“นังอิ่ม!”
นางอิ่มที่กำลังย่องขึ้นเรือนใหญ่ต้องสะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจเมื่อเสียงคุ้นเคยดังเรียกอยู่ในมุมมืด น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นไม่ได้บ่งบอกสักนิดว่าเจ้าของเสียงนั้นอยู่ในอารมณ์รื่นเริง ทว่ายังขุ่นมัวไม่ต่างจากชั่วยามก่อนหน้านี้ต่างหากเล่า
“เจ้าค่ะ คุณท่าน”
นางอิ่มย่อกายลงนั่งเมื่อคุณนายพิศก้าวออกมาจากมุมหนึ่งของเรือน ใบหน้าค้อมต่ำเพราะเกรงกลัวความผิดด้วยไม่รู้ว่าแม่แพงบอกเล่าอะไรให้คุณนายพิศฟังบ้าง
“เอ็งไปไหนมา ถึงมาเอาป่านนี้”
“บ่าว... เอ่อ... บ่าว”
“เอ็งไปไหนมานังอิ่ม เอ็งมีอะไรปิดบังข
ทว่านับจากนี้ไปก็คงยังไม่สาย เพราะมันมั่นใจอย่างที่สุดว่า ‘ไอ้ทิ้งน้อย’ ของดีติดกายของมันนั้นน่าอัศจรรย์ใจจนสาวแก่ สาวเทื้อ สาวโสด หรือแม้แต่คุณนายพิศเองก็ยังติดใจจนต้องเรียกใช้งานอยู่ทุกค่ำคืน และถ้าแม่แพงได้กลืนกินก็จะติดใจจนมันร้องขออะไรก็ได้ อะไรบางอย่างที่ลูบไล้อยู่บนผิวหน้าก่อนจะละเรื่อยไปตามต้นคองามระหง ไหล่ลาดนวลเนียน จนถึงต้นแขน ทำให้แม่แพงสะท้านสั่นไหว ขนกายทั้งตัวลุกขึ้นตั้งชันอย่างไม่รู้ตัว เพราะสัมผัสที่ได้รับอยู่นี้จะเป็นอะไรไปได้ถ้าไม่ใช่สัมผัสจากฝ่ามือของผู้ชาย แล้วใครกันล่ะ... ดวงตาที่หลับพริ้มเปิดขึ้นในทันที สิ่งที่เห็นนั้นก็คือเงาดำขนาดใหญ่ที่ค้อมกายเข้ามาหา รูปร่างอย่างนี้ไม่ใช่คุณพระแน่ แม่แพงเบิกดวงตากว้างขึ้น ริมฝีปากอ้าออกเตรียมจะกรีดร้อง ทว่าความร้อนรุ่มที่ฉกวาบลงมากลับทำให้เสียงกรีดร้องนั้นดังอยู่เพียงในลำคอ&
“แม่แพง...” “อย่ามาเรียกข้าด้วยน้ำเสียงเยี่ยงนั้น เอ๊ะ! พี่บุญทิ้ง!” แม่แพงพยายามดิ้นรนให้หลุดพ้นไปจากอ้อมกอดที่ตวัดรัดร่างอวบอิ่มขึ้นมาเกยอยู่บนตักทั้งตัว “ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ ข้าบอกว่าให้ปล่อย!” แม้น้ำเสียงจะตวาดห้วนให้ปล่อย ทว่าก็ดังเพียงได้ยินแค่สองคน เพราะแม่แพงก็ไม่อยากให้บ่าวไพร่คนใดตื่นขึ้นมาได้ยินเรื่องราวในขณะนี้ “แม่แพงไม่ได้อยากให้พี่ปล่อยจริงๆ ดอก” “พี่อย่ามาพูดเยี่ยงนี้ ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ ไม่อย่างนั้นข้าจะร้องเรียกให้บ่าวไพร่มาช่วย อื้อ...” แม่แพงสะบัดกายดิ้นร
“พี่รักแม่แพงเหลือเกิน พี่รักแม่แพง...” เสียงทุ้มสั่นกระซิบอยู่ข้างใบหูทำให้แม่แพงถึงกับสะท้าน ร่างอวบอิ่มของสาวแรกรุ่นทอดกายลงนอน ผ้าผ่อนจะหลุดลุ่ยหรือจะคงอยู่ แม่แพงก็ไม่รู้ได้ รู้แต่เพียงว่าทุกถ้อยคำบอกรักของบุญทิ้งกำลังทำให้แม่แพงล่องลอยขึ้นสู่สวรรค์ ทุกสัมผัสร้อนผ่าวที่พาดผ่าน ทุกความรุ่มร้อนที่บุญทิ้งบีบเคล้นลงบนเนื้อกาย คือความสุข ความพอใจ คือความแว่วหวานจากความรัก ไม่ใช่เพียงความใคร่ที่ต้องการปลดเปลื้องตามที่คุณพระท่านทำให้ “อา... พี่บุญทิ้ง...” ริมฝีปากอวบอิ่มทว่าบอบบางอ้าค้าง ผ่อนปรนลมหายใจออกจากปากเพราะเริ่มรู้สึกสะท้านจนหายใจแทบไม่ทัน เมื่อริมฝีปากของบุญทิ้งเคลื่อนลงไปถึงเนินเต้าอวบอิ่ม และเมื่อผ้าแถบปกปิดความงดงาม
ดวงตาเบิกกว้างขึ้นอีก ลำคอแห้งผากจนต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นเมื่อเห็นปลายลิ้นยาวๆ ของบุญทิ้งแลบออกมา ขณะที่ดวงตาคมเข้มนั้นเหลือบขึ้นมองสบ แค่ปลายลิ้นลากผ่านลงไป แม่แพงก็สะท้านจนต้องกระเถิบสะโพกหนี ทว่าฝ่ามือที่กระชับต้นขาไว้แน่นกลับทำให้แม่แพงดิ้นหนีไปทางไหนก็ไม่ได้ “อา... พี่บุญทิ้งจ๋า... โอว... แพงเสียว... อูย... พี่บุญทิ้งจ๋า... แพงเสียว พี่จ๋า... แพงเสียวเหลือเกิน... โอว... พี่จ๋า...” แม่แพงส่ายร่อนสะโพกให้แนบชิดใบหน้าของบุญทิ้งมากขึ้น เมื่อความหฤหรรษ์กำจายซาบซ่านไปทั่วทั้งร่าง ไม่มีสิ่งใดจะฉุดรั้งแม่แพงไว้ได้อีกแล้ว เมื่อลิ้นสากๆ นี้ให้ความสุขสมกับแม่แพงมากเสียยิ่งกว่าลิ้นของคุณพระมากมายเหลือเกิน ยิ่งปลายลิ้นตวัดเลียไล้ชอกชอนไปตามกลีบดอกไม้ที่แยกชั้นกันไว้อย่างสวยงาม ก่อนจะรัวเร็วปลายลิ้นที่ยอดเกสรสีแดงสดที่แข็งเป็นไต แม่แพงก็ต้องดิ้นพล่านเปล่งเสียงครวญคร
“โอว... แม่แพงจ๋า... แน่นอะไรอย่างนี้ อูย... อูย... เสียว...” “แพงก็แน่น อูย... พี่บุญทิ้งจ๋า... แพงเสียวเหลือเกิน เสียวที่สุด ซี้ด... ซี้ด... พี่บุญทิ้งจ๋า...” จังหวะที่แม่แพงแหงนหน้าขึ้นครวญคราง บุญทิ้งก็ทำให้แม่แพงต้องเสียวมากขึ้น เมื่อฝ่ามือช้อนเอาร่างที่นอนราบบนที่นอนให้ลุกนั่งคร่อมทาบไอ้ทิ้งน้อยเอาไว้ ดันร่างอวบอิ่มให้ชิดติดหัวเตียง ก่อนจะจับข้อมือน้อยทั้งสองข้าง ผูกมัดโยงไว้กับชายผ้าม่านของเสาเตียงทั้งสองฝั่ง แม่แพงทอดสายตามองบุญทิ้งอย่างคาดไม่ถึงกับสิ่งที่บุญทิ้งกระทำกับหล่อน การถูกผูกมัดพันธนาการไว้ด้วยชายผ้าม่านหัวเตียงไม่ได้ทำให้เกิดความตื่นเต้นได้มากมายเท่าที่คนผูกนี้เป็นบุญทิ้ง และโดยเฉพาะที่ความยิ่งใหญ่ยังคงกระหน่ำสอดแทรกเข้าออกในโพรงฉ่ำน้ำของหล่อนอย่างไม่ลดละ
แม่แพงหันหน้าหนีไปอีกทางไม่กล้าสบสายตาเจือไปด้วยความสุขของบุญทิ้ง ทว่าสัมผัสจากร่างกายของบุญทิ้งที่ทาบทับเรือนร่างจากด้านหลัง รวมทั้งความแข็งขืนขึ้นเป็นลำที่ถูไถอยู่ที่บั้นท้าย ก็ทำให้แม่แพงตกใจจนต้องเอี้ยวหน้ามองมา และช่างประจวบเหมาะที่บุญทิ้งก้มหน้าลงมาหาเช่นเดียวกัน “อื้อ... พี่บุญทิ้ง... ปล่อยข้า...” “พี่จะทำให้แม่แพงมีความสุข” แค่นั้นที่แม่แพงได้รับรู้เพราะฝ่ามือของบุญทิ้งที่ประคองใบหน้าของหล่อนให้รับรอยจูบดูดดื่ม ปลดผ้าผูกฝ่ามือข้างหนึ่ง พลิกร่างอวบอิ่มให้นอนหงาย และรวบฝ่ามือมาโยงไว้ที่เสาเตียงข้างเดียวกัน ริมฝีปากที่ทาบทับลงมาทำให้แม่แพงล่องลอยไปกับความสุขที่บุญทิ้งสร้างไว้ อย่างหลบลี้หลีกหนีไปทางไหนก็ไม่ได้ ทุกครั้งที่ความซ่านเสียวพุ่งกระทบจิตใจ ร่างกายก็จะบิดเ
“บุญทิ้ง! มาพูดกันให้รู้เรื่อง บุญทิ้ง!” นางอิ่มเดินไปดักหน้าดักหลังบุญทิ้งเพราะคำสั่งจากคุณนายพิศก็คือต้องพาบุญทิ้งไปที่ศาลากลางเกาะให้ได้ เพราะคุณนายอยากจะพูดคุยกับบุญทิ้งให้รู้เรื่อง โดยสั่งให้มันนี่แหละที่ต้องดูต้นทางเอาไว้ให้ดี “บุญทิ้ง! ข้าบอกให้เอ็งหยุด!” เมื่อบุญทิ้งไม่หยุด นางอิ่มจึงยื้อท่อนแขนแกร่งนั้นไว้แน่น จนบุญทิ้งต้องหยุดเดินและหันมองกลับมา “พี่อิ่มไม่เข้าใจรึอย่างไร” ร่างสูงใหญ่ปรายตามองนางอิ่มด้วยความเหนื่อยหน่าย เพราะนางอิ่มช่างไม่เข้าใจเอาเสียเลยว่าสิ่งที่ทั้งมันและนางอิ่มเผชิญอยู่นี้ คือหายนะแห่งความตายทั้งสิ้น หากเรื่องนี้ล่วงรู้ไปถึ
“ไปกันใหญ่รึ ถ้าอย่างนั้นทำไมเอ็งไม่ฆ่ามัน ข้าสั่งให้เอ็งไปฆ่านังแพง ไม่ใช่ไปส่งมันขึ้นสวรรค์ ส่งกันตั้งแต่หัวค่ำจนรุ่งสาง เอ็งคิดว่าข้าโง่เง่านักรึ ถ้าเอ็งฆ่ามันไม่ได้ ข้าก็จะทำเอง” นางอิ่มสะบัดกายหมายจะไปยังเรือนเล็กของแม่แพง “ถ้าพี่ไปทำร้ายแม่แพง ข้าจะก็บอกคุณนายว่าพี่เป็นคนสั่งให้ข้าฆ่าแม่เรียม” คำพูดของบุญทิ้งทำให้นางอิ่มหันมายิ้มเยาะอย่างสมใจ “คุณนายไม่มีทางเชื่อน้ำคำคนอย่างเอ็งหรอก เพราะเอ็งยังทิ้งคุณนายท่านไปหานังแพงได้ ยังไงเสียคุณนายก็ต้องเชื่อข้า เอ็งเลือกเอาว่าจะไปพบคุณนายกับข้า หรือว่าเอ็งจะเลือกอย่างอื่น” บุญทิ้งมองนางอิ่มอย่างอึดอัดที่สุด สุดท้ายจำต้องเลือกไปพบกับคุณนายพิศตามที่นางอิ่มขู่เข็ญ ทว่าคุณนายพิศกลับไม่อยู่ที่ศาลาเกาะกลางน้ำ บุญทิ้ง
แม่จันทร์สะอื้นฮึกฮัก เพราะไม่อาจรู้ได้ว่าความเจ็บปวดร้าวรวดดั่งถูกมีดแหลมคมปักกรีดอยู่กึ่งกลางร่างกายนี้ จะมลายคลายลงได้อย่างไร เมื่อมันเจ็บเสียจนหล่อนไม่กล้าที่จะร่ำร้อง ด้วยกลัวว่าเพียงร่างกายขยับ ความเจ็บปวดนั้นจะทวีทบเท่า แลถึงตอนนั้นร่างกายนี้อาจตายเสียก็ได้ ทว่าแม้นเจ็บเพียงใด สัญชาตญาณก็ยังร้องสั่งให้แม่จันทร์มอง เพื่อให้รู้ที่มาของความเจ็บนั้น และสิ่งที่แม่จันทร์เห็นก็ทำให้ริมฝีปากต้องอ้าค้างมากขึ้น ด้วยไม่ใช่มีดพร้าที่ทิ่มตำร่างกาย แต่กลับเป็น ‘ท่อนเนื้อ’ ขนาดใหญ่ที่ยื่นออกมาจากกึ่งกลางกายของท่านกำลังทิ่มตำที่โพรงดอกไม้ สีหน้ารวดร้าวของท่านและคำสอนของแม่ที่แว่วมาในความคิดทำให้แม่จันทร์ต้องยิ้มทั้งที่เจ็บปวดอย่างแสนสาหัส เพราะนี่คงเป็นลำดับขั้นสุดท้ายก่อนที่หล่อนจะพานพบกับสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
เมื่อริมฝีปากของท่านทาบลงมาบนกลีบปากนุ่มก่อนจะบดเบียดยั่วเย้าอย่างอ่อนโยน ตามติดมาด้วยปลายลิ้นร้อนที่เกลี่ยไล้ไปมาอยู่บนกลีบปาก นั่นทำให้แม่จันทร์ถึงกับตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก “เจ้าคุณอา...” พระยาสรเดชฯ อมยิ้มในสีหน้า ดวงตาคมเข้มเต็มเปี่ยมไปด้วยกาลเวลาทอดมองหญิงสาวที่สั่นประหม่าไปทั้งร่าง จนลืมเลือนไปเสียสิ้นว่าต้องรักษากิริยาและต้องเรียกท่านว่าเช่นไร ทว่าสิ่งที่แม่จันทร์เป็นอยู่นี้ก็ช่างน่าเอ็นดูนัก “ที่ไม่ให้เรียกเยี่ยงนั้น เพราะพี่อยากให้แม่จันทร์เรียกพี่ว่า ‘เจ้าคุณพี่’ จะได้รึไม่” “เจ้าค่ะ เจ้าคุณพี่”
เสียงมโหรีขับขานท่วงทำนองกล่อมหอดังแผ่วแว่วมาในห้อง ส่งผลให้ผู้เป็นเจ้าสาวที่นั่งนิ่งอยู่บนเตียงต้องกระชับฝ่ามือเข้าหากันแน่นด้วยประหม่านัก เพราะอีกไม่นานเจ้าบ่าวซึ่งออกไปส่งผู้หลักผู้ใหญ่และขอบคุณผู้ที่มาร่วมงานก็จะกลับเข้ามา และเมื่อนั้นลำดับขั้นของงานวิวาห์จึงจะถือว่าสัมฤทธิ์ผล เจ้าสาวคนสวยชำเลืองมองที่นอนหนานุ่มขึงผ้าปูสีชมพูปักลวดลายดอกไม้กระจิริดดูอ่อนหวาน ทั้งข้าวของที่ใช้ทำ ‘พิธีเรียงหมอน’ ก็ยังวางเรียงรายกันอยู่อย่างสงบนิ่ง ฟักเขียว แมวคราว ไก่ขาว ไม้เท้า ถ้วยน้ำ และหินบดยา ถูกวางอยู่มุมซ้ายของเตียง ถุงเงินและถุงทอง ที่บรรจุถั่วเขียว งาดำ ข้าวตอก ดอกรัก ดอกบานไม่รู้โรย ถูกเปิดและหยิบเอาถั่ว งา และดอกไม้เหล่านั้นออกมาโปรยบนที่นอนเพื่อเป็นมงคล เมื่อนึกถึงเหตุที่เพิ่งผ่านไปเจ้าสาวก
ฟาววววววว... ควับ! “กรี๊ดดดดด...” สิ้นสุดเสียงกรีดร้องร่างที่สะบักสะบอมไปด้วยบาดแผลของนางแพงก็มีอันสิ้นสติไปด้วยความเจ็บปวด แต่คุณพระท่านก็ยังไม่หนำใจ ทั้งที่ตนเองก็หอบตัวโยนด้วยลงแรงไปกับหวายทั้งตัว คุณพระท่านร้องสั่งให้ข้าทาสไปนำเกลือเม็ดละลายน้ำเอามาสาดใส่บาดแผลของนางแพงให้มันฟื้นคืนขึ้นมาอีก เพื่อจะให้เรือนร่างนี้ได้รับความเจ็บปวดอย่างต่อเนื่อง ให้สาสมกับสิ่งที่มันทำเอาไว้ เพราะมันเจ็บกาย แต่ท่านนั้นเจ็บปวดไปทั้งหัวใจ รักมากก็แค้นมาก หวงมากก็อยากจะให้ตายคามือด้วยความทรยศ “สาดเข้าไป! เอาให้มันเจ็บมันแสบ มันจะได้รู้ว่าใครอย่าบังอาจมาทำเรื่องอัปรีย์จัญไรบนเรือนกูอีก ไอ้อีหน้าไหนที่มันกล้า มันจะต้องโดนเยี่ยงน
ฉาด! ฝ่ามือกระทบใบหน้าของนางแพงอีกครั้งให้หันไปตามแรงตบ เมื่อนางแพงเอาแต่ยิ้มและหัวเราะขันกับคำพูดของตนเอง มันทำความเสื่อมเสียเพียงผู้เดียวยังไม่พอ ยังจะริปากดีป้ายสีให้แม่พิศเมียรักต้องมัวหมองไปด้วย “ตบอีกสิเจ้าคะ ตบให้อีแพงมันตายไปเลย ไม่ต้องรอหวายแล้วเจ้าค่ะ แค่น้ำมือคุณท่าน อีแพงก็แทบจะตายคามืออยู่แล้ว แต่ก่อนตายขออีแพงได้พูดให้หมดเปลือกเถิด อีแพงคบชู้ อีแพงยอมรับ แต่หากคุณนายพิศคบชู้เล่าเจ้าคะ คุณท่านจะทำเช่นไร จะลงโทษคุณนายเทียบเท่ากับอีแพงรึไม่ หรือจักส่งคุณนายไปให้กองโปลิศตัดสิน ให้ประณามหยามเหยียดไปทั่วพระนคร ว่าลูกสาวบ้านนี้สัญชาติคบชู้สู่ชาย บ้านใดนำไปเป็นลูกเป็นเมีย ก็รังแต่จะเสื่อมเสียคบชู้อยู่ร่ำไป” “อีแพง!” 
“เอ็งช่างกล้าพูดนักนังแพง...” น้ำเสียงเอ่ยออกมาด้วยความเข่นเครียด ยิ่งเห็นเรือนร่างอวบอิ่มของเมียสาวคราวลูกสั่นสะท้านไปด้วยแรงสะอื้น คุณพระท่านยิ่งสะท้อนไปถึงหัวใจ เพราะนางแพงเมียทาสผู้นี้ ท่านสนิทเสน่หามันยิ่งนัก กลับมาคืนเรือนครั้งนี้ ท่านก็หวังจะโอ้โลมมันให้มีความสุข เพราะทิ้งร้างให้เปล่าเปลี่ยวอยู่นาน จนต้องสั่งให้เจ้าเข้มมาแจ้งข่าวกับแม่พิศว่าท่านจะคืนเรือนในวันนี้ ให้นางแพงได้เตรียมตัวต้อนรับท่านเถิด แต่กลับกลายเป็นว่านางแพงมันมีความสุขจนแทบจะสำลักอยู่แล้ว แม้จะรู้ว่าท่านคืนเรือนวันนี้ มันก็ยังกล้าที่จะพาไอ้บุญทิ้งไปร่วมรักกันบนเรือน บนเตียงที่ทับรอยของท่าน รวมทั้งคำรักที่มันพร่ำพลอดแก่กันและกันนั้น แปลว่านางแพงผู้นี้ไม่เคยเห็นท่านอยู่ในสายตาสักนิด มันไม่คิดถึงความสุขสบายที่ท่านปรน
ริมฝีปากยังคงแนบชิดแต่ท่อนแขนช้อนเรือนร่างอวบอิ่มขึ้นโอบอุ้มพาก้าวเดินไปสู่เตียงสี่เสาที่มีม่านลูกไม้สีขาวประดับอยู่ ร่างงดงามถูกวางไว้บนฟูกนุ่มที่ขึงเรียบตึงด้วยผ้าปูเตียงสีชมพูอ่อน กอปรกับแสงไฟสีนวลจากตะเกียงก็ช่วยส่งขับให้ผิวกายสีน้ำผึ้งนวลเนียนนี้ให้ยิ่งนวลน่าลูบไล้ฝ่ามือลงไปสัมผัสมากยิ่งขึ้น “พี่บุญทิ้งจ๋า... แพงรักพี่เหลือเกิน” “พี่ก็รักแม่แพงยิ่งนัก” แม่แพงคล้องฝ่ามือรอบลำคอแกร่งของไอ้ทาสวัยหนุ่มพลางรั้งใบหน้าคมเข้มนั้นเข้าหาตัว ความแข็งแกร่งนี้ที่หล่อนปรารถนา ความเข้มแข็ง ดุดัน ของคนรุ่นหนุ่ม หาใช่ความแก่ชราของชายวัยคราวพ่อเฉกเช่นคุณพระท่าน และเมื่อใบหน้าคมเข้มนั้นเคลื่อนเข้าใกล้ แม่แพงก็หลับตาพ
“อา... บุญทิ้งจ๋า... กระแทกลงมาแรงๆ เลย บุญทิ้งจ๋า...” “ขอรับคุณท่าน ไอ้ทิ้งจะกระแทกให้แหลกคา...” ขาดคำของบุญทิ้ง ไอ้ทิ้งน้อยก็โจนทะยานไปข้างหน้า ทะลวงเข้าไปในโพรงฉ่ำน้ำของคุณนายพิศอย่างบ้าคลั่ง และเมื่อคุณนายกรีดร้องด้วยความสุข ไอ้ทิ้งน้อยก็พ่นพิษร้อนออกมาอย่างท่วมท้นเช่นเดียวกัน โพรงดอกไม้ตอดตุบจนบุญทิ้งต้องซุกซบใบหน้าลงไปที่เต้าอวบอิ่มของคุณนายพิศ พร้อมทั้งจูบซับปลายยอดงอนงามด้วยความซ่านเสียวและพิศวาส ความร้อนแรงของคุณนายเจ้าของเรือนยังมีให้มันอย่างไม่หยุดหย่อน ตราบจนเสียงไก่ขันดังแว่วมา ไอ้ทิ้งน้อยจึงจำต้องอำลาโพรงน้ำหวานกลับไป เพื่อทำหน้าที่ทาสในเรือนเฉกเช่นเดิม.. 
“ขอบใจแพง” “ใช่ ข้าขอบใจที่แม่แพงจะไม่นำเรื่องของบุญทิ้งไปบอกคุณพระท่าน” “เอ่อ... เจ้าค่ะ” แม่แพงก้มหน้าไม่กล้าสบสายตาคุณนายพิศ ด้วยไม่รู้ว่าคุณนายรู้เรื่องมากไปกว่านี้รึไม่ และคำพูดต่อมาของคุณนายก็ทำให้แม่แพงเข้าใจว่าคุณนายพิศไม่ได้รู้เรื่องระหว่างตนกับบุญทิ้ง “ข้าหลงผิดไปเอง ต่อแต่นี้ไปข้าจะไม่กระทำผิดเยี่ยงนั้นอีก” เสียงสะอื้นของคุณนายพิศทำให้แม่แพงต้องมองคุณนายใหญ่เจ้าของเรือนด้วยความเห็นใจและสะท้อนในหัวอกตัวเองอย่างที่สุด เพราะสิ่งที่คุณนายพิศตั้งมั่นว่าจะไม่ทำผิดนั้น บัดนี้ตัวของแม่แพงเองนั่นแหละที่กร