เสิ่นหยินอู้ลดสายตาลง และครุ่นคิดอยู่ในใจเจียงฉูฉู่ไม่เพียงแต่สวยเท่านั้น แต่ยังเป็นคนที่โดดเด่นมากอีกด้วยสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เธอได้ช่วยชีวิตของฉินเย่เอาไว้และหากเธอเป็นฉินเย่ ก็เกรงว่าจะชอบเธอเข้าเช่นกันหลังจากที่เพื่อนของเจียงฉูฉู่มาถึง เธอก็ขึ้นไปคุยกับเพื่อนของเธออยู่นาน ชายหนุ่มนั้นสวมเสื้อคลุมสีขาว และในที่สุดเขาก็จ้องมองไปที่ใบหน้าของเสิ่นหยินอู้ จากนั้นก็พยักหน้า แล้วเดินออกมา"สวัสดีครับ เป็นเพื่อนของฉูฉู่ใช่ไหม? ผมชื่อกู้ตงเฉิงนะครับ"เสิ่นหยินอู้พยักหน้าให้เขา: "สวัสดีค่ะ""มีไข้เหรอครับ?"กู้ตงเฉิงถามเบา ๆ พร้อมกับพยายามวางหลังมือลงบนหน้าผากของเสิ่นหยินอู้การเข้าใกล้อย่างกะทันหันทำให้เสิ่นหยินอู้หลบอย่างลืมตัว ปฏิกิริยาของเธอทำให้กู้ตงเฉิงยิ้มและพูดเบา ๆ ว่า: "แค่วัดอุณหภูมิดูน่ะครับ"หลังจากพูดจบ เขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่หยิบเทอร์โมมิเตอร์ออกมาแล้วพูดว่า "วัดอุณหภูมิก่อนแล้วกัน"เสิ่นหยินอู้รับมันมาจากนั้นเสียงของฉินเย่ก็ดังขึ้นมาจากข้างหลัง: "ใช้เทอร์โมมิเตอร์เป็นไหม?"เสิ่นหยินอู้:"…..."เธอเพิกเฉยต่อเขา ทำไมแม้แต่เทอร์โมมิเตอร์เธอถึงจะใช้ไม่เป็นด้ว
เสแสร้ง?เสิ่นหยินอู้ นิ่งไปชั่วครู่แล้วเยาะเย้ยในใจ“แน่ล่ะ เรื่องเข้าอกเข้าใจฉันเทียบกับฉูฉู่ของคุณไม่ได้หรอก”ประโยคหนึ่งที่เพิ่งโพล่งออกมาฉินเย่ตะลึงจนพูดไม่ออกเสิ่นหยินอู้เองก็อึ้งไปเช่นกันเธอ……กำลังพูดมั่วอะไรเนี่ย?เสิ่นหยินอู้เสียใจในคำพูดที่ไม่ถูกของเขา คางของเสิ่นหยินถูกฉินเย่ยกขึ้น และเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นก็สบเข้ากับดวงตาสีเข้มของเขาฉินเย่หรี่ตาลงเล็กน้อย ดวงตาของเขาเฉียบคมราวกับดวงตาของนกอินทรี“คุณอิจฉาเธอเหรอ?”คิ้วของเสิ่นหยินอู้กระตุก และรีบปัดมือของเขาออก“คุณกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร?”อย่างไรก็ตาม มือของเธอไม่มีกำลังและเมือสัมผัสเขา นุ่มมนวลและไร้กำลังขัดขืน การกระทำนี้ทำให้ฉินเย่เลิกคิ้ว ยิ้มเยาะและคว้าข้อมือของเธอ"อ่อนแอขนาดนี้เลย?""คุณโง่มาก."เสิ่นหยินอู้ว่าจบประโยค แล้วชักมือกลับ ผลก็คือ เขาเอนหลังโซฟาเพราะออกแรงมากเกินไปหลังจากนั้นก็ลุกไม่ขึนไม่มีแรง.ฉินเย่ยืนอยู่ที่นั่นมองเธอด้วยสายตาที่ซับซ้อน แล้วพูดว่า:"เดี๋ยวก่อน"หลังจากนั้นเขาก็เข้าไปในห้องน้ำ หยิบกะละมังพลาสติกที่มีน้ำและผ้าเช็ดตัวออกมา วางบนเก้าอี้ข้างๆ เธอฉินเย่แช่ผ้าเช็ดตั
ฉินเย่จำต้องยื่นผ้าขนหนูเปียก ๆ ไปให้เธอ"ตงเฉิงบอกวิธีการทั้งหมดมาอย่างละเอียดแล้ว ตรงนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉัน เย่คุณไม่ต้องกังวลนะ ฉันจะดูแลหยินอู้ให้เป็นอย่างดีเลยค่ะ"หลังจากได้ยินแบบนี้ ฉินเย่ก็เหลือบมองไปที่เสิ่นหยินอู้ซึ่งกำลังนอนนิ่งเหมือนศพอยู่ตรงนั้น ก่อนจะพยักหน้า: "อืม"จากนั้นเขาก็ออกไปและประตูก็ปิดลงในห้องเงียบสงบ หลังจากนั้นไม่นาน เสิ่นหยินอู้ก็ซักผ้าขนหนูใหม่อีกครั้ง จากนั้นก็เปิดกระเป๋าแล้วเดินไปหาเธอ“หยินอู้ ฉันช่วยเช็ดตัวให้คุณได้ไหมคะ?”ตอนนี้เสิ่นหยินอู้ไม่มีแรงเลยจริง ๆ และจำเป็นต้องให้คนอื่นช่วยเธอ แต่ว่า…...“ทำไมไม่เรียกพยาบาลล่ะคะ แบบนี้จะรบกวนคุณมากเกินไปหรือเปล่า?” เธอเสนอขึ้นมาเจียงฉูฉู่ยิ้มเบา ๆ : "ไม่รบกวนเลยค่ะ พยาบาลจะเช็ดครอบคลุมแบบฉันได้ยังไงกันคะ? ตราบใดที่คุณไม่รังเกียจที่จะให้ฉันเห็นทุกอย่างก็ได้แล้วล่ะค่ะ"เมื่อพูดแบบนี้แล้ว เธอจะพูดอะไรได้อีก จึงทำได้เพียงกระตุกมุมริมฝีปากและพยักหน้าหลังจากที่เธอตกลง เจียงฉูฉู่ก็เข้ามาและปลดกระดุมเสื้อผ้าให้เธอและเพื่อหลีกเลี่ยงความอาย เสิ่นหยินอู้จึงหลับตาลงและไม่จ้องมองในขณะที่เจียงฉูฉู่ปล
เธอพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำและไม่อ้อมค้อมเหมือนเจียงฉูฉู่จู่ๆ เจียงฉูฉู่รู้สึกเขินอายเล็กน้อย:"ฉัน ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น"เสิ่นหยินอู้เองก็ขี้เกียจจะใส่ใจว่าเธอหมายถึงอะไรก่อนออกเดินทางกู้ตงเฉิง ได้สั่งยาให้เธอและพูดกับเจียงฉูฉู่:"ถึงเพื่อนของคุณไม่อยากดื่มยาแต่เท่าที่ดูอาการถ้าพอไหวก็ดื่มสักหน่อยเถอะที่ผมสั่งคือยาจีนโบราณซึ่งไม่ทำร้ายร่างกาย แค่ดื่มสักหน่อยก็พอ”“ตกลง”เจียง ฉูฉู่รับยาจีน ไปทั้งสามคนออกจากคลินิกและกลับไปที่บ้านของตระกูลฉินณ บ้านตระกูลฉินทันทีที่ประตูรถเปิดออก เสิ่นหยินอู้รู้สึกอึดอัดจนเดินออกไป ตอนนี้เธอแค่อยากกลับขึ้นไปชั้นบนแล้วนอนพักแต่เมื่อเธอลงจากรถ เธอก็โซเซและเกือบจะพุ่งไปข้างหน้า แต่ฉินเย่เอื้อมมือคว้ารับเธอได้ทันเวลาเขาขมวดคิ้วมองดูเธอ:"สภาพแบบนี้แล้วเธอยังไม่อยากกินยาอีก หรือจับฉีดยาเลย เธอนี้จริงๆเลย... "เจียงฉูฉู่ ที่กำลังลงจากรถ เห็นมือของคนสองคนสัมผัสกันจึงรีบเดินเข้าไปช่วยประคองเสิ่นหยิ่นอู้"เย่ ให้ฉันช่วยเถอะ"เจียงฉูฉู่ ช่วยประคองเสิ่นหยิ่นอู้เข้าไปในประตูและทักทายบรรดาคนรับใช้ที่เห็นเมื่อคนรับใช้เห็นเจียงฉูฉู่ สายตาของพวกเขาต
"ค่ะ"ก่อนออกเดินทาง เจียงฉูฉู่ได้มองดูห้องอีกครั้ง และทันใดนั้นก็พบชุดสูทสั่งตัดทำมือของผู้ชายแขวนอยู่บนราวแขวนเสื้อด้านนอกซึ่งมีเพียงฉินเย่เท่านั้นที่จะสวมชุดสไตล์นั้นสีหน้าของเจียงฉูฉู่ก็ซีดลง เธอเม้มริมฝีปากแล้วเดินตามฉินเย่ออกไปอย่างเงียบ ๆหลังจากที่ออกกันไปแล้ว เสิ่นหยินอู้ก็ลืมตาขึ้น เธอมองไปที่เพดานสีขาวเหมือนดั่งหิมะ และจมอยู่ในความสับสนเรื่องลูก...…เธอควรทำอย่างไรดี?เรื่องท้องก็ไม่ต่างจากเรื่องอื่นใดตัวอย่างเช่นเรื่องที่ชอบเขาอยู่นี้ เธอสามารถปกปิดอารมณ์ของเธอได้เป็นอย่างดี มาเป็นเวลาปี สองปี หรือแม้กระทั่งสิบปีก็ไม่มีปัญหาใด ๆแต่แล้วเรื่องท้องล่ะ?เมื่อครบเดือนท้องก็จะป่องออกมา และเธอก็จะไม่สามารถปกปิดมันได้เลยยิ่งคิด เสิ่นหยินอู้ก็ยิ่งเวียนหัวมากขึ้น และค่อย ๆ ผล็อยหลับลึกไปในความฝันเสิ่นหยินอู้รู้สึกราวกับว่าคอเสื้อของตัวเองถูกปลดออก และมีบางสิ่งที่เย็นสบายปกคลุมร่างกายของเธอเอาไว้ ร่างกายของเธอที่ร้อน ก็รู้สึกสบาย เธอถอนหายใจ และคว้าบุคคลนั้นเอาไว้ด้วยมือและเท้าอย่างไม่รู้ตัวหลังจากนั้น เธอก็ได้ยินเสียงครางอู้อี้และผ่อนลมหายใจอย่างหนัก จากนั้นหลังค
ในขณะนั้น หัวใจของเสิ่นหยินอู้ก็สั่นไหว และแววตาตื่นตระหนกก็ผุดขึ้นมาในดวงตาของเธอซึ่งรู้สึกเหมือนกับถูกจับได้แต่เธอก็สงบนิ่งลงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเม้มริมฝีปากสีชมพูที่ซีดเล็กน้อย แล้วพูดอย่างไม่ปิดบังว่า: "คุณก็เห็นหมดแล้วไม่ใช่เหรอ?"ทัศนคติที่ตรงไปตรงมาของเธอทำให้การมองอย่างสงสัยในดวงตาของฉินเย่จางลงไปเล็กน้อยเขาเดินเข้ามา และจ้องมองถ้วยยาที่ว่างเปล่าในมือของเธอ“ฉันให้ในครัวทำงานหนักเพื่อปรุงยากัน แล้วเธอเทยาทั้งหมดทิ้ง โดยที่ไม่ได้ดื่มแม้แต่อึกเดียวเลยอย่างงั้นเหรอ?”เสิ่นหยินอู้เหลือบมองเขา“ฉันบอกไปตั้งนานแล้วไงว่าไม่ดื่ม”พูดจบ เธอก็ออกไปพร้อมกับถ้วยเปล่าฉินเย่ตามออกมา และพูดด้วยเสียงที่ชัดเจนว่า: "เมื่อคืนนี้ เธอตั้งใจเปียกฝนหรือเปล่า?"เมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว เสิ่นหยินอู้ยุดก็หยุดชะงักไปชั่วครู่ และส่ายหัวเป็นการปฏิเสธ“ไม่ใช่ ฉันจะทำแบบนั้นได้ยังไงคะ?”แต่ฉินเย่ก็ยังคงจ้องมองเธออย่างสงสัย: "ใช่เหรอ? แล้วทำไมเธอถึงปฏิเสธที่จะไปโรงพยาบาล รวมทั้งปฏิเสธที่จะกินยาด้วย?"เสิ่นหยินอู้อธิบายไปอย่างสบาย ๆ ว่า: "ยาขมเกินไป ฉันไม่อยากดื่มค่ะ""แค่นี้เหรอ?" ฉินเย่หรี่ตารา
เย็นเสิ่นหยินอู้เม้มริมฝีปากสีแดงของเธอ และแสงในดวงตาของเธอก็ค่อย ๆ หรี่ลงคนรับใช้ได้นำอาหารและถ้วยยามาให้ตั้งแต่เช้าตรู่เมื่อเธอออกมาหลังจากล้างหน้าเสร็จ เธอก็ได้กลิ่นยาจีนฉุน ๆ และคิ้วของเธอก็ขมวดเข้าหากัน“คุณผู้หญิงคะ ยานี้……”เสิ่นหยินอู้ทนไม่ไหวอีกต่อไป และน้ำเสียงของเธอก็รุนแรงขึ้นมาเล็กน้อย“บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่าต้มยานี้อีก? ทำไมถึงยังเอาขึ้นมาให้อีก?”โดยปกติแล้วเธอจะอ่อนโยน แต่ความรุนแรงอย่างกะทันหันของเธอได้ทำให้คนรับใช้ตกใจไปหลังจากที่เสิ่นหยินอู้พูดจบ เธอก็ตระหนักได้ว่าเธอควบคุมตัวเองไม่ได้เล็กน้อย และทันใดนั้นเธอก็กลับเข้ามาสู่ความเป็นจริง แล้วยื่นมือออกมาพร้อมกับขมวดคิ้ว "โทษที ฉันไม่ค่อยสบาย เธอเอายาลงไปเถอะ”คนรับใช้จำต้องลงไปชั้นล่างพร้อมกับยาพอกลับมาในครัว พ่อบ้านก็เห็นถ้วยที่นำกลับมาซึ่งเต็มไปด้วยยา ใบหน้าแก่ ๆ ของเขาก็ย่นลงและพูดว่า "เฮ้อ คุณผู้หญิงยังไม่กินยาอีกเหรอ?"คนรับใช้พยักหน้าแล้วเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ให้เขาฟังพ่อบ้านได้ยินน้ำเสียงของเธอที่ดูไม่พอใจ จึงพูดด้วยเสียงเข้มว่า: “พวกเธอก็รู้ว่าปกติคุณผู้หญิงปฏิบัติต่อพวกเธออย่างไร คราว
คำถามนี้ทำให้คนรับใช้หน้าซีดไป “คุณผู้ชายคะ รายงานนั้นถูกจัดการไปเรียบร้อยแล้วค่ะ”ฉินเย่ขมวดคิ้ว"เธอพูดว่าอะไรนะ?"คนรับใช้รู้สึกหวาดกลัวกับรัศมีอันมืดมนของเขาจนเกือบจะร้องไห้ออกมา และทำได้เพียงอธิบายด้วยความตื่นตระหนกว่า: "ขอโทษนะคะคุณผู้ชาย ฉันไม่ได้ตั้งใจจะกำจัดมัน เพียงแต่ว่ารายงานนั้นยับเยินมาก และตอนนั้นฉันเองก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ก็เลย……"เธอนั้นไม่มีความปรารถนาที่จะสำรวจสิ่งของที่เจ้านายของเธอโยนทิ้งไปยิ่งไปกว่านั้นความลับของบริษัทของฉินเย่ก็มักจะทำลายเอกสารบางอย่าง ส่วนเธอที่เป็นเพียงคนที่ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขด้วยการทำงานเพื่อเงิน ดังนั้นเธอจึงไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องในวันนั้นนักจนกระทั่งเธอเริ่มต้มยาในช่วงสองวันที่ผ่านมา เธอคิดว่ามันเป็นเพราะอาการป่วยของคุณผู้หญิง แต่เธอคิดไม่ถึงว่าจะเป็นยาลดไข้คำพูดของเธอทำให้ฉินเย่ขมวดคิ้วเขาก็พูดอยู่ว่าเธอดูแปลก ๆ ไปฝนตกหนักขนาดนั้น ต่อให้จะยกให้คนอื่นไป แต่นั่นก็ยังสามารถหาที่หลบฝนแล้วเรียกคนขับรถให้มารับได้ หรือไม่ก็รอจนฝนหยุดก่อนแล้วค่อยกลับบ้านก็ได้ทำไมต้องตากฝนกลับมาด้วย?พ่อบ้านพูดอย่างเป็นกังวลว่า "คุณผู้ชายครับ คุณ
หลังจากได้ยินเช่นนั้น หลี่มู่ถิงก็พูดเสริมในทันที: "ใช่ครับ คุณหนูเสิ่น ประธานฉินพูดถูก การไม่มีข่าวอะไรเลยเป็นเรื่องที่ดีที่สุด สบายใจเถอะครับ เราจะตรวจสอบต่อไป ถ้ามีโอกาสช่วยเขาออกมา เราก็จะทำอย่างเต็มที่แน่นอน” แม้ว่าพวกเขาจะพยายามปลอบใจเธออย่างเต็มที่ แต่อารมณ์ของเสิ่นหยินอู้ก็ไม่ดีขึ้นเลย เธอเอนตัวพิงไปกับหน้าต่างและมองไปในที่ไกลๆด้วยความสงบ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆเรื่องถึงกลายมาเป็นเช่นนี้ได้ ในตอนแรกทุกคนต่างก็ยังใช้ชีวิตตามปกติของตัวเองอยู่เลยแท้ๆ แต่จู่ๆเรื่องก็กลับร้ายแรงขึ้นมาเช่นนี้“หม่ามี๊ เป็นอะไรไปหรอคะ?” เสียงของเด็กน้อยทั้งสองดังมาจากด้านหลัง ดึงเสิ่นหยินอู้ให้กลับมามีสติอีกครั้ง เมื่อเธอได้สติ เธอก็เห็นเด็กน้อยสองคนมองเธอด้วยความเป็นห่วง “เหมิงเหมิง เหนียนเหนียน”พวกเขาทั้งสองเดินเข้าไปหาเธอพร้อมๆกันและกอดเธอไว้ “หม่ามี๊คะ ช่วงนี้หม่ามี๊ดูไม่แฮปปี้เลยนะคะ” ใช่สิ เธอออกมาแล้ว แต่ทำไมเธอถึงยังไม่มีความสุขล่ะ อาจเป็นเพราะเรื่องราวยังไม่ได้คลี่คลายลงอย่างสมบูรณ์ แต่ต่อหน้าลูกๆทั้งสอง เสิ่นหยินอู้ไม่สามารถแสดงออกมาให้ชัดเจนเกินไปได้ ดังนั้นเ
ฉินเย่สัญญาว่าจะไปตรวจสอบเรื่องนี้ให้เธอ รวมถึงอาการบาดเจ็บของผู้ช่วยเฉินด้วย คนของเขาสามารถจัดการเรื่องอะไรต่างๆได้อย่างรวดเร็วมาก ในวันถัดมา เสิ่นหยินอู้ก็ได้รับข่าวคราวล่าสุดของพวกโม่ไป๋ เขาก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน แต่ยังไม่มีร่องรอยของผู้ช่วยเฉินเลย “ไร้ร่องรอยงั้นเหรอ?” หลังจากที่เสิ่นหยินอู้ได้ยินเช่นนั้น เธอก็มีลางสังหรณ์แย่ๆขึ้นมาทันที เมื่อตอนที่เธอยังอยู่ที่บ้านของโม่ไป๋ ผู้ช่วยเฉินก็ไม่ได้ปรากฏตัวออกมาหลายวัน จากนั้นเมื่อเธอถามถึงเขา เขาจึงปรากฏตัวขึ้น แต่เมื่อเขาปรากฏตัว เขากลับได้รับบาดเจ็บสาหัส สิ่งสำคัญคืออาการบาดเจ็บของเขาหนักแค่ไหน เสิ่นหยินอู้ไม่สามารถรับรู้ได้เลย เป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะถอดเสื้อของเขาออกมาเพื่อดูว่าเขาได้รับบาดเจ็บแค่ไหน ต่อมาเขาปล่อยเธอและพาเธอออกมา หลังจากที่เขากลับไป โม่ไป๋ก็คงจะยิ่งไม่เกรงใจเขามากขึ้น ตอนนี้... ไม่รู้เลยว่าเขาจะเป็นเช่นไร นอกจากนี้ โม่ไป๋ยังได้รับบาดเจ็บ เขาคงจะโกรธมากและระบายความโกรธทั้งหมดที่มีใส่ผู้ช่วยเฉินหรือไม่? และที่นี่คือที่ต่างประเทศ ถ้าหากว่า... เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้ เสิ่นหยินอู้ก็อดไม่ได้ที่จะลุกขึ
คาดไม่ถึงเลยว่าผู้ชายจะมีด้านนี้เหมือนกัน เมื่อคิดเช่นนั้น เสิ่นหยินอู้ก็หันไปมองเขา “ฉันไม่ได้อึดอัด แต่ตอนนี้คุณบาดเจ็บอยู่ คุณไม่ได้ต้องพักผ่อนเหรอ?” "อืม" ฉินเย่พยักหน้า: "ผมอยากให้คุณอยู่เป็นเพื่อนผม" เสิ่นหยินอู้ถอนหายใจ: "เมื่อคืนนี้ฉันอยู่กับคุณทั้งคืนไปแล้วไม่ใช่เหรอ?" เขาคงจะไม่ได้คิดที่จะให้เธออยู่กับเขาไปตลอดใช่ไหม? เธอยังต้องไปดูแลลูกๆ “นั่วนั่ว” เขาดึงเธอเข้ามาใกล้แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา: "ผมเป็นคนป่วย ต้องการคนอยู่ด้วยในระยะยาว" เมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้ขัดขืน ฉินเย่ก็ดึงเธอขึ้นไปนั่งบนตักเขาแล้วเอามือพยุงไว้ที่เอวของเธอ ก่อนที่เธอจะทันได้โต้ตอบ เธอก็ตกเข้าไปในอ้อมแขนของเขาแล้ว ฉินเย่ก้มศีรษะลงและโน้มตัวเอาหน้าลงไปซุกไว้ที่ซอกคอของเธอ เขาสูดดมกลิ่นของเธอด้วยความละโมบ ลมหายใจอันร้อนรุ่มที่ออกมาทั้งหมดถูกปล่อยออกมาที่ซอกคอของเสิ่นหยินอู้ เธอรู้สึกถึงมันได้อย่างรวดเร็วและกระตุกหลายครั้ง หลังจากนั้นไม่นาน ดูเหมือนว่าฉินเย่จะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เขาประทับริมฝีปากบางที่นุ่มนิ่มของเขาลงไปบนซอกคอของเธอ เมื่อเธอรู้สึกได้ถึงความเปียกชื้น ในที่สุดเสิ่นหยินอ
เขาคว้าโทรศัพท์ไปทั้งเครื่อง เสิ่นหยินอู้ไม่ได้จับโทรศัพท์เลย เธอไม่กล้าแย่งมันคืนมาเพราะกลัวว่าระหว่างการแย่งชิงโทรศัพท์กันจะทำให้บาดแผลของเขาฉีกกว้างขึ้น “บทลงโทษอะไรกัน? ต่อให้คุณจะพูดไม่เหมาะสม แต่ก็มันไม่เกี่ยวอะไรกับบาดแผลของคุณเลย” น่าเสียดายที่ไม่ว่าเธอจะพูดอย่างไร ฉินเย่ก็เหมือนจะไม่ได้ยินเธอ ราวกับว่าเขายินยอมที่จะรับบทลงโทษของตัวเอง เมื่อเห็นท่าทางที่นิ่งเฉยของเขา เสิ่นหยินอู้ก็พูดได้เพียงว่า: "ต่อให้คุณจะลงโทษตัวเอง แต่ก็ใช้วิธีอื่นก็ได้" วิธีอื่นเหรอ? ในที่สุดฉินเย่ก็เงยหน้าขึ้นแล้วมองเธอ “แล้วคุณว่า ต้องลงโทษแบบไหนล่ะ?”เสิ่นหยินอู้คิดอย่างจริงจังอยู่สักพัก "วิธีลงโทษคุณน่ะมี แต่ไม่ใช่ตอนนี้ รอหลังจากที่แผลคุณหายดีแล้วก่อนเถอะ" “งั้นหลังจากลงโทษแล้ว คุณจะยกโทษให้ผมได้ไหม?” “เรื่องนี้ เดี๋ยวค่อยว่ากันอีกทีนะ” คำพูดที่เขาพูดในวันนี้มันทำให้เธอโกรธมากจริงๆ เมื่อเห็นเช่นนั้น สายตาของฉินเย่มืดลงเล็กน้อย แต่เขากลับไม่ได้พูดอะไรอีก “เอาโทรศัพท์มาให้ฉัน ฉันจะโทรตามคุณหมอมาทำแผลให้คุณใหม่” หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ในที่สุดฉินเย่ก็ยื่นโทรศัพท์ให้เธอหลังจ
รวมถึงโม่ไป๋ด้วย การที่เขาลักพาตัวเธอไปอย่างกะทันหันก็เป็นสิ่งที่เธอคาดไม่ถึงเช่นกัน แต่สิ่งที่ฉินเย่พูดในตอนนี้ทำให้เสิ่นหยินอู้ตื่นตระหนกขึ้นมา แต่ในไม่ช้าเธอก็สงบลง “เรื่องนี้ยังไม่ได้เกิดขึ้นเลยนะ มันไม่เหมาะสมที่คุณที่จะยกตัวอย่างแบบนี้ขึ้นมา” คำตอบของเธอทำให้สายตาของฉินเย่มืดลงเล็กน้อย “เป็นเพราะผมยกตัวอย่างที่ไม่เหมาะสมหรือเพราะคุณไม่สามารถตอบคำถามของผมได้เลย หรือจะบอกว่าคำตอบของคุณก็เหมือนกับที่ผมคิดไว้” เมื่อได้ยิน เสิ่นหยินอู้ก็เม้มริมฝีปาก เธอพยายามจินตนาการถึงภาพนี้ในหัว หากฉินเย่ลักพาตัวเธอ และให้เธอกับลูกๆอยู่ด้วยกันกับเขาไปตลอดชีวิตเท่านั้น ไม่ได้ ต่อให้จะเป็นเขา แต่เธอก็รับไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นใคร ไม่ว่าพวกเขาจะสนิทสนมเพียงใด เธอก็ไม่สามารถยอมรับเรื่องที่พวกเขาทำผิดกฎหมายได้ เมื่อคิดเช่นนั้น เสิ่นหยินอู้ก็ไม่สนใจว่าคำพูดถัดไปจะทำร้ายจิตใจของฉินเย่หรือไม่ เธอพูดออกมาตรงๆ “ใช่ คุณพูดถูก ถ้าคุณลักพาตัวฉัน ฉันก็จะไม่อยู่กับคุณ” ดวงตาของฉินเย่มืดลง “แต่ในอีกความหมายหนึ่ง การที่ฉันไม่อยู่กับคุณมันก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะไปอยู่กับเขา ถ้าฉันจะอยู่กับคุณมัน
ฉินเย่เม้มริมฝีปาก สีหน้าไม่พอใจปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าที่หล่อเหลา ราวกับว่าเขาไม่เห็นด้วยกับคำพูดของเธอ เสิ่นหยินอู้ทำได้เพียงใช้แรงดึงมือของเธอออกมาเท่านั้น ทันใดนั้นสายตาของฉินเย่ก็แสดงความเจ็บปวดออกมาเล็กน้อย เสิ่นหยินอู้: "..." ขณะที่เธอพยายามจะเอามือออกมา เผยจ้าวเหิงก็พูดขึ้นว่า: "ประธานฉิน คุณหนูเสิ่น เราต้องรีบไปสนามบิน ขอตัวก่อนนะครับ" ทันทีที่เขาพูดจบ เผยจ้าวเหิงก็ถือโอกาสนี้จับมือของโจวชวงชวงและพาเธอออกไป "เฮ้เฮ้..." โจวชวงชวงคิดไม่ถึงว่าเขาจะจูงเธอออกไปเช่นนี้ หลังจากตอบสนองได้แล้ว เธอก็ตะโกนบอกเสิ่นหยินอู้: "หยินอู้ งั้นไว้เจอกันที่จีนนะ ฉันจะไปหาเธอหลังจากที่ฉันจัดการเรื่องทุกอย่างเสร็จแล้ว"เสิ่นหยินอู้โบกมือให้เธอ “โอเค ไว้เจอกันที่จีนนะ” โจวชวงชวงถูกเผยจ้าวเหิงพาออกไป เหลือเพียงฉินเย่กับเสิ่นหยินอู้เท่านั้นที่อยู่ ณ ตรงนั้น หลังจากเงียบไปหลายวินาที เสิ่นหยินอู้ก็อดไม่ได้ที่จะพูดกับเขาว่า: "พวกเขาไปกันแล้ว ทำไมคุณยังไม่ปล่อยมือล่ะ?" หลังจากได้ยิน ฉินเย่ก็ก้มศีรษะลงไปมองมือที่ทั้งสองจับกันอยู่ จากนั้นก็ยกมุมปากขึ้นอย่างน่ามอง “แล้วทำไมต้องปล่อยมือด้ว
ในเวลานี้หญิงสาวทั้งสองดูเศร้ามาก ดังนั้นฉินเย่จึงยืนเงียบๆอยู่ที่ประตูและไม่ได้เข้าไปรบกวนพวกเธอ หนึ่งนาที... สองนาที... จนกระทั่งห้านาทีผ่านไป ฉินเย่เลิกคิ้วอย่างเหลืออดเล็กน้อย ต้องกอดกันนานขนาดนั้นเลยเหรอ? เธอคงไม่ได้คิดจะแย่งหยินอู้ไปจากเขาจริงๆใช่ไหม? "อะแฮ่ม" เสียงกระแอมที่ดังขึ้นมาอย่างกะทันหันดึงให้ทั้งสองกลับมาจากความคิด เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เสิ่นหยินอู้จึงเงยหน้าขึ้นไปมองที่ต้นเสียงและพบว่าคนที่ทำเสียงนั้นออกมาคือฉินเย่ เขายืนอยู่ตรงนั้น สายตามองตรงมาที่พวกเธอ ท่าทางราวกับว่าเขาอยู่ที่นี่มาสักพักหนึ่งแล้ว ในเวลานี้ โจวชวงชวงรีบคลายอ้อมกอดอย่างรวดเร็ว "ประธานฉิน" "อืม" ฉินเย่ก้าวไปข้างหน้าแล้วเดินเข้าไป "พวกคุณกำลังคุยอะไรกันอยู่?" แม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิง แต่โจวชวงชวงก็รู้สึกได้ถึงความหึงหวงที่แผ่ออกมาจากร่างกายของฉินเย่อย่างอธิบายไม่ได้ เธอรู้สึกตกใจเล็กน้อย แต่เธอยังคงตอบเขาด้วยความจริงใจ: "ไม่ได้พูดอะไร ฉันแค่จะไปแล้ว ก็เลยมาบอกลาเธอ" ในตอนนี้ ฉินเย่ประหลาดใจเล็กน้อย “คุณจะไปแล้วเหรอ?” อาจเป็นเพราะเธอเพิ่งได้เจอหยินอู้เมื่อคืนนี้ แต่วันนี
เสิ่นหยินอู้ตกใจเล็กน้อย “จะลาออกเหรอ? เพราะอะไรล่ะ? ไม่ใช่เพราะฉันใช่ไหม?” “ไม่ใช่” โจวชวงชวงส่ายหัว ยื่นมือไปเช็ดน้ำตาออกจากหางตา แล้วลดสายตาลงต่ำและพูดว่า: “เรื่องของเธอมันเป็นแค่ส่วนหนึ่ง หลักๆคือฉันไม่อยากทำแล้ว" ตอนที่เธอมาก็ไม่เห็นเธอจะบอกว่าเธอไม่อยากทำงานต่อแท้ๆ แต่ตอนนี้... เสิ่นหยินอู้รู้สึกผิดและโทษตัวเองเล็กน้อย กังวลว่าชวงชวงต้องการลาออกเพราะเธอ "ฉันจริงจัง เราเป็นเพื่อนสนิทกันมาหลายปีแล้ว เธอไม่เชื่อฉันเหรอ? ก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้บ่นให้เธอฟังมาตลอดเหรอว่าเขาคือโจวเปาผีที่ใจร้ายน่ะ? เขาเอาเวลาของฉันไปเยอะ ฉันไม่มีโอกาสได้ไปแม้แต่ดูตัวกับผู้ชายสักคนด้วยซ้ำ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ฉันก็คงไม่ต้องแต่งงานกันพอดี และช่วงนี้ฉันก็เหนื่อยมาก ช่วงนี้ฉันก็อยากลาออกพอดี ก็เลยจะกลับจีนไปสะสางทุกอย่างให้เรียบร้อย” เธอพูดมาทั้งหมดก็เพราะหวังว่าเสิ่นหยินอู้จะไม่โทษตัวเอง หากเธอยังคงโทษตัวเองต่อไปในเวลานี้ เธอเกรงว่าโจวชวงชวงอาจจะต้องมานั่งอธิบายอะไรอีกมาก ดังนั้น เสิ่นหยินอู้จึงพยักหน้า “โอเค ในเมื่อเธอคิดดีแล้ว งั้นฉันก็จะไม่โน้มน้าวอะไรเธออีก” ผู้ใหญ่ควรรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะ
ต่อให้ในอดีต เขาจะได้รับประสบการณ์ที่น่าขมขื่นในวัยเด็ก แต่แล้วมันยังไงล่ะ? มันเกี่ยวอะไรกับเขาล่ะ? ใครบ้างที่ไม่เคยได้รับประสบการณ์ที่น่าขมขื่นในวัยเด็ก? แต่เนื่องจากมันเป็นการตัดสินใจของประธานฉิน หลี่มู่ถิงจึงไม่สามารถพูดอะไรได้อีก "ผมเข้าใจแล้วครับประธานฉิน ไม่ต้องห่วง ถ้าคุณต้องการทราบเรื่องนี้ ผมจะไปตรวจสอบให้คุณ" ในไม่ช้า หลี่มู่ถิงก็จากไป เหลือเพียงฉินเย่ที่อยู่ที่เดิมตามลำพัง ริมฝีปากบางของเขาเม้มจนเกือบจะเป็นเส้นตรง สิ่งที่เข้ามาในหัวคือคำพูดที่หลี่มู่ถิงบอกเขา ดูเหมือนเธอจะเป็นห่วงโม่ไป๋มากเลยสินะ? ที่หน้าอกของเขามีความรู้สึกเจ็บจี๊ดแผ่ซ่านเข้ามา ฉินเย่จึงอดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นและไปหาเธอ - หลังจากที่เสิ่นหยินอู้กลับมาจากที่ๆคุยกับหลี่มู่ถิง เธอก็นึกถึงโม่ไป๋มาตลอด เด็กน้อยทั้งสองคนกำลังดูการ์ตูนอยู่ในห้อง พวกเขาถือโทรศัพท์อยู่ในมือ เสิ่นหยินอู้ก็มีอีกเครื่องที่โม่ไป๋ให้คนเตรียมไว้ให้เธอ ในคืนที่เธอหนีไปคืนนั้น เป็นเพราะสถานการณ์ฉุกเฉินมาก เธอจึงลืมเอาโทรศัพท์ติดตัวไปด้วย ในตอนนี้เธอสามารถใช้ได้เฉพาะโทรศัพท์ที่ฉินเย่เตรียมไว้ให้เธอเท่านั้น และซิมการ์ดก็เป