ฉันมองหน้าคุณเพลิงเขาแสนจะเย็นชา ขนาดผู้หญิงร้องไห้อยู่ตรงหน้ายังไม่แสดงความเห็นใจเลยสักนิด“เอาโทรศัพท์ของเอยมานะคะ อึก~” ฉันเอื้อมมือไปแย่งแต่คุณเพลิงชักมือหนี“โทรศัพท์ของเธออยู่ที่ห้อง เครื่องนี้ไม่ใช่”“เอาของเอยมานะ อึก~” ฉันพยายามแย่งโทรศัพท์ของตัวเองมาแต่ก็เปล่าประโยชน์ ยังไงคุณเพลิงก็ไม่ยอมคืนให้“ฉันจะเอาไปทิ้ง”“คุณเพลิง อึก~”“หยุดร้องไห้ฉันไม่ชอบ”“มันห้ามกันได้เหรอคะ อึก~” ฉันเช็ดน้ำตาออกจากแก้ม รู้ว่าตัวเองทำตัวน่ารำคาญ แต่นั่นมันเป็นของ ๆ ฉัน จะไม่ให้เสียใจที่ถูกเขาทำพังเลยหรือไง“ถ้าอยากได้วันหยุดก็เลือกมาว่าจะหยุดวันไหนบ้าง ฉันให้เธอแค่อาทิตย์ละสองวัน”“อึก~”“แต่ถ้ายังไม่หยุดร้องไห้ ฉันอาจจะรำคาญจนเปลี่ยนใจไม่ให้เธอมีวันหยุด…”“เอย อึก~ หยุดร้องแล้วค่ะ”ถึงจะเสียดายโทรศัพท์แต่ก็อยากมีวันหยุด ถึงจะเจ็บใจที่ถูกกระทำแบบนี้แต่ฉันก็ต้องยอมผู้ชายตรงหน้าทุกครั้ง ตอนนี้เหมือนว่าเขากลับเป็นเจ้าของชีวิตของฉันไปแล้วแกร็ก! เสียงประตูห้องเปิดเข้ามา ฉันที่กำลังพยายามจะหยุดร้องรีบเช็ดน้ำตาออกจากพวงแก้มทันที“มึงแปลกไปนะไอ้เฮีย” น้ำเสียงที่เอ่ยท้วงขึ้นมาอย่างสนิทสนมคือเสียงของคุณไ
โชคดีที่คุณเพลิงมีธุระด่วนเขาจึงไม่ได้มานอนที่ห้องฉัน ถึงจะยอมรับสถานะในตอนนี้แล้วแต่ฉันก็ไม่ชินกับเรื่องแบบนั้นและก็ไม่ชินเวลาที่มีผู้ชายมานอนด้วย#ห้องกลับมาถึงห้องสิ่งแรกที่ทำคืออาบน้ำเปลี่ยนชุดนอน จากนั้นก็เช็กเวลาที่ประเทศไทยก่อนจะโทรไปหายาย“ยายจ๋า กินข้าวหรือยัง”(เอ้อ ๆ กินแล้ว)“คิดถึงหนูไหมจ๊ะยาย”(หลานสาวไปอยู่ไกลบ้านไกลเมืองยายก็ต้องคิดถึงอยู่แล้ว)“ถ้ายายอยากกินอะไรก็ให้โอมไปซื้อนะ”(ป่านนี้มันยังไม่ตื่นเลย เมื่อคืนได้ยินเสียงคุยโทรศัพท์จนดึกดื่น)ฉันเข้าใจน้องชายเรื่องมีแฟนมันปกติมาก ๆ จึงได้แต่ยิ้มกับคำพูดของยาย“ชีวิตของเรากำลังจะดีขึ้นแล้วนะยาย หนูจะเก็บเงินทำบ้านหลังใหม่ให้นะ”(อย่าทำงานจนไม่มีเวลาพักผ่อนนะหลาน ยายรู้ว่าอยากให้มีชีวิตที่ดีขึ้นแต่ก็ต้องดูแลสุขภาพตัวเองด้วย ทั้งเรียนทั้งทำงาน ยายอดเป็นห่วงไม่ได้)“งานที่หนูทำมันสบายมาก ๆ เลยจ้ะยาย”มันขมขื่นในใจที่ต้องพูดไปพร้อมกับรอยยิ้ม งานสบายแต่ตัว แต่ใจของฉันกลับค่อย ๆ ด้านชา ฉันคุยกับยายจนเกือบชั่วโมงก็วางสายเพราะดึกมากแล้วต้องรีบพักผ่อนในขณะที่กำลังหลับอยู่จู่ ๆ ก็รู้สึกหวิว ๆ ที่หน้าอก ไม่รู้ว่านี่คือความฝัน
“พรุ่งนี้เช้าเดี๋ยวฉันให้ลูกน้องซื้อยาคุมฉุกเฉินให้” คุณเพลิงบอกก่อนจะดึงถุงยางอนามัยออกจากแก่นกายอย่างหัวเสียมันรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไหลออกมาจากตรงนั้นเยอะมาก ๆ“อ… เอยจะไม่ท้องใช่ไหมคะ เอยไม่อยากท้อง” ฉันบอกเสียงสั่นเพราะความกลัว คุณเพลิงไม่ตอบอะไรแต่ดูจากสีหน้าเขาก็เครียดเหมือนกัน“รีบไปล้างซะ” ฉันรีบลุกขึ้นจากเตียงวิ่งเข้าห้องน้ำอย่างลืมอายว่าตัวเองไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้า พอเข้ามาในห้องน้ำก็นั่งยอง ๆ แล้วเบ่งให้น้ำกามที่อยู่ในช่องแคบไหลออกมา มือมันสั่นเทาไปหมดเวลาล้าง หัวใจดวงน้อยเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ฉันกลัวมากจริง ๆหลังจากล้างน้ำกามเสร็จฉันก็เดินออกมาจากห้องน้ำเห็นคุณเพลิงกำลังแต่งตัวอยู่จึงรีบกระโดดขึ้นเตียงแล้วดึงผ้าหุ่มมาคลุมตัว“พรุ่งนี้ฉันให้เธอพัก ไม่ต้องไปหาฉัน”“… ค่ะ”แต่งตัวเสร็จแล้วคุณเพลิงก็เดินออกไปจากห้อง ส่วนฉันก็นอนแทบไม่หลับเพราะกังวล ขนาดป้องกันแล้วแท้ ๆ หากเกิดว่าฉันต้องอยู่กับคุณเพลิงแบบนี้ไปเรื่อย ๆ คงต้องกินยาคุมเป็นแผงหรือฉีดยาคุมไปเลยจะได้ป้องกันเป็นแบบนี้มันน่ากลัวจริง ๆ เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะเกิดเหตุการแบบนี้อีก#มหาวิทยาลัยแทบไม่ได้นอนทั้งคืนแต่ฉ
ฉันรีบวิ่งมาแอบที่พุ่มไม้ข้าง ๆ บ้านเพื่อรอให้คุณเพลิงเดินไปก่อน จัสตินมองตามฉันด้วยสีหน้าที่งุนงงแต่ก็ไม่ได้ทักท้วงอะไรตอนนี้คุณเพลิงกำลังเดินพ้นออกมาจากหน้าประตูบ้าน หัวใจดวงน้อย ๆ ของฉันเริ่มเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ รีบก้มหน้าลงไม่กล้ามองอะไร“เอย มาหลบทำไมกลัวพ่อเราเหรอ ไม่ต้องกลัวพ่อเราใจดีมานี่เดี๋ยวเราพาไปทำความรู้จักกับพ่อ” เสียงของจัสตินดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของฉันทำเอาหัวใจมันกระตุกวูบ“ไปก่อน” ฉันพูดแบบกระซิบแล้วทำมือไล่ให้จัสตินไป“ไม่ต้องกลัวมานี่”จัสตินเอื้อมมือมาจับแขนฉันให้ลุกขึ้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาเงียบเขินอายแต่จู่ ๆ ก็มีความกล้าขึ้นมาซะงั้น ถูกจังหวะซะด้วยสิเมื่อถูกจับให้ยืนขึ้นฉันก็รีบหันไปมองร่างของคุณเพลิงที่กำลังเดินอยู่ โชคดีที่เขาเดินไปไกลจึงไม่ได้สนใจหันมามอง“ยัยเอยแกไปอยู่ยืนทำไมตรงนั้น” ชะเอมกับมีนเดินมาจากห้องน้ำแถมยังตะโกนถามฉันเป็นภาษาไทยอีกต่างหากคิดว่ารอดแล้วแท้ ๆ แต่ครั้งนี้ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เมื่อสิ้นสุดเสียงของมีนที่ตะโกนถามร่างของคุณเพลิงก็หยุดเดินแล้วหันควับมามอง และในตอนนี้จัสตินกำลังจับแขนฉันอยู่ ฉันจึงรีบดึงแขนตัวเองออกทันที“เอะนั่นคุณ
“ถ้าเธอขัดคำสั่งฉันจะลงโทษยังไงดี ?”“…” ฉันไม่กล้าแม้แต่จะพูดโต้ตอบ“ปกติฉันไม่ชอบแสดงความเป็นเจ้าของถ้าสิ่งของชิ้นนั้นไม่มีค่า แต่ถ้าของชิ้นไหนที่ฉันหวงแหนฉันไม่ชอบแบ่งให้ใคร”“…”“ฉันถูกใจเธอ” ใบหน้าคมคายก้มลงมาใกล้ ๆ ก่อนที่ปลายจมูกโด่งจะแตะสัมผัสบริเวณพวงแก้มของฉันหัวใจดวงน้อยเริ่มเต้นรัวไม่เป็นจังหวะไม่รู้เพราะสาเหตุอะไร มันปกติที่หัวใจจะเต้นแรงเวลาอยู่ใกล้เขา แต่ครั้งนี้ทำไมถึงได้รู้สึกว่ามีอะไรมากกว่านั้นกริ้ง~ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นความตกใจทำให้ฉันรีบผลักตัวออกจากคุณเพลิงแล้วกดรับสายมีนที่โทรมา(เอยแกอยู่ไหน)“ฉ… ฉันอยู่บนรถกับคุณเพลิงน่ะ เขามีงานด่วนขอโทษที่ไม่ได้บอกแกนะ มันกะทันหันจริง ๆ”(รู้งี้ฉันไปกับแกด้วยก็ดี เซ็งเลยเนี่ย)“ฝากขอโทษจัสมินกับจัสตินด้วยนะมีน”(พอแกไม่อยู่จัสตินหงอยไปเลย ซึมเลยตอนนี้)หมับ! โทรศัพท์ในมือของฉันถูกแย่งไปทั้งที่ยังคุยกับเพื่อนไม่จบ แต่เหมือนคุณเพลิงจะได้ยินสิ่งที่มีนพูดเขาถึงได้จ้องฉันเขม็งแบบนี้“ฉันเชื่อเธอได้แค่ไหน ?”“คุณเพลิงหวงเอยเพราะอะไรเหรอคะ ทำไมถึงสั่งห้ามไม่ให้เอยอยู่ใกล้ผู้ชายคนไหน” ฉันตัดสินใจสะบัดความกลัวทิ้งแล้วถามออกไปตรง ๆ
ฉันนั่งตัวแข็งทื่อ แค่ใช้ปากทำมันก็มากพอแล้ว นี่มันข้างถนนเขาจะทำเรื่องน่าอายแบบนั้นบนรถจริง ๆ หรือไง“กลับไปทำที่ห้องนะคะ เอยขอ…”“ขึ้นมา”ฉันจิกเล็กลงบนแขนของตัวเองจนเกิดรอย ก่อนจะตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่อยากทำคือถอดกางเกงที่สวมใส่อยู่ออก ฉันถอดแบบช้า ๆ ทำให้คุณเพลิงแสดงสีหน้าที่หงุดหงิดออกมา“ถ้าเธอยังชักช้าอยู่ฉันจะทำมากกว่าหนึ่งรอบ”พอได้ยินคำขู่ฉันก็รีบถอดกางเกงเร็ว ๆ เพราะไม่อยากทำเรื่องนั้นบนรถหลายครั้ง ในขณะที่ฉันกำลังเร่งถอดกางเกงอยู่คุณเพลิงก็ปรับตัวขึ้น ก่อนที่เขาจะข้ามไปนั่งอยู่เบาะหลังเมื่อท่อนล่างเปลือยเปล่าแล้วฉันก็ลุกขึ้นข้ามมาหาเขา ตัวของฉันถูกจับให้นั่งลงมาบนตักแกร่งโดยมีแก่นกายใหญ่ตั้งรับอยู่“ถ… ถุงยางอนามัยล่ะคะ” ฉันรีบถามหาเพราะตอนนี้แก่นกายของคุณเพลิงไม่ได้สวมใส่เครื่องป้องกัน“สด”“ไม่ได้นะคะ คุณเพลิง… อื้อ~”แก่นกายใหญ่ถูกสอดใส่เข้ามาในร่องแคบขณะที่ฉันกำลังร้องห้าม เสียงทุ้มของคุณเพลิงครางออกมาเบา ๆ ข้าง ๆ ใบหูของฉัน“รู้ไหมว่าสดกับเธอมันทำให้ฉันรู้สึกดีขนาดไหน ซี๊ด” ฝ่ามือใหญ่จับสะโพกของฉันแล้วบังคับให้โยกไปตามจังหวะที่เขาเป็นคนควบคุม“เอยไม่ชอบแบบนี้ อ๊ะ~”“
ฉันไม่คิดว่าตัวเองมีสิทธิ์ออกความคิดเห็นเรื่องนี้ ไม่สามารถบอกได้ว่าควรหรือไม่ควรเพราะทุกอย่างมันต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณเพลิง“ถ้าคุณเพลิงอยากจะรับเธอไว้ เอยก็ไม่ห้ามค่ะ”“ไม่ห้าม ?”“…. ค่ะ”“แปลว่าเธออยากให้ฉันรับผู้หญิงคนนั้น”“การฆ่าคนมันไม่ใช่สิ่งที่ควรทำนี่คะ”คุณเพลิงพ่นลมหายใจออกมากระทบกับใบหน้าของฉัน เขาพยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะพูด “ได้ ถ้าเธอต้องการแบบนั้น” พูดกับฉันแล้วคุณเพลิงก็เดินไปหาผู้หญิงคนนั้นแล้วคว้าตัวเธอให้ลุกขึ้นยืน ก่อนจะพูดกับผู้ชายที่เป็นพ่อของเธอ“ครั้งนี้กูจะไว้ชีวิตมึง”“ขอบคุณมากครับ ผมจะรีบหาเงินมาใช้คืนให้เร็วที่สุด” เขารีบก้มศีรษะขอบคุณที่คุณเพลิงไว้ชีวิต แล้วพูดกับลูกสาว “พ่อจะรีบหาเงินมาไถ่ตัวลูก ทำตัวดี ๆ กับคุณเพลิงนะรู้ไหม”“ค่ะ” เธอพยักหน้าตอบเสียงเศร้า ดูก็รู้ว่าเธอไม่ได้เต็มใจแต่เพราะไม่มีทางเลือกผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อรีบวิ่งออกไปจากห้องเหมือนไม่ได้สนใจลูกสาวตัวเองเลยสักนิด หากว่าฉันมีพ่อแบบนี้ก็คงจะผิดหวังไม่น้อย แววตาของเธอที่มองดูพ่อของตัวเองเดินจากไปช่างสิ้นหวังและน่าสงสารจริง ๆ“ชื่ออะไร ?” คุณเพลิงถามผู้หญิงตรงหน้า เธอค่อย ๆ เงย
บรรยากาศในห้องเงียบสนิท ฉันหลบสายตาของคุณเพลิงที่เอาแต่มองอย่างไม่ละสายตา“ฉันจะให้ผู้หญิงคนนั้นไปดูแลไอ้ไฟ”“แต่พ่อของเธอฝากไว้กับคุณเพลิงนะคะ” ฉันค้านขึ้นทำให้ถูกสายตาดุดันจ้องเขม็ง“ดูท่าเธออยากจะยัดเยียดผู้หญิงคนอื่นให้ฉันมากเลยนะเอิงเอย”“ป… เปล่าค่ะเอยไม่ได้ยัดเยียด”“พ่อฝากไว้แล้วยังไง ฝากให้ทำอะไรเธอน่าจะรู้ดี ผู้หญิงคนนั้นไม่ถูกใจฉันเท่าเธอ”ตึกตัก ตึกตัก จู่ ๆ หัวใจดวงน้อยมันก็เต้นรัวไม่เป็นท่าเพราะคำพูดที่คุณเพลิงเพิ่งจะพ่นมันออกมา“ถ้าคุณเพลิงถูกใจเอยมาก แล้ววันนั้นทำไมถึงเรียกผู้หญิงคนอื่นไปหาล่ะคะ” ฉันหมายถึงวันที่บริษัท“ไหนเธอบอกว่าไม่สนใจ แล้วถามเรื่องนั้นทำไม”“เอยไม่สนใจก็ได้ค่ะ” ฉันทำหน้าบึ้งก่อนจะลุกขึ้น แต่ทว่าคุณเพลิงไม่ยอมเขารั้งสะโพกฉันเอาไว้“ถ้าฉันให้เธอเป็นคนพิเศษ…”“เอยง่วงแล้วค่ะ อยากกลับไปพักผ่อนแล้วพรุ่งนี้ต้องไปเรียนด้วย” ฉันพูดตัดบทเพราะไม่อยากฟังคุณเพลิงพูดอะไรอีก กลัวจะหวั่นไหวเพราะเขาจู่ ๆ คุณเพลิงก็ก้มลงมาใช้หูแนบบนหน้าอกข้างซ้ายของฉัน จากที่หัวใจมันเต้นแรงอยู่แล้วพอเจอการกระทำแบบนี้มันยิ่งเต้นแรงขึ้น ครู่หนึ่งคุณเพลิงก็เงยหน้าขึ้นมามอง“บอกมาสิว
เวลาล่วงเลยผ่านไป ตอนนี้ฉันคลอดลูกชายที่น่ารักน่าชังออกมาแล้ว พี่เพลิงตั้งชื่อให้ลูกชายของเราว่า ดีแลนด์ ซึ่งชื่อก็ไม่ได้คล้องจองกับพ่อแม่แต่อย่างใด เป็นความชอบของคุณพ่อล้วน ๆ ตอนนี้น้องดีแลนด์อายุได้สองเดือนแล้ว ค่อนข้างเลี้ยงง่ายไม่งอแงเลยห้าเดือนแล้วที่ฉันไม่ได้กลับไทยแล้วคงต้องรอลูกโตกว่านี้ถึงจะพาขึ้นเครื่องบินได้ โชคดีหน่อยที่ได้คุยกับยายผ่านการวิดีโอคอลแบบเห็นหน้า ไม่อย่างนั้นคงต้องคิดถึงมากแน่ ๆวันนี้เพื่อนของฉันนัดเอาไว้ว่าจะมาเล่นกับหลาน เดี๋ยวคงจะมากันแล้ว มาอยู่ที่นี่ไม่เหงาเลยเพราะมีเพื่อน ๆ คอยแวะเวียนมาเล่นด้วยที่บ้านตอนนี้ฉันกับพี่เพลิงแต่งงานกันแล้ว เราคือสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย“ดีแลนด์หลับไปแล้วเหรอ” พี่เพลิงเพิ่งกลับมาจากบริษัท ตั้งแต่คลอดดีแลนด์ออกมาเขาก็กลับบ้านเร็วทุกวัน“เพิ่งหลับไปเมื่อกี้เองค่ะ พี่เพลิงเหนื่อยไหมคะ” นี่คือคำถามที่ฉันมักจะถามพี่เพลิงทุกวันหลังจากเขากลับมาจากบริษัท“แค่เห็นหน้าภรรยาสุดสวยฉันก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง” ไม่พูดเปล่าพี่เพลิงยังใช้มือหยิกแก้มฉันเบา ๆ ด้วย“นั่งลงสิคะเดี๋ยวเอยนวดให้”“เปลี่ยนจากนวดเป็นนาบแทนได้ไหม” พี่เพลิงถามเส
เพียงไม่ถึงห้านาทีทั้งครอบครัวของพี่เพลิงก็รู้ข่าวเรื่องที่ฉันท้อง เพราะเขาโทรไปบอก ทุกคนต่างดีใจกันยกใหญ่“แม่กับพ่อบอกว่าจะให้เราแต่งงานกันให้เร็วที่สุด”“เราเพิ่งหมั้นกันเองนะคะ ลูกคลอดแล้วค่อยแต่งก็ได้”“ไม่ได้ ต้องรีบแต่งถูกแล้ว”พี่เพลิงที่นั่งอยู่บนเตียงดึงฉันที่ยืนอยู่มาสวมกอด เขาใช้ฝ่ามือหนาลูบที่ท้องเบา ๆ“เธอท้องแล้วต้องย้ายไปอยู่ที่ต่างประเทศกับฉันนะรู้ไหม”“เอยยังอยากอยู่กับยายอยู่เลยนะคะ”“ถ้าอยู่ที่นี่ฉันจะดูแลเธอยังไง”“ให้เอยอยู่ที่นี่จนคลอด…”“ฉันไม่มีทางปล่อยให้เมียที่ท้องอยู่ไกลขนาดนี้แน่”“ไม่เอาแบบนี้สิคะพี่เพลิง”“เธอนั่นแหละอย่าดื้อ ตอนนี้กำลังจะเป็นแม่คนแล้วยังดื้ออยู่ได้”ฉันทำหน้าบึ้งเมื่อถูกดุ ก่อนจะคิดทบทวนอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าตอบ นั่นหมายความว่าฉันยอมไปอยู่ต่างประเทศกับพี่เพลิง“แต่ต้องสัญญานะคะว่าจะพาเอยกลับมาหายายที่ไทยทุกเดือน”“สัญญาครับ ไม่ต้องห่วงฉันจะจ้างแม่บ้านเพิ่มให้คอยดูแลและจะจ้างพยาบาลพิเศษมาคอยดูแลสุขภาพยายของเธอ”“แบบนี้ทำให้เอยโล่งใจขึ้นเยอะเลยค่ะ ^_^”“ไปห้างกัน” พี่เพลิงลุกขึ้นยืนเต็มความสูงหลังจากพูดจบและตอนนี้เราก็อยู่กันที่ห้างสร
วันต่อมาตั้งใจว่าเมื่อคืนจะเผด็จศึกเด็กดื้ออย่างพี่เพลิงสักหน่อย แต่ว่าฉันนั้นอ้วกก็เลยได้นอนพักไปโดยไม่ทำอะไรเช้านี้ฉันงัวเงียตื่นขึ้นมาเพราะถูกรบกวนโดยฝ่ามือใหญ่ที่เอาแต่ลูบคลำไปทั่วทั้งตัว“เช้าแล้วนะ” เสียงแหบพร่ากระซิบบอกข้างหูฉันเบา ๆ“อื้อ พี่เพลิงอย่าเพิ่งกวนเอยสิคะ” ฉันตอบไปอย่างรำคาญ การถูกรบกวนเวลานอนเป็นอะไรที่น่าหงุดหงิดที่สุดเลยก็ว่าได้“วันนี้เธอมีเรียนนะ”“เพราะฉะนั้นพี่เพลิงก็ต้องปล่อยให้เอยนอนไงคะ” ฉันเถียงกลับโดยที่ยังไม่ได้ลืมตาขึ้น“ปกติเธอไม่ใช่คนขี้เซานะ วันนี้ทำไมถึงปลุกยากจัง”“เอยขอนอนต่ออีกหน่อยนะคะ”หลังจากพูดจบร่างกายที่อ่อนเพลียของฉันก็เตรียมพร้อมจะจำศีล แต่ทว่า!! กางเกงชุดนอนตัวบางดันถูกถอดออกไปจากเรียวขา“พี่เพลิง” ครั้งนี้ฉันลืมตาขึ้นมองพี่เพลิงตาดุ ใจคอเขาจะกวนแบบนี้ไปถึงไหนกัน“นอนไปสิ ฉันไม่ได้บังคับให้เธอตื่น” คนพูดหน้าทะเล้น ไม่พอแถมยังถอดกางเกงของตัวเองออกอีกด้วย“อื้อออไม่เอา เอยอยากนอน” ฉันเอามือปิดตรงนั้นของตัวเองเอาไว้ไม่ให้พี่เพลิงเอาแก่นกายสอดใส่เข้ามาได้“ถ้าอยากนอนก็นอนอยู่นิ่ง ๆ จะบิดไปมาทำไม”“พี่เพลิงเจ้าเล่ห์ที่สุดเลย” ฉันทำหน้าบึ้ง
ฉันยิ้มหวานก่อนจะแย่งแก้วไวน์จากมือพี่เพลิงมาดื่มทั้งที่ก่อนหน้านี้ปฏิเสธ แต่เพราะอยากมีความกล้าให้มากกว่านี้จึงต้องดื่มมัน“ขมจังค่ะ” ฉันยกมือขึ้นมาเช็ดปากหลังจากกระดกไวน์ไปหมดแก้ว“เขาให้จิบ ๆ ไม่ใช่ยกหมดแก้ว” พี่เพลิงบอกอย่างเอ็นดูในความไม่รู้ของฉัน“เอยไม่เคยดื่มนี่คะ”“แล้วจะดื่มทำไม”“ก็… ถ้าเมาเอยคงจะทำให้พี่เพลิงพอใจ” พูดจบฉันก็ก้มหน้าลงอย่างเขินอาย ก่อนจะพูดต่อ “เอยหมายถึงเรื่องบนเตียง”คนที่ได้ฟังประโยคนั้นเผยรอยยิ้มออกมา ก่อนจะหยิบไวน์มาเทใส่แก้วแล้วดื่มฝ่ามือหนายกขึ้นมาประคองใบหน้าของฉันเอาไว้ก่อนจะกดจูบลงมาบนริมฝีปาก ไวน์ที่พี่เพลิงดื่มไปเมื่อครู่ถูกป้อนมาใส่ในปากของฉัน ก่อนที่จะผละริมฝีปากออก“อยากดื่มอีกไหม ?” พี่เพลิงถามเสียงหวาน“แค่นี้เอยก็เริ่มมึนหัวแล้วค่ะ”“พร้อมจัดการเด็กดื้อหรือยัง ?”“พ… พร้อมแล้วค่ะ”ฉันตอบอย่างเขินอาย สิ้นสุดคำตอบพี่เพลิงก็อุ้มร่างของฉันขึ้นแล้วเดินเข้ามาในห้องวางลงบนเตียงอย่างเบามือ จากนั้นก็คร่อมบนตัวของฉันเอาไว้“เอยต้องอยู่ด้านบนสิคะ” พูดจบฉันก็พลิกตัวขึ้นมาอยู่ด้านบนแทน“ฉันชอบที่เธอเร่าร้อนแบบนี้” พี่เพลิงบอกเสียงกระเส่า แววตาของเขามัน
หลังจากคุยเรื่องหมั้นเรียบร้อยแล้ววันนี้ทางครอบครัวพี่เพลิงได้พาครอบครัวฉันออกมากินข้าวนอกบ้าน ปกติยายไม่ชอบออกนอกบ้านเท่าไหร่แต่ครั้งนี้ยายยอมออกมากินข้าวด้วย“คุณยายครับ ผมซื้อบ้านเอาไว้หลังหนึ่งอยากจะให้ยายไปอยู่ที่นั่น ส่วนบ้านหลังนี้ผมจะลื้อแล้วสร้างหลังใหม่ให้ ยายโอเคหรือเปล่าครับ”“ถ้าพ่อหนุ่มคิดว่าดียายเองก็ไม่ขัด เพราะยายก็ไม่รู้จะอยู่ได้กี่ปี”“อย่าคิดแบบนั้นสิจ๊ะยาย ยายต้องอยู่รอดูลูกของหนูก่อนนะ”“ถ้างั้นก็รีบ ๆ มีซะสิ รีบ ๆ ปั๊มมันวันนี้เลย” คำตอบที่เร่งรีบของยายทำเอาฉันเบิกตากว้างเพราะตกใจ“ย… ยาย หนูยังเรียนไม่จบเลยนะคะ”“จริง ๆ รีบ ๆ มีหลานก็ดีนะหนูเอย พ่อกับแม่ก็อยากจะอุ้มหลายเร็ว ๆ” แม่ของพี่เพลิงพูดเสริมขึ้น ทุกคนเหมือนจะยินดีไม่ติดขัดอะไร คงมีแค่ฉันที่ค้าน“งั้นผมจะรีบปั๊มให้นะครับ” แบบนี้ก็เข้าทางพี่เพลิงเลยนะสิ เขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลยเชียว“เอยว่าเรียนจบแล้วค่อยคิดเรื่องมีลูกดีกว่าค่ะ ^_^”“ถ้าหนูเอยต้องการแบบนั้นเราก็ไม่ขัดจ้ะ แต่เรียนจบแล้วต้องรีบมีเลยนะ”แม่ของพี่เพลิงบอกด้วยรอยยิ้ม ตอนนี้มีคนเดียวที่หน้าหงิกงอก็คือพี่เพลิงวันต่อมาวันนี้ทางบ้านฉันต้องย้ายออกไ
วันเวลาผ่านมาจนถึงวันที่พี่เพลิงต้องบินกลับต่างประเทศ#สนามบินพอต้องห่างกันใจฉันมันก็หวิว ๆ ถึงแม้จะรู้ดีว่าอีกหนึ่งอาทิตย์ข้างหน้าพี่เพลิงก็จะกลับมา เขาจะมาขอหมั้นฉันอย่างเป็นทางการ“ไปถึงที่นู้นแล้วรีบโทรมาหาเอยนะคะ” “ไม่ชอบเลยที่ต้องห่างกันแบบนี้ แถมเธอยังชอบทำหน้าเศร้า” พี่เพลิงยกมือขึ้นมาลูบศีรษะฉันเบา ๆ“งั้นเอยจะยิ้มนะคะ” พูดจบฉันก็ฉีกยิ้มกว้าง แต่เป็นรอยยิ้มที่ดูจะฝืน ๆ หน่อย ต้องห่างจากคนรักคงทำใจยิ้มอย่างดีใจไม่ได้หรอก“ฉันจะรีบเคลียร์งานแล้วกลับมาหาเธอ”“ต้องบินมาพร้อมคุณพ่อกับคุณแม่สิคะ ห้ามบินมาก่อนนะอีกแค่อาทิตย์เดียวเอง”“เวลาอาทิตย์เดียวสำหรับฉันมันนานมากจริง ๆ” พี่เพลิงถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะดึงฉันมาสวมกอดทุกการกระทำของเราทั้งคู่ตกอยู่ในสายตาของคุณธนดล ท่านมองเราทั้งคู่แล้วก็ยิ้มไม่ได้พูดแทรกปล่อยให้เราสองคนล่ำลากันอย่างเต็มที่หลังจากส่งพี่เพลิงขึ้นเครื่องแล้วฉันก็ต้องนั่งรถไปเรียนต่อ พยายามบอกกับตัวเองให้อดทนเข้าไว้อาทิตย์หน้าก็จะได้เจอกันแล้ว#ตอนเย็น“แฟนพี่เอยหนีกลับแล้วเหรอครับ ไม่มีคนคอยยืนเฝ้าที่บ้านเลย หรือว่าพี่เอยถูกทิ้ง” โอมน้องชายของฉันไม่ค่อยรู้เรื่องอ
ฉันได้แต่ยืนเงียบไม่กล้าสบตาพ่อของพี่เพลิง ท่านคงไม่อยากได้ฉันเป็นลูกสะใภ้แน่ ๆ“ยายของเธออยู่ข้างในบ้านใช่ไหม”“ช… ใช่ค่ะ”หลังจากคำตอบคุณธนดลก็เดินปรี่เข้าไปข้างในบ้าน ตอนนี้หน้าฉันเสียแล้ว ถ้าท่านพูดอะไรไม่ดีกับยายต้องเสียความรู้สึกมากแน่ ๆ“เอยว่าเราคงไปกันไม่รอดแล้วค่ะ” ฉันหันมาบอกพี่เพลิงที่กำลังยืนนิ่งอยู่“ทำไมเธอถึงพูดอะไรแบบนั้นออกมา”“พ่อของพี่เพลิงทำเหมือนไม่ชอบเอยแบบนั้น เราจะคบกันต่อได้ยังไง”“ฉันว่าเธอคิกมากไปนะเอิงเอย” ดูพี่เพลิงบอกสิ มาว่าฉันคิดมากได้ยังไงทั้งที่เห็น ๆ กันอยู่“คิดมากเหรอคะ ฟังจากน้ำเสียงพี่เพลิงก็น่าจะรู้” ฉันบอกเสียงสั่นก่อนหน้านี้ที่ทำก็แค่อยากดัดนิสัยไม่ได้อยากให้ทุกอย่างมันจบจริง ๆ พอมาเจอแบบนี้ทำให้ใจหวิว เหมือนเราต้องเลิกกันในวันนี้อย่างไงอย่างงั้น“มานี่ ไปฟังพ่อพูด” พี่อพลิงจับมือฉันจะพาเดินเข้าไปในบ้าน แต่ฉันสะบัดมือออก ถ้าเข้าไปฟังแล้วได้ยินอะไรอย่างที่คิดคงรับไม่ได้แน่ ๆ“ไม่ค่ะ เอยไม่ไป”“เธอนี่มันดื้อได้ใครนะ” พี่เพลิงขมวดคิ้วเข้มใส่ก่อนที่เขาจะคว้ามาจับมือฉันอีกครั้ง แล้วพาเดินเข้ามาในบ้านโดยที่ฉันร้องค้านอยู่“ไม่ค่ะ เอยบอกแล้วไงว่าไม
ฉันผลักตัวพี่เพลิงออกทำให้ตรงนั้นของเราหลุดออกจากกันทันที“ผลักทำไม” คนที่ถูกดันออกถามราวกับตัวเองไม่มีความผิด“เอยจะกลับแล้วค่ะ กรุณาใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยด้วย” ฉันบอกเสียงเรียบก่อนจะชิงลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าก่อนพี่เพลิงนั่งทำหน้ามุ่ยสำนึกผิด เขาไม่พูดอะไรได้แต่หยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่เงียบ ๆ#บ้านตลอดทางเราไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลยจนกระทั่งถึงบ้าน ฉันหันมามองพี่เพลิงแล้วทำหน้าไม่พอใจใส่“คืนนี้เอยขอนอนคนเดียวนะคะ”“ล… แล้วฉันล่ะ เธอจะให้ฉันนอนที่ไหน” ใบหน้าคมคายเริ่มซีดเผือดเมื่อฉันบอกว่าจะนอนคนเดียว“พี่เพลิงหาที่นอนได้อยู่แล้วค่ะ แต่ถ้ามันหาไม่ได้จริง ๆ ก็นอนในรถไปเลย”“ขอโทษแล้วทำไมถึงยังโกรธอยู่อีก”“ขอโทษแล้วเอยต้องหายโกรธด้วยเหรอคะ”พูดจบฉันก็เปิดประตูลงจากรถทิ้งให้พี่เพลิงอยู่แบบนั้น เขาก็ไม่กล้าตามมานะ คงรู้ว่าฉันเอาจริงและตัวเองก็ผิดจริง ๆเข้ามาในห้องฉันก็ยังไม่นอน การทะเลาะกันมันทำให้ยากที่จะนอนหลับ ฉันคอยแอบย่องเดินมาส่องดูว่ารถของพี่เพลิงยังจอดอยู่หรือเปล่า จนแล้วจนเล่ารถก็ยังจอดอยู่ หมายความว่าเขานอนในรถจริง ๆ #วันต่อมาฉันไม่เจอพี่เพลิงรถก็ไม่อยู่ แต่เพราะต้องรีบไปเรียนบวกกั
ทั้งที่มีอะไรกันมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนแต่ทำไมฉันถึงได้รู้สึกว่าครั้งนี้มันต่างออกไป สีหน้าท่าทางที่หน้ากลัวของพี่เพลิงทำให้ฉันสั่นไปทั้งตัว“เรากลับบ้านกันดีกว่านะคะ” ฉันพยายามขอร้อง“บอกแล้วไงว่าเธอต้องโดนอบรมสั่งสอน”“เอยไม่ผิดอะไรสักหน่อย”“คนผิดมักไม่ยอมรับความผิดของตัวเอง” พี่เพลิงตอบเสียงเย็น ก่อนจะพูดต่อ “อ่า เจอแล้ว”สิ้นสุดคำพูดเสียงไฟเลี้ยวรถก็ดังขึ้น ฉันมองไปตรงหน้าคือม่านรูด พอมีรถขับเข้าก็จะมีคนคอยส่องไฟเรียกให้ตามไป รถของพี่เพลิงขับมาจอดที่ในม่านรูด“พี่เพลิงเอยไม่ชอบที่แบบนี้”“ลงรถ” แทนที่จะฟังกันแต่เขากลับกระชากเสียงใส่ฉันพี่เพลิงลงไปจากรถก่อน ตอนนี้พนักงานกำลังเปิดห้องให้ ส่วนฉันก็ยังนั่งอยู่ในรถไม่ยอมลงจนกระทั่งพนักงานม่านรูดคนนั้นเดินหายไป พี่เพลิงเปิดประตูทางฝั่งที่ฉันนั่งแล้วดึงให้ลงมาจากรถเขาดูจะโกรธเอามาก ๆ“อ… เอยเจ็บนะคะ”“เจ็บก็ดีจะได้จำ” เขาบอกเสียงแข็งแล้วลากฉันเข้ามาในห้อง ก่อนจะเดินไปล็อกประตูให้เรียบร้อย“เป็นบ้าไปแล้วเหรอคะ” ฉันถามเสียงสั่น“เพราะเธอที่ทำให้ฉันเป็นบ้า”“พี่เพลิงพาเอยกลับบ้านนะคะ เรากลับไปคุยกันที่บ้านดีกว่านะ” ฉันขอร้องอีกครั้งแต่อีกค