อินทัชอดทนรออย่างใจเย็น พอเสียงลมหายใจหนัก ๆ เริ่มเบาบางลงเขาก็ขยับผ้าเตรียมดึงออกอีกครั้ง“เดี๋ยวค่ะ!!”“คุณอลิษา” อินทัชถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “ให้ผมเปลี่ยนหมอดีไหมครับ วันนี้มีหมอผู้หญิงว่าง ผมจะให้เธอเข้ามาตรวจคุณแทน”“ไม่เอาค่ะ!”ถ้าเป็นหมอผู้หญิง แผนของเธอก็ล่มไม่เป็นท่าน่ะสิ“แต่คุณกลัวจนไม่ก
อินทัชไม่ได้ไปไหนไกล เขาแค่หลบออกมาหน้าห้องตรวจ ยืนสงบสติเพื่อให้อารมณ์ที่ปั่นป่วนกลับมาคงที่“หมออินทัช มีอะไรหรือเปล่าคะ”เสียงหวาน ๆ เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง อินทัชเงยหน้าขึ้นมอง เมื่อเห็นว่าเป็นใครเขาก็ส่งยิ้มให้เธอบาง ๆ“หมอรุ้งแพร”“ค่ะ แพรเอง หมออินทัชเป็นอะไรไปคะ สีหน้าไม่ค่อยดีเลย”อินทัชส่า
“มะ มัน อะ อื้อ”อินทัชรีบทำหน้าที่ก่อนสถานการณ์จะแย่ไปมากกว่านี้ เขาแช่นิ้วทั้งสองไว้พร้อมกับใช้อีกมืออีกข้างกดหน้าท้องเพื่อคลำหาความผิดปกติภายใน เมื่อไม่พบสิ่งผิดปกติหรือก้อนเนื้อแปลกปลอมเขาก็ทำท่าจะดึงนิ้วยาวออก“ดะ เดี๋ยวค่ะ!” อลิษาเอื้อมมือมาจับยึดมือคุณหมอไว้ “อย่าเพิ่งเอาออกค่ะ มัน.. อื้อ”“ค
แกร๊ก.....แกร๊กอินทัชเคาะปากกาแท่งสีทองลงบนโต๊ะทำงาน หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเป็นปมแน่น ในสมองของอินทัชตอนนี้กำลังตีกันวุ่นวาย ความคิดอีกฝั่งสั่งให้อินทัชล้มเลิกความคิดนี้ซะ แต่อีกฝั่งกลับบอกว่ามันดีแล้วมันจะดีจริง ๆ ใช่ไหมก๊อก ก๊อก“เชิญครับ”อินทัชขยับนั่งตัวตรง คิ้วเข้มคลายออก ปากกาแท่งสีทองถูกว
“ฉันเข้าใจค่ะ ถึงฉันจะไม่มีครอบครัวก็เถอะ”“ครับ พอคุณเสนอเรื่องนั้นมาผมก็เริ่มสนใจ ผลตรวจของคุณวันนี้ก็ดีมาก ผมคิดว่าคุณจะให้กำเนิดบุตรที่ดีและแข็งแรงได้อย่างแน่นอน”อลิษาคิดตาม เธอเข้าใจทุกคำที่อินทัชพูดทุกคำ เข้าใจ.. แต่หัวใจมันกลับวูบโหวงแปลก ๆ เธอจะกล้ายกลูกที่อุ้มท้องมาให้กับอินทัชได้จริง ๆ เห
“ยินดีด้วยครับ คุณทั้งสองเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้วครับ” อลิษามองกระดาษที่จั่วหัวว่าทะเบียนสมรสอย่างเหม่อลอย ชื่อของเธอและชื่อของหมออินทัชประทับลงบนกระดาษแผ่นนี้ เป็นหลักฐานยืนยันว่าอินทัชกับอลิษาเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว“นี่เป็นยาที่คุณต้องฉีดนะครับ จำไว้ว่าต้องฉีดในวันที่สาม
อลิษาลุกขึ้นยืน อวดโชว์หุ่นโค้งเว้าเหมือนนาฬิกาทราย มือเรียวยื่นเข้าไปหาเพื่อนสามี พร้อมกับแนะนำตัวเสียงดังฟังชัด“เราไม่ได้จัดพิธีอะไร แค่จดทะเบียนสมรสและตกลงใช้ชีวิตร่วมกันหลังจากนี้ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ แล้วก็ขอฝากตัวด้วย”“คะ เอ่อ ค่ะ” มิตายื่นมือไปจับมือนุ่ม มือของอลิษานุ่มนิ่มน่าจับ ต่างจากมื
“หนูลิษา ทำตัวสบายเหมือนอยู่บ้านตัวเองนะลูก” ศาสตราจารย์ ดร.แพทย์หญิงอิงอร แม่แท้ ๆ ของหมออินทัชพูดด้วยน้ำเสียงเอื้อเอ็นดู“มีอะไรไม่สะดวกตรงไหนบอกพ่อกับแม่ได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ” ศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์พีระ เอ่ยเสริมส่วนอลิษานั้นนั่งเกร็งจนตะคริวแทบกินไปทั้งตัว เมื่อสองวันที่แล้วเธอลองหาประวัติครอบค
“ปะป๊าหล่อที่สุด” จู่ ๆ พาดาก็พูดขึ้น อินทัชรู้ทัน เขาหลุบตามองถ้วยไอศกรีมที่หมดเกลี้ยงแล้วส่ายหน้า“ไม่ต้องเลยครับ ปะป๊าไม่ให้เพิ่มนะครับ”“บู้ว! ปะป๊ารู้ทันอีกแล้ววว”..ช่วงเย็น คุณหมอได้รับสายจากอลิษาว่างานยังไม่เสร็จ และอาจจะกลับบ้านดึก ให้อินทัชพาลูกเข้านอนก่อนได้เลย คนเป็นสามีได้ยินแบบนั้นก็
อินทัชขับรถไปที่โรงเรียน เขารีบรับขุนเขาพาดาขึ้นมาเพราะไม่อยากให้ลูกรอนาน และก็เป็นไปตามคาด ทันทีที่ขึ้นมาบนรถพาดาก็ทวงไอศกรีมจากปะป๊าทันที“ไอติม ไอติม”“ค่ะ เดี๋ยวปะป๊าพาไป แต่ตอนนี้พาดาต้องเบาเสียงหน่อยนะคะ น้องนอนอยู่”“พาดาขอโทษค่ะ โอ๋ ๆ นะสายหมอก หลับน้า”“คาดเข็มขัดกันด้วยครับ ไม่อย่างนั้นอดไ
(น้องหมอกต้องทานนมตอนเที่ยงนะคะ พี่อินเอาออกมาอุ่นก่อน อย่าลืมเหยาะหลังมือเทสอุณหภูมิด้วยนะคะ)“ครับ” อินทัชหนีบมือถือด้วยไหล่ มือทั้งสองข้างหยิบนมที่ภรรยาปั๊มเอาไว้ออกมาจากตู้แช่เพื่อเตรียมอุ่น “ลิษาไม่ต้องห่วง ประชุมต่อเถอะครับ”(พี่อินไม่เคยต้องอยู่กับลูกตามลำพัง ลิษากลัวว่าพี่จะเหนื่อยเกินไป)“ไ
“เตเต้ว่าพาดาอ้วน บอกว่าของขวัญว่าขี้โรค”“เตเต้คะ” ได้ฟังแบบนั้นคุณครูจึงกดเสียงต่ำ เด็กชายตัวกลมเริ่มเกรงกลัวเพราะครูตัวสูงกว่ามาก“กะ ก็จริงนี่คับ”“เตเต้คะ” คุณครูย่อตัวลงให้เท่ากับส่วนสูงของเด็กชาย “พูดถึงรูปร่างคนอื่นแบบนั้นไม่ดีเลยนะคะ จะอ้วน จะผอม เราก็ไม่มีสิทธิ์ไปว่าเขา ขอโทษเพื่อนนะคะ”“ไ
“ใช่แล้วค่ะ วันนี้มีข้าวผัดเบคอนของโปรดของหนู พี่ขุนหม่ำได้เลยครับ ส่วนพาดาเอาผ้ามาคลุมก่อนนะ เดี๋ยวจะเลอะเสื้อนักเรียน”พาดาทำตามที่หม่าม้าบอกอย่างแข็งขัน มือป้อม ๆ หยิบจับทุกอย่างอย่างคล่องตัวเพราะถูกฝึกให้ทำตั้งแต่เริ่มเข้าโรงเรียน มื้อเช้าเริ่มต้นขึ้นพร้อมกับเสียงพูดคุยของพาดาจนจบมื้ออาหาร คุณปู
เสียงนกร้องจิ๊บ ๆ ดังปลุกตอนหกโมงครึ่ง ตรงเวลาไม่ขาดไม่เกิน ร่างอวบอ้วนที่ตื่นเต็มตานอนตากลมแป๋วบนเตียงนุ่ม ซุกตัวในผ้านวมผืนหนาที่หอมและอบอุ่น ไม่มีทีท่าว่าจะลุก แต่ก็ไม่ได้หลับต่อสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เริ่มต้นกิจกรรมตามปกติ แต่ใครบางคนกลับนอนนิ่ง ราวกับไม่ต้องการลุกไปทำอะไรทั้งนั้นไม่ใช่เพราะขี้เกีย
“ปล่อยเขาเถอะลิษา ให้เขาได้เรียนรู้ ได้เลอะ ได้ลองเจ็บด้วยตัวเอง”“เฮ้อ คนนี้ซนได้ใครก็ไม่รู้”พาดาที่ว่าแสบแล้ว เจอสายหมอกเข้าไปกลายเป็นเด็กเรียบร้อยเลยทีเดียว เด็กชายสายหมอกในวัยสามขวบทั้งซนทั้งขี้อ้อน ทั้งปู่ย่า ยาย พ่อแม่และพี่ ๆ ต่างรุมเอาใจเพราะแพ้ลูกอ้อน อลิษาอยากบ่นคนอื่นแต่ก็ทำได้ไม่เต็มที่
“แม่เกือบมาไม่ทัน ติดสอนค่ะ”“พ่อก็ติดประชุม ปลีกตัวไม่ได้เลย”“ไม่เป็นไรค่ะ ลิษาคงยังไม่คลอดเร็ว ๆ นี้”“ปากมดลูกเปิดเท่าไหร่แล้วคะ”“พี่อินบอกว่าแค่สองเซนเองค่ะ”“โธ่ ทนไหวไหมลูก ถ้าไม่ไหวก็ผ่าเถอะนะคะ” คุณหมออิงอรอดรู้สึกเจ็บแทนลูกสะใภ้ไม่ได้ มาโรงพยาบาลก็หลายชั่วโมงแล้ว แต่ปากมดลูกยังเปิดได้ไม่เ
“อึก! พี่อิน พี่อินอยู่ไหน”“คุณหมอกำลังมานะคะ”ไม่ทันขาดคำ ประตูห้องพักก็ถูกเปิดออกกว้าง อินทัชรีบพุ่งตัวเข้ามาหาภรรยา คว้ามือเย็นเฉียบมาบีบไว้เพื่อถ่ายทอดกำลังใจไปให้คนที่กำลังเจ็บปวด“ให้พี่ดูก่อนนะครับว่าปากมดลูกเปิดเท่าไหร่แล้ว”อลิษาพยักหน้ารับ ใบหน้าสวยซีดเซียวและบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ตลอด