เซี่ยเซียนอินไม่ได้บังคับให้หลี่ชิงเฟิงพูดออกมา แต่กลับเปลี่ยนหัวข้อสนทนาแทน "จริงด้วยสิ คืนนี้ซื้อผักติดไม้ติดมือไปสักหน่อยแล้วกินอาหารมื้อค่ำที่บ้านแม่กันเถอะ" "ได้เลย ผมจะไปเตรียมตัวก่อน" หลังเลิกงาน หลี่ชิงเฟิงก็เข็นเซี่ยเซียนอินกลับมาที่บ้านแม่ยายของตน แต่ทันทีที่เขาเดินเข้าประตูมา ก็ได้ยินเสียงดังขึ้นมาจากข้างใน เป็นหร่วนหลานกับจางเฉียงนั่นเอง ทั้งสองคนรีบเข้ามาก็เห็นหร่วนหลานกับจางเฉียงแม่ลูกกำลังยืนอยู่กลางห้องรับแขก "เซียนอิน หลานกลับมาสักทีนะ!" เมื่อหร่วนหลานเห็นเซี่ยเซียนอิน ท่าทีของเธอก็ต่างไปจากเมื่อวานนี้โดยสิ้นเชิง! เธอซื้อของขวัญถุงน้อยใหญ่มามากมาย จากนั้นก็ยัดพวกมันใส่มือของเซี่ยเซียนอินแล้วยิ้มพลางกล่าวว่า "เซียนอิน วันนี้พวกเรามาที่นี่เพื่อมาขอโทษหลานกับหลี่ชิงเฟิง สิ่งที่พวกเราพูดไปเมื่อวานนี้ก็ออกจะมากเกินไปหน่อยจริง ๆ แหละนะ" "แต่พวกเราก็ไม่ได้มีเจตนาร้ายจริง ๆ นะ! ยังไงซะพวกเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน หลานอย่าโกรธน้ารองเลยนะ" เมื่อหลี่ชิงเฟิงได้ยินเช่นนี้ก็อดขำไม่ได้ เขาจึงเดินมาตรงมุมหนึ่งแล้วกอดอกมองดูพวกเขาอยู่เงียบ ๆ เซี่ยเซียนอินไม่ใช่คนโง่
หลี่ชิงเฟิงออกปากไล่แขก ทำเอาหร่วนหลานกับลูกชายของเธอถึงกับตกตะลึงจนพูดไม่ออก หร่วนหลานรู้ว่าหลี่ชิงเฟิงเป็นเขยแต่งเข้าย่อมตัดสินใจอะไรไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้นเธอจึงมองหร่วนเหมยพร้อมน้ำตาคลอเบ้าแล้วพูดเสียงเบาว่า "พี่สาว พี่ช่วยพูดอะไรบ้างสิ พี่คงไม่อยากเห็นครอบครัวของน้องสาวตัวเองย่อยยับจริง ๆ หรอกใช่ไหม?" หร่วนเหมยหรี่ตามองเธอ จากนั้นภาพเหตุการณ์เมื่อครั้งอดีตก็แวบเข้ามาในสมองของเธอ! แต่เหตุการณ์เมื่อครั้งอดีตกลับไม่ทำให้หร่วนเหมยใจอ่อนลงในทางกลับกันรังแต่จะทำให้หร่วนเหมยยิ่งโมโหขึ้นเรื่อย ๆ! พ่อแม่ยกมรดกกว่าเก้าสิบส่วนให้พวกเขา จนเธอเกือบจะเหลือแค่บ้านเปล่า ๆ! เพียงเพราะว่าหร่วนหลานคลอดลูกชาย! ยามที่เธอตกที่นั่งลำบากก็เอาแต่ซ้ำเติม พอดีขึ้นหน่อยก็พูดจาค่อนแคะ! น้องสาวพรรค์นั้นไม่ให้ความรู้สึกว่าเป็นครอบครัวเดียวกันเลยสักนิด ยกเว้นแค่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดเท่านั้น แล้วตอนนี้เธอจะช่วยพวกเขาไปทำไมกันเล่า? เมื่อนึกได้เช่นนี้ หร่วนเหมยก็ยกยิ้มประหลาดขึ้นมาตรงมุมปากแล้วพูดเสียงเบาว่า "น้องสาว เดี๋ยวมากินข้าวด้วยกันสิ แต่พวกเราไม่เข้าใจเรื่องธุรกิจคงพูดอะไรไม่ได้ เธอเข้า
หลี่ชิงเฟิงบอกให้เซี่ยหมิงจื้อและคนอื่น ๆ กลับไปก่อน เขาไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลแล้วเดินเข้ามาในห้องผู้ป่วยก็เห็นจางเฉียง "ผมจ่ายเงินให้แล้ว ภรรยาของผมสั่งให้มาถามคุณว่ามีอะไรอยากให้ช่วยหรือเปล่า?" จางเฉียงมองเขา สายตาของเขากลับค่อย ๆ ทวีความอาฆาตแค้น! "ฉันจะฆ่าแกซะ!" จางเฉียงร้องตะโกนแล้วพุ่งใส่หลี่ชิงเฟิง ส่วนหลี่ชิงเฟิงก็ยื่นมือออกมาตะปบลำคอของอีกฝ่ายเอาไว้ทันที! จางเฉียงนิ่งอยู่กับที่และขยับไปข้างหน้าไม่ได้แม้สักครึ่งนาที! เขาอ้าปากหายใจหอบจนแลดูราวกับว่าจวนจะขาดอากาศหายใจอยู่แล้ว "จะบอกแกให้นะ ถ้าไม่ใช่เพราะภรรยาของฉันสั่งเอาไว้ล่ะก็ ฉันคงคร้านจะสนใจแก ฉะนั้นอย่าทำตัวไร้ยางอายให้มากนักเลย!" ทันทีที่หลี่ชิงเฟิงพูดจบ เขาก็โยนอีกฝ่ายไปอีกฝั่งของเตียงโรงพยาบาลพลางโบกมือ "ฝากไว้ก่อนเถอะ! ฉันไม่ปล่อยแกไปแน่!" หลี่ชิงเฟิงคร้านจะสนใจอีกฝ่าย จากนั้นก็หันหลังเดินออกไป... จางเฉียงมองดูแม่ที่หมดสติไปแล้วหวนระลึกถึงสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้น ก็รู้สึกว่ายากจะสะกดกลั้นโทสะอันยากจะอธิบาย! "แม่ครับ! อย่าห่วงไปเลย! ผมจะทำให้พวกมันต้องชดใช้!" จางเฉียงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา ผ่านไปสักพัก
การเอาเงินเข้าล่อได้ผลดีทีเดียว มิหนำซ้ำตอนนี้จางเฉียงก็ต้องการเงิน แน่นอนว่าเขาย่อมตอบตกลงโดยไม่ลังเล เสี่ยวอิ๋งยิ้มให้ "คุณรู้ว่าหลี่ชิงเฟิงมีลูกสาวที่ชื่อว่าหลี่โต้วโต่วใช่ไหม?" จางเฉียงพยักหน้า "รู้สิ ก่อนหน้านี้ผมก็เคยพบหน้ามาแล้ว" เสี่ยวอิ๋งเอ่ยเสียงเบาว่า "เอาตัวหลี่โต้วโต่วมาให้ฉันสิแล้วฉันจะให้เงินคุณอีก ง่าย ๆ แค่นั้นเอง" จางเฉียงรู้สึกตื่นตกใจ จากนั้นเขาก็ครุ่นคิดอยู่ในใจ ก็แค่เอาตัวเด็กคนหนึ่งมาไม่ใช่หรือไง? จะไปยากอะไรกันเล่า? จำเป็นต้องให้เขาลงมือด้วยเหรอ? เสี่ยวอิ๋งเกรงว่าเขาจะสงสัยเข้า ดังนั้นเธอจึงรีบอธิบายให้ฟังว่า "คุณไม่รู้อะไร ก่อนหน้านี้เกิดเรื่องบางอย่างขึ้น ตอนนี้ฉันเข้าใกล้หลี่โต้วโต่วไม่ได้เลย ดังนั้นคุณจึงเป็นตัวแทนที่เหมาะสมที่สุด ถ้าคุณพาตัวมันมาให้ฉันได้ก็แล้วเรื่องกันไป" จางเฉียงลังเลอยู่ชั่วขณะแล้วถามว่า "พี่สาว ช่วยบอกผมทีว่าคุณคิดจะทำอะไรกันแน่?" เสี่ยวอิ๋งไม่ได้ปิดบังเรื่องราวพลางเอ่ยขึ้นมาว่า "เอาล่ะบอกคุณก็ได้ อันคิดจะทำให้เทียนชื่อกรุ๊ปต้องล้มละลาย!" เมื่อจางเฉียงได้ยินเช่นนี้เข้า ก็ถึงกับสูดหายใจเฮือก! เทียนชื่อกรุ๊ปล้มละลายงั้นร
แม้แต่ รปภ. ก็รู้สึกกังวลใจมากเสียจนรีบดึงจูงมือของหลี่โต้วโต่วแล้วส่งเธอออกนอกประตู "เด็กน้อยเอ๊ย รีบไปเถอะ! ไม่ต้องห่วง รีบไปเดี๋ยวนี้เลย!" หลี่โต้วโต่วไม่ได้คิดอะไรมากก็จับมือของจางเฉียงแล้ววิ่งออกไป แต่เธอหารู้ไม่ว่าอันตรายกำลังย่างกรายเข้ามาหาเธอทีละย่างก้าวเสียแล้ว! จางเฉียงออกมาพร้อมกับหลี่โต้วโต่วอยู่หลายสิบนาที จากนั้นเธอก็พบว่านี่ไม่ใช่ทางไปโรงพยาบาล "คุณน้าคะ พ่อแม่ของหนูอยู่ที่โรงพยาบาลไหนงั้นเหรอ?" หลี่โต้วโต่วเอ่ยถาม "เกือบถึงแล้วล่ะ ไม่ต้องกังวลไป" หลี่โต้วโต่วร้อนใจมากเสียจนไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ กระทั่งจางเฉียงพาเธอมาถึงปากซอยเล็ก ๆ นั่นแหละ เธอจึงรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง ที่นี่ไม่มีโรงพยาบาลอยู่เลย หลี่โต้วโต่วที่มีสีหน้าร้อนใจ แหงนหน้ามองจางเฉียง "คุณน้าคะ พ่อกับแม่อยู่ที่ไหน?" ทว่าในยามนี้เอง สายตาที่จางเฉียงมองเธอก็เปลี่ยนไป โหดเหี้ยม! ขุ่นแค้น! หลี่โต้วโต่วถูกเขาทำให้หวาดกลัวจนเดินถอยหลังไปสองก้าว จากนั้นก็เอ่ยเสียงเบาขึ้นมาว่า "คุณน้า คุณ..." ก่อนที่เธอจะทันได้พูดให้จบ จู่ ๆ ก็มีรถตู้คันสีดำขับมาจอดทางอยู่ข้างหลังหลี่โต้วโ
ชายหัวโล้นตะลึงงันแล้วถามพร้อมยิ้มให้ "ขายของแบบนี้ออกไปให้ไกล ๆ จะไม่ดีกว่าเหรอครับ?" เสี่ยวอิ๋งยิ้มขึ้นมา "ก็เพราะทุกคนคิดแบบนั้นยังไงล่ะ ฉันก็เลยอยากจะทำให้ประหลาดใจสักหน่อย!" "นี่สิถึงจะเรียกว่าใต้ตะเกียงมืด[1] นายรู้หรือเปล่าล่ะ?" ชายหัวโล้นเกาศีรษะแล้วยิ้ม "คุณหนูเซี่ยช่างเป็นคนที่จัดการเรื่องใหญ่ได้หมดจดเสียจริง เอาล่ะ! งั้นก่อนอื่นก็ขอขอบคุณแทนพี่ใหญ่ของผมด้วย!" "ไม่มีปัญหา พอถึงเวลาก็อย่าลืมโอนส่วนแบ่งเข้าบัญชีของฉันด้วยล่ะ" "แน่นอนครับ!" หลังจากวางสาย เสี่ยวอิ๋งก็มองคุณย่าของเธอที่นอนอยู่บนเตียง ดวงตาของเธอกลับค่อย ๆ ทวีความมืดดำ... "คุณย่าคะ ก่อนหน้านี้คุณย่ายังโหดเหี้ยมไม่พอ! คราวนี้ดูหนูให้ดีนะคะ!" "หนูจะทำให้พวกมันตายโดยไร้ที่ฝัง!" ……. เมื่อเซี่ยเซียนอินเลิกงานตอนเย็น ขาของเธอดีขึ้นมากจนสามารถเดินช้า ๆ ได้แล้ว เธอครุ่นคิดแล้วตัดสินใจว่าควรจะไปพบหร่วนหลานและคนอื่น ๆ ถ้าพวกเขาโกรธขึ้นมาจริง ๆ คงจะยุ่งยากไม่น้อย ดังนั้นหลังเลิกงานเธอจึงซื้ออาหารเสริมแล้วรีบไปที่โรงพยาบาล แต่เมื่อเธอเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย กลับพบว่าเตียงสะอาดเอี่ยมและเป็นระเบียบ ทั้งยัง
ระหว่างทางมาที่บริษัท หลี่ชิงเฟิงก็ควักโทรศัพท์ออกมาโทรหาเย่เซียว "รีบตรวจสอบให้ฉันทีว่าจางเฉียงไปที่สนามบินเมื่อไหร่? มีคนไปด้วยกี่คน!" เย่เซียวไม่กล้าชักช้าจึงเริ่มลงมือทันที ไม่ต้องสงสัยเรื่องความแข็งแกร่งของกองกำลังอสูรรัตติกาล เพราะการตรวจสอบบันทึกการขึ้นเครื่องไม่ใช่เรื่องยากเย็นไปกว่าการกินอาหารสักมื้อเลย สิบนาทีให้หลัง เย่เซียวก็โทรกลับมา "พี่ใหญ่ พวกมันขึ้นเครื่องไปเมื่อสองชั่วโมงก่อน มีแค่สองคนเท่านั้น คนหนึ่งชื่อจางเฉียงและอีกคนชื่อหร่วนหลาน เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอพี่ใหญ่?" "นายแน่ใจแล้วใช่ไหมว่ามีแค่สองคน?" "แน่ใจสิครับ!" "ฉันรู้แล้ว รอสายฉันด้วยล่ะ" หลังจากวางสาย หลี่ชิงเฟิงก็เร่งความเร็วไปที่บริษัท! สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าตอนที่จางเฉียงจากไป มันไม่ได้พาโต้วโต่วไปด้วย ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวคือ มันมอบโต้วโต่วให้คนอื่น ตอนที่นึกได้เช่นนี้ หลี่ชิงเฟิงก็มาถึงหน้าประตูห้องทำงาน เมื่อเขาผลักประตูเข้าไปก็เห็นเซี่ยเซียนอินกำลังนอนอยู่บนโซฟา โดยมีผู้ช่วยกำลังใช้น้ำแข็งประคบหน้าผากให้เธอ... "เซียนอิน!" หลี่ชิงเฟิงรีบเดินเข้ามาพลางกุมมือของเซี่ยเซ
คำพูดของหลี่ชิงเฟิงเต็มไปด้วยเจตนาสังหารอันท่วมท้น! ทั้งห้องพลันสัมผัสได้ถึงความรู้สึกบีบคั้นอันยากจะอธิบาย ชวนให้คนหายใจไม่ออก! เสี่ยวอิ๋งกลืนน้ำลายพลางบ่นพึมพำเสียงแผ่ว "ฉันไม่เข้าใจว่าแกหมายถึงเรื่องอะไรกันแน่? ลูกสาวของแกหายตัวไป จะมาถามฉันทำไมเล่า? หมดหนทางแล้วรึไง?" "ถึงแม้ว่าฉัน เสี่ยวอิ๋ง จะไม่ใช่คนร่ำรวยอะไร แต่ก็ไม่ได้สิ้นหวังจนถึงขั้นต้องผันตัวมาเป็นพวกค้ามนุษย์หรอกนะ!" หลี่ชิงเฟิงพลันโทสะปะทุขึ้นมาทันที! เขาหมดความอดทนกับเสี่ยวอิ๋งแล้ว! "หล่อนมันรนหาที่ตาย!" หลี่ชิงเฟิงซัดฝ่ามือใส่ศีรษะของเสี่ยวอิ๋ง! ฝ่ามือพกพาพลังกดดันอันไร้ขีดจำกัด! เสี่ยวอิ๋งคิดจะหลบหนี แต่กลับพบว่าตัวเองถูกพลังกดดันขุมดังกล่าวตรึงเอาไว้! "หยุดนะ!" ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย เซี่ยเซียนอินที่อยู่ข้างหลังอีกฝ่ายก็พลันร้องตะโกนขึ้นมาทันที! ฝ่ามือของหลี่ชิงเฟิงหยุดลงห่างจากหน้าผากเพียงแค่สามนิ้ว! ฟิ้ว! ลมกระโชกแรงราวดาบเล่มหนึ่งแฉลบผ่านใบหน้าของเสี่ยวอิ๋งไป! ไม้บอนไซทั้งสองต้นที่อยู่ข้างหลังเธอพลันแหลกเป็นเสี่ยง ๆ! ตอนนี้เสี่ยวอิ๋งใจเต้นรัวและตัวสั่นอย่างไม่อาจควบคุมได้! เธอเพียร
"พ่อไม่ไปนะ!" จู่ ๆ เซี่ยเทาก็แผดเสียงร้องพลางกระโดดข้ามโซฟาแล้ววิ่งไปที่ประตูหลัง! เจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายตอบสนองว่องไว! เพียงก้าวเดียวก็ประชิดตัวพลางจับเขากดลงกับพื้นแล้วบังคับสวมกุญแจมือ สิบนาทีต่อมา ภายในห้องสอบสวน เสี่ยวอิ๋งนั่งหน้าเครียดอยู่ตรงนั้นพร้อมด้วยความคิดมากมาย ตำรวจที่อยู่ฝั่งตรงข้ามดูวิดีโอแล้วถามว่า "เท่าที่พวกเราทราบมา คนที่อยู่ในวิดีโอคือเซี่ยเทาพ่อของคุณ ตอนนี้เขาอยู่ห้องข้าง ๆ คุณจะอธิบายสิ่งที่เขาพูดว่ายังไงล่ะ?" เสี่ยวอิ๋งสูดลมหายใจลึก ๆ พลางผุดรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า "ฉันไม่รู้หรอกค่ะ ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไร ทำไมคุณถึงไม่ถามเขาเองล่ะคะ?" "แน่นอนว่าพวกเราย่อมต้องถามเขาอยู่แล้ว แต่คุณเป็นลูกสาวของเขา คุณจะไม่รู้เรื่องนี้เลยเชียวเหรอ?" เซี่ยอิ่งลูบคางพลางครุ่นคิดอย่างรอบคอบแล้วจู่ ๆ ก็พูดขึ้นมาว่า "จริงด้วยสิ! ดูเหมือนเขาจะเคยบอกว่าทำความผิดร้ายแรงบางอย่างแล้วอยากจะหนีไป! ฉันถามเขาว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แต่เขาก็ไม่ยอมบอกอะไรเลยแถมยังบอกว่ายิ่งฉันรู้ให้น้อยเท่าไรก็ยิ่งดี! วันหน้าให้ฉันดูแลตัวเองให้ดี ๆ..." "พูดต่อไปสิ" "จากนั้น
"จะวิธีอะไร ฉันก็อยากลองดูทั้งนั้น!" เสี่ยวอิ๋งเอ่ยโดยไม่ลังเล "ขอเพียงคุณช่วยให้ฉันไม่ต้องติดคุก! วิธีไหนฉันก็อยากจะลองดู!" เย่เจี้ยนเหอเงยหน้ามองเธอแล้วพูดเสียงเย็นชาว่า "โยนความผิดเรื่องทั้งหมดนี้ให้พ่อของเธอแบกรับไว้!" เมื่อเสี่ยวอิ๋งได้ยินเช่นนี้ ศีรษะของเธอก็ส่งเสียงอื้ออึง! ตอนแรกสังเวยคุณย่าไปแล้ว ตอนนี้ถึงทีพ่อของเธอแล้วงั้นเหรอ? เย่เจี้ยนเหอจ้องมองเธอ "ไม่มีเวลาคิดแล้ว จะตกลงหรือจะติดคุก!" "ฉันตกลง! ฉันตกลงค่ะ! ขอเพียงคุณช่วยให้ฉันไม่ต้องติดคุก คุณอยากให้ฉันทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น!" เสี่ยว อิ๋งผงกศีรษะซ้ำไปซ้ำมา เย่เจี้ยนเหอจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า "เดี๋ยวฉันจะเรียกทนายเข้ามา พวกเขาจะบอกเธอว่าต้องพูดหรือทำอะไร จากนั้นเธอก็แค่รอให้ตำรวจเรียกตัว" เสี่ยวอิ๋งผงกศีรษะ "ฉะ...ฉันเข้าใจแล้วค่ะ" พอกลับมาถึงบ้าน เสี่ยวอิ๋งก็เจอพ่อของเธอ เมื่อทั้งสองคนสบตากัน ดวงตาของเสี่ยวอิ๋งก็ฉายแววน่าหวาดกลัว เซี่ยเทาก็รู้ได้โดยไม่ต้องคิดเลย ลูกสาวของเขารู้เรื่องแล้ว "เสี่ยวอิ๋ง พ่อทำอาหารให้ลูกกินด้วยนะ ดูสิ..." "กินบ้าอะไรเล่า!" เสี่ยวอิ๋งพลันควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ขึ้นมาทันที! เธอร
ในสถานการณ์เช่นนี้ ขืนเสี่ยวอิ๋งมัวแต่เข้าไปพัวพันคงได้จบเห่กันพอดี การเก็บเธอไว้น่าจะยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง เสี่ยวอิ๋งเองก็เป็นคนฉลาดจึงผงกศีรษะแล้ววิ่งออกทางประตูหลัง... เย่เซียวคิดจะเข้าไปขวาง แต่กลับถูกหลี่ชิงเฟิงห้ามเอาไว้ "ไม่ต้องไล่ตามหรอก วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของหวังเจิ้น อย่าทำอะไรน่าเกลียดเกินไปเท่านี้ก็พอแล้ว" เย่เซียวพยักหน้าแล้วยืนอยู่ข้างหลังโดยไม่พูดอะไรสักคำ ในตอนนี้เอง ปี้ไห่เทาก็เดินยิ้มเข้ามา "เหล่าหวัง วันนี้ฉันต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะ! ทั้ง ๆ ที่เป็นงานเลี้ยงวันเกิดดี ๆ ที่นายควรจะมีความสุขแท้ ๆ แต่กลับลงเอยแบบนี้เสียได้..." หวังเจิ้นถอนหายใจ "ช่างเถอะ" "เหล่าหวัง ตระกูลเย่ก็เป็นหนึ่งในสมาชิกหอการค้าเทียนเหมินของพวกเรา เย่เจี้ยนเหอดันพานังคนชั้นต่ำแบบนั้นมาเสียได้ กลับไปเมื่อไหร่ฉันย่อมต้องตำหนิเขาแน่! ฉันจะทำให้เขาจำให้ขึ้นใจเชียวล่ะ! เมื่อพวกเรากลับถึงเมืองหลวงเมื่อไหร่ ไห่เทาย่อมต้องมาขอขมาของแน่นอน" หวังเจิ้นโบกมือ "คุณเกรงใจเกินไปแล้ว ช่างมันเถอะ ผมไม่ถือสาหรอก" ปี้ไห่เทาพยักหน้าพลางขยิบตาให้เย่เจี้ยนเหอ จากนั้นพวกเขาสองคนก็ก้าวเดินจากไป ขณ
เสี่ยวอิ๋งโมโหจนคิดอะไรไม่ออกแล้ว เธอชี้นิ้วใส่หลี่ชิงเฟิงแล้วด่ากราดว่า "แกคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน! คู่ควรที่จะมอบของขวัญให้ฉันแล้วงั้นเหรอ?" "หุบปากไปซะ พ่อตาของแกโดนซ้อมขนาดนั้น เขยอย่างแกไม่กล้าแม้แต่จะผายลมเสียด้วยซ้ำไป! แกยังกล้ามาก่อเรื่องที่นี่อีกงั้นรึ?" "ถ้าฉันเป็นแกล่ะก็ คงได้โหม่งเสาโทรศัพท์ตายไปแล้ว!" "ไร้ยางอายสิ้นดี!" เมื่อเห็นเสี่ยวอิ๋งหน้าแดงก่ำและลำคอแข็ง หลี่ชิงเฟิงกลับยิ่งขบขันพลางกล่าวว่า "ฉันคิดว่าเธอต่างหาก มั้งที่น่าจะเป็นฝ่ายโหม่งเสาโทรศัพท์?" ทันทีที่เขาพูดจบ หน้าจอขนาดยักษ์ข้างหลังล็อบบี้ก็พลันสว่างขึ้น! หลังจากนั้นไม่กี่วินาที แสงก็สลัวลงแล้ววิดีโอก็เริ่มฉายบนหน้าจอขนาดยักษ์ เมื่อเสี่ยวอิ๋งหันหน้าไป สิ่งแรกที่เธอเห็นก็คือเซี่ยเทาที่กำลังนอนเปลือยเปล่าอยู่บนเตียง โดยมีสาวสวยอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธออยู่ข้างกาย! หึ่ง! เสี่ยวอิ๋งศีรษะจวนจะระเบิดอยู่แล้ว! เธอได้แต่ยืนนิ่งงันอยู่ตรงนั้น! มันเป็นวิดีโอที่ก่อนหน้านี้หลี่ชิงเฟิงถ่ายเอาไว้นั่นเอง! เมื่อเห็นเสี่ยวอิ๋งนิ่งงันไป หลี่ชิงเฟิงก็นิ้มแล้วพูดเสียงดังขึ้นมาว่า "ทุกท่าน ผู้ชายที่อยู่ในวิดี
เงินหลายล้านบาทไม่ได้จ่ายไปโดยไร้ประโยชน์แล้ว! ศาสตราจารย์เฒ่าโดนเขาหลอกเข้าแล้วจริง ๆ! เสี่ยวอิ๋งเองก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทันใดนั้นก็ยิ้มพลางชี้นิ้วมาที่หลี่ชิงเฟิง "ตอนนี้แกจะว่ายังไงเล่า? เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าแจกันของแกมันเป็นของปลอม!" "น่าตลกชะมัดเลย! ฉันเสนอทางออกให้ แต่แกกลับยืนกรานที่จะขุดหลุมฝังตัวเองให้ได้! ไม่มีใครห้ามแกได้เลย!" เมื่อหลี่ชิงเฟิงได้ยินเช่นนี้ก็ยิ้มจาง ๆ แล้วหันมามองศาสตราจารย์หลี่พลางพูดว่า "ศาสตราจารย์หลี่ ช่วยดูขอองผมอีกสักครั้งเถอะครับ" คาดไม่ถึงว่าศาสตราจารย์หลี่จะส่ายหน้าแล้วยิ้มพลางกล่าวว่า "ไม่ต้องดูหรอก" เซี่ยอิ่งหัวเราะพลางกล่าวว่า "แจกันใบนั้นของแกมันปลอมชัดเจนเกินไป! ศาสตราจารย์หลี่ไม่มองให้เสียสายตาหรอก!" ในยามนี้เอง ศาสตราจารย์หลี่ก็เหลือบมองเธอแล้วสายหน้า "สาวน้อย ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นสักหน่อย ฉันยังพูดไม่ทันจบเลย ถึงแม้ว่าแจกันใบนี้จะฝีมือยอดเยี่ยมจนเกือบจะสมบูรณ์แบบ แต่มันเป็นของปลอมจริง ๆ" "ส่วนแจกันของคุณหลี่ ทันทีที่เข้ามาผมก็เห็นแล้วล่ะ มันเป็นของจริง ดังนั้นผมจึงไม่ต้องตรวจดูเลย" หลังจากศาสตราจารย์หลี่พูดจบ ทั้งห้องก็เ
ไม่มีใครคาดคิดว่าหลี่ชิงเฟิงจะมีท่าทีแข็งกร้าวเช่นนั้น! ปี้ไห่เทาที่คอยสังเกตการณ์อยู่ข้าง ๆ แอบรู้สึกว่าชักไม่ได้การเสียแล้ว หลี่ชิงเฟิงคนนี้ดูไม่เหมือนเขยไร้ประโยชน์อย่างที่ข่าวร่ำลือกันเอาไว้เลยสักนิด การที่ยังสามารถสงบนิ่งได้ในภาวะคับขันเช่นนั้น มิหนำซ้ำยังพูดจาเสียคล่องปากและท่าทีเจ้าแผนการของอีกฝ่าย เขาไม่เชื่อหรอกว่าคนแบบนี้จะเป็นเขยไร้ประโยชน์ไปได้ สิ่งที่น่าสงสัยมากที่สุดคือ ต่อให้อีกฝ่ายจะก่อเรื่องเช่นนั้น แต่หวังเจิ้นที่อยู่ข้าง ๆ กลับไม่มีวี่แววที่จะโมโหเลยสักนิด พวกเขาต่างอาศัยอยู่ในเมืองหลวง เขาเองก็รู้นิสัยของหวังเจิ้น อีกฝ่ายไม่ใช่ตาเฒ่าที่นิสัยดิบดีอะไรเลย พอปี้ไห่เทานึกได้เช่นนี้ เขาก็ทอดสายตามองเย่เจี้ยนเหออีกครั้ง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายสายตาหลุกหลิกอยู่บ้าง เขาก็พอจะเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ดูเหมือนว่าแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนใบนี้จะมีบางอย่างผิดปกติจริง ๆ เสียด้วย ตอนนี้เย่เซียวยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมเจตนาสังหารอันแรงกล้า! เย่เจี้ยนเหอกับเสี่ยวอิ๋งหวาดกลัวจนไม่กล้าขยับตัวไปชั่วขณะ ไม่นานปี้ไห่เทาก็ลุกขึ้นแล้วมองหลี่ชิงเฟิงด้วยสายตาเย็นชา "ทำแบบนี้
"ฉุดเศรษฐกิจให้ดิ่งลงเหวงั้นรึ? ถ้าทุกคนทำตัวเป็นไอ้เศษสวะชอบหลอกกินข้าวนิ่มอย่างแก ประเทศชาติก็คงจะพินาศไปตั้งนานแล้ว!" "ช่างน่าหัวเราะสิ้นดี! แกมันก็แค่มดปลวกตัวหนึ่งแท้ ๆ กล้าดียังไงถึงได้มาหัวเราะเยาะใส่พวกเรา?" ในตอนนี้เอง จู่ ๆ หวังเจิ้นที่เอาแต่เงียบมาจนถึงตอนนี้ก็ตบโต๊ะ! ทุกคนพลันหุบปากฉับ! หวังเจิ้นแววตามืดมน เขาเหลือบมองทุกคนแล้วเอ่ยน้ำเสียงเย็นชาว่า "พวกคุณหมายความว่ายังไงกัน? คิดจะก่อจลาจลในงานเลี้ยงวันเกิดของผมรึไง? พวกคุณไม่เห็นแก่หน้าผมเลย! คิดจะทำอะไรกันแน่!" เมื่อหวังเจิ้นโกรธขึ้นมา แม้แต่ปี้ไห่เทาก็ยังไม่กล้าล่วงเกิน นับประสาอะไรกับพวกเขากันเล่า "เหล่าหวัง ได้โปรดใจเย็นลงก่อนเถอะ เอาแบบนี้เป็นยังไง เพื่อจะได้รู้ว่าแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนใบไหนเป็นของจริงใบไหนเป็นของปลอม คุณก็แค่เชิญผู้เชี่ยวชาญให้มาประเมินก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?" "คุณเองคร่ำหวอดอยู่ในแวดวงของเก่ามานานหลายปี เช่นนั้นก็น่าจะรู้จักผู้เชี่ยวชาญในวงการนี้เยอะอยู่บ้างใช่ไหมล่ะ?" หวังเจิ้นถอนหายใจพลางพยักหน้าแล้วพูดว่า "ก็ได้! ในเมื่อพวกคุณอยากเถียงกันดีนัก งั้นก็มาทำให้เรื่องนี้กระจ่างกันไปเลย
หลังจากหลี่ชิงเฟิงพูดจบ ทุกคนก็ตะลึงงันไปชั่วขณะแล้วหัวเราะลั่น! เสี่ยวอิ๋งกับเย่เจี้ยนเหอหัวเราะอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง จากนั้นพวกเขาก็ชี้นิ้วใส่หลี่ชิงเฟิงแล้วพูดว่า "แกมันขี้โม้จนไม่เลือกเวลาจริง ๆ พับผ่าสิ! ลำพังแค่คุยโวโอ้อวดต่อหน้าพ่อตาโง่ ๆ ของแกไม่พอ แต่ยังจะมาคุยโวโอ้อวดต่อหน้าพวกเราอีกงั้นเหรอ?" ปี้ไห่เทาที่อยู่อีกด้านเองก็มีสีหน้าที่เต็มไปด้วยแววดูถูกดูแคลน "ลำพังแค่พวกเราคนใดคนหนึ่งก็ผ่านโลกมามากกว่าแกถึงสิบชาติภพรวมกันเสียอีก แกกล้าพูดแบบนั้นออกมาได้ คิดว่าพวกเราโง่หรือไงกัน?" "ผ่านโลกมามาก? คุณคิดว่าตัวเองผ่านโลกมามากแล้วงั้นรึ?" หลี่ชิงเฟิงยิ้มเหยียดหยันพลางเอ่ยเสียงทุ้มลึก "วันนี้ผมจะช่วยเปิดโลกทัศน์ของคุณเองก็แล้วกัน เย่เซียว เอาของขวัญของพวกเราออกมา" เย่เซียวผงกศีรษะ จากนั้นเขาก็หยิบแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนออกมาจากกล่องแล้ววางลงต่อหน้าทุกคน ทันทีที่พวกเขาเห็นแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวน ทุกคนก็ถูกแจกันใบนั้นดึงดูดความสนใจเข้าแล้วจริง ๆ เย่เจี้ยนเหอหน้าถอดสีแล้วตรวจสอบแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนโดยละเอียดถี่ถ้วนแล้วให้รู้สึกสับสน ฝีมือช่างวิจิตรประณีตนัก!
เย่เจี้ยนเหอยิ้มเหยียดหยัน "แกคิดจะแข่งกับฉันงั้นรึ? ก็ได้ ฉันจะเอาออกมาให้แกได้เปิดหูเปิดตาก็แล้วกัน ฉันขอพนันเลยว่าชั่วชีวิตแกน่าจะได้เห็นเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นแหละ" หลังจากเย่เจี้ยนเหอพูดจบก็ดีดนิ้ว จากนั้นผู้ช่วยคนงามที่อยู่ข้างหลังก็รีบเดินเข้ามา ของขวัญของอีกฝ่ายเองก็อยู่ในกล่อง มิหนำซ้ำยังมีขนาดพอ ๆ กับของเขาอีกต่างหาก เย่เจี้ยนเหอยิ้มอวดดีแล้วพูดว่า "มหาเศรษฐีหวัง ผมได้ยินมาว่าคุณชอบสะสมของเก่ามากทีเดียว ดังนั้นผมจึงสั่งให้เพื่อนที่อยู่ต่างประเทศประมูลของสิ่งนี้มาให้คุณเป็นพิเศษ เชิญดูเอาเองเถอะครับ!" หลังจากพูดจบ ผู้ช่วยสาวก็เปิดกล่องแล้วสายตาของทุกคนก็ทอดมองมาที่มือของผู้ช่วยสาว! แจกันลายครามใบหนึ่งค่อย ๆ เผยรูปลักษณ์ที่แท้จริงออกมา! เมื่อหลี่ชิงเฟิงเห็นแจกันใบนี้ก็ถึงกับตะลึงงัน... ช่างเหมือนกับแจกันลายครามที่เขาซื้อมาไม่มีผิดเพี้ยนเลย! เขาเหลือบมองเย่เซียวที่อยู่ข้างหลังโดยไม่รู้ตัว จากนั้นเย่เซียวก็เอ่ยกระซิบข้างหูว่า "เป็นของปลอมแน่ ๆ ครับ" ในยามนี้เอง เย่เจี้ยนเหอก็หยิบแจกันขึ้นมาแล้วเดินมาอยู่ตรงหน้าทุกคนแล้วพูดเสียงดังว่า "แจกันลายครามสมัยราชวงศ์ห