เมื่อพูดถึงซือเย่เจ๋ว สีหน้าของเจียงเซิงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เพื่อไม่ให้เจียงเซิ่นเป็นห่วง เธอจึงยิ้มและพูดว่า "ฉันบอกเด็กๆ แล้ว"เจียงเซิ่นพยักหน้า"พ่อ ไม่งั้นพ่อจ้างแม่บ้านเถอะ หากมีแม่บ้าน คุณก็ไม่ต้องเหนื่อยขนาดนั้น" เจียงเซิงเปลี่ยนเรื่องเจียงเซิ่นยิ้มและโบกมือ "พ่อมีเวลาเยอะ เวลาว่างๆ จะลงมือด้วยตัวเองก็ไม่เลวนะ"เจียงเซิงหรี่ตาลง ครุ่นคิดเกี่ยวกับอะไรก่อนพูดว่า "ไม่งั้นถ้าหากมีเวลา ฉันจะให้เด็กๆ มาอยู่เป็นเพื่อนคุณก็ได้ ใช่แล้ว คุณยังไม่เคยเจอเด็กๆ มาก่อนเลย"เจียงเซิ่นตกตะลึง แต่ก็ยิ้มเช่นกัน "จริงสิ พ่อไม่เคยเห็นพวกเขาเลย เด็กๆ จะ... จะไม่ชอบฉันหรือเปล่า?""ไม่เลย แม้ว่าพวกเขาอายุยังน้อย แต่ก็เป็นคนรู้ความ" ถ้าเป็นเมื่อก่อน เธอคงไม่คิดที่จะให้เด็กๆ มาที่ตระกูลเจียง แต่ตอนนี้มันแตกต่างออกไปแล้ว"ติ๊งดอง" กริ่งประตูดังขึ้นเจียงเซิ่นยืนขึ้นและเดินไปเปิดประตู เมื่อเขาเห็นคนที่ยืนอยู่นอกประตู เขาก็ตกใจ " ท่านเจ๋ว?"ใบหน้าของเจียงเซิงดูไม่สบอารมณ์เมื่อเธอเห็นซือเย่เจ๋ว เขามาเร็วสินะ วันนี้ไปอยู่กับซูหลิงโหรวที่ร้านอวี้ไจ่เห็นมีความสุขมากไม่ใช่หรือ?เจียงเซิ่นเชิญเขาเข
"ถ้าอย่างนั้น คืนนี้คุณกลับไปนอนเถอะ" เจียงเซิงดึงมือของเขาออกโดยยิ้มอย่างไม่เต็มใจ แล้วผลักเขาออกจากห้องเสียงดัง "ปัง"ประตูถูกล็อคเจียงเซิงเอนหลังประตู โดยมีภาพที่เขาและซูหลิงโหรวอยู่ในร้านอวี้ไจ่โผล่ออกจากสมองตลอด แต่เขากลับไม่รู้ตัวว่าตัวเองผิดตรงไหน เสแสร้งทำเป็นบริสุทธิ์อะไรกัน?ให้ตายเถอะ ทำไมเธอถึงใส่ใจกับเรื่องนี้มากนัก เธอไม่ควรใส่ใจกับเรื่องนี้ถึงจะถูกสิเมื่อเห็นว่าไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ นอกประตู เจียงเซิงจึงหันศีรษะและครุ่นคิดอยู่ เขาได้ออกไปแล้วหรือยัง?ก็จริง เธอผลักเขาออกไปแล้ว ถ้าเขารู้ความสักหน่อยก็คงออกไปแล้วนะแต่ถ้าเขาแบกหน้าไม่ยอมไปล่ะ?เจียงเซิงกัดริมฝีปากของเธอ และเปิดประตูโดยไม่สามารถควบคุมสมองของตัวเองได้ ซึ่งซือเย่เจ๋วยังยืนอยู่นอกประตูและไม่จากไปไหนจริงๆ ขณะมองดูเธออย่างน่าสงสารด้วยสีหน้าน้อยเนื้อต่ำใจ...แม่งเอ๊ย!เจียงเซิงเอื้อมมือออกไปคว้าคอเสื้อของเขา แล้วนำเขาเข้าไปในห้อง ก่อนปิดประตู แล้วกดเขาเข้ากับผนัง จู่ๆ เธอก็เสียการควบคุมขึ้นมาและจูบริมฝีปากของเขาแบบสุ่มหากผู้ชายทำแบบนี้เพื่อประกาศเจ้าของ แล้วถ้าผู้หญิงทำล่ะ?ซือเย่เจ๋วหรีตาลงแล้วมอ
และความสัมพันธ์ระหว่างค่ายฝึกปิดขนาดใหญ่เช่นนี้ในเขตซูซาคุกับตระกูลซือคืออย่างไรกัน?ประตูค่ายฝึกเปิดออกอย่างช้าๆ และรถก็ขับเข้าไปโดยราบรื่นมากหลัวเชว่และเจียงเซิงลงออกจากรถ และมองออกไปก็สามารถเห็นสมาชิกฝึกซ้อมบนสนามฝึกเลยผู้ชายรูปร่างแข็งแกร่งคนหนึ่งเดินมาพร้อมกับหลัวหยิง หลัวหยิงสวมเครื่องแบบเท่และบนผมสั้นมีหมวกใส่ไว้อยู่ เธอดูเท่มาก และก็ดูเหมือนเด็กผู้ชายที่มีเสน่ห์จริงๆ"พี่สะใภ้!"หลัวหยิงรู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อเห็นเจียงเซิง และวิ่งไปหาเธอ "พี่สะใภ้ ทำไมคุณถึงมาที่นี่?"หลัวเชว่ไอเล็กน้อย และพูดว่า "คุณหนูเจียงมาที่นี่เพื่อฝึกซ้อม"หลัวหยิงตกตะลึงและพูดอย่างสงสัย "ท่านเจ๋วสมองเกิดปัญหาอะไรขึ้นหรือเปล่า ให้พี่สะใภ้มาสถานที่เช่นนี้... ""นั่นคือความต้องการของท่านผู้เฒ่า" หลัวเชว่ขัดจังหวะเธออย่างช่วยไม่ได้หลัวหยิงอ้าปากแต่ไม่พูดอะไร ท่านผู้เฒ่างั้นเหรอ... ท่านผู้เฒ่า โหดร้ายเกินไปหน่อยไหม พี่สะใภ้มีผิวบางและเนื้อนุ่ม เธอจะทนทรมานแบบน้ไหมเหรอ?"ใช่แล้ว พี่สะใภ้" เธอดึงชายที่อยู่ข้างๆ เธอเข้ามาแล้วแนะนำว่า "นี่คือหลัวหู่ พี่ชายคนโตของฉันและหลัวเชว่"หลัวหู่ได้พบกับเจียงเ
แน่นอนว่าเจียงเซิงจะไม่ไปรบกวนเธออยู่แล้ว จึงตอบรับด้วยรอยยิ้มเท่านั้นหลังจากที่หลัวหยิงจากไป ติงเมิ่งหลานก็ดูอยากรู้อยากเห็น "พี่เจียงเซิง คุณเป็นญาติของพี่หลัวหยิงหรือเปล่า?""ฮ่า ไม่ใช่สิ" เจียงเซิงยิ้มแล้ววางกระเป๋าเป้ที่เธอถือไว้ลงบนเตียงติงเมิ่งหลานนั่งอยู่บนเตียง เอียงศีรษะแล้วมองดูเธอ ก่อนขมวดคิ้ว "ถ้าอย่างนั้นคุณต้องรู้จักกับพี่หลัวหยิงสินะ"เจียงเซิงหยิบอุปกรณ์อาบน้ำออกมาทั้งหมด มองดูเธอแล้วพูดว่า "ว่าใช่ก็ได้ ทำไมเหรอ"เธอส่ายหัว และถามขึ้นทันทีว่า "ทำไมคุณถึงมาที่ค่ายฝึกล่ะ? หรือว่าคุณอยากเป็นสายลัด้วยหรือเปล่า?"เจียงเซิงหยุดชะงัก และดูสับสนเล็กน้อย "ค่ายฝึกเป็นสถานที่สำหรับฝึกสายลับเหรอ?"เรื่องนี้เธอไม่รู้จริงๆ"ใช่ไง คุณไม่รู้เหรอ?" ติงเมิ่งหลานประหลาดใจ แต่เจียงเซิงไม่รู้จริงๆติงเมิ่งหลานเห็นว่าเธอไม่รู้เรื่อง แต่ก็ไม่แปลกใจ "คุณไม่รู้ก็เป็นเรื่องปกติแหละ ถึงยังไงค่ายฝึกนี้เป็นค่ายฝึกเอกชน และโดยทั่วไปจะไม่เปิดเผยให้คนนอกรู้เรื่อง คนที่ออกมาจากที่นี่มีสายลับอันดับต้นๆ ไม่ก็เป็นนักรบระดับโลกหรือบอดี้การ์ดส่วนตัวเป็นต้น""แน่นอนว่าผู้ส่วนมากในที่นี่ต่างอยากไ
ขนตาของเจียงเซิงลดลง ปรากฎว่าเป็นการสอบเหล่านี้ และเธอมีเวลาเพียงครึ่งเดือนเท่านั้น นั่นก็หมายความว่าเธอต้องขอเข้ารับการสอบในหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้าเพื่อให้ได้คะแนนที่ดีภายในครึ่งเดือน คะแนนเต็มในแต่ละรายการมีหกสิบคะแนน ดังนั้นเธอแค่ได้คะแนนหนึ่งร้อยยี่สิบคะแนนก็ถือว่าผ่านแล้วในตอนเย็น ติงเมิ่งหลานพาเจียงเซิงไปที่โรงอาหารเพื่อกินข้าว โรงอาหารเป็นพื้นที่สาธารณะ และเป็นดูเพล็กซ์ เมื่อมองดูแวบแรกก็เห็นได้ว่ามีผู้ชายมากกว่าผู้หญิง"เวลากินข้าวมีกำหนดเวลาไว้ ถ้าเลยเวลานั้นไปหรือมาสายก็จะไม่มีอะไรให้กิน""ดูเหมือนว่าคุณมีประสบการณ์มากสินะ" เจียงเซิงล้อเธอเล่น ส่วนติงเมิ่งหลานก็หัวเราะอย่างเขินอายด้วยเจียงเซิงและติงเมิ่งหลานเดินไปต่อคิวเพื่อตักอาหาร พวกเธอชนเท้าของใครบางคนเข้าตอนเดินผ่านโต๊ะหนึ่ง ถ้าไม่ใช่ติงเมิ่งหลานพยุงเธอ เธอเกือบจะล้มลงชายที่นอนอยู่บนเก้าอี้โดยเอาหมวกปิดหน้าเกือบล้มลงกับพื้นเพราะการชนกัน เขาถอดหมวกออกด้วยความโกรธแล้วลุกขึ้นนั่ง "ใครหน้าไหนที่มีตาไร้แววมาชนฉัน.."เมื่อเขาเห็นใบหน้าที่สวยงามเข้า ผู้ชายคนนั้นก็ระงับคำสาปแช่งและเปลี่ยนคำพูดทันที "ไม่...ไม่เป็นไร"เจี
ฮะ?ทำไม คุณชายคนนี้ไม่มีความโกรธบนใบหน้าแม้แต่น้อยล่ะ แต่เขากลับเอามือกุมหัวและมองเจียงเซิงด้วยรอยยิ้มที่กระเพื่อมกู้ยี่ฟานหรี่ตาของเขาราวกับสุนัขจิ้งจอก "เธอไม่ได้พยายามอยากดึงดูดความสนใจของฉันใช่ไหม?"โดยปกติแล้ว ถ้าผู้หญิงต้องการดึงดูดความสนใจของเขา เขาจะคิดว่ามันเสแสร้งมาก แต่ถ้าเธอใช้วิธีนี้เพื่อดึงดูดความสนใจของตัวเอง เขาคิดว่ามันได้ผล!ฮ่า!เจียงเซิงแทบจะพ่นซุปที่กำลังอยู่ในปากของเธอ เธอรู้สึกตลกมาก แล้วหันไปมองเขา "น้องเอ๊ย คุณค่อนข้างหลงตัวเองสินะ"เขาพยักหน้า "ฉันรู้นะ"เจียงเซิง "..."กู้ยี่ฟานคิดอะไรได้ และหยิบถุงช็อคโกแลตออกมาจากกระเป๋าของเขา "แบรนด์จากประเทศ A คุณอยากลองไหม?"อาจเป็นเพราะเขากลัวที่จะถูกเธอปฏิเสธ เขาจึงเสริมว่า "มีคนดูเยอะมาก ถ้ายังปฏิเสธฉันอยู่ ฉันคงต้องขายหน้ามาก รับไปเถอะ"กู้ยี่ฟานจับมือของเจียงเซิง วางช็อกโกแลตในมือของเธอ จากนั้นลุกขึ้นยืนและกลับไปที่ที่นั่งโดยทำท่าสอดมือเข้าในกระเป๋าของกางเกงเจียงเซิง " ??? "เด็กสาวที่นั่งอยู่ไม่ไกลมองดูมา หญิงสาวผมยาวสีดำติดกิ๊บติดผมมุกโยนช้อนลงในอาหารบนจานอย่างแรง หญิงสาวสองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เห็นว่
อยากเห็นภรรยาจริงๆวันแรกที่ภรรยาไม่อยู่ ผมคิดถึงเธอหลัวเชว่กลอกตาอย่างช่วยไม่ได้ "ท่านเจ๋ว คุณหนูเจียงจะไปเพียงครึ่งเดือนเท่านั้น ไม่ใช่หลายปี..."หากอยู่หลายปี ท่านเจ๋วคงต้องเป็นบ้า?เสียงเคาะประตูของห้องทำงานดังขึ้น เป็นซูหลิงโหรวที่เดินเข้ามาเธอเดินไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้ม "เย่เจ๋ว คุณปู่อยากกลับไปที่บ้านเก่าตระกูลซือ คุณเจียงก็ไม่อยู่ที่นี่ เขาเลยฝากฉันไปรับเด็กสามคนกลับบ้านในตอนกลางคืนนี้"ซือเย่เจ๋วขมวดคิ้วเล็กน้อย พ่อทูนหัวและแม่ทูนหัวตัวน้อยทั้งสามของเขาไม่ชอบซูหลิงโหรว หากให้เธอไปรับพวกเขา พวกเขาจะก่อเรื่องวุานวายแน่ๆเขาพูดด้วยน้ำเสียงสงบ "ไม่ตองเลย คืนนี้ผมต้องพาพวกเขาไปที่ตระกูลเจียง"เขาสัญญากับเซิงเซิง ว่าเขาจะพาลูกๆ ไปหาเจียงเซิ่นเมื่อเขามีเวลาเมื่อเห็นเขาปฏิเสธ สีหน้าของซูหลิงโหรวก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนสักเท่าไร "ก็ได้ งั้นฉันจะกลับไปก่อน"ทันทีที่เธอหันกลับมา รอยยิ้มบนริมฝีปากของเธอก็จางหายไป และใบหน้าของเธอก็ฉายแววอำมหิตเมื่อเธอเดินไปที่ลิฟต์ เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทรออกโดยไร้อารมณ์ "ฉี เธอยังอยู่ในค่ายฝึกหรือเปล่า ใช่แล้ว ฉันกลับมาแล้ว ฉันจะไปค่ายฝึ
ซูหลิงโหรวยืนอยู่ชั้นล่างพร้อมกอดอก เฝ้าดูร่างนั้นที่เข้าไปในอาคาร ดวงตาของเธอฉายแววอำมหิตถ้าไม่ใช่เพราะเธอมีลูกสามคนนั้น เธอจะคู่ควรที่อยู่ยืนเคียงข้าง เย่เจ๋วงั้นเหรอ?"พี่หลิงโหรว คุณรอมานานแล้วหรือยัง?"วั่งฉีเดินเข้ามาขัดจังหวะความคิดของซูหลิงโหรว แล้วยิ้ม "ไม่คิดว่าคุณจะกลับมาจริงๆ เลย?""ใช่ไง่ ช่วงนี้เธอเป็นยังไงบ้างในค่ายฝึก?" สีหน้าของซูหลิงโหรวเปลี่ยนไปทันที"ทุกอย่างก็เรียบร้อยดี แค่...สองวันนี้มีคนใหม่มา ฉันไม่ชอบเธอมากนัก" สีหน้าของวั่งฉีดูไม่ค่อยดีนักเมื่อเธอพูดถึงคนใหม่ซูหลิงโหรวเลิกคิ้วเล็กน้อย "คนใหม่คนไหน?""มันชื่อเจียงอะไรสักอย่าง""เจียงเซิง?"ความประหลาดใจแวบขึ้นมาในดวงตาของซูหลิงโหรว เธอไม่คาดคิดว่าเจียงเซิงเพิ่งมาวันแรกเอง วั่งฉีก็รู้จักเธอแล้ว?"ใช่ คนนั้นแหละ ฉันไม่ชอบเธอมากนัก เธอเพิ่งมาที่นี่ก็ทำให้คุณชายกู้หลงใหลจนหน้ามืดตามัวแล้ว เป็นนังจิ้งจอกชัดๆ พูดแล้วก็โมโห!"คำพูดของวั่งฉีทำให้รอยยิ้มบนริมฝีปากของซูหลิงโหรวมีความเลศนัยแอบแฝงไปด้วย วั่งฉีไม่ชอบเจียงเซิง มันจะจัดการได้ง่ายเลย ดูเหมือนว่าเธอไม่จำเป็นออกแรงแต่อย่างใดเพื่อจัดการ กับเจียงเซิง
*ถูกลูกเล่นของ Soul จิวเวลรี่ทำให้อ้วกแล้ว*แฟรงค์มองดูเธอ "เซิงเซิง จำนวนยอดขายของ Soul จิวเวลรี่ในวันนี้ลดลงอีกสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว บริษัทได้รับสายโทรศัพท์เพื่อสละออเดอร์และคืนเงินหลายออเดอร์แล้วดวงตาของเจียงเซิงขยับเขยื้อน "ดูท่าพวกเขาอยากจะบีบบังคับให้ฉันยอมจำนนสินะ""งั้นคุณวางแผนจะทำอย่างไร?" แฟรงค์รู้ว่าเธอไม่เปิดเผยตัวตนเพราะมีเหตุผลของเธอ ถ้าหากมีวิธีอื่นก็จะดีอย่างมากเจียงเซิงยื่นแท็บเล็ตไปให้เขา และหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา "ทางด้านผิ่นเก๋อยืนยันเป็นมั่นว่าฉันลอกเลียนแบบทั้ง Soul จิวเวลรี่ ถึงเวลาที่ฉันควรจะตอบโต้แล้ว"ในขณะที่กระแส "การลอกเลียนแบบ" บนอินเทอร์เน็ตกำลังโด่งดัง คำค้นหายอดนิยมของเฟซบุ๊กก็มีเพิ่มขึ้นมาหนึ่งประเด็น*ผิ่นเก๋อของปลอม*ผิ่นเก๋อ จิวเวลรี่ถูกเปิดเผยออกมาว่าแอบลดวัสดุและขั้นตอนการก่อสร้าง ขายเครื่องประดับปลอมในราคาสูงและหลอกลวงลูกค้า และสร้างข่าวลือเรื่องที่โซราเสียชีวิต แม้กระทั่งข่าวลือที่เจ้าของผิ่นเก๋อมอมเหล้าเด็กสาวในคลับเฮ้าส์ก็ถูกเปิดโปงจนหมดเปลือกการเปิดเผยอย่างต่อเนื่องนี้ ทำให้เหตุการณ์ของ Soul จิวเวลรี่ถูกดันลงไปทันที เพียงแค่เรื่องที่
"ทำไม่ได้" ซือเย่เจ๋วเสียงทุ้มต่ำ จากนั้นจูบเธออย่างแรง และยิ่งอยู่ยิ่งรุนแรงขึ้นอาจเป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง เมื่อคืนฝนตกหนักทำให้อุณหภูมิเปลี่ยนไปหนาวเย็นกะทันหัน ใบไม้สีเหลืองที่แห้งเหี่ยวปกคลุมบนพื้น สัมผัสกับแอ่งน้ำเจียงเซิงกับซือเย่เจ๋วเพิ่งไปส่งเจ้าตัวเล็กทั้งสองคนที่โรงเรียนประถมเอกชน จากนั้นตอนที่เดินทางไปส่งเจียงเซิงที่ Soul จิวเวลรี่ เจียงเซิงง่วงจนพิงร่างกายของเขาแล้วงีบหลับซือเย่เจ๋วหันหน้าไปจ้องมองเธอ จากนั้นก็ยกมือขึ้นรวบไรผมที่อยู่ตรงหน้าผากของเธอ "ยังง่วงเหรอ?""อืม"เจียงเซิงบ่นอย่างซื่อตรง "โทษคุณเลย"เขายิ้ม จากนั้นก็มก้มตัวมาที่ข้างหูของเธอ "หรือว่าไม่ใช่ความผิดของคุณเหรอ?"เจียงเซิงเงยหน้าขึ้นและวางคางบนไหล่เพื่อมองดูเขา "ไม่ได้ให้คุณทำสองยกทั้งคืนสักหน่อย"ซือเย่เจ๋วที่สูญเสียความทรงจำไม่เพียงควบคุมอารมณ์ไม่ได้ แถมยังมีกำลังวังชาเต็มเปี่ยม เกือบพรากชีวิตแก่ ๆ ของเธอซือเย่เจ๋วไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจกลับรู้สึกพึ่งพอใจอย่างมากในตอนนี้โทรศัพท์ของเจียงเซิงดังขึ้น คุณอาแฟรงค์โทรมาหาเธอแต่เช้าเกรงว่าต้องมีเรื่องใหญ่แน่นอนเธอรับสาย "คุณอาแฟรงค์?""เซิงเซิง
แต่ชาวเน็ตส่วนใหญ่คิดว่านี่ไม่ใช่การลอกเลียนแบบ ต่อให้สไตล์เหมือนกันแต่ยังมีจุดเด่นอื่นอีก สถานการณ์แบบนี้ไม่สามารถจำกัดความว่าเป็นการลอกเลียนแบบได้ ขอถามกลับว่าคนที่พูดว่าลอกเลียนแบบมีสิทธิอะไรคิดว่าคนเขาจะต้องลอกเลียนแบบแน่นอนน่าจะเป็นเพราะผู้บริหารของผิ่นเก๋อ จิวเวลรี่เห็นว่านี่ไม่เพียงไม่ได้กดหัวคนอื่น แต่กลับเป็นวิธีที่ "ใจร้อนอยากประสบความสำเร็จแต่กลับทำให้เสียการ" จึงอยากเพิกถอนคำค้นหายอดนิยมออกแต่คิดไม่ถึงว่า พวกเขาไม่สามารถเพิกถอนได้ เพราะว่ามีคนทุ่มเงินจำนวนมากซื้อคำค้นหายอดนิยมนี้ ผิ่นเก๋อของพวกเขาออกเงินสองเท่า ฝ่ายตรงข้ามก็ออกเงินสี่เท่า ตอนนี้เล่นเกมทุ่มเงินซื้อคำค้นหายอดนิยมแล้วเจียงเซิงนั่งดูหน้าแชทเฟซบุ๊กอยู่ตรงหน้าคอมพิวเตอร์ แฟรงค์เดินเข้ามา "เซิงเซิง ผิ่นเก๋อยอมแพ้การเพิกถอนคำค้นหายอดนิยมแล้ว ดูท่าว่าจะทุ่มเงินไม่ไหวแล้ว"เจียงเซิงหรี่ตาลง "พวกเขาทำใจทุ่มเงินไม่ได้ แต่น่าจะมีวิธีอื่นอีก"ทางด้านเจียงเซิงทุ่มเงินซื้อคำค้นหายอดนิยมกับผิ่นเก๋อ ทางด้านซือเย่เจ๋วก็ทุ่มเงินล้มธุรกิจของหานซื่อกรุ๊ป หลัวเชว่มองดูจนตกตะลึงตาค้าง สามีภรรยาคู่นี้ตอนนี้เป็นคนโง่ที่เงินเ
เซียวเถียนเถียนใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา เธอตกใจจนถอยหลังไปสองสามก้าว จากนั้นก็หันหลังวิ่งหนีไปเมื่อมาถึงนอกห้องทำงานของเจียงเซิง คนทั้งคนยังคงอยู่ในสภาพเครื่องรวน เมื่อเข้าไปข้างในก็ทรุดนั่งลงบนโซฟา ขาก็อ่อนแรงไปหมดเจียงเซิงเดินออกมาจากห้องทำงาน เห็นท่าทางเหม่อลอยของเซียวเถียนเถียน ก็ยิ้มบาง "เกิดอะไรขึ้น?"เซียวเถียนเถียนลุกนั่งทันที และวางกาแฟบนโต๊ะทำงานของเธอ "ซื้อ...ซื้อมาให้เธอ"เจียงเซิงเดินไปตรงหน้าโต๊ะแล้วหยิบกาแฟขึ้นมา เห็นเธอพูดจาติดขัดจึงถามขึ้น "เจอเรื่องอะไรมา ทำไมถึงตกใจขนาดนี้?""ก็...ก็ไม่ได้เจอเรื่องอะไร ก็แค่ระหว่างทางที่ซื้อกาแฟได้เจอกับหานเซิงเข้า เกือบจะทะเลาะกับเธอขึ้นมา"เจียงเซิงถือกาแฟเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงาน "แค่นั้นเหรอ?"เธอเม้มริมฝีปากแล้วพูดว่า "ใช่""งั้นเธอทำไมหน้าแดงขนาดนี้?""นั่นเป็นเพราะว่าฉันร้อน!" เซียวเถียนเถียนโกรธขึ้นมาทันที เจียงเซิงมองท่าทางประหม่าของเธอออก จึงหรี่ตาจ้องมองเธออยู่นานต่อให้เจอกับหานเซิงแล้วทะเลาะกัน ก็ไม่ถึงกับทำให้เธอกลายเป็นแบบนี้ ท่าทางแบบนี้เห็นได้ชัดว่า...ทำเรื่องไม่ดีอะไรมา"อ่อใช่เซิงเซิง บนเฟซบุ๊กเรื่องลอกเลียนแ
"เธอ…"“ผู้ชายทุกคนชอบผู้หญิงที่อ่อนโยนและน่ารัก คนปากคอเราะรายอย่างเธอชีวิตนี้คงไม่มีคนชอบเธอหรอก”ขณะพูด เธอก็พูดเหน็บแนม "ถ้าไม่ใช่ว่าเธอเป็นลูกสาวตระกูลเซียว จะมีการแต่งงานเกี่ยวดองกันกับตระกูลลู่ที่ดีขนาดนี้เหรอ คุณชายลู่แต่งงานกับเธอซวยไปแปดชาติจริง ๆ"เซียวเถียนเถียนสีหน้าเคร่งขรึมลงทันที เธอง้างมือขึ้นจะฟาดหน้าของหานเซิงหานเซิงเงยหน้าขึ้นให้เธอตบแต่ฝ่ามือยังไม่ทันโดน ข้อมือก็ถูกคนจับเอาไว้ลู่ลี่เซินดึงเซียวเถียนเถียนไปข้างหลังแล้วมองดูเธอ "ลงมือต่อหน้าคนมากมายแบบนี้ ไม่รู้จักอายบ้างเหรอ?"ผู้คนรอบตัวพากันมองมาทางนี้ เหมือนกำลังจะรอดูฉากเด็ดอยู่ ถ้าหากเมื่อครู่เซียวเถียนเถียนตบลงไปจริง ๆ ก็จะมีคนถ่ายรูปเอาไว้และเอาเรื่องนี้ไปพูดกันแต่เซียวเถียนเถียนไม่ยอมแพ้ เธอสะบัดมือของเขาออก "นายยุ่งอะไรกับฉันด้วย""คุณชายลู่ คุณมาได้พอดีเลย คู่หมั้นของคุณร้ายกาจ เมื่อครู่ยังอยากจะตบฉันด้วย ถ้าคุณไม่ห้ามไว้ หน้าของฉันคงบวมไปแล้วหานเซิงท่าทางน่าสงสาร เธอมีความมั่นใจคิดว่าผู้ชายชอบแบบนี้กันหมด แทบอยากจะให้ลู่ลี่เซินเห็นใจเธอ สงสารเธอ และทะเลาะกับเซียวเถียนเถียนขึ้นมาแต่หานเซิง
กู้เฉินกวางยิ้มบางแต่ไม่ได้พูดอะไรหลัวเชว่มองไปที่ซือเย่เจ๋วและพูดไม่ออก นี่เห็นได้ชัดว่าถูกคุณเจียงควบคุมจนอยู่หมัดแล้ว......บริษัท Soul จิวเวลรี่สิบเจ็ดบอกว่าเจียงยี่กับผู้เฒ่าเจียงได้พาเจียงเฮงกลับเมืองจินเฉิงแล้วเงินห้าแสนกว่าบาทที่ต้ายฉิงใช้จ่ายไปตอนนี้ได้ตามกลับผ่านทางตำรวจแล้ว แต่ก็ตามกลับมาได้แค่แสนกว่าบาท แต่ต้ายฉิงถูกควบคุมการเดินทาง อยากจะหนีก็หนีไม่ได้เจียงเซิงก็ไม่ได้พูดอะไรมากมายหลังจากผ่านเรื่องนี้ไปผู้เฒ่าเจียงคงจะทำตัวดีไม่น้อย จากอายุของเธอในตอนนี้อยากจะดิ้นรนต่อไป เกรงว่าคงจะไม่มีโอกาสดิ้นรนแล้วหลายชายของตัวเองล้างผลาญครอบครัวใช้เงินสะสมของเธอจนหมด แถมยังถูกหลอก แม้แต่ลูกชายก็ยังไม่ยอมรับเธอ ตอนนี้เธอก็ไม่มีอารมณ์คิดถึงมรดกของพ่อของเธอแล้ว*อลิซลอกเลียนแบบโซรา*พาดหัวข่าวเฟซบุ๊กที่โดดเด่นบนหน้าจอทำให้เจียงเซิงที่เพิ่งดื่มน้ำแทบจะพ่นน้ำออกมาเธอลอกเลียนแบบตัวเอง?เมื่อเปิดดู ก็เป็นเรื่องประดับ*รุ่นคู่รัก*ที่เธอออกแบบคล้ายกับสไตล์การออกแบบของเธอก่อนหน้านี้ แต่ไม่รู้ว่าใครตั้งใจพูดตัดสินเรื่องนี้ว่าลอกเลียนแบบ ชาวเน็ตที่ไม่ผ่านกรองการครุ่นคิดก็เชื่อจ
กู้เฉินกวางถอดแว่นกันแดดออกแล้วใส่ไว้ในกระเป๋าตรงหน้าอก "สถานการณ์ของนายแบบนี้ คงไม่ต้องให้ฉันแนะนำตัวเองใช่ไหม?"ซือเย่เจ๋วก็มองออกว่าเขาคือใคร "อยู่ในวงการบันเทิงได้ไม่เลวเลยสินะ"กู้เฉินกวางหัวเราะเบา ๆ “คนอื่นบอกว่านายความจำเสื่อมฉันยังไม่เชื่อ”เขาเดินไปที่โซฟาแล้วนั่งลงด้วยตัวเอง หลัวเชว่รินชาให้เขาหนึ่งแก้วซือเย่เจ๋วลุกขึ้นยืนและเดินอ้อมโต๊ะทำงานไปตรงหน้าโซฟา จากนั้นก็ปลดกระดุมชุดสูทออกแล้วนั่งลง "แขกหายากสินะ มีธุระอะไรกับฉัน?""มีธุระจริง ๆ นั่นแหละ" กู้เฉินกวางยกแก้วน้ำชาขึ้น "ฉันคิดว่านายคงจะเคยรู้จักกับหานจื้อเหนียนสินะ?"ในตอนที่ซือเย่เจ๋วกำลังครุ่นคิดว่าหานจื้อเหนียนคือใคร หลัวเชว่ก็ก้มตัวชี้แนะ "ประธานหานคนนั้นเมื่อครั้งที่แล้ว"ซือเย่เจ๋วหรี่ตาลงและยิ้มอย่างมีความหมายลึกซึ้ง "ทำไม ตระกูลหานมุ่งเป้าไปที่นายเหรอ?"กู้เฉินกวางไม่ได้พูดอะไรซือเย่เจ๋วสีหน้าจริงจังขึ้นมา "ฉันว่านายก็อายุเยอะแล้ว ควรจะพิจารณาเรื่องการแต่งงานได้แล้ว?"กู้เฉินกวางวางแก้วชาลง และครุ่นคิด “เร่งให้ฉันแต่งงาน นายเป็นห่วงอะไร?”ซือเย่เจ๋วสีหน้าเคร่งขรึมเล็กน้อย จากนั้นกอดอกมองเขา "ตาข้าง
เจียงเซิงไม่ปฏิเสธ "ใช่ค่ะ" เธอหัวเราะเบา ๆ "รวมทั้งเงินห้าล้านบาทนั่นด้วย นั่นก็เป็นเงินที่ฉันให้ คุณก็ไม่ได้บอกคุณย่าว่าคุณมีเงินห้าล้านบาทใช่ไหม?"ผู้เฒ่าเจียงหันหน้ามองไปทางเจียงยี่เจียงยี่ไม่ได้พูดอะไร เห็นได้ชัดว่ายอมรับแล้ว"คุณไม่อยากยอมรับแม่ ไม่อยากยอมรับลูกชาย ฉันก็ไม่ก้าวก่ายคุณ ในเมื่อเงินเอาให้คุณแล้ว คุณอยากจะใช้อะไรก็เรื่องของคุณ"เจียงเซิงกอดอก สายตาเย็นชา "แน่นอนว่าถ้าหากคุณยอมเอาเงินไปใช้ในทางที่ต้อง ฉันอาจจะให้โอกาสคุณอีกครั้ง แต่น่าเสียดายที่คุณปรับเปลี่ยนตัวเองไม่ได้แล้ว เอาเงินให้คุณมากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ใด ๆ"มือที่วางอยู่บนขาของเจียงยี่กำแน่นอย่างอดไม่ได้ สีหน้าก็รู้สึกอับอายผู้เฒ่าเจียงมองดูเจียงเซิง "เซิงเซิง ในเมื่อเธอยังมีชีวิตอยู่ และก็ยอมช่วยอาของเธอกับลูกพี่ลูกน้องของเธอ...""คุณย่า คุณคิดมากเกินไปหรือเปล่า?" เจียงเซิงขัดคำพูดของเธอทันที "ฉันไม่ได้ช่วยพวกเขาโดยไม่มีเหตุผลหรอกนะคะ ฉันก็แค่ช่วยให้คุณได้เห็นความโหดร้ายของโลกนี้อย่างชัดเจน"ผู้เฒ่าเจียงมองไปทางเธอด้วยความเหม่อลอยเจียงเซิงลุกขึ้นเดินไปตรงหน้าต่าง และหันข้างมองไปทางพวกเขา "เพราะว
เพิ่งจะเข้าไปในห้อง เจียงยี่ก็อยู่ด้วย เจียงยี่นั่งอยู่บนเก้าอี้ บอดี้การ์ดที่อยู่ด้านหลังวางมือบนไหล่ของเขาไม่ให้เขาหนีไปได้ตอนที่ผู้เฒ่าเจียงเห็นผู้หญิงแปลกหน้าถูกพาตัวเข้ามา และคุกเข่าลงบนพื้น ก็งุนงงไปหมด "นี่คือ..."สิบเจ็ดพูดด้วยสีหน้านิ่งเฉย "ฉิงฉิงที่หลานชายของคุณพูดถึง คุณให้เธออธิบายกับคุณเองเถอะ"ฉิงฉิง?ผู้เฒ่าเจียงสายตามองไปที่ผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง ต้ายฉิงร้องไห้แล้วคลานมาที่ข้างเตียง "คุณย่าเจียง ขอโทษนะคะ ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่ควรหลอกลวงเจียงเฮง ขอร้องพวกคุณปล่อยฉันไปเถอะค่ะ"ผู้เฒ่าเจียงนึกขึ้นได้ว่าเจียงเฮงหลานชายของเธอนำเงินก้อนนั้นให้กับผู้หญิงคนนี้ เธอก็รู้สึกโมโหขึ้นมา และผลักฉิงฉิงออก "เธอยังมีหน้ามาหาฉันอีก? เงินของหลานชายฉันล่ะ?"ต้ายฉิงถูกผลักล้มลงกับพื้น ไหล่ของเธอสั่นเทา น้ำตาไหลลงแก้ม ชั่วขณะไม่รู้ว่าควรจะพูดเรื่องเงินก้อนนั้นที่เธอใช้ไปหมดแล้วอย่างไรดี“ฉิงฉิง!”เจียงเฮงปรากฏตัวนอกประตูและเห็นต้ายฉิงนั่งอยู่บนพื้น เขาจึงรีบเดินไปประคองเธอ "คุณย่า ฉิงฉิงมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร"“แกยังจะพูดอีก?” ผู้เฒ่าเจียงหน้าเขียวหน้าดำ "นังเด็กคนนี้หลอกเอาเงินของแก เ