Share

บทที่ 13 ปลากระโดดลงกระบุงหาบเอง

“ท่านย่า มีอะไรหรือเปล่าคะ?”ซูหวั่นหยุดฝีเท้าลงอย่างไม่แยแส

และแม่เฒ่าเซี่ยงก็เงื้อมือขึ้นมา

และการตบฉาดนี้ก็ไม่มีเสียงดังขึ้นตามที่คาดเอาไว้ ซูหวั่นบีบข้อมือของแม่เฒ่าเซี่ยงเอาไว้ และผลักกลับอย่างเต็มแรงและดุดัน“คิดจะตีข้างั้นเหรอ?”

“นังเด็กจิตใจต่ำทราม โอ๊ย เอวข้า!”แม่เฒ่าเซี่ยงจับเอวและร้องไห้คร่ำครวญ เหงื่อท่วมตัวด้วยความเจ็บปวด“ซูหวั่น เจ้าไสหัวออกจากสกุลซูไปเดี๋ยวนี้ บ้านสกุลซูของเราไม่มีหลานสาวอย่างเจ้า!”

ซูหวั่นบุ้ยๆปาก และทำหูทวนลมต่อคำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยง

หลังจากแบกกระบุงหาบขึ้นหลังแล้ว นางก็พาซูลิ่วหลางขึ้นไปบนภูเขาทันที

นางหลี่รู้ดีว่ามันคงไม่เป็นผลดีแน่หากจะอยู่ประจันหน้ากับแม่เฒ่าเซี่ยงต่อไป นางจึงหยิบจอบและลงไปทำนาด้วยเช่นกัน

และซูฝูก็ได้ประคองแม่เฒ่าเซี่ยงให้ขึ้นไปบ้านใหญ่“ท่านย่า เมื่อครู่ท่านย่าได้ยินหรือเปล่า ซูหวั่นเกือบจะพูดเรื่องของข้าออกไปแล้ว”

“นังเด็กบ้า!”แม่เฒ่าเซี่ยงกุมเอว ดวงตาหย่อนคล้อย พร้อมกับพูดว่า“รอให้พ่อของนางกลับมาเสียก่อนเถอะ ข้าจะต้องขายนางออกไปอย่างแน่นอน!”

ซูฝูยิ้มๆและพัดวีให้กับแม่เฒ่าเซี่ยง“ท่านย่า ข้ารู้จักครอบครัวดีๆอยู่ เราสามารถได้เงินสิบตำลึงจากการขายนาง และยังได้รับเงินปันผลในช่วงเทศกาลด้วยนะคะ”

“ที่ไหนเหรอ?”

“เป็นเด็กล้างเท้าให้กับสกุลใหญ่ในเมืองค่ะ”

การกระทำของซูหวั่นเมื่อสักครู่ที่ผ่านมาได้เตือนสตินางว่า ไม่สามารถให้ซูหวั่นอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไป ไม่เช่นนั้นจะต้องเกิดเรื่องขึ้นอย่างแน่นอน

......

ซูหวั่นขึ้นไปบนเขา และเดินมาถึงสถานที่ที่มาเมื่อวาน

และกระต่ายสองตัวก็ตกลงมาในกับดักที่นางทำเอาไว้แล้วจริงๆ นางให้ซูลิ่วหลางออกไปเก็บผลไม้ป่ามาสักหน่อย ขณะที่ตัวเองกำลังย่างกระต่ายป่าตัวผู้อยู่

โดยที่นางได้โยนหนังและกระต่ายตัวเมียเข้าไปในพื้นที่จินตนาการ

และหนังของกระต่ายป่าย่างนั้นก็เหลือทองกรอบ เนื้อนุ่มฉ่ำ แค่เคาะเบาๆหนังตรงกลางก็ได้แยกออกมาเป็นแนว

จากนั้นนางก็ทายี่หร่าลงไป และกลิ่นก็หอมตลบอบอวลไปหมด

นางตัดขาเล็กๆให้กับซูลิ่วหลาง“กินซะ”

ซูลิ่วหลางกะพริบตาปริบๆ โดยที่ปากเต็มไปด้วยคราบน้ำมัน ขณะที่ซูหวั่นเดินไปจับปลาและกุ้งที่แม่น้ำ ซูลิ่วหลางก็คาบกระดูก หยิบท่อนไม้และด้าย แล้วนั่งตกปลาอยู่ริมแม่น้ำโดยใช้ไส้เดือนเป็นเหยื่อล่อ

“พี่ครับ!”

เพียงครู่เดียว เขาก็ตะโกนเสียงดังออกมา

ซูหวั่นเงยหน้าขึ้นมามอง และเห็นซูลิ่วหลางยืนโซเซอยู่เล็กน้อย โดยที่คันเบ็ดในมือที่แสนจะธรรมดาเคลื่อนไหวอยู่ไม่หยุด

นั่นหมายความว่าปลาติดเบ็ดแล้ว

ซูหวั่นจึงเก็บปลาใส่ไปในกระบุงหาบโดยไม่ต้องคิดแต่อย่างใด จากนั้นนางก็ต้องตะลึงงัน

เพราะนอกจากปลาตัวที่ซูลิ่วหลางตกได้แล้ว ยังมีปลาช่อนตัวใหญ่กระโดดเข้ามาในกระบุงหามของนางเองอีกด้วย

เกิดอะไรขึ้น?

ปลาก็ยังรีบว่ายมาเป็นอาหารให้กับนางด้วยงั้นเหรอ!

ซูหวั่นอาศัยตอนที่ซูลิ่วหลางไม่ทันได้สังเกตจับปลาตัวเล็กใส่ลงไปในพื้นที่จินตนาการ ส่วนตัวใหญ่ก็ใส่ไปในกระบุงหาบเพื่อกลับไปทำอาหาร แบบนี้นางหลี่ก็สามารถกินซุปปลาที่สดใหม่ได้อีกด้วย

และนางก็ทำการขุดกับดักเสียใหม่

จากนั้นซูหวั่นก็เริ่มมองหายาสมุนไพร โรคของซูลิ่วหลางสามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่จำเป็นต้องใช้ยาจำนวนมาก โดยส่วนประกอบยาสมุนไพรบางชนิดก็หาได้ยากมากด้วยเช่นกัน

โรคหัวช้าของซูลิ่วหลางสามารถรักษาให้หายขาดได้ โดยการรักษาแบบผสมผสานระหว่างยาสมุนไพรและการฝังเข็ม

สองพี่น้องอยู่บนเขาเป็นเวลานาน จากนั้นจึงค่อยๆเดินกลับมาบ้าน แต่เมื่อมาถึงก็พบว่าประตูไม้ปิดสนิทและไม่มีใครออกมาเปิดประตูหลังจากที่เคาะอยู่นาน

ดวงตาที่งุนงงของซูลิ่วหลางได้ฉายแววแห่งความสงสัยออกมา

ซูหวั่นยื่นกระบุงหาบให้กับซูลิ่วหลาง จากนั้นก็เหยียบโขดหินเพื่อปีนขึ้นไปบนกำแพง ก้มตัวและกระโดดเข้าไปในลานบ้าน โดยที่กำแพงของบ้านโบราณหลังนี้ต่ำกว่าบ้านสมัยใหม่มาก ซึ่งมันไม่ถึงเมตรครึ่งเสียด้วยซ้ำ

แอ๊ด!

นางผลักเปิดประตู และพาซูลิ่วหลางเข้าไปในบ้าน

“ท่านแม่?”ซูหวั่นกระโจนเข้าไปในห้องฝั่งตะวันออกและห้องครัว แต่ก็ไม่ได้พบกับนางหลี่แต่อย่างใด ซึ่งภายในห้องก็เงียบเชียบไร้ซึ่งการขานตอบกลับมา

และนางก็ตื่นตระหนกอย่างไม่มีเหตุผลขึ้นมา

นางจึงขึ้นไปบนบ้านใหญ่โดยไม่ต้องคิด ซึ่งผู้คนกำลังนั่งล้อมวงกันเพื่อทานมื้อเย็นแล้วในตอนนี้

และมีเพียงตัวของนางหลี่เท่านั้นที่หายไป

เมื่อซูฝูมองเห็นซูหวั่น นางก็หรี่ตาลงเล็กน้อย“น้องสามกับน้องหกมาแล้ว รีบมานั่งกินข้าวเร็วเข้า”

ซูหวั่นจ้องมองผู้คนบนโต๊ะอาหารอย่างเย็นชา

และท่าทางนั้นก็เย็นยะเยือกแบบสุดๆ

“แม่ข้าอยู่ไหน!”

Bab terkait

Bab terbaru

DMCA.com Protection Status