“ลิษาชักอีกแล้ว เรายื้อให้คลอดธรรมชาติไม่ได้แล้วครับ”อินทัชพูดแค่นั้น ก่อนจะออกคำสั่งเร่งด่วนให้นำอลิษาไปที่ห้องคลอดทันที หลังจากช่วงสายที่ความดันของภรรยาลดลงเล็กน้อย อินทัชก็อธิบายทุกอย่างให้เธอฟัง เรื่องที่ต้องคลอดก่อนกำหนดทำให้หัวใจคนเป็นแม่ปวดร้าว อลิษาใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะยอมรับได้ เธอร้องขอสา
อลิษายิ้มอย่างยินดีเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ทุกอย่างจะดับไปหยดน้ำตาไหลซึมออกมาจากหางตาทั้งสองข้าง ลมหายใจของคนเป็นแม่รวยริน แต่ถึงอย่างนั้นใบหน้าซีดเซียวก็ยังมีรอยยิ้มที่งดงามอย่างน้อย ๆ เธอก็ได้ยินเสียงลูกครั้งแรก อย่างน้อย ๆ เธอก็ได้สัมผัสเนื้อตัวลูกครั้งแรก..ถ้าปาฏิหาริย์มีจริง เธออาจจะได้ตื่นม
“มันเป็นผลข้างเคียงของแม่ที่มีภาวะครรภ์เป็นพิษครับ ไม่ได้เกิดกับทุกคน แต่ก็มีโอกาส”“ลิษาจะกลับมามองเห็นได้ไหมคะ”“ลิษา..”“พี่อิน ช่วยบอกลิษาตามตรงได้ไหมคะ” อลิษาถามเสียงสะอื้น เธอกลัว.. กลัวว่าจะได้รับคำตอบที่ไม่อยากได้ยินที่สุด“อาจจะมองไม่เห็นเพียงชั่วคราว หรือ.. หรืออาจจะถาวรก็ได้ครับ”อินทัชตั
อลิษาอุ้มลูกชายเข้าเต้านมข้างซ้าย ข้างที่พาดาดูดไปแล้วเธอรู้สึกสบายขึ้น ไม่คัดตึงและบวมเต่งแล้ว เหลืออีกข้างที่ยังเจ็บและตึงแน่นไปหมด“ขุนเขา ดูดนมหม่าม้าสิคะ”เด็กชายขุนเขาจ้องคนเป็นแม่ตาแป๋ว ทารกที่อายุไม่ถึงวันไม่มีทางมองเห็นได้อยู่แล้ว อินทัชอดใจไม่ไหว เขายกมือถือขึ้นถ่ายภาพสองแม่ลูกที่สบตากัน ท
“แอ๊ะ~”“พี่อิน พาดาคุยเหรอคะ”“ผิดครับ คราวนี้ขุนเขาต่างหาก”อลิษาหัวเราะร่า เมื่ออินทัชเฉลยว่าเสียงเอ๊าะแอ๊ะนั้นเป็นเสียงของลูกชายจอมขรึม ที่ปกติจะไม่ค่อยชอบส่งเสียงเท่าไหร่ ผิดกับคนเป็นน้องสาวลิบลับ ขุนเขาเป็นลูกชายที่ถอดแบบคนเป็นพ่อมาทุกอย่าง คุณย่าอิงอรบอกแบบนั้น“หิวหรือเปล่าคะ”“เดี๋ยวพี่อุ้ม
“มาแล้วครับ” อินทัชอุ้มลูกชายส่งให้ภรรยา “ไม่ต้องร้องนะขุนเขา”อลิษารับเด็กชายเข้าเต้า ขุนเขาอ้าปากงับยอดอกมารดา แล้วดูดจ๊วบ ๆ ด้วยความหิวโหยทันที คนเป็นแม่โอบกอดลูกไว้อย่างมั่นคง แต่ดวงตาทั้งสองข้างแทบเปิดไม่ขึ้นเพราะความงัวเงีย“ลิษา ไหวไหมครับ” อินทัชที่อุ้มพาดาไปเปลี่ยนแพมเพิสระหว่างต่อคิวกินนม
“พี่ไม่แนะนำให้รับนะมะปราง มันได้ไม่คุ้มเสีย”(แต่คนนี้เคยเป็นลูกค้าของเรานะคะ มะปรางเกรงใจ)“ทำธุรกิจถ้ามัวแต่เกรงใจก็เจ๊งพอดี”อลิษาเปิดสปีกเกอร์โฟน แล้ววางมือถือไว้บนแพนทรี่ในครัว เพราะเธอต้องรีบบดกล้วยให้ลูกทั้งสองที่นั่งจ้องมาอย่างกดดัน“พี่ไม่แนะนำให้รับ แต่ถ้ามะปรางคิดว่ามันจะได้มากกว่าเสียก็
“ไม่ได้ค่ะพาดา พี่แมวไม่ใช่ของกินนะคะ”อลิษารีบหยิบตุ๊กตาแมวให้พ้นมือสาวน้อย ก่อนจะหันมาเห็นว่าขุนเขาเอาตุ๊กตาอีกตัวเข้าปาก“พี่ขุน พี่เสือกินไม่ได้ลูก นี่พวกหนูไม่อิ่มกันหรือไงคะ จะกินทุกอย่างไม่ได้นะ!”อลิษาเผลอขึ้นเสียงใส่ลูก เธอยอมรับว่าตัวเองกำลังเหนื่อยและพาล ลูกทั้งสองอยู่ในวัยกำลังซนและเลี้ย
“ปะป๊าหล่อที่สุด” จู่ ๆ พาดาก็พูดขึ้น อินทัชรู้ทัน เขาหลุบตามองถ้วยไอศกรีมที่หมดเกลี้ยงแล้วส่ายหน้า“ไม่ต้องเลยครับ ปะป๊าไม่ให้เพิ่มนะครับ”“บู้ว! ปะป๊ารู้ทันอีกแล้ววว”..ช่วงเย็น คุณหมอได้รับสายจากอลิษาว่างานยังไม่เสร็จ และอาจจะกลับบ้านดึก ให้อินทัชพาลูกเข้านอนก่อนได้เลย คนเป็นสามีได้ยินแบบนั้นก็
อินทัชขับรถไปที่โรงเรียน เขารีบรับขุนเขาพาดาขึ้นมาเพราะไม่อยากให้ลูกรอนาน และก็เป็นไปตามคาด ทันทีที่ขึ้นมาบนรถพาดาก็ทวงไอศกรีมจากปะป๊าทันที“ไอติม ไอติม”“ค่ะ เดี๋ยวปะป๊าพาไป แต่ตอนนี้พาดาต้องเบาเสียงหน่อยนะคะ น้องนอนอยู่”“พาดาขอโทษค่ะ โอ๋ ๆ นะสายหมอก หลับน้า”“คาดเข็มขัดกันด้วยครับ ไม่อย่างนั้นอดไ
(น้องหมอกต้องทานนมตอนเที่ยงนะคะ พี่อินเอาออกมาอุ่นก่อน อย่าลืมเหยาะหลังมือเทสอุณหภูมิด้วยนะคะ)“ครับ” อินทัชหนีบมือถือด้วยไหล่ มือทั้งสองข้างหยิบนมที่ภรรยาปั๊มเอาไว้ออกมาจากตู้แช่เพื่อเตรียมอุ่น “ลิษาไม่ต้องห่วง ประชุมต่อเถอะครับ”(พี่อินไม่เคยต้องอยู่กับลูกตามลำพัง ลิษากลัวว่าพี่จะเหนื่อยเกินไป)“ไ
“เตเต้ว่าพาดาอ้วน บอกว่าของขวัญว่าขี้โรค”“เตเต้คะ” ได้ฟังแบบนั้นคุณครูจึงกดเสียงต่ำ เด็กชายตัวกลมเริ่มเกรงกลัวเพราะครูตัวสูงกว่ามาก“กะ ก็จริงนี่คับ”“เตเต้คะ” คุณครูย่อตัวลงให้เท่ากับส่วนสูงของเด็กชาย “พูดถึงรูปร่างคนอื่นแบบนั้นไม่ดีเลยนะคะ จะอ้วน จะผอม เราก็ไม่มีสิทธิ์ไปว่าเขา ขอโทษเพื่อนนะคะ”“ไ
“ใช่แล้วค่ะ วันนี้มีข้าวผัดเบคอนของโปรดของหนู พี่ขุนหม่ำได้เลยครับ ส่วนพาดาเอาผ้ามาคลุมก่อนนะ เดี๋ยวจะเลอะเสื้อนักเรียน”พาดาทำตามที่หม่าม้าบอกอย่างแข็งขัน มือป้อม ๆ หยิบจับทุกอย่างอย่างคล่องตัวเพราะถูกฝึกให้ทำตั้งแต่เริ่มเข้าโรงเรียน มื้อเช้าเริ่มต้นขึ้นพร้อมกับเสียงพูดคุยของพาดาจนจบมื้ออาหาร คุณปู
เสียงนกร้องจิ๊บ ๆ ดังปลุกตอนหกโมงครึ่ง ตรงเวลาไม่ขาดไม่เกิน ร่างอวบอ้วนที่ตื่นเต็มตานอนตากลมแป๋วบนเตียงนุ่ม ซุกตัวในผ้านวมผืนหนาที่หอมและอบอุ่น ไม่มีทีท่าว่าจะลุก แต่ก็ไม่ได้หลับต่อสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เริ่มต้นกิจกรรมตามปกติ แต่ใครบางคนกลับนอนนิ่ง ราวกับไม่ต้องการลุกไปทำอะไรทั้งนั้นไม่ใช่เพราะขี้เกีย
“ปล่อยเขาเถอะลิษา ให้เขาได้เรียนรู้ ได้เลอะ ได้ลองเจ็บด้วยตัวเอง”“เฮ้อ คนนี้ซนได้ใครก็ไม่รู้”พาดาที่ว่าแสบแล้ว เจอสายหมอกเข้าไปกลายเป็นเด็กเรียบร้อยเลยทีเดียว เด็กชายสายหมอกในวัยสามขวบทั้งซนทั้งขี้อ้อน ทั้งปู่ย่า ยาย พ่อแม่และพี่ ๆ ต่างรุมเอาใจเพราะแพ้ลูกอ้อน อลิษาอยากบ่นคนอื่นแต่ก็ทำได้ไม่เต็มที่
“แม่เกือบมาไม่ทัน ติดสอนค่ะ”“พ่อก็ติดประชุม ปลีกตัวไม่ได้เลย”“ไม่เป็นไรค่ะ ลิษาคงยังไม่คลอดเร็ว ๆ นี้”“ปากมดลูกเปิดเท่าไหร่แล้วคะ”“พี่อินบอกว่าแค่สองเซนเองค่ะ”“โธ่ ทนไหวไหมลูก ถ้าไม่ไหวก็ผ่าเถอะนะคะ” คุณหมออิงอรอดรู้สึกเจ็บแทนลูกสะใภ้ไม่ได้ มาโรงพยาบาลก็หลายชั่วโมงแล้ว แต่ปากมดลูกยังเปิดได้ไม่เ
“อึก! พี่อิน พี่อินอยู่ไหน”“คุณหมอกำลังมานะคะ”ไม่ทันขาดคำ ประตูห้องพักก็ถูกเปิดออกกว้าง อินทัชรีบพุ่งตัวเข้ามาหาภรรยา คว้ามือเย็นเฉียบมาบีบไว้เพื่อถ่ายทอดกำลังใจไปให้คนที่กำลังเจ็บปวด“ให้พี่ดูก่อนนะครับว่าปากมดลูกเปิดเท่าไหร่แล้ว”อลิษาพยักหน้ารับ ใบหน้าสวยซีดเซียวและบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ตลอด