Share

บทที่ 124

last update Last Updated: 2025-03-31 20:30:02

       สวีเฟยหลงยังไม่ทันได้จับสัมผัสทวนดับสุริยัน หลัวเหยียนก็แปรพักตร์อย่างรวดเร็ว ปลายทวนเปลี่ยนทิศว่องไวดุจอสรพิษพุ่งเข้าจู่โจมร่างสูง คมทวนแทงอกซ้ายของสวีเฟยหลงจนได้เลือด

       “เสด็จพ่อ! / อาหลง!!” สวีจิ้งเฟิ่งกับหลินเสวี่ยเฟิ่งตะโกนเสียงดังลั่น ร่างบางปรี่เข้าพยุงสามีที่ได้รับบาดเจ็บ พร้อมประกายกระบี่คมกล้าหมายเอาชีวิตจอมมารผู้ชั่วช้าของสวีจิ้งเฟิ่ง

       “อ๊าก!!!!”

       หลัวเหยียนร้องโหยหวน เลือดสดๆ ไหลทะลักจากปากแผล ดีที่เขาเบี่ยงตัวหลบได้ทัน ไม่อย่างนั้นคงเป็นหัวที่ต้องหลุดจากบ่าไม่ใช่ไหล่ขวาอย่างที่เป็นอยู่

       สวีจิ้งเฟิ่งจับจ้องหลัวเหยียนด้วยประกายตาเหี้ยมลึก แม้จะระแวดระวังมากเพียงไรแต่ก็ยังลงมือได้ไม่เร็วพอ ทำให้เสด็จพ่อต้องบาดเจ็บอีกครา ชายหนุ่มโมโหเจียนคลั่ง โดยไม่รอช้ามือหนากระชากกระบี่ออกอย่างแรงจนเลือดของมารร้

Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 125

    หลินเสวี่ยเฟิ่งร้องห้ามเสียงดังลั่น สวีเฟยหลงลืมตาพรึ่บ พลังแห่งเทพบรรพกาลระเบิดออกอย่างรุนแรง จนภูผาวารีสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น กระแทกเงาร่างของศัตรูในรัศมีร้อยลี้จนตัวปลิว ผู้ที่มีพลังตบะอ่อนด้อยต่างเลือดออกทั้งเจ็ดทวารตายคาที่ แม้แต่สวีหนิงหลง และจอมมารหลัวเหยียนที่เข้าร่วมสนามรบยังถูกพลังอันมหาศาลจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัวจนกระอักเลือดออกมากองใหญ่ มังกรเกล็ดทองอร่าม ลำตัวยาวเหยียดราวกับจะโอบล้อมทั้งสามภพไว้ในอุ้งมือกู่ร้องเสียงดังกึกก้อง ร่างกายใหญ่โตทะยานสู่ฟากฟ้ายามสุริยันกระจ่างแจ้ง เมฆมงคลไหลเรื่อย แสงเงินแสงทองส่องประกายวาววับ ไอมงคลสีทองระยับโปรยปรายดุจสายฝนฉ่ำริน นำพาไอวิเศษอันแสนอบอุ่นอ่อนโยนโอบล้อมทุกหมู่เหล่า วัชระม่วงครามซึ่งเป็นทัณฑ์สายฟ้าขั้นสูงสุดตอบรับเสียงเรียกร้องแห่งบรรพกาล ผ่าฟาดลงบนแท่นมังกรวัชระ ปลุกจิตวิญญาณของอาวุธเทพให้ตื่นฟื้น อาวุธเทพหลับใหลมานานดั่งได้พานพบนายเก่า ส่งสายฟ้าสีม่วงครามต

    Last Updated : 2025-04-01
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทนำ

    ยอดเขาซีเทียนเฟิงล่องลอยอยู่ท่ามกลางคลื่นเมฆาในดินแดนฮุ่นตุ้น[1] พระอาทิตย์ยามอัสดงเคลื่อนคล้อยผ่านทิวเมฆสาดแสงตกต้องป่าเฟิงผืนใหญ่แผ่คลุมเหนือยอดเขา เกิดเป็นสีสันอันงดงามตระการตาหาใดเปรียบ ท่ามกลางทิวทัศน์ซึ่งหาชมได้ยากนี้มีเรือนไม้หลังน้อยซุกซ่อนอยู่ ศาลาหอเก๋ง สระบัวสีมรกต โต๊ะหินอ่อนกลางลานเรือนถูกปกคลุมไปด้วยใบเฟิงสีอิฐแลดูสว่างไสว ล้อมรอบด้วยรั้วไม้ที่มีเถาวัลย์พันเกี่ยว หากในยามปกติคงเป็นบรรยากาศอันแสนอบอุ่นงดงาม แต่ทัศนียภาพดังกล่าวกลับถูกเปลวเพลิงจากเวทอัคคีมรณะกลืนกินจนแทบไม่หลงเหลือสิ่งใดให้ชื่นชม เปลวเพลิงเตโชกสิณสีดำทมิฬถาโถมโหมกระหน่ำร้อนแรงเผาผลาญทุกสรรพสิ่งให้ราพณาสูร ท่ามกลางเปลวเพลิงมรณะลุกโชติช่วงปรากฏเงาร่างของบุรุษในชุดอาภรณ์สีฟ้าครามกวัดแกว่งกระบี่ยาวคมกริบต้านรับดาบโค้งที่ฟาดฟันอย่างดุดันหมายปลิดชีพเขา แรงปะทะกันของอาวุธวิเศษสะเทือนเลื่อนลั่นดั่งภูผาทลาย ทำให้ทั้งสองฝ่ายถูกกระแทกไปไกลหลายจั้ง[2] สบโอกาสให้ชายหนุ่มคนดังกล่าวฉวยร่างของเด็กหนุ่มผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้มากอดแนบอก หมุนตัวหลบธนูเพลิงอัคคีมรณะที่กราดยิงดุจห่าฝน “ไป!” ‘ไป่ชิ

    Last Updated : 2024-11-12
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 1 หนี้แค้นตระกูลหลี่

    “เกอเกอ... ท่านอย่าตายนะ... เกอเกอ...” ภายในตำหนักอี้ชิ่งอันกว้างใหญ่ ท่ามกลางผ้าม่านสีขาวโปร่งบางเป็นชั้นๆ ปลิวล้อสายลมยามย่ำรุ่ง ปรากฏเงาร่างกลมป้อมของ 'เฉินซือหยาง' นอนกระสับกระส่ายพลิกไปพลิกมาบนแท่นบรรทม มือเล็กกำผ้าห่มแน่น เหงื่อกาฬแตกพลั่กไหลโทรมกายเปียกชุ่มฟูกนอน เสียงละเมอของเด็กน้อยครางเครือในลำคอดังขึ้นเรื่อยๆ ทำเอาจางเสี่ยวเหล่ยหรือจางกงกงที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูตำหนักตื่นตระหนกตกใจจนต้องรีบเข้าไปดู “องค์รัชทายาท องค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ” “เกอเกอ!” เฮือก!! เฉินซือหยางสะดุ้งตื่นจากฝันร้าย ผุดลุกขึ้นนั่งหายใจหอบหนัก ในห้วงความคิดภาพเหตุการณ์ในฝันยังคงวนเวียนอยู่ในหัว มันชัดเจนราวกับว่าเหตุการณ์นั้นได้เกิดขึ้นจริงที่ไหนสักแห่ง ไม่ใช่เพียงแค่ความฝัน ‘แล้วมันคือที่ใดกันเล่า เกอเกอที่ข้าเรียกหานั้นคือผู้ใดกัน’ เฉินซือหยางยิ่งคิดยิ่งสับสนมึนงง ใบหน้างามสง่าในห้วงฝันเริ่มเลือนรางห่างไกลราวกับคนผู้นี้ไม่มีอยู่จริง เหตุใดทุกครั้งที่เขาลืมตาตื่นพอนึกถึงภาพใบหน้าของคนผู้นั้นทีไรถึงนึกไม่ออกเล่า “เป็นอะไรไปพ่ะย่ะค่ะ ทรงพระสุบินร้ายอีกแ

    Last Updated : 2024-11-12
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 2

    แคว้นต้าเฉินสถาปนาขึ้นหลังจากพระเจ้าเฉินไท่จูซึ่งในสมัยนั้นดำรงตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ฝูกั๋ว[1] จับดาบต่อต้านจักรพรรดิราชวงศ์ก่อนที่ไม่สนใจบริหารราชกิจบ้านเมือง มัวเมาสุรานารี ปล่อยให้เหล่าขุนนางฉ้อราษฎร์บังหลวง แบ่งพรรคแบ่งพวกกันรีดนาทาเร้นประชาชนจนราชสำนักฟอนเฟะ ราษฎรอดอยากยากแค้น ชนเผ่าต่างแคว้นรุกราน เกิดภัยแล้งและภัยสงครามขึ้นทุกหย่อมหญ้า ประชาชนจึงลุกฮือขึ้นต่อต้านเหล่าขุนนางกังฉินจนแผ่นดินลุกเป็นไฟ ตอนนั้นพระเจ้าเฉินไท่จูได้รับคำสั่งให้ไปปราบจลาจลชาวบ้าน เพราะทนเห็นความอยุติธรรมไม่ไหวจึงรวบรวมไพร่พลใต้บังคับบัญชาเข้าร่วมกับชาวบ้านร่วมกันต่อต้านราชวงศ์ มุ่งหน้าทำศึกยึดเมืองต่างๆ จับกุมขุนนางกังฉินทั่วแผ่นดินตัดศีรษะแขวนศพประจานไว้หน้าประตูเมืองให้เป็นเยี่ยงอย่าง รวบอำนาจเบ็ดเสร็จมุ่งหน้ากรำศึกสุดท้ายที่ผิงอานเมืองหลวงของแคว้น จับจักรพรรดิโฉดชั่วผู้นั้นสังหาร แล้วปราบดาภิเษกขึ้นเป็นจักรพรรดิพระองค์ใหม่แห่งแคว้นต้าเฉิน เริ่มรัชสมัยอันรุ่งเรืองเฟื่อ

    Last Updated : 2024-11-13
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 3

    “มาแล้วหรือ มานั่งนี่สิ” เฉินเทียนอี้ตบตักตนเองเบาๆ เรียกให้บุตรชายไปนั่งด้วย เฉินซือหยางเห็นดังนั้นก็ไม่อิดเอื้อนปีนขึ้นไปนั่งบนตักของเสด็จพ่ออย่างคุ้นชิน “เสด็จพ่อทรงทอดพระเนตรอะไรอยู่หรือพ่ะย่ะค่ะ” เฉินซือหยางชะโงกหน้ามองฎีกาที่เสด็จพ่อทรงอ่านค้างไว้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ศีรษะเล็กๆ ส่ายไปมาเล็กน้อยจนแทบไม่เห็นหากไม่สังเกตดูดีๆ ในระหว่างที่เจ้าตัวอ่านฎีกา ทำเอาผู้เป็นพ่อแย้มเยือนเอ็นดูในความใคร่รู้ของบุตรชาย “พ่อกำลังอ่านฎีกาที่เจิ้งกั๋วกง[1] ให้ม้าเร็วส่งมาให้” เฉินเทียนอี้บอกบุตรชายทั้งยังกอดร่างเล็กนุ่มนิ่มไว้ในอ้อมแขนเมื่อเจ้าตัวชะโงกหน้าเข้าไปใกล้โต๊ะมากเกินไป จนผู้เป็นบิดากลัวว่าบุตรชายจะหล่นจากพระที่นั่ง “เจิ้งกั๋วกงรบชนะเซียนเป่ยแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งนัก” “เป็นข่าว

    Last Updated : 2024-11-14
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 4

    หลังจากเฉินซือหยางหารือข้อราชกิจกับเสด็จพ่อจนถึงยามโหย่ว[1] พอเดินออกจากตำหนักเฉียนชิงก็พบกับเหล่านางสนมที่มารอเข้าเฝ้า ทุกคนต่างผัดหน้าทาชาดกันมาแบบจัดหนักจัดเต็มยังกับจะมาเล่นละครงิ้วกันเสียเอง กลิ่นเครื่องหอมกำยานอบร่ำกันมาทั้งเนื้อทั้งตัวต่างคนก็ต่างกลิ่น คนนี้อบกลิ่นโม่ลี่ฮวา[2]คนนั้นอบกลิ่นอิงฮวา[3]คนโน้นเองก็อบกลิ่นเหมยกุ้ยฮวา[4]มีสารพัดกลิ่นราวกับยกหมู่มวลดอกไม้มาทั้งอุทยานหลวง กลิ่นเหม็นฉุนปะทะกันสารพัดกลิ่นแทบจะรมคนให้ตายได้ เฉินซือหยางได้กลิ่นคราแรกถึงกับหน้ามืดตาลาย เริ่มรู้สึกนับถือเสด็จพ่อจากก้นบึ้งของหัวใจที่พระองค์สามารถทนประทับอยู่กับสารพัดกลิ่นฉุนเหล่านี้ได้หลายปีดีดัก “ถวายบังคมองค์รัชทายาทเพคะ / พ่ะย่ะค่ะ” บรรดาสนมนางกำนัล และขันทีแต่ละตำหนัก ซึ่งตอนแรกพูดจาเสียดสีกันต่า

    Last Updated : 2024-11-15
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 5

    เพียงชั่วก้านธูป[1] ผู้เป็นใหญ่แห่งวังหลังทั้งสองพระองค์ก็เสด็จกลับออกมา ภาพที่เฉินเทียนอี้เห็นในสายพระเนตรคือ ภาพของเหล่าสนม นางกำนัลนั่งคุกเข่ากันเรียงรายเป็นทิวแถวท่ามกลางหิมะตกหนัก ทุกคนหน้าซีดปากสั่นมีหิมะเกาะเต็มศีรษะสภาพน่าอเนจอนาถยิ่ง “ฝ่าบาท” “ฝ่าบาทเพคะ” เสียงร้องน่าเวทนาดังระงมดุจจักจั่นในฤดูร้อน ทำเอาเฉินเทียนอี้มุมปากกระตุก คิ้วคมเข้มขมวดฉับ ตวัดสายเย็นเฉียบมองคนต้นเรื่องด้วยความเดือดดาล จิตสังหารแผ่ซ่านจนซูโม่หลันสั่นสะท้านนึกเสียใจภายหลังที่ลงมือโดยพลการเช่นนี้ “หวังกงกง” “พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” “ถอนรับสั่งของเต๋อเฟยเดี๋ยวนี้! บอกให้นางกำนัลปรนนิบัติเหล่าสนมรักของเราให้ดีอย่าให้

    Last Updated : 2024-11-18
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 6

    แสงตะวันจับขอบฟ้าขับไล่ความหนาวเหน็บยามค่ำคืนในสารทฤดูให้จางหาย ละอองหิมะโปรยปรายลงมาบางเบาก่อนจะปลิวหายไปกับสายลมเย็นชื่น ผู้คนในเมืองผิงอานเริ่มต้นเช้าวันใหม่กันอย่างคึกคัก ชาวบ้านต่างพากันทำความสะอาดลานเรือนอย่างขะมักเขม้น โรงเตี๊ยมต่างๆ ร้านรวงริมทางเปิดทำการค้าแต่เช้าตรู่ พ่อค้าจากต่างถิ่นหลั่งไหลเข้ามาแลกเปลี่ยนสินค้า แต่วันนี้เมืองหลวงครึกครื้นยิ่งกว่าวันใด ที่นั่งในร้านรวงต่างๆ บนเส้นทางสัญจรสายหลักถูกจับจองจนแน่นขนัด เนื่องจากผู้คนต่างพากันมามุงดูขบวนทัพที่กำลังมุ่งหน้าเข้าสู่ประตูเมือง ชายวัยกลางคนหน้าตาดุดันเหี้ยมหาญในชุดออกศึกสวมเกราะหนักทั้งตัว ควบอาชาสีขาวพ่วงพีนำหน้าทัพหลวงเคลื่อนขบวนเข้ามาในเมืองผิงอานอย่างองอาจห้าวหาญธงรบสะบัดไหวรับกับจังหวะการย่างก้าวของกองทัพ เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอันน่าเกรงขามจนผู้คนต่างพากันเลื่อมใส ร้องตะโกนแสดงความยินดีกับชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ที่เหล่าทหารหาญแลกมาด้วยแรงกาย แรงใจ และหยาดโลหิต ดอกไม้งามโปรยตามเส้นทางที่ขบวนทัพเคลื่อนผ่านเป็นการต้อนรับเหล่าผู้กล้า หญิงสาวที่ยัง

    Last Updated : 2024-11-19

Latest chapter

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 125

    หลินเสวี่ยเฟิ่งร้องห้ามเสียงดังลั่น สวีเฟยหลงลืมตาพรึ่บ พลังแห่งเทพบรรพกาลระเบิดออกอย่างรุนแรง จนภูผาวารีสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น กระแทกเงาร่างของศัตรูในรัศมีร้อยลี้จนตัวปลิว ผู้ที่มีพลังตบะอ่อนด้อยต่างเลือดออกทั้งเจ็ดทวารตายคาที่ แม้แต่สวีหนิงหลง และจอมมารหลัวเหยียนที่เข้าร่วมสนามรบยังถูกพลังอันมหาศาลจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัวจนกระอักเลือดออกมากองใหญ่ มังกรเกล็ดทองอร่าม ลำตัวยาวเหยียดราวกับจะโอบล้อมทั้งสามภพไว้ในอุ้งมือกู่ร้องเสียงดังกึกก้อง ร่างกายใหญ่โตทะยานสู่ฟากฟ้ายามสุริยันกระจ่างแจ้ง เมฆมงคลไหลเรื่อย แสงเงินแสงทองส่องประกายวาววับ ไอมงคลสีทองระยับโปรยปรายดุจสายฝนฉ่ำริน นำพาไอวิเศษอันแสนอบอุ่นอ่อนโยนโอบล้อมทุกหมู่เหล่า วัชระม่วงครามซึ่งเป็นทัณฑ์สายฟ้าขั้นสูงสุดตอบรับเสียงเรียกร้องแห่งบรรพกาล ผ่าฟาดลงบนแท่นมังกรวัชระ ปลุกจิตวิญญาณของอาวุธเทพให้ตื่นฟื้น อาวุธเทพหลับใหลมานานดั่งได้พานพบนายเก่า ส่งสายฟ้าสีม่วงครามต

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 124

    สวีเฟยหลงยังไม่ทันได้จับสัมผัสทวนดับสุริยัน หลัวเหยียนก็แปรพักตร์อย่างรวดเร็ว ปลายทวนเปลี่ยนทิศว่องไวดุจอสรพิษพุ่งเข้าจู่โจมร่างสูง คมทวนแทงอกซ้ายของสวีเฟยหลงจนได้เลือด “เสด็จพ่อ! / อาหลง!!” สวีจิ้งเฟิ่งกับหลินเสวี่ยเฟิ่งตะโกนเสียงดังลั่น ร่างบางปรี่เข้าพยุงสามีที่ได้รับบาดเจ็บ พร้อมประกายกระบี่คมกล้าหมายเอาชีวิตจอมมารผู้ชั่วช้าของสวีจิ้งเฟิ่ง “อ๊าก!!!!” หลัวเหยียนร้องโหยหวน เลือดสดๆ ไหลทะลักจากปากแผล ดีที่เขาเบี่ยงตัวหลบได้ทัน ไม่อย่างนั้นคงเป็นหัวที่ต้องหลุดจากบ่าไม่ใช่ไหล่ขวาอย่างที่เป็นอยู่ สวีจิ้งเฟิ่งจับจ้องหลัวเหยียนด้วยประกายตาเหี้ยมลึก แม้จะระแวดระวังมากเพียงไรแต่ก็ยังลงมือได้ไม่เร็วพอ ทำให้เสด็จพ่อต้องบาดเจ็บอีกครา ชายหนุ่มโมโหเจียนคลั่ง โดยไม่รอช้ามือหนากระชากกระบี่ออกอย่างแรงจนเลือดของมารร้

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 123

    หนึ่งร้อยปีผ่านพ้น น่านฟ้าเมืองผิงอานปกคลุมไปด้วยเมฆเคราะห์หนาแน่นมานานปี บัดนี้กลับมาสว่างสดใส เมฆมงคลไหลเอื่อย สายรุ้งพาดผ่านเปล่งประกายหลากหลายสีสันงามระยับน่าจับตาดุจฟ้าหลังฝน ทิวากรสาดแสงเจิดจ้า พระพายโชยชื่นเย็นสบาย หมู่มวลวิหคโบยบินออกจากรัง สรรพสัตว์น้อยใหญ่หวนคืนถิ่นฐาน พายุอัสนีในที่สุดก็หยุดลง มังกรทองขดตัวอยู่เนิ่นนานนับร้อยปีเริ่มมีการขยับไหว เสียงร้องคำรามดังกึกก้อง คราบโลหิตสีชาดทองจับตัวแข็งหนาเป็นคืบปริแตก แสงสีทองมลังเมลืองเล็ดลอดออกมาตามรอยแยกสาดส่องไปทั่วพื้นพิภพ เผยให้เห็นเกล็ดสีทองเรียบลื่นเปล่งประกายภายใต้แสงตะวัน ราวกับตอบรับเสียงร้องอันทรงพลัง ต้นอู๋ถงหมื่นลี้แทงยอดตระหง่านสูงเสียดฟ้า กิ่งก้านเขียวชอุ่มแผ่ร่มเงาไปทั่วทุกแห่งหน กลิ่นหอมระรื่นกรุ่นกำจาย

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 122

    เหนือฟากฟ้าเมืองผิงอาน แคว้นต้าเฉินถูกเมฆหมอกหนาทึบปกคลุมดุจเมฆฝนยามพายุตั้งเค้า เสียงฟ้าร้องครั่นครืนดังกึกก้อง สายฟ้าแลบแปลบปลาบกระจายไปทั่วท้องฟ้าน่าครั่นคร้าม วายุโหมกระหน่ำพัดทลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า ต้นไม้ใบหญ้าหลุดร่วง ฝุ่นทรายคละคลุ้งม้วนตัวกวาดผ่านร่างของพวกเขาไป สวีเฟยหลงหรี่ตามองท้องฟ้าเบื้องบนด้วยสีหน้าหนักอึ้ง ใบหน้าเครียดขึง คิ้วเข้มขมวดมุ่น “ทุกคนระวังตัวด้วย” สวีเฟยหลงกางม่านพลังซ้อนทับเขตอาคมของหลินเสวี่ยเฟิ่งอีกชั้น สังหรณ์ใจว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น แล้วมันก็เกิดขึ้นจริงๆ! โดยไม่ทันได้เตรียมตัวตั้งรับ วัชระม่วงครามสายแรกก็ผ่าลงมากลางวง ทัณฑ์สวรรค์พิฆาตเซียน!! 

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 121

    เฉินซือหยางหลงวนอยู่ในเงามืด ความทรงจำต่างๆ โถมทะลักเข้าหาดุจโคมม้าหมุน ทำเอาเขาปวดศีรษะจนแทบระเบิด ร่างกายจมดิ่งลงสู่ห้วงลึกแห่งอนธการ เงาร่างโปร่งใสปรากฏขึ้นหน้าเรือนไม้หลังเล็กหลังหนึ่งซึ่งซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางป่าเฟิง บนยอดเขาซีเทียนเฟิง เฉินซือหยางเดินดูโดยรอบอย่างแสนคิดถึง ศาลาหอเก๋ง สระบัวสีมรกต และโต๊ะหินอ่อนกลางลานเรือนถูกปกคลุมไปด้วยใบเฟิงสีอิฐยังคงเหมือนในความทรงจำ “จิ้ง... จิ้งเฟิ่ง... สวีจิ้งเฟิ่ง! ตื่นได้แล้วเจ้าตัวขี้เกียจ” เฉินซือหยางหันไปตามเสียงเรียก เห็นเงาร่างสูงโปร่งของจ้าวลี่หมิงหรือแท้จริงแล้วคือ ‘ไป่ชิงถงเกอเกอ’ คนสำคัญเพียงหนึ่งเดียวในใจเขาใช้เท้าแตะประตูห้องนอนอย่างกักขฬะ ตรงเข้าไปเขย่าตัวปลุกเขาในวัยเด็กที่นอนหลับอุตุอยู่ในกองผ้าห่มผืนหนา “อย่ามัวแต่เมาขี้ตา รีบๆ ลุกขึ้นมา

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 120

    สายฝนโปรยปรายลงมาบางเบาสัมผัสโดนใบหน้าคมเข้มที่กำลังสลบไสลเรียกสติเขาให้กลับฟื้นคืน สวีเฟยหลงตื่นขึ้นมาพบว่าตนเองติดอยู่ในช่องเขาคับแคบแห่งหนึ่ง แขนขาหักผิดรูปผิดร่าง เจ็บปวดรวดร้าวทั่วสรรพางค์กาย เขากัดฟันบิดแขนขาให้เข้ารูป ยังไม่ทันได้ลงมือทำแผลให้กับตนเองก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังอึกทึกก้องสะท้อนไปทั่วหินผา “ค้นให้ทั่ว จับโจรชั่วที่รวมหัวกับเผ่ามารสังหารพี่น้องเราชาวสวรรค์มาลงทัณฑ์ให้ได้” เสียงผู้คนพูดคุยกันดังแว่วใกล้เข้ามาทุกทีๆ สวีเฟยหลงรู้ดีว่าไม่อาจหลบซ่อนตัวอยู่ตรงนี้ได้อีกต่อไป จึงจำใจต้องหอบสังขารที่เต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์หลบหนีออกจากที่แห่งนี้ สวีเฟยหลงหนีเข้าป่าลึก ท่ามกลางพายุโหมกระหน่ำร่างสูงโซซัดโซเซล้มลงในแอ่งโคลน “มันอยู่นั่น!” ทหารสวรรค์กรูกันเข้ามารุมล้อมสวีเฟยหลง ชายหนุ่มแค่นเสียงเย้ยหย

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 119

    ตั้งแต่ต้นหลินเสวี่ยเฟิ่งกอดประคองร่างสูงของเฉินเทียนอี้ไว้ไม่ยอมห่าง ไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างเพราะใจห่วงกังวลคนในอ้อมแขนเพียงเท่านั้น "ท่านอย่าเป็นอะไรไปนะ" “ขะ... ขอโทษ คราวนี้ข้าก็ไม่อาจทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับเจ้าได้” หลินเสวี่ยเฟิ่งส่ายหน้า “สิ่งที่ข้าต้องการคือได้อยู่เคียงคู่ท่านจนผมขาวต่างหากเล่าคนโง่ เพราะฉะนั้นท่านห้ามเป็นอะไรเด็ดขาด แข็งใจไว้ เสี่ยวชีกำลังจะมา เขาต้องรักษาท่านได้แน่” ฝ่ามือเรียวพยายามกดปากแผลให้เลือดหยุดไหล แต่ดูท่าว่าจะไม่เป็นผล ไม่ว่าเขาจะทำอย่างไรก็ไม่อาจหยุดยั้งโลหิตที่ทะลักทลายออกมาจากร่างแกร่งได้เลย เฉินเทียนอี้ส่ายหน้าเกลี่ยหยาดน้ำตาที่ร่วงหล่นเป็นสายจากดวงหน้างาม

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 118

    หญิงชราเดินลากขาตามการโอบประคองของสามี สายตาฝ้าฟางเลื่อนลอยไม่รับรู้สิ่งใด แต่พอได้เห็นดวงหน้าของหลินเสวี่ยเฟิ่งเพียงเท่านั้น ดวงตาพลันเบิกโพลงด้วยความหวาดกลัวสุดชีวิต หญิงชรากรีดร้องเสียงดังโหยหวนราวกับสุกรถูกเชือด “ปีศาจ! มันคือปีศาจ ช่วยด้วยๆ ใครก็ได้ช่วยข้าที ปีศาจจะมาฆ่าข้า ปีศาจจะมาฆ่าข้าแล้ว” หญิงชราตีอกชกหัว หนีห่างจากเงาร่างของหลินเสวี่ยเฟิ่งอย่างหวาดผวา ใบหน้าถูไถไปกับลานพิธีอยากจะแทรกแผ่นดินหนี จนชายชราต้องรีบฉุดรั้งร่างของภรรยาไว้ “ทุกท่านอาจจะยังไม่ทราบว่าบุรุษที่อยู่ข้างกายฝ่าบาทผู้นั้น คนที่ถูกแต่งตั้งให้เป็นถึงมารดาของแผ่นดิน ถูกยกย่องว่ามีคุณธรรมสูงส่ง อวดอ้างตนเองว่ามาจากตระกูลสูงศักดิ์ แต่แท้จริงแล้วเขาคือ ‘เกาต๋า’ บุตรบุญธรรมของสามีภรรยาแซ่เกา ซึ่งเป็นเพียงพ่อค้าวาณิชเล็กๆ ในเมืองเจียงโจว” คำบอกเล่าของหานจางหมิ่นทำเอาทุกคนในที่นี้ตะลึงงัน อย่างที่ทราบโดยทั่วกันว่าพ่อค้านั้นเป็นชนชั้นต่ำศ

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 117

    เมื่อไม่กี่ชั่วยามก่อน “ยามซื่อ[1] แล้ว งานเลี้ยงมื้อกลางวันกำลังจะเริ่ม ทุกคนเร่งมือเข้า” ขันทีน้อยนายหนึ่งก้มหน้าก้มตายกจานขนมหวานบรรจุลงในกล่องไม้สำหรับใส่อาหารอย่างขะมักเขม้น รอจนหัวหน้าขันทีผู้คุมห้องเครื่องเดินผ่านไปตรวจงานยังส่วนอื่น มือหยาบหนาก็รวบผ้าผูกเป็นปมเพื่อกักเก็บความร้อน แล้วยกกล่องอาหารในห่อผ้าผืนงามเดินตามกลุ่มขันทีออกไป ขันทีผู้นั้นเดินตามหลังขันทีด้วยกันเงียบๆ ทุกคนต่างเร่งฝีเท้าไปยังลานพิธีหน้าตำหนักไท่เหอ ระหว่างเดินผ่านระเบียงทางเดินขบวนของเขาสวนกับเหล่านางกำนัล และขันทีกลุ่มอื่นเป็นระยะ แต่ขันทีหนุ่มก็ยังใจเย็น รอจนขบวนเดินผ่านเส้นทางร้างไร้ผู้คน เขาก็ชะลอฝีเท้าลง อาศัยจังหวะที่ผู้อื่นไม่ทันสังเกตเห็นปลีกตัวออกจากกลุ่มอย่างเงียบเชียบ เดินหลบหลีกผู้คน แล้วหายลับไปโดยไร้ผู้พบเห็น ขันทีคนดังก

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status