มหาวิทยาลัยชิงมู่ช่วงพักเที่ยงบนเก้าอี้ข้างทะเลสาบเทียมนักศึกษาสองคนกำลังคุยกันอยู่ที่นั่นแต่คนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ และอีกคนก็ยืนด้วยความเคารพต่อหน้าเขา"หลินตงยังไม่กลับมาเรียนเหรอ?" จางฮั่นหลินถามขณะนั่งอยู่บนเก้าอี้"ตอบคุณชายฮั่นหลิน หลินตงไม่ได้มาเรียนเป็นเวลาสี่หรือห้าวันแล้ว" นักศึกษาที่ยืนอยู่ตอบพวกหลินตงมาที่มหาวิทยาลัยชิงมู่เพื่อแลกเปลี่ยนการศึกษา และก็อยู่ชั้นเดียวกันกับเขา ดังนั้นพวกเขาจึงรู้ดีว่าหลินตงมาเรียนหรือไม่"ทันทีที่หลินตงกลับมา รีบแจ้งฉันทันที!""ครับ! คุณชายฮั่นหลิน!""เอาล่ะ ไม่มีเรื่องของคุณแล้ว ไปเถอะ!""ครับ!" นักศึกษาที่ยืนอยู่โค้งคำนับจางฮั่นหลินแล้วจากไปจางฮั่นหลินนั่งบนเก้าอี้และมองดูผืนน้ำอันเงียบสงบที่อยู่ไม่ไกล แต่อารมณ์ของเขากลับไม่สงบดาวมหาวิทยาลัยที่ตัวเองเอาใจมาสามปีแล้ว คาดไม่ถึงว่าจะถูกนักศึกษาแลกเปลี่ยนที่เพิ่งมาไม่กี่วันตัดหน้าไป?เดิมทีเขาไม่เชื่อข่าวลือเหล่านี้ แต่ภาพถ่ายเหล่านั้นและปฏิกิริยาของยุนซีทำให้เขาต้องเชื่อภาพน่าจะถ่ายในที่ที่ตัวเองนั่งอยู่ตอนนี้ ยุนซีพิงไอ้หนุ่มคนนั้นไม่ผิดแน่นอน ยิ่งไม่มีร่องรอยการตัดต่อเ
เวลาผ่านไปอีกสองวันก็มาถึงวันหยุดสุดสัปดาห์หลินตงยังคงวิ่งไปหาซื้อบ้านทุกวันแต่ เนื่องจากไม่มีการซื้อจำนวนมาก การเพิ่มแต้มศักดิ์สิทธิ์จึงค่อนข้างช้าเล็กน้อยสองวันก็เพิ่มขึ้นจากสิบห้าเป็นร้อยแปดแต้ม ใช้เงินไม่ถึงหมื่นล้านหลินตงคลิกที่ร่างกายของเขาอีกครั้งโดยไม่ลังเล ในท้ายที่สุดเหลือแต้มศักดิ์สิทธิ์อีกแปดแต้มและ ร่างกายก็ไปถึงเหนือมนุษย์ระดับที่สี่เมื่อเขากลับมาถึงโรงแรม หลินตงพบว่าโรงแรมแกรนด์สตาร์ดูคึกคักมากในวันนี้ มีรถหรูมากมายที่ทางเข้าจนแทบจะหยุดไม่ได้ยิ่งไปกว่านั้น ผู้คนจำนวนมากรวมตัวกันรอบ ๆ โรงแรม หลายคนถือป้ายและแบนเนอร์ และถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายสิบคนหยุดยั้งไว้นี่กำลังตามดาราเหรอ?คนดังมาพักที่โรงแรมแกรนด์สตาร์?เขาต้องจอดรถไว้ในโรงรถใต้ดินหลินตงถูกหยุดเมื่อเขาเดินไปที่ประตู ในอดีตมีเด็กผู้หญิงสี่คนที่คอยต้อนรับอยู่ที่นี่ แต่วันนี้พวกเขากลายเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสี่คน"คุณผู้ชาย กรุณาแสดงบัตรห้องพักของคุณด้วย วันนี้ไม่อนุญาตให้ใครเข้ามานอกจากผู้พักอาศัยเก่าของโรงแรม" เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนหนึ่งกล่าวหลินตงกำลังจะพูด หยางหลิ่วในห
เหยาเสวี่ยกำลังยิ้มและพูดคุยกับนักลงทุนที่มีพุงใหญ่และศีรษะล้านในสายตาของคนนอก เธอเป็นหนึ่งในสี่นักแสดงในประเทศหน้าใหม่ที่มีชื่อเสียงไม่จำกัดแต่มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้สถานการณ์ที่แท้จริงของตัวเอง ตัวเองเป็นเพียงของเล่นในสายตาของนายทุนเหล่านี้ครั้งนี้ตัวเองรับภาพยนตร์โปรดักชั่นใหญ่เรื่องหนึ่ง ด้วยเหตุนี้เธอจึงเตรียมตัวมานาน แต่เพราะตัวเองไม่ยอมนอนกับนักลงทุนดังกล่าว สุดท้ายก็ไม่ได้ทำให้นักลงทุนพอใจทำให้นักลงทุนต้องถอนการลงทุนชั่วคราว ผู้กำกับก็ด่าเธออย่างมาก แถมยังบอกกับเธอว่า เป็นเพราะเธอนักลงทุนถึงถอนทุน ถ้าเธอไม่สามารถดึงการลงทุนใหม่ ๆ ได้ ต่อไปอย่าคิดวนเวียนอยู่ในวงการหนังเลยกล่าวอีกนัยหนึ่งหากตัวเองไม่สามารถดึงดูดการลงทุนใหม่ได้ ตัวเองก็จะถูกแบน ด้วยตำแหน่งผู้กำกับใหญ่คนนี้ การแบนเธอที่เป็นคนใหม่ที่เพิ่งปรากฏตัวนั้นง่ายมากดังนั้นแม้ว่าตอนนี้เธอจะรังเกียจสายตาของนักลงทุนคนนี้ที่อยากกินคน แต่เธอก็ยังต้องยิ้มและพูดคุยกับเขาโชคดีที่นี่มีคนเยอะและเป็นคนที่มีหน้ามีตา มิฉะนั้นอีกฝ่ายน่าจะลงไม้ลงมือกับเธอโดยตรงแล้วบางครั้งเธออยากออกจากวงการบันเทิงจริงๆ โดยไม่ได้คิดถึงความร
แต่เหยาเสวี่ยไม่สนใจเขาอีกต่อไปเหยาเสวี่ยเดินไปรอบ ๆ และพูดคุยกับนักลงทุนอีกสองคนที่อายุน้อยกว่าเล็กน้อยและค่อนข้างน่ามอง แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ อีกฝ่ายบอกว่าบริษัทไม่มีแผนที่จะลงทุนในหนังขนาดใหญ่เช่นนี้เนื่องจากแผนการลงทุนสำหรับหนังเรื่องนี้คือสามร้อยถึง ห้าร้อยล้าน ซึ่งเป็นเงินจริงและไม่ใช่ทุกคนที่สามารถนำออกมาได้แม้ว่าบางบริษัทจะมีมูลค่าตลาดมากกว่าพันล้านหรือหลายพันล้าน แต่หากถูกขอให้ใช้จ่ายหลายร้อยล้านโดยไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานปกติของบริษัท ก็จะมีบริษัทไม่มากนักที่สามารถทำได้"เป็นยังไงบ้าง? เสี่ยวเสวี่ย!" หญิงวัยกลางคนแสนสวยเดินเข้ามาถามเธอเป็นผู้จัดการของเหยาเสวี่ย เฉินหงก็เป็นคนที่เฝ้าดูเหยาเสวี่ยตั้งแต่สำเร็จการศึกษาและและก้าวไปทีละขั้นจนถึงวันนี้เหยาเสวี่ยส่ายหัวแล้วพูดว่า "ไม่มีความคืบหน้าเลย พี่เฉิน ฝั่งพี่ล่ะ?""ฉันก็เหมือนกัน เห้อ! ทุกวันนี้มีบริษัทเพียงไม่กี่แห่งที่สามารถลงทุนในภาพยนตร์ที่มีทุนสร้างสูงขนาดนี้ พวกที่ลงทุนได้เราก็ไปติดต่อกันหมดแล้ว" เฉินหงถอนหายใจแล้วพูด"พี่เฉิน! พี่ว่าฉันมีแต่ทางสุดท้ายที่สามารถเดินได้แล้วใช่ไหม? ตลาดตอนนี้ก็เป็นแบบนี
"เสี่ยวเสวี่ย นี่ใคร?" เฉินหงถามเสี่ยวเสวี่ยมีเพื่อนแบบนี้ด้วยเหรอ? ทำไมเธอถึงไม่รู้เลย!ต้องรู้ว่าเธอและเหยาเสวี่ยแทบจะตัวติดกัน พูดหยาบคายหน่อย เหยาเสวี่ยมีไฝกี่ที่บนตัวเธอรู้หมดทุกอย่างนอกจากนี้แวดวงเพื่อนของเสี่ยวเสวี่ยตัวเองก็รู้จักหมด ไม่เคยได้ยินว่ามีคนอย่างหลินตงเลย!หากสามารถนำหลินตงเข้าสตูดิโอได้ จับแต่งตัวใหม่ต้องเป็นบ่อเงินบ่อทองแน่นอน!ตอนนี้เป็นยุคของการต่อสู้ด้วยกระแสรูปร่างหน้าตาในปัจจุบันของหลินตงดึงดูดใจสาว ๆ ได้อย่างแน่นอนให้เธอจับแต่งสักหน่อย เธอรับประกันได้ ใช้เวลาไม่นานหลินตงจะกลายเป็นไก่ทอดในหมู่นักเรียนนักศึกษาและกลายเป็นเจ้าพ่อกระแสแน่นอนเมื่อถึงเวลานั้นพรีเซนเตอร์โฆษณาก็จะได้รับจนมือไม้อ่อน แม้ว่าจะได้รับความนิยมเพียงไม่กี่ปี แต่เงินที่ได้รับก็จะเพียงพอที่จะสนับสนุนพวกเขาไปตลอดชีวิตแล้ว"พี่หง นี่คือคุณหลินตง เขาคือคนที่ช่วยฉันที่หูเฉิงครั้งก่อน" เหยาเสวี่ยตอบ"ที่แท้ก็คุณหลินนี่เอง สวัสดีค่ะ! ฉันเป็นผู้จัดการส่วนตัวของเสี่ยวเสวี่ย ฉันชื่อเฉินหงค่ะ!" เฉินหงยื่นมือขวาออกมาแล้วพูดกับหลินตงเรื่องที่หูเฉิงครั้งที่แล้ว เธอเคยได้ยินเสี่ยวเสวี่ยพูดถึ
เธอเป็นคนเก่าแก่ที่คลุกคลีอยู่ในวงการบันเทิงมาหลายปีแล้ว ประสบการณ์ที่มีใช่ว่าคนที่เพิ่งเข้าวงการบันเทิงอย่างเสี่ยวเสวี่ยจะเทียบได้ไม่เคยเห็นนายทุนคนไหนคิดว่าเงินลงทุนน้อย จะลงทุนเพิ่มโดยไม่มีเหตุผลใด ๆ และยังเพิ่มทีหลายร้อยล้านเป็นโรครักความสะอาดอะไรกัน อยากทำก็ต้องทำให้ดีที่สุด นั่นมันไร้สาระ!ใครจะรังเกียจเงินตัวเองเยอะ?มันขัดกับสามัญสำนึกโดยสิ้นเชิง การโอ้อวดนี้มากเกินไปหน่อย หากสมเหตุสมผลกว่านี้ เธออาจจะถูกหลอกได้ เนื่องจากรูปลักษณ์ของหลินตงก็ล่อลวงมากแต่เธอไม่ได้เปิดเผยทันที เธออยากรู้ว่าหลินตงจะแสดงอย่างไรต่อไปถ้าเฉินหงตามเหยาเสวี่ยไปงานเลี้ยงส่วนตัวที่หูเฉิงครั้งที่แล้ว เธอจะไม่คิดอย่างนั้นแน่นอนตอนนั้นมีใครบ้างที่ไม่ใช่บุคคลสำคัญของหูเฉิง? สมบัติเป็นพันล้านหรือหลายหมื่นล้าน!การที่หลินตงสามารถคลุกคลีกับสถานที่แบบนั้นได้ จะหลอกดาราตัวเล็ก ๆ ที่เพิ่งมีชื่อเสียงเล็กน้อยเหรอ?"มีอะไรไม่ได้! เอาแบบนี้เลย! ผมลงทุน คุณแค่แสดงให้ดีก็พอ เงินไม่พอก็เพิ่มได้!" หลินตงพูดอย่างยิ่งใหญ่"คุณหลินตง ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ! ครั้งที่แล้วคุณช่วยฉันไว้ ครั้งนี้คุณก็ช่วยฉันไว้อีก ฉัน...ฉั
ในเวลานี้ ชายวัยกลางคนสองคนเดินเข้ามาหาพวกหลินตง คนหนึ่งสูงคนหนึ่งเตี้ย คนหนึ่งอ้วนคนหนึ่งผอม!คนหนึ่งคือหม่าหัว ผู้กำกับชื่อดังที่เหยาเสวี่ยเตรียมถ่ายภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย อีกคนคือคุณหวังที่คุยกับเหยาเสวี่ยในตอนแรก"ผู้กำกับหม่า!""ผู้กำกับหม่า!"เหยาเสวี่ยและเฉินหงเรียกพร้อมกันแม้ว่าพวกเขาจะไม่ชอบหม่าหัวแต่ไม่มีทางเลือก แม้ว่าสถานะของหม่าหัวจะไม่สูงเท่ากับผู้กำกับผู้ยิ่งใหญ่ที่จัดงานเลี้ยงในวันนี้ แต่เขาก็ถือเป็นผู้กำกับแถวหน้าในประเทศ ดารารุ่นใหม่อย่างเหยาเสวี่ยไม่สามารถยั่วยุได้จริง ๆไม่เช่นนั้นพวกเธอก็ไม่ต้องลำบากหานายทุนแบบนี้ อย่างมากก็แค่ไม่แสดงก็พอ"เสี่ยวเสวี่ย ขอแนะนำให้คุณรู้จัก ท่านนี้คือคุณหวัง เขาสนใจภาพยนตร์ของเรามาก" หม่าหัวพูดกับเหยาเสวี่ย"ผู้กำกับหม่า ผมคุยกับคุณเหยาเสวี่ยแล้ว แต่การลงทุนของบริษัทเราดูเหมือนจะไม่อยู่ในสายตาเธอ!" คุณหวังกล่าวอย่างมีความหมายแฝง"อ้อ? เรื่องอะไรกัน! เหยาเสวี่ย คุณยังไม่รีบขอโทษคุณหวังอีก? นายทุนคนก่อนถอนการลงทุนเพราะคุณ ครั้งนี้ไม่ง่ายที่จะมีอีกคนหนึ่ง คุณอยากทำให้การลงทุนล้มเหลวอีกแล้วเหรอ? เกิดอะไรขึ้นกับคุณ? ยังอยากแสดง
ถ้าทุกคนไม่เห็นด้วยจะทำยังไง? จะฟังใครดีถ้าลงทุนเพียงผู้เดียวก็ประหยัดปัญหาได้มาก เอาใจคนเดียวก็พอ นี่เป็นสิ่งที่พวกเขาชอบมาก"ผมขอเปลี่ยนผู้กำกับได้ไหม?" หลินตงพูดด้วยรอยยิ้ม"ห๊ะ???" หม่าหัวงงงวยไม่ใช่แค่เขา แม้แต่เหยาเสวี่ยและเฉินหงก็ตกตะลึงเช่นกันพวกเธอคิดไม่ถึงว่าหลินตงจะมีข้อแม้แบบนี้จริง ๆหม่าหัวก็ตอบสนองทันทีคงเป็นเพราะตัวเองเพิ่งตำหนิเหยาเสวี่ยไปเมื่อกี้ จึงถูกหลินตงเกลียดถ้าด่าผู้หญิงของอีกฝ่ายต่อหน้า นี่ถือเป็นการตบหน้าอีกฝ่ายไม่ใช่เหรอ?ในเวลานี้เขารู้สึกเสียใจเล็กน้อย รู้ก่อนหน้านี้เข้าใจสถานการณ์ให้ชัดเจนก่อนค่อยว่ากันตอนนี้ควรทำยังไงดี?แม้ว่าเขาจะเป็นผู้นำของโปรเจ็กต์ภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่นายทุนถึงจะเป็นหัวใจสำคัญของโปรเจ็กต์นี้หากไม่มีเงินจากนายทุนโปรเจ็กต์นี้คงไปต่อไม่ได้แน่นอน ตรงกันข้าม ถ้าไม่มีผู้กำกับอย่างเขา แค่หาผู้กำกับที่มีชื่อเสียงเล็กน้อยมาก็ทำได้แล้วถ้าหลินตงกลายเป็นนักลงทุนในภาพยนตร์เรื่องนี้จริง ๆ และต้องการเปลี่ยนเขา จริง ๆ แล้วก็เป็นแค่คำพูดเดียวเหตุผลง่าย ๆ คือโปรเจ็กต์นี้ไม่มีเขาก็ไปต่อได้ แต่ถ้าขาดหลินตงนายทุนคนนี้ ก็ไม่สามารถท