“หากมันทำให้คุณสบายใจขึ้นก็ตามสบาย แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าอย่าทำอะไรเกะกะสายตาผม เพราะผมจะไม่เกรงใจ...”
เปรมเดินกลับเข้าไปในบ้านเช่นเดิม ส่วนนาวีก็ได้แต่ถอนหายใจหนักๆ ที่งานนี้เขาจะต้องเจออะไรอีกมาก คิดแล้วก็สมน้ำหน้าตัวเองสิ้นดี
“บูมจะไม่ไปเจอเขาหน่อยเหรอ เขาน่าสงสารออกน้า พี่เปรมงี้อย่างกับเจ้าพ่อเชี่ยงไฮ้ เอะอะๆ ขู่ๆๆ เหมือนป๋อมแป๋มเลย” เปรียวปรียาเข้ามานำเสนอข่าวให้บุษกรฟังอย่างออกรส ด้วยความที่ห่างกันเพียงหนึ่งปีพวกเธอจึงเรียกขานกันด้วยชื่อเล่นอย่างสนิทสนม
“เอ๊ะ ป๋อมแป๋มนี่มันน้องหมาของหนูเปรียวไม่ใช่เหรอ แล้วไปเปรียบพี่เปรมเขาแบบนั้นได้” น้ำผึ้งซึ่งนั่งทำงานอยู่ด้วยกันกับบุษกรเงยหน้าจากเอกสารที่ตรวจอยู่อย่างขบขัน
“นั่นสิหนูเปรียว พี่เปรมรู้เข้าโกรธตายเลย”
“โธ่ๆ บูมก็ มันจริงนี่นา เปรียวน่ะสงสารพี่นาวีเสียจริงๆ ทั้งผอมทั้งโทรมผอมเผ้ารุงรังหนวดเคราเต็มหน้าเหมือนขี
ตอนที่1เสียงสัญญาณบอกเวลาว่าหมดคาบเรียนดังขึ้นสาวน้อยวัยยี่สิบเศษรีบลุกจากเก้าอี้แล้วเดินออกจากห้องเรียนของตนทันทีท่าทางร้อนรนเหมือนว่า บุษกร กำลังหนีอะไรสักอย่างจนเพื่อนรักที่เดินตามมาต้องร้องทัก...“เฮ้ บูม หยุดก่อน นั่นเธอจะรีบไปไหนน่ะ รอด้วยสิ...”น้ำผึ้ง เพื่อนสาวคนสนิทร้องเรียกพลางเดินแกมวิ่งมาขวางหน้าเพื่อนของตนไว้ด้วยอาการหอบแฮ่กๆ ร่างอวบอิ่มแทบทรุดไปเพราะความเหนื่อยหอบเลยทีเดียว“ผึ้งมีอะไรกับบูมรึเปล่า บูมรีบ” บุษกรกล่าวร้อนรนพลางหันมองข้างหลังของตนอย่างหวั่นระแวง“ท่าทางบูมเหมือนกำลังหนีอะไรเลยนะ ผึ้งสังเกตว่าบูมเป็นแบบนี้มาสักระยะแล้วนะโดยเฉพาะในคาบเรียนของอาจารย์ นาวี มีอะไรรึเปล่า...”บุษกรหน้าซีดลงยิ่งกว่าเดิมดวงตากลมโตดำขลับนั้นเบิกกว้างอย่างคาดไม่ถึงว่าตนจะแสดงอาการออกมาชัดเจนขนาดนั้น “ปละ เปล่านี่ แค่บูมรีบเพราะมีธุระด่วนเท่านั้นเอง...”“แต่ก็รีบ และมีธุระด่วนเฉพาะวิชาเรียนของฉันสินะ...”เสียงเข้มดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงใหญ่ของคนที่เธอพยายามจะหลบหน้ามายืนอยู่ตรงหน้ายิ่งทำให้บุษกรรู้สึกหวิวๆ เหมือนจะเป็นลมเมื่อเจอสายตาคมกริบของเขาที่มองเมื่อไหร่ก็ทำให้ใจของเธอสั่นไหวร
ตอนที่2.ร่างสูงใหญ่ที่นั่งอ่านเอกสารนิ่งโดยไม่พูดจาทำให้เธอมีโอกาสลอบมองเขาเงียบๆ ด้วยใจที่สั่นไหวไม่หาย ใบหน้าหล่อเหลาที่ประดับด้วยดวงตาคมใหญ่ใต้คิ้วหนายาวจรดหางตา จมูกโด่งเป็นสันสวยงามอย่างคนเลือดผสมและริมฝีปากหยักสีเข้มรับกับคางแกร่งมีรอยบุ๋มเล็กน้อยไรเคราที่มีตอหนวดขึ้นจางๆ นั้นไม่ได้ทำให้เสน่ห์ของเขาลดลงไปแต่กลับทำให้นาวีดูหล่อเหลา เซ็กซี่น่าคลั่งไคล้อย่างที่สาวๆ ในมหาวิทยาลัยกล่าวขานกัน แต่สีหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมาก็ส่งให้นาวีดูเคร่งขรึมเย็นชาจนเหมือนหุ่นขี้ผึ้งในพิพิธภัณฑ์...บุษกรแอบถอนหายใจเบาๆ ราวกลัวว่าเขาจะได้ยินเสียงหายใจของตน ทั้งยังพยายามนั่งให้ชิดประตูรถฝั่งที่ตนนั่งมากที่สุดเพื่อไม่ให้ระยะห่างของเขากับเธอใกล้กันเกินไป แต่รถยนต์หรูกว้างใหญ่ทั้งรูปลักษณ์และยี่ห้อดังระดับโลกก็กว้างขวางจนมันทำให้เธอรู้สึกตัวเล็กลงไปมาก ยิ่งมานั่งอยู่กับคนร่างกายใหญ่โตอย่างนาวีด้วยแล้ว เธอก็ยิ่งเหมือนมดตัวเล็กๆ ที่หลงเข้ามาในปราสาทของอสูรร่างยักษ์ผู้ดุดันเหี้ยมโหด... บุษกรหันมองถนนที่คลาคล่ำด้วยรถราขวักไขว่อย่างเหม่อลอยด้วยความอึดอัดและสับสน...“นั่งมากับฉันมันทำให้คิดหนักมากรึ
ตอนที่3.บิดานั้นยิงมารดาของเธอก่อนที่ท่านจะจ่อยิงตนเองจนเสียชีวิตแต่มารดาของเธอยังมีลมหายใจอยู่ ท่านถูกนำส่งโรงพยาบาลและพยายามยื้อลมหายใจสุดท้ายเพื่อจะได้พบเธอพร้อมทั้งได้สั่งเสียบางอย่าง มารดาฝากฝังเธอไว้กับครอบครัวของนาวี ซึ่งคุณ ป้าเคียร่า มารดาของนาวีนั้นมีศักดิ์เป็นป้าสะใภ้ของเธอเพราะ ลุงบดินทร์ บิดาของนาวีนั้นเป็นเครือญาติทางฝ่ายบิดาของเธอนั่นเอง ซึ่งท่านทั้งสองสนิทสนมกันมาก ก่อนที่มารดาจะสิ้นใจนางได้สั่งเสียให้นาวีดูแลเธอเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง ซึ่งในวันนั้นบุษกรก็ได้ยินเขารับปากหนักแน่นว่าจะทำตามที่มารดาร้องขอ ซึ่งป้าเคียร่าเองก็รับปากว่าจะดูแลเธออย่างดีเพราะท่านรักและเอ็นดูเธออยู่มากเพราะนางไม่มีลูกสาว มารดาของเธอจึงจากไปอย่างสงบท่ามกลางความเสียใจของทุกคน...หลังจากที่บิดามารดาเสียชีวิตลงครอบครัวของนาวีได้จัดการงานศพและเคลียร์ปัญหาทุกอย่างของครอบครัวเธออย่างรวดเร็ว และเรียบร้อยโดยที่บุษกรได้แต่มองอย่างไม่รู้จะทำอะไรได้มากกว่านั้น อีกทั้งยังตกอยู่ในความเศร้าโศกเสียใจ ตลอดเวลาที่บำเพ็ญกุศลศพของบิดามารดาเธอก็เอาแต่ร้องไห้จนไม่เป็นอันทำอะไร และเมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางจึงได้รู้ว่
ตอนที่4.แล้วมื้ออาหารเย็นที่แสนจะยาวนานและอึดอัดมากที่สุดกว่าทุกๆ ครั้งอย่างที่เธอรู้สึกได้ก็สิ้นสุดลง คุณป้าเคียร่าชวนเธอเข้าไปรับประทานของหวานที่ห้องนั่งเล่น เพื่อจะได้อ่านหนังสือและดูทีวีกันสองป้าหลานอีกทั้งยังไม่ชอบใจที่นาวีเอาแต่ทำหน้าตาดุใส่หลานสาวที่รัก นางจึงพาบุษกรหลบคนพาลมาเสีย“หนูบูมเหลืออีกเทอมเดียวก็จะเรียนจบแล้วใช่มั้ยจ๊ะ”“ค่ะคุณป้า”“แล้วคิดไว้รึยังว่าจะไปฝึกงานที่ไหน”“ก็ว่าจะไปฝึกงานกับเพื่อนๆ ที่ต่างจังหวัด ญาติของเพื่อนบูมเขามีโรงแรมแล้วก็รีสอร์ตและบริษัทขนส่งอยู่โคราช บูมว่าจะไปฝึกงานที่นั่นค่ะ”บุษกรตอบยิ้มๆ ขณะบีบนวดแข้งขาให้ผู้สูงวัยอย่างเอาใจรักใคร่ซึ่งตอนเด็กๆ เธอมักทำเช่นนี้ให้กับคุณป้าเคียร่าเสมอๆ แม้ตอนนี้เธอก็ยังอยากจะทำเช่นนั้นและคุณป้าเองก็ชอบด้วย“จะลำบากไปไหนไกลๆ ทำไมล่ะจ๊ะ ป้าเป็นห่วง ฝึกงานกับพี่วีเขาไม่ดีกว่าเหรอลูก”“เอ่อ.. คือว่าบูม...”“ไม่ต้องกลัวว่าพี่เขาจะว่าหรือดุหรอกลูก ป้าได้ยินคุณลุงบ่นๆ ว่าเลขาของคุณลุงเพิ่งลาออก ตอนนี้ก็มีตำแหน่งว่างอยู่ตั้งหลายตำแหน่งในบริษัทเรา อีกอย่างคุณลุงเองก็งานเยอะ หากหนูบูมไปช่วยแบ่งเบาก็ดีนะลูก อีกหน่อยคุณลุ
ตอนที่5.เสียงห้าวๆ ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบทำให้คนที่นั่งหลับตาฮัมเพลงเบาๆ ในลำคอขณะไกวชิงช้าเบาๆ นั้นลืมตาขึ้นทันทีด้วยอารามตกใจทำให้ร่างเล็กหงายหลังจนแทบจะตกชิงช้าหากเขาไม่รั้งเอวบางไว้พร้อมทั้งจับเชือกชิงช้าไว้ด้วยมืออีกข้าง“อะ เอ่อ...” ดวงตากลมโตเบิกกว้างหาเสียงของตนเองไม่เจอและบุษกรมักเป็นเช่นนี้ทุกครั้งที่เจอหน้าเขา และการที่เธอเงียบไปนานทำให้ชายหนุ่มรู้สึกไม่พอใจคิดไปว่าเธอรังเกียจที่เห็นหน้าเขาหรือไม่ก็กลัวเพราะทำงานส่งเขาไม่ทัน“เป็นใบ้เหรอ แล้วงานที่เอากลับมาแก้น่ะทำเสร็จรึยัง”บุษกรหน้าซีดลงทันทีที่เขาตวัดเสียงใส่หน้าตาขึงขัง ยิ่งทำให้ชายหนุ่มหน้าตึงมากขึ้นเมื่อเห็นเธอไม่พูดอะไรเสียทีเอาแต่นิ่งเงียบทีอยู่กับบิดามารดาของเขาหรืออยู่กับคนอื่น เจ้าหล่อนคุยจ้อยิ้มแย้มสดใส และยิ่งเวลาคุยกับผู้ชายคนอื่นยิ่งระริกรี้เชียวล่ะ นาวีรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่นึกถึงภาพเธอคุยกับหนุ่มๆ คนอื่น...“บะ บูม เอ่อดิฉันกำลังจะกลับไปแก้ค่ะ เอ่อ ขะ ขอตัวนะคะ”บอกเขาด้วยน้ำเสียงแผ่วพร่าติดๆ ขัดๆ น้ำเสียงและสรรพนามฟังดูห่างเหินยิ่งทำให้เขาไม่พอใจดิฉัน อย่างนั้นหรือ ทีคุยกับคนอื่น น้องบูมอย่างนั้น บ
ตอนที่6.ทางด้านนาวีที่กลับเข้าห้องทำงานของตนก็ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวใหญ่ของตนอย่างหงุดหงิดไม่สบอารมณ์กับความร้อนระอุที่อัดแน่นอยู่ในกาย ซึ่งอาการเหล่านี้มันเกิดขึ้นทุกครั้งที่เขาคิดถึงเธอ ยายคุณหนูขี้แย บุษกร... เด็กในปกครองของเขา คำคำนี้มันคือเส้นบางๆ ที่กางกั้นเขาไว้จากความรู้สึกทั้งมวลที่มีต่อเธอ..“บ้าที่สุด...” ชายหนุ่มสบถเบาๆ ในลำคอแล้วหลับตาลงด้วยความเคร่งเครียดกับอารมณ์ที่เริ่มไม่มั่นคงของตนเอง แล้วภาพในอดีตก็แล่นเข้ามาในสมองเพียงแค่เขาหลับตาลง...เมื่อสี่ปีก่อนในวันฉลองรับปริญญาโทของนาวี บิดามาดาและญาติสนิทไม่กี่คนเดินทางไปที่ที่รีสอร์ตญาติคนหนึ่งของบิดาในจังหวัดเชียงราย และในครั้งนั้นครอบครัวของบุษกรก็ไปร่วมยินดีกับนาวีด้วย การเลี้ยงฉลองวันแรกผ่านไปด้วยดีและวันต่อมาต่างก็พากันเดินสายไปทำบุญในที่ต่างๆ ซึ่งผู้สูงวัยต่างก็ชื่นชอบกันมาก ส่วนเด็กๆ ก็ติดตามไปทำบุญด้วย แต่จากการที่ไปปาร์ตี้ต่อกับเพื่อนๆ ในเมืองทำให้นาวีอ่อนเพลียเกินกว่าจะลุกจากที่นอนไปกับบิดามารดา เขาจึงขออยู่บ้านซึ่งนาวีเองก็ไม่รู้ว่าบุษกรอยู่ด้วย ชายหนุ่มจึงนัดหญิงสาวสวยคนหนึ่งมาพบที่บ้านพักซึ่งปลูกห่างกันพอ
ตอนที่7.“โอ๋ๆ นิ่งซะคนดี ไม่ต้องตกใจนะ”ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้เขาพูดไปแบบนั้นซึ่งนาวีเองก็ไม่คิดว่าตนเองจะพูดอะไรที่ดูงี่เง่าแบบนั้นกับคนที่ตัวสั่นอยู่กับอกกว้างเปล่าเปลือยของตน เพราะเขาไม่ได้กลัดกระดุมเสื้อร่างเล็กดูบอบบางราวแก้วใสทว่าอวบอิ่มตามวัยสาวเบียดชิดกับร่างแกร่งด้วยความตระหนกนั้นสั่นเทาด้วยความหวาดหวั่นตกใจกับเสียงฟ้าผ่าและแสงแปลบปลาบบนท้องฟ้านั้นไม่ได้เฉลียวใจเลยว่ามีสิ่งที่น่ากลัวกว่าอยู่ใกล้ตัว และไม่รู้เลยว่าวงแขนแกร่งของคนตัวโตที่ตนซุกซบอยู่นั้นเกี่ยวกระหวัดรัดรอบเอวบางแน่นขึ้น และตอนนี้เธอก็กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนร่างกึ่งเปลือยของเขาอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ที่เพิ่งลุกไปเมื่อครู่นี้ในขณะที่สาวน้อยกำลังหวาดหวั่นกับสถานการณ์ธรรมชาติที่เหมือนบ้าคลั่งอยู่ภายนอก คนที่กำลังถูกธรรมชาติของร่างกายเล่นงานก็กำลังข่มอารมณ์ฝ่ายต่ำที่รบกวนจิตใจอยู่อย่างสุดกำลัง แต่เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่อยู่ในร่างกายบวกกับความต้องการที่ถูกขัดขวางเมื่อครู่ก่อนหน้านี้ รวมทั้งกลิ่นสาบสาวกรุ่นกลิ่นยั่วเย้าและบรรยากาศนำพาไปเช่นนี้นาวีจึงทำในสิ่งที่อำนาจฝ่ายมืดดำบงการ โดยไม่ได้คิดถึงผลที่จะตามมาภายหลัง...บุษ
ตอนที่8.การตอบสนองอย่างน่ารักของเธอทำให้นาวีไม่อาจยับยั้งชั่งใจอะไรได้อีกต่อไป มือร้อนที่สำรวจดงดอกไม้สดฉ่ำละออกไปถูกทดแทนด้วยปากและลิ้นร้ายกาจพลิกพลิ้วดื่มกินน้ำหวานจากกายสาวที่ไหลเอ่อ ความหวานหอมของกลิ่นเนื้อสาวแรกแย้มยิ่งทำให้มึนเมาเกินกว่าจะคิดถึงความเหมาะสมผิดชอบชั่วดี ยิ่งเสียงครางกระเส่าเร่าร้อนของแม่สาวน้อยร่างบางที่ดังก้องไปทั้งห้องก็ยั่วเย้าให้อารมณ์หนุ่มกระเจิดกระเจิง ใบหน้าหล่อเหลาละจากใจกลางร่างสาวแล้วขยับร่างกายให้พรักพร้อมที่จะโจนจ้วงเข้าสู่แอ่งเสน่หา และทันทีที่แก่นกายใหญ่โตแทรกเข้าไปเพียงนิดแม่สาวน้อยที่สั่นเร่าอยู่ใต้ร่างก็กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดน้ำตาใสๆ เปรอะเปื้อนเต็มใบหน้าแดงก่ำ“โอ๊ย.. จะ เจ็บ ฮือ พี่วีออกไปนะ..” มือน้อยที่เคยลูบไล้กายแกร่งอย่างหลงใหลบัดนี้ทั้งผลักไสทุบตีเขาพัลวัน...“ชู่ววว คนดีนิ่งๆ ก่อน แล้วมันจะดีขึ้นพี่สัญญา น้องบูมคนดีนิ่งก่อนนะครับ...”ปลอบเธอทั้งใบหน้าบิดเบ้ด้วยความทรมานและอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออกกับช่องทางคับแน่นที่โอบรัด นาวีพรมจูบไปทั้งใบหน้าแดงก่ำเรื่อยมายังทรวงอกอิ่มฟ้อนเฟ้นลูบไล้เรือนกายอรชรสร้างความหวั่นไหวเพื่อเบี่ยงเบนความสนใ
ตอนที่39.“หากมันทำให้คุณสบายใจขึ้นก็ตามสบาย แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าอย่าทำอะไรเกะกะสายตาผม เพราะผมจะไม่เกรงใจ...”เปรมเดินกลับเข้าไปในบ้านเช่นเดิม ส่วนนาวีก็ได้แต่ถอนหายใจหนักๆ ที่งานนี้เขาจะต้องเจออะไรอีกมาก คิดแล้วก็สมน้ำหน้าตัวเองสิ้นดี“บูมจะไม่ไปเจอเขาหน่อยเหรอ เขาน่าสงสารออกน้า พี่เปรมงี้อย่างกับเจ้าพ่อเชี่ยงไฮ้ เอะอะๆ ขู่ๆๆ เหมือนป๋อมแป๋มเลย” เปรียวปรียาเข้ามานำเสนอข่าวให้บุษกรฟังอย่างออกรส ด้วยความที่ห่างกันเพียงหนึ่งปีพวกเธอจึงเรียกขานกันด้วยชื่อเล่นอย่างสนิทสนม“เอ๊ะ ป๋อมแป๋มนี่มันน้องหมาของหนูเปรียวไม่ใช่เหรอ แล้วไปเปรียบพี่เปรมเขาแบบนั้นได้” น้ำผึ้งซึ่งนั่งทำงานอยู่ด้วยกันกับบุษกรเงยหน้าจากเอกสารที่ตรวจอยู่อย่างขบขัน“นั่นสิหนูเปรียว พี่เปรมรู้เข้าโกรธตายเลย”“โธ่ๆ บูมก็ มันจริงนี่นา เปรียวน่ะสงสารพี่นาวีเสียจริงๆ ทั้งผอมทั้งโทรมผอมเผ้ารุงรังหนวดเคราเต็มหน้าเหมือนขี
ตอนที่38.“บอกตามตรงนะที่รัก พี่ไม่รู้เลยว่าจะสู้หน้าหนูบูมได้ยังไง มันน่าอายเหลือเกิน ลูกชายเราก็ร่ำเรียนมาเท่าไหร่ หน้าที่การงานหรือก็ไม่เป็นรองใคร แต่การกระทำของนาวีพี่รับไม่ได้จริงๆ”น้ำเสียงของคุณบดินทร์เต็มไปด้วยความผิดหวังเจ็บปวดและละอายใจ คุณเคียร่าถอนใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยความรู้สึกที่ไม่ต่างกัน“อย่าว่าแต่คุณพี่เลยค่ะ น้องเองก็เหมือนกัน วันนั้นหากน้องไม่ใช้แต่อารมณ์ของตัวเอง คิดอคติเผลอพูดไม่ดีกับหนูบูมไป น้องยังรู้สึกผิดไม่น้อยเหมือนไปซ้ำเติมปรักปรำว่าหนูบูมทำตัวเหลวไหล น้องยิ่งกว่าละอายใจนะคะ”สองสามีภรรยามองหน้ากันแล้วถอนใจออกมาพร้อมๆ กัน ก่อนจะหันไปมองลูกชายที่แทบจะคลานเข้าห้องน้ำ ตอนนี้แม้แต่จะเดินขึ้นห้องนาวีก็แทบไม่มีแรงเดิน ร่างสูงแข็งแรงซูบลงไปมากจนเห็นโหนกแก้มสูงชัดเจน ดวงตาลึกโหลเขียวช้ำ หนวดเครารุงรังเพราะเจ้าตัวไม่ใส่ใจ สภาพของนาวีตอนนี้ไม่ต่างจากขี้เมาข้างถนน ไม่มีคราบนักธุรกิจหนุ่มดีกรีด็อกเตอร์ และอาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัยชื่อดังเลยแม้แต่น้อย&ldqu
ตอนที่37.“นั่นสิคะพี่เปรม หนูเปรียวน่ารักจะตาย บูมว่าหนูเปรียวเหมาะสมกับพี่เปรมที่สุดเลยล่ะค่ะ”บุษกรสนับสนุนอีกคน เพราะรู้จักคุ้นเคยกับเพื่อนรุ่นน้องนามว่า หนูเปรียว ซึ่งบุษกรคิดว่าสาวน้อยแสนซนน่ารักสดใสนั้นจะเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดหากได้ลงเอยกับผู้ชายที่ดีเช่นเปรม สำหรับเธอคงไม่มีโอกาสนั้นแล้ว“ยายเด็กกะโปโลแสนซนจอมแสบนั่นน่ะเหรอ ยกให้ฟรีๆ แถมไร่ทั้งไร่ให้ด้วยสองตาพี่ก็ยังไม่อยากแลมอง... เด็กอะไรทั้งแสบทั้งคัน ตัวร้ายชัดๆ”“เกลียดอะไรได้อย่างนั้นนะคะพี่เปรมขา...”สิ้นคำพูดดูแคลนของเปรมเสียงหวานใสของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้นพร้อมทั้งร่างโปร่งระหงของสาวสวยคนหนึ่งปรากฏกายขึ้นที่ประตูห้องพร้อมรอยยิ้มหวานฉ่ำสดใส...“หนูเปรียว...”เปรมกับน้ำผึ้งอุทานขึ้นพร้อมกันอย่างคาดไม่ถึง สำหรับน้ำผึ้งนั้นตื่นเต้นที่ได้พบเพื่อนรุ่นน้องที่ไม่ได้เจอกันนาน แต่สำหรับเปรมกำลังตื่นตะลึงกับความงดงามสดใสของคนตรงหน้าที่ตนเพิ่งสบประมาทเจ้าหล่อนไป...
ตอนที่ 36.นาวีจำต้องถอยออกมาในสภาพสะบักสะบอมไม่น้อยไปกว่าเปรมทั้งปากแตกและศีรษะก็แตกด้วยแม้ไม่ได้เป็นแผลใหญ่แต่การได้แผลมาครั้งนี้คงจะอยู่ในความทรงจำของเขาไปอีกนานเลยทีเดียว“คุณวีไหวไหมครับ” อาทิตย์เข้ามาหมายจะประคองเจ้านายไปที่รถแต่นาวียกมือห้ามไว้แล้วเดินเซน้อยๆ เข้าไปนั่งในรถ อาทิตย์มองเจ้านายด้วยความสงสารและไม่รู้จะช่วยได้อย่างไรเขาเองก็แค่คนขับรถ“คุณวีจะไปไหนต่อไหมครับ”“กลับบ้าน...” อาทิตย์รับคำแล้วค่อยๆ เคลื่อนรถอกไปจากบ้านของเปรม...นาวีพิงเบาะหนังอย่างหมดแรงท่าทางราวคนใกล้จะหมดลมหายใจ ระยะเวลากว่าหนึ่งเดือนที่เขาตามหาบุษกรด้วยการเสาะสืบตามหาเธอกับเพื่อนๆ สมัยเรียนมหาวิทยาลัยซึ่งก็มีไม่กี่คน เนื่องจากบุษกรมีเพื่อนน้อยเพราะเขานั่นเองที่เป็นคนจัดตารางเวลาเรียนและเวลาที่เธอจะต้องกลับบ้านเพื่อเป็นการควบคุมป้องกันไม่ให้ผู้ชายคนไหนมาเกาะแกะวอแวด้วยนั่นเองและการที่เขามาหาเปรมในวันนี้ก็เพราะคิดว่าบุษกรอาจจะมาหาเปรม หรือเปรมอาจจะให้ที่พักพิงแก่เธอเ
ตอนที่35.“เอ... มันไม่ดีแล้วนะป้า ไหนเอากุญแจสำรองมาสิ” พี่ส้มหันมาหาป้าของตนซึ่งป้าพริ้งก็ยินดีที่จะหาให้“เอ๊ะ ป้า ห้องไม่ได้ล็อกนี่นา...” เมื่อสอดกุญแจเข้าไปก็พบว่าห้องของบุษกรไม่ได้มีการล็อกพี่ส้มก็รีบเปิดประตูทันที และพอห้องเปิดออกเท่านั้นทุกคนต่างก็รู้สึกเหมือนหัวใจโหวงวูบดวงตาเบิกกว้างอย่างตระหนกกับสิ่งที่เห็น“น้องบูม...” “คุณหนู...”ทั้งสามอุทานออกมาพร้อมกันด้วยความรู้สึกใจหาย พี่ส้มได้สติก่อนใครก็วิ่งไปดูในห้องน้ำ เปิดประตูเสื้อผ้าสำรวจดูก็พบว่าเสื้อผ้าบางชุดที่หายไป และภายในห้องไม่มีเงาของบุษกรอยู่เลยแม้แต่น้อย...“คุณหนูหนีพวกเราไปแล้วป้า ไปพร้อมกับคุณหนูตัวน้อยๆ ในท้อง ฮือออ ป้า เราจะทำยังไงกันดี คุณหนูของส้มจะไปอยู่ยังไงที่ไหน...”พี่ส้มร้องไห้โฮ ในขณะที่ป้าพริ้งก็น้ำตาไหลอาบแก้มด้วยความอดสูอัดอั้นตันใจ และเข้าใจดีว่าทำไมคุณหนูของนางจึงเลือกที่จะไปโดยไม่บอกกล่าวเช่นนี้“เธอไปแล้ว...” นาวีเดินเซออกมาจากห้อง
ตอนที่34.“ตกลงว่ามีเรื่องอะไรกันแน่ครับคุณพ่อ ผมไม่สบายใจเลยที่คุณแม่เป็นแบบนี้” นาวีหน้ายุ่งเมื่อบรรยากาศในบ้านแปลกไป“พ่อเองก็ไม่สบายใจและเสียใจนะวี แต่เรื่องนี้มันไม่น่าจะเกิดขึ้นกับหนูบูมเลย...”“เกิดอะไรขึ้นกับบุษกรครับ คุณพ่อ เกิดอะไรขึ้นกับน้องบูม”คราวนี้นาวีหน้าตื่นรีบเข้ามาใกล้บิดาแล้วจับแขนเขย่าแรงๆ ด้วยความลืมตัว“ใจเย็นๆ วี หนูบูมไม่ได้เป็นอะไรมาก” คุณบดินทร์รีบบอกและเริ่มฉุกใจอาการของลูกชาย“งั้นเกิดอะไรขึ้นกับบูมล่ะครับ”“คืออย่างนี้นะวี...” แล้วคุณบดินทร์ก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ลูกชายฟังคร่าวๆ“แม่เขาถามว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร หนูบูมก็ไม่ยอมตอบเอาแต่ร้องไห้และพูดว่าขอโทษ คุณแม่ก็คงเสียใจ แต่คนที่เสียใจที่สุดก็คงจะเป็นหนูบูม ที่เราไม่รู้เลยว่าเธอเต็มใจหรือถูกข่มขืนบังคับจากผู้ชายชั่วๆ คนนั้น พ่อเชื่อว่ามันต้องไม่ใช่คนดีแน่ๆ ถ้าพ่อรู้ว่ามันเป็นใคร พ่อไม่เอามันไว้ให้รกโลกแน่ๆ”ปากพูดไปสาย
ตอนที่33.ตอนแรกนาวีก็โกรธที่คนของตนทำตัวไม่เหมาะสมจนเผลอชกอาทิตย์ไปเต็มๆ จนล้มกองกับพื้นแต่ยังไม่หมดสติและอาการดิ้นทุรนทุรายของอาทิตย์ทำให้นาวีเข้าใจสาเหตุได้ดี จึงพาอาทิตย์ไปที่สระน้ำแล้วจับอาทิตย์ให้ลงไปในน้ำเพื่อให้น้ำระบายฤทธิ์ยาและโชคดีที่อาทิตย์ไม่ได้ดื่มน้ำจนหมดแก้ว ฤทธิ์ยาจึงไม่หนักหนา อาทิตย์มีสติพอที่จะพูดคุยได้ ซึ่งเมื่อความจริงกระจ่างก็ทำให้สองแม่ลูกไม่พอใจมากจึงกลบเกลื่อนด้วยการโวยวาย จะให้นาวีรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยการจ่ายค่าเสียหายหรือไม่ก็ต้องแต่งงานกับธัญญาลักษณ์ เพราะคนของเขาทำให้ชื่อเสียงของพวกตนด่างพร้อย ซึ่งเหตุผลนั้นช่างน่ารังเกียจและแสดงออกถึงความเห็นแก่ตัวและความคิดภายในจิตใจของทั้งสองแม่ลูกนี้อย่างชัดเจน“ฉันก็ว่าอย่างนั้นล่ะ เราไปกันเถอะ”“คุณไปไม่ได้นะวี คุณต้องรับผิดชอบแคท” ธัญญาลักษณ์ยังคงดื้อดึงรี่เข้ามาขางไว้“หากจะให้ผมรับผิดชอบด้วยเงินสักก้อน ผมจะให้คุณแสนหนึ่งนะแคท ถือว่าเป็นค่าเสียหายที่คนของผมล่วงเกินคุณ ซึ่งมันมากกว่าที่คุณไปทอดกายให้เสี่ยบางค
ตอนที่32.หลังจากที่ออกมาจากห้องทำงานด้วยน้ำตานองหน้าบุษกรก็เอาแต่เก็บตัวอยู่แต่ในห้องพี่ส้มกับป้าพริ้งเองก็ได้แต่มองหน้ากันด้วยความหนักใจ“ฉันไม่น่าบอกคุณท่านเลยป้า ดูสิ คุณหนูของฉันต้องเจ็บปวดและอับอาย”พี่ส้มรู้สึกแย่ยิ่งกว่าเมื่อจนป่านนี้คุณหนูของตนยังไม่ยอมเปิดประตูออกมาเจอหน้าไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง“เฮ้อ.. นังส้ม แกทำถูกแล้ว เพราะเรามันก็แค่ขี้ข้า อีกอย่างการที่แกบอกคุณท่านก็เพราะแกคิดว่ามันเป็นการดีกว่า ดีกว่าที่เราจะรู้กันแค่นี้และเราเองก็ไม่สามารถรับผิดชอบ หรือช่วยเหลืออะไรคุณหนูได้ถูกไหม”“ก็ใช่ ฉันคิดอย่างนั้น กลัวว่าคุณหนูของเราจะถูกบังคับขู่เข็ญ หรือไม่เต็มใจและอยากให้คุณท่านเมตตาช่วยเหลือแต่นี่...”พี่ส้มถอนหายใจเมื่อคิดว่าคุณเคียร่าคงจะพูดอะไรสักอย่างที่ทำร้ายจิตใจของคุณหนูของตนแน่นอน“คุณท่านไม่ได้ว่าอะไรคุณหนูเลยนังส้มท่านเองก็เสียใจพอๆ กัน ที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับคุณหนู แกคิดดูนะคุณหนูของเราไม่เคยทำตัวเหลวไหล เรียบร้อยน่าร
ตอนที่31. “ยินดีกลับผึ้งด้วยนะ พี่กล้าเป็นคนดีและน่ารักมาก” บุษกรพลอยยิ้มกับน้ำผึ้งไปด้วย“ขอบใจนะ เอาล่ะ เราไปทานข้าวกันดีกว่า ผึ้งหิวแล้ว” น้ำผึ้งเช็ดหน้าเช็ดตาให้และยิ้มให้กำลังใจ บุษกรยิ้มอย่างขอบคุณที่น้ำผึ้งเอื้ออาทรต่อตนถึงเพียงนี้“ขอบใจนะผึ้งที่เข้าใจบูม ไม่คิดว่าบูมเป็นผู้หญิงไม่ดี”“บูมไม่ใช่คนไม่ดี แต่คนไม่ดีคือพี่วีของบูมต่างหากล่ะ อย่าคิดมากเลยเดี๋ยวเจ้าตัวเล็กจะเจ้าน้ำตาเหมือนแม่นะ”“สาวๆ ครับ อาหารเสร็จแล้วครับเชิญมาทานอาหารฝีมือพ่อครัวสุดหล่อกล้ามใหญ่กันได้แล้ว”กล้าเยี่ยมหน้าเข้ามาเรียกภรรยาตัวอวบด้วยสีหน้าสดชื่นมีความสุข สายตาที่มองน้ำผึ้งนั้นหวานหยดจนคนถูกมองอายม้วนจะตัวแทบจะเป็นเกลียว บุษกรหัวเราะไปกับความหวานน่ารักของทั้งสองพอได้ลืมเรื่องเศร้าๆ ของตนเองหลังจากที่บุษกรกลับไปแล้วน้ำผึ้งก็ตัดสินใจเล่าเรื่องของบุษกรให้สามีฟังแม้จะเป็นการไม่สมควรแต่เธอคิดว่าในเมื่อเธอกลับกล้าเป็นสามีภรรยากัน ปัญหาของเพื่อนเมียก็ต้องเป็นปัญหาของสามีด้วย“พี่กล้าคิดว่าจะทำยังไงดีคะ แต่ว่าเรื่องนี้เรารู้กันแค่สามคนนะคะ”“พี่ไม่นึกเลยว่าไอ้วีมันจะร้ายกาจขนาดนี้ พี่คิดว่ามันทำไปเพราะรักน