ชาร์ลีพยายามรักษาระยะห่างจากลอรีนมาโดยตลอดเขาไม่ได้มีความรู้สึกกับลอรีนมากนัก ยิ่งไปกว่านั้นเนื่องจากลอรีนเป็นเพื่อนสนิทของภรรยาชาร์ลีจึงมีเหตุผลที่จะรักษาระยะห่างจากเธอมากกว่าคนอื่น แต่เขาไม่คาดคิดจริง ๆ ว่าจะเจอเธอบนเครื่องบินลอรีนอารมณ์ดีมาก เธอเอนตัวเข้าไปใกล้ ๆ ชาร์ลีโดยไม่ได้ตั้งใจในขณะที่ถามว่า “โอ้ ชาร์ลี! คุณจะอยู่ที่อีสต์คลิฟฟ์กี่วันเหรอคะ?”ชาร์ลีตอบว่า “ผมยังไม่แน่ใจ ต้องดูงานผมก่อน ถ้าเสร็จเร็วก็จะอยู่แค่สองสามวัน แต่ถ้าเสร็จช้าก็อาจต้องอยู่สี่ถึงห้าวันเลยก็ได้”ลอรีนพูดอย่างตื่นเต้นว่า “โอ้! ฉันได้จองตั๋วเครื่องบินขากลับไว้ในอีกสี่วันที่จะถึงนี้ แล้วคุณล่ะคะ? คุณจองตั๋วเครื่องบินขากลับหรือยัง? เราจองเที่ยวบินเดียวกันตอนกลับไปที่โอลรัส ฮิลล์ดีไหมคะ?”ชาร์ลีตอบตามตรงว่า “ผมยังไม่ได้จองตั๋วเครื่องบินขากลับเลยครับ ไว้ค่อยคุยกันใหม่ตอนที่งานเสร็จแล้วดีกว่า ผมยังยืนยันอะไรไม่ได้ในตอนนี้”ลอรีนรีบบอกว่า “โอเคค่ะ งั้นเสร็จงานในอีสต์คลิฟฟ์แล้วค่อยบอกฉันนะคะ แล้วดูซิว่าจะเลื่อนตั๋วให้กลับในวันเดียวกับคุณได้หรือเปล่า ถ้าทำได้ฉันก็จะกลับโอลรัสฮิลล์พร้อมกับคุณค่ะ”ชาร์ลีรู้
ในขณะที่เขานึกถึงสุขภาพที่ย่ำแย่ของยูล… พ่อของควินน์อยู่นั้น เขาก็ถามว่า “อาการของอาโกลดิ้งดีขึ้นบ้างไหม?”“อาการไม่ค่อยดีค่ะ…” ควินน์ตอบเสียงเบา ๆ “อาการของพ่อไม่ค่อยดีค่ะ แพทย์แนะนำให้พ่อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลอีกครั้ง แต่พ่อปฏิเสธที่จะไปที่นั่น ฉันคิดว่าพ่อคงหดหู่และเศร้าใจนิดหน่อย บางทีพ่ออาจยอมจำนนต่อชะตากรรมของพ่อแล้วก็ได้เขาเลยไม่อยากต้องทนทุกข์ทรมานอีกต่อไป พ่อรู้สึกเสมอว่าพ่อไม่มีศักดิ์ศรีเหลืออยู่เลยถ้าต้องเข้าไปรับการรักษาต่าง ๆ ในโรงพยาบาล… พี่อาจไม่เข้าใจลักษณะนิสัยของพ่อนัก แต่แม่ของฉันบอกว่าเขาเหมือนกับพ่อของพี่และพี่น้องแท้ ๆ ของเขาเอง คนพวกนั้นเป็นคนหัวดื้อมาก และไม่ยอมฟังคำแนะนำของใครเลย…”ชาร์ลีรู้ว่าบุคคลที่มีอำนาจและน่านับถือมักจะอยากมีชีวิตรอด เวลาที่พวกเขาป่วยหนักและกำลังจะตายนี่เป็นเพราะพวกเขาใช้ชีวิตอย่างมีเกียรติและภูมิฐานมาหลายปีแล้ว พวกเขาจึงให้ความสำคัญกับหน้าตาและศักดิ์ศรีเป็นอย่างมาก พวกเขาไม่อยากลดศักดิ์ศรีและหรือเสียหน้าตอนป่วยหนักเพียงเพื่อให้ตัวเองได้มีชีวิตอยู่ต่อไปอีกสองสามปีชาร์ลีได้ยินมาว่าบุคคลที่น่านับถือและมีอำนาจหลายคนถึงกับลงนามในคำส
หลังจากเครื่องบินลงจอด ชาร์ลีกับลอรีนก็ลงจากเครื่องบินพร้อมกันเนื่องจากชาร์ลีไม่ได้มีกระเป๋าที่โหลดมาใต้ท้องเครื่อง เขาจึงไม่ต้องไปรอรับกระเป๋า แต่เนื่องจากลอรีนเป็นสาวงามตัวยงซึ่งโดยปกติมักจะขนเสื้อผ้า เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์บำรุงผิวติดตัวไปจำนวนมากยามเดินทาง เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิวมักจะมีน้ำเกินได้ง่ายมาก ลอรีนจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องโหลดกระเป๋าไว้ใต้ท้องเครื่องหลังจากลงจากเครื่องบินแล้วเธอไม่สามารถออกจากสนามบินได้ทันทีเหมือนชาร์ลี เธอต้องไปรอรับกระเป๋ายังบริเวณสายพานรับกระเป๋าดังนั้นลอรีนจึงรีบถามชาร์ลีว่า “ชาร์ลี คุณจะออกจากสนามบินยังไงเหรอคะ?”ชาร์ลีตอบว่า “ผมจะออกไปเรียกแท็กซี่ครับ”ลอรีนรีบตอบว่า “ถ้าอย่างนั้นทำไมคุณไม่รอฉันก่อนล่ะ? แล้วเราค่อยไปด้วยกัน พอดีว่าครอบครัวของฉันจะขับรถมารับ เราแวะส่งคุณได้นะคะ”ชาร์ลียิ้มก่อนจะโบกมือแล้วพูดว่า “ไม่ต้องหรอกครับลอรีน ผมกำลังรีบน่ะครับ เลยต้องขอตัวออกไปก่อน”ลอรีนตอบอย่างช่วยอะไรไม่ได้ “โอเคค่ะ แล้วไว้ค่อยนัดเจอกันใหม่วันหลัง อย่าลืมนะว่าคุณสัญญาแล้วว่าจะไปทานอาหารกับฉัน”“โอเค” ชาร์ลียิ้มเล็กน้อยในขณะที่พูดว
ชาร์ลีส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรเลยถ้าพี่ต้องทนทุกข์กับความยากลำบากอะไร พี่คิดว่าการฝ่าฟันความยากลำบากพวกนี้ก็เป็นเหมือนการฝึกฝนตัวเองอย่างหนึ่งเหมือนกัน”ควินน์พยักหน้าตอบอย่างจริงจัง ในขณะที่เธอกำลังขับรถออกจากลานจอดรถนั้นเธอก็พูดขึ้นมาว่า “พ่อเพิ่งพูดถึงพี่เมื่อวานนี้เอง ฉันบอกพี่แล้วใช่ไหมที่คุณหมอขอให้พ่อกลับเข้าไปรักษาในโรงพยาบาลอีกครั้ง? พ่อรู้ว่าสุขภาพและสภาพร่างกายของพ่อไม่ได้ดูดีขนาดนั้น พ่อจึงได้แต่ถอนหายใจในขณะที่พูดว่า ความเสียใจมากที่สุดในชีวิตของพ่อก็คือการไม่สามารถตามหาพี่ได้”ชาร์ลีรู้สึกสะเทือนใจมากและยิ้มในขณะที่พูดว่า “ไม่ต้องเป็นห่วงนะนานา อาโกลดิ้งจะต้องกลับมามีสุขภาพดีอีกครั้งอย่างแน่นอน”ควินน์ไม่รู้เรื่องความสามารถของชาร์ลี แล้วนับประสาอะไรกับฉายาของชาร์ลีในฐานะมังกรที่แท้จริงที่ชนชั้นสูงในโอลรัสฮิลล์ต่างรู้จักกันดี ดังนั้นเธอจึงไม่เชื่อว่าชาร์ลีจะมีวิธีรักษาอาการป่วยระยะสุดท้ายของพ่อได้ในเวลานี้เธอรู้สึกเพียงว่าพ่อของเธอจะต้องดีใจเป็นอย่างมากเมื่อได้เห็นชาร์ลี ถ้าพ่อมีอารมณ์ที่ดีขึ้นเธอก็เชื่อว่าสุขภาพของพ่อก็จะต้องดีขึ้นตามไปด้วยบ้านของควินน์อยู่ไม่ไ
ชายหญิงที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะอาหารนั้น แม้จะไม่ได้มองที่รูปลักษณ์ นิสัยใจคอ และชุดลำลองที่สวมใส่อยู่ ทั้งคู่ก็ดูหรูหราและมีรสนิยมมากชายคนนั้นดูซูบผอมนิดหน่อยและมีใบหน้ากับริมฝีปากที่ดูซีดเซียวเล็กน้อย เมื่อมองแค่แวบแรกก็เห็นได้ชัดว่าเขาป่วยมานานแล้ว ยิ่งกว่านั้นเขาดูเหมือนคนป่วยระยะสุดท้ายที่กำลังจะตายแต่ผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เขานั้นกลับดูแลตัวเองเป็นอย่างดี เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมาก ๆ รูปร่างหน้าตาของเธอดูคล้ายกับควินน์และดูเหมือนคนมีอายุแค่สามสิบกว่า ๆ เท่านั้นชาร์ลีจำคนทั้งสองได้ตั้งแต่เห็นแวบแรก นี่คืออาโกลดิ้งที่เขารู้จักตั้งแต่เด็ก ๆ และภรรยาของเขา… น้าโกลดิ้งในขณะที่ชาร์ลีจำได้ว่าพวกเขาเป็นใคร คนทั้งคู่นั้นก็จำเขาได้ทันทีเช่นกัน!ยูลมีสีหน้าตกใจสุดขีด ใบหน้าของเขาดูซูบเซียวเป็นอย่างมาก ตอนนี้ดวงตาของเขาเบิกกว้างและตัวสั่นเทาเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ก็พูดไม่ออกในเวลานี้ราเชลซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ เขาก็ตกตะลึงเช่นกัน เธอลุกขึ้นยืนก่อนจะใช้มือชี้ไปที่ชาร์ลี แล้วใช้มืออีกข้างหนึ่งปิดปากตัวเอง แล้วพูดออกมาว่า “เธอ… เธอ… เธอคือชาร์ลี… เธอคือชาร์ลี เวดใช่ไหม?”ชาร์ลีรู้สึกสะเทือนใจมากในเ
ในขณะที่กำลังพูดอยู่นั้น ยูลก็อดที่จะร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่ได้ในขณะที่พูดว่า “ตลอดหลายปีที่ผ่านมาอาไม่ได้ข้อมูลอะไรที่พอจะทำให้รู้ว่าเธออยู่ที่ไหนเลย อาก็เลยคิดว่าเธอคงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว…”เมื่อถึงตอนนี้ยูลเม้นริมฝีปากแน่นแต่ไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไปเขาอดกลั้นอยู่นานก่อนที่น้ำตาจะรินไหลจนทำให้สายตาของเขาพร่าเลือนไปในที่สุด หลังจากนั้นเขาก็ปล่อยโฮในขณะที่พูดว่า “พี่ใหญ่เวด! ถ้าพี่กำลังมองดูเราอยู่จากสรวงสวรรค์ พี่คงเห็นแล้วนะ! ลูกชายของพี่กลับมาแล้ว! เขากลับมาแล้ว! ในที่สุดผมก็มีหน้าไปพบพี่ได้เสียที…”ยูลรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยในขณะที่ยังคงร้องไห้ต่อไป ก่อนจะเริ่มไออย่างรุนแรงสองสามครั้ง ในเวลานี้ราเชลที่อยู่อยู่ข้าง ๆ ก็ปาดน้ำตาออกจากใบหน้าในขณะที่ตบหลังให้สามีอย่างระมัดระวัง ก่อนจะร้องไห้สะอึกสะอื้นแล้วพูดว่า “ยูล… เป็นเรื่องน่ายินดีจังเลยนะที่ในที่สุดชาร์ลีก็กลับมา อย่าร้องไห้อีกเลยนะคะ คุณควรรู้ว่าตอนนี้สุขภาพของคุณไม่ค่อยดีนัก คุณไม่ควรตื่นเต้นหรือแสดงอารมณ์มากเกินไปนะคะ”หลังจากยูลสงบสติอารมณ์ลงได้เล็กน้อย เขาก็พยักหน้าเบา ๆ ในขณะน้ำตายังไหลรินลงมาไม่หยุด หลังจากนั้นเขาก็จ
ยูลดึงชาร์ลีมานั่งข้าง ๆทันทีที่พวกเขานั่งลง ยูลก็พูดกับชาร์ลีอย่างอบอุ่นว่า “มาเถอะชาร์ลี มากินข้าวก่อน อาหวังว่าอาหารจะถูกใจเธอนะ หรือจะให้แม่ครัวทำอย่างอื่นมาให้เธอดี”ชาร์ลีรีบพูดว่า “ไม่เป็นไรครับอาโกลดิ้ง ผมกินจานที่ทำมาให้แล้วได้ครับ”ยูลพยักหน้าแล้วเริ่มถามชาร์ลีเกี่ยวกับสิ่งที่เขาทำในช่วงหลายปีที่ผ่านมาชาร์ลีไม่มีอะไรต้องปิดบังคนในตระกูลโกลดิ้งมากนัก ยกเว้นเรื่องคัมภีร์วันสิ้นโลกซึ่งเป็นความลับที่ฝังลึกอยู่ภายในใจ เขาเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้พวกเขาฟังตามความเป็นจริง รวมทั้งชีวิตในช่วงก่อนจะถึงอายุสิบแปดปี ประสบการณ์ชีวิตหลังอายุสิบแปดปี ความคุ้นเคยกับอดีตนายท่านวิลสัน การแต่งงานกับแคลร์ และชีวิตหลังแต่งงานยิ่งยูลและราเชลได้ฟังเรื่องราวในอดีตของชาร์ลีมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกหัวใจสลายและเสียใจมากขึ้นเท่านั้น ในสายตาของพวกเขา… ไม่ว่าจะอย่างไรชาร์ลีก็เป็นทายาทสายตรงของตระกูลเวด ในตอนนั้นพ่อของเขาคือดาวรุ่งที่ส่องประกายสว่างไสวมากที่สุดของครอบครัว ถ้าพูดอย่างมีเหตุผลแล้ว ชาร์ลีควรจะมีชีวิตที่หรูหราและสุขสบาย แต่ในความเป็นจริงเขาต้องประสบกับความยากลำบากและความสิ้นหวังใน
ชาร์ลีรู้ว่ายูลพูดเช่นนี้ก็เพื่อประโยชน์ของตัวเขาเอง แต่ชาร์ลีส่ายหัวเบา ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังอย่างมาก “อาโกลดิ้งครับ ผมอยู่กับพ่อแม่แค่แปดปีเท่านั้นเอง ซึ่งเป็นระยะเวลาที่สั้นมาก แต่สายเลือดและจิตวิญญาณของผมก็สืบทอดมาจากพ่อแม่ ถ้าผมล้างแค้นให้พ่อกับแม่ไม่ได้ แล้วผมจะใช้ชีวิตต่อไปตามสายเลือดและจิตวิญญาณที่พ่อแม่ให้ผมมาได้ยังไงล่ะครับ?”ราเชลนิ่งเงียบไป เมื่อได้ยินดังนี้เธอก็ถอนหายใจ แล้วดวงตาก็เปลี่ยนเป็นสีแดง “ยูล ชาร์ลีมีนิสัยและการแสดงออกทางอารมณ์เหมือนพี่เวดมากเลย ย้อนกลับไปในตอนนั้น ถ้าพี่เวดฝืนทนต่อความไม่ยุติธรรมนั้นได้ เขาก็คงไม่ต้องออกจากอีสต์คลิฟฟ์พร้อมกับภรรยาและลูกชายอย่างเด็ดเดี่ยวและมั่นใจอย่างนั้นหรอก ตอนนั้นคุณไม่สามารถเกลี้ยกล่อมพี่เวดได้ แล้วตอนนี้คุณก็อาจไม่สามารถเกลี้ยกล่อมชาร์ลีได้เหมือนกัน”ยูลพยักหน้าอย่างหดหู่ใจ เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะมองไปที่ชาร์ลี จากนั้นก็มองไปที่ควินน์แล้วพูดว่า “ชาร์ลี เธอชะลอเรื่องอื่น ๆ เอาไว้ก่อนแล้วกันนะ ถ้าเธอต้องการเป็นศัตรูกับตระกูลเวดและบีบบังคับให้เขาต้องชดใช้ในสิ่งที่พวกเขาทำลงไปล่ะก็ เธอก็ต้องมีความแข็งแกร่งและวางรากฐ
“โอเค” ชาร์ลีพยักหน้าก่อนจะพูดว่า “เอาล่ะ ถึงเวลาที่นายต้องออกเดินทางแล้ว”ในเวลานี้จาเวียร์ก็วิ่งเข้าไปหาพวกเขาพร้อมกับแบตเตอรี่สำรองในมือ หลังจากนั้นเขาก็ยื่นแบตเตอรี่สำรองกับสายชาร์จให้กับดีแลนในขณะที่พูดว่า “ดีแลน นี่แบตเตอรี่สำรอง!”ดีแลนหยิบแบตเตอรี่สำรองใส่ไว้ในเป้ หลังจากปาดน้ำตาออกจากใบหน้าแล้ว เขาก็พูดกับทุกคนว่า “คุณยาย คุณตา พ่อ แม่ ลุง อา ผมจะไปแล้วนะคับ…”ทุกคนโบกมือให้เขา “ไปเถอะ อย่าลืมใส่ใจในเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนนนะ!”ดีแลนมองไปที่ชาร์ลีอีกครั้งก่อนจะโค้งคำนับแล้วพูดว่า “ผมจะไปแล้วนะครับคุณเวด…”ชาร์ลีส่งเสียงพึมพำในขณะที่พูดว่า “รีบไปเถอะ ไม่งั้นนายจะถูกทำโทษที่ไปถึงช้านะ”ดีแลนรีบพยักหน้าในขณะที่พูดว่า “ไม่ต้องเป็นห่วงครับ! ผมจะทำให้ดีที่สุดครับ!”ชาร์ลีโบกมือแล้วพูดว่า “อืม ไปได้แล้ว!”ดีแลนพยักหน้าก่อนจะหันกลับไปมองเหล่าญาติ ๆ อย่างไม่เต็มใจ จากนั้นเขาก็เริ่มปั่นจักรยาน Phoenix 28 คันใหญ่อย่างหนักหน่วง หลังจากถีบจักรยานไปได้สองสามครั้ง ในที่สุดดีแลนก็ถีบจักรยานจากไปในลักษณะโคลงเคลงซิลเวียเริ่มร้องไห้อย่างขมขื่น ลีโอนาร์ดจึงรีบคว้าเธอมาปลอบโยนอยู่ในอ้อ
เมื่องานเลี้ยงวันเกิดสิ้นสุดลง และแขกคนอื่น ๆ ได้กลับไปแล้ว ดีแลนก็เข็นรถจักรยาน Phoenix 28 คันใหม่ออกมาในเวลานี้จู่ ๆ ดีแลนก็นึกถึงเพลงฮิตที่เขาเคยเห็นในคลิปวิดีโอสั้น ๆ…เพลงนี้ก็คือเพลง ‘ขี่มอเตอร์ไซต์แสนรักของฉัน’...ในขณะที่เขานึกถึงเพลงนี้ เขาก็มองไปที่จักรยาน Phoenix 28 ในสภาพเก่าที่ดูน่าเกลียดนั้น แล้วอดที่จะถอนหายใจไม่ได้ในขณะที่คิดกับตัวเองว่า ‘ถ้าฉันขี่มอเตอร์ไซค์ไปโอลรัสฮิลล์ได้ก็คงจะดีไม่น้อย เพราะจะทำให้ฉันสามารถเดินทางได้ประมาณสามถึงสี่ร้อยกิโลเมตรต่อวัน ซึ่งจะช่วยให้ฉันเดินทางไปถึงโอลรัสฮิลล์ได้เร็วที่สุด จะได้ไม่ต้องทนทุกข์กับความคับข้องใจและความอยุติธรรมมากมายในระหว่างทาง…’แต่ช่างน่าสงสารเหลือเกินที่เขารู้ว่าชาร์จะไม่มีทางเปิดโอกาสให้เขาได้ต่อรองอะไรเลย เขาจึงทำได้แค่เข็นจักรยานออกมาเพื่อเตรียมตัวออกเดินทางเจริล… ลุงของเขาถือหมวกกันน็อกสีเขียวอยู่ในมือ ในขณะที่พยายามจะสวมให้กับดีแลน ดีแลนหลบเลี่ยงหมวกใบนั้นในขณะที่ถามอย่างอึดอัดใจว่า “ทำไมถึงซื้อหมวกกันน็อกสีเขียวมาให้ผมล่ะลุง? หมวกสีเขียวเป็นสัญลักษณ์ของผู้ชายที่โดนสวมเขานะ…”“อย่าพูดถึงเรื่องนั้นเลยน่า” เจร
"หา? เร็วไปไหม? คุณจะไม่อยู่ที่อีสต์คลิฟฟ์ต่ออีกสักสองสามวันเหรอ?”“ผมทำธุระของผมเสร็จหมดแล้วน่ะ ไม่มีธุระอะไรให้ผมต้องอยู่ที่นี่อีก ผมจะออกเดินทางพรุ่งนี้เลย”เมื่อลอรีนได้ยินดังนี้ เธอก็พูดขึ้นอย่างไม่ลังเลเลยว่า “ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะออกจากอีสต์คลิฟฟ์พรุ่งนี้ด้วย เราเดินทางกลับโอลรัสฮิลล์พร้อมกันดีไหมคะ? เราจะได้นั่งเครื่องบินลำเดียวกันชาร์ลีอยากจะปฏิเสธเธอ แต่เมื่อเขาเห็นสีหน้าที่แสดงความวิงวอนของเธอแล้ว เขาก็ปฏิเสธเธอไม่ลงเพราะไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม… นับเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคนเป็นเพื่อนกัน ที่ต้องนั่งเครื่องบินลำเดียวกัน ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถหลบเลี่ยงการนั่งเครื่องบินเที่ยวบินเดียวกับเธอได้ชาร์ลีจึงพูดว่า “ได้สิ เรากลับด้วยกันก็ได้”ลอรีนรีบพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวคุณให้รายละเอียดบัตรประจำตัวกับฉันมานะ ฉันจะได้ซื้อตั๋วเครื่องบินของเราพร้อมกัน!”“โอเค”***ในขณะที่งานเลี้ยงวันเกิดยังคงดำเนินอยู่นั้น ลุงและอารองของดีแลนก็ได้ตระเตรียมการเดินทางด้วยการปั่นจักรยานไปยังโอลรัสฮิลล์ให้ดีแลนเรียบร้อยแล้วพวกเขาได้ให้คนไปซื้อจักรยาน Phoenix 28 รุ่นเก่ามา แล้วติดตั้งชั้นวางสัมภา
หลังจากนั้นงานเลี้ยงวันเกิดก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการมีการจัดที่นั่งให้กับชาร์ลีเป็นพิเศษในฐานะที่เขาเป็นแขกผู้มีเกียรติสูงสุด โดยเขาได้นั่งอยู่ข้างนายท่านโธมัสกับลอรีนและริกลีย์หลังจากนั้นสมาชิกของตระกูลโธมัสก็ผลัดกันดื่มอวยพรให้เขา โดยทั้งการแสดงออกทางสีหน้า น้ำเสียง และการกระทำล้วนเต็มไปด้วยการสรรเสริญเยินยอ ชาร์ลีไม่มีอะไรจะพูดมากนัก เมื่อมีคนมาดื่มอวยพรให้เขา เขาก็แค่ดื่มอวยพรกลับไป ซึ่งถึงแม้ดีแลนจะเป็นคนมาดื่มอวยพรให้เขา เขาก็ดื่มอวยพรกลับไปอย่างง่ายดายในเวลานี้ริกลีย์ก็ยังมาดื่มอวยพรให้กับชาร์ลีอย่างระมัดระวังด้วย โดยเขาได้เยินยอแล้วพูดว่า “คุณเวดครับ ผมมีเรื่องจะถามคุณหน่อยครับ…”ชาร์ลีรู้อยู่แล้วว่าเขาจะถามอะไรก่อนที่เขาจะเริ่มพูดออกมาด้วยซ้ำไป เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการให้ชาร์ลีช่วยฟื้นคืนสมรรถภาพ เพื่อให้เขากลับมาแข็งแกร่งได้อีกครั้งแต่เมื่อพิจารณาถึงเรื่องเลวร้ายทั้งหมดที่ครอบครัวของพวกเขาได้ทำกับครอบครัวของยูลแล้ว ชาร์ลีก็ยังแน่ใจว่าเขาจะไม่ยอมฟื้นคืนสมรรถภาพให้พวกเขาในตอนนี้ผู้ที่เป็นผู้ใหญ่แล้วจะต้องชดใช้และรับผิดชอบต่อการกระทำของพวกเขา ไม่อย่างนั้นแล้วพวกเขาจะได้บทเ
ชาร์ลีหยิบภาพวาดที่ยูลมอบให้เขาจากมือของดีแลน ก่อนจะยื่นให้กับยายของลอรีนด้วยตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็พูดว่า “คุณยายโธมัสครับ นี่เป็นของเล็ก ๆ น้อย ๆ จากแคลร์และผมครับ ผมหวังว่าคุณยายจะรับมันไว้ และผมอยากจะขอโทษกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นไปเมื่อกี้นี้ ด้วยวันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณยาย ผมหวังว่าคุณยายคงจะให้อภัยผมนะครับ”คุณท่านโธมัสรู้สึกปลื้มใจแล้วรีบพูดขึ้นว่า “คุณเวด ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ จริง ๆ แล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้เป็นเพราะหลานชายของฉันทำอะไรผิดไป ฉันมาคิดดูแล้ว… ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะเราละเลยในการอบรมสั่งสอนหลานของเรา จึงทำให้คุณเวดต้องเดือดร้อน”ในขณะที่เธอพูดอยู่นั้น เธอก็มองดูภาพวาดก่อนจะพูดว่า “คุณเวดคะ ภาพวาดนี้มีมูลค่ามากเหลือเกิน ฉันคงรับของขวัญชิ้นนี้ไว้ไม่ได้หรอกค่ะ!”ชาร์ลีรีบพูดว่า “คุณยายโธมัสครับ ของขวัญชิ้นนี้เป็นเพียงของเล็ก ๆ น้อย ๆ จากแคลร์และผม มูลค่าของของขวัญชิ้นนี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเลย คุณยายไม่ต้องเกรงใจผมหรอกครับ พูดตามตรงนะครับ ผมไม่ได้ใช้จ่ายเงินกับของขวัญชิ้นนี้เลยด้วยซ้ำ เพราะคุณโกลดิ้งจากโกลดิ้งกรุ๊ปมอบภาพวาดนี้ให้ผม แล้วผมก็นำมา
เมื่อได้ยินว่าเขาจะต้องไปขนปูนซีเมนต์ในไซต์ก่อสร้าง ดีแลนก็ส่ายหัวอย่างบ้าคลั่งทันที!เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว เขาคงต้องทนทุกข์ทรมานและรู้สึกคับข้องใจเพียงเล็กน้อย ถ้าเขาต้องอาศัยอยู่ในชุมชนแออัด โดยมีค่าครองชีพเดือนละหนึ่งหมื่นบาท แต่ถ้าเขาต้องไปขนปูนซีเมนต์ในไซต์ก่อสร้าง เขาก็คงต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมาก และต้องเจอะเจอความยากลำบากมากมายในไซต์ก่อสร้างแห่งนั้นเขาจึงพยักหน้าแบบไม่คิดอะไรทันที “คุณเวดครับ ผมยอมรับเงื่อนไขทั้งหมดของคุณแล้ว ผมจะไม่ต่อรองอะไรกับคุณแล้วครับ! ขอแค่อย่าส่งผมไปไซต์ก่อสร้างนั้นเลยนะครับ…”ชาร์ลีรู้สึกพอใจมากแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “อย่าลืมปรับปรุงเปลี่ยนแปลงและกลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดีหลังจากนายไปถึงที่โอลรัสฮิลล์แล้ว อย่าสร้างปัญหาอะไรเพิ่มขึ้นมาอีกล่ะ ถ้านายยังคงอยู่ที่อีสต์คลิฟฟ์ต่อไป ทายาทที่ชอบเยาะเย้ยถากถางคนอื่นอย่างนาย ก็อาจก่อให้เกิดหายนะที่ร้ายแรงกว่านี้ได้ในสักวันหนึ่ง นายอาจเข้าไปพัวพันและทำให้ให้ตระกูลโธมัสและตระกูลโคชต้องเดือดร้อนได้!”ในเวลานี้สองพี่น้องอย่างเจริลและจาเวีย์ก็อดที่จะตัวสั่นขึ้นมาเล็กน้อยไม่ได้ดูเหมือนคำพูดของชาร์ลีจะทำให้คนทั้งคู่
สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดก็คือ การปั่นจักรยานอย่างยากลำบากจากอีสต์คลิฟฟ์ไปยังโอลรัสฮิลล์แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่ยังพอรับได้ การที่ต้องปั่นจักรยานเป็นเวลาครึ่งเดือน ก็ยังดีเสียกว่าการนอนบนเตียงอยู่ครึ่งเดือนหลังผ่าตัดนอกจากนี้เขายังรู้สึกคับข้องใจอย่างมากในระหว่างการผ่าตัดครั้งล่าสุด ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ยังไม่หายดีเลย ถ้าเขาต้องเข้ารับการผ่าตัดแบบเดิมอีกครั้งในเร็ว ๆ นี้ เขาก็จะต้องได้รับความเจ็บปวดเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าอย่างแน่นอนในเวลานี้ชาร์ลีพูดขึ้นมาว่า “ฉันให้นายไปที่โอลรัสฮิลล์ก็เพื่อให้นายได้ไปปรับปรุงตัวและกลับเนื้อกลับตัวใหม่ นายคิดว่า การที่ฉันให้นายไปที่โอลรัสฮิลล์เพื่อให้ไปสนุกสนานกับชีวิตที่นั่นเหรอ? จะบอกอะไรให้นะ นายจะต้องปั่นจักรยานธรรมดา ๆ อย่าง Phoenix 28 เท่านั้น ใช้อย่างอื่นไม่ได้เลย! ไม่งั้นฉันจะให้นายปั่นจักรยานไปโอลรัสฮิลล์พร้อมกับเกวียนที่บรรทุกก้อนอิฐไปจนเต็มคัน!”“แล้วหลังจากนายไปถึงโอลรัสฮิลล์ นอกจากนายจะต้องคอยขับรถรับส่งให้กับลอรีนแล้ว นายต้องเช่าห้องเดี่ยวในชุมชนแออัดคลิฟฟ์คูลส์ด้วย ค่าใช้จ่ายรายเดือนรวมถึงค่าเช่าบ้านของนายจะต้องไม่เกินเดือนละหนึ่งหมื่นบาท!”
เมื่อเขาได้ยินว่า จะต้องขี่จักรยานจากอีสต์คลิฟฟ์ไปยังโอลรัสฮิลล์ตลอดทาง และต้องอยู่ในโอลรัสฮิลล์ในฐานะคนขับรถเป็นเวลาหนึ่งปี ดีแลนก็รู้เหมือนกำลังจะตายไปแล้วจริง ๆ ประเด็นก็คือระยะทางจากอีสต์คลิฟฟ์ไปโอลรัสฮิลล์นั้น มีระยะทางมากกว่า 1,200 กิโลเมตร เขาจะไม่ตายเพราะหมดแรงถ้าต้องปั่นจักรยานไปตลอดทางจริง ๆ เหรอ?แล้วตอนนี้ก็อยู่ในเดือนธันวาคมซึ่งเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว เขาจะต้องขี่จักรยานตลอดทางไปจนถึงภาคใต้ แล้วไม่ได้รับอนุญาตให้พักในโรงแรมเลยด้วย ข้อกำหนดเหล่านี้รุนแรงเกินไปไม่ใช่เหรอ?ดีแลนรู้สึกเสียใจมากและน้ำตาก็เริ่มไหลอาบใบหน้านี่มันเรื่องบ้าบออะไรกันเนี่ย… เขาเป็นนายน้อยคนที่สามของตระกูลโคช แต่จะต้องขี่จักรยานไปจนถึงโอลรัสฮิลล์? เขาจะไม่ล้มตายไปในระหว่างทางหรอกเหรอ?คงจะน่าทึ่งมากถ้าเขาสามารถปั่นจักรยานได้วันละห้าสิบ หรือหกสิบกิโลเมตรระยะทางกว่า 1,200 กิโลเมตร เขาจะต้องปั่นจักรยานไปประมาณยี่สิบวัน!แต่นี่มันเดือนธันวาคมแล้วนะ!เขาสะอึกสะอื้นพร้อมกับพูดว่า “คุณเวดครับ ถ้าผมเริ่มปั่นจักรยานไปโอลรัสฮิลล์ กว่าจะถึงที่นั่นก็คงเป็นเดือนมกราคมแล้ว น้องสาวผมจะต้องกลับมาฉลองปีใหม่ที่
ลอรีนดีใจมากแล้วพูดอย่างตื่นเต้นว่า “ขอบคุณมากนะคะชาร์ลี!”ชาร์ลีรีบพูดว่า “รอเดี๋ยวนะ ผมจะไม่บังคับให้เขากลืนจี้หยกเข้าไป แต่ยังต้องลงโทษเขาด้วยวิธีอื่น ไม่งั้นเขาคงไม่จดจำไว้เป็นบทเรียน”ลอรีนรีบถามว่า “คุณจะลงโทษเขาด้วยวิธีไหนคะ ชาร์ลี? คงไม่ร้ายแรงไปกว่าการกลืนจี้หยกเข้าไปแล้วใช่ไหมคะ?”“ไม่หรอกครับ ชาร์ลียิ้มเบา ๆ ก่อนจะพูดว่า “คุณมั่นใจได้เลยว่า การลงโทษครั้งนี้จะส่งผลดีกับตัวเขาอย่างแน่นอน”ในที่สุดลอรีนก็รู้สึกสบายใจในขณะที่พูดอย่างเสน่หาว่า “ขอบคุณนะคะชาร์ลี ขอบคุณที่ให้อภัยพี่ชายของฉัน และปล่อยเขาไปเพราะเห็นแก่ฉัน ถ้าอย่างนั้น คุณให้โอกาสฉันได้ตอบแทนคุณดีไหมคะ…”ชาร์ลีถามด้วยความประหลาดใจ “คุณจะตอบแทนผมยังไงเหรอ?”ลอรีนกะพริบตาในขณะที่ยิ้มและพูดอย่างตั้งใจว่า “ฉันสัญญาว่าจะแต่งงานกับคุณ และให้กำเนิดลูกชายตัวอ้วน ๆ เพื่อคุณ! คุณคิดว่ายังไงคะ?”ชาร์ลีตอบด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “อย่าพูดอะไรแบบนี้อีก ผมเป็นสามีของเพื่อนสนิทของคุณนะ!”ลอรีนพยักหน้าก่อนจะพูดอย่างจริงจังว่า “ฉันรู้ค่ะ แต่คุณทั้งคู่แต่งงานกันแบบปลอม ๆ นี่! ก็ยังไม่ถือว่าเป็นการแต่งงานกันอย่างแท้จริง! จริง ๆ แล