“อูย... แม่แพงจ๋า... อูย... เมียจ๋า... ผัวเสียวที่สุด อูย...”
แม่แพงช้อนสายตาร้อนแรงขึ้นมองท่าน ก่อนจะละเลียดไล้ปลายลิ้นไปกับความเอร็ดอร่อยนั้นไม่หยุด ครั้งแรกที่ได้ร่วมกับคุณพระ คือความประหม่าปนความหวาดหวั่นอย่างที่สุด
แต่เมื่อมีครั้งที่ 2, 3, 4, 5 ตามมาจนนับครั้งไม่ถ้วน แม่แพงเรียนรู้ได้อย่างหมดจดแล้วว่า สิ่งใดที่คุณพระท่านชอบและสิ่งใดที่คุณพระท่านไม่ชอบ รวมทั้งคุณพระเองก็เช่นกัน เมื่อท่านยังคงสร้างความซ่านเสียวให้กับแม่แพงอย่างไม่หยุดยั้ง จนแม่แพงไม่รู้สึกเขินอายอีกต่อไปแล้ว
การทำรักระหว่างแม่แพงกับคุณพระในทุกค่ำคืน จึงกลายเป็นสวรรค์ที่แม่แพงไม่อยากให้ใครมาพรากไป
แม้นว่าป้าอิ่มบ่าวคนสนิทของคุณนายพิศจะมากระแนะกระแหนที่แม่แพงไม่คิดจะค้านในยามที่คุณนายพิศเอ่ยให้รับใช้คุณพระทุกค่ำคืน แม่แพงก็ไ
คนทั้งคู่เฝ้าเสพสมและตักตวงความสุขจากเนื้อกายของกันและกัน โดยละวางความหวาดหวั่นว่าจะมีใครมารู้เห็นเรื่องของตนบ้างหรือไม่ ด้วยสถานที่แห่งการเสพสมนั้นจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปเรื่อย บ้างก็อยู่ที่เกาะกลางน้ำ บ้างก็อยู่ในน้ำ และบ้างก็อยู่บนเรือนใหญ่เยี่ยงวันนี้ คงไม่มีใครคาดเดาได้จริง หากคนผู้นั้นจะไม่ตามติดบุญทิ้งและคุณนายพิศไม่ห่างไปไหน ดั่งเช่นนางอิ่มที่นั่งอยู่หน้าห้องเอียงหูแนบประตู และเจ้าเข้มที่ยืนอยู่ด้านล่างของเรือนในตำแหน่งที่ตรงกับห้องของคุณนายพิศอย่างพอดิบพอดี ต่างคนต่างความคิด ต่างคนต่างความรู้สึก ทว่าบุญทิ้งและคุณนายพิศก็ยังไม่ล่วงรู้ว่าความหายนะได้มาเยือนคนทั้งคู่แล้ว เมื่อความสุขสมมาเยือนคุณนายเจ้าของเรือนอีกครา ก็ได้เวลาที่บุญทิ้งจะส่งไอ้ทิ้งน้อยเข้าไปทะลวงโพรงฉ่ำน้ำของคุณนายอย่างไม่หยุดยั้ง จนคุณนายที่โล้กายไปเกาะขอบเตียงเอาไว้ เปล่งเสียงครวญครางร่ำร้องเร่งเร้าให้บุญทิ้งทำแรงทำเร็ว
“อา... บุญทิ้งจ๋า... ช้าๆ ก็ได้ ยังมีเวลาอีกมากไม่ต้องเร่ง” “อืม... ได้อย่างไรล่ะขอรับ ไอ้ทิ้งมันอยากได้ความสุขจากคุณนายจะแย่อยู่แล้ว” “อะไรกัน เมื่อคืนก่อนก็ได้ไปจนอิ่ม” “นั่นมันคืนก่อนนี่ขอรับ แต่คืนนี้ไอ้ทิ้งยังไม่ได้กินเลยสักครั้ง ขอไอ้ทิ้งได้กินคุณนายเถอะนะขอรับ ไอ้ทิ้งอยากกินคุณนายเหลือเกิน” บุญทิ้งซุกไซ้ใบหน้าไปตามร่องเสียว ชอนจมูกเข้าไปเพื่อสูดดมความหอมของน้ำหวานหยาดเยิ้มให้ได้ เพราะกลิ่นที่โชยมาทำให้มันสั่นแล้วสั่นอีก ด้วยอยากกินจนใจจะขาด แม่พิศไม่ต่อปากแต่กลับเคลื่อนกายขึ้นไปกึ่งนั่งกึ่งนอนพิงพนัก
แต่เสียงของคนที่กำลังพูดคุยกันอยู่ไม่ไกลกลับทำให้แม่แพงต้องย่องฝีเท้าให้เบากริบ เพราะอยากดูให้รู้แน่ว่าคนที่พูดคุยกันอยู่นั้นเป็นบุญทิ้งหรือไม่ แล้วถ้าใช่ บุญทิ้งกำลังคุยกับใครอยู่ ทว่ายิ่งเดินเข้าใกล้เสียงพูดคุยกลับกลายเป็นเสียงกระหืดกระหอบปะปนกับเสียงครวญครางด้วยความซ่านเสียว ราวกับที่แห่งนี้เป็นที่เสพสมของใครบางคน และภาพที่เห็นท่ามกลางความสลัวนั้นก็คือ ร่างแข็งแกร่งของบุญทิ้งเปล่าเปลือยทั้งร่างกำลังกระแทกความแข็งแกร่งที่แม่แพงไม่รู้ว่ามันยาวหรือใหญ่เท่าไร ทว่าเมื่อบุญทิ้งเคลื่อนกายออกมากว่าคืบ ความแข็งแกร่งนั้นก็ยังสอดแทรกอยู่ในโพรงของ... ฝ่ามือปิดทาบริมฝีปากที่เกือบจะอุทานด้วยความตกใจ ด้วยไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมาเจอภาพบาดตาบาดใจเยี่ยงนี้ แค่เห็นบุญทิ้งกระหน่ำความแข็งแกร่งใส่บั้นท้ายของผู้หญิงอื่น
แม่แพงร้อนรุ่มกลัดกลุ้มหัวใจจนต้องเดินไปเดินมาอยู่ภายในห้องนอนของตนเอง ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่ริมหน้าต่าง ดวงตากลมโตแต่มีแววร้อนรนอย่างที่สุดทอดมองไปจนสุดสายตา และจำเพาะว่าที่สิ้นสุดนั้นกลับกลายเป็นเกาะกลางน้ำ ความร้อนรุ่มที่อยากจะดับลงให้ได้ก็กลับปะทุขึ้นมาอีกครั้ง และเมื่อผินหน้าหนีไปอีกทาง สิ่งที่เห็นนั้นก็กลับเป็นเรือนใหญ่ สถานที่ที่ร่างอ่อนระโหยของคุณนายพิศนอนหลับใหลโดยไร้ผ้าผ่อนปิดกาย ไม่ว่าจะหันหนีไปทางใด หรือนั่งครุ่นคิดอยู่ในห้องหับนี้ ก็ไม่อาจหลีกหนีความกระสันอยากที่ร่างกายกำลังเรียกร้องอยู่ในขณะนี้ได้เลย และฝ่ามือที่พยายามกอบกุมซึ่งกันและกันไว้ก็พานจะเคลื่อนมากระชับที่เต้าอวบอิ่มของตนเองอยู่ร่ำไป สุดท้ายแล้วแม่แพงก็ไม่อาจต้านทานความปรารถนาไว้ได้ เมื่อความเสียดเสียวจากหน้าอกถูกบีบเคล้นกระจายไปทั่วทั้งร่างกายอย่างรวดเร็ว ร่างอวบอิ่มแห่งวัยสาวจึงทอดร่างลง
“ไม่ได้มาเจ้าค่ะ” “อืม... ดีแล้ว ถ้ามาก็คงคอยเก้อนั่นแหละ อิ่ม... เอ๊ะนังนี่! เมื่อวันก่อนก็กระปั้นกระปึงใส่ข้าไม่รู้สาเหตุ มาวันนี้มายิ้มน้อยยิ้มใหญ่อีก นังนี่... เฮ้อ!” แม่พิศถอนใจเพราะดูเหมือนว่านางอิ่มจะเข้าไปอยู่ในภวังค์ดังเดิม ใบหน้างดงามส่ายระอาใจกับอาการของนางอิ่ม พลางคิดว่าก็ดีเหมือนกันที่แม่แพงไม่ขึ้นมาหาในเช้าวันนี้ เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่มีใครที่จะลุกออกมานั่งนิ่งตัวแข็ง พร้อมระงับความอ่อนระโหยมาสอนแม่แพงกรองมาลัยแน่ ด้วยร่างกายนี้อ่อนเพลียอย่างที่สุด จนถึงขณะนี้แม่พิศก็ยังอยากจะนอนเอาแรงอีกสักหน่อย “อิ่ม อย่าให้ใครมากวนข้าล่ะ ข้าจะไปเอนหลังสักหน่อย” “คุณท่านจะรับยาสักถ้วยหรือไม่เจ้าคะ จะได้หายอ่อนเพลีย” 
“ปล่อย! ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้! ปล่อย!” แม่พิศละสายตาจากทิวไม้มึดทึบด้านนอกมามองต้นเสียงกราดเกรี้ยว ดวงตาสวยหวานวาวโรจน์เมื่อเห็นร่างอวบอิ่มมีน้ำมีนวลงดงามมากขึ้นกว่าเดิมของแม่แพงกำลังถูกนางบ่าวหลายคนฉุดกระชากขึ้นมาบนเรือน แต่แม่แพงก็ยังไม่หมดฤทธิ์ทั้งดิ้นรนทั้งกรีดร้องให้บ่าวไพร่ปล่อยตนเอง แต่เมื่อดวงตากลมโตคู่นั้นมองมาเห็นแม่พิศ ความกราดเกรี้ยวก็ดูจะสงบลง พร้อมใบหน้าสะสวยที่เชิดขึ้นอย่างไว้ตัว ตามองตาสบกันนิ่ง ไม่มีความเกรงกลัวหรือว่าเกรงใจในดวงตาคู่นั้นอีก แม่พิศมองทาสในเรือนที่ตนอุตส่าห์คัดเลือกให้ขึ้นมารับใช้คุณพระท่านจนได้ดีเป็นอีกเมีย ทั้งยังยินดีที่คุณพระไปเยือนเรือนเล็กในทุกวันอีกด้วย แต่เหตุอันใดในวันนี้แม่แพงที่เคยสงบเสงี่ยมและเจียมตน ไม่ยกตนขึ้นข่มเหมือนดังที่แม่เรียมเคยทำ จึงเปลี่ยนท่าทีเป็นถือดีเยี่ยงนี้&nb
ใบหน้ายิ้มเยาะมองสภาพของคุณนายใหญ่เจ้าของเรือนที่นั่งหน้าซีดเพราะรับไม่ได้ที่ความลับถูกเปิดเผย ก่อนจะสะบัดหน้าไปอีกทาง พร้อมหันกลับจะลงเรือนไป “นังแพง...” “กรี๊ดดดดด...” แต่แล้วเสียงเรียกชื่อปนไปด้วยแรงอาฆาตของคุณนายพิศกับอาการเจ็บจี๊ดที่เรือนผมก็ทำให้แม่แพงต้องกรีดร้องเสียงหลง พร้อมกับหงายหลังล้มลงทั้งยืน เมื่อเส้นผมที่หวีเรียบจะถูกกระชากจากเบื้องหลังอย่างแรง “ปล่อยนะ! คุณนายปล่อยข้านะ! ปล่อย!” “เอ็งมันกล้ามากนักนะนังแพง เอ็งคิดว่าเอ็งเป็นใครถึงกล้ามาพูดกับข้าเยี่ยงนี้ เอ็งรู้จักข้าน้อยไปเสียแล้ว” ฉาด! ฉาด! ฉาด!&nb
“ข้าจะบอกคุณพระท่าน ว่าคุณนายกับเอ็งลอบเล่นชู้กับพี่บุญทิ้ง” เมื่อมีเรี่ยวแรงกลับคืนมา แม่แพงก็ไม่รอเวลาที่จะเอ่ยคำอาฆาตในทันที เพราะใบหน้าที่ระบมจากแรงตบเริ่มจะเจ็บปวด นึกโทษตนเองที่มัวแต่ตกตะลึงเพราะไม่คาดคิดว่าคนอย่างคุณนายพิศจะกล้าลดตัวลงมาตบตีกับเมียทาสอย่างมันได้ จึงไม่ทันได้ตั้งตัว ปล่อยให้คุณนายพิศตบเอาๆ จนมึนไปหมด “พูดอะไรเยี่ยงนั้นเล่าแม่แพง นี่แม่แพงเอาอะไรมาพูด กล่าวหาคุณนายท่านเยี่ยงนี้ได้อย่างไรกัน” “ข้าไม่ได้กล่าวหา แต่ข้าเห็นมาเองกับตา รวมทั้งที่เอ็งสมสู่กับพี่บุญทิ้งด้วยนังอิ่ม บ่าวแก่ๆ อย่างเอ็งแต่กลับใช้ผัวร่วมกับเจ้านาย อัปรีย์จัญไรจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ข้าจะบอกให้คุณพระท่านได้รู้ ท่านจะได้เฉดหัวพวกเอ็ง ทั้งนายทั้งบ่าวออกไปจากเรือนนี้”&
แม่จันทร์สะอื้นฮึกฮัก เพราะไม่อาจรู้ได้ว่าความเจ็บปวดร้าวรวดดั่งถูกมีดแหลมคมปักกรีดอยู่กึ่งกลางร่างกายนี้ จะมลายคลายลงได้อย่างไร เมื่อมันเจ็บเสียจนหล่อนไม่กล้าที่จะร่ำร้อง ด้วยกลัวว่าเพียงร่างกายขยับ ความเจ็บปวดนั้นจะทวีทบเท่า แลถึงตอนนั้นร่างกายนี้อาจตายเสียก็ได้ ทว่าแม้นเจ็บเพียงใด สัญชาตญาณก็ยังร้องสั่งให้แม่จันทร์มอง เพื่อให้รู้ที่มาของความเจ็บนั้น และสิ่งที่แม่จันทร์เห็นก็ทำให้ริมฝีปากต้องอ้าค้างมากขึ้น ด้วยไม่ใช่มีดพร้าที่ทิ่มตำร่างกาย แต่กลับเป็น ‘ท่อนเนื้อ’ ขนาดใหญ่ที่ยื่นออกมาจากกึ่งกลางกายของท่านกำลังทิ่มตำที่โพรงดอกไม้ สีหน้ารวดร้าวของท่านและคำสอนของแม่ที่แว่วมาในความคิดทำให้แม่จันทร์ต้องยิ้มทั้งที่เจ็บปวดอย่างแสนสาหัส เพราะนี่คงเป็นลำดับขั้นสุดท้ายก่อนที่หล่อนจะพานพบกับสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
เมื่อริมฝีปากของท่านทาบลงมาบนกลีบปากนุ่มก่อนจะบดเบียดยั่วเย้าอย่างอ่อนโยน ตามติดมาด้วยปลายลิ้นร้อนที่เกลี่ยไล้ไปมาอยู่บนกลีบปาก นั่นทำให้แม่จันทร์ถึงกับตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก “เจ้าคุณอา...” พระยาสรเดชฯ อมยิ้มในสีหน้า ดวงตาคมเข้มเต็มเปี่ยมไปด้วยกาลเวลาทอดมองหญิงสาวที่สั่นประหม่าไปทั้งร่าง จนลืมเลือนไปเสียสิ้นว่าต้องรักษากิริยาและต้องเรียกท่านว่าเช่นไร ทว่าสิ่งที่แม่จันทร์เป็นอยู่นี้ก็ช่างน่าเอ็นดูนัก “ที่ไม่ให้เรียกเยี่ยงนั้น เพราะพี่อยากให้แม่จันทร์เรียกพี่ว่า ‘เจ้าคุณพี่’ จะได้รึไม่” “เจ้าค่ะ เจ้าคุณพี่”
เสียงมโหรีขับขานท่วงทำนองกล่อมหอดังแผ่วแว่วมาในห้อง ส่งผลให้ผู้เป็นเจ้าสาวที่นั่งนิ่งอยู่บนเตียงต้องกระชับฝ่ามือเข้าหากันแน่นด้วยประหม่านัก เพราะอีกไม่นานเจ้าบ่าวซึ่งออกไปส่งผู้หลักผู้ใหญ่และขอบคุณผู้ที่มาร่วมงานก็จะกลับเข้ามา และเมื่อนั้นลำดับขั้นของงานวิวาห์จึงจะถือว่าสัมฤทธิ์ผล เจ้าสาวคนสวยชำเลืองมองที่นอนหนานุ่มขึงผ้าปูสีชมพูปักลวดลายดอกไม้กระจิริดดูอ่อนหวาน ทั้งข้าวของที่ใช้ทำ ‘พิธีเรียงหมอน’ ก็ยังวางเรียงรายกันอยู่อย่างสงบนิ่ง ฟักเขียว แมวคราว ไก่ขาว ไม้เท้า ถ้วยน้ำ และหินบดยา ถูกวางอยู่มุมซ้ายของเตียง ถุงเงินและถุงทอง ที่บรรจุถั่วเขียว งาดำ ข้าวตอก ดอกรัก ดอกบานไม่รู้โรย ถูกเปิดและหยิบเอาถั่ว งา และดอกไม้เหล่านั้นออกมาโปรยบนที่นอนเพื่อเป็นมงคล เมื่อนึกถึงเหตุที่เพิ่งผ่านไปเจ้าสาวก
ฟาววววววว... ควับ! “กรี๊ดดดดด...” สิ้นสุดเสียงกรีดร้องร่างที่สะบักสะบอมไปด้วยบาดแผลของนางแพงก็มีอันสิ้นสติไปด้วยความเจ็บปวด แต่คุณพระท่านก็ยังไม่หนำใจ ทั้งที่ตนเองก็หอบตัวโยนด้วยลงแรงไปกับหวายทั้งตัว คุณพระท่านร้องสั่งให้ข้าทาสไปนำเกลือเม็ดละลายน้ำเอามาสาดใส่บาดแผลของนางแพงให้มันฟื้นคืนขึ้นมาอีก เพื่อจะให้เรือนร่างนี้ได้รับความเจ็บปวดอย่างต่อเนื่อง ให้สาสมกับสิ่งที่มันทำเอาไว้ เพราะมันเจ็บกาย แต่ท่านนั้นเจ็บปวดไปทั้งหัวใจ รักมากก็แค้นมาก หวงมากก็อยากจะให้ตายคามือด้วยความทรยศ “สาดเข้าไป! เอาให้มันเจ็บมันแสบ มันจะได้รู้ว่าใครอย่าบังอาจมาทำเรื่องอัปรีย์จัญไรบนเรือนกูอีก ไอ้อีหน้าไหนที่มันกล้า มันจะต้องโดนเยี่ยงน
ฉาด! ฝ่ามือกระทบใบหน้าของนางแพงอีกครั้งให้หันไปตามแรงตบ เมื่อนางแพงเอาแต่ยิ้มและหัวเราะขันกับคำพูดของตนเอง มันทำความเสื่อมเสียเพียงผู้เดียวยังไม่พอ ยังจะริปากดีป้ายสีให้แม่พิศเมียรักต้องมัวหมองไปด้วย “ตบอีกสิเจ้าคะ ตบให้อีแพงมันตายไปเลย ไม่ต้องรอหวายแล้วเจ้าค่ะ แค่น้ำมือคุณท่าน อีแพงก็แทบจะตายคามืออยู่แล้ว แต่ก่อนตายขออีแพงได้พูดให้หมดเปลือกเถิด อีแพงคบชู้ อีแพงยอมรับ แต่หากคุณนายพิศคบชู้เล่าเจ้าคะ คุณท่านจะทำเช่นไร จะลงโทษคุณนายเทียบเท่ากับอีแพงรึไม่ หรือจักส่งคุณนายไปให้กองโปลิศตัดสิน ให้ประณามหยามเหยียดไปทั่วพระนคร ว่าลูกสาวบ้านนี้สัญชาติคบชู้สู่ชาย บ้านใดนำไปเป็นลูกเป็นเมีย ก็รังแต่จะเสื่อมเสียคบชู้อยู่ร่ำไป” “อีแพง!” 
“เอ็งช่างกล้าพูดนักนังแพง...” น้ำเสียงเอ่ยออกมาด้วยความเข่นเครียด ยิ่งเห็นเรือนร่างอวบอิ่มของเมียสาวคราวลูกสั่นสะท้านไปด้วยแรงสะอื้น คุณพระท่านยิ่งสะท้อนไปถึงหัวใจ เพราะนางแพงเมียทาสผู้นี้ ท่านสนิทเสน่หามันยิ่งนัก กลับมาคืนเรือนครั้งนี้ ท่านก็หวังจะโอ้โลมมันให้มีความสุข เพราะทิ้งร้างให้เปล่าเปลี่ยวอยู่นาน จนต้องสั่งให้เจ้าเข้มมาแจ้งข่าวกับแม่พิศว่าท่านจะคืนเรือนในวันนี้ ให้นางแพงได้เตรียมตัวต้อนรับท่านเถิด แต่กลับกลายเป็นว่านางแพงมันมีความสุขจนแทบจะสำลักอยู่แล้ว แม้จะรู้ว่าท่านคืนเรือนวันนี้ มันก็ยังกล้าที่จะพาไอ้บุญทิ้งไปร่วมรักกันบนเรือน บนเตียงที่ทับรอยของท่าน รวมทั้งคำรักที่มันพร่ำพลอดแก่กันและกันนั้น แปลว่านางแพงผู้นี้ไม่เคยเห็นท่านอยู่ในสายตาสักนิด มันไม่คิดถึงความสุขสบายที่ท่านปรน
ริมฝีปากยังคงแนบชิดแต่ท่อนแขนช้อนเรือนร่างอวบอิ่มขึ้นโอบอุ้มพาก้าวเดินไปสู่เตียงสี่เสาที่มีม่านลูกไม้สีขาวประดับอยู่ ร่างงดงามถูกวางไว้บนฟูกนุ่มที่ขึงเรียบตึงด้วยผ้าปูเตียงสีชมพูอ่อน กอปรกับแสงไฟสีนวลจากตะเกียงก็ช่วยส่งขับให้ผิวกายสีน้ำผึ้งนวลเนียนนี้ให้ยิ่งนวลน่าลูบไล้ฝ่ามือลงไปสัมผัสมากยิ่งขึ้น “พี่บุญทิ้งจ๋า... แพงรักพี่เหลือเกิน” “พี่ก็รักแม่แพงยิ่งนัก” แม่แพงคล้องฝ่ามือรอบลำคอแกร่งของไอ้ทาสวัยหนุ่มพลางรั้งใบหน้าคมเข้มนั้นเข้าหาตัว ความแข็งแกร่งนี้ที่หล่อนปรารถนา ความเข้มแข็ง ดุดัน ของคนรุ่นหนุ่ม หาใช่ความแก่ชราของชายวัยคราวพ่อเฉกเช่นคุณพระท่าน และเมื่อใบหน้าคมเข้มนั้นเคลื่อนเข้าใกล้ แม่แพงก็หลับตาพ
“อา... บุญทิ้งจ๋า... กระแทกลงมาแรงๆ เลย บุญทิ้งจ๋า...” “ขอรับคุณท่าน ไอ้ทิ้งจะกระแทกให้แหลกคา...” ขาดคำของบุญทิ้ง ไอ้ทิ้งน้อยก็โจนทะยานไปข้างหน้า ทะลวงเข้าไปในโพรงฉ่ำน้ำของคุณนายพิศอย่างบ้าคลั่ง และเมื่อคุณนายกรีดร้องด้วยความสุข ไอ้ทิ้งน้อยก็พ่นพิษร้อนออกมาอย่างท่วมท้นเช่นเดียวกัน โพรงดอกไม้ตอดตุบจนบุญทิ้งต้องซุกซบใบหน้าลงไปที่เต้าอวบอิ่มของคุณนายพิศ พร้อมทั้งจูบซับปลายยอดงอนงามด้วยความซ่านเสียวและพิศวาส ความร้อนแรงของคุณนายเจ้าของเรือนยังมีให้มันอย่างไม่หยุดหย่อน ตราบจนเสียงไก่ขันดังแว่วมา ไอ้ทิ้งน้อยจึงจำต้องอำลาโพรงน้ำหวานกลับไป เพื่อทำหน้าที่ทาสในเรือนเฉกเช่นเดิม.. 
“ขอบใจแพง” “ใช่ ข้าขอบใจที่แม่แพงจะไม่นำเรื่องของบุญทิ้งไปบอกคุณพระท่าน” “เอ่อ... เจ้าค่ะ” แม่แพงก้มหน้าไม่กล้าสบสายตาคุณนายพิศ ด้วยไม่รู้ว่าคุณนายรู้เรื่องมากไปกว่านี้รึไม่ และคำพูดต่อมาของคุณนายก็ทำให้แม่แพงเข้าใจว่าคุณนายพิศไม่ได้รู้เรื่องระหว่างตนกับบุญทิ้ง “ข้าหลงผิดไปเอง ต่อแต่นี้ไปข้าจะไม่กระทำผิดเยี่ยงนั้นอีก” เสียงสะอื้นของคุณนายพิศทำให้แม่แพงต้องมองคุณนายใหญ่เจ้าของเรือนด้วยความเห็นใจและสะท้อนในหัวอกตัวเองอย่างที่สุด เพราะสิ่งที่คุณนายพิศตั้งมั่นว่าจะไม่ทำผิดนั้น บัดนี้ตัวของแม่แพงเองนั่นแหละที่กร