คุณย่านั่งฟังเหม่ยหลินที่อ่านหนังสือให้ฟัง คุณนายเฉินที่มองออกมาจากหน้าต่างชั้นสองของบ้านถึงกับยิ้มออกมา นายพลเฉินที่พึ่งกลับมาจากกองทัพเองก็ยืนข้าง ๆ เธอด้วยเช่นกัน“ไม่น่าเชื่อว่าอาหลินจะเอาชนะใจคุณแม่ได้ในเวลาแค่สามวัน หลิวซีอิ๋งยังทำได้ไม่เหมือนเธอเลย”“คุณกลับมาแล้วเหรอคะ แล้วมีข่าวจากทางเหนือไหมคะ”“พวกเขาไปถึงอย่างปลอดภัยแล้วล่ะ”“ดีจริง ๆ ถ้าอย่างนั้น…”“อย่าพึ่งไปเลย ผมอยากจะเห็นรอยยิ้มของคุณแม่อีกสักหน่อย”“แต่ว่าอาหลินคงจะเป็นกังวล คุณแม่ก็เหมือนกันเรื่องที่คุณห่วงฉันว่าอาหลินน่าจะช่วยคุณได้นะคะ”“นั่นสิคุณพูดถูก ไปกันเถอะ”นายพลเฉินตัดสินใจพาคุณนายเฉินเดินลงไปหาคุณย่าโจที่นั่งฟังเหม่ยหลินอ่านหนังสือให้ฟังในสวน เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเหม่ยหลินจะมีพรสวรรค์และเก่งหลายอย่างแบบนี้ น้ำเสียงและอารมณ์ที่อ่านให้เธอฟังช่างฟังแล้วรื่นหูจนเธอเคลิ้มไปกับเรื่องที่เหม่ยหลินอ่าน“คุณแม่ครับ”“หือ… อ้าวอาเจิ้ง มานั่งก่อนสิมีอะไรกันล่ะ”เหม่ยหลินเมื่อเห็นหน้านายพลเฉินเดินมาก็หันไปสั่งสาวใช้ให้รีบยกชาและขนมมาเพิ่มทันที“คุณแม่กำลังทำอะไรอยู่เหรอครับแล้วนี่ไม่นอนพักกลางวันเหรอ”“แม่กำลังฟังเ
คุณย่าโจสะดุ้งสุดตัว โชคดีที่เหม่ยหลินมีสติเธอจึงประคองคุณย่าเอาไว้ได้ทันทำให้คุณย่าโจไม่ล้มลงไปเมื่อค่อย ๆ หันมาทั้งย่าโจและหลิวซีอิ๋งก็ต้องตกใจเพราะเธอไม่คิดว่าจะพบลู่เหม่ยหลินอยู่ที่นี่“ลู่เหม่ยหลิน!!”“คุณหนูหลิว คุณตะโกนทำไมคะคุณย่าตกใจหมด”“เธอนั่นแหละทำไมถึงได้พาคุณย่าออกมาเดินตากลมแบบนี้ แล้วนี่พยาบาลไปไหนกันหมด ทำไมถึงไม่มีใครมาดูแลคุณย่า!!”ย่าโจรู้สึกตกใจและรำคาญเสียงแผดที่ดังของซีอิ๋งจนจับแขนของเหม่ยหลินเอาไว้แน่นและหันไปมองซีอิ๋ง“ซีอิ๋งพอได้แล้ว เลิกโวยวายสักทีฉันเป็นคนบอกให้อาหลินพาออกมาเอง”“คุณย่า!! แต่นี่มันอันตรายมากนะคะหากว่าคุณย่าลื่นล้มลงไปจะทำยังไงแม่นี่จะทำอะไรได้คะ หนูเรียนพยาบาลมารู้ดีว่าการเดินพื้นลื่น ๆ แบบนี้มันไม่ดีสำหรับผู้สูงอายุ นี่เธอกล้าดียังไงถึงได้พาคุณย่าออกมา หรือว่า… เธอกำลังคิดที่จะทำร้ายคุณย่าทางอ้อมเพราะเห็นว่า…”“พอที!! ฉันบอกให้หยุด” / ย่าโจ“คุณย่าคะ ดมยานี้ก่อนนะคะฉันจะพาไปนั่งรถเข็น”“อืม ช่วยทีนะ”ซีอิ๋งเดินมาและจะแย่งหน้าที่พยุงแต่เธอเผลอดึงแขนย่าโจแรงไปหน่อยเพราะโกรธที่ย่าโจยอมให้ลู่เหม่ยหลินพยุงเดินออกมาข้างนอกซึ่งนี่เป็นสิ่งที่เธอไ
ซีอิ๋งหน้าเสียเพราะเธอไม่คิดว่าคุณนายเฉินจะเข้าครัวไปด้วย ตอนนี้กลายเป็นเธอที่ถูกทั้งย่าโจและคุณนายเฉินหันมามองหน้า “ขอโทษด้วยนะคะคุณป้า ฉันก็แค่เห็นว่ามันเป็นขนมก็เลยนึกว่ามันจะไม่ดีต่อสุขภาพคุณย่าก็เลยเป็นห่วงมากเกินไป”“เอาเถอะ ในเมื่อเข้าใจแล้วก็ดื่มชาเถอะ”แต่ซีอิ๋งที่ดื่มกินอะไรไม่ลงแล้วก็ไม่อยากจะนั่งต่อ เธอมาที่นี่ก็เพื่อจะเอาใจย่าโจและถามไถ่ข่าวของต้าเว่ยแต่ในเมื่อเหตุการณ์ไม่เป็นใจก็ไม่จำเป็นจะต้องฝืนใจอยู่“ไม่เป็นไรค่ะคุณย่า คือว่าหนูพึ่งนึกได้ว่าจะต้องรีบเอาของไปไว้ที่โรงพยาบาลถ้าอย่างนั้นขอตัวเลยนะคะ ลานะคะคุณป้า”“จ้ะ กลับดี ๆ นะ”ซีอิ๋งเดินออกมาจากสวนและรีบขึ้นรถกลับทันที บรรยากาศในบ้านตระกูลเฉินในตอนนี้แทบจะไม่ต้อนรับเธออยู่แล้ว อีกอย่างในเมื่อต้าเว่ยไม่อยู่ที่นี่ เธอก็ไม่จำเป็นจะต้องเข้ามาบ่อย ๆ“ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ฉันก็จะไม่ฝืนแล้ว ขอแค่คุณแม่สามารถขายยาให้กองทัพ เงินมหาศาลนั่นก็จะเป็นของฉันทั้งหมด”ตระกูลเหวินได้เงินก้อนแรกจากกองทัพ แม้ว่าจะไม่เท่ากับที่หวังแต่ก็เป็นเงินก้อนใหญ่มากพอที่จะทำให้พวกเขาสามารถทำการค้าต่อไปได้เพราะเงินนี้มากกว่ายอดขายทั้งปีที่ตระกูลเหวิ
“แต่ว่าคุณหมอเฉินคะ”“พยาบาลฉู่ เรียกคน”“ค่ะ”“ก็ได้! ฉันไปก็ได้”ซูจิ่งหยางยอมถอย เธอมาที่นี่หลายครั้งแล้วแต่เฉินต้าเว่ยไม่เคยจะพูดดีกับเธอเลยสักครั้ง ครั้งแรกที่พบเขาก็ตอนที่ต้าเว่ยพึ่งมาเมืองเหนือและนายพลซูเชิญเขาไปทานข้าวที่บ้าน วันนั้นเธอไม่อยากลงมาร่วมโต๊ะแต่เมื่อได้พบเขาก็ถึงกับตกตะลึงในความหล่อและท่าทางสุขุมของเขาก็ยังทำให้หัวใจของสาวน้อยวัยสิบแปดเต้นแรงจนปิดไม่มิด“คุณหมอมาจากกวางโจวเหรอคะ”“ครับ”“ที่นั่นมีมหาวิทยาลัยดัง ๆ เยอะ เอาไว้ตอนฉันไปเรียนที่นั่นอาจจะได้พบคุณหมอบ้างนะคะ”“ครับ”แม้ว่าครั้งนั้นเขาจะแทบไม่ได้คุยอะไรกับเธอแต่คุยกับพ่อของเขา ซูจิ่งหยางก็ได้แอบมองเขา ท่วงท่าและจังหวะในการพูดทุกอย่างของเขาทำให้เธอเก็บเอาไปฝัน นายพลซูรู้ว่าลูกสาวคิดอย่างไรเพราะปกติเธอจะไม่นั่งร่วมโต๊ะนานขนาดนี้และสายตาที่เธอมองต้าเว่ยคนเป็นพ่อแค่มองปราดเดียวก็รู้แล้ว“ว่าแต่นายพลเฉินคงสบายดีสินะ ตั้งแต่ย้ายมาผมก็ไม่ได้เจอคุณย่าโจอีกเลย”“ครับ สบายดีครับตอนนี้มีภรรยาของผมคอยดูแลอยู่ที่บ้าน คุณย่าสบายดีครับ”“อ่อ งั้นเหรอนี่คุณ… แต่งงานแล้วเหรอ”สีหน้าของซูจิ่งเหยาตกใจเล็กน้อยเมื่อทราบว่าเฉ
นายพลเฉินกัดกรามแน่นพร้อมกับสั่นด้วยความโกรธหลังจากได้รับรายงานจากต้าเว่ยกับตัวอย่างยาที่หมดอายุและไร้คุณภาพที่เขาฝากมากับหยวนลี่ เหม่ยหลินแทบจะไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน“อะไรนะคะ หมายความว่า…”“ใช่แล้วพี่สะใภ้รอง พี่รองตรวจเจอยานี้ตอนที่พวกเขาใช้กับคนไข้ระหว่างที่รอยาของคุณพ่อส่งไป ช่วงนั้นพวกเราใช้ยาไปมากจนหมดก่อนกำหนดก็เลยนำยาของตระกูลเหวินมาใช้ ใครจะไปนึกว่าจะเจอปัญหาพอพี่รองสั่งให้ตรวจสอบเลยพบว่ายาทั้งหมดที่ส่งไปมีทั้งใกล้จะหมดอายุและหมดอายุไปแล้วเกินหนึ่งปี ปะปนกันไป”“เรื่องนี้ฉันจะจัดการให้ทันที ตระกูลเหวินอาศัยช่วงเวลาที่กองทัพมีปัญหาทำแบบนี้อย่าได้หวังว่าฉันจะอยู่เฉย ๆ”“โชคดีที่วันนั้นยาที่พี่สะใภ้หามาได้ส่งไปทันเวลา พี่รองเลยสั่งให้เก็บยาของตระกูลเหวินออกไปทั้งหมดเพื่อจะได้ไม่ให้ใครหลงไปใช้อีกแต่ว่าในตอนนี้คงจะต้องส่งไปเพิ่มเพราะอาจจะต้องใช้มากกว่าเดิม”“อาหลิน คุณหม่าว่ายังไงบ้างในเรื่องนี้”“คือว่าฉันจะมาแจ้งคุณลุงพอดีเลยค่ะว่าการส่งอาจจะล่าช้าไปสองสามวันแต่คุณหม่าบอกว่าจะเหมาขบวนรถไฟเพื่อจัดส่งยาชุดใหม่ไปให้ทันการใช้งานค่ะ ก่อนหน้านี้ต้าเว่ยบอกฉันแค่ว่าอยากให้เร่งส่งยาไป
เหม่ยหลินยิ้มให้ก่อนที่จะเรียกนายพลเฉินด้วยคำที่ห่างหายไปนอนแล้วเกือบครึ่งปี“คุณพ่อ”“ดีมาก… เอาล่ะถ้าอย่างนั้นคงต้องรีบเตรียมตัวกันแล้วสินะ อาลี่เห็นว่าจะไปพร้อมกับขบวนยาเลยใช่มั้ย”“ครับคุณพ่อ ที่จริงพวกอาวุธที่เบิกมาผมว่าหากคุยกับคุณหม่าได้ก็น่าจะไปพร้อมกันได้นะครับ”“เรื่องนี้เราจะรบกวนเขามากเกินไปหรือเปล่า เราอาศัยขบวนรถส่งยาและเครื่องนุ่งห่มไปแล้วและยังทหารอีกสามสิบคน นี่จะให้เขาช่วยขนอาวุธไปอีก”“ไม่เป็นไรค่ะคุณพ่อ ฉันสามารถคุยเรื่องนี้กับคุณหม่าได้ ด้วยยอดการสั่งซื้อตลอดปีที่กองทัพมีให้ คุณหม่าเองก็ยินดีช่วยเหลือเราทุกอย่างค่ะ ขอตัวสักครู่นะคะหนูขอโทรไปปรึกษาเขาก่อนตอนนี้ยังไม่ดึกมากคุณหม่าน่าจะยังไม่นอน”“เอ่อ…”“ไม่เป็นไรค่ะ ให้เป็นหน้าที่หนูเถอะนะคะคุณพ่อ”เหม่ยหลินเดินออกจากห้องไปแล้ว คุณย่ายิ้มทั้งน้ำตาก่อนจะส่ายหัวให้คนที่พึ่งเดินออกไป“ดูท่าทางดีใจของหล่อนนั่นสิ น่าหมั่นไส้จริง ๆ อย่างกับเด็กที่พ่อแม่อนุญาตให้ไปเที่ยวอย่างนั้นแหละ”“นั่นสิคะ ไม่คิดเลยว่าเธอจะทำเพื่อต้าเว่ยถึงขนาดนี้ หากเป็นฉันคงไม่มีความกล้าได้มากเท่ากับอาหลิน”“แต่ยังไงก็เป็นผู้หญิง อาลี่แกต้องดูแลพี่
“แต่ว่าคุณพ่อคะ นี่มันเป็นสมบัติของตระกูลเฉิน”“ตอนนี้เธอเองก็เป็นคนของตระกูลเฉิน อาหลินมาหาย่าแล้วฟังให้ดี”เหม่ยหลินเดินเข้าไปหาคุณย่าโจก่อนที่จะนั่งข้าง ๆ รถเข็นของคุณย่าเพื่อฟังที่เธอพูด“เราเป็นผู้หญิงต้องดูแลตัวเอง ระหว่างเดินทางต้องอยู่กับหยวนลี่อย่าให้ห่าง อาลี่บอกว่าเธอใช้ปืนเป็นย่าถึงได้ให้อาเจิ้งนำมันออกมาให้เธอ หลังจากออกเดินทางแล้วดูแลตัวเองให้ดี ๆ เข้าใจไหม”“คุณย่า”“เด็กโง่อย่าร้องไห้เชียวไม่อย่างนั้นฉันจะยกเลิกคำสั่งทั้งหมดและไม่ให้เธอจากไป”“หนูไม่ร้องค่ะ ไม่ร้องแล้ว เอาไว้หนูจะทำขนมถั่วเขียวและถั่วตัดงาดำเก็บไว้ให้คุณย่ากิน รอหนูกับพี่ต้าเว่ยกลับมานะคะ”“อย่าให้ย่ารอนาน รีบไปรีบกลับ”“ค่ะคุณย่า”“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นก็ ไปกินข้าวกันเถอะ อาลี่ช่วยอาหลินเก็บทีนะ”“ครับคุณพ่อ”“คุณย่าคะ คุณย่าสัญญากับหนูแล้วว่าถ้าหนูทำขนมถั่วตัดกับงาดำให้คุณย่าจะมาร่วมโต๊ะอาหารกับพวกเรา”คุณนายเฉินยกมือทาบปากจนสั่นเมื่อเหม่ยหลินพูดคำนี้ขึ้นมา แม้แต่นายพลเฉินเองก็หันไปมองด้วยความตกตะลึง หยวนลี่นิ่งอึ้งไปเพราะในตระกูลเฉินรู้ดีว่าคุณย่าไม่มานั่งร่วมโต๊ะอาหารนับตั้งแต่พี่ชายคนโต “เฉินต้าเหริ
การเดินทางด้วยรถไฟรวดเร็วก็จริงแต่ก็ยังต้องระมัดระวังหลายอย่างทั้งโจรภูเขาระหว่างทางหรือด่านทหารที่คอยตรวจสอบ อีกทั้งยังมีกลุ่มทหารตามชายแดนที่เป็นข้าศึกที่ต้องคอยระวังกันด้วย“พี่สะใภ้รอง ดื่มน้ำสักหน่อยเถอะ”“ขอบคุณค่ะพี่หยวนลี่ นี่เราอยู่ไหนกันแล้วคะ”“น่าจะเกือบถึงเซี่ยงไฮ้แล้ว คุณไหวหรือเปล่าต้องนั่งรถไฟเกือบสองวันและต้องต่อรถเข้าไปที่กองทัพอีก”“ไหวค่ะ ฉันสบายมากขออย่าให้เกิดเรื่องก็พอ”“นายพลเฉินครับ”“มีเรื่องอะไร”“คนขับรถไฟขอปรึกษาคุณหน่อยครับ”“คุณอยู่ที่นี่นะ นอนพักสักหน่อยข้างนอกมีคนของผมเฝ้าอยู่ถ้ามีอะไรก็เรียกได้เลยแล้วอย่าเปิดหน้าต่างเอาไว้ล่ะ”“เข้าใจแล้วค่ะคุณรีบไปเถอะ”หยวนลี่เดินออกมาจากห้องพักของเหม่ยหลินก่อนจะเดินไปคุยกับคนขับรถไฟเพื่อปรึกษาเส้นทางการเดินรถ“เอาตามที่คุณว่าได้เลยผมคิดว่าทางนี้เป็นการป้องกันที่ดีมากเลย”“ครับ แม้ว่าจะถึงช้ากว่ากำหนดเดิมสามชั่วโมงแต่ผมคิดว่าน่าจะปลอดภัยมากกว่าเส้นทางเดิมที่มีโจรตามไหล่เขา”“ครับ ขอบคุณมาก”“ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณที่ครั้งนี้มีทหารมาช่วยคุ้มกันสินค้าจะได้ไม่ต้องระแวงโจรพวกนี้”หม่าเซินยินดีมาก ๆ ที่รู้ว่าจะมีนายทหารค
อ่างน้ำในห้องน้ำแทบจะไม่เหลือน้ำให้อาบเมื่อหยวนลี่พาจิ่งเหยาเข้ามาพร้อมกับจับเธอกระแทกในอ่าง สงครามบนเตียงของทั้งคู่ถือว่าดุเดือดมากเพราะแต่ละคนอายุยังน้อย“อ๊าา ดูดแรงขึ้นอีก แบบนั้นแหละค่ะ อ๊าา พี่ลี่!!”เมื่ออาบน้ำเสร็จเข้าก็พาเธอมาวางบนเตียงและยกขาเธอกางออก ลิ้นของเขาเริ่มสำรวจอีกครั้งว่าเธอยังสามารถรองรับเข้าได้อีกหรือไม่ แต่ท่าทางบิดเร่ายั่วยวนของคนตรงหน้าเขาคงไม่ต้องถามเมื่อเธอเป็นฝ่ายบุกมาเองอีกครั้ง“คุณจะใส่มาเลยหรือจะให้ฉันจัดการเองคะ”“ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ คุณจะไม่ให้ผมได้สำรวจสักหน่อยเหรอ”“เสียเวลาค่ะ มาเถอะไหน ๆ ก็ล้างตัวแล้วนี่”“ที่รัก คุณนี่มันเร่าร้อนถูกใจผมจริง ๆ”“อ๊าา อื้อ ลึกดีจังเลย เสียวมาก อ๊าาา”หยวนลี่แทบจะยืนค้ำเธอเมื่อค่อย ๆ สอดใส่จนสุดและขย่มเธอจากด้านบน พวงสวรรค์ของเขาสั่นจนบั้นท้ายเธอรู้สึกถึงแรงกระทบกันถี่ ๆ แต่เธอไม่ยอมให้เขาหยุดก่อนที่จะพลิกตัวกลับมาเป็นฝ่ายขย่มเขาเอง“อ๊าา ที่รัก ท่าร่อนเอวของคุณนี่มัน… ชวนให้ผมแตกไวกว่าเดิม อ๊าาา”มือเรียวเอื้อมมาบดขยี้ตุ่มใตจากแผงอกกว้าง หยวนลี่ทำหน้าบูดเบี้ยวเพราะความเสียวจากหัวนมที่ถูกเธอบีบ เขารู้แล้วว่าตรงส่วน
จิ่งเหยามาเรียนที่มหาวิทยาลัยได้เกือบสามเดือนแล้ว ซึ่งเวลาในวันหยุดของเธอหมดไปกับการช่วยดูแลร้านขายผ้าให้กับเหม่ยหลินซึ่งตอนนี้เธอเรียกว่าพี่สะใภ้รอง และอีกสองเดือนเธอกับเฉินหยวนลี่เองก็จะเข้าพิธีหมั้นแล้วเช่นกัน“ต้องการแบบไหนแจ้งได้เลยนะคะ ที่นี่มีผ้าหลายอย่างให้เลือกค่ะ”“ครับคนสวย ผมอยากให้คุณช่วยแนะนำหน่อย ผมอยากได้ผ้าไหมแบบหรูหราไปตัดชุดให้คุณแม่”แม้ว่าจะเคยได้รับคำพูดแบบนี้มาบ่อยครั้งแต่จิ่งเหยาก็ยังยิ้มให้ลูกค้าก่อนจะค่อย ๆ ช่วยเขาเลือก แต่ลูกค้าคนนี้มาที่ร้านนี้สองสามครั้งแล้วและเริ่มจะพูดจาลามปามเธอไม่หยุด“แล้วถ้าหากว่าผมไม่รู้จักร้านตัดเสื้อ ผมให้คุณช่วยแนะนำได้ไหมครับ”“เอ่อ…”“ร้านตัดเสื้อภรรยาผมอาจจะแนะนำไม่ได้ แต่ถ้าอยากถูกตัดหัวน่ะผมพอจะแนะนำให้คุณได้”เสียงของเฉินหยวนลี่ที่มาพร้อมกับนายทหารในเครื่องแบบอีกสองนายด้วยชุดพลโทเต็มยศทำให้อีกฝ่ายรีบถอยออกไปทันที พร้อมกับหันมาบอกจิ่งเหยาด้วยเสียงที่เริ่มสั่น เขาไม่เคยรู้เลยว่าเธอจะมีสามีแล้วและยังเป็นนายทหารชั้นสูงระดับพลโทอีกด้วย“คะ คือว่าเอาไว้ผมค่อยพาคุณแม่มาเลือกวันหลังนะครับ”“ค่ะ ยินดีต้อนรับค่ะ”ชายคนนั้นรีบเดินออกจ
ไม่ผิดไปจากที่เหม่ยหลินคาดการณ์เอาไว้ แต่ในวันนั้นเธอไม่รู้อะไรเลย รู้แค่ว่ารอให้ต้าเว่ยผิดนัดเสียก่อนเธอก็จะประกาศถอนหมั้นอย่างไร้ความผิดได้ แต่เขากลับมาทันเวลา“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ”“วันนั้นเธอไปหาพ่อของเธอที่โรงพยาบาลและรู้ข่าวว่าผมจะหมั้นในวันนั้นจากเจ้าสาม เธอจึงได้ดักรอพบผมและเริ่มฟูมฟายจนทำให้ผมเกือบมาไม่ทัน”“คุณทำยังไงถึงจะสลัดเธอหลุดได้คะ”“คุณก็รู้ว่าผมเป็นคนพูดตรง ๆ ต่อให้เธอฟูมฟายร้องไห้จนเป็นลมในเวลานั้นผมก็ไม่มีเวลาสนใจเธอแล้ว ก็เลยสั่งให้พยาบาลจูพาเธอกลับไปที่ห้องพักของพ่อเธอและรีบออกมาทันที จำได้ว่าวันนั้นน้องสามเหยียบคันเร่งและขับรถเร็วมากที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นจนไปถึงที่งานทันเวลา”“ฉันในตอนนั้นสำหรับคุณคงไม่ใช่คนที่คุณชอบสินะคะ”“ก่อนหน้านั้นผมไม่เคยคิดกับคุณแบบนั้น ผมยอมรับว่าออกจะรังเกียจคุณด้วยซ้ำไป แต่วันที่บ้านของพวกเรานัดทานข้าวกันและคุณเดินชนผม คุณในวันนั้นเหมือนจะกระตุกหัวใจผมไปได้นิดหน่อยอีกอย่างในงานหมั้นวันนั้น…”“ทำไมคะ”“เมื่อผมเข้าไปและเห็นคุณนั่งนิ่ง ๆ อยู่ในบ้าน แค่เห็นสีหน้าเรียบเฉยและแววตาเย็นชาของคุณ ผมก็คิดว่าคุณแทบจะอยากประกาศยกเลิกงานหมั้นเสียเอ
“แต่ว่า… จะดีเหรอคะ”“ผมถามคุณหมอกงมาอย่างละเอียดแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้คุณแม่ที่เอาแต่เลี้ยงลูกรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้งหรือรู้สึกเศร้า เป็นหน้าที่สามีอย่างผมที่จะคอยปรนนิบัติไม่ให้คุณรู้สึกน้อยใจ”“ทำไมฉันฟังแล้วมันเหมือนข้ออ้างเจ้าเล่ห์ของหมาป่าที่กำลังจะหลอกกินกวางอีกแล้วล่ะ”“ก็ไม่ต่างกัน คุณว่ายังไงก็อย่างนั้นแต่วันนี้ให้ผมทำเถอะนะ มันรอไม่ไหวแล้ว”เขาจับมือเธอมาที่กางเกงชุดนอนบางเบาที่เริ่มแข็งตึงจนตุงออกมา เพียงแค่เหม่ยหลินสัมผัสอารมณ์ของเขาก็กระเจิงจนรออีกไม่ไหว ชุดนอนของภรรยาถูกดึงออกไปอย่างรวดเร็ว หน้าอกที่โตมากกว่าเวลาปกติยิ่งทำให้ต้าเว่ยรู้สึกคอแห้งผากและกระหายขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้“อ๊าา ต้าเว่ย…เสียว อย่าพึ่งเร่งเดี๋ยวนมจะ…อ๊าาา”น้ำนมสีขาวค่อย ๆ ไหลออกมาตามทางเพราะถูกกระตุ้น ต้าเว่ยดูดกลืนจนหมดด้วยความหลงใหล ร่างของเหม่ยหลินบิดไปมาเพราะความเสียว พ่อกับลูกเวลาดูดนมให้ความรู้สึกที่ต่างกันลิบลับ เธอไม่เคยรู้สึกแบบนี้เวลาที่ลูกดูดนมของเธอคนละข้าง“อ๊าา ต้าเว่ยฉันต้องการคุณ”“ผมจะค่อย ๆ สำรวจไปทีละจุด ตรงนี้ตรวจไปแล้ว ยอดเยี่ยมมาก ๆ จากนี้ก็ตรงนี้”เขาค่อย ๆ เลือนลงมาที่หน้าท้อ
รถเข็นในโรงพยาบาลถูกเข็นเข้าห้องคลอดในตอนเช้ามืดปลายฤดูใบไม้ผลิ “อาหลิน อดทนไว้นะ”“ต้าเว่ย โอ๊ย!!”เมื่อรถเข็นถูกเข็นเข้าไปในห้องคลอด ต้าเว่ยก็ทำได้แค่รออยู่หน้าห้องอย่างใจจดใจจ่อ แม้ว่าเขาจะมั่นใจในฝีมือการทำคลอดของหมอกงแต่เพราะเขาไม่ได้เข้าไปด้วยตัวเองจึงรู้สึกเป็นห่วงเหม่ยหลินมีอาการไม่อยากอาหารมาตั้งแต่เมื่อคืนและกลางดึกก็นอนกระสับกระส่ายจนใกล้จะเช้าเธอจึงเริ่มปวดท้อง เขาจึงรีบพามาที่โรงพยาบาลทันที“พี่ต้าเว่ย! พี่เหม่ยหลินเป็นยังไงบ้างคะ”“อาเหยา อาลี่ มากันแล้วเหรอ”“พอคุณป้าโทรบอกฉันก็รีบปลุกพี่ลี่ลุกขึ้นมาและตรงมาที่นี่เลย เข้าไปนานหรือยังคะ”“สักพักแล้วแต่ยังไม่มีใครออกมาเลย”“ใจเย็น ๆ นะพี่รอง พี่สะใภ้รองไม่เป็นอะไรหรอก”“อืม ขอบใจนายมาก”นายพลเฉินและคุณนายเฉินมาหลังจากนั้นอีกไม่นาน พวกเขาวิ่งมารวมที่หน้าห้องคลอดพร้อมกับเดินวนเวียนไปมากับเสียงร้องด้านในซึ่งไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ต้าเว่ยที่พยายามนิ่งจนหน้าซีดก็เริ่มกระสับกระส่ายก่อนที่ประตูห้องคลอดจะเปิดออกมาพร้อมกับหมอกงที่เดินออกมาหาต้าเว่ย“หมอกง!! ภรรยาของผมเป็นยังไงบ้างครับ”“ยินดีด้วยนะคะคุณหมอเฉิน คุณได้ลูกแฝดชายค่ะ”
“เอาศักดิ์ศรีของพลโทอย่างผมเป็นประกันว่าชาตินี้ผมจะรักและดูแลคุณเพียงคนเดียวตลอดไป”จิ่งเหยาเดินไปพร้อมกับดึงเขาเข้ามาจูบท่ามกลางแสงดาวนอกระเบียง หยวนลี่ที่กำลังตกใจอยู่ถึงกับถลึงตาและเมื่อปรับตัวได้ก็ดึงเธอเข้ามาและจูบรับกลับไปด้วยความปรารถนาที่รุนแรงกว่าจนอีกฝ่ายเกือบหายใจไม่ออก“อื้อ พอก่อนค่ะฉันหายใจไม่ทัน”“แต่คุณเริ่มก่อนนะครับ”“รู้แล้วค่ะ ไม่คิดเลยว่าคนปากแข็งเก็บความรู้สึกอย่างคุณจะจูบเก่งไม่เบาเลย เคยจูบใครมาก่อนเหรอคะ”“ผม! เปล่านะ”“เงียบแล้วค่อย ๆ จูบฉันอีกทีเถอะค่ะ”ตอนนี้หยวนลี่ที่ดึงจิ่งเหยาเข้ามากอดเอาไว้ค่อย ๆ คลี่ยิ้มที่มีเสน่ห์ของเขาให้กับเธอก่อนที่จะค่อย ๆ ก้มลงจูบเธออีกครั้ง ระเบียงไร้ผู้คนในตอนนี้เป็นสถานที่ที่ดีสำหรับบอกรักของทั้งคู่ อีกทั้งเสียงเพลงด้านในก็เริ่มดังขึ้นอีกครั้ง“เมื่อกี้นี้คุณหนีออกมาก่อนดังนั้น เรามาเต้นรำกันให้จบเพลงดีหรือเปล่าครับ”“ด้วยความยินดีค่ะ”เสียงเพลงที่คลอมาจากห้องโถงงานเลี้ยงและฟลอร์โล่งริมระเบียงท่ามกลางแสงจันทร์ช่างเป็นบรรยากาศที่พิเศษและแสนโรแมนติกไม่ต่างไปกับคู่แต่งงานใหม่ที่กำลังถูกส่งขึ้นห้องส่งตัวในตอนนี้ห้องส่งตัว“เมื่อย
งานเลี้ยงช่วงค่ำ งานเลี้ยงฉลองสมรสของทั้งคู่ถูกจัดขึ้นอีกครั้งในช่วงตอนเย็น คู่บ่าวสาวเป็นคนเปิดฟลอร์เต้นรำซึ่งครั้งนี้ต้าเว่ยรู้สึกว่าเหม่ยหลินเต้นรำเก่งขึ้นและไม่เหยียบเท้าเขาจนนึกสงสัย“ทำไมคุณเต้นเก่งกว่าตอนที่ผมเจอครั้งแรกเสียอีก หรือว่าคุณแอบไปฝึกมาเหรอ”“ฉันโตขึ้นแล้วนี่คะ จะให้เต้นพลาดและเหยียบเท้าคู่เต้นตลอดแบบนั้นแล้วใครจะอยากมาขอเต้นรำล่ะคะ”ต้าเว่ยรู้สึกฉุนเล็กน้อยเมื่อเธอพูดออกมาเช่นนี้ เธอแต่งงานกับเขาแล้วยังกล้าที่จะให้คนอื่นขอเต้นรำอีกงั้นเหรอ“คุณนายเฉิน คุณแต่งงานกับผมแล้วจากนี้คู่เต้นรำของคุณมีแค่ผมคนเดียวไม่อนุญาตให้ตอบรับคนอื่นอีกเข้าใจไหม”“ขี้หึงจนถึงตอนนี้เลยนะคะ แล้วถ้าพี่หยวนลี่ พี่ใหญ่ คุณพ่อละคะ คุณก็หึงพวกเขาด้วยเหรอ”“คุณเล่นไม้นี้อีกแล้วนะ ทำไมถึงได้หาเหตุผลมาโต้แย้งจนผมเถียงไม่ได้เก่งจริง ๆ”“ฉันไม่ได้หาข้อโต้แย้งนะคะ แค่พูดไปตามความเป็นจริงเท่านั้น”ต้าเว่ยดึงเจ้าสาวเข้ามากอดจนแน่นพร้อมกับจังหวะเพลงที่เริ่มเปลี่ยนไป เหม่ยหลินรีบดันตัวเขาออกไปนิด ๆ ก่อนจะรีบพูดออกมา“อย่าทำอะไรประเจิดประเจ้อเหมือนตอนเช้าอีกนะคะฉันอายคนอื่น”“อายทำไมกัน วันนี้วันสำคัญขอ
“ต้าเว่ย… คนชอบทวงสัญญา”“อย่าเสียเวลาเลยน่า อีกสามวันก็จะเข้าพิธีแต่งงานแล้วครั้งนี้ผมจัดเตรียมแหวนแต่งงานให้คุณด้วยตัวเองรับรองว่าไม่พลาดเหมือนงานหมั้นแน่”“ก็ลองพลาดดูอีกสักครั้งสิคะ หากพลาดอีกฉันก็จะหนีงานแต่งเลย”“แน่ใจเหรอว่าจะหนีผมได้”“อ๊ะ คนบ้า…”เตียงอุ่น ๆ ที่รอทั้งคู่อยู่ในห้องเริ่มได้ใช้การอีกครั้งหลังจากที่ได้หยุดพักไปสองคืนช่วงที่เหม่ยหลินป่วยอยู่ สัมผัสรักของทั้งคู่อบอุ่นและเร่าร้อนขึ้นเรื่อย ๆ จนว่าที่เจ้าสาวอย่างเหม่ยหลินต้องเอ่ยเตือนเพื่อไม่ให้ว่าที่เจ้าบ่าวคลั่งรักอย่างต้าเว่ยเผลอทำรอย เพราะเธอไม่อยากขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าสาวที่มีรอยแดงตามตัวในวันแต่งงานวันถัดมา “คุณย่าครับผมกลับมาแล้ว”“อาลี่เจ้าตัวดี มานี่สิมาให้ย่าดูหน้าหน่อย”หยวนลี่วิ่งเข้ามากอดคุณย่าแน่นพร้อมกับออดอ้อนตามประสาหลานชายคนเล็ก“คิดถึงคุณย่ามาก ๆ เลยครับ”เหม่ยหลินที่เดินออกมารับซูจิ่งเหยา เมื่อเธอเห็นเหม่ยหลินก็รีบวิ่งเข้ามากอดเพราะที่นี่นอกจากเฉินหยวนลี่แล้วเธอก็ไม่รู้จักใครนอกจากเหม่ยหลินกับต้าเว่ย“จริงสิครับคุณย่าครั้งนี้ผมพาว่าที่คู่หมั้นของผมมาด้วย”“หา อะไรนะว่าที่… นี่หลาน…”เหม่ยหลินค่อย
“ทำไมคุณชอบกลายร่างอยู่เรื่อยเลยล่ะคะ แต่วันนี้ฉันคงช่วยคุณไม่ไหวจริง ๆ ค่ะฉันรู้สึกเพลียมาก ๆ เลย"“เป็นอะไรหรือเปล่า หรือว่าจะไม่ค่อยสบายไหนมาตรวจดูหน่อยสิ”ต้าเว่ยค่อย ๆ ใช้หน้าผากอังไปที่หน้าผากของเธอ เขารู้สึกว่าเหม่ยหลินตัวรุม ๆ อยู่นิดหน่อยจึงจัดยาแก้ไข้ให้เธอกินก่อนจะพาเธอไปนอนพัก“พักผ่อนเถอะวันนี้คุณคงเหนื่อยมากเพราะคุณแม่กับพี่ใหญ่พึ่งมา ผมไม่อยากให้คุณคิดมากเรื่องที่คุยกับพี่ใหญ่ลู่ในวันนี้ ผมเป็นสามีของคุณถึงยังไงก็ไม่อยากให้คุณต้องเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องนี้มาคิดจนป่วยไข้”“ค่ะ ฉันรู้ค่ะ แต่ว่า… คุณว่าฉันใจร้ายเกินไปไหมคะ”ที่แท้เธอก็เครียดเรื่องนี้ แม้ว่าเหม่ยหลินจะดูเป็นคนใจแข็งและใจร้ายแต่ในใจลึก ๆ เธอก็ยังนึกเป็นห่วง แต่นั่นก็อย่างที่เธอตัดสินใจบอกพี่ใหญ่ไปว่าหากช่วยครั้งที่หนึ่งก็จะมีครั้งอื่น ๆ ตามมาทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้สองคนนั้นกลัวที่จะต้องรับภาระหนี้สินของตระกูลลู่จนขอแยกทางออกไป“ไม่หรอก คุณทำถูกต้องที่สุดแล้ว สิ่งที่คุณพูดในวันนี้ไม่ผิดเลยสักอย่างเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ ครั้งนั้นผมจำได้ว่าผมเป็นคนถามว่าทำไมคุณถึงยอมให้เงินพวกเธอ คุณบอกว่าถึงยังไงก็เป็นลูกพ่อเดียวกัน