หลี่ชิงเฟิงเดินเข้าประตูสวนบ้านฮาเหยียเข้าไปลำพัง ประตูหน้าวันนี้ดูคึกคักกว่าเมื่อวานมีรถบีเอ็มดับบลิว เบนซ์ และรถหรูอีกนับไม่ถ้วน ประตูหน้ามีไฟประดับตกแต่งและคนครึกครื้นนายท่านฮาเชิญคณะเชิดสิงโตและมังกรมาตั้งแสดงอยู่ที่หน้าประตู คนที่ไม่รู้คงคิดว่าวันนี้เป็นวันตรุษจีนหลี่ชิงเฟิงยืนอยู่ตรงนั้น เสียงประทัดดังก้องในหู และอากาศก็อวลไปด้วยกลิ่นประทัดและเงินตราเขามองประตูสไตล์จีนที่ดูหรูหราเรียบง่าย กระเบื้องทุกแผ่น ตะปูทุกตัว เงินทุกบาททุกสตางค์และมาด้วยเลือดและน้ำตาของชาวบ้านหลี่ชิงเฟิงสูดหายใจเข้าลึกและเดินเข้าประตูไปโดยมือไพล่หลังไว้ทันทีที่เขาผ่านซุ้มประตูเข้าไป เขาก็โดนชายสองคนเมื่อวานนี้หยุดเอาไว้“ทำไมนายมาอีกแล้ว ฉันบอกไปแล้วว่าวันนี้นายท่านฮาจะไม่คุยเรื่องธุรกิจ อย่าทำเป็นอวดรู้ต่อหน้าฉันนะ”ดวงตาหลี่ชิงเฟิงมึดครึ้มและเขาพูดเบา ๆ ว่า “ออกไปให้พ้น”ลูกน้องพากันอึ้ง “ไอ้เวรนี่ แกรนหาที่ตายเหรอ? ไสหัวไปซะ”ขณะที่เขากำลังจะลงมือ ก็มีเสียงตะโกนดังมาจากด้านหลัง “หยุดก่อน”ทุกคนหันไปและเห็นชายหนุ่มอายุราวยี่สิบเดินเข้ามา เขาสวมเสื้อเชิ้ตลายดอก ผมย้อมเป็นสีเงิน ดูท่าทางจอ
แต่ในสายตาของหลี่ชิงเฟิง เครือข่ายนี้มันแสนจะเปราะบาง แค่เขาแหย่สักนิดหน่อยก็คงจะพังทลายไปแล้ว“ทำไมถึงไม่เห็นคนจากตระกูลเย่เลยล่ะ?” หลี่ชิงเฟิงถามยิ้ม ๆโฮวไห่แค่นเสียง “ตระกูลเย่เหรอ? ตระกูลเย่เขาจะลดตัวลงมาเจอนายหรือไง? จะบอกให้นะ แค่ให้นายเข้ามานี่ก็ถือว่าให้หน้านายมากเหลือเกินแล้ว อย่าทำตัวได้คืบจะเอาศอก”เมื่อพูดจบ โฮวไห่ก็ชี้ไปที่เก้าอี้ตัวเล็กใต้ร่มไม้ไม่ไกลออกไปนักและพูดเย็นชาว่า “นายไปนั่งนั่น”หลี่ชิงเฟิงไม่พูดอะไร เขาแค่เดินเอามือไพล่หลังไปที่นั่งเขาอยากดูว่านายท่านฮาต้องการทำอะไรหลังจากดื่มน้ำไปสองแก้ว บรรยากาศคึกคักก็สงบลง หลี่ชิงเฟิงวางแก้วและมองไปข้างหน้า ตอนนั้นก็มีเสียงดนตรีดังขึ้น ประตูของโถงชั้นในค่อย ๆ เปิดออกและมีสาว ๆ นับไม่ถ้วนเดินออกมาหลังจากบรรดาสาวใช้ออกมาแล้ว พวกเธอต่างก็คุกเข่าหมอบลงกับพื้น ท่าทางของพวกเธอนั้นดูประหลาดมากจนหลี่ชิงเฟิงเองก็ไม่เข้าในว่าหมายความว่าอะไร แต่สุดท้ายเขาก็ได้รู้ไม่นานหลังจากที่สาวใช้คุกเข่าลง พวกเขาก้เห็นชายชราผมขาวใส่ชุดจีนยาวสีทองมีลายมังกรปักอยู่ออกมา เขามีใบหน้าเชิด สง่าและเดินมาช้า ๆ ทีละก้าวทุกก้าวที่เขาเดินเขาจ
ตระกูลเย่ได้บอกกับนายท่านฮาก่อนหน้านี้แล้วเรื่องที่ว่าเทียนซื่อกรุ๊ปจะส่งคนมา ดังนั้นนายท่านฮาจึงยังไม่ได้ดูถูกหลี่ชิงเฟิงอะไรตอนนี้หลี่ชิงเฟิงนั้นโดนทุกคนไม่ยอมรับอยู่แล้วกลาย ๆ ซึ่งทำให้เป็นที่ขบขันเรื่องนี้ไม่ได้เพียงแต่ทำตัวเขาเองขายหน้าเท่านั้น แต่ยังทำให้เสียไปถึงเทียนซื่อกรุ๊ป และยังแสดงให้เห็นว่านายท่านฮานั้นแข็งแกร่งมากจนเขาไม่ได้ใส่ใจอะไรเทียนซื่อกรุ๊ปเลยสักนิดเมื่อเผชิญหน้ากับกลุ่มคนที่คอยหัวเราะเยาะ หลี่ชิงเฟิงก็ยังดูสงบนิ่ง เขายกยิ้มมุมปากและพูดนิ่ม ๆ ว่า “ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมมาหาคุณวันนี้ก็มีสองเรื่อง ไหน ๆ ผมก็มายังที่ต่ำต้อยน่าอนาถแบบนี้แล้ว ยังไงก็ต้องให้ผมพูดสักสองสามประโยคใช่ไหม?”ที่ต่ำต้อยน่าอนาถเหรอ?เมื่อได้ยินเช่นนี้ แต่ละคนสีหน้าก็มืดครึ้ม…“หลี่ชิงเฟิงใช่ไหม? หากว่านายไม่มีมารยาทก็ไม่ต้องพูดอะไรที่ดูถูกกัน แล้วที่ว่าที่ต่ำต้อยนั่นหมายความว่าอะไร?”“ฉันคิดว่าหมอนี่วาจาร้ายกาจ เขาตั้งใจวอนหาเรื่องใช่ไหม?”“ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำจริง ๆ เขาคิดว่าเมืองเซี่ยชวนเป็นของเทียนซื่อกรุ๊ปคนเดียวเหรอไง?”หลี่ชิงเฟิงยิ้ม “ผมไม่ได้เรียนมาสูง และผมก็ไม่เข้าใจเ
หลี่ชิงเฟิงยิ้มบาง “เลิกพูดไร้สาระกันดีกว่า คุณจะขายที่ให้เราหรือไม่ครับ?”“ใครก็ได้ มาจัดการมัน”นายท่านฮาตะโกนอย่างโมโห เขาไม่คุมอารมณ์แล้วด้านหลังเขามีโฮวไห่ที่รอคำสั่งอยู่มานานแล้ว เมื่อพ่อบุญธรรมหมดความอดทนในที่สุด เขาก็พุ่งเข้ามาพร้อมคนของตนโฮวไห่นั้นมีศิลปะป้องกันตัวและหมกมุ่นเรื่องการต่อสู้มาตั้งแต่ยังเด็ก และเพื่อที่จะฝึกเขานายท่านฮาเองก็ได้จ้างอาจารย์ชั้นนำมากมายมาสอนหลังผ่านไปมากกว่าสิบปี โฮวไห่ก็มีความมั่นใจในทักษะและความสามารถของตนอย่างมาก เขาคิดว่าในเซี่ยชวนนี้คนที่เอาชนะเขาได้มีไม่เกินสองคนเมื่อเห็นโฮวไห่พุ่งเข้ามาด้านหลังหลี่ชิงเฟิงเร็วปานสายฟ้า ก่อนที่หลี่ชิงเฟิงจะทันหันไปมองด้วยซ้ำ รอยยิ้มแปลกประหลาดก็ผุดขึ้นมาบนริมฝีปากของโฮวไห่ขณะที่ยกขาเตะด้านหลังหัวของหลี่ชิงเฟิงอย่างแรงหลังจากที่โดนลูกเตะนี้เข้าไป รับรองว่าต้องนอนกลายเป็นผักแน่หากว่ารอดไม่ถึงตายฟั่บพลังขาในลูกเตะนั้นนับว่าไม่น้อย ซึ่งทำให้เกิดเสียงหวีดหวิวในอากาศและเหวี่ยงกระแทกอย่างแรงแต่ตอนนั้นเองสีหน้าของโฮวไห่ก็เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน ม่านตาของเขาขยายตัวขึ้นมาหลายเท่าจู่ ๆ หลี่ชิงเฟิงก็หายไป
หลี่ชิงเฟิงมองปืนของเขาและอดหัวเราะไม่ได้ เขาไม่ได้ใส่ใจเจ้าปืนนี่เลย“คุณอยากจะยิงผมเหรอ? จะยิงพลเรือนที่ไม่มีอาวุธเนี่ยนะ?”หลี่ชิงเฟิงชี้ตัวเอง ดวงตาเขามืดครึ้ม “จิตสำนึกโดนหมากินไปหมดแล้วเหรอ?”ชายคนนั้นแค่นเสียง “อย่ามาพูดไร้สาระกับฉันไอ้หนู หากว่าแกไม่ยอมตอนนี้ แกคิดไว้เลยว่าอาจจะโดนขังไปแปดหรือสิบปี แกมีอะไรจะพูดไหม?”ตอนนั้นเองนายท่านฮาก็ยิ้มน้อย ๆ “ถึงเขาจะคุกเข่าขอร้องฉันตอนนี้ ก็ไม่มีประโยชน์”“นอกจากแกจะขอให้เมียแกมาแล้วมาขอร้องฉัน”“ได้ยินมาว่าเมียแกสวยมากนี่ ฉันเองก็ยังไม่เคยเห็นเธอเลย”เมื่อนายท่านฮาพูดจบ คนรอบตัวเขาก็พากันเห็นพ้อง “ใช่แล้วหลี่ชิงเฟิง แกอยากได้ที่ดินไม่ใช่เหรอ? ไม่มีใครอยากเจรจากับขยะอย่างแกหรอก แต่ว่าเมียแกน่ะ… อาจจะทำให้ทบทวนใหม่ได้”นายท่านฮารู้สึกบันเทิงใจ เขาหัวเราะและบอกว่า “แค่เพราะว่าหล่อนเต็มใจรับใช้ฉัน ก็ไม่ได้แปลว่าฉันจะยอมนะ”“อีกอย่างแกก็รู้นี่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเมียแกบ้าง เพราะงั้นฉันก็ไม่ใช่คนเดียวที่…”“ฮ่าฮ่าฮ่า”คนรอบข้างเริ่มหัวเราะอีกครั้งสีหน้าหลี่ชิงเฟิงเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียนด การมาหัวเราะเยาะเขาก็ไม่เป็นไร แต่นี่มาดูถูก
แต่เขาก็สงบลงได้ในไม่นานและแค่นเสียงหยัน “มาสิ หากวันนี้แกแตะต้องฉัน เชื่อไหมว่าฉันจะทำให้แกต้องโดนยิงแน่?”คำพูดของเขาไม่กระทบการกระทำของหลี่ชิงเฟิงเลย เขายังคงเดินเข้ามาถึงตัวในพริบตาเดียว ก่อนที่นายท่านฮาจะทันได้พูดอะไรอีก หลี่ชิงเฟิงก็ยกมือตบเขาเพียะตูมนายท่านฮาโดนตบจนกระเด็น เขาปลิวไปกระแทกฉากหินที่อยู่ด้านหลังอย่างแรงมีเสียงดังก้องและฉากนั้นก็มีฝุ่นคลุ้ง และฉากหินหนานั่นก็มีรอยแตกถึงสองรอยคงจะทำให้พอเดาถึงความแรงของการกระแทกนั้นได้นายท่านฮาอยู่มานานจนได้เป็นจักรพรรดิ และเขาก็แข็งแรงมาก หลังจากที่โดนซัดแรงขนาดนั้นเขาก็ยังขยับตัวได้เขาตะเกียกตะกายลุกขึ้นจากพื้น พร้อมกระอักเลือดออกมาคำโตและฟันหักร่วงหลายซี่…“แก… แกกล้าตบฉันเหรอ?”“จับเขาเร็วเข้า เขาจะฆ่าคนแล้ว”นายท่านฮาไม่คิดไม่ฝันว่าหลี่ชิงเฟิงจะกล้าลงมือจริง ๆ และเขาก็รีบร้องขอความช่วยเหลือ แต่สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าก็คือแม้มีตำรวจอยู่หลายนานแต่ว่าก็ไม่มีใครขยับตัวเลยทุกคนต่างก็งมโง่กันไปหมด…สารวัตรจ้าวรีบลุกขึ้นยืนแล้วชี้ไปที่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ล้อมอยู่ก่อนพูดอย่างโมโหว่า “พวกแกทำอะไรอยู่ ผู้ชายคนนี้จะซ้อมเ
หลี่ชิงเฟิงมองนายท่านฮาด้วยท่าทางสนใจและถามพร้อมยิ้มว่า “อะไรนะ? หากว่าคุณตาย ที่ดินผืนนี้จะหายไปจากโลกเหรอ?”ฮาเหยียตัวสั่นเทิ้ม “หากว่ามีเรื่องเกิดขึ้นกับผม ที่ดินนี้จะถูกเปลี่ยนมือ จะมีคนที่ตำแหน่งพิเศษประมูลไป คุณก็ต้องมีคู่แข่งมากมาย”เมื่อหลี่ชิงเฟิงได้ยินเช่นนี้เขาก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้เขาไม่อยากจะพูดเรื่องไร้สาระอีกต่อไป เขาเลยทำท่าบอกเย่เซียว เย่เซียวเข้ามาคว้าคอเสื้อของนายท่านฮาและลากเขาออกไปเหมือนสุนัขตัวหนึ่งเมื่อหลี่ชิงเฟิงเดินเข้ามาหาคนที่เย่เซียวพามา พวกเขาต่างก็พากันก้มหัวลงและหลั่งเหงื่อเย็นเดาได้ว่าพวกเขารู้ถึงตัวตนของหลี่ชิงเฟิงแล้วหลี่ชิงเฟิงชี้ไปทางสารวัตรจ้าวและพวก “หนอนแมลงวันพวกนี้อยู่ในมือของพวกคุณแล้ว ผมไม่อยากเห็นพวกเขาในเมืองเซี่ยชวนอีกต่อไป หากว่าผมเห็นพวกเขาอีก คุณเองจะต้องเป็นคนที่หายตัวไปแทน เข้าใจไหม?”“เข้าใจครับ”“จับพวกมันไปให้หมด”เมื่อหลี่ชิงเฟิงพูดจบ ทุกคนต่างก็โดนกดลงนอนกับพื้นและใส่กุญแจมือ ตามด้วยเสียงร้องคร่ำครวญโหยหวนสิบนาทีต่อมาเย่เซียวก็เข้ามาและพูดพร้อมหัวเราะเบา ๆ “พี่ใหญ่ เรื่องตาเฒ่านั่นจัดการเรียบร้อย มีอีกเรื่องที่ผมต้อ
พูดสั้น ๆ ว่ามีทฤษฎีมากมาย แต่ว่าไม่มีใครพูดถึงหลี่ชิงเฟิงคืนนั้นตระกูลเย่ก็มีประชุมด่วน เซี่ยอิ๋งเองก็ได้รับเชิญมาเข้าร่วมก้วยภายใต้แสงจันทร์กระจ่าง บรรยากาศในห้องประชุมคฤหาสน์ตระกูลเย่กลับอึมครึม…เย่เจี้ยนเหอนั่งอยู่ที่ตำแหน่งประธาน เขาเล่นกับปากกาในมือและสีหน้าก็เคร่งเครียด คนอื่น ๆ ที่เป็นลูกน้องต่างก็หน้าเครียดไม่ต่างกัน“ใครบอกฉันได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”จู่ ๆ เย่เจี้ยนเหอก็พูดขึ้นมาพร้อมมองพวกเขาเย็นชา “ให้ตายสิ หากว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับนายท่านฮาก่อนหน้า ก็น่าจะไปเกิดหลังจากนี้ แต่นี่มันดันมาเกิดตอนนี้ พวกนายไม่คิดว่ามันแปลกเหรอ?”เซี่ยอิ๋งพูดช้า ๆ “นายท่าน หมายความว่าเซี่ยเซียนอินและพวกเขาเป็นคนลงมือเหรอ?”เย่เจี้ยนเหอแค่นเสียง “ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะ? อย่าบอกนะว่าโลกนี้มีเรื่องบังเอิญขนาดนี้น่ะ”เซี่ยอิ๋งหัวเราะ “นายท่านเย่ คุณกังวลไปแล้ว เซี่ยเซียนอินกับพวกนั้นจะมีความสามารถเหรอ? ไม่ต้องพูดถึงพวกนั้นหรอก ขนาดจ้าวเทียนซื่อก่อนนี้ก็ยังไม่กล้าแตะต้องนายท่านเย่เลยไม่ใช่เหรอคะ?”เย่เจี้ยนเหอผายมือ “เอาล่ะ งั้นบอกฉันมาว่าเกิดอะไรขึ้น?”เซี่ยอิ๋งยิ้มและบอกว่า “ฉันคิดว่านี่
"พ่อไม่ไปนะ!" จู่ ๆ เซี่ยเทาก็แผดเสียงร้องพลางกระโดดข้ามโซฟาแล้ววิ่งไปที่ประตูหลัง! เจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายตอบสนองว่องไว! เพียงก้าวเดียวก็ประชิดตัวพลางจับเขากดลงกับพื้นแล้วบังคับสวมกุญแจมือ สิบนาทีต่อมา ภายในห้องสอบสวน เสี่ยวอิ๋งนั่งหน้าเครียดอยู่ตรงนั้นพร้อมด้วยความคิดมากมาย ตำรวจที่อยู่ฝั่งตรงข้ามดูวิดีโอแล้วถามว่า "เท่าที่พวกเราทราบมา คนที่อยู่ในวิดีโอคือเซี่ยเทาพ่อของคุณ ตอนนี้เขาอยู่ห้องข้าง ๆ คุณจะอธิบายสิ่งที่เขาพูดว่ายังไงล่ะ?" เสี่ยวอิ๋งสูดลมหายใจลึก ๆ พลางผุดรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า "ฉันไม่รู้หรอกค่ะ ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไร ทำไมคุณถึงไม่ถามเขาเองล่ะคะ?" "แน่นอนว่าพวกเราย่อมต้องถามเขาอยู่แล้ว แต่คุณเป็นลูกสาวของเขา คุณจะไม่รู้เรื่องนี้เลยเชียวเหรอ?" เซี่ยอิ่งลูบคางพลางครุ่นคิดอย่างรอบคอบแล้วจู่ ๆ ก็พูดขึ้นมาว่า "จริงด้วยสิ! ดูเหมือนเขาจะเคยบอกว่าทำความผิดร้ายแรงบางอย่างแล้วอยากจะหนีไป! ฉันถามเขาว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แต่เขาก็ไม่ยอมบอกอะไรเลยแถมยังบอกว่ายิ่งฉันรู้ให้น้อยเท่าไรก็ยิ่งดี! วันหน้าให้ฉันดูแลตัวเองให้ดี ๆ..." "พูดต่อไปสิ" "จากนั้น
"จะวิธีอะไร ฉันก็อยากลองดูทั้งนั้น!" เสี่ยวอิ๋งเอ่ยโดยไม่ลังเล "ขอเพียงคุณช่วยให้ฉันไม่ต้องติดคุก! วิธีไหนฉันก็อยากจะลองดู!" เย่เจี้ยนเหอเงยหน้ามองเธอแล้วพูดเสียงเย็นชาว่า "โยนความผิดเรื่องทั้งหมดนี้ให้พ่อของเธอแบกรับไว้!" เมื่อเสี่ยวอิ๋งได้ยินเช่นนี้ ศีรษะของเธอก็ส่งเสียงอื้ออึง! ตอนแรกสังเวยคุณย่าไปแล้ว ตอนนี้ถึงทีพ่อของเธอแล้วงั้นเหรอ? เย่เจี้ยนเหอจ้องมองเธอ "ไม่มีเวลาคิดแล้ว จะตกลงหรือจะติดคุก!" "ฉันตกลง! ฉันตกลงค่ะ! ขอเพียงคุณช่วยให้ฉันไม่ต้องติดคุก คุณอยากให้ฉันทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น!" เสี่ยว อิ๋งผงกศีรษะซ้ำไปซ้ำมา เย่เจี้ยนเหอจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า "เดี๋ยวฉันจะเรียกทนายเข้ามา พวกเขาจะบอกเธอว่าต้องพูดหรือทำอะไร จากนั้นเธอก็แค่รอให้ตำรวจเรียกตัว" เสี่ยวอิ๋งผงกศีรษะ "ฉะ...ฉันเข้าใจแล้วค่ะ" พอกลับมาถึงบ้าน เสี่ยวอิ๋งก็เจอพ่อของเธอ เมื่อทั้งสองคนสบตากัน ดวงตาของเสี่ยวอิ๋งก็ฉายแววน่าหวาดกลัว เซี่ยเทาก็รู้ได้โดยไม่ต้องคิดเลย ลูกสาวของเขารู้เรื่องแล้ว "เสี่ยวอิ๋ง พ่อทำอาหารให้ลูกกินด้วยนะ ดูสิ..." "กินบ้าอะไรเล่า!" เสี่ยวอิ๋งพลันควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ขึ้นมาทันที! เธอร
ในสถานการณ์เช่นนี้ ขืนเสี่ยวอิ๋งมัวแต่เข้าไปพัวพันคงได้จบเห่กันพอดี การเก็บเธอไว้น่าจะยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง เสี่ยวอิ๋งเองก็เป็นคนฉลาดจึงผงกศีรษะแล้ววิ่งออกทางประตูหลัง... เย่เซียวคิดจะเข้าไปขวาง แต่กลับถูกหลี่ชิงเฟิงห้ามเอาไว้ "ไม่ต้องไล่ตามหรอก วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของหวังเจิ้น อย่าทำอะไรน่าเกลียดเกินไปเท่านี้ก็พอแล้ว" เย่เซียวพยักหน้าแล้วยืนอยู่ข้างหลังโดยไม่พูดอะไรสักคำ ในตอนนี้เอง ปี้ไห่เทาก็เดินยิ้มเข้ามา "เหล่าหวัง วันนี้ฉันต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะ! ทั้ง ๆ ที่เป็นงานเลี้ยงวันเกิดดี ๆ ที่นายควรจะมีความสุขแท้ ๆ แต่กลับลงเอยแบบนี้เสียได้..." หวังเจิ้นถอนหายใจ "ช่างเถอะ" "เหล่าหวัง ตระกูลเย่ก็เป็นหนึ่งในสมาชิกหอการค้าเทียนเหมินของพวกเรา เย่เจี้ยนเหอดันพานังคนชั้นต่ำแบบนั้นมาเสียได้ กลับไปเมื่อไหร่ฉันย่อมต้องตำหนิเขาแน่! ฉันจะทำให้เขาจำให้ขึ้นใจเชียวล่ะ! เมื่อพวกเรากลับถึงเมืองหลวงเมื่อไหร่ ไห่เทาย่อมต้องมาขอขมาของแน่นอน" หวังเจิ้นโบกมือ "คุณเกรงใจเกินไปแล้ว ช่างมันเถอะ ผมไม่ถือสาหรอก" ปี้ไห่เทาพยักหน้าพลางขยิบตาให้เย่เจี้ยนเหอ จากนั้นพวกเขาสองคนก็ก้าวเดินจากไป ขณ
เสี่ยวอิ๋งโมโหจนคิดอะไรไม่ออกแล้ว เธอชี้นิ้วใส่หลี่ชิงเฟิงแล้วด่ากราดว่า "แกคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน! คู่ควรที่จะมอบของขวัญให้ฉันแล้วงั้นเหรอ?" "หุบปากไปซะ พ่อตาของแกโดนซ้อมขนาดนั้น เขยอย่างแกไม่กล้าแม้แต่จะผายลมเสียด้วยซ้ำไป! แกยังกล้ามาก่อเรื่องที่นี่อีกงั้นรึ?" "ถ้าฉันเป็นแกล่ะก็ คงได้โหม่งเสาโทรศัพท์ตายไปแล้ว!" "ไร้ยางอายสิ้นดี!" เมื่อเห็นเสี่ยวอิ๋งหน้าแดงก่ำและลำคอแข็ง หลี่ชิงเฟิงกลับยิ่งขบขันพลางกล่าวว่า "ฉันคิดว่าเธอต่างหาก มั้งที่น่าจะเป็นฝ่ายโหม่งเสาโทรศัพท์?" ทันทีที่เขาพูดจบ หน้าจอขนาดยักษ์ข้างหลังล็อบบี้ก็พลันสว่างขึ้น! หลังจากนั้นไม่กี่วินาที แสงก็สลัวลงแล้ววิดีโอก็เริ่มฉายบนหน้าจอขนาดยักษ์ เมื่อเสี่ยวอิ๋งหันหน้าไป สิ่งแรกที่เธอเห็นก็คือเซี่ยเทาที่กำลังนอนเปลือยเปล่าอยู่บนเตียง โดยมีสาวสวยอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธออยู่ข้างกาย! หึ่ง! เสี่ยวอิ๋งศีรษะจวนจะระเบิดอยู่แล้ว! เธอได้แต่ยืนนิ่งงันอยู่ตรงนั้น! มันเป็นวิดีโอที่ก่อนหน้านี้หลี่ชิงเฟิงถ่ายเอาไว้นั่นเอง! เมื่อเห็นเสี่ยวอิ๋งนิ่งงันไป หลี่ชิงเฟิงก็นิ้มแล้วพูดเสียงดังขึ้นมาว่า "ทุกท่าน ผู้ชายที่อยู่ในวิดี
เงินหลายล้านบาทไม่ได้จ่ายไปโดยไร้ประโยชน์แล้ว! ศาสตราจารย์เฒ่าโดนเขาหลอกเข้าแล้วจริง ๆ! เสี่ยวอิ๋งเองก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทันใดนั้นก็ยิ้มพลางชี้นิ้วมาที่หลี่ชิงเฟิง "ตอนนี้แกจะว่ายังไงเล่า? เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าแจกันของแกมันเป็นของปลอม!" "น่าตลกชะมัดเลย! ฉันเสนอทางออกให้ แต่แกกลับยืนกรานที่จะขุดหลุมฝังตัวเองให้ได้! ไม่มีใครห้ามแกได้เลย!" เมื่อหลี่ชิงเฟิงได้ยินเช่นนี้ก็ยิ้มจาง ๆ แล้วหันมามองศาสตราจารย์หลี่พลางพูดว่า "ศาสตราจารย์หลี่ ช่วยดูขอองผมอีกสักครั้งเถอะครับ" คาดไม่ถึงว่าศาสตราจารย์หลี่จะส่ายหน้าแล้วยิ้มพลางกล่าวว่า "ไม่ต้องดูหรอก" เซี่ยอิ่งหัวเราะพลางกล่าวว่า "แจกันใบนั้นของแกมันปลอมชัดเจนเกินไป! ศาสตราจารย์หลี่ไม่มองให้เสียสายตาหรอก!" ในยามนี้เอง ศาสตราจารย์หลี่ก็เหลือบมองเธอแล้วสายหน้า "สาวน้อย ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นสักหน่อย ฉันยังพูดไม่ทันจบเลย ถึงแม้ว่าแจกันใบนี้จะฝีมือยอดเยี่ยมจนเกือบจะสมบูรณ์แบบ แต่มันเป็นของปลอมจริง ๆ" "ส่วนแจกันของคุณหลี่ ทันทีที่เข้ามาผมก็เห็นแล้วล่ะ มันเป็นของจริง ดังนั้นผมจึงไม่ต้องตรวจดูเลย" หลังจากศาสตราจารย์หลี่พูดจบ ทั้งห้องก็เ
ไม่มีใครคาดคิดว่าหลี่ชิงเฟิงจะมีท่าทีแข็งกร้าวเช่นนั้น! ปี้ไห่เทาที่คอยสังเกตการณ์อยู่ข้าง ๆ แอบรู้สึกว่าชักไม่ได้การเสียแล้ว หลี่ชิงเฟิงคนนี้ดูไม่เหมือนเขยไร้ประโยชน์อย่างที่ข่าวร่ำลือกันเอาไว้เลยสักนิด การที่ยังสามารถสงบนิ่งได้ในภาวะคับขันเช่นนั้น มิหนำซ้ำยังพูดจาเสียคล่องปากและท่าทีเจ้าแผนการของอีกฝ่าย เขาไม่เชื่อหรอกว่าคนแบบนี้จะเป็นเขยไร้ประโยชน์ไปได้ สิ่งที่น่าสงสัยมากที่สุดคือ ต่อให้อีกฝ่ายจะก่อเรื่องเช่นนั้น แต่หวังเจิ้นที่อยู่ข้าง ๆ กลับไม่มีวี่แววที่จะโมโหเลยสักนิด พวกเขาต่างอาศัยอยู่ในเมืองหลวง เขาเองก็รู้นิสัยของหวังเจิ้น อีกฝ่ายไม่ใช่ตาเฒ่าที่นิสัยดิบดีอะไรเลย พอปี้ไห่เทานึกได้เช่นนี้ เขาก็ทอดสายตามองเย่เจี้ยนเหออีกครั้ง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายสายตาหลุกหลิกอยู่บ้าง เขาก็พอจะเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ดูเหมือนว่าแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนใบนี้จะมีบางอย่างผิดปกติจริง ๆ เสียด้วย ตอนนี้เย่เซียวยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมเจตนาสังหารอันแรงกล้า! เย่เจี้ยนเหอกับเสี่ยวอิ๋งหวาดกลัวจนไม่กล้าขยับตัวไปชั่วขณะ ไม่นานปี้ไห่เทาก็ลุกขึ้นแล้วมองหลี่ชิงเฟิงด้วยสายตาเย็นชา "ทำแบบนี้
"ฉุดเศรษฐกิจให้ดิ่งลงเหวงั้นรึ? ถ้าทุกคนทำตัวเป็นไอ้เศษสวะชอบหลอกกินข้าวนิ่มอย่างแก ประเทศชาติก็คงจะพินาศไปตั้งนานแล้ว!" "ช่างน่าหัวเราะสิ้นดี! แกมันก็แค่มดปลวกตัวหนึ่งแท้ ๆ กล้าดียังไงถึงได้มาหัวเราะเยาะใส่พวกเรา?" ในตอนนี้เอง จู่ ๆ หวังเจิ้นที่เอาแต่เงียบมาจนถึงตอนนี้ก็ตบโต๊ะ! ทุกคนพลันหุบปากฉับ! หวังเจิ้นแววตามืดมน เขาเหลือบมองทุกคนแล้วเอ่ยน้ำเสียงเย็นชาว่า "พวกคุณหมายความว่ายังไงกัน? คิดจะก่อจลาจลในงานเลี้ยงวันเกิดของผมรึไง? พวกคุณไม่เห็นแก่หน้าผมเลย! คิดจะทำอะไรกันแน่!" เมื่อหวังเจิ้นโกรธขึ้นมา แม้แต่ปี้ไห่เทาก็ยังไม่กล้าล่วงเกิน นับประสาอะไรกับพวกเขากันเล่า "เหล่าหวัง ได้โปรดใจเย็นลงก่อนเถอะ เอาแบบนี้เป็นยังไง เพื่อจะได้รู้ว่าแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนใบไหนเป็นของจริงใบไหนเป็นของปลอม คุณก็แค่เชิญผู้เชี่ยวชาญให้มาประเมินก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?" "คุณเองคร่ำหวอดอยู่ในแวดวงของเก่ามานานหลายปี เช่นนั้นก็น่าจะรู้จักผู้เชี่ยวชาญในวงการนี้เยอะอยู่บ้างใช่ไหมล่ะ?" หวังเจิ้นถอนหายใจพลางพยักหน้าแล้วพูดว่า "ก็ได้! ในเมื่อพวกคุณอยากเถียงกันดีนัก งั้นก็มาทำให้เรื่องนี้กระจ่างกันไปเลย
หลังจากหลี่ชิงเฟิงพูดจบ ทุกคนก็ตะลึงงันไปชั่วขณะแล้วหัวเราะลั่น! เสี่ยวอิ๋งกับเย่เจี้ยนเหอหัวเราะอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง จากนั้นพวกเขาก็ชี้นิ้วใส่หลี่ชิงเฟิงแล้วพูดว่า "แกมันขี้โม้จนไม่เลือกเวลาจริง ๆ พับผ่าสิ! ลำพังแค่คุยโวโอ้อวดต่อหน้าพ่อตาโง่ ๆ ของแกไม่พอ แต่ยังจะมาคุยโวโอ้อวดต่อหน้าพวกเราอีกงั้นเหรอ?" ปี้ไห่เทาที่อยู่อีกด้านเองก็มีสีหน้าที่เต็มไปด้วยแววดูถูกดูแคลน "ลำพังแค่พวกเราคนใดคนหนึ่งก็ผ่านโลกมามากกว่าแกถึงสิบชาติภพรวมกันเสียอีก แกกล้าพูดแบบนั้นออกมาได้ คิดว่าพวกเราโง่หรือไงกัน?" "ผ่านโลกมามาก? คุณคิดว่าตัวเองผ่านโลกมามากแล้วงั้นรึ?" หลี่ชิงเฟิงยิ้มเหยียดหยันพลางเอ่ยเสียงทุ้มลึก "วันนี้ผมจะช่วยเปิดโลกทัศน์ของคุณเองก็แล้วกัน เย่เซียว เอาของขวัญของพวกเราออกมา" เย่เซียวผงกศีรษะ จากนั้นเขาก็หยิบแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนออกมาจากกล่องแล้ววางลงต่อหน้าทุกคน ทันทีที่พวกเขาเห็นแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวน ทุกคนก็ถูกแจกันใบนั้นดึงดูดความสนใจเข้าแล้วจริง ๆ เย่เจี้ยนเหอหน้าถอดสีแล้วตรวจสอบแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนโดยละเอียดถี่ถ้วนแล้วให้รู้สึกสับสน ฝีมือช่างวิจิตรประณีตนัก!
เย่เจี้ยนเหอยิ้มเหยียดหยัน "แกคิดจะแข่งกับฉันงั้นรึ? ก็ได้ ฉันจะเอาออกมาให้แกได้เปิดหูเปิดตาก็แล้วกัน ฉันขอพนันเลยว่าชั่วชีวิตแกน่าจะได้เห็นเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นแหละ" หลังจากเย่เจี้ยนเหอพูดจบก็ดีดนิ้ว จากนั้นผู้ช่วยคนงามที่อยู่ข้างหลังก็รีบเดินเข้ามา ของขวัญของอีกฝ่ายเองก็อยู่ในกล่อง มิหนำซ้ำยังมีขนาดพอ ๆ กับของเขาอีกต่างหาก เย่เจี้ยนเหอยิ้มอวดดีแล้วพูดว่า "มหาเศรษฐีหวัง ผมได้ยินมาว่าคุณชอบสะสมของเก่ามากทีเดียว ดังนั้นผมจึงสั่งให้เพื่อนที่อยู่ต่างประเทศประมูลของสิ่งนี้มาให้คุณเป็นพิเศษ เชิญดูเอาเองเถอะครับ!" หลังจากพูดจบ ผู้ช่วยสาวก็เปิดกล่องแล้วสายตาของทุกคนก็ทอดมองมาที่มือของผู้ช่วยสาว! แจกันลายครามใบหนึ่งค่อย ๆ เผยรูปลักษณ์ที่แท้จริงออกมา! เมื่อหลี่ชิงเฟิงเห็นแจกันใบนี้ก็ถึงกับตะลึงงัน... ช่างเหมือนกับแจกันลายครามที่เขาซื้อมาไม่มีผิดเพี้ยนเลย! เขาเหลือบมองเย่เซียวที่อยู่ข้างหลังโดยไม่รู้ตัว จากนั้นเย่เซียวก็เอ่ยกระซิบข้างหูว่า "เป็นของปลอมแน่ ๆ ครับ" ในยามนี้เอง เย่เจี้ยนเหอก็หยิบแจกันขึ้นมาแล้วเดินมาอยู่ตรงหน้าทุกคนแล้วพูดเสียงดังว่า "แจกันลายครามสมัยราชวงศ์ห