เติ้งเจี๋ยปรายตามองเติ้งหมิงซีด้วยสายตาที่ดูแคลน เดิมทีเขากับเติ้งหมิงซีนับว่าเป็นญาติที่ใกล้ชิดกันโดยสายเลือด บิดาของเติ้งหมิงซีเป็นน้องชายของเสด็จพ่อ และที่สำคัญเขากับเติ้งหมิงซีก็เกิดปีเดียวกันเสียด้วย ห่างกันเพียงไม่กี่ชั่วยามเท่านั้น ความจริงควรจะสนิทสนมกันถึงจะถูกแต่ผู้ใดอยากจะสนิทสนมกับคนบ้าใบ้ไร้ประโยชน์กันเล่า!!!เติ้งหมิงซีมีหรือจะดูไม่ออกว่าเติ้งเจี๋ยมองตนเองด้วยแววตาที่ดูแคลนและรังเกลียด แต่เขาเคยชินเสียแล้วจึงสามารถเก็บงำความรู้สึกเอาไว้ได้ เขาชี้มือมาที่เติ้งเจี๋ยก่อนจะปรบมือเปาะแปะ เติ้งเจี๋ยคร้านจะสนทนากับคนบ้าใบ้และตอนนี้เขาต้องการไปตามหาสตรีนางนั้น แต่ทว่าเติ้งหมิงซีกลับยื่นมือของตนมาจับมือของเขา ก่อนจะวางขนมโก๋ลงมาที่ฝ่ามือของเขา เติ้งเจี๋ยโมโหแล้ว จึงเอ่ยขึ้นมาอย่างเดือดดาล!!"ข้าไม่กินของเจ้า!! ข้าเป็นถึงองค์รัชายาท เจ้าเป็นแค่อ๋องบ้าใบ้ อย่ามาถูกตัวข้า!!!”เมื่อทุกคนที่อยู่ในละแวกนั้นได้ยินต่างก็พากันคุกเข่าลงเพื่อถวายพระพรเติ้งเจี๋ย เติ้งเจี๋ยหลับตาลงพยายามระงับโทสะ จะมาถวายพระพรทำไมกันยามนี้ เขาตั้งใจจะออกมาเป็นการส่วนตัว โง่งมจริงๆ เพราะเติ้งหมิงซีตัวซวยนี่คน
เสี่ยวจิ่วฮวาคิดจะหันหลังเดินหนี แต่ทว่านางเพิ่งก้าวออกไปได้เพียงก้าวเดียวก็พบว่ามีวัตถุสีเงินวางพาดเอาไว้ที่ลำคอของนาง เมื่อเสี่ยวจิ่วฮวาเหลือบสายตามองดูก็พบว่ามันคือมีดสั้นเล่มหนึ่ง นางเริ่มหายใจติดขัด รู้สึกว่าข้างหูมีสายลมเย็นยะเยือกสายหนึ่งพัดผ่านเข้ามา"เจ้าจงหาเหตุผลดีดีมาโน้มน้าวใจข้า เพื่อไม่ให้ข้าสังหารเจ้าแล้วทิ้งศพเจ้าเอาไว้ในป่าไผ่นี่!!!"เสี่ยวจิ่วฮวากลืนน้ำลายลงคืออึกใหญ่ นางก้าวขาไม่ออก ความกลัวแผ่ซ่านไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย เติ้งหมิงซีถึงกับใช้มีดสั้นมาข่มขู่นาง เพราะนางมาล่วงรู้ความลับของเขา!!เช่นนั้นท่าทีบ้าใบ้สติไม่ดีที่นางเห็นก่อนหน้านี้ ล้วนเป็นเขาแกล้งทำใช่หรือไม่เติ้งหมิงซีเมื่อเห็นว่าเสี่ยวจิ่วฮวาเงียบไม่เอ่ยสิ่งใดตอบก็ยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะลากตัวนางเข้าไปในป่าไผ่ลึกที่ลับตาคนมากกว่าเดิม เสี่ยวจิ่วฮวาเหงื่อแตกพลั่กทั้งที่อากาศไม่ได้้้ร้อนเลยแม้แต่น้อย นางไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองเขาเลยด้วยซ้ำ"ท่านอ๋อง สังหารนางเถิดพ่ะย่ะค่ะ หากนางนำเรื่องนี้ไปป่าวประกาศ เราจบเห่แน่!!!"พ่อบ้านเหรินเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาพร้อมกับปรายตามองเสี่ยวจิ่วฮวาอย่างไม่เป็นมิตรข้าจำได้ เจ้
เมื่อเสี่ยวจิ่วฮวาจากไปแล้ว พ่อบ้านเหรินก็รีบเดินเข้ามาหาเติ้งหมิงซีทันที"ท่านอ๋อง จะปล่อยนางไปเช่นนี้จริงๆ หรือ หากนาง...""นางรู้ว่าควรทำเช่นไร อีกอย่างนางเป็นน้องสาวของอาไป่ หากข้าทำสิ่งใดกับนางในตอนนี้อาจไม่ส่งผลดีต่อแผนที่เราวางเอาไว้มาหลายปี กว่าจะมาถึงจุดนี้ไม่ง่ายเลย การแตกหักกับอาไป่ไม่ใช่สิ่งที่ควรกระทำ"พ่อบ้านเหรินที่ได้ยินอย่างนั้นก็ถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง นึกโมโหนางมารน้อยตนนั้นขึ้นมาไม่หายด้านเสี่ยวจิ่วฮวานั้นเมื่อถูกปลดปล่อยจากพันธนาการที่น่าหวาดกลัว นางก็รีบเร่งฝีเท้ากลับมาที่รถม้าทันที เมื่อมาถึงก็พบกับเสี่ยวเย่วหยาและไป๋หล่างที่ยืนอยู่ด้วยท่าทีกระวนกระวาย เสี่ยวเย่วหยาหันมองซ้ายมองขวา เมื่อเห็นว่าเสี่ยวจิ่วฮวากลับมาแล้ว จึงรีบเดินเข้ามาหาทันที"อาจิ่ว เจ้าหายไปที่ใดมา ข้ากังวลใจแทบแย่ หากเจ้ายังไม่กลับมาอีกเพียงครึ่งเค่อข้าจะไปแจ้งทางการแล้ว"เสี่ยวจิ่วฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย"ก่อนหน้านี้ข้าเห็นว่าพวกท่านเดินหายเข้าไปในป่าไผ่ จึงไปตามดู แต่พอไปถึงก็ไม่พบผู้ใดแล้ว"เสี่ยวเย่วหยาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยก่่อนจะเอ่ย"ข้ากลับออกมาสั
ด้านเสี่ยวจิ่วฮวานั้นเมื่อกลับมาถึงจวนนางก็รีบอาบน้ำผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ ก่อนจะเดินมาทิ้งกายลงนอนที่เตียง แต่ไม่ว่านางจะข่มตานอนเท่าใดก็นอนไม่หลับ คำขู่ของเติ้งหมิงซีมันทำให้นางกระวนกระวายใจ แต่นั่นไม่ได้เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้นางกลัวจนนอนไม่หลับ แต่มันเป็นเพราะเสียงของเขาต่างหาก เสียงของเขาที่มันทำให้นางรู้สึกกระวนกระวายมันคุ้นเคยเหลือเกิน แต่นึกเท่าใดกลับนึกไม่ออกในความทรงจำนางลืมผู้ใดไปกันนะ!!เสี่ยวจิ่วฮวานอนพลิกไปพลิกมา จนเกือบฟ้าสางนางจึงผล็อยหลับไปได้ตื่นหนึ่ง ยามเช้าเมื่อตื่นขึ้นมานางก็ปวดหัวยิ่งเพราะนอนไม่เต็มอิ่ม เมื่อกินอาหารเช้าเสร็จและไปคารวะมารดาแล้ว นางจึงเดินทางไปที่สำนักศึกษาในทันทีเมื่อมาถึงที่สำนักศึกษา เสี่ยวจิ่วฮวาก็พบว่าวันนี้หยางซู่ซู่ไม่ได้มาเรียน อาจจะเพราะมารดานางป่วยจึงต้องอยู่ดูแล เสี่ยวจิ่วฮวาจึงคิดว่าจะให้คนนำของฝากไปเยี่ยมมารดาของหยางซู่ซู่หลังจากเลิกเรียนเสียหน่อยตอนที่ก้าวเดินลงมาจากรถม้า นางมองเห็นคนท่าทีแปลกๆ ที่มองนางอยู่ในที่ลับ เสี่ยวจิ่วฮวาถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ให้ตายเถอะ คนบ้าผู้นั้นส่งคนมาจับตาดูนางจริงๆ ด้วยเช่นนี้ต่อไปหากนางจะทำสิ่งใดก็คงไม่
วันนี้หลังจากเสี่ยวจิ่วฮวาเลิกเรียนแล้วจึงรีบกลับมาที่จวนในทันที ระหว่างทางกลับนางยังไม่ลืมแวะไปซื้อขนมและอาหารอร่อยๆ กลับมาอีกหลายอย่าง เมื่อกลับมาถึงจวนก็รีบตรงไปที่เรือนใหญ่ในทันที เมื่อมาถึงก็ได้ยินเสียงหัวเราะพูดคุยสนทนากันอยู่ในเรือน สาวใช้ที่เห็นว่าเสี่ยวจิ่วฮวากลับมาแล้ว จึงรีบเข้าไปรายงานคนในเรือนทันทีเสี่ยวจิ่วฮวาก้าวเดินเข้ามาในเรือนใหญ่ ตอนนี้พบว่าทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า อีกทั้งยังมีของพระราชทานมากมายที่วางอยู่ รวมทั้งเครื่องประดับผ้าไหมแพรพรรณ เสี่ยวฮูหยินที่เห็นว่าบุตรสาวของตนกลับมาแล้ว จึงเอ่ยขึ้นมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม"อาจิ่ว มาทำความเคารพบิดากับพี่ชายเจ้าเร็วเข้า ไม่ได้เจอกันร่วมสองปีแล้ว ท่านพี่ดูสิเจ้าคะ อาจิ่วเติบโตและรู้ความขึ้นมากแล้ว"เสี่ยวฮูหยินเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ปิติยินดี แม่ทัพใหญ่เสี่ยวจ้องมองเสี่ยวจิ่วฮวาบุตรสาวของตน ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย เสี่ยวจิ่วฮวาเดินเข้าไปทำความเคารพบิดาและพี่ชาย ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่นอบน้อม"คารวะท่านพ่อและพี่ชายใหญ่เจ้าค่ะ"เสียวไป่ฟงมองดูเสี่ยวจิ่วฮวาก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนหน้านี้คล้ายว่าน้องสาวของเขาจะไม่ได้อยู่ในกฎระเบียบ
ด้านเสี่ยวจิ่วฮวาที่เดินออกมาจากเรือนใหญ่พร้อมกับเสี่ยวเย่วหยาและเสี่ยวไป่ฟงก็กำลังครุ่นคิดถึงเรื่องบางอย่าง ตอนที่นางแกล้งปวดท้องคล้ายว่าสายตาจะเหลือบไปเห็นใครบางคนหลบอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่ด้านข้างเรือนใหญ่ หากเดาไม่ผิดคงจะเป็นคนของเติ้งหมิงซีเป็นแน่เสี่ยวเย่วหยาที่เดินออกมาพร้อมกับน้องสาวก็เอ่ยถามเสี่ยวจิ่วฮวาทันที"เจ้าไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่"เสี่ยวจิ่วฮวาหันมายิ้มให้เสี่ยวเย่วหยา ก่อนจะเอ่ย"เดิมทีข้าก็ไม่ได้ปวดท้องอันใด เพียงไม่อยากพาองค์รัชทยาทไปชมจวนจึงหาข้ออ้างขึ้นมา ข้าไม่ชอบเอาใจหรือดูแลคนที่ข้าไม่ได้พึงใจ"เสี่ยวเย่วหยาพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย"เช่นนั้นก็ดี ข้ายังต้องไปปักชุดเจ้าสาวต่ออีกหน่อย คงต้องขอตัวก่อน พวกเจ้าสนทนากันต่อเถอะ""พี่หญิง ไว้ข้าจะนำเครื่องประดับสวยๆ ไปมอบให้ท่าน ฝ่าบาททรงพระราชทานให้ไม่น้อยเลย"เสี่ยวเย่วหยาพยักหน้าและยิ้มออกมาเล็กน้อย เสี่ยวจิ่วฮวาที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบเอ่ยขึ้นมาทันที"แล้วข้าจะให้คนส่งขนมไปให้เจ้า อย่าเอาแต่ปักชุดเจ้าสาวจนไม่กินสิ่งใดเล่า”"อืม ข้ารู้แล้ว"เมื่อเสี่ยวเย่วหยาจากไปแล้ว ยามนี้จึงเหลือเพียงเสี่ยวจิ่วฮวาและเสี่ยวไป่ฟง เสี่ยวจ
เช้าวันต่อมาเสี่ยวจิ่วฮวาก็ไปเรียนที่สำนักศึกษาตามเดิม แต่ทว่าสายตาของทุกคนที่มองมาที่นางกลับต่างไปจากเดิม จากที่มองนางด้วยแววตาที่เรียบเฉยกลับแฝงแววไม่ชอบใจ และสายตาที่มองนางด้วยความไม่ชอบใจก็ยิ่งเกลียดชังเพิ่มมากขึ้นไปอีก ไม่บอกเสี่ยวจิ่วฮวาก็พอเอาออกว่าเพราะเหตุใด คงไม่พ้นเรื่องที่เติ้งเจี๋ยแสดงออกชัดเจนว่าหมายปองในตัวนางเป็นแน่คนสารเลว!!ชาตินี้ยังมาสร้างเรื่องลำบากให้นางอีก"อาจิ่ว"เสี่ยวจิ่วอวาที่ได้ยินเสียงเรียกจึงหันไปมอง ก่อนจะพบว่าเป็นหยางซู่ซู่นั่นเอง เมื่อเห็นว่าสหายรักมาเรียนแล้ว เสี่ยวจิ่วฮวาก็ดีใจไม่น้อย นางรีบเดินเข้าไปหาหยางซู่ซู่ก่อนจะเอ่ย"ซู่ซู่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะมาเรียน วันนี้จึงไม่ได้ทำขนมมาฝากเจ้า"หยางซู่ซูยิ้มตาหยี ก่อนจะเอ่ย"ไม่เป็นอันใด ขอบใจเจ้ามากนะ จดหมายและขนมที่เจ้าฝากไปเยี่ยมท่านแม่ของข้า ข้าได้รับแล้ว เหตุใดเจ้าจึงไม่ไปที่จวนข้าด้วยตนเองเล่า"เสี่ยวจิ่วฮวายิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยตอบ"ชื่อเสียงของข้าไม่ค่อยจะดี จึงไม่กล้าไปหาเจ้า เกรงเจ้าจะถูกมารดาต่อว่าที่มาคบหาเป็นสหายกับข้า"หยางซู่ซ่ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยื่นมือของตนมาจับมือของเสี่ยวจิ่วฮวาเอาไว
เมื่อหยางซู่ซู่จากไปแล้ว เสี่ยวไป่ฟงก็หันมาเอ่ยถามน้องสาวทันที"อาจิ่ว สหายเจ้าหรือ"เสี่ยวจิ่วฮวายิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย"ใช่แล้ว ทำไมหรือ"เสี่ยวไป่ฟงยกมือข้นเกาศีรษะตนอย่างเก้อเขิน ก่อนจะเอ่ย"ข้าชอบนาง"เสี่ยวจิ่วฮวาไม่คิดว่าเสี่ยวไปฟ่งจะเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ แต่ทว่าเสี่ยวไป่ฟงกลับไม่คิดว่ามันเร็วเกินไปเลยแม้แต่น้อย เขาเป็นบุรุษที่พูดตรงและจริงใจ บอกว่าชอบก็คือชอบเสี่ยวจิ่วฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบเอ่ยขึ้นมาทันที"สหายของข้าคนนี้กินเก่งมากเลยนะ ท่านเลี้ยงนางไหวเหรอ""ย่อมต้องไหวอยู่แล้ว อาจิ่ว นางเป็นบุตรสาวจวนใด""หยางซู่ซู่ บุตรสาวจวนตระกูลหยาง"เสี่ยวไป่ฟงที่ได้ยินเช่นนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าก็จืดจางลงไปทันที มีหรือเขาจะไม่รู้ว่าจวนตระกูลหยางคิดจะส่งบุตรสาวเพียงคนเดีวเข้าวังไปเป็นพระชายารองในอนาคต เพียงเพราะอยากได้อำนาจที่มั่นคงในราชสำนักเสี่ยวจิ่วฮวาที่เห็นว่าพี่ชายเงียบไปจึงเอ่ยถามทันที"พี่ใหญ่ เหตุใดจึงเงียบไปเล่า"เสี่ยวไป่ฟงจ้องมองน้องสาวตนคราหนึ่ง ก่อนจะบอกให้นางเข้าไปพูดคุยกันในจวนดีกว่า คนทั้งสองจึงเดินเขาจวนมาพร้อมกัน ระหว่างที่เดินอยู่นั้นเสี่ยวไป่ฟงจึงหันมาเอ
รัชศักหมิงซีปีที1เติ้งหมิงซีขึ้นครองราชย์อย่างราบรื่น เขาแต่งตั้งไป๋หล่างให้ขึ้นเป็นเสนาบดีกรมขุนนางต่อจากบิดาของตน คอยตรวจสอบความประพฤติไม่ชอบของพวกขุนนางและจัดการได้ตามกฎหมายในทันที ส่วนเสี่ยวไป่ฟงนั้นเติ้งหมิงซีแต่งตั้งเป็นแม่ทัพใหญ่เสี่ยวแทนบิดาเพราะว่ายามนี้แม่ทัพใหญ่เสี่ยวแก่ชรามากแล้วและอยากวางมือเสียทีจึงให้เสี่ยวไป่ฟงรับหน้าที่แม่ทัพใหญ่เสี่ยวต่อจากตน และเติ้งหมิงซียังมอบตำแหน่งท่านโหวให้แก่จวนตระกูลเสี่ยวอีกด้วย เท่ากับว่ายามนี้แม้อดีตแม่ทัพใหญ่เสี่ยวจะวางมือแต่พราะมีความดีความชอบมาช้านานจึงได้ตำแหน่งท่านโหว ยังคงมีผู้คนนับถือ และตำแหน่งนี้สามารถสืบทอดต่อทายาทในตระกูลได้อีกด้วยด้านหลี่จิ่งนั้น ในการสอบเค่อจวี่ครั้งนี้ เขาสอบได้ตำแหน่งจอหงวน ได้เข้ามาทำงานในราชสำนักตามที่วาดหวังเอาไว้ โดยเติ้งหมิงซีให้ไปลองทำงานที่สำนักฮั่นหลินดูก่อน หากหลี่จิ่งมีความสามารถจริงย่อมได้เลื่อนตำแหน่งตามความเหมาะสมหยางซู่ซู่เองก็ตั้งครรภ์แล้ว ส่วนเสี่ยวเย่วหยานั้นคลอดบุตรชายอย่างราบรื่น แต่เพราะว่าร่างกายอ่อนแอจึงต้องพักฟื้นสักระยะ เสี่ยวจิ่วฮวาสั่งให้คนนำยาบำรุงไปมอบให้เสี่ยวเย่วหยาหลายอย่าง
สายลมพัดพาความหนาวเย็นเข้ามาระลอกแล้วระลอกเล่า เสี่ยวจิ่วฮวายามนี้กำลังนอนอยู่บนทะเลหิมะน้ำแข็งที่หนาวจับใจ นางค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ พบว่ายามนี้ตนเองนอนอยู่ที่เดิมที่เคยตายเมื่อชาติที่แล้ว หิมะทับถมเป็นกองสูงอยู่บนตัวนางข้าฝันหรือไร!!นางครุ่นคิดด้วยความหวาดหวั่น ก่อนจะคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้นางถูกเติ้งเจี๋ยจับไป ด้วยความที่หวาดกลัวจนสติแตกและถูกด้านมืดในจิตใจครอบงำ นางจึงสังหารเขาอย่างเลือดเย็นหลังจากนั้นนางก็สลบไปนางตื่นขึ้นมาและพบว่าตนเองนอนอยู่ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็น หิมะตกโปรยปรายลงมาไม่หยุดช่างหนาวเหลือเกิน!!เสี่ยวจิ่วฮวาหลับตาลง พยายามลืมตาขึ้นมาอีกครั้งหวังว่าเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครานางจะออกจากที่นี่ไปได้แต่มันกลับไม่ใช่ที่นี่เปรียบเสมือนกรงขังที่ไร้ทางออก พาให้นางจมดิ่งลงลงสู่ห้วงที่ลึกที่สุดในจิตใจของตนเองเสี่ยวจิ่วฮวาพยายามลุกขึ้นก่อนจะเดินโซเซไปตามทางที่มืดทึบ หนทางช่างมืดเหลือเกินมองไปไม่เห็นสิ่งใด ฉับพลันนางได้ยินเสียงของเติ้งหมิงซีเอ่ยเรียกชื่อนางมาตามสายลม"อาจิ่ว เจ้ารีบฟื้นเร็วเข้า ข้ารอเจ้าอยู่นะ""อาหมิง!!! อาหมิงช่วยข้าด้วย ข้าออกไปไม่
เติ้งหมิงซีอุ้มเสี่ยวจิ่วฮวาเข้ามาในรถม้า ก่อนจะสั่งให้คนหาผ้าชุบน้ำสะอาดมาให้เขา ก่อนจะบรรจงเช็ดตามใบหน้าของนางอย่างอ่อนโยนก่อนหน้านี้เขาพยายามไล่ตามเติ้งเจี๋ยอย่างไม่ลดละ แต่เติ้งเจี๋ยกลับรวดเร็วยิ่งกว่า เพียงไม่นานก็หายไปจากสายตาของเขา ในขณะที่กำลังร้อนรนและตามหาเสี่ยวจิ่วฮวาอยู่นั้นก็ได้พบกับเจียงซวี่เสียก่อนเจียงซวี่ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดมากมาย บอกเพียงให้เขาตามไป ก่อนจะพบว่าเติ้งเจี๋ยพาเสี่ยวจิ่วฮวามาที่บ้านหลังหนึ่ง ซึ่งบ้านหลังนี้เติ้งเจี๋ยลอบซื้อเอาไว้ คาดว่าน่าจะซื้อเอาไว้เพื่อลักลอบทำเรื่องบางอย่างเจียงซวี่บอกเพียงว่าคนตระกูลเจียงถูกทหารของกบฏสังหารเกือบหมด เหลือรอดเพียงไม่กี่คน เติ้งหมิงซีถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ครั้งนี้บิดาของฉินฮองเฮาคงแค้นเติ้งเจี๋ยมาก ถึงกับเข้าฝั่งกบฏและนัดแนะให้ทหารกบฏเข้ามาสังหารคนของเติ้งเจี๋ยล้างตระกูลและทำลายบ้านเมืองเช่นนี้ ความแค้นมันน่ากลัวมากจริงๆแต่อย่างไรก็ต้องขอบใจเจียงซวี่ที่ช่วยเหลือเขาในครั้งนี้จนได้พบกับเสี่ยวจิ่วฮวา ทั้งที่ตนเองก็มีสภาพย่ำแย่ไม่ต่างกันภาพที่เขาเห็นก่อนหน้านี้สร้างความตกใจให้แก่เขาไม่น้อย ไม่คาดคิดว่าเสี่ยวจิ่วฮวาจะสังหาร
รถม้าเคลื่อนไปเรื่อยๆ ท่ามกลางความมืด เสี่ยวจิ่วฮวาพยายามไม่มองหน้าเติ้งเจี๋ย ส่วนบุรุษตรงหน้าก็เอาแต่จ้องมองนางอย่างไม่ลดละ สายตานั่นมันทำให้เสี่ยวจิ่วฮวาอึดอัด ทั้งอึดอัดทั้งรังเกียจและหวาดหวั่นในคราวเดียวกันภาพที่เขาทำกับนางในชาติก่อนมันสร้างบาดแผลในใจให้แก่นางอย่างไม่อาจลืมเลือนทำให้นางกลัวการนอนกับสามีตนเอง นางเหมือนคนที่สติไม่อยู่กับตัวต้องคอยฟวาดระแวงลืมอดีตไปจากใจไม่ได้นางเกลียดเติ้งเจี๋ย!!เติ้งเจี๋ยที่เห็นว่าเสี่ยวจิ่วฮวาไม่สนใจตน จึงยื่นมือมาจับปลายคางของนางให้หันมามองเขา เพราะเสี่ยวจิ่วฮวาขัดขืนเขาจึงออกแรงกับนางอย่างไม่ปรานีปราศัย"เกลียดข้ามากนักหรือ อีกไม่นานข้าก็จะได้ชื่อว่าเป็นสามีของเจ้าแล้ว!!!"เสี่ยวจิ่วฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ส่งเสียงเหอะออกมา ก่อนจะเอ่ยกับเติ้งเจี๋ยด้วยน้ำเสียงที่ดูแคลน"ข้าไม่ใช่ภรรยาของเจ้า ข้ามีสามีแล้ว คนต่ำช้าเช่นเจ้าคิดจะแย่งภรรยาผู้อื่นไม่อับอายบ้างหรือไร ถุย!!!"เสี่ยวจิ่วฮวาถุยน้ำลายใส่ใบหน้าของเติ้งเจี๋ยอย่างไม่แยแส ทว่าเติ้งเจี๋ยกลับไม่โกธร เขาใช้ปลายนิ้วมือขึ้นเช็ดน้ำลายของนาง ก่อนจะอ้าปากงับนิ้วของตนและดูดดื่มกับน้ำลายของนางที่เปื้อน
พ่อบ้านเหรินพาเสี่ยวจิ่วฮวาวิ่งมาจนถึงด้านนอกจวนอ๋อง ก่อนจะวิ่งฝ่าความมืดลัดเลาะไปตามเส้นทางลับก่อจจะมาถึงยังรถม้าที่จอดอยู่ข้างร้านเครื่องประทินโฉม ยามนี้ทหารกบฏถูกท่านอ๋องควบคุมได้แล้ว ทางจึงสะดวกขึ้นมา เสี่ยวจิ่วฮวาหันมามองหูเป่าและเหล่าสาวใช้ที่วิ่งหนีตามกันมา ก่อนจะเอ่ย"รีบไปกันเถอะ!!ข้าเชื่อว่าท่านอ๋องจะต้องรับมือได้"เมื่อเอ่ยจบนางก็กำลังจะก้าวขึ้นรถม้า แต่ทว่ากลับมีธนูดอกหนึ่งพุ่งเข้ามาสังหารสาวใช้ของนางตกตายไปหลายคน เสี่ยวจิ๋วฮวารีบหันกลับไปมอง ก่อนจะอุทานออกมา"เติ้งเจี๋ย!!!"นี่เขายังไม่ตายหรือ แล้วหนีรอดมาได้เช่นไร!!!เติ้งเจี๋ยหนีออกมาพร้อมกับองค์รักษ์ลับของตน เป้าหมายของเขาคือตามหาเสี่ยวจิ่วฮวาให้พบ ยามนี้เขาได้พบกับนางแล้ว เมื่อคิดได้เช่นนั้นเติ้งเจี๋ยจึงก้าวเข้ามาหาเสี่ยวจิ่วฮวาในทันที แต่ทว่าพ่อบ้านเหรินกลับสั่งให้องค์รักษ์ที่ติดตามมาด้วย ขวางทางเขาเอาไว้ เติ้งเจี๋ยปรายตามองพ่อบ้านเหรินก่อนจะเอ่ย"หากไม่อยากตายก็ส่งนางมา นางเป็นของข้า!!!"พ่อบ้านเหรินส่งเสียงเหอะในลำคอ ก่อนจะเอ่ย"ฝ่าบาท พระองค์พูดผิดแล้ว นางคือพระชายาของท่านอ๋อง เป็นนายหญิงของข้า ท่านต่างหากที่ต้องไ
รัชศก เจี๋ย ปีที่1หลังจากที่คัดเลือกสาวงามเข้าวังไปไม่นาน ก็มีข่าวออกมาว่ามีขุนหลายกลายตระกูลที่เกิดเรื่อง บ้างก็ถูกสังหารทิ้ง บ้างก็หลีกหนีออกไปจากเมืองหลวง บางครอบครัวที่ยากจนก็ถูกทหารทุบตีเพราะมาร้องทุกข์ต่อศาลต้าหลี่ว่าบุตรสาวตกตายอย่างไม่เป็นธรรมข้าวของเครื่องใช้แพงจนไม่อาจจับต้อง สินค้าบางอย่างหายากยิ่ง ข้าวสารแทบจะไม่มีเหลือให้กินให้ใช้ ราษฎรลำบากยากแค้น ในขณะที่เติ้งเจี๋ยซึ่งอยู่ในวังหลวงกลับใช้ชีวิตอย่างสุขสำราญบนความทุกข์ยากของราษฎรอย่างไม่รู้สึกสะทกสะท้านคิดว่าเขาไม่เจ็บแค้นที่มองเห็นราษฎรทุกข์ยากหรือ ทุกครั้งเขาแอบส่งคนไปช่วยเหลือครอบครัวเหล่านั้นครั้งแล่วครั้งเล่า ต้องทนเห็นมารดาของพวกนางกรีดร้องเพราะต้องสูญเสียบุตรสาวอันเป็นที่รัก บิดาเป็นบ้าหลังจากที่ทราบว่าบุตรสาวที่ถูกคัดเลือกเข้าวังหลวงต้องมาตายจากไปตั้งแต่อายุยังน้อย ชาวบ้านร้องไห้เพราะความอดอยาก เสียงร้องไห้ดังระงมไปทั่วทั้งเมืองหลวงถึงเวลาแล้วเติ้งเจี๋ยที่เจ้าจะต้องตายเสียที!!!กลางดึกคืนนั้นเสี่ยวจิ่วฮวาถูกปลุกขึ้นมากลางดึก นางงัวเงียลืมตาขึ้นมาก่อนจะพบว่าเป็นเติ้งหมิงซีนั่นเอง"อาหมิง ปลุกข้าทำไมกัน"เสี่ยวจ
จากการสืบหาความจริงของไป๋หล่างและองค์รักษ์ลับที่แฝงตัวอยู่ในวังหลวงของจวนอ๋อง ท้ายที่สุดเพียงสามวันก็สืบพบว่าเป็นฝีมือของผู้ใด"เป็นฝีมือของฉินฮองเฮาอย่างนั้นหรือ""พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง"เติ้งหมิงซีที่ได้ยินเช่นนั่นก็ส่งเสียงเหอะออกมาคราหนึ่ง สตรีนางนั้นถึงกับกล้าเล่นไม่ซื่อกับของขวัญที่เติ้งเจี๋ยมอบให้เสียวจิ๋วฮวา ช่างอาจหาญไม่เบาเลยอยู่บนตำแหน่งฮองเฮาดีดีไม่ชอบ ได้!!! ข้าจะสงเคราะห์เจ้าเองด้านเสี่ยวจิ่วฮวาเองก็พอจะจำฉินฮองเฮานางนั้นได้ ก่อนหน้านี้สตรีผู้นี้คือพระชายาเอกของเติ้งเจี๋ยไม่เคยคิดเลยว่าฉินฮองเฮาจะลงมือกับนางเช่นนี้ หรือว่าฉินกุ้นเฟยจะรู้ว่าเติ้งเจี๋ยคิดเช่นไรกับนางจึงต้องการสังหารนางทิ้งเพื่อไม่ให้เป็นเสี้ยนหนามหัวใจอย่างนั้นหรือเสี่ยวจิ่วฮวาที่คิดได้เช่นนั้นแววตาก็เย็นเยียบ นางไม่เคยอยากมีปัญหากับผู้ใด แต่คนพวกนั้นกลับนำปัญหามาให้นาง ถึงกับจะฆ่าจะแกงกันเช่นนี้มันออกจะเลือดเย็นไปหน่อยกระมังเติ้งหมิงซีที่เห็นว่าเสี่ยวจิ่วฮวานิ่งเงียบไป ก็รีบเอ่ยกับนางอย่างเป็นห่วง"เจ้าไม่ต้องกลัว คืนนี้ข้าจะส่งคนไปลอบสังหารนาง คนของข้าทำงานไม่ผิดพลาดแน่ ต่อไปนี้นางจะไม่สามารถทำร้ายเจ้าไ
หลังจากที่ฮ่องเต้เติงผิงอันสวรรคตไปแล้ว เหตุการณ์หลายอย่างก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย เจียงฮองเฮายามนี้ได้ถูกแต่งตั้งเป็นเจียงไทเฮา เสพสุขอำนาจวาสนาไม่จบไม่สิ้น ส่วนเติ้งเจี๋ยก็ได้ขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้องค์ใหม่ยามนี้ยังอยู่ในการไว้ทุกข์ แต่มันก็เป็นเพียงการสร้างฉากบังหน้าขึ้นมาเพียงเท่านั้น ผู้ใดจะรู้ ภายในตำหนักมังกรสวรรค์ยามนี้มีศพของสตรีคนแล้วคนเล่าถูกหามออกไป บางคนไม่ตายก็แทบจะเอาชีวิตไม่รอดเป็นเช่นนี้ทุกวันจนสร้างความหวาดหวั่นให้แก่เหล่าสตรีในวังหลวงไม่น้อย นางสนมในอดีตฮ่องเต้ที่ยังสาวบางคนถูกเติ้งเจี๋ยเรียกมาปรนนิบัติเขาไม่สนใจกฎระเบียบอันใดเลยแม้แต่น้อย ส่วนเจียงไทเฮาก็ไม่สนใจสิ่งใดเพราะคิดว่าสิ่งไหนเป็นความสุขของบุตรชายนางก็ไม่อยากจะขัดขวาง"ฮองเฮาเพคะ ทรงเสวยสิ่งใดบ้างเถิดเพคะ"เสียงของนางกำนัลเอ่ยขึ้นมาด้วยความจนใจ ก่อนจะวางอาหารลงตรงหน้าฉินฮองเฮาฉินฮองเฮานางนี้เดิมทีคือพระชายาเอกของเติ้งเจี๋ย ก่อนหน้านี้นางหมายมั่นเอาไว้ว่าอำนาจจะต้องอยู่ในมือของนาง เติ้งเจี๋ยจะต้องรักใร่โปรดปราณนางไปตลอดชีวิต อีกอย่างนางกับเติ้งเจี๋ยเองก็มีรสนิยมในเรื่องเช่นนั้นเหมือนกัน เขาชอบกระทำควา
เสี่ยวจิ่วฮวาหลังจากแต่งงานก็เดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านเก่าครั้งหนึ่ง เมื่อกลับมาเยี่ยมจวนครั้งนี้นางพบว่ามารดาของนางไม่ได้มีสีหน้าเคร่งเครียดเท่าแต่ก่อนอีก เพราะได้รู้แล้วว่าความจริงเติ้งหมิงซีไม่ได้เป็นบ้าจริงๆ มารดากำชับนางหลายประโยคให้ระวังตนเองให้ดีและอย่าละเลยหน้าที่ของภรรยาเป็นอันขาด นางพยักหน้ารับและจดจำคำสอนของมารดาเอาไว้ทุกคำยามนี้เข้าสู่ช่วงต้นฤดูหนาวแล้ว อากาศจึงค่อนข้างเย็นไม่น้อยเลย หิมะเริ่มตกโปรยปรายมากขึ้น วันนี้เสี่ยวจิ่วฮวาจึงมาทำซุปเนื้อในโรงครัวกินเพื่อคลายความหนาวพ่อบ้านเหรินที่เดินมาพอดี ก็ปรายตามองเสี่ยวจิ่วฮวาคราหนึ่ง เดิมทีเขาไม่ชอบเสี่ยวจิ่วฮวาแต่เพราะคำสั่งของเติ้งเจี๋ยก่อนหน้านี้ที่กำชับเขาว่าห้ามทำให้นางลำบากใจ เขาจึงไม่อาจล่วงเกินนางได้ เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงเดินเข้ามาหานางก่อนจะเอ่ย"พระชายา หากทรงต้องการสิ่งใดบอกข้าน้อยได้เลยนะพ่ะย่ะค่ะ ไม่จำเป็นต้องลงมาทำด้วยตนเองเช่นนี้ หากเกิดสิ่งใดขึ้น หรือเกิดความเสียหายในจวนอ๋อง เกรงว่าท่านคงรับผิดชอบไม่ไหว"เขาเอ่ยอย่างเย็นชา เสี่ยวจิ่วฮวาที่เห็นเช่นนั้นก็ยิ้มตาหยี ก่อนจะเอ่ย"ข้าจะทำซุปเนื้อกินเสียหน่อย ให้สา