สรุปแล้วคืนแรกของการนอนที่เกาะส่วนตัวของชลธี หญิงสาวและชายหนุ่มก็นอนห้องเดียวกันบนเตียงนอนไม่เล็กไม่ใหญ่แต่ก็นอนสองคนได้สบายตัว เมื่อคืนกว่าจะนอนหลับได้ก็เล่นทำเอาทั้งสองเหนื่อยไปเหมือนกันฮั่นแน่... พวกเธอนี่คิดลึกกันจริง ๆ เลยนะอย่าเพิ่งคิดไปไกลขนาดนั้น มันยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น! เพียงแต่ว่าที่เหนื่อยเนี่ย เหนื่อยเพราะการทุ่มเถียงกันเท่านั้น ก็นะแม้จันทร์เจ้าจะเปิดใจแล้วและทำใจว่าตัวเองจะต้องเสียตัวแน่ ๆ แต่ก็ยังเขินอายที่ต้องนอนร่วมเตียงกับชายหนุ่มอยู่บ้าง ดังนั้นคนสองคนจึงต้องนั่งถกเถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ผลที่ออกมาก็คือให้แบ่งเขตไว้โดยการเอาหมอนข้างมากางกั้น นอนกันคนละฝั่งและห้ามใครข้ามของตัวเองมาเด็ดขาด พอตกลงกันได้แล้ว ทั้งสองจึงได้นอนหลับไปเพราะความอ่อนเพลียเรื่องมันก็มีเท่านี้แหละแต่เดี๋ยวก่อน ไหนใครบอกว่าห้ามข้ามเขตแล้วภาพบนเตียงตอนนี้คืออะไร!อะไรคือการกกกอดซุกซบไปบนแผงอกชายหนุ่มที่แทบเกยไปครึ่งตัว แล้วขานั่นล่ะทำไมเป็นแบบนั้นไปเกี่ยวเอวอีกฝ่ายได้ยังไง นี่ตื่นมาแล้วจะไม่มีใครโวยวายใช่ไหม? “อื้อ!” ว่าแล้วเสียงอืออาจากคนที่กำลังจะตื่นนอนก็ดังขึ้น เธอขยับตัวเข้าไปกอดหาไออ
ใบหน้าของจันทร์เจ้าแดงซ่าน ตั้งแต่อาบน้ำกลับออกมาทำกับข้าวจนได้เวลาทานข้าวเช้าหญิงสาวก็ไม่กล้าสบตากับชายหนุ่มเลย หญิงสาวทั้งอายและเสียดาย... ตอนนี้จึงรู้สึกกระอักกระอ่วนใจมาก ถ้าได้กันเรียบร้อยก็แล้วไปเถอะ แต่นเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดเธอกับเขาเพิ่งจะเริ่มต้นเองนะ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกเสียดาย... เสียดายมากจริง ๆ‘จูบยังทำเคลิ้มขนาดนี้ ถ้ามากกว่านี้จะขนาดไหน’ชลธีอยากจะหัวเราะดัง ๆ ให้กับคนตรงหน้าจริง ๆ ใบหน้าแดง ๆ และท่าทางเสียดายแบบนั้นคืออะไร นี่คงไม่ได้เสียดายที่เขาและเธอยังไม่มีอะไรกันหรอกนะ นี่ขนาดเคยบอกไปแล้วว่าใบหน้าของเธอจะสะท้อนสิ่งที่เธอคิดออกมาทุกอย่าง เจ้าตัวก็ไม่เคยระวังตัว“ผู้หญิงลามก!”“อะไร” ได้ยินเขาพูดว่าตัวเองรวมถึงน้ำเสียงและสายตาล้อเลียนแบบนั้นจันทร์เจ้าก็ชักสีหน้าถามกลับด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ“จะอะไรซะอีก ผมว่าผมก็พูดชัดอยู่” จันทร์เจ้าไม่ตอบเธอเพียงนิ่งฟังคำเขาแล้วถลึงตาใส่ชายหนุ่มเท่านั้น นั่นทำเอาชลธีหัวเราะร่าเห็นแล้วหงุดหงิดมาก!“โอเค โอเค ผมไม่หัวเราะแล้วก็ได้” ยิ่งเห็นเขาบอกจะไม่หัวเราะและพยายามกลั้นขำแล้วหญิงสาวก็ยิ่งหงุดหงิด จากที่ตอนแรกเพียงถลึงตาใส่ตอนนี้
“ไม่ได้หรอกคุณห้ามเอามือจับนะ” ชายหนุ่มเอ่ยปฏิเสธพร้อมทั้งห้ามปราม หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่นก่อนเอ่ยปากถาม“ทำไมอะ”“ถ้าเราจับบริเวณรังของเขาแล้ว นกนางแอ่นจะไม่กลับเข้ารังหรือทำรังบริเวณจุดนี้อีก เหมือนเราไปมองเขา หากใช้มือจับปุ๊บนกนางแอ่นก็จะพาตัวเองไปยังจุดหรือบริเวณอื่นเพื่อสร้างรังใหม่ พวกมันจะเริ่มขยับไปสูงขึ้นเรื่อย ๆ”“อ้าว แบบนี้ถ้าฉันทำทัวร์ท่องเที่ยวเชิงให้ความรู้และอนุรักษ์ก็ทำไม่ได้สิ” เธอพูดอย่างเสียดาย“หืม นี่คุณอยากทำทัวร์แบบนั้นเหรอ”“อื้ม! แต่ว่าพอฟังคำพูดเตือนของคุณแล้วฉันคงต้องล้มเลิก เพราะถ้ามีนักท่องเที่ยวมาด้วยจริง ๆ อยากนักที่จะสอดส่องได้ทั่ว คนร้อยพ่อพันแม่คิดไม่เหมือนฟัง คนนี้อาจฟังคำเตือนยอมปฏิบัติตามแต่ก็จะมีคนบางประเภทที่ไม่ปฏิบัติตามเช่นกัน” ปากอธิบายใบหน้าก็แสดงความเสียดายเอาไว้ไม่มิด“ถ้าคุณจะทำผมสนับสนุนได้นะ”“ไม่เอาหรอก”หญิงสาวยู่ปากตอบ ชายหนุ่มยิ้มกว้างแล้วบอกกับเธอว่า“ดีแล้วแหละ เพราะเรื่องให้ความรู้เกี่ยวกับรังนกทั้งยังทำแบบท่องเที่ยวได้เนี่ยก็ให้คนที่มีความรู้ความชำนาญอย่างเจ้าหน้าที่ไปเถอะ คุณไม่ต้องทำให้เหนื่อยหรอก ที่สำคัญทำจริงขึ้นมาก็คงจะไม่มีคนส
“ดีจังเลยนะคะคุณที่เรากลับถึงบ้านก่อนไม่งั้นเปียกเป็นลูกหมาตกน้ำแน่” จันทร์เจ้าพูดขึ้นท่ามกลางสายฝนที่ตกกระหน่ำลงมา“อื้ม” ชายหนุ่มตอบรับจันทร์เจ้ารู้สึกแปลกใจที่เขาไม่พูดอะไรเลยจึงหันกลับไปดูก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องมองเธออยู่ ทั้งยังมองแบสำรวจ!เอาแล้ว ครั้งนี้คงได้เสียตัวจริง ๆ แล้ว!“เออ คุณ ฉันขอถามหน่อยสิคุณทำธุรกิจนี้นานหรือยัง รังนกอะ”“ไม่นาน แค่ห้าปีเท่านั้น ที่จริงรังนกในถ้ำผมเจอโดยบังเอิญน่ะ เกาะนี้เดิมทีเป็นเกาะของคุณปู่ทว่าท่านยกให้ผม พอรับพินัยกรรมหลังจากท่านจากไปก็ไม่มีใครสนใจเกาะนี่ จากที่ไม่มีใครสนใจอยู่แล้วเกาะนี้ก็แทบจะกลายเป็นเกาะร้าง คุณต้องเห็นภาพตอนที่ผมมาที่นี่ใหม่ ๆ ดินบนเกาะนี้รวมถึงต้นไม้ใบหญ้าเขียวชอุ่มอย่างกับป่ารก นี่ผมตัดไปหรอกเลยไม่ได้รกชันอย่างตอนนั้น”“หลังจากตัดต้นไม้จัดการหญ้าต่าง ๆ เรียบร้อยแล้วผมก็ค้นพบว่าที่นี่เงียบสงบและสวยมาก ๆ ทั้งน้ำทะเลก็ยังใสสะอาด เหมาะกับการพักผ่อนว่ายน้ำเล่นที่สุด ถ้าได้นอนพักและชมวิวที่นี่ไปด้วยคงจะผ่อนคลายและมีความสุขมาก ผมจึงเริ่มสร้างบ้านหลังนี้ สร้างบ้านเสร็จสรรพผมก็แค่คิดเล่น ๆ ว่าคงมีนกนางแอ่นเข้าไปทำรังในถ้ำบ้าง เ
ชลธีประกบปากจูบจันทร์เจ้าอีกครั้ง สอดแทรกเรียวลิ้นไปในโพรงปากหวาน ดูดดึงเรียวลิ้นเธออย่างตะกละตะกลามอย่างคนเอาแต่ใจ รสจูบเริ่มร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ตามแรงอารมณ์เสียงจูบเริ่มดังออกมาหากแต่ว่าไม่มีใครให้ความสนใจทั้งสองแลกจูบกันอย่างถึงพริกถึงขิง ไม่มีใครยอมใคร หนึ่งรุกหนึ่งรับสอดประสานกันอย่างลงตัวมือของชายหนุ่มลูบไล้เคลื่อนผ่านไปเรื่อย ๆ ก่อนจะมาหยุดที่ทรวงอกนุ่มหยุ่นของของหญิงสาว เขากอบกุมมันไว้ก่อนจะเริ่มบีบเคล้นเบา ๆ เมื่อถูกกระทำจันทร์เจ้าก็ไม่คิดยอมอีกเช่นกัน มือเล็กของเธอเริ่มเคลื่อนที่อย่างสะเปะสะปะ ลูบไล้ปัดผ่านแผงอกกว้าง สะกิดยอดอกให้เขารู้สึกซาบซ่านนนิดหน่อยจากนั้นก็ถอยมือผละห่างไป เธอลูบลงไปเรื่อย ๆ ก่อนจะไปหยุดที่กึ่งกลางกายหมับ!“อื้ม!” ชายหนุ่มผละหนาออกจากริมฝีปากสวยได้รูป เชิดหน้าขึ้นแหงนเงยร้องครางต่ำในลำคอเมื่อถูกคนใต้ร่างจับหมับที่อาวุธประจำกายของตัวเองก้มหน้ามองคนใต้ร่างแล้วก็รู้สึกว่ากำลังถูกเธอท้าทาย เห็นที่ถ้าไม่ได้จัดการคนอวดเก่งเขาคงจะสงบจิตใจไม่ได้แล้ว“เตรียมขาถ่างได้เลยจันทร์เจ้าเพราะผมจะไม่ปรานี” พูดจบชลธีก็ซุกซบใบหน้าลงที่ลำคอขาวฝากฝังรอยรักไว้หลายรอยเพื่อเป
ชลธีโน้มหน้าลงไปหาดอกกุหลาบแสนสวยที่กำลังแรกแย้มสีแดงอมชมพูน่าโลมเลียอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากของเขาประกบแนบชิดไปกับดอกไม้นั้น จันทร์เจ้าที่เพิ่งเคยโดนสัมผัสหวามก็สะดุ้งเฮือก ร่างทั้งร่างสั่นสะท้านเพราะความเสียว สองมือขยุ้มผ้าปูที่นอนไว้น้ำหวานสีใสฉ่ำเยิ้มที่เธอผลิตออกมาก่อนหน้าถูกชายหนุ่มใช้ลิ้นปัดป่ายออกไปจนสิ้น เขาสูดดมความหอมจากกายสาวราวกับคนโรคจิต ใบหน้าพึงพอใจอย่างเห็นได้ชัด“อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ พี่ชล อื้อ!”ชลธีชักนิ้วออกจากช่องทางรักแล้วใช้ปลายลิ้นของตัวเองโลมเลียแทน ลิ้นของเขาสอดแทรกเข้าไปอย่างว่าง่าย มันปัดป่ายผนังนุ่มหยุ่นทั้งสองข้างทั้งซ้ายและขวาเมื่อเข้าไปถึงข้างในแล้วชลธีรู้เลยว่าเธอแน่นและคับแคบแค่ไหน ขนาดลิ้นเขายังโดดบีบรัดขนาดนี้แล้วถ้าเป็นอย่างอื่นที่แข็ง ใหญ่ และยาวกว่านี้ล่ะมันจะโดดบีบรัดขนาดไหน ยิ่งคิดสิ่งที่ว่าแข็งก่อนหน้าก็เหมือนจะแข็งเพิ่มอีกแล้ว เส้นเลือดปูดโปนจนเห็นได้ชัดทั้งยังร้อนผ่าวเสียจนน่ากลัว มันแนบไปกับขาของจันทร์เจ้าจนเธอรับรู้ตัวตนของมันได้“อ๊ะ อ๊ะ อ๊ายยยย”ชลธีแทงลิ้นเข้าออกอยู่แบบนั้นบางครั้งก็ช้าบางครั้งก็เร็ว มือของเขาก็ไม่อยู่เฉย ข้างซ้ายบีบเคล้นเต้าทรว
“พี่ชลคะ เข้ามาเลยค่ะ”“แต่จันทร์จะเจ็บ”“ไม่เป็นไร ขอทีเดียวเลย”“นั่นจะยิ่งเจ็บ”“ไม่เป็นไรค่ะ จันทร์ศึกษามาแล้ว”ได้ยินคำตอบของเธอแล้วคิ้วเข้มก็ขมวดแน่น ผู้หญิงตรงหน้านี่เป็นคนแบบไหนกันแน่เนี่ย แต่ก็เอาเถอะในเมื่อเธอยืนยันแบบนั้นก็ได้ เขาจะสนองให้เธอเองปัก!“กรี๊ดดดดด!” จันทร์เจ้ากรี๊ดออกมาเสียงดัง เป็นชายหนุ่มต้องเข้าไปปลอบประโลม“ใจเย็น ๆ นะครับ เข้าไปแล้ว สุดแล้ว คนดี ทนหน่อยนะ”“ฮือ... ไม่เห็นเหมือนที่อ่านมาเลย ฮึก! ไหนบอกว่าถ้าเข้าทีเดียวจะไม่เจ็บไง ไม่เจ็บบ้าอะไร เจ็บจะตายอยู่แล้วเนี่ย ฉีกรึเปล่าก็ไม่รู้”จันทร์เจ้าร้องโวยวาย น้ำตาเม็ดเล็ก ๆ กลิ้งออกจากหน่วยตาก่อนจะถูกชายหนุ่มจูบซับไปสิ้น ใจก็อยากหัวเราะกับคำพูดเธอเหลือเกินแต่ก็กลัวอีกฝ่ายจะโกรธดังนั้นเขาจึงพรมจูบทั่วใบหน้าสวยอย่างปลอบโยน ก่อนจะก้มลงไปดูดดึงยอดอกสร้างความเสียวให้เพื่อดึงดูดความสนใจ เธอจะได้หลงลืมความเจ็บข้างล่าง และวิธีการนี้ของชลธีก็ได้ผล“อื้อ อึดอัด”เมื่อถูกเล้าโลมมาก ๆ เข้า จันทร์เจ้าก็เริ่มดีขึ้น ตอนนี้เธอหายเจ็บแล้วทว่าก็ยังรู้สึกตึง ๆ ตรงนั้นของกาย อีกทั้งยังอึดอัดอีกด้วย“งั้นพี่ขยับแล้วนะครับ ถ้าเจ
“ให้จันทร์ไปด้วยนะคะ คะพี่ชล จันทร์ไปด้วยนะ” ไม่พูดเปล่าเจ้าตัวทำตาปริบ ๆ ส่งสายตาออดอ้อนเกาะแขนเขาทั้งยังบดเบียดหน้าอกหน้าใจที่เขาหลงใหลให้แนบชิดกับแขนแกร่งด้วยชลธีพยายามอย่างมากเพื่อที่จะไม่ให้ตัวเองขาดสติเพราะไฟหน้าคู่ของเธอ จันทร์เจ้าก็เหลือเกินรู้ทั้งรู้ว่าเขาชอบมันมากขนาดไหนก็พยายามมกระเบียดชิดใกล้อยู่ได้ คิดหรือว่าเขาจะไม่รู้ว่าที่เธอทำแบบนี้เพียงเพราะต้องการให้เขาอนุญาตให้เธอตามเขาเข้าไปในถ้ำรังนกอีกครั้งเมื่อคืนฝนตกหนักมากเขาจึงจะไปตรวจสอบดูเสียหน่อย แม่ตัวแสบก็มาเกาะแขนอ้อนวอนขอตามไปด้วยอีกจนได้ ตัวเขาไม่ได้อยากให้เธอไปเลยสักนิดเพราะเกรงว่าหินจะลื่นเวลาเธอเดินอาจทำให้สะดุดหกล้มได้ แต่ตอนนี้คงจะไม่ให้ไปด้วยไม่ได้แล้ว ก็เจ้าตัวรู้ว่าเขาชื่นชอบความนุ่มนิ่มนั่นมากขนาดไหน เวลานี้จึงเอามาใช้ประโยชน์อย่างไงล่ะ และใช่เพราะสุดท้ายแล้วเขาก็ใจอ่อนยอมให้เธอไปด้วยอยู่ดี“มันลื่น”“จันทร์จะระวัง พี่ชลไม่ต้องเป็นห่วง นะคะให้จันทร์ไปด้วยนะ จันทร์ไม่อยากอยู่บ้านคนเดียวนี่” พูดจบก็ยู่ปากนิดหน่อย จนคนที่มองอยู่กอดแล้วอดไม่ได้จะก้มลงไปจูบริมฝีปากเล็กนั่นแรง ๆ“พี่จะได้อะไร” พูดเพียงเท่านี้จัน
จันทร์เจ้าอึ้งของจริงแล้วตอนนี้ ก็ว่าอยู่ทำไมเขามีท่าทางจริงจังผิดปกติ และเหมือนว่าจะทำเรื่องสำคัญ แต่เธอไม่คิดว่าเรื่องสำคัญที่ว่าคือการขอเธอแต่งงานแบบนี้ หญิงสาวพูดไม่ออกตั้งตัวไม่ทัน ได้แต่ยืนนิ่งอยู่แบบนั้นจนคนที่เพิ่งพูดว่าขอแต่งงานใจเสีย“จันทร์ครับ พี่รักจันทร์นะ รักจันทร์คนเดียว เรายังไม่ต้องแต่งกันตอนนี้ก็ได้ แต่จันทร์อย่าปฏิเสธพี่เลยนะครับ” พูดแล้วก็จะร้อง ใบหน้าของชลธีเหยเก ชายหนุ่มรับไม่ได้ถ้าเขาจะถูกคนที่รักปฏิเสธ มาถึงตอนนี้จันทร์เจ้าเรียกสติคืนกลับมาได้แล้ว“พี่ชลใจเย็น ๆ นะคะ จันทร์ไม่ได้จะปฏิเสธสักหน่อย”“จริงนะครับ”“จริงสิคะ”ชลธีได้ยินดังนั้นก็ยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจ“แต่จันทร์ขอเวลาหน่อยนะคะ จันทร์ไม่อยากให้เราด่วนตัดสินใจ ทุกวันนี้ที่เราอยู่และเข้าใจกันมันก็ดีอยู่แล้ว ให้ความสัมพันธ์ของเราเป้นแบบนี้ไปก่อนนะคะ”“เรายังมีหลายเรื่องที่ต้องปรับตัวเข้าหากัน โดยเฉพาะเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เรามองข้ามอาจจะกลายเป็นปัญหาในอนาคตได้ ถึงแม้ตอนนี้เราสองคนจะยังไม่แต่งงานกันแต่เราก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไม่ใช่เหรอคะ พี่ชลอย่ารีบไปเลยนะคะ และก็อย่ากังวลด้วย ไม่ว่าจะวันนี้หรือวันไหนก
วันนี้จันทร์เจ้าและชลธีมาร่วมแสดงความยินดีกับฟองคลื่น รุ่นน้องสาวคนนี้กำลังเข้าพิธีแต่งงานกับภาสกรเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาบรรยากาศงานแต่งงานยามเย็นที่จัดริมทะเลเป็นอะไรที่ลงตัวมาก จันทร์เจ้าชื่นชอบซุ้มดอกไม้ทางเข้างานที่สุด เพราะว่านอกจากจะหอมแล้วยังสวยด้วยแต่ที่สวยที่สุดเห็นที่จะเป็นเจ้าของอย่างเจ้าสาวป้ายแดงที่ชื่อว่า ฟองคลื่นคนนี้นี่แหละจันทร์เจ้ารู้สึกยินดีกับรุ่นน้องสาวมาก เห็นคนที่ตัวเองรักและเอ็นดูมีความสุขกับคู่ชีวิตและสิ่งที่เจ้าตัวเลือก ตัวเธอเองก็ดีใจและมีความสุขไปด้วยส่วนเพื่อน ๆ ในกลุ่มก็เอ่ยทักทายกันตามปกติก่อนจะแยกไปอยู่ที่คู่ใครคู่มันจันทร์เจ้าไม่ได้ร่วมแสดงความยินดีกับเจ้าบ่าวเจ้าสาวจนจบงาน ไม่ได้อยู่สนุกในช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี เพราะเพียงแค่เจ้าสาวโยนช่อดอกไม้มาแล้วปลาดาวรับได้ เธอก็ถูกชลธีพาตัวกลับมาที่เกาะทันทีชายหนุ่มพูดกับเธอว่า วันนี้เธอสวยแปลกตาจึงไม่อยากให้ผู้ชายที่มาร่วมงานมองเธอเยอะเกินไป เขาหึงหวงเกินกว่าจะเห็นเธอยิ้มให้คนอื่นได้ แม้ว่าคนคนนั้นจะเป็นคนที่เธอรู้จักก็ตามตอนแรกก็ตั้งใจจะต่อว่าเขาอยู่หรอกที่เขาพาเธอกลับออกจากงานก่อนงานเลิก ครั้นพอได้ยินคำพูดของ
“มานั่งสิครับ จันทร์บ่นว่าอยากกินซูชิไม่ใช่เหรอ นี่พี่สั่งให้คนงานซื้อมาให้เลยนะ เพิ่งมาถึงเมื่อกี้เอง”‘นั่นไง ว่าแล้วเชียว นี่คงจะสั่งตั้งแต่เช้าก่อนที่คนงานจะเอารังนกที่เพิ่งเก็บใหม่ออกไปส่งสินะ บวกลบเวลากลับมาถึงเกาะก็น่าจะเวลาประมาณนี้พอดี ซื้อหวยทำไมไม่ถูกนะ’ เธอพูดคนเดียวในใจ ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้เงียบ ๆชลธีจัดการส่งจานซูชิและสลัดต่าง ๆ ให้เธอ ส่วนเขานั่งทานข้าวสวยกับต้มยำแทน ระหว่างทานชลธีก็บริการจันทร์เจ้าอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง“ไวน์ไหมครับ”“จะมอม?”“เปล่าครับเปล่า ไวน์นี้มีกลิ่นหอม จันทร์น่าจะดื่มได้พี่เลยลองชวนน่ะครับ ถ้าจันทร์ไม่สนใจก็ไม่เป็นไรครับ” ชายหนุ่มพูดกลบเกลื่อนความเสียดายเอาไว้เขาอุตส่าห์วางแผนนี้ไว้ในใจ ตั้งใจให้เธอดื่มไวน์ เธอจะได้เมา หลังจากนั้นจะได้คุยกันง่ายขึ้น ไม่คิดเลยว่าเธอจะไม่ยอมดื่ม“คิดนานไหมแผนนี้”“แผน?”“อย่ามาทำหน้าซื่อตาใส มันไม่เนียน แล้วก็เอาไปไกล ๆ คนไม่ถูกโฉลกกับไวน์ยังจะเอาเข้ามาใกล้อีก” ได้ยินหญิงสาวพูดด้วยความไม่พอใจ ชลธีก็รีบหยิบแก้วไวน์ออกห่างจากหญิงสาวทันที“จันทร์ครับ ดีกันเถอะนะ อย่างอนเลยนะครับ พี่ไม่รู้จะง้อจันทร์ยังไงแล้ว” ชายหน
วันเวลาขับเคลื่อน หมุนเวียนผ่านไป ตอนนี้ก็ผ่านมาได้หลายเดือนแล้ว นับตั้งแต่ที่จันทร์เจ้าและชลธีกลับมาจากกรุงเทพฯ ตลอดเวลาที่จันทร์เจ้าอยู่กับชลธีที่เกาะรังนกแห่งนี้ทั้งคู่ก็ได้เรียนรู้นิสัยกันมากขึ้น ได้ปรับตัวเข้าหากัน ความรู้สึกที่มีให้กันก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกันทว่าสุขมักคู่กับทุกข์ คนเราจะมีสุขเพียงอย่างเดียวหรือทุกข์เพียงอย่างเดียวไม่ได้มันต้องคละเคล้ากันไปเพื่อเป็นสีสันของชีวิต จันทร์เจ้าและชลธีก็เช่นกัน พวกเขาทะเลาะกันบ้างในบางครั้ง งอนบ้างในบางคราตามปกติของคู่รักทั่วไปทว่าวันนี้ดูจะต่างออกไป เพราะเหมือนว่าจันทร์เจ้าจะงอนชลธีหนักกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ส่วนเรื่องอะไรนั้นเป็นเพราะว่า ชลธีแอบดูหนังโป๊! แถมยังเป็นหนังโป๊ญี่ปุ่นซะด้วย เรื่องนี้ทำเอาจันทร์เจ้าที่น้อยนักจะงอนชายหนุ่มสักครั้งถึงกับงอนไปเลยสองวันเต็ม และวันนี้ก็เป็นวันที่สามแล้วที่เธอไม่ยอมคุยกับเขาแต่จะพูดว่าเธองอนเขาก็ไม่ถูกนัก จันทร์เจ้าไม่ได้งอนเสียทีเดียว เธอแค่ไม่พอใจและหึงหวงเขามากกว่า หึงที่เขาดูผู้หญิงคนอื่น หึงที่เขาไปนั่งดูหนังรักผู้ใหญ่ที่ผู้หญิงสวย ๆ ลีลาเร่าร้อนนำแสดงเธอหึง หึงมากด้วย!“จันทร์ครับ ไม่คุยก
“สวยจังเลยนะคะ” จันทร์เจ้าพูดขึ้นมาท่ามกลางเสียงคลื่นทะเลกระทบฝั่งสุดสายตาของหญิงสาวกำลังมองดวงอาทิตย์ที่กำลังโผล่พ้นขอบน้ำ ตั้งแต่อยู่ที่เกาะรังนกนี้ หญิงสาวจะชอบดูพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกมาก ทว่าถึงจะชอบเธอก็ไม่ได้มีโอกาสดูบ่อยนักนั่นก็เพราะว่าหญิงสาวมักจะถูกชายหนุ่มรบกวนทุกที บางครั้งก็ตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ตกดินจนมดค่ำ บางครั้งก็รบกวนเธอยามเช้า ทำให้หญิงสาวพลาดภาพสวย ๆ นี้ทุกนี้ดังนั้นทุกครั้งที่เธอเห็นพระอาทิตย์ขึ้นหรือตกดินเธอจะชมว่าสวยอยู่เสมอ“ใช่สวย สวยมาก” คนพูดไม่ได้มองไปที่พระอาทิตย์ที่กำลังขึ้นแต่อย่างใด สายตาของชายหนุ่มจับจ้องไปยังใบหน้าใสไร้เครื่องสำอางเนียนนุ่มนั่นต่างหากวันนี้เป็นวันสบาย ๆ ของเขาและเธอ งานในเกาะก็มีคนคอยดูแลอยู่แล้ว พวกเขามาที่เกาะรังนกแห่งนี้ก็เหมือนกับปลีกวิเวกมาพักผ่อนเสียมากกว่า อ้อ ถึงจะปลีกวิเวกแต่ก็ยังสามารถติดต่อได้เช่นเคยจันทร์เจ้าหันหน้ากลับมามองชลธีก่อนจะเห็นว่าเขามองเธออยู่ก่อนแล้ว หญิงสาวยิ้มให้บาง ๆ ในใจของเธอกำลังรู้สึกมีความสุขอย่างมาก นอกจากแม่ที่จากไปและเพื่อน ๆ ในกลุ่มยังจะมีใครดีกับเธอเท่าเขาอีก“ขอบคุณนะคะ” เธอพูดออกมาโด
3 วันต่อมา“สรุปพี่ชลจะบอกจันทร์ได้หรือยังคะ ว่าเราจะไปไหนกัน” จันทร์เจ้าหันไปถามชลธีที่กำลังขับรถ ซึ่งเธอก็ไม่รู้เช่นกันว่าเขาจะพาเธอไม่ไหนตั้งแต่เช้าตื่นขึ้นมาชลธีก็ให้เธออาบน้ำแต่งตัวจากนั้นก็ขับรถออกมาโดยที่ไม่บอกอะไรเธอเลย พอถามก็ไม่ตอบ“ถึงแล้วเดี๋ยวก็รู้ครับ” ชลธีตอบก่อนจะหันกลับไปขับรถต่อหนึ่งชั่วโมงต่อมาจันทร์เจ้าก็เห็นรั้วบ้านหลังใหญ่รั้วหนึ่ง ชลธีขับรถไปยังรั้วหน้าบ้านนั้นช้า ๆ รอไม่นานก็มีคนเปิดประตูรถให้แล้วเขาก็ขับเข้าไปภายในพร้อมทั้งขับไปจอดยังโรงจอดรถอย่างคุ้นเคย“สรุปที่นี่คือ?”“บ้านพี่เองครับ”“หา!!!”“ไม่หาครับ ไปครับลงพ่อแม่พี่รอแล้ว”“เดี๋ยวสิพี่ชล หมายความว่ายังไงที่บอกพ่อแม่พี่รอ นี่อย่าบอกนะว่า”“ใช่แล้วครับ พี่พาจันทร์เจ้ามาเปิดตัวกับที่บ้าน ไปครับ ลงรถ” ไม่พูดเปล่าชลธีเปิดประตูรถลงไปอย่างรวดเร็ว ส่วนจันทร์เจ้าที่ยังไม่หายตกจเธอยังนั่งนิ่งอยู่ เดือดร้อนชายหนุ่มต้องเปิดประตูปลดเข็มขัดนิรภัยและประคองเธอลงจากรถ“ไม่ไปไม่ได้เหรอคะ” จันทร์เจ้าพูดพร้อมยึดประตูรถไว้แน่น“ไม่ได้ครับ อย่าให้พ่อแม่พี่รอนาน ไปเร็ว”“แต่ว่า”“ไม่มีแต่แล้วครับ จันทร์อย่าลืมสิว่าเราไม่ได
โดยปกติหากไม่มีเรื่องอะไรในใจปลาดาวจะต้องสดใสซึ่งผิดกับตอนนี้อย่างสิ้นเชิง ตอนเธอถามและอีกฝ่ายตอบกลับว่าสบายดี จันทร์เจ้าจึงไม่ได้เชื่อมากนัก ด้วยความที่สนิทกันจึงดูออกว่าอีกฝ่ายกำลังโกหก ทั้งยังโกหกไม่เนียนจันทร์เจ้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนและมีอะไรเกิดขึ้นที่เกาะหรือเปล่า พอจี้ถามมากเข้า ปลาดาวก็เอาแต่บอกว่าขอเวลา หากสบายใจเมื่อไหร่จะเล่าให้เธอฟังเป็นคนแรก จันทร์เจ้าถึงได้ยอมหยุดไม่เอ่ยปากถามให้เพื่อนต้องอึดอัดใจอีก“อยากกอดแกจังเลยไอ้จันทร์ ขอฉันกอดแกได้มั้ย”จันทร์เจ้าไม่ตอบเพียงแต่พยักหน้ารับส่งยิ้มให้เพื่อนพร้อมทั้งกางแขนออกกว้าง เพียงเท่านั้นปลาดาวก็พุ่งเข้ากอดเธอทันที จันทร์เจ้ากอดปลาดาวกลับด้วยความเป็นห่วง มือของเธอลูบหลังเพื่อนไปมาอย่างปลอบโยน แม้เธอจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอะไร แต่ก็พอคาดเดาได้ลาง ๆ ว่าคงมีเรื่องไม่สบายใจมาก ๆ แน่‘เฮ้อ ช่างเถอะ มันบอกแล้วว่าถ้าดีขึ้นจะเล่าให้ฟังเอง แกก็ไม่ต้องคิดมากหรอกจันทร์ เรื่องบางเรื่องก็ต้องให้เจ้าตัวคิดและตัดสินใจเอง เราจะเข้าไปยุ่งมากไม่ได้หรอก’ พูดในใจเสร็จจันทร์เจ้าก็ดันตัวเพื่อนออกพร้อมยิ้มกว้างให้ปลาดาว“ยิ้มทำไม”“เรามาถ่า
2 เดือนต่อมา“เตรียมเอกสารสำคัญเรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ”“เรียบร้อยแล้วค่ะ พี่ชลจะเอาอะไรเพิ่มอีกหรือเปล่าคะ”“ไม่แล้วครับ เราไปกันเลยดีกว่า เดี๋ยวตกเครื่อง”จบคำพูดของชลธีจันทร์เจ้าก็พยักหน้ารับก่อนที่ทั้งสองจะเข้าไปนั่งในรถ ส่วนกระเป๋าเสื้อผ้านั้นทั้งสองไม่ได้เก็บตั้งแต่แรกแล้ว เพราะไม่ตั้งใจเอาไปตั้งแต่แรกหลังจากจัดเตรียมเอกสารและตรวจสอบเรียบร้อยแล้วทั้งคู่ก็ขับรถออกจากบ้านพักทันทีเพื่อไปที่สนามบิน เพื่อที่จะได้เดินทางกลับกรุงเทพฯ กลับเมืองแห่งแสงศรีนั่นเองในที่สุดชลธีและจันทร์เจ้าก็เดินทางมาถึงสนามบินได้ตรงเวลา ทั้งสองขึ้นไปนั่งบนเครื่องบินในที่สุด และใช้ช่วงเวลาระหว่างเครื่องบินออกเดินทางหลับพักผ่อนเอาแรง กระทั่งเครื่องบินมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ทั้งสองคนจึงได้ลงจงจากเครื่องบินแล้วนั่งแท็กซี่กลับคอนโดของจันทร์เจ้าเดิมทีชลธีต้องกลับบ้านแต่ด้วยความที่ตั้งแต่จันทร์เจ้ากับเขาอยู่ด้วยกันตลอดทำให้ชายหนุ่มติดเธอมาก สุดท้ายเขาจึงตัดสินใจกลับไปที่คอนโดของหญิงสาวนั่นเอง อ้อ ก่อนมาคอนโดจันทร์เจ้า ชลธีได้ให้แท็กซี่ชับไปที่คอนโดเขาก่อนเพื่อไปเอาเสื้อผ้า เสร็จแล้วทั้งสองก็เดินทางด้วยรถยนต์คัน
รุ่งเช้ามาเยือน จันทร์เจ้าตื่นและลุกออกมาจากที่นอนด้วยความกระปรี้กระเป่า เธอเข้าไปอาบน้ำด้วยความสดชื่น ก่อนจะลงมาทำอาหารอย่างง่ายเช่นไข่ดาวทอดกับขนมปังปิ้งเป็นมื้อเช้า“ไปกับพี่ไหมครับ พี่จะเข้าโรงแรม” ชายหนุ่มเอ่ยถามหลังทานอาหารเช้าเสร็จ“ไปค่ะ จันทร์จะไปนอนอาบแดด” ชายหนุ่มได้ยินก็ขมวดคิ้วลงส่งสายตาไม่พอใจไปหาหญิงสาว“อะไรคะ”“ห้ามสั้น”“จันทร์ไม่ใส่สั้นหรอกน่า ทำอย่างกับว่าใส่เสื้อผ้าโชว์ได้อย่างนั้นแหละ รอยที่พี่ทำไว้เมื่อวันก่อนยังเด่นชัดอยู่ขนาดนี้ ใครเขาจะกล้าใส่กัน”“จะไปรู้เหรอ พี่ก็บอกไว้ก่อน เคยได้ยินว่าสามารถเอาเครื่องสำอางกลบรอยได้นี่”“โอ๊ย! จันทร์ไม่เอาด้วยหรอกค่ะ เปลือง! รอยสองรอยพอว่า นี่เป็นสิบรอยใครมันจะไปกลบไหว ซื้อมาตั้งแพงจะมาหมดเพราะรอยดูดแบบนี้ไม่ได้ มันเปลืองเข้าใจไหมคะ”“เอ่อ... ครับ” ชลธีพูดเพียงเท่านี้ เพราะตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาอีกเช่นกัน เพราะอึ้งตั้งแต่ที่ได้ยินเธอพูดว่าเปลืองแล้ว เพิ่งจะได้รู้ว่าเธอค่อนข้างงกก็ครั้งนี้แหละจากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรกันอีก ชลธีไปหยิบเอกสารในห้องทำงาน จันทร์เจ้าก็เก็บจานไปแล้ว พร้อมแล้วทั้งสองถึงได้ขับรถออกมาจากบ