนของเขาด้วย “ยาเพิ่งจะลงท้องไป มันไม่ได้หายง่ายขนาดนั้นนะ” “ตอบว่ายังสิคะ ตอบง่ายๆ” “ยังครับ” “ดีค่ะ” เธอบอก แต่ทว่าอยู่ๆ ก็คิดที่จะลุกไปหาผ้าขนหนูผืนเล็กแล้วชุบน้ำกลับมาเช็ดตัวให้เขา เผื่อจะดีขึ้น“ขออนุญาตค่ะ”