ตอนที่ 29สิ่งที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิตหลังจากจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้วฉันรีบขับรถไปส่งเตชินที่เนอสเซอรี่ ก่อนจะรีบบึ่งรถไปยังบริษัทด้วยหัวใจที่เต้นแรงไม่เป็นจังหวะทันทีที่ฉันย่างกายเข้ามาในบริษัทก็เป็นอันวาที่เดินเร็วจ้ำอ้าวมาหาฉันหน้าตั้ง ถึงแม้ว่าอันวาเป็นสาวน้อยร่างเล็กกว่าฉันอยู่มากแต่ทันทีที่เธอมองเห็นหน้าฉันเธอก็รีบจุงมือฉันเดินไปทางลิฟต์ด้วยใบหน้าที่เป็นห่วงเป็นใยทันที“ยูโอเคมั้ย”“เฮ้ย! ยูไม่ต้องเป็นห่วงไอโอเค ไอเชื่อว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้น ยูก็เห็นว่าไอกับพี่เธียรไม่ได้ทะเลาะหรืออะไรกันเลย ไอเชื่อใจพี่เธียร” ฉันมองเพื่อนสนิทด้วยสายตาที่ทำให้เขาเห็นว่าฉันนั้นไม่ได้เป็นอะไรมาก ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้พร้อมยกมือขึ้นไปตบที่ไหล่ของเธอเบา ๆอันวามีท่าทางและสีที่ดูจะไม่ปกติเลยสักนิด มีหลายครั้งที่ฉันมองหน้าเธอแล้วรู้สึกเหมือนว่าเพื่อนมีอะไรจะพูด แต่เธอก็เก็บเงียบไม่ยอมพูดอะไรออกมา แต่ก็เข้าใจได้เพราะว่าเราสองคนนั้นสนิทกันมาก อาการของเธออาจจะเรียกได้ว่าวิตกกังวลแทนฉันเกินขนาดละมั้ง“ไอไปทำงานก่อนนะ ยูไม่ต้องห่วงไอ ไอสบายดี สบายมากด้วย” ฉันมองใบหน้าของเพื่อนก่อนจะเอื้อมมือไปกดลิฟต์เ
ตอนที่ 26คุณพ่อหมาด ๆผมหันหน้ามาจ้องเจ้าตัวเล็กที่ยังคงยืนทอดสายตามองออกไปในทะเล ราวกับว่าเขาเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งที่มีเรื่องหนักใจเสียเต็มประดา เขาเอ่ยออกมาโดยที่ไม่ได้หันมามองผมเลยแม้แต่น้อย การแสดงออกของเตชินนั้นไม่ได้เรียกว่าแอนตี้หรือยินดี นั่นยิ่งทำให้ผมไม่รู้ว่าควรตอบเขาออกไปแบบไหน“ถ้าลุงอยากเป็นพ่อของเตชิน.. ลุงจะได้สิทธิ์นั้นไหม” ผมเลือกที่จะเอ่ยถามเจ้าตัวเล็กนี้ออกไปโดยที่ไม่ได้ตอบคำถามของเขา แม้ว่าในใจผมอยากจะตอบว่าใช่ แต่ผมรู้ว่า.. ตอนนี้ผมกำลังทำอะไรอยู่เราสองคนไม่ได้พูดคุยอะไรกันเพิ่มเติมขึ้นมาอีก แต่ก็สงสัยไม่น้อยว่าทำไมจู่ ๆ เขาถึงมาถามเรื่องนี้ หรือว่าเมื่อคืน..“ผมชอบคุณลุงมากครับ แต่..” หลังจากที่พวกเราเงียบอยู่หลายนาที ก็เป็นเตชินที่หันใบหน้ามาจ้องมองผมก่อนจะเอ่ยคำพูดที่ดูกำกวมนั้น“แต่อะไรงั้นหรอ”“แต่ผมไม่ใช่ลูกของลุง.. ถ้าลุงกับแม่มีน้องใหม่จะทิ้งผมไหมครับ" คำถามที่แสดงออกถึงความสงสัยและน่าสงสารนี้ทำให้ผมไปไม่เป็นเลยทีเดียว หรือว่าแท้จริงแล้วสิ่งที่เด็กคนนี้กำลังกังวลก็คือเรื่องที่กลัวว่าจะถูกทิ้งกัน“เราเพิ่งจะอายุห้าขวบ.. นี่เรากังวลเรื่องแบบนี้เป็นแล้วหรอ” ผ
ตอนที่ 27สมาชิกใหม่ฉันใช้ชีวิตแบบคนมีแฟนตั้งแต่ที่พี่เธียรเปิดอกคุยกับเตชิน แม้ว่าจะเหมือนเป็นการหลบซ่อน ๆ แต่ก็ถือว่าไม่ได้แย่อะไร และเหมือนพี่เธียรเองจะจัดการเรื่องของคุณหนูน้ำตาลจนเรียบร้อยแล้ว เพราะตลอดระยะเวลาผ่านมาสองสามเดือนเธอไม่เคยมาที่บริษัทเลยสักครั้ง“พี่เธียร.. เรื่องของเราพี่คิดไว้หรือยังว่าจะบอกกับคุณหญิงอมรยังไง” ฉันที่นั่งอยู่บนตักของเขาบนเก้าอี้ทำงานตัวหนาเอ่ยถามเขาพร้อมทั้งจิ้มผลไม้ป้อนเข้าปากเขาเป็นระยะ“หวานจัง” เขาไม่ได้ตอบคำถามฉันนั่นทำให้ฉันรู้สึกผิดปกติเล็กน้อย แต่ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่รู้จักคุณหญิงอมรบางครั้งพี่เธียรเองอาจจะมีเหตุผลที่ไม่สามารถบอกฉันได้“ถ้าหวานก็กินเยอะ ๆ ค่ะ” ฉันส่งยิ้มให้กับเขาพร้อมกับจิ้มผลไม้หลายชนิดสลับสับเปลี่ยนให้กับเขา เมื่อเห็นว่าเป็นเวลาที่สมควรแล้วฉันจึงลุกขึ้นจัดแจงเสื้อผ้าของตนเองเตรียมจะเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน“อ๊ะ!”แต่ยังไม่ทันที่จะได้ก้าวเท้าเดินออกมา ก็ถูกมือหนาของเขาตวัดรัดรอบเอวกลับไปนั่งบนตักอีกครั้ง ก่อนที่พี่เธียรนั้นจะประกบริมฝีปากนั้นลงมาจูบด้วยความรวดเร็วโดยที่ฉันไม่ทันตั้งตัว“อื้อ~” ความรู้สึกที่เหมือนปลาขาดออกซิเจน ห
ตอนที่ 28ปวดหนึบที่อกข้างซ้ายฉันนั่งมองแผ่นตรวจครรภ์ในมือนิ่งหลังจากที่สวาปามอาหารที่พี่ชบาทำให้อย่างคนที่ไม่เคยกินมาก่อน และด้านพี่ชบาเองก็มองหน้าฉันด้วยสายตาประหลาดแบบนั้นจนหมดมื้ออาหารเมื่อไม่ได้รู้สึกมวนท้องในแบบของป่วย อาหารเป็นพิษ นั่นจึงทำให้ฉันเอะใจจนต้องออกไปร้านขายยาเพื่อซื้อที่ตรวจครรภ์มาทดสอบเพื่อความแน่ใจ ฉันนั่งมองเส้นสีแดงที่สว่างชัดขึ้นสองขีดในแผ่นที่สามด้วยหัวใจที่เต้นตึกตักอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ความรู้สึกมันทั้งตื่นเต้นและมวนท้อง มือข้างหนึ่งถูกยกขึ้นมาลูบหน้าท้องของตัวเองโดยสัญชาตญาณก่อนจะนั่งถอนหายใจอยู่ในห้องน้ำนานหลายนาที"จะบอกพี่เธียรยังไงละเนี่ย" ฉันได้แต่นั่งนิ่ง ๆ ไม่ได้ขยับไปไหน ความรู้สึกและคำถามมากมายในหัวตีกันวุ่นวายเต็มไปหมด"คุณแม่ครับ ผมอยากไปเดินเล่น" ฉันได้สติขึ้นมาอีกครั้งในตอนที่ได้ยินเสียงลูกชายส่งเสียงเรียกที่ด้านนอก ก่อนจะตามมาด้วยเสียงเคาะประตูห้องน้ำที่อยู่ในห้องของฉันก๊อก! ก๊อก!"คุณแม่ครับ ทำอะไรอยู่เข้าไปนานแล้วนะครับ" ฉันสลัดความคิดฟุ้งซ่านทั้งหมดออกก่อนจะกดชักโครกแล้วหยิบที่ตรวจครรภ์ทั้งสามอันโยนทิ้งในถังขยะ พร้อมทั้งสาวเท้าออกมาเปิด
ตอนที่ 29สิ่งที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิตหลังจากจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้วฉันรีบขับรถไปส่งเตชินที่เนอสเซอรี่ ก่อนจะรีบบึ่งรถไปยังบริษัทด้วยหัวใจที่เต้นแรงไม่เป็นจังหวะทันทีที่ฉันย่างกายเข้ามาในบริษัทก็เป็นอันวาที่เดินเร็วจ้ำอ้าวมาหาฉันหน้าตั้ง ถึงแม้ว่าอันวาเป็นสาวน้อยร่างเล็กกว่าฉันอยู่มากแต่ทันทีที่เธอมองเห็นหน้าฉันเธอก็รีบจุงมือฉันเดินไปทางลิฟต์ด้วยใบหน้าที่เป็นห่วงเป็นใยทันที“ยูโอเคมั้ย”“เฮ้ย! ยูไม่ต้องเป็นห่วงไอโอเค ไอเชื่อว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้น ยูก็เห็นว่าไอกับพี่เธียรไม่ได้ทะเลาะหรืออะไรกันเลย ไอเชื่อใจพี่เธียร” ฉันมองเพื่อนสนิทด้วยสายตาที่ทำให้เขาเห็นว่าฉันนั้นไม่ได้เป็นอะไรมาก ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้พร้อมยกมือขึ้นไปตบที่ไหล่ของเธอเบา ๆอันวามีท่าทางและสีที่ดูจะไม่ปกติเลยสักนิด มีหลายครั้งที่ฉันมองหน้าเธอแล้วรู้สึกเหมือนว่าเพื่อนมีอะไรจะพูด แต่เธอก็เก็บเงียบไม่ยอมพูดอะไรออกมา แต่ก็เข้าใจได้เพราะว่าเราสองคนนั้นสนิทกันมาก อาการของเธออาจจะเรียกได้ว่าวิตกกังวลแทนฉันเกินขนาดละมั้ง“ไอไปทำงานก่อนนะ ยูไม่ต้องห่วงไอ ไอสบายดี สบายมากด้วย” ฉันมองใบหน้าของเพื่อนก่อนจะเอื้อมมือไปกดลิฟต์เ
ตอนที่ 30ลาก่อนฉันไม่รู้เลยว่าตอนนี้ฉันกำลังรู้สึกยังไง ความรู้สึกที่โกรธจนสั่นเทา ความรู้สึกที่หัวใจแตกสลายอีกครั้ง ความรู้สึกที่เหมือนกับคนที่กลับมาโง่งมเพราะคนเดิม ความรู้สึกของคนที่เจ็บแล้วไม่เคยจะจำถึงแม้ว่าจะพยายามกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหลออกมาแต่สำหรับฉันในเวลานี้มันกลับยากมากเหลือเกิน ฉันหันหลังพร้อมกับก้าวเท้าออกมาจากห้องทำงานของพี่เธียร เพราะไม่อยากให้ผู้ชายคนนี้ได้เห็นว่าฉันนั้นเสียน้ำตาให้กับเขาอีกครั้ง ฉันไม่ได้หันไปมองหน้าของเขาและพี่เธียรเองก็ไม่แม้แต่จะรั้งฉันไว้ด้วยซ้ำ หากเขาเรียกฉันไว้สักนิดฉันก็พร้อมที่จะหยุดเท้าลงทันทีแท้ ๆไม่รู้เลยว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจุดเริ่มต้นมาจากเรื่องไหน ทั้งหมดที่พี่ทำลงไปเพราะอะไร หรือเพียงแค่เขาคิดเพียงแค่อยากเล่นสนุกกับฉันอย่างที่เขาพูดออกมาเท่านั้น “โง่สิ้นดี! มารียาเธอมันโง่สิ้นดี!”ฉันเดินกลับมาที่โต๊ะทำงานก่อนจะเก็บข้าวของที่สำคัญลงกล่อง หากเป็นเช่นนี้ฉันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องทำงานอยู่ที่นี่ งานที่คุณหญิงอมรสั่งให้ฉันจัดการก็ถือว่าสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี เพราะตอนนี้ลูกชายสุดที่รักของเขากำลังจะได้แต่งงานกับผู้หญิงที่เขาเลือกให้ ส่วนเรื
ตอนที่ 31เกือบแตกหัก"ไอ้พี่ธัน! พี่พูดอะไรออกมารู้ตัวไหม!""รู้! กูถึงได้ถาม!""พี่แม่งโคตรเหี้ย! คิดได้ไงถึงถามคำถามนี้ออกมาวะ!"ฉันรู้ตัวเลยว่าเวลานี้ฉันหัวร้อนมากแค่ไหน และไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้ยินคำนี้จากพี่ชายที่คลานตามตูดกันออกมา ฉันไม่รู้ว่าเราสองพี่น้องทะเลาะกันเสียงดังแค่ไหน แต่เวลาต่อมาก็เห็นว่าพี่ชบานั้นวิ่งหน้าตื่นมาอุ้มเตชินออกไปทันที"เออ! ความคิดกูมันเหี้ย! แล้วยังไงต่อ ไอ้ม่าน! มึงดูเตชิน มึงมองหน้าเขาให้ดี ๆ มึงจะเดินตามรอยเดิมหรอวะ มึงไม่สงสารหลานหรอ!""พี่ธัน! แล้วฉันเลี้ยงเตชินไม่ดีตรงไหน ฉันเลี้ยงเขาด้วยความรักที่ฉันมีทั้งหมด ฉันเลี้ยงเขามาจนโตแถมฉลาดด้วยพี่ดูดิ""แล้วมึงเคยคิดไหม ว่าเด็กต้องการทั้งพ่อและแม่! เรื่องเลี้ยงกูไม่เคยมองว่ามึงทำไม่ดีแต่มึงเคยถามเจ้าตัวไหมว่าต้องการพ่อแม่จริง ๆ ที่ไม่ใช่..""เงียบนะ! ไหนเราคุยกันแล้วว่าจะไม่พูดเรื่องนี้ จะพูดออกมาทำไมวะ!" เราสองคนยืนหอบถี่เพราะต่างคนต่างตะเบ็งเสียงข่มกัน พี่ธันจ้องมองหน้าฉันนิ่งและฉันเองก็จ้องหน้าเขานิ่งไม่แพ้กัน อย่างที่ไม่มีใครยอมใคร"เออ! กูขอโทษ" เรานิ่งเงียบกันพักใหญ่และก็เป็นพี่ชายของฉันเองที่เ
ตอนที่ 32การตัดสินใจที่แน่วแน่ผมมองน้องสาวเพียงคนเดียวของตัวเองที่กำลังเคี้ยวองุ่นจนแก้มทั้งสองข้างของเธอนั้นบวมตุ่ย หลังจากที่ผมรู้เรื่องของม่านฟ้า ผมก็ใช้เวลาคิดอยู่นานหลายชั่วโมงว่าจะทำอย่างไรดี จนเมื่อไอ้ราชันย์มันโทรมาว่าถึงสนามบินแล้วให้ผมรีบบินกลับไทยโดยด่วน เพราะว่าเอเดนนั้นโทรไปฟ้องเรื่องที่ผมกำลังเผชิญน้องสาวของผมเองจากเหตุการณ์ที่เธอกำลังเผชิญอยู่ผมมั่นใจว่าเธอจะต้องเสียศูนย์เป็นอย่างมาก ในตอนที่เธอโทรศัพท์มาหาผมแล้วบอกว่าจะกลับไปคบกับไอ้ผู้ชายเฮงซวยคนนั้น ผมบอกตามตรงว่าผมโมโหมาก แต่เพราะว่าครอบครัวของเราให้สิทธิ์ในการตัดสินใจด้วยตัวตัวเองมาตลอดเรื่องนี้ผมจึงไม่สามารถทำอะไรได้สายตาของผมทอดมองออกไปนอกหน้าต่างของเครื่องบินที่เห็นเพียงก้อนเมฆที่ปกคลุมไปทั่วผืนฟ้า ผมไม่สามารถหลับตาลงได้เลยเพราะความคิดหลายอย่าง จนเมื่อนกเหล็กลำนี้มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ผมก็รีบนั่งรถกลับบ้านทันทีและทันทีที่ผมกลับมามาถึงบ้านผมก็เห็นสีหน้าของพี่ชบาที่ดูเป็นกังวลไม่น้อย และทันทีที่เธอนั้นเห็นผมที่ไม่ได้บอกได้กล่าวว่าจะบินกลับมาวันนี้ เธอก็รีบมาฟ้องผมเรื่องของม่านฟ้าทันที เธอไม่ยอมกิน เธอไม่ยอมน
ตอนที่ 42ครอบครัวหลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นผมก็รู้ว่าความจริงแล้วผมอาจจะไม่ได้เก่งอะไรเลย เพราะในทุก ๆ การเติบโตของผมนั้นจะคอยมีพี่ชายของตัวเองคอยช่วยเหลืออยู่ห่าง ๆ มาเสมอ ไอ้อัฐรู้มาตลอดว่าผมกับม่านฟ้าเป็นอะไรกันแต่มันกลับไม่เคยปริปากพูดกับพี่ชายของเธอเลยสักครั้งมันรู้มาตลอดว่าเรื่องราวของผมกับมันฟ้าเมื่อหกปีก่อนเกิดอะไรขึ้น แต่เพราะตอนนั้นมันไม่สามารถหาหลักฐานนั้นไว้ได้ ทำให้มันจำเป็นต้องปล่อยเบลอเรื่องในครั้งนั้นจนในวันที่ฟ้านั้นบินไปต่างประเทศมันพยายามถามธันวาหลายครั้งว่าเธอไปที่ไหน แต่สำหรับธันวาเองแล้วก็รักน้องสาวไม่แพ้กันจึงไม่เคยปริปากออกมาเลยสักครั้ง ไม่ว่าใครจะมาถามก็ตามตอนนี้บริษัทผมยังคงทรงตัว รวมทั้งบริษัทใหญ่ที่เคยถอนตัวไปนั้นเมื่อรู้ว่าบริษัทเอเมเจนจ์เป็นหุ้นส่วนกับบริษัทของผมก็ทำให้หลายบริษัทกลับเข้ามาเซ็นสัญญาอีกครั้ง “แล้ววันนี้มึงจะไปไหน” เพราะหลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นนี่ก็ผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้วที่ผมต้องเทียวไปให้ปากคำ รวมถึงจัดการเรื่องราวในบริษัท และตัวไอ้อัฐเองหลังจากที่พวกเราเปิดอกคุยกันมันก็แทบจะยึดห้องผม อยู่กับผมที่คอนโดมาตลอดเจ็ดวันเช่นกัน“ไปหาเมีย”
ตอนที่ 41เปิดโปงผมเห็นว่าการ์ดหน้าห้องนั้นชะงักเล็กน้อยก่อนจะโน้มตัวไปกระซิบกระซาบอะไรกันสักอย่าง ก่อนจะยืนขึ้นเต็มความสูงหันมามองที่พวกเราอีกครั้งพร้อมทั้งพยักหน้าและพาพวกเรามาอีกทางก่อนจะเปิดประตูให้“เชิญครับ” และทันทีที่ประตูเปิดออกก็เห็นว่าตรงนี้เป็นประตูอีกฝั่งที่อยู่ไม่ไกลจากด้านหน้าเวทีมากนัก เราทั้งสี่คนเดินมาหยุดยืนอยู่หลังเวทีที่คุณหญิงอมร เจ้าสัว และข้างกันนั้นมีน้องน้ำตาลที่กำลังยืนร้องไห้บีบน้ำตาอยู่“งานร่วมมือกันของ2บริษัท ทำไมถึงมีแต่นักข่าวถามเรื่องของกู” ถึงแม้ว่าจะรู้อยู่เต็มอกว่าเรื่องนี้ไม่มีทางที่จะไม่เกิดประเด็น แต่ตั้งแต่ที่ผมยืนมาเกือบ 10 นาทีนั้น ยังไม่มีนักข่าวคนไหนถามเกี่ยวกับการร่วมมือของบริษัทเลยสักประโยค“มึงรอดูอะไรสนุก ๆ ได้เลย” สิ้นสุดคำพูดของไอ้อัฐผมเห็นว่ามีนักข่าวคนหนึ่งหันมามองที่พวกเราเล็กน้อย และเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ไอ้พีชให้สัญญาณ“คุณหญิงอมรครับผมมีคำถาม” และทันทีที่นักข่าวคนนั้นเอ่ยถามนักข่าวคนอื่น ๆ ก็เงียบเสียงลงทันทีราวกับปิดสวิตช์ ซึ่งมันแปลกมากสำหรับวงการนี้นั่นทำให้ผมรู้สึกว่าเรื่องนี้มีอะไรที่ไม่ชอบมาพากล“คุณหญิงอมรเป็นหัวหน้าสม
ตอนที่ 40 เก็บกวาดผมมองหน้าของม่านฟ้าก่อนจะปรายตาไปมองที่เรียวนิ้วของเธอ ซึ่งปลายนิ้วของเธอชี้มายังเสื้อคลุมสีขาวของผมที่พาดอยู่ที่แขนผมชูเสื้อคลุมตัวนี้ขึ้นเป็นเชิงคำถามว่าเธอกำลังหมายถึงชิ้นนี้อย่างนั้นหรอ และก็เป็นม่านฟ้าที่พยักหน้ารัวเป็นคำตอบว่าเธอหมายถึงสิ่งนั้นจริง ๆถึงแม้ว่าผมจะไม่เข้าใจว่าเธอต้องการมันไปทำอะไรแต่ก็ยินดียื่นให้เธออย่างไม่คิดลังเล ก่อนจะเดินลงมาจากรถพร้อมกับปิดประตูให้ รถตู้คันนี้ก็แล่นออกไปจากหน้าโรงพยาบาลทันที“ไอ้ธันมึงไม่กลับไปกับน้องหรอ" หลังจากที่รถตู้คันนั้นออกไปสู่ถนนใหญ่พวกเราก็หันมามองหน้ากัน ซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไมทุกคนถึงยังอยู่ตรงนี้"มึงมีเรื่องที่ยังเล่าไม่หมดหรือเปล่าไอ้อัฐ" และทันทีที่ไม่มีม่านฟ้าผมก็รู้สึกได้เลยว่าบทสนทนามันเปลี่ยนไป"มี""เรื่องอะไร" ผมเอ่ยออกมาด้วยเสียงที่ค่อนข้างจะดังและฟังชัด เซนต์ของผมไม่น่าผิดพลาดเพราะว่าผมรู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวกับม่านฟ้าแน่นอน“คนที่จ้างวานมาขับรถชนม่านฟ้า” ได้ยินเพียงแค่นั้นผมก็รู้สึกได้เลยว่าตัวเองเลือดขึ้นหน้าขนาดไหน ผมอยากรู้เหลือเกินว่าคนที่คิดจะทำร้ายเธอต้องจิตใจอำมหิตขนาดไหน แต่ผมกลับไ
ตอนที่ 39ให้อภัยฉันหันขวับไปมองที่พี่อัฐนิ่ง ฉันมั่นใจว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือของผู้หญิงที่จงใจทำลายสิ่งที่พี่เธียรสร้างขึ้นมาแน่ เพราะฉะนั้นเหลือเพียงเหตุผลเดียวที่บริษัทยักษ์ใหญ่จะยื่นมือเข้าช่วยเหลือบริษัทที่กำลังจะล้มละลาย“เข้าใจแล้ว.. เดี๋ยวม่านฟ้าจัดการบอกคุณปิติภัทรให้ค่ะ” ฉันเอ่ยออกมาเพียงแค่นั้นก่อนจะกดวางสายแล้วยื่นมือถือคืนให้กับเขา พี่เธียรหันมามองที่มือถือเล็กน้อยแต่กลับไม่ได้หยิบมันไป สายตาของเขาชำเลืองมองไปที่ส้มลูกหนึ่งที่เขากำลังปลอกมันยังสวยงาม“หนูเพิ่งฟื้นกินอะไรหน่อยไหม รู้สึกเป็นยังไงบ้าง”ถึงแม้ว่าจะรู้ว่าพี่เธียรนั้นตั้งใจที่จะง้อ และไอ้ความรู้สึกไม่รักดีของฉันในตอนนี้ก็พร้อมจะให้อภัยเขาซะด้วยสิ แต่การที่เราจะให้อภัยง่าย ๆ มันก็ไม่สนุกสิ ถูกไหม?“ไม่กิน” ฉันตอบออกไปแบบนั้นด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ แต่หารู้หรือไม่ว่าภายในท้องไส้ของฉันนั้นปั่นป่วนเหลือเกิน ความรู้สึกที่อยากกินจนน้ำลายสอ ความรู้สึกที่หอมอย่างที่ไม่เคยได้กลิ่นมาก่อนฉันใช้จมูกค่อยๆ สูดดมฟุดฟิดไปตามในห้องจนพบว่ากลิ่นที่หอมที่สุดและแรงที่สุดในตอนนี้มาจากตัวของพี่เธียร แล้วเหมือนว่าเขาเองก็จะเห็นอาการ
ตอนที่ 38เรื่องราวคลี่คลายผมหันไปตามเสียงที่ได้ยินเห็นว่าเป็นม่านฟ้าที่ลืมตามองพวกเราอยู่ก่อนแล้ว สองเท้าผมรีบปรี่เข้าไปหาเธอด้วยท่าทีของคนทั้งตื่นเต้นและดีใจ“หนูเป็นยังไงบ้าง” ผมทำได้เพียงแค่ยืนมองเธอมือไม้สั่นไม่กล้าแม้แต่จะจับ สังเกตได้ว่าเธอมองผมด้วยสายตาเรียบเฉย เย็นชา แต่ก็เป็นแค่เพียงแวบเดียวเท่านั้นเพราะเธอหันไปถามพี่ชายของผมอีกครั้ง“เรื่องที่พี่พูดมาเป็นเรื่องจริงหรอคะ”“เธอจะมัวมาสนใจเรื่องนี้ทำไม! เดี๋ยวพี่ไปตามหมอให้” สิ้นสุดเสียงของธันวาเขาก็เตรียมที่จะหันหลังออกไปตามพยาบาล แต่กลับเป็นเสียงของม่านฟ้าที่รั้งเขาเอาไว้“พี่ธันอย่าพึ่งไป หนูอยากฟังทั้งหมดให้จบ”“ทั้งหมด?” เป็นเสียงของพี่ชายของผมที่มันเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับจ้องมองใบหน้าของเธอ“อือ.. ทั้งหมด เพราะว่าหนูก็ฟังเรื่องทั้งหมดนี้พร้อมกับพวกพี่ตั้งแต่แรก” เธอเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนจะเหลือบสายตามามองผมอีกครั้งสายตาของเธอที่จ้องมองมาไม่ได้แสดงออกว่าโกรธแค้น และก็ไม่ได้รู้สึกดีใจ ไม่ได้รู้สึกเสียใจ แต่เธอมองมาด้วยสายตาที่ว่างเปล่าราวกับว่าผมเป็นอากาศธาตุ“ถ้าอย่างนั้นพี่เล่าต่อนะ”“ค่ะ” ผมทำได้เพียงแค่มองหน้า
ตอนที่ 37เรื่องมีอยู่ว่า ที่ผ่านมาไม่ใช่เรื่องจริงเราสองคนหันไปตามเสียงของผู้ที่มาทีหลัง และทันทีที่ผมเห็นหน้าของมันความรู้สึกหมั่นไส้ก็เกิดขึ้น“มึงมาทำไม” ผมหลงลืมไปชั่วขณะว่าความจริงแล้วไอ้อัฐมันเป็นเพื่อนของธันวา“ก็นี่น้องสาวเพื่อนกู.. กูจะมาเยี่ยมน้องสาวเพื่อนกูไม่ได้หรอ" มันก็ยังคงเป็นพี่ชายที่กวนตีนผมไม่เลิก และเพราะเกรงใจพ่อของเธอที่นั่งอยู่ทำให้ผมได้แต่เบือนหน้าหนี แต่จู่ ๆ ผมก็นึกถึงคำพูดของมันเมื่อครู่"ว่าแต่เมื่อกี้มึงพูดว่าอะไรนะ" เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงหันไปมองหน้ามันอีกครั้ง รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดออกมาจากริมฝีปากของผู้ชายที่หน้าตาไม่เหมือนผมเลยสักนิด"กูบอกว่า! มึงไม่ได้เอาเข้า! แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเข้าไม่ได้! มึงได้ยินชัดหรือยังไอ้น้องเวร!” มันจงใจพูดเน้นเสียงทุกคำถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยชอบมันเท่าไหร่แต่ในเวลานี้ผมกลับรู้สึกเหมือนว่าผมพลาดอะไรไป“คืออะไร” ผมเอ่ยถามมาอีกครั้งแต่ครั้งนี้มันทำเพียงแค่ยกยิ้มส่งให้ด้วยใบหน้าของคนเหมือนดูหมิ่นดูแคลน แต่ก็เป็นแค่เพียงแวบเดียวเท่านั้น“ไอ้พีช! ของที่กูให้มึงเอามาอยู่ไหน” ทันทีที่ไอ้อัฐเอ่ยขึ้นเพื่อนสนิทของมันก็เดินเข้ามาหาพวกผมด้ว
ตอนที่ 36ความจริงเมื่อ6ปีก่อน“เด็กในท้อง?” ไม่รู้ว่าตัวว่ากำลังแสดงสีหน้าแบบไหน รู้เพียงแค่ว่าตอนนี้ผมตกใจกับสิ่งที่ได้ยินมากจริงๆ หากวันนี้เธอไม่ประสบอุบัติเหตุผมไม่รู้เลยว่าจะได้รู้เรื่องที่กำลังมีลูกเมื่อไหร่ หรือม่านฟ้าตั้งใจที่จะปิดบังผมไปตลอดชีวิต ผมละสายตาจากใบหน้าของผู้เป็นพ่อเปลี่ยนไปจ้องมองผู้หญิงที่กำลังหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว ก่อนจะหันกลับไปมองใบหน้าของชายมีอายุและพี่ชายที่แสนจะเกรี้ยวกราดของเธออีกครั้ง“พ่อไปบอกมันทำไม! คนอย่างมันไม่สมควรที่จะรับรู้อะไรเกี่ยวกับไอ้ม่านเลยด้วยซ้ำ!” เขายังคงมีน้ำโหและยังคงพูดจาเชือดเฉือน จ้องมาที่ใบหน้าผมเรากลับว่าอยากจะกินเลือดกินเนื้อ“ผม.. กำลังจะเป็นพ่อลูกสองหรอ” ผมเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ติดจะตกใจ หันไปขอความมั่นใจทางผู้ใหญ่ที่อยู่เพียงคนเดียวในห้องนี้ แต่ยังไม่ทันที่พวกเรานั้นจะได้เอ่ยอะไรต่อก็มีพยาบาลเดินเข้ามาในห้องพักฟื้น ทำให้พวกเราต้องเงียบเสียงลง“เธอเป็นยังไงบ้างครับ” ผมเอ่ยถามทันทีที่พยาบาลเตรียมจะออกด้านนอก เธอหันมามองหน้าผมพร้อมตอบด้วยนะเสียงเรียบนิ่ง“อาจต้องรอคุณหมอนะคะ จากที่ดูตอนนี้ไม่เป็นอะไรมากแล้วค่ะ”
ตอนที่ 35พ่อของเด็กในท้องคือผมหรอ“นายโอเคมั้ย” ผมหลุดออกจากภวังค์หันหน้าไปมองผู้ชายที่กำลังขับรถด้วยความเร็วที่สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เพราะการจราจรที่ติดขัดทำให้เราไม่ได้ดั่งใจสักเท่าไหร่“อืม” ผมตอบออกไปเพียงเท่านั้นก่อนจะหันหน้าจ้องมองไปบนถนนด้วยหัวใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว“ถ้าเป็นห่วงคนรักของนาย ไม่ต้องกังวลหรอกเธอถึงมือหมอแล้ว” สิ่งที่ผมรู้สึกว่าผมโชคดีมากก็คือ ผมกับพีชไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวเราเป็นเพียงแค่คนที่ผ่านมาเจอกัน แต่ในเวลาเร่งด่วนคนที่ช่วยผมกลับเป็นเขา“ทำไมถึงช่วย” เพราะไม่ว่าผมจะคิดยังไงหรือทางใด มันไม่มีจุดไหนเลยที่จะทำให้เขาต้องยื่นมือเข้ามาช่วยคนอย่างผม เพราะว่าแม้แต่ทางด้านธุรกิจเราสองคนแทบจะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันเลยแม้แต่น้อย หรือหากเขากำลังทำดีเพื่อการร่วมมือในอนาคตอย่างนั้นหรอ“ไม่ดีหรอ” พีชหันมามองหน้าผมพร้อมกับตอบด้วยท่าทางยียวนกวนประสาท แต่ผมกลับรู้สึกว่าในสายตาของเขามีอะไรที่มากกว่านั้น“ก็แค่รู้สึกสงสาร.. แล้วก็เห็นใจนาย” ยิ่งคำพูดของเขายิ่งทำให้ผมสงสัยในเรื่องนี้เข้าไปใหญ่ ในเมื่อเราไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวเพราะอะไรเขาถึงต้องมาสงสาร แล
ตอนที่ 34ผิดสัญญาผมที่สวมชุดสูทสีขาวกลัดดอกกุหลาบแดงที่หน้าอกข้างซ้าย สองเท้าก้าวเดินต้อนรับแขกเหรื่อที่เข้ามาในงาน ข้างกายมีสาวสวยอย่างน้องน้ำตาลที่สวมชุดราตรีปักเพชรสีเดียวกันเรียกได้ว่าทำให้เราทั้งสองคนนั้นเป็นจุดเด่นในงานครั้งนี้ถึงแม้ว่าช่วงนี้ก็มีความรู้สึกที่แปลกใจอยู่สักหน่อย ราวกับว่าจะมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นแต่เพราะมันคือหน้าที่ที่ผมตัดสินใจแล้ว และนี่ก็เป็นผลของการแลกเปลี่ยนอย่างหนึ่งงานหมั้นที่ถูกจัดที่โรงแรมหรู แขกเรือที่เข้ามาในงานมีแต่คนมีอำนาจ เงินทอง และชื่อเสียง ทุกอย่างดูเหมือนว่าจะเพอร์เฟกต์ไปเสียหมด แต่สำหรับผมมันก็เป็นแค่งานที่รวมคนรวยเท่านั้น“พี่เธียรยิ้มหน่อยไหมคะ ทำหน้าเหมือนคนอมทุกข์ขนาดนี้ ทำไมคะการที่พี่กำลังจะเข้าพิธีหมั้นกับน้ำตาลมันดูทุกข์ขนาดนั้นเลยหรอคะ” ผมเบนหน้าไปลงเล็กน้อยมองสาวที่อยู่ด้านข้างอย่างไม่ได้แสดงอารมณ์ใดออกมา น้ำตาลจ้องใบหน้าของผมพร้อมกับส่งยิ้มหวานมาให้ แต่ช่างดูเป็นรอยยิ้มที่ผมดูยังไงก็ไม่จริงใจเลยสักนิด“อย่าบังคับพี่ให้มาก” ผมตอบเพียงแค่นั้นโดยไม่ได้สนใจอะไร ก่อนจะเดินหลบมุมก่อนจะปลีกตัวออกมาด้านนอก เมื่อเห็นเป้าหมายจึงได้เดิน