พอล โคลรู้สึกกระวนกระวายใจในขณะนี้ แม้ว่าครอบครัวของเขาจะมีความเมตตาต่อแซนดร้าและครอบครัวของเธอมาตลอด แต่ทัศนคติของพวกเขายังคงแย่ลงไปเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไปเมื่อถึงจุดนี้ พอลไม่สามารถทนได้อีกต่อไป“พี่รอง พี่สะใภ้ พวกคุณใช้เรื่องนี้กับครอบครัวของฉันทุกครั้งและฉันก็เงียบไปทุกครั้ง พวกคุณพูดถูก เมื่อฉันกลับมาจากกองทัพในตอนนั้น ครอบครัวของฉันต้องเผชิญกับความอดอยากครั้งใหญ่ ครอบครัวของฉันต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก ถ้าไม่ใช่เพราะข้าวของคุณ เฮเลนก็คงจะไม่รอด แต่ฉันก็ได้จ่ายเงินคืนให้กับพวกคุณในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ตอนนี้คุณกำลังขอเงินจากวินนี่เฟรดสองล้านดอลลาร์ คุณไม่คิดว่ามันมากเกินไปเหรอ?” พอลกล่าวว่า“ฉันไม่ชอบในสิ่งที่นายพูด มันหมายความว่ายังไงที่บอกว่าเราขอ? เห็นได้ชัดว่าเรากำลังพูดถึงการยืมเงินจากเธอ หากปราศจากความช่วยเหลือของเราเมื่อหลายปีก่อน ครอบครัวของนายก็คงจะไม่รอด แน่นอนว่าบุญคุณครั้งนี้ทดแทนยังไงก็ไม่มีวันหมด” แซนดร้ากล่าว“ครอบครัวของฉันไม่ได้เป็นหนี้บุญคุณของพวกคุณ แซนดร้า ลูอิส อย่าทำเหมือนว่าคุณไม่รู้เกี่ยวกับความจริงเบื้องหลังของข้าวถังนั้น มันไม่ใช่ถังเดียวที
“อะไรนะ...?” วินนี่เฟรดตกตะลึง "นายบ้าหรือเปล่า? นายให้เงินพวกเขาไปสองล้านเหรียญจริง ๆเหรอ?”"ใช่ มันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ก็เราเป็นญาติกัน ดังนั้นเราควรช่วยเหลือซึ่งกันและกันเมื่อเราทำได้” ไทร์ ซัมเมอร์กล่าวด้วยรอยยิ้มและพยักหน้า"นายบ้าไปแล้ว นายอย่าให้คุณแม่และคุณตารู้เรื่องนี้เด็ดขาด ถ้าไม่เช่นนั้นพวกเขาจะฆ่านาย ไทร์ แม้ว่านายจะรวยมากแค่ไหน แต่นายไม่ควรใช้เงินเช่นนี้ ครอบครัวนั้นไม่สมควรได้รับความเมตตาจากนาย โดยเฉพาะไคล์ โคล เขาอายุสี่สิบปีแล้ว และเงินที่คุณให้เขา...” วินนี่เฟรดกำลังจะพูดต่อ แต่แล้วเธอได้เห็นสายตาของไทร์เธอจึงหยุดพูดทันทีเมื่อไทร์เห็นว่า การที่เธออารมณ์เสียนั้นช่างน่ารักเพียงใด จนเขาอยากจะกอดและจูบเธอ หลังจากนั้นไทร์หยิบสร้อยข้อมือขึ้นมาและใส่ไว้ในมือของวินนี่เฟรด “เอาไปให้คุณตาทีหลัง ขอให้เขาเอากลับไปให้คุณยาย”วินนี่เฟรดตกตะลึงเมื่อมองไปที่ไทร์ “นายวิ่งตามครอบครัวนั้นและให้เงินสองล้านเหรียญเพื่อไปเอาสร้อยข้อมือของคุณยายคืนมาเหรอ?”“อย่ากังวล ไคล์จะต้องคืนเงินทุก ๆ เซ็นต์ของสองล้านดอลลาร์ที่ฉันให้เขา” ไทร์พูดพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ“เลิกพูดเรื่องนี้กันเถอะ เ
“การจดทะเบียนการค้าของออทัมน์ฟิลด์เป็นยังไงบ้าง?” ไทร์ถามวินนี่เฟรดเกี่ยวกับบริษัทของเธอ“โลโก้ของแบรนด์และเอกสารการจดทะเบียนพร้อมแล้ว แต่ทีมวิจัยและพัฒนาของเราลงความเห็นว่า เราควรมุ่งเน้นไปที่การจัดจำหน่ายออนไลน์สำหรับการลงทะเบียนแบรนด์ที่จะเกิดขึ้น” วินนี่เฟรดกล่าว“การจำหน่ายออนไลน์?” ไทร์ถาม“มันเป็นวิธีการโปรโมทแบรนด์ของเราผ่านสื่อใหม่ ด้วยการพัฒนาที่ก้าวไกลของอินเทอร์เน็ต วิธีการดั้งเดิมจึงได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมแฟชั่นที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ดังนั้น หากเราต้องการสร้างแบรนด์ของออทัมน์ฟิลด์ให้โด่งดังภายในระยะเวลาอันสั้น เราต้องดำเนินการผ่านช่องทางสื่อใหม่ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปัจจุบัน เมื่อถึงเวลานั้น เราจะลงทะเบียนแบรนด์ออนไลน์และสร้างหน้าเว็บไซต์ที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ขึ้นมาและเราจะลงทุนในสื่อโฆษณาใหม่ เพื่อให้แบรนด์ของเราสามารถเข้าถึงตลาดสื่อใหม่บนอินเทอร์เน็ต” วินนี่เฟรดอธิบายอย่างตื่นเต้นแม้ว่าไทร์จะไม่เข้าใจรูปแบบการดำเนินการเป็นอย่างดี แต่เขาเชื่อว่า วินนี่เฟรดจะทำให้ความฝันของเธอเป็นจริงได้ในขณะนั้น จู่ ๆ วินนี่เฟรดก็เปลี่ยนน้ำเสียงของเธ
คนแรกที่ตะโกนออกมา คืออลิเซีย แลนดอน ณ จุดนี้ ไม่มีอะไรที่สามารถบรรยายถึงความตกใจของอลิเซียได้อีกแล้วด้วยใบหน้าที่สวยงามและดวงตาที่เบิกกว้างของอลิเซีย เธอยิ้มกว้างจนปากจะฉีกถึงหู อันที่จริง เธอตื่นเต้นมากจนเธอตัวสั่นเล็กน้อย อลิเซียดูเหมือนแฟนคลับที่เพิ่งได้พบกับไอดอลที่เธอชื่นชอบซึ่งทำให้เธอคิดถึงเขาทุกวัน“สวัสดี มิสเตอร์วอคเกอร์ ฉันคือ อลิเซีย แลนดอน ฉันเป็นหัวหน้าแผนกปฏิบัติการของออทัมน์ฟิลด์ ฉันดีใจมากที่ได้พบคุณ คุณ...คุณคือซุปเปอร์ไอดอลของฉัน” อลิเซียกล่าวเฮนรี่ วอคเกอร์พยักหน้าให้อลิเซียด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเขาเหลือบมองไปที่วินนี่เฟรดสมาชิกฝ่ายปฏิบัติการคนอื่น ๆ ที่อยู่ข้าง ๆ ต่างก็ดูตื่นเต้นราวกับได้พบกับคนดัง“เฮนรี่ วอคเกอร์?” วินนี่เฟรดพูดขึ้นชื่อนี้ให้ความรู้สึกคุ้นเคยกับเธอ เธอจำไม่ได้ว่าเธอเคยได้ยินชื่อนี้จากที่ไหนมาก่อน“วอคเกอร์…เฮนรี่ วอคเกอร์!” สามวินาทีต่อมา วินนี่เฟรดอุทานออกมาด้วยความตกใจ“นี่…เฮนรี่ วอคเกอร์คนนี้…คุณคือราชาแห่งสื่อใหม่ในเมืองคานห์!” วินนี่เฟรดรู้สึกได้ถึงความสั่นสะท้านในตัวเธอไทร์ใช้กลวิธีแบบไหนกัน เขาถึงสามารถส่งราชาแห่งสื่อใหม่ม
หัวใจของวินนี่เฟรดเริ่มเต้นแรงในขณะที่ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดง นี่เป็นช่วงเวลาที่เธอกลัวมากที่สุด"นายต้องการให้ฉันพูดอะไร? ฉันไม่รู้ว่านายกำลังพูดถึงอะไร” วินนี่เฟรดพยายามจะกลับคำพูดแต่วินนี่เฟรดไม่รู้ว่าไทร์ ซัมเมอร์ ไม่ใช่คนที่จะยอมรับพฤติกรรมดังกล่าวได้ แม้ว่าจะเป็นภรรยาที่รักของเขาก็ตามไทร์กดตัววินนี่เฟรดลงกับกำแพงเหมือนเมื่อคืนก่อนและมองเธอด้วยรอยยิ้ม “เรามีข้อตกลงกันเมื่อวานนี้ เธอคิดจะกลับคำพูดอย่างนั้นเหรอ?”วินนี่เฟรดหน้าแดงก่ำ หัวใจของเธอกำลังจะกระโดดออกจากอกของเธอ“ฉัน...ฉัน...” เธอพูด"ใช่เธอ พูดคำว่า 'สามี'” ไทร์กล่าววินนี่เฟรดเป็นคนขี้อายมากและเธอรู้สึกเขินอายเกินกว่าที่จะพูดมันออกไปไทร์ยังไม่ยอมหยุด “เร็วสิ...”“สามี...สามี!” วินนี่เฟรดพูดออกมาทันทีในที่สุด วินนี่เฟรดก็ไม่สามารถต้านทานท่าทางอันทรงพลังและสง่างามของไทร์ได้อีกต่อไป เธอถ่อมตัวลงอย่างสมบูรณ์เธอพูดว่า 'สามี' อย่างนุ่มนวลราวกับเสียงยุงบิน หลังจากนั้นวินนี่เฟรดก็บิดหน้าหนีอย่างเขินอายจนอยากจะขุดหลุมลงไปซ่อนตัวไทร์รู้สึกปลาบปลื้มใจ เขารู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขาละลายเล็กน้อย“เธอพูดเบาเกิน
ยี่สิบล้านดอลลาร์ไม่ใช่เงินจำนวนเล็กน้อยสำหรับออทัมน์ฟิลด์ในสถานะปัจจุบัน แต่วินนี่เฟรดเป็นผู้หญิงที่มีความกล้าหาญและมีวิสัยทัศน์ ดังนั้น เพื่อเห็นแก่การพัฒนาในระยะยาวของบริษัท เธอจึงไม่หวงเงินยี่สิบล้านเหรียญนี้"มิสเตอร์วอคเกอร์ ฉันยินดีจ่ายยี่สิบล้าน แต่คุณมั่นใจในเรื่องนี้ใช่ไหมคะ?” วินนี่เฟรดถามเฮนรี่ วอคเกอร์พยักหน้า “ณ จุดนี้เรามีโอกาสที่ดี เนื่องจากจังหวัดริเวอร์เดล มีจุดแนะนำว่างอยู่หนึ่งแห่ง เราอาจจะต้องแข่งขันกับบริษัทอื่น ๆ ในภาคใต้เพื่อหาช่องทาง ดังนั้น เราจะต้องจับตาดูสิ่งนี้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม ในจังหวัดริเวอร์เดล เมืองทาโคมาเป็นเมืองแบรนด์แฟชั่นขนาดใหญ่ ดังนั้น บริษัทขนาดใหญ่ในเมืองจะคอยจับตาดูจุดแนะนำนี้เช่นกัน การแข่งขันจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้” เขากล่าววินนี่เฟรดพยักหน้าอย่างครุ่นคิด "มิสเตอร์วอคเกอร์ คุณมีความคิดเห็นอะไรไหม?”“มิสซี จุดประสงค์ของการมาในวันนี้ของผมคือ เพื่อหารือเกี่ยวกับแผนของผมกับคุณ และมันจะใช้ได้ก็ต่อเมื่อคุณตกลงเท่านั้น” เขาพูดและยิ้มบาง ๆ“ได้เลยค่ะ มิสเตอร์วอคเกอร์ กรุณาพูดได้เลย” วินนี่เฟรดกล่าวเฮนรี่พยักหน้าเล็กน้อย “เซาท์
หลายวันต่อมา เฮนรี่ดำเนินการเกี่ยวกับการแสดงภาพลักษณ์ของวินนี่เฟรด ซี และเชื่อมโยงเข้ากับแบรนด์ออทัมนฟิลด์ได้อย่างสมบูรณ์เช่นเดียวกับที่เฮนรี่ได้พูดในตอนแรก เขาได้ใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ของวินนี่เฟรด ด้วยบุคลิกที่แรงบันดาลใจที่ยอดเยี่ยม สวยงาม และมีความสามารถบุคคลนี้ไม่ใช่ตัวละคร แต่วินนี่เฟรดมีพื้นฐานมาจากประสบการณ์ในชีวิตจริงของเธอวินนี่เฟรดรับบทเป็นดีไซเนอร์ผู้อ่อนน้อมถ่อมตน ผู้ซึ่งผ่านความพยายามและความยากลำบากที่เธอต้องเผชิญ เธอทำให้วงการแฟชั่นต้องตกตะลึงเมื่อเธอเข้าร่วมการแข่งขันการออกแบบแฟชั่นที่จัดโดยกุชชี่โดยร่วมมือกับเมืองคานห์ในเวลาเดียวกัน เธอได้รับการสนับสนุนจากมิคาเอล หนึ่งในนักออกแบบชั้นนำของอิตาลีที่กลายเป็นเพื่อนของเธอเธอยังได้จัดแสดงผลงานชิ้นเอกของเธอ 'ออทัมน์ฟิลด์' ที่งานสัปดาห์แฟชั่นในเมืองมิลานอีกด้วยวินนี่เฟรดก่อตั้งออทัมนฟิลด์ขึ้นและเธอก็ได้รับการขนานนามว่าเป็น 'เทพธิดาซีอีโอ' และเธอคือผู้หญิงที่สร้างแรงบันดาลใจ ในวิดีโอ วินนี่เฟรดยังได้อธิบายแนวคิดเบื้องหลังเกี่ยวกับ ‘ออทัมน์ฟิลด์’ ในระหว่างการแข่งขันการออกแบบแฟชั่น พร้อมด้วยฉากหลังที่เป็น 'ฤดูใบไม้ร
วินนี่เฟรดไม่ได้กลัว เธอแค่งุนงงฮิลารี ไวท์เคยเป็นผู้บริหารระดับสูงของกุชชี่ และสุดท้ายเธอโดนมิคาเอลไล่ออก หลังจากนั้นผู้หญิงคนนี้ก็หลบซ่อนอยู่พักหนึ่งและได้รับการลงโทษที่สมควรได้รับ แต่ตอนนี้ เธอปรากฏตัวขึ้นโดยเป็นตัวแทนของเฟเธอร์กรุ๊ป วินนี่เฟรดรู้สึกรังเกียจผู้หญิงคนนี้มาก เพียงแค่ได้เห็นใบหน้าที่ศัลยกรรมมาใหม่ของเธอ มันทำให้วินนี่เฟรดแทบจะอาเจียน"เธอมาทำอะไรที่นี่?" วินนี่เฟรดถามพลางขมวดคิ้วไปที่ฮิลารีฮิลารีหัวเราะเยาะก่อนจะวางเอกสารชุดใหญ่ลงบนโต๊ะของวินนี่เฟรด “อย่ากังวลไปเลย วินนี่เฟรด ซี แน่นอนว่าฉันมาที่นี่เพื่อเสนอสิ่งดี ๆ ให้กับเธอ”“สิ่งดี ๆ อะไร?” วินนี่เฟรดรู้สึกขบขัน เธอค่อนข้างจะเชื่อว่าวันนี้เป็นวันสิ้นโลกมากกว่าที่จะเชื่อว่าฮิลารีจะมอบสิ่งดี ๆให้กับเธอ"ฉันกำลังยุ่ง กรุณาออกไปด้วย” เธอกล่าว วินนี่เฟรดไม่แสดงความเคารพต่อฮิลารีเลย เธอไม่อยากอยู่ร่วมกับผู้หญิงคนนี้อีกแม้แต่วินาทีเดียวอย่างไรก็ตาม ฮิลารีไม่ยอมที่จะกลับไป “วินนี่เฟรด อย่าใจร้ายนักเลย เราเคยเป็นพี่น้องกันไม่ใช่เหรอ? ฉันไม่โทษเธอสำหรับเหตุการณ์เกี่ยวกับกุชชี่อีกต่อไป แต่ตอนนี้เธอกลับเย็นชากับฉัน