เจียงเฉินเฉิน "เอ่อ"เขารีบวิ่งออกกลับไปลู่ลี่เซินหยิบข้อมูลบนโต๊ะขึ้นมาแล้วอ่านดูเจียงเฉินเฉิน...เจ้าเด็กน้อยคนนี้มีนามสกุลเจียงด้วยเหรอ?**ซือเย่เจ๋วได้ยินว่าเจียงเซิ่นมาพบเจียงเซิง และไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรไปบ้าง เจียงเซิงมีสีหน้าหดหู่ และอยู่ในห้องทำงานตลอดหรือว่าเจียงเซิ่นมาที่นี่เพื่อหาเรื่องกับเธออีกแล้ว?เมื่อนึกอย่างนั้น เขาก็ตรงไปที่ชั้นสิบหกทันทีซือเย่เจ๋วเดินไปถึงนอกห้องทำงานของเธอ เปิดประตู และเห็นเธอนั่งอยู่บนโซฟาโดยงอขาของเธอ ดูโดดเดี่ยวและเศร้าหมองอยู่แม้ว่าเธอจะเห็นซือเย่เจ๋วเข้า เธอก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองตามปกติผู้หญิงที่มักจะแสดงสีหน้าไม่เป็นมิตรของเธอตอนนี้กลับนั่งเงียบๆ เหมือนแมวที่ถูกทอดทิ้งที่น่าสงสารอย่างไรอย่างนั้น ซึ่งทำให้ซือเย่เจ๋วทำอะไรไม่ถูกในชั่วขณะเขาเดินไปหาเธอ มองลงที่เธอ จากนั้นยื่นมือออกไปลูบหัวของเธอดวงตาของเธอขยับเล็กน้อย และหลังจากที่เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเข้ากับซือเย่เจ๋ว เธอก็หันหน้าและพึมพำว่า "อย่ามองฉันด้วยสายตานี้... ฉันไม่ต้องการความเห็นใจจากคุณ"รู้สึกเหมือนเขากำลังมองตัวเองราวกับว่าเธอเป็นคนน่าสงสารอย่างไรอย่างนั้นซือเย
ไอ้คนไม่ได้เรื่อง เอาแต่ทำลายบรรยากาศ!หลัวเชว่ไม่สนใจว่าเขาอยากฆ่าเขาให้ตายหรือไม่ และพูดว่า "ท่านเจ๋ว คุณท่านส่งวิดีโอคอลมาและบอกว่ามีธุระสำคัญ!"ซือเย่เจ๋วกลับมาที่ห้องทำงาน ดูเหมือนว่าคุณท่านซือที่ปรากฏอยู่หน้าจอนั้นได้รอเขามานานแล้ว เมื่อเห็นเขากลับไปนั่งที่เก้าอี้ เขาก็ถามว่า "แม่ของเซิงเซิงมาจากตระกูลกุงเหรอ?"ดวงตาของซือเย่เจ๋วยังสงบ "หลัวหู่บอกคุณแล้วเหรอ"เรื่องนี้เขาให้หลัวหู่ไปตรวจสอบ และแม้แต่หลัวเชว่เขาก็ไม่ได้บอกด้วยซ้ำใบหน้าของคุณท่านซือเย็นชาลง "ปู่ของนายจะกลับประเทศกลางเดือนมิถุนายน""คุณปู่เขาจะกลับมาแล้วเหรอ?""ฮึ ก็ไม่ใช่เพราะเขารู้ว่านายมีลูก จะไม่กลับมาดูสักหน่อยได้ยังไง? นายคิดว่าจะปิดบังเรื่องนี้กับเขาได้เหรอ"ซือเย่เจ๋วไม่ได้พูดอะไรเขารู้เพียงว่าเนื่องจากปู่ทวดของเขามีความสัมพันธ์กับราชวงศ์ของประเทศ S จึงเคยมีข้อพิพาทบางอย่างกับตระกูลกุงมาก่อนพ่อของเขาไม่ได้มีอะไร แต่ปู่ของเขาได้รับอิทธิพลจากปู่ทวดของเขา และความประทับใจของเขาที่มีต่อตระกูลกุงก็ไม่ได้ดีสักเท่าไรนั่นเป็นเหตุผลที่เขาไม่กะที่จะบอกพ่อของเขาก่อนหลังจากตรวจสอบตัวตนและภูมิหลังของแม่ของเ
ไวน์เนอร์ จิวเวลรี่ได้รับความสนใจเมื่อไม่นานมานี้ และเด็กผู้หญิงคนนี้ชื่อเจียงเวย มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องอื้อฉาวที่วางกับดักคุณหนูของตระกูลเสิ่นถ้าไม่ใช่เพราะว่าเธอมีสร้อยข้อมือของกุงม่านม่าน น้องสาวของเธอ..."เรื่องที่เกิดขึ้นกับคุณเสิ่นเธอเป็นคนทำจริงๆ เหรอ""ฉันไม่ได้ทำ" เจียงเวยแสร้งทำเป็นน้อยใจ "ฉันถูกใส่ร้าย คุณหนูเสิ่นกับฉันไม่รู้จักกัน และฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงมาใส่ร้ายฉัน"กุงหลี่หลี่วางถ้วยชาลง "ทำไมบุคลิกของเธอแตกต่างกับแม่ม่านม่านของเธอมาก?"ประโยคนี้ทำให้เจียงเวยใจเต้นรัวหรือว่าเธอสงสัยอะไรเข้าแล้ว?เจียงเวยมีเหงื่อเญ้นออกจากหน้าผากของเธอที่คนอื่นสังเกตได้ยาก และทำสีหน้าอย่างลำบากใจว่า "ฉัน... แม่ของฉันเสียชีวิตตั้งแต่ฉันยังเด็ก ฉันถูกเลี้ยงดูมาโดยพี่เลี้ยงเด็กตลอดค่ะ""งั้นเหรอ"กุงหลี่หลี่มองพิจารณาหญิงสาวตรงหน้า เธอมีนิสัยขี้กลัว ค่อนข้างระมัดระวังมาก เธอแตกต่างจากกุงม่านม่าน น้องสาวของเธอมากจริงๆกุงม่านม่านหนีออกจากบ้านมาหลายสิบปีโดยไม่มีข่าวคราวแต่อย่างใด ถ้าไม่ใช่เพราะสร้อยข้อมือชิ้นนี้ เธอคงไม่กล้าตัดสิน..."ในเมื่อเธอเป็นลูกสาวของม่านม่าน ต่อไปเธอ
"คุณย่า ตอนนี้ไวน์เนอร์ดีขึ้นแล้ว คุณโล่งใจได้หรือยังคะ?""ฉันจะไม่โล่งใจได้อย่างไร ตอนนี้ไวน์เนอร์ต้องพึ่งพาเธอแล้วนะ" ผู้เฒ่าเจียงจับมือเธอแล้วยิ้มด้วยความพึงพอใจเซียวหลานยังถือโอกาสกล่าวเสริมอีกสองสามคำว่า "นั่นนะสิ เวยเวยเป็นคนนำโชคของตระกูลเจียงนะ หากเวยเวยเจริญรุ่งเรืองในอนาคตแล้ว แม่ก็ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายที่บ้านเกิดได้เลย"ผู้เฒ่าเจียงก็พอใจมาก ใครบ้างที่ไม่อยากให้ลูกหลานประสบความสำเร็จในอนาคตและให้ตัวเองมีชีวิตอย่างสุขสบายได้ล่ะ?เดิมทีธุรกิจในบ้านเกิดของเธอพัฒนาไม่ดีอยู่แล้ว เธอยังอยากพึ่งพาหลานชายของเธอแต่น่าเสียดายที่หลานชายของเธอไม่ได้เรื่อง จุดประสงค์ที่เธอมาที่เมืองหลวงก็คือมายึดไวน์เนอร์ไม่ใช่หรือ?คาดไม่ถึงว่ามาเมืองหลวงครั้งนี้เธอไม่ได้ผิดหวังจริงๆ แม้ว่าจะไม่ใช่หลานชาย แต่มันก็คุ้มค่าที่หลานสาวคนเดียวจะสร้างผลงานโดดเด่นเช่นนี้ได้"ถ้าหลินหลินมีความสามารถครึ่งหนึ่งเท่าเวยเวยคงจะดีมากทีเดียว" หัวข้อของผู้เฒ่าเจียงมุ่งไปหาเจียงหลินที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาเจียงหลินอาศัยอยู่ในเมืองมาหลายวันแล้ว แต่เจียงเวยไม่เคยพาเธอไปพบกับคนรวยเหล่านั้นสักที ในตอนแรกเธอก็ไม่สบอสร
สามวันต่อมางานประมูลของฮัวเซี่ย จิวเวลรี่เริ่มตั้งแต่เวลาหนึ่งทุ่มผู้ซื้อจะหยิบหน้ากากจากเจ้าหน้าที่หญิงต้อนรับมาสวมก่อนก้าวเข้าไปในห้างจัดงานประมูลทีละคนห้างจัดงานประมูลฮัวเซี่ย จิวเวลรี่ นอกจากการประมูลเครื่องประดับของสะสมแล้ว ยังประมูลของโบราณอีกด้วย ค้าขายทั้งหมดที่นี่ผ่านช่องทางที่ถูกต้องตามกฏหมายหมดห้างจัดงานประมูลออกแบบเป็นอาคารทรงกลม ภายในตกแต่งเป็นอาคารไม้แบบดั้งเดิม สไตล์เรโทรและหรูหรา ได้แบ่งออกเป็นที่นั่งล็อบบี้และห้องวีไอพีบนชั้นสองบนชั้นสองมีห้องวีไอพีจำนวน 8 ห้อง หน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานได้รับการออกแบบให้เป็นหน้าต่างเปล่า จากห้องส่วนตัวสามารถมองเห็นตัวคนในล็อบบี้ชั้นล่างและเวทีการประมูลได้อย่างชัดเจนคนที่ขึ้นไปนั่งห้องวีไอพีบนชั้นสองได้ก็มีข้อกำหนดด้วย นอกจากเป็นบุคคลสำคัญที่มีชื่อเสียง และทรัพย์สินส่วนตัวอย่างน้อยไม่ต่ำกว่าห้าพันล้านบาทเพราะถึงยังไงมางานประมูลฮัวเซี่ย จิวเวลรี่ ต้องมีเงินในกระเป๋าไม่ใช่น้อยเจียงเซิงและแฟรงค์ก้าวเข้าไปในห้างจัดงานประมูลโดยสวมหน้ากากปาร์ตี้ วันนี้เธอสวมกระโปรงปกสูงสีขาวและผมยาวของเธอถูกเกล้าไว้ดูเป็นหัวกะทิมากต่างหูพู่
เจียงเซิงและแฟรงค์ยืนขึ้นและจากไปพร้อมกับพนักงานเสิร์ฟใบหน้าของเจียงเวยอดไม่ได้ที่จะเย็นชาลงเมื่อเธอเห็นพวกเขาทั้งสองกำลังขึ้นไปบนชั้นสองเช่นกันเธอได้ยินมาว่ามีเพียงคนใหญ่คนโตเท่านั้นที่สามารถขึ้นไปที่ชั้นสองของห้างจัดงานห้างจัดงานประมูลฮัวเซี่ย จิวเวลรี่ได้ หรือว่า...เป็นซือเย่เจ๋วเหรอ?เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เธอก็กัดริมฝีปากของเธออย่างแรงคืนนี้เธอต้องทำลายชื่อเสียงของนังนั่นต่อหน้าเย่เจ๋วให้ได้!พนักงานเสิร์ฟพาพวกเขาไปที่ "ห้องหงส์" พอเปิดประตูและเห็นบอดี้การ์ดสี่คนรออยู่ในห้องส่วนตัวเจียงเซิงสงสัยว่าเป็นซือเย่เจ๋วหรือเปล่าที่รู้ว่าเธออยู่ที่นี่เลยติดตามเธอมา แต่ว่าร่างนี้ดูไม่เหมือนเขาเลยจนกระทั่งชายคนนั้นค่อยๆ หันหลังกลับ เห็นได้ชัดว่าเจียงเซิง รู้สึกประหลาดใจมากชายคนนั้นไม่ได้สวมหน้ากากปาร์ตี้ เขาเผยรอยยิ้มอันอบอุ่นบนใบหน้า และดวงตาที่สวยงามของเขาหรี่ลงเล็กน้อย "ดูเหมือนว่าผมจะมีสายตาที่เฉียบแหลม อย่างน้อยผมก็จำคุณได้"ริมฝีปากของเจียงเซิงกระตุกเล็กน้อย นี่คือนักแสดงยอดเยี่ยมกู้นี่น่ะ!เจียงเซิงเดินไปที่หน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานและมองดูผู้คนที่อยู่ชั้นล่างและก็สงสัย
ผู้ชมด้านล่างเวทีต่างปรบมือให้การประมูลครั้งต่อไปคือเครื่องประดับของจิ่นซุ่ยเช่นเดิม หลังจากผ่านไปหลายรอบ มูลค่าสูงสุดของเครื่องประดับที่จิ่นซุ่ย ประมูลคือ 8.4 พันล้าน ซึ่งสูงกว่าเครื่องประดับที่ประมูลโดยผู้อื่นในเวลานี้ เครื่องประดับที่แสดงบนหน้าจอคือสร้อยคอนกยูงสีน้ำเงินหลังจากเห็นผลงานชิ้นนี้ แฟรงค์ก็อดไม่ได้ที่จะมองยังเจียงเซิงอย่างประหม่า กู้เฉินกวางราวกับสังเกตเห็นสายจาของเขาเลยเหลือบมองเจียงเซิงจากมุมหางตาของเขาผู้ขาย: เจียงเวยผู้ชมส่งเสียงโห่และแขกหลายคนก็กระซิบกัน ถึงยังไงเครื่องประดับที่ประมูลก่อนหน้านี้นั้นถ้าไม่ได้มาจากบริษัทขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียง ไม่ก็นักออกแบบที่มีชื่อเสียง แต่เจียงเวยคนนี้ที่คนส่วนมากต่างก็ไม่รู้จักกันมีเพียงคนกลุ่มน้อยเคยเห็น "เรื่องตลก" บนเฟซบุ๊กเมื่อไม่นานมานี้ และรู้เหตุการณ์ระหว่างเธอกับคุณหนูจากตระกูลเสิ่นด้วยแต่คนไม่มีชื่อเสียงก็ส่วนของคน ผลงานที่แสดงบนหน้าจอก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากหินหลักของสร้อยคอนกยูงคือแซฟไฟร์อันงดงาม แซฟไฟร์มีรูปแบบคล้ายหยดน้ำ เพชรสีน้ำเงินบนหางขนนกของขนนกยูงที่บานสะพรั่งมีบทบาทเพิ่มความงามด้วยส่วนเครื่องประ
กล่าวอีกนัยว่ามีการประมูลผลงาน "ขนนกยูง" สองชิ้นในคืนนี้นี่เป็นครั้งแรกที่เกิดเหตุการรณ์แบบนี้ที่งานประมูลฮัวเซี่ย จิวเวลรี่"โซรา นักออกแบบเครื่องประดับระดับสากลคงไม่ใช่ว่าลอกเลียนแบบคนอื่นใช่ไหม?""เธอเป็นถึงนักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำอยู่แล้ว ทำไมถึงต้องลอกเลียนแบบของคนอื่นล่ะ? ถ้าจะบอกว่าเป็นการลอกเลียนแบบ ก็ต้องเป็นเจียงเวย นักออกแบบหน้าใหม่ที่ลอกเลียนแบบผลงานคนอื่นมั้ง?""..."ความขัดแย้งในกลุ่มผู้ชมเริ่มไปกันใหญ่ขึ้นเรื่อยๆกุงหลี่หลี่โบกมือให้บอดี้การ์ดเข้ามา หลังจากพูดอะไรบางอย่างข้างหูของบอดี้การ์ด จากนั้นบอดี้การ์ดคนนั้นก็หันหลังและจากไปหลังจากบอดี้การ์ดลงไปชั้นล่างและขึ้นไปบนเวทีเพื่อพูดอะไรบางอย่างกับเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่คนนั้นก็ประกาศว่า "ขออภัยค่ะ วันนี้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในงานประมูล เกรงว่าการประมูลจะต้องถูกระงับก่อนค่ะ เราสงสัยว่าหนึ่งในนั้นเป็นการลอกเลียนแบบและการฉ้อโกง และเราขอดำเนินการตรวจสอบในสถานที่ที่นี่ก่อนเพื่อหาคำตอบค่ะ""มีการลอกเลียนแบบจริงๆ เหรอ?""การลอกเลียนแบบในการประมูลเป็นเหตุการณ์ที่หาได้ยากจริงๆ" มีคนพูดติดตลกผลงานทั้งสองชิ้นถูก
*ถูกลูกเล่นของ Soul จิวเวลรี่ทำให้อ้วกแล้ว*แฟรงค์มองดูเธอ "เซิงเซิง จำนวนยอดขายของ Soul จิวเวลรี่ในวันนี้ลดลงอีกสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว บริษัทได้รับสายโทรศัพท์เพื่อสละออเดอร์และคืนเงินหลายออเดอร์แล้วดวงตาของเจียงเซิงขยับเขยื้อน "ดูท่าพวกเขาอยากจะบีบบังคับให้ฉันยอมจำนนสินะ""งั้นคุณวางแผนจะทำอย่างไร?" แฟรงค์รู้ว่าเธอไม่เปิดเผยตัวตนเพราะมีเหตุผลของเธอ ถ้าหากมีวิธีอื่นก็จะดีอย่างมากเจียงเซิงยื่นแท็บเล็ตไปให้เขา และหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา "ทางด้านผิ่นเก๋อยืนยันเป็นมั่นว่าฉันลอกเลียนแบบทั้ง Soul จิวเวลรี่ ถึงเวลาที่ฉันควรจะตอบโต้แล้ว"ในขณะที่กระแส "การลอกเลียนแบบ" บนอินเทอร์เน็ตกำลังโด่งดัง คำค้นหายอดนิยมของเฟซบุ๊กก็มีเพิ่มขึ้นมาหนึ่งประเด็น*ผิ่นเก๋อของปลอม*ผิ่นเก๋อ จิวเวลรี่ถูกเปิดเผยออกมาว่าแอบลดวัสดุและขั้นตอนการก่อสร้าง ขายเครื่องประดับปลอมในราคาสูงและหลอกลวงลูกค้า และสร้างข่าวลือเรื่องที่โซราเสียชีวิต แม้กระทั่งข่าวลือที่เจ้าของผิ่นเก๋อมอมเหล้าเด็กสาวในคลับเฮ้าส์ก็ถูกเปิดโปงจนหมดเปลือกการเปิดเผยอย่างต่อเนื่องนี้ ทำให้เหตุการณ์ของ Soul จิวเวลรี่ถูกดันลงไปทันที เพียงแค่เรื่องที่
"ทำไม่ได้" ซือเย่เจ๋วเสียงทุ้มต่ำ จากนั้นจูบเธออย่างแรง และยิ่งอยู่ยิ่งรุนแรงขึ้นอาจเป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง เมื่อคืนฝนตกหนักทำให้อุณหภูมิเปลี่ยนไปหนาวเย็นกะทันหัน ใบไม้สีเหลืองที่แห้งเหี่ยวปกคลุมบนพื้น สัมผัสกับแอ่งน้ำเจียงเซิงกับซือเย่เจ๋วเพิ่งไปส่งเจ้าตัวเล็กทั้งสองคนที่โรงเรียนประถมเอกชน จากนั้นตอนที่เดินทางไปส่งเจียงเซิงที่ Soul จิวเวลรี่ เจียงเซิงง่วงจนพิงร่างกายของเขาแล้วงีบหลับซือเย่เจ๋วหันหน้าไปจ้องมองเธอ จากนั้นก็ยกมือขึ้นรวบไรผมที่อยู่ตรงหน้าผากของเธอ "ยังง่วงเหรอ?""อืม"เจียงเซิงบ่นอย่างซื่อตรง "โทษคุณเลย"เขายิ้ม จากนั้นก็มก้มตัวมาที่ข้างหูของเธอ "หรือว่าไม่ใช่ความผิดของคุณเหรอ?"เจียงเซิงเงยหน้าขึ้นและวางคางบนไหล่เพื่อมองดูเขา "ไม่ได้ให้คุณทำสองยกทั้งคืนสักหน่อย"ซือเย่เจ๋วที่สูญเสียความทรงจำไม่เพียงควบคุมอารมณ์ไม่ได้ แถมยังมีกำลังวังชาเต็มเปี่ยม เกือบพรากชีวิตแก่ ๆ ของเธอซือเย่เจ๋วไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจกลับรู้สึกพึ่งพอใจอย่างมากในตอนนี้โทรศัพท์ของเจียงเซิงดังขึ้น คุณอาแฟรงค์โทรมาหาเธอแต่เช้าเกรงว่าต้องมีเรื่องใหญ่แน่นอนเธอรับสาย "คุณอาแฟรงค์?""เซิงเซิง
แต่ชาวเน็ตส่วนใหญ่คิดว่านี่ไม่ใช่การลอกเลียนแบบ ต่อให้สไตล์เหมือนกันแต่ยังมีจุดเด่นอื่นอีก สถานการณ์แบบนี้ไม่สามารถจำกัดความว่าเป็นการลอกเลียนแบบได้ ขอถามกลับว่าคนที่พูดว่าลอกเลียนแบบมีสิทธิอะไรคิดว่าคนเขาจะต้องลอกเลียนแบบแน่นอนน่าจะเป็นเพราะผู้บริหารของผิ่นเก๋อ จิวเวลรี่เห็นว่านี่ไม่เพียงไม่ได้กดหัวคนอื่น แต่กลับเป็นวิธีที่ "ใจร้อนอยากประสบความสำเร็จแต่กลับทำให้เสียการ" จึงอยากเพิกถอนคำค้นหายอดนิยมออกแต่คิดไม่ถึงว่า พวกเขาไม่สามารถเพิกถอนได้ เพราะว่ามีคนทุ่มเงินจำนวนมากซื้อคำค้นหายอดนิยมนี้ ผิ่นเก๋อของพวกเขาออกเงินสองเท่า ฝ่ายตรงข้ามก็ออกเงินสี่เท่า ตอนนี้เล่นเกมทุ่มเงินซื้อคำค้นหายอดนิยมแล้วเจียงเซิงนั่งดูหน้าแชทเฟซบุ๊กอยู่ตรงหน้าคอมพิวเตอร์ แฟรงค์เดินเข้ามา "เซิงเซิง ผิ่นเก๋อยอมแพ้การเพิกถอนคำค้นหายอดนิยมแล้ว ดูท่าว่าจะทุ่มเงินไม่ไหวแล้ว"เจียงเซิงหรี่ตาลง "พวกเขาทำใจทุ่มเงินไม่ได้ แต่น่าจะมีวิธีอื่นอีก"ทางด้านเจียงเซิงทุ่มเงินซื้อคำค้นหายอดนิยมกับผิ่นเก๋อ ทางด้านซือเย่เจ๋วก็ทุ่มเงินล้มธุรกิจของหานซื่อกรุ๊ป หลัวเชว่มองดูจนตกตะลึงตาค้าง สามีภรรยาคู่นี้ตอนนี้เป็นคนโง่ที่เงินเ
เซียวเถียนเถียนใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา เธอตกใจจนถอยหลังไปสองสามก้าว จากนั้นก็หันหลังวิ่งหนีไปเมื่อมาถึงนอกห้องทำงานของเจียงเซิง คนทั้งคนยังคงอยู่ในสภาพเครื่องรวน เมื่อเข้าไปข้างในก็ทรุดนั่งลงบนโซฟา ขาก็อ่อนแรงไปหมดเจียงเซิงเดินออกมาจากห้องทำงาน เห็นท่าทางเหม่อลอยของเซียวเถียนเถียน ก็ยิ้มบาง "เกิดอะไรขึ้น?"เซียวเถียนเถียนลุกนั่งทันที และวางกาแฟบนโต๊ะทำงานของเธอ "ซื้อ...ซื้อมาให้เธอ"เจียงเซิงเดินไปตรงหน้าโต๊ะแล้วหยิบกาแฟขึ้นมา เห็นเธอพูดจาติดขัดจึงถามขึ้น "เจอเรื่องอะไรมา ทำไมถึงตกใจขนาดนี้?""ก็...ก็ไม่ได้เจอเรื่องอะไร ก็แค่ระหว่างทางที่ซื้อกาแฟได้เจอกับหานเซิงเข้า เกือบจะทะเลาะกับเธอขึ้นมา"เจียงเซิงถือกาแฟเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงาน "แค่นั้นเหรอ?"เธอเม้มริมฝีปากแล้วพูดว่า "ใช่""งั้นเธอทำไมหน้าแดงขนาดนี้?""นั่นเป็นเพราะว่าฉันร้อน!" เซียวเถียนเถียนโกรธขึ้นมาทันที เจียงเซิงมองท่าทางประหม่าของเธอออก จึงหรี่ตาจ้องมองเธออยู่นานต่อให้เจอกับหานเซิงแล้วทะเลาะกัน ก็ไม่ถึงกับทำให้เธอกลายเป็นแบบนี้ ท่าทางแบบนี้เห็นได้ชัดว่า...ทำเรื่องไม่ดีอะไรมา"อ่อใช่เซิงเซิง บนเฟซบุ๊กเรื่องลอกเลียนแ
"เธอ…"“ผู้ชายทุกคนชอบผู้หญิงที่อ่อนโยนและน่ารัก คนปากคอเราะรายอย่างเธอชีวิตนี้คงไม่มีคนชอบเธอหรอก”ขณะพูด เธอก็พูดเหน็บแนม "ถ้าไม่ใช่ว่าเธอเป็นลูกสาวตระกูลเซียว จะมีการแต่งงานเกี่ยวดองกันกับตระกูลลู่ที่ดีขนาดนี้เหรอ คุณชายลู่แต่งงานกับเธอซวยไปแปดชาติจริง ๆ"เซียวเถียนเถียนสีหน้าเคร่งขรึมลงทันที เธอง้างมือขึ้นจะฟาดหน้าของหานเซิงหานเซิงเงยหน้าขึ้นให้เธอตบแต่ฝ่ามือยังไม่ทันโดน ข้อมือก็ถูกคนจับเอาไว้ลู่ลี่เซินดึงเซียวเถียนเถียนไปข้างหลังแล้วมองดูเธอ "ลงมือต่อหน้าคนมากมายแบบนี้ ไม่รู้จักอายบ้างเหรอ?"ผู้คนรอบตัวพากันมองมาทางนี้ เหมือนกำลังจะรอดูฉากเด็ดอยู่ ถ้าหากเมื่อครู่เซียวเถียนเถียนตบลงไปจริง ๆ ก็จะมีคนถ่ายรูปเอาไว้และเอาเรื่องนี้ไปพูดกันแต่เซียวเถียนเถียนไม่ยอมแพ้ เธอสะบัดมือของเขาออก "นายยุ่งอะไรกับฉันด้วย""คุณชายลู่ คุณมาได้พอดีเลย คู่หมั้นของคุณร้ายกาจ เมื่อครู่ยังอยากจะตบฉันด้วย ถ้าคุณไม่ห้ามไว้ หน้าของฉันคงบวมไปแล้วหานเซิงท่าทางน่าสงสาร เธอมีความมั่นใจคิดว่าผู้ชายชอบแบบนี้กันหมด แทบอยากจะให้ลู่ลี่เซินเห็นใจเธอ สงสารเธอ และทะเลาะกับเซียวเถียนเถียนขึ้นมาแต่หานเซิง
กู้เฉินกวางยิ้มบางแต่ไม่ได้พูดอะไรหลัวเชว่มองไปที่ซือเย่เจ๋วและพูดไม่ออก นี่เห็นได้ชัดว่าถูกคุณเจียงควบคุมจนอยู่หมัดแล้ว......บริษัท Soul จิวเวลรี่สิบเจ็ดบอกว่าเจียงยี่กับผู้เฒ่าเจียงได้พาเจียงเฮงกลับเมืองจินเฉิงแล้วเงินห้าแสนกว่าบาทที่ต้ายฉิงใช้จ่ายไปตอนนี้ได้ตามกลับผ่านทางตำรวจแล้ว แต่ก็ตามกลับมาได้แค่แสนกว่าบาท แต่ต้ายฉิงถูกควบคุมการเดินทาง อยากจะหนีก็หนีไม่ได้เจียงเซิงก็ไม่ได้พูดอะไรมากมายหลังจากผ่านเรื่องนี้ไปผู้เฒ่าเจียงคงจะทำตัวดีไม่น้อย จากอายุของเธอในตอนนี้อยากจะดิ้นรนต่อไป เกรงว่าคงจะไม่มีโอกาสดิ้นรนแล้วหลายชายของตัวเองล้างผลาญครอบครัวใช้เงินสะสมของเธอจนหมด แถมยังถูกหลอก แม้แต่ลูกชายก็ยังไม่ยอมรับเธอ ตอนนี้เธอก็ไม่มีอารมณ์คิดถึงมรดกของพ่อของเธอแล้ว*อลิซลอกเลียนแบบโซรา*พาดหัวข่าวเฟซบุ๊กที่โดดเด่นบนหน้าจอทำให้เจียงเซิงที่เพิ่งดื่มน้ำแทบจะพ่นน้ำออกมาเธอลอกเลียนแบบตัวเอง?เมื่อเปิดดู ก็เป็นเรื่องประดับ*รุ่นคู่รัก*ที่เธอออกแบบคล้ายกับสไตล์การออกแบบของเธอก่อนหน้านี้ แต่ไม่รู้ว่าใครตั้งใจพูดตัดสินเรื่องนี้ว่าลอกเลียนแบบ ชาวเน็ตที่ไม่ผ่านกรองการครุ่นคิดก็เชื่อจ
กู้เฉินกวางถอดแว่นกันแดดออกแล้วใส่ไว้ในกระเป๋าตรงหน้าอก "สถานการณ์ของนายแบบนี้ คงไม่ต้องให้ฉันแนะนำตัวเองใช่ไหม?"ซือเย่เจ๋วก็มองออกว่าเขาคือใคร "อยู่ในวงการบันเทิงได้ไม่เลวเลยสินะ"กู้เฉินกวางหัวเราะเบา ๆ “คนอื่นบอกว่านายความจำเสื่อมฉันยังไม่เชื่อ”เขาเดินไปที่โซฟาแล้วนั่งลงด้วยตัวเอง หลัวเชว่รินชาให้เขาหนึ่งแก้วซือเย่เจ๋วลุกขึ้นยืนและเดินอ้อมโต๊ะทำงานไปตรงหน้าโซฟา จากนั้นก็ปลดกระดุมชุดสูทออกแล้วนั่งลง "แขกหายากสินะ มีธุระอะไรกับฉัน?""มีธุระจริง ๆ นั่นแหละ" กู้เฉินกวางยกแก้วน้ำชาขึ้น "ฉันคิดว่านายคงจะเคยรู้จักกับหานจื้อเหนียนสินะ?"ในตอนที่ซือเย่เจ๋วกำลังครุ่นคิดว่าหานจื้อเหนียนคือใคร หลัวเชว่ก็ก้มตัวชี้แนะ "ประธานหานคนนั้นเมื่อครั้งที่แล้ว"ซือเย่เจ๋วหรี่ตาลงและยิ้มอย่างมีความหมายลึกซึ้ง "ทำไม ตระกูลหานมุ่งเป้าไปที่นายเหรอ?"กู้เฉินกวางไม่ได้พูดอะไรซือเย่เจ๋วสีหน้าจริงจังขึ้นมา "ฉันว่านายก็อายุเยอะแล้ว ควรจะพิจารณาเรื่องการแต่งงานได้แล้ว?"กู้เฉินกวางวางแก้วชาลง และครุ่นคิด “เร่งให้ฉันแต่งงาน นายเป็นห่วงอะไร?”ซือเย่เจ๋วสีหน้าเคร่งขรึมเล็กน้อย จากนั้นกอดอกมองเขา "ตาข้าง
เจียงเซิงไม่ปฏิเสธ "ใช่ค่ะ" เธอหัวเราะเบา ๆ "รวมทั้งเงินห้าล้านบาทนั่นด้วย นั่นก็เป็นเงินที่ฉันให้ คุณก็ไม่ได้บอกคุณย่าว่าคุณมีเงินห้าล้านบาทใช่ไหม?"ผู้เฒ่าเจียงหันหน้ามองไปทางเจียงยี่เจียงยี่ไม่ได้พูดอะไร เห็นได้ชัดว่ายอมรับแล้ว"คุณไม่อยากยอมรับแม่ ไม่อยากยอมรับลูกชาย ฉันก็ไม่ก้าวก่ายคุณ ในเมื่อเงินเอาให้คุณแล้ว คุณอยากจะใช้อะไรก็เรื่องของคุณ"เจียงเซิงกอดอก สายตาเย็นชา "แน่นอนว่าถ้าหากคุณยอมเอาเงินไปใช้ในทางที่ต้อง ฉันอาจจะให้โอกาสคุณอีกครั้ง แต่น่าเสียดายที่คุณปรับเปลี่ยนตัวเองไม่ได้แล้ว เอาเงินให้คุณมากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ใด ๆ"มือที่วางอยู่บนขาของเจียงยี่กำแน่นอย่างอดไม่ได้ สีหน้าก็รู้สึกอับอายผู้เฒ่าเจียงมองดูเจียงเซิง "เซิงเซิง ในเมื่อเธอยังมีชีวิตอยู่ และก็ยอมช่วยอาของเธอกับลูกพี่ลูกน้องของเธอ...""คุณย่า คุณคิดมากเกินไปหรือเปล่า?" เจียงเซิงขัดคำพูดของเธอทันที "ฉันไม่ได้ช่วยพวกเขาโดยไม่มีเหตุผลหรอกนะคะ ฉันก็แค่ช่วยให้คุณได้เห็นความโหดร้ายของโลกนี้อย่างชัดเจน"ผู้เฒ่าเจียงมองไปทางเธอด้วยความเหม่อลอยเจียงเซิงลุกขึ้นเดินไปตรงหน้าต่าง และหันข้างมองไปทางพวกเขา "เพราะว
เพิ่งจะเข้าไปในห้อง เจียงยี่ก็อยู่ด้วย เจียงยี่นั่งอยู่บนเก้าอี้ บอดี้การ์ดที่อยู่ด้านหลังวางมือบนไหล่ของเขาไม่ให้เขาหนีไปได้ตอนที่ผู้เฒ่าเจียงเห็นผู้หญิงแปลกหน้าถูกพาตัวเข้ามา และคุกเข่าลงบนพื้น ก็งุนงงไปหมด "นี่คือ..."สิบเจ็ดพูดด้วยสีหน้านิ่งเฉย "ฉิงฉิงที่หลานชายของคุณพูดถึง คุณให้เธออธิบายกับคุณเองเถอะ"ฉิงฉิง?ผู้เฒ่าเจียงสายตามองไปที่ผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง ต้ายฉิงร้องไห้แล้วคลานมาที่ข้างเตียง "คุณย่าเจียง ขอโทษนะคะ ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่ควรหลอกลวงเจียงเฮง ขอร้องพวกคุณปล่อยฉันไปเถอะค่ะ"ผู้เฒ่าเจียงนึกขึ้นได้ว่าเจียงเฮงหลานชายของเธอนำเงินก้อนนั้นให้กับผู้หญิงคนนี้ เธอก็รู้สึกโมโหขึ้นมา และผลักฉิงฉิงออก "เธอยังมีหน้ามาหาฉันอีก? เงินของหลานชายฉันล่ะ?"ต้ายฉิงถูกผลักล้มลงกับพื้น ไหล่ของเธอสั่นเทา น้ำตาไหลลงแก้ม ชั่วขณะไม่รู้ว่าควรจะพูดเรื่องเงินก้อนนั้นที่เธอใช้ไปหมดแล้วอย่างไรดี“ฉิงฉิง!”เจียงเฮงปรากฏตัวนอกประตูและเห็นต้ายฉิงนั่งอยู่บนพื้น เขาจึงรีบเดินไปประคองเธอ "คุณย่า ฉิงฉิงมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร"“แกยังจะพูดอีก?” ผู้เฒ่าเจียงหน้าเขียวหน้าดำ "นังเด็กคนนี้หลอกเอาเงินของแก เ