ปราย
“เจอที่ถูกใจรึยัง” ฝันทำมือถามหลังจากที่นำบรั่นดีโอลด์แฟชั่นแก้วที่สองมาวางตรงหน้า
“นอกจากแก้วนี้แล้วก็ยัง” ฉันทำมือตอบ เสร็จแล้วก็ดึงชุดหนังเกาะอกให้สูงขึ้นเพื่อปิดเนินอกที่ทะลักออกมา
“เธอน่ะเลือกมาก ลองลดมาตรฐานตัวเองลงหน่อย”
ฉันหมุนแก้วในมือมองก้อนน้ำแข็งกลิ้งไปมาเล่น ฉันจะทำแบบที่ว่าได้ยังไงในเมื่อรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ผู้ชายที่มีความรับผิดชอบ ไม่เห็นแก่ตัวเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว ให้เกียรติกันในฐานะคนรัก ดูแลเอาใจใส่ทั้งร่างกายและจิตใจ ส่วนฝันไม่ชอบให้ผู้ชายมาดูแล ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน รายนั้นชอบเป็นผู้นำ เป็นดอม ส่วนฉันเลือกที่จะมองหาคนที่ใช่ ไม่งั้นก็เลือกที่จะอยู่คนเดียวเสียดีกว่า
ฉันคิดว่าคุณกวินมีทุกอย่างที่ฉันมองหาในผู้ชายคนหนึ่ง วิธีการที่เขาใช้ควบคุมให้ฉันตกอยู่ใต้อำนาจตอนที่ตกใจกลัวทำให้ฉันคิดว่าเขาเป็นแบบที่คิด ตอนนั้นฉันรู้สึกยอมจำนนอย่างเต็มตัวเต็มใจ ฉันคิดว่าเขาต้องเป็นดอมแน่ แต่หลังจากที่ไปเดท ปรากฏว่าฉันคิดผิด หลังเวลางานเขาเป็นผู้ชายปกติธรรมดาคนหนึ่ง น่าจะถูกของฝัน ฉันช่างเลือกเกินไป คงถึงเวลาที่จะ
ปรายการออกมาเที่ยวคืนนี้ทำฉันเซ็งหนักกว่าเดิม ผู้ชายคนนี้เป็นพวกโง่เง่าอ่อนด้อยโดยแท้ ให้พยายามแทบตายก็ไม่มีทางทำให้ฉันยอมจำนนได้หรอกเพราะไม่มีลักษณะของความเป็นดอมเลยสักนิด ผิดกับคุณกวิน ดูจากนิสัยเขาที่ชอบควบคุมทุกอย่างในที่ทำงานแล้วเขามีความเป็นดอมอยู่เต็มเปี่ยม ทำไมเขาถึงไม่ใช่ ฉันเคยคิดว่าถ้าบอกรสนิยมความชอบส่วนตัวให้เขารู้เขาอาจจะชอบก็ได้ ถึงแม้ว่าเขาไม่ได้เป็นดอมแต่เขาอาจอยากลองอะไรแปลกใหม่ เขาอาจจะชอบควบคุมฉันบนเตียง แต่ก็อย่างว่าแหละ เขาเป็นใคร มีแต่จะคิดว่าฉันบ้าจิตไม่ปกติน่ะสิฉันคาดหวังเกินไป การได้ไปเดทกับคุณกวินสักครั้งนับว่าฉันทำบุญมาดีแค่ไหนแล้ว ฉันไม่ใช่เป็นคนที่มีผู้ชายในสต็อก ทั้งชีวิตฉันเคยมีแฟนแค่คนเดียว และไม่ต้องพูดถึง ทันทีที่ฉันหูหนวก เพื่อน ๆ เริ่มทำตัวแปลก ๆ กับฉัน และไอ้ผู้ชายเส็งเคร็งนั่นก็ทิ้งฉันทันที โดยให้เหตุผลปัญญาอ่อนว่าไม่รู้จะสื่อสารกันยังไงฉันถอนหายใจพลางคิดว่าถ้าปาฏิหาริย์มีจริงแล้วคุณกวินชวนฉันไปเดทอีกครั้งฉันจะตอบตกลงถึงแม้ว่าตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาไม่เปิดโอกาสให้ฉันได้เจอเลยก็ตาม เห็นได้จา
ศรวนรถมาส่งเราที่หน้าประตูบ้านแล้วค่อยขับไปจอดที่โรงรถ ผมจับมือปรายเดินนำไปที่ประตูพร้อมปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนออกสามเม็ด ผมดันร่างบางชิดกำแพงก่อนที่ประตูจะปิดสนิท โน้มหน้าลงจูบไซ้ลำคอขาวผ่องปรายยินยอมพร้อมใจเหมือนครั้งก่อน เบียดกายเข้าหาตอบสนองยอมรับสิ่งที่ผมเสนอและเรียกร้องในสิ่งที่มากขึ้นไปอีก ผมหยุดชะงักเล็กน้อยเมื่อสัมผัสถึงอากาศเย็นที่แทรกผ่านรอยแยกประตูเข้ามา ทำให้ปรายได้เลื่อนการถูกลงโทษออกไปอีกสักระยะผมคว้ามือเธอมาจับอีกครั้ง เดินมาถึงห้องนั่งเล่น ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองสำรวจรอบบ้านและสะดุดลงที่เปียโนหลังใหญ่ที่ตั้งอยู่มุมห้อง ผมยิ้มให้ตัวเอง พาเธอไปนั่งที่โซฟา ตาเธอยังคงมองที่เปียโนอยู่ ถ้ารู้ว่าผมคิดจะทำอะไรกับเธอบนเปียโนเธอจะทำหน้ายังไง“เธอกินข้าวรึยัง”ปรายพยักหน้า“เธอดื่มไปกี่แก้ว “เธอชูสองนิ้วผมไปรินน้ำมาให้เธอหนึ่งแก้ว เธอแค่จิบแล้วจะวางแก้วลงแต่ยังไม่ทันที่แก้วจะสัมผัสโต๊ะผมก็สั่งเสียงเข้ม“ดื่มให้หมด”ปรายทำตาม ดื่มน้ำจนหมดแก้ว“ไอ้หน้าอ่อนที่อยู่กับเธอเป็นดอมของเธอใช่มั้ย”
“ไม่ใช่แค่กับคุณค่ะ ฉันไม่พูดกับใครเลย”“ทำไมล่ะ”“ฉันไม่ได้ยินเสียงตัวเอง ฉันไม่รู้ว่าเสียงตัวเองเป็นยังไงตั้งแต่อายุสิบหน้า ที่ฉันกำลังพูดกับคุณอยู่ตอนนี้และคุณดูเหมือนจะเข้าใจดี แต่ฉันรู้สึกว่ามันแปลก ๆ”“แปลกยังไง”“เหมือนกับตอนที่สวมหูฟังเปิดเสียงดังจนสุดทำให้ไม่ได้ยินเสียงตัวเอง ก็เลยพูดเสียงดังเกินกว่าปกติแล้วคนอื่นหันมามอง ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าพูดดังหรือเบา ไม่รู้ว่าเสียงตัวเองเป็นยังไง เปลี่ยนไปรึเปล่า ไม่แม้แต่จะจำได้ว่าเสียงฉันเป็นอย่างไร ฉันไม่อยากให้คนอื่นมองฉันแปลก ๆ และกลายเป็นตัวตลก”“เด็กดีเสียงเธอไม่มีตรงไหนผิดเพี้ยนแม้แต่น้อย”ผมบอกเสียงนุ่มโดยไม่รู้ตัว อยากจะดึงเธอมากอด อะไรทำให้เกิดอ่อนโยนกับเธอขึ้นมาได้ขนาดนี้เนี่ย เหมือนไม่ใช่ตัวผมเธอเพิ่งให้ของขวัญล้ำค่ากับนายซึ่งก็คือเสียงพูดของเธอ เพราะฉะนั้นเลิกคิดมากได้แล้วไอ้กวิน ทำให้เธอรู้สิว่ามันมีค่ากับนายมากแค่ไหนผมรั้งเอวบางเข้าใกล้ ใช้มือประคองหน้าสวย จ้องลึกเข้าไปในดวงตาเพื่อสื่อความหมายให้เธอเข้าใจมากที่สุด
“ค่ะ” ปรายยิ้มผมจรดริมฝีปากลงบนจุดชีพจรบนมือ ซึ่งเป็นตำแหน่งแทนของหัวใจ“ดีมาก”ปรายยิ้มอีกครั้งก่อนที่จะอุทานเบา ๆ ด้วยความตกใจที่ถูกจับหมุนตัวหันหลัง ผมรูดซิปชุดด้านหลังลง ปลดแขนทั้งสองข้างออก จูบหลังคอ แล้วจับเธอหมุนกลับมาเผชิญหน้ากันอีกครั้ง ผมคุกเข่า ดึงชุดหนังรัดรูปที่ติดอยู่ที่สะโพกลงมาอยู่แทบเท้า ปรายจับบ่าผมเพื่อทรงตัวขณะก้าวเท้าออกจากชุด จากนั้นผมก็หยิบมันโยนทิ้งให้พ้นทางพร้อมกับรองเท้าส้นสูงที่เธอสวมอยู่ ไล่จูบตั้งแต่ข้อเท้าขึ้นมาตามขาเรียว ใช้นิ้วเกี่ยวแพนตี้ รูดออกจากเรียวขาคู่สวยเพื่อเปิดเปลือยสิ่งที่สวยยิ่งกว่า ผมลุกขึ้นยืน ถอยหลังหนึ่งก้าว ใช้สายตากวาดสำรวจความงดงามเบื้องหน้า ปรายยืนเปลือยเปล่า ปล่อยแขนลงข้างลำตัว สวยราวกับภาพวาดในบทกวี“เธอสวยมาก”ปรายยิ้มรับ“และจงรู้ไว้ว่าเธอเป็นผู้หญิงของฉัน”ผมไล้มือไปตามกรอบหน้าสวย เชยคางขึ้น จูบแผ่วเบาที่เปลือกตาก่อนที่ไล้จมูกสูดกลิ่นแก้มนวลแล้วจูบปาก“ทั้งหมดนี้เป็นของฉัน”ไล่จูบต่ำลงมาถึงเนินอก แล้วอ้าปากงับเม็ดทับทิมสีหวานดูดแรง ๆ จนแข็งเป็นไตกระทั่งปรายบิดตัวไ
ปรายฉันตื่นขึ้นมาในสถานที่ไม่คุ้นเคยแต่เตียงหลังนี้หลับสบายเป็นบ้า คุณกวินกำลังหลับสนิทอยู่ด้านข้าง ริมฝีปากเผยอเล็กน้อย ผ้าห่มร่นลงมาอยู่ที่เอว ทำให้สามารถลอบชื่นชมร่างกายได้อย่างเปิดเผยคุณกวินในตอนนี้ช่างดูสมบูรณ์แบบไปซะทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นผมสีดำสนิทที่ยุ่งเล็กน้อย โครงหน้าที่เห็นสันกรามเป็นรูปชัดเจน แผงอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม แขนล่ำสันกำยำรองรับช่วงไหล่กว้างบ่งบอกว่าเขาเป็นคนมีวินัยในการออกกำลังกายมาก ฉันเอื้อมมือออกไปอย่างห้ามไม่อยู่ ไล้นิ้วไปตามกรอบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติลงมาถึงลำคอที่ไหล่มีรอยสักรูปเด็กผู้ชายน่ารักที่หน้าตาเหมือนกับคุณกวินเปี๊ยบ เข้าใจว่าเขาน่าจะสักรูปตัวเองตอนเด็ก ไม่รู้ทำไมแต่ฉันก็ลูบผิวบริเวณรอยสักพลางหัวเราะที่คิดว่ามันดูน่ารัก หากคุณกวินรู้คงไม่ชอบเท่าไหร่ ฉันเลื่อนสายตาลงมาจ้องที่ยอดอกสีเข้ม นึกอยากจะไล้ลิ้นวนรอบ ๆ และกัดดู ไม่รู้ว่าเขาจะอนุญาตให้ซับทำแบบนั้นหรือไม่ ฉันคิดเกี่ยวกับคุณกวินเพลินจนไม่รู้ตัวและไม่ทันสังเกตว่าคุณกวินตื่นนอนแล้วจนกระทั่งเขายึดข้อมือฉันไว้ ฉันหันกลับไปมองหน้าเขาและเห็นร่องรอยกรุ
กวินผมกดปิดนาฬิกาปลุกด้วยความรำคาญเพราะขัดจังหวะการนอน แล้วความรำคาญก็เปลี่ยนเป็นความยินดีเมื่อเห็นปรายนอนซุกอยู่ข้างกาย มือเธอยังคงอยู่ในมือผม ยอมรับว่าผมไม่ได้หลับอย่างเป็นสุขเท่านี้มาก่อนตั้งแต่เห็นเธอครั้งแรกเพราะจะต้องเก็บเธอมาฝันทุกคืน ฝันว่ามีเธออยู่ข้างกาย และเมื่อคืนในที่สุดความฝันก็กลายเป็นความจริงผมควรจะปล่อยมือเธอได้แล้วและขีดเส้นความสัมพันธ์นี้ให้ชัดเจน แต่แทนที่จะทำแบบนั้นผมกลับจับมือเธอแน่นขึ้น สอดประสานนิ้วกันไว้ ใช้หัวแม่มือไล้วนที่ผิวนุ่มด้วยความเพลิดเพลิน ผมกำลังเล่นเกมซึ่งอันตรายมาก ๆ ที่สุดท้ายแล้วจะจบลงด้วยการที่พังกันทั้งสองฝ่าย ทั้งที่รู้ดีแต่ไม่สามารถหยุดได้ปรายลืมตาขึ้นช้า ๆ เมื่อสายตาเราสบกันก็ยิ้มให้ ริมฝีปากที่คลี่ออกทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะประทับริมฝีปากตัวเองลงไป เธอคล้อยตามในตอนแรก แต่เมื่อเห็นเวลาก็ครวญออกมาก่อนจะล้มตัวนอนตามเดิม เรียกเอาผมหัวเราะ ผู้หญิงของผมไม่ใช่คนชอบตื่นเช้า“เธอนอนต่อเถอะ ฉันจะไปออกกำลังกายสักชั่วโมง หลังจากนั้นเราค่อยไปกินมื้อเช้ากัน”ปรายพยักหน้า ซุกตัวกลับเข้าในผ้า
กวินตอนที่กลับขึ้นห้องผมหยิบเอาสัญญาหนึ่งในหลาย ๆ ฉบับที่ร่างไว้มาด้วย ที่ร่างไว้หลายฉบับเพราะต้องมีอันใดอันหนึ่งที่จะเป็นที่ยอมรับกันได้ทั้งสองฝ่าย ผมมองปรายอ่านสัญญาและรู้ว่าเธอไม่พอใจเท่าไหร่ แล้วผมแม่งเป็นอะไรวะ แค่มองก็รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ เหมือนมีอะไรบางอย่างที่เชื่อมถึงกันอยู่ ผมเคยมีความรู้สึกแบบนี้กับคนเพียงคนเดียวซึ่งก็นานมากจนจำไม่ได้แล้วว่าเคยมีความรู้สึกแบบนี้อยู่แล้วก็คิดถึงมันมากแค่ไหน“ปรายว่ามันรัดกุมมากไปหน่อยมั้ยคะ” เว้นจังหวะแล้วพูดต่อ “ดูเย็นชาไม่เหมือนเป็นคุณเลย”ผมได้แต่ยิ้มให้กับสิ่งที่เธอพูด สัญญาที่แสนรัดกุมและเย็นชานี่แหละตัวผม ตัวผมก่อนที่จะเจอกับเธอ“แบบนี้ก็เหมือนแค่ปรายเป็นหุ่นที่รอฟังคำสั่งคุณอย่างเดียวเท่านั้น ไหนคุณว่าไม่ให้ปรายหยุดพูดกับคุณไงคะ”“ใช่ ฉันชอบที่เธอมีชีวิตชีวาและหัวรั้นแบบนี้”เธอเป็นส่วนผสมของผู้หญิงขี้อายที่ถูกผมไล่ตะเพิดออกจากห้องทำงานกับผู้หญิงที่ยืนหยัดต่อสู้เพื่อสิ่งที่ตัวเองต้องการ และนั่นทำให้ผมมีอารมณ์ ที่จริงแล้วกับเธอไม่จำเป็นต้องทำสัญญาใด ๆ เลย แต่ว่าดอ
กวินเมื่อเดินเข้ามาในห้องความรู้สึกบางอย่างได้หลั่งไหลท่วมท้นขึ้นมา ปกติแล้วผมจะตื่นเต้นเวลาที่กำลังจะเล่นซีน แต่พอเห็นปรายที่ดูเปราะบางไร้การป้องกัน ทำให้ผมเกิดความรู้สึกอยากปกป้องทะนุถนอม ดึงเอาความสงบนิ่งของผมออกมาได้อย่างไม่มีสาเหตุ ซึ่งมันขัดแย้งกับร่างกายที่กำลังตื่นตัวอย่างถึงที่สุดผมยืนอยู่กลางห้อง เรียกปรายให้มาใกล้ ๆ เธอลุกจากเตียงอย่างเชื่อฟัง หยุดยืนต่อหน้าผม ร่างกายเปลือยเปล่า ก้มหน้ารอคำสั่ง ผมโน้มหน้าเข้าหา ใกล้มากจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนของเธอ ผมเกลี่ยผมที่ปรกหน้าเธอออกก่อนที่จะประทับจูบที่หน้าผากมน“เซฟเวิร์ดเธอคืออะไร”“เปรี้ยวค่ะนายท่าน”“เด็กดี ห้ามเสร็จจนกว่าฉันจะบีบหัวนมข้างขวาเธอเข้าใจมั้ย”“ค่ะนายท่าน”“ฉันกำลังจะปิดตาเธอ”“ค่ะนายท่าน”หลังจากใช้ผ้าปิดตาเรียบร้อยแล้ว ผมก็ปล่อยให้ปรายยืนรออยู่กลางห้องเพื่อไปเอาของที่ต้องการ รู้สึกเหมือนเป็นเด็กเล็ก ๆ ที่ได้รับอนุญาตให้ซื้อขนมทุกอย่างที่ต้องการได้ จึงค่อย ๆ เลือกพิจารณาดูของเล่นชิ้นต่าง ๆ ทั้งที่มีชิ้นที่อยู่ในใจเป
หกเดือนต่อมากวินผมกลับถึงบ้านก่อนที่เข็มนาฬิกาจะแตะเลขสิบสองเพียงเล็กน้อย ช่วงนี้ผมต้องทำงานชดเชยเวลาที่หยุดไปฮันนีมูนที่ยุโรป ดังนั้นงานจึงกองสุมหัว พอเปิดประตูเข้าไปก็เจอกับเจ้าลาเต้ที่กระดิกหางต้อนรับอยู่ มันเดินตามผมเข้ามาถึงในห้องนอน“อ้าวยังไม่นอนอีกเหรอที่รัก”“ปรายนอนไม่หลับค่ะ กังวลเรื่องพรุ่งนี้กลัวว่าทุกสิ่งที่ทำไปจะสูญเปล่า”ผมเข้าใจ พรุ่งนี้เรามีนัดกับหมอเพื่อฟังผลการรักษาหลังจากที่ปรายเข้ารับการผ่าตัดเมื่อสามเดือนก่อนผมประคองหน้าเธอไว้ด้วยสองมือ โน้มลงไปจูบหน้าผากมนเบา ๆ เพื่อให้กำลังใจ“ไม่ต้องกังวล เชื่อฉันสิ ทุกสิ่งจะผ่านไปได้ด้วยดี”คำปลอบใจไม่ช่วยให้เธอดีขึ้น ผมยิ้มมองคนที่ตอนนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยา“ช่วยรักปรายหน่อยได้มั้ยคะ ปรายต้องการคุณ”คำขอร้องจากปากเธอทำให้ผมคราง ท่าทางและน้ำเสียงเว้าวอนแบบนี้ปลุกความเป็นดอมในตัวผม แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้ผมแทบละลายทุกครั้งที่เธอพูดแบบนี้ระหว่างมื้ออา
สองสัปดาห์ต่อมาปรายเพิ่งจะได้รับการตรวจเช็กจากหมอผู้เชี่ยวชาญที่นัดไว้ ตอนนี้กำลังรอฟังผลอยู่ ผมวางมือลงบนมือปรายที่วางอยู่บนหน้าตักเธอจึงหันมามองหน้า“ไม่ต้องกลัว” บอกพร้อมบีบมือให้กำลังใจ รู้ว่าการรอคอยเรื่องสำคัญเช่นนี้มันกระวนกระวายแค่ไหน“ขอโทษที่ให้รอนานค่ะ คุณหมอให้เชิญพวกคุณเข้าไปด้านในค่ะ” ผู้ช่วยสาวเดินออกมาบอก ทำท่าผายมือไปทางห้องทำงานคุณหมอ“เชิญนั่งครับ” คุณหมอยิ้มเมื่อเห็นเรานั่งลงตรงข้าม “คุณคงอยากจะทราบผลแล้วนะครับ หลังจากที่ตรวจและวินิจฉัยแล้วผมขอแจ้งว่านี่เป็นข่าวดี จุดที่เสียหายในระบบการได้ยินของคุณไม่ใช่จุดหลัก เพราะฉะนั้นเราแค่ต้องจัดการอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ ตรงเส้นประสาทการรับรู้ที่จะเป็นตัวแปรในการได้ยินเสียงของคุณ”ผมยิ่งฟังก็ยิ่งงง แต่เหนืออื่นใดคือยินดีมากที่รู้ว่าปรายจะสามารถกลับมาได้ยินอีกครั้ง“ยังไงคะ คุณหมอหมายถึงการใส่ประสาทหูเทียมแบบนั้นเหรอคะ” ปรายทำมือถาม เพราะนี่ถือเป็นวิธีการทั่วไปที่ใช้รักษา“ครับผมการใส่ประสาทหูเทียมจะทำให้คุณกลับมาได้ยินอีกครั้ง
แสงอาทิตย์ยามเช้าลอดผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง ทำไมเวลามีปรายในอ้อมกอดแล้วรู้สึกว่าเช้าวันใหม่มาเร็วเหลือเกิน สักพักรู้สึกว่าร่างบนตัวเริ่มขยับยุกยิกไปมา“เอ๊ะ! ปรายมาอยู่ท่านี้ได้ยังไงคะ” เสียงงัวเงียตามก่อนที่จะหัวเราะเมื่อผมรัดตัวเธอแน่นขึ้น ท่านี้ที่ว่าคือนอนคว่ำหน้าท้องพาดบนแขนที่ผมเพิ่งสอดมือลงไปกุมกุหลาบที่อยู่ตรงหว่างขา“ของฉัน” ผมบอก แกล้งเป่าลมหายใจรดข้างหูจนปรายขนลุก เธอพยายามขืนตัวออก เมื่อทำไม่ได้จึงเปลี่ยนมาจูบปากผมแทนผมอยากจะทำรักกับเธอเร็ว ๆ แต่รู้ว่าวันนี้พ่อแม่เธอจะมาหาจึงอดกลั้นไว้ผมตื่นเต้นประสาทแดกตั้งแต่เช้า ครั้งสุดท้ายที่จำความรู้สึกนี้ได้คือตอนที่ขายเรือลำแรกสำเร็จ แต่วันนี้เหมือนจะเป็นมากว่าตอนนั้นเสียอีก“ใจเย็น ๆ สิคะ” เสียงปรายดังแทรกเข้ามาในหัว แต่ผมอดมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความกังวลไม่ได้ “ยังไงปรายก็จะแต่งงานกับคุณอยู่ดี”ผมพยักหน้าเรียกความเชื่อมั่นกับตัวเอง ถึงอย่างนั้นก็รู้ดีว่าปรายให้ความสำคัญกับครอบครัวมาก เธออยากให้พ่อแม่ยอมรับผม เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น ผมหันมองหน
ปรายคืนนี้ฉันไม่ได้อยากหยิบยกเรื่องนี้มาพูด แต่คุณกวินคิดมากและจริงจังเกินไป เขารู้ว่าที่ฉันพูดเป็นเรื่องจริงทั้งหมดแต่ไม่ยอมรับ“ไม่ นี่ไม่ใช่ทางออก ไม่มีทาง ฉันไม่ยอมให้เกิดขึ้นแน่”“ปรายไม่เหมาะกับโลกของคุณหรอกค่ะ”“ใครอยากให้เธอเหมาะกับโลกของฉัน ไม่เหมาะก็ไม่เหมาะสิ”“เห็นมั้ยคะ คุณพูดออกมาเอง คิดมั้ยคะว่าถ้าเราอยู่ด้วยกันไปนานเข้าแล้วปรายยังเข้ากับโลกของคุณไม่ได้คุณจะรู้สึกยังไง อาจะเบื่อหรือรำคาญ”“โลกบ้าบออะไร ช่างแม่ง เธอคิดไปเอง ฉันจะบอกให้นะ ที่ฉันทำโครงการช่วยเหลือคนพิการก็เพื่ออุทิศให้กวี ไม่ว่าตอนนี้เจ้านั่นจะอยู่ที่ไหนฉันเชื่อว่าจะต้องชอบเธอ ทุกคนในครอบครัวของฉันชอบเธอ โลกของฉันคือเธอ ฉันไม่เคยเป็นของใครจนกระทั่งได้พบกับเธอ เธอเองก็เป็นของฉันเหมือนกัน บอกสิว่าเธอคิดเหมือนกัน”“ค่ะ ปรายคิดเหมือนกันคุณก็รู้”คุณกวินถอนใจยาวเมื่อเห็นว่าฉันไม่ตั้งหน้าตั้งตาเถียงอีก ฉันจะเอาอะไรมาเถียงในเมื่อเขาเปรียบดั่งลมหายใจ“ถ้างั้นทางออกอื่นล่ะ”“ทองออกที่สองคือคุณจะต้องตัดปรายออกจากงานท
กวินปาร์ตี้ใกล้จะเลิก ผมกับปรายนั่งในมุมค่อนข้างส่วนตัว เธอไม่ใช่สาวปาร์ตี้ ที่มานี่เพราะอยากเจอน้องสาวผมมากกว่า ผมเห็นแม่สอดส่ายสายตาไปรอบ ๆ พอมองมาทางนี้ก็ยิ้มพร้อมพยักหน้า แล้วก็มองไปที่คู่ของมิรากับแฟนหนุ่มตรงข้างสระว่ายน้ำ ต่อด้วยพี่ตฤณกับหยกตรงข้างบาร์เครื่องดื่ม แล้วก็วกกลับมาทางผมกับปรายอีกครั้ง เป็นที่เข้าใจได้เพราะแม่ไม่เคยเห็นผมใกล้ชิดกับผู้หญิงคนไหนมากเท่านี้มาก่อน ผมเลิกสนใจ หันมาหาปรายที่นั่งซบในอ้อมแขน โน้มหน้าจูบขมับเธอเบา ๆ แล้วก็เห็นพ่อผ่านทางหางตากำลังเดินไปหาแม่ คว้าตัวมาโอบกอดซึ่งเป็นภาพที่เห็นจนชินตา แล้วก็ต้องขมวดคิ้วสงสัยเมื่อเห็นพ่อเช็ดน้ำตาให้แม่ แต่ก็คลายลงเมื่อเห็นแม่ตีอกพ่อที่หัวเราะเธอ เดาว่าพ่อน่าจะแซวแม่เรื่องอารมณ์อ่อนไหว ผมส่ายหัวก่อนที่จะหลับตาลงผ่อนคลายไปกับบรรยากาศผมน่าจะใจลอยเกินไปหน่อย มารู้ตัวอีกทีตอนที่ปลายขยับเข้ามากระซิบข้างหู“คุณกวินคะ ปรายขอตัวไปเข้าห้องน้ำหน่อยนะคะ”หลังจากที่ปรายลุกไปแล้วผมก็นั่งปล่อยใจมองคนโน้นคนนี้แต่ไม่เก็บมาใส่ใจจนกระทั่งสักพักเห็นปรายยืนข้างสระน้ำกับมิราและ
กวิน“ไม่คิดว่าเธอจะตอบตกลง” ผมพูดขณะขับรถพาปรายไปร่วมปาร์ตี้ของน้องสาวที่บ้าน“ปรายว่าน่าจะสนุกดี แต่ความจริงแล้วปรายอยากเจอน้องสาวคุณมากกว่า”พอกันทีกับผู้หญิงที่ก่อนหน้าตื่นเต้นแทบตายเมื่อจะได้ไปเจอครอบครัวผม ผมได้แต่ยิ้มให้กับตัวเอง“คุณยิ้มอะไรคะ ““เปล๊า” ผมตอบแล้วขับรถต่อผมยังไม่ได้ประกาศเรื่องหมั้นของเราสองคนให้ครอบครัวได้รับรู้ เพราะพี่ชายปากมากผมเลยต้องเปลี่ยนแผน จำได้ว่าวันนั้นหลังจากกลับบ้าน เจอปรายรออยู่ในห้องนอน พอเธอเห็นผมก็ฉีกยิ้มกว้างต้อนรับ“เธออ่านปากพี่ตฤณใช่มั้ย”“คะ?” แกล้งทำหน้าใสซื่อ“เธอรู้ว่าฉันหมายถึงเรื่องอะไร”“ก็…ค่ะ ปรายแค่จับใจความได้นิด ๆ หน่อย ๆ เกี่ยวกับเรื่องสวมแหวนอะไรนี่แหละค่ะ”ผมถอนใจ ยืนทิ้งสะโพกกับโต๊ะเครื่องแป้งมองปราย“ฉันอยากทำอะไรที่ถูกต้อง อยากไปคุยกับพ่อแม่เธอจริง ๆ จัง ๆ ขอให้พวกท่านยกลูกสาวให้ เชื่อมั้ยว่าฉันเกร็งแค่ไหนเพราะไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี”“แต่คุณยังไม่ได้ถามปรายก่อนเลย” เธอเดินมากอดคอ“อืม” ผ
กวิน“ทีนี้เรื่องไปญี่ปุ่นสรุปว่าเคลียร์แล้วนะคะ” ปรายถามขณะอยู่ในลิฟต์“เคลียร์” ผมตอบ แต่ไม่ลืม ตั้งใจว่าจะพาเธอไปเที่ยวหลังเรียนจบปรายพ่นลมหายใจอย่างโล่งอกก่อนที่จะเอียงหัวซบไหล่ผม แต่ก็ต้องสะดุ้งรีบขยับตัวออกห่างเมื่อสัญญาณลิฟต์ดังขึ้นแล้วประตูก็เปิดออกพร้อมกับเจนศิลป์เดินเข้ามา“สวัสดีครับคุณกวิน”“สวัสดี”ผมทักส่ง ๆ แล้วกรอกตาเมื่อได้ยินเสียงมือถือปรายทักสวัสดี เสียงเหมือนกับว่าดีใจเหลือเกินที่ได้เจอ ผมหงุดหงิดแม้ว่านี่จะเป็นเสียงพูดจากมือถือก็ตาม เจนศิลป์ยืนข้างหน้าพวกเรา หันหลังกลับมามองที่ปรายแล้วถูกผมจ้องใส่ด้วยสายตาไม่พอใจจึงหันกลับไป แต่ยังหันกลับมามองผมสลับกับปรายอีกครั้ง ปรายดูท่าทางอึดอัดอย่างเห็นได้ชัด แต่ผมแสยะยิ้มในใจ หึ! ไอ้หมอนี่มองออก ดีแล้ว จะได้รู้ว่าใครเป็นของใครพอประตูลิฟต์เปิดออกเจนศิลป์ขยับให้ปรายเดินออกไปก่อนแล้ว ปรายก้มหัวให้ผมทีหนึ่งก่อนเดินออกจากลิฟต์ เจนศิลป์ก้มหัวทำความเคารพผมเหมือนกันแล้วก็เดิมตามออกไป แต่ผมกดหยุดประตูลิฟต์ที่กำลังจะปิดไว้เมื่อได้ยินเสียงปรายหัวเราะอะไรบา
“ทำไมเธอไม่เคยบอกฉันเรื่องนี้มาก่อน”“ปรายสมัครไว้ตั้งนานแล้ว เลยไม่คิดว่าปรายจะได้ ปรายลืมไปแล้วด้วยซ้ำ”ผมเดินตรงขึ้นบันได เปิดประตูแล้วเดินต่อโดยไม่รู้ทิศทางว่าจะไปไหน แต่ก็ไม่ได้ไปไกลเกินกว่าห้องนั่งเล่นแล้วนั่งลงที่โซฟาโดยที่ปรายเดินตามมานั่งด้านข้าง“คุณกวินคะ คุณพูดอะไรหน่อยสิคะ”เธออยากจะให้ผมพูดอะไร ผมไม่มีอะไรจะบอก ไม่มีอะไรจะมาเสนอนอกจากสิ่งที่ผมเพิ่งบอกกับเธอไปหมดแล้วก่อนหน้า ไม่รู้ว่ามันเพียงพอจะรั้งเธอไว้ได้มั้ย“ฉันแสดงความยินดีกับเธอไปแล้วไง เธอจะให้ฉันพูดอะไรอีกล่ะ”“ปรายไม่รู้ ปรายแค่อยากฟังความเห็นคุณ”“มันจะไปมีประโยชน์อะไรเพราะมันเป็นความต้องการของเธอที่ตั้งใจไว้แต่แรก”“ก็ใช่ค่ะ นี่เป็นโอกาสที่ดี ปรายจะได้ประสบการณ์ใหม่ ๆ เพื่อมาต่อยอดในอนาคต”“ฉันรู้แล้ว” ผมไม่อยากฟังต่อ ไม่อยากรับรู้ว่าทุนนี้ดีแค่ไหนเพราะมันทำให้เธอต้องจากผมไปไกล “ก็อย่างที่บอก นี่เป็นโอกาสที่ดีของเธอ”“คุณอยากให้ปรายไปจริงเหรอคะ”ผมลุกขึ้น เว้นระยะห่างระหว่างเรา แต่แน่นอนว่าปรายยังอยู่ตรงนี้ ตอนนี้ผมรู
ผมดึงมือเล็กมาจับไว้ขณะที่เดินนำเข้าบ้านพ่อแม่ ปรายตื่นเต้นแต่ควบคุมตัวเองได้ดี สองสามวันที่ผ่านมานี้ผมกับปรายฝึกภาษามือกันตลอด ตอนแรกเธอแปลกใจไม่คิดว่าผมจะรู้จักภาษามือได้มากขนาดนี้ เรื่องนี้ทำให้เธอประทับใจมาก แต่ก็เกือบจะถูกไล่ไปไกล ๆ เมื่อผมใช้ภาษามือสื่อสารในสิ่งที่ไม่เหมาะไม่ควร เชื่อมั้ยว่าผมถึงขั้นรู้ว่าจะสบถยังไง ปรายไม่ยอมบอกแต่ผมแอบสังเกตจนเดาได้“นั่นไง มากันแล้ว” ผมได้ยินเสียงพ่อดังจากในบ้านเมื่อพวกเราถึงหน้าประตู“พวกเราออกไปกันทีละคนดีกว่า ฉันไม่อยากให้ยัยหนูตกใจ” เสียงแม่แนะนำ“ก็ดีเหมือนกันที่รัก” พ่อเห็นด้วย“งั้นฉันไปก่อนนะคุณ”ผมแทบจะจินตนาการภาพแม่ผลักพ่อให้พ้นทางแล้วรีบเดินออกมาก่อนที่พ่อจะทันได้พูดอะไรได้เลย“พ่อแพ้ได้ไงเนี่ย” เสียงตฤณพูดพร้อมหัวเราะเสียงดัง“กวินมากันแล้วเหรอลูก” แม่ทักผมก่อนแต่มองไปที่ปรายด้วยรอยยิ้มอบอุ่นผมบีบมือให้กำลังใจปรายเพราะรู้สึกถึงเหงื่อชื้น ๆ“ปรายดีใจที่ได้เจอหนูนะ” แม่ทักและอ้าแขนดึงปรายเข้ามากอด ผมเห็นปรายยืนตัวเกร็งทำอะไรไม่ถูก คงตกใจ ไม่คิดว่าจะได้ร