จากดินเนอร์หรูบนเรือสำราญกลางแม่น้ำ กลายเป็นดินเนอร์ง่าย ๆ ในครัวที่บ้าน และมีอาหารธรรมดา ๆ อย่างไข่เจียวกับแกงจืดเพียงสองอย่างถ้าให้เทียบความโรแมนติกของบรรยากาศ ในครัวที่ยังมีกลิ่นไอของน้ำมันและเครื่องปรุง มันเทียบไม่ได้กับลมเย็น ๆ บนเรือที่วิ่งไปตามแม่น้ำ แต่ถ้าเทียบกับความพิเศษ อินทัชคิดว่ารสมือ
“พี่อิน พอ อ๊ะ ตรงนั้น อ๊าา”อลิษาสะบัดใบหน้าไปมาจนเส้นผมยุ่งเหยิง อินทัชจะฆ่าเธอให้ตายเลยหรือไง เธอเสียวจะตายอยู่แล้วอินทัชเริ่มรู้สึกเจ็บตึงหนังศีรษะ เขาตัดใจถอนใบหน้าออกเพราะกลัวว่าภรรยาจะดึงผมจนเขากลายเป็นตาแก่หัวล้านตั้งแต่ยังไม่สี่สิบ ร่างสูงโปร่งขยับขึ้นทาบทับ มอบจูบรสชาติอลิษาให้เจ้าตัวได้ล
“มาม่ะ”“ขาคนสวย อยากได้อะไรคะ”“ปาป่ะ”“ปะป๊ายังไม่เลิกงานค่ะ”“ขูน ขูน”“พี่ขุนระบายสีอยู่ตรงนี้ไงคะ”“ย่า ปู่ หนิง”"สรุปหนูจะหาใครกันแน่คะ หืม? ไหน มาให้หม่าม้าฟัดพุงหน่อยสิ”อลิษาจับร่างอ้วนกลมมาฟัดพุงด้วยความมันเขี้ยว จนสาวน้อยหัวเราะเอิ้กอ้ากอย่างอารมณ์ดี“คิก อ๊าย มาม่ะ คิก ๆ”อลิษาฟัดพุงลูก
“อ๋ออออ ตรงนั้นนี่เอง” อลิษาหัวเราะออกมาอีกครั้ง เพราะนึกขึ้นได้ว่ายุงที่พาดาชี้หมายถึงอะไรเมื่อคืนพี่อินทิ้งรอยไว้เยอะไปหน่อย ปกติคุณหมอจะไม่ทิ้งรอยเพราะกลัวลูกเห็น แต่บางครั้งก็อดใจไม่ไหวเผลอจูบที่แผ่นหลังเธอบ้าง เพราะคิดว่าตรงนี้ลูกคงเห็นได้ยากกว่า แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้นอยู่ดี“เจ็บ เจ็บ หาย”ขุน
“มามะ”“ขา”“พาดา จ๋วย”“ค่ะ วันนี้พาดาของหม่าม้าสวยม้ากมาก”“ปาป่ะ”“ครับคนเก่ง” อินทัชจุ๊บหน้าผากลูกสาวเบา ๆ“พาดา จ๋วย”“ครับ พาดาสวยที่สุดเลยครับ”พอได้คำตอบที่พอใจจากพ่อแม่ เด็กหญิงตัวน้อยก็หันไปหาพี่ชายบ้าง“ขูน”แต่เด็กชายขุนเขากลับทำเหมือนไม่ได้ยิน ไม่หือไม่อือกับเสียงเรียกของน้อง ไม่แม้แต่ใ
อลิษาพลิกตัวไปมาเป็นรอบที่สิบ เวลาเดินมาถึงเที่ยงคืนตรงแต่ดวงตาโตเฉี่ยวยังคงเปิดโพลง จนกระทั่งสบเข้ากับดวงตาของสามีที่มองมา“พี่อิน ลิษาขอโทษค่ะ ลิษาทำให้พี่อินตื่นใช่ไหมคะ”“เปล่าครับ พี่ยังไม่หลับ” อินทัชตอบเสียงนุ่มตามอุปนิสัย “ลิษาเครียดเรื่องพรุ่งนี้ใช่ไหมครับ”อลิษาหน้าเจื่อนลง “ลิษาดูออกง่ายข
เกือบครึ่งชั่วโมงก็เดินทางมาถึงโรงเรียนนานาชาติ ที่อลิษากับอินทัชเลือกแล้วเลือกอีกให้ลูก ที่นี่ไกลจากบ้านกว่าที่อื่น แต่การเรียนการสอนเป็นระบบที่อลิษาชอบ ไม่เน้นวิชาการมาก แต่เน้นกิจกรรมที่เข้ากับช่วงวัยเพื่อเสริมพัฒนาการ อลิษาอุ้มพาดาเข้าไปส่ง ส่วนขุนเขาอินทัชต้องจูงมือ เพราะเด็กชายไม่ชอบถูกอุ้ม“เ
วันนี้คุณหมออินทัชทำงานด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น มีหลายครั้งหลายคราที่คุณพ่อลูกสองหลุดยิ้มออกมาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ และถึงรอยยิ้มคุณหมอจะน่ามองแค่ไหน แต่ถ้าจู่ ๆ ก็ยิ้มออกมาไม่มีเหตุผลแบบนี้ มันก็แอบทำให้ใครหลาย ๆ คนตกใจเหมือนกัน“วันนี้มีเรื่องราวดี ๆ อะไรหรือเปล่าคะ”บุศยาอ
“ปะป๊าหล่อที่สุด” จู่ ๆ พาดาก็พูดขึ้น อินทัชรู้ทัน เขาหลุบตามองถ้วยไอศกรีมที่หมดเกลี้ยงแล้วส่ายหน้า“ไม่ต้องเลยครับ ปะป๊าไม่ให้เพิ่มนะครับ”“บู้ว! ปะป๊ารู้ทันอีกแล้ววว”..ช่วงเย็น คุณหมอได้รับสายจากอลิษาว่างานยังไม่เสร็จ และอาจจะกลับบ้านดึก ให้อินทัชพาลูกเข้านอนก่อนได้เลย คนเป็นสามีได้ยินแบบนั้นก็
อินทัชขับรถไปที่โรงเรียน เขารีบรับขุนเขาพาดาขึ้นมาเพราะไม่อยากให้ลูกรอนาน และก็เป็นไปตามคาด ทันทีที่ขึ้นมาบนรถพาดาก็ทวงไอศกรีมจากปะป๊าทันที“ไอติม ไอติม”“ค่ะ เดี๋ยวปะป๊าพาไป แต่ตอนนี้พาดาต้องเบาเสียงหน่อยนะคะ น้องนอนอยู่”“พาดาขอโทษค่ะ โอ๋ ๆ นะสายหมอก หลับน้า”“คาดเข็มขัดกันด้วยครับ ไม่อย่างนั้นอดไ
(น้องหมอกต้องทานนมตอนเที่ยงนะคะ พี่อินเอาออกมาอุ่นก่อน อย่าลืมเหยาะหลังมือเทสอุณหภูมิด้วยนะคะ)“ครับ” อินทัชหนีบมือถือด้วยไหล่ มือทั้งสองข้างหยิบนมที่ภรรยาปั๊มเอาไว้ออกมาจากตู้แช่เพื่อเตรียมอุ่น “ลิษาไม่ต้องห่วง ประชุมต่อเถอะครับ”(พี่อินไม่เคยต้องอยู่กับลูกตามลำพัง ลิษากลัวว่าพี่จะเหนื่อยเกินไป)“ไ
“เตเต้ว่าพาดาอ้วน บอกว่าของขวัญว่าขี้โรค”“เตเต้คะ” ได้ฟังแบบนั้นคุณครูจึงกดเสียงต่ำ เด็กชายตัวกลมเริ่มเกรงกลัวเพราะครูตัวสูงกว่ามาก“กะ ก็จริงนี่คับ”“เตเต้คะ” คุณครูย่อตัวลงให้เท่ากับส่วนสูงของเด็กชาย “พูดถึงรูปร่างคนอื่นแบบนั้นไม่ดีเลยนะคะ จะอ้วน จะผอม เราก็ไม่มีสิทธิ์ไปว่าเขา ขอโทษเพื่อนนะคะ”“ไ
“ใช่แล้วค่ะ วันนี้มีข้าวผัดเบคอนของโปรดของหนู พี่ขุนหม่ำได้เลยครับ ส่วนพาดาเอาผ้ามาคลุมก่อนนะ เดี๋ยวจะเลอะเสื้อนักเรียน”พาดาทำตามที่หม่าม้าบอกอย่างแข็งขัน มือป้อม ๆ หยิบจับทุกอย่างอย่างคล่องตัวเพราะถูกฝึกให้ทำตั้งแต่เริ่มเข้าโรงเรียน มื้อเช้าเริ่มต้นขึ้นพร้อมกับเสียงพูดคุยของพาดาจนจบมื้ออาหาร คุณปู
เสียงนกร้องจิ๊บ ๆ ดังปลุกตอนหกโมงครึ่ง ตรงเวลาไม่ขาดไม่เกิน ร่างอวบอ้วนที่ตื่นเต็มตานอนตากลมแป๋วบนเตียงนุ่ม ซุกตัวในผ้านวมผืนหนาที่หอมและอบอุ่น ไม่มีทีท่าว่าจะลุก แต่ก็ไม่ได้หลับต่อสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เริ่มต้นกิจกรรมตามปกติ แต่ใครบางคนกลับนอนนิ่ง ราวกับไม่ต้องการลุกไปทำอะไรทั้งนั้นไม่ใช่เพราะขี้เกีย
“ปล่อยเขาเถอะลิษา ให้เขาได้เรียนรู้ ได้เลอะ ได้ลองเจ็บด้วยตัวเอง”“เฮ้อ คนนี้ซนได้ใครก็ไม่รู้”พาดาที่ว่าแสบแล้ว เจอสายหมอกเข้าไปกลายเป็นเด็กเรียบร้อยเลยทีเดียว เด็กชายสายหมอกในวัยสามขวบทั้งซนทั้งขี้อ้อน ทั้งปู่ย่า ยาย พ่อแม่และพี่ ๆ ต่างรุมเอาใจเพราะแพ้ลูกอ้อน อลิษาอยากบ่นคนอื่นแต่ก็ทำได้ไม่เต็มที่
“แม่เกือบมาไม่ทัน ติดสอนค่ะ”“พ่อก็ติดประชุม ปลีกตัวไม่ได้เลย”“ไม่เป็นไรค่ะ ลิษาคงยังไม่คลอดเร็ว ๆ นี้”“ปากมดลูกเปิดเท่าไหร่แล้วคะ”“พี่อินบอกว่าแค่สองเซนเองค่ะ”“โธ่ ทนไหวไหมลูก ถ้าไม่ไหวก็ผ่าเถอะนะคะ” คุณหมออิงอรอดรู้สึกเจ็บแทนลูกสะใภ้ไม่ได้ มาโรงพยาบาลก็หลายชั่วโมงแล้ว แต่ปากมดลูกยังเปิดได้ไม่เ
“อึก! พี่อิน พี่อินอยู่ไหน”“คุณหมอกำลังมานะคะ”ไม่ทันขาดคำ ประตูห้องพักก็ถูกเปิดออกกว้าง อินทัชรีบพุ่งตัวเข้ามาหาภรรยา คว้ามือเย็นเฉียบมาบีบไว้เพื่อถ่ายทอดกำลังใจไปให้คนที่กำลังเจ็บปวด“ให้พี่ดูก่อนนะครับว่าปากมดลูกเปิดเท่าไหร่แล้ว”อลิษาพยักหน้ารับ ใบหน้าสวยซีดเซียวและบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ตลอด