พี่ติณรีบวิ่งดุกดิกกลับเข้าไปในห้องน้ำ ด้วยความที่เขาพันแค่ผ้าขนหนูไว้ที่เอวมันทำให้ดูตลก ฉันที่เห็นแบบนั้นจากที่เคร่งขรึมมันก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา พอรู้ตัวว่าหลุดยิ้มก็รีบหันหลังทันทีกลัวว่าพี่ติณจะเห็น ผ่านไปไม่ถึงห้านาทีพี่ติณก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ดูลักษณะของเสื้อผ้าที่ใส่เหมือนเขาจะรีบมากไปหน่อยเพราะชุดมันไม่เรียบร้อยสักเท่าไหร่ “อะ ทำตามที่พูดด้วยล่ะ” พี่ติณเดินมาหยุดตรงหน้าของฉันจากนั้นเขาก็ยื่นผ้ามาให้ ฉันรับผ้ามาแต่โดยดีแล้วนั่งลงบนปลายเตียง แต่พี่ติณน่ะสิยังยืนยิ้มอยู่ ฉันจึงดุเขาไปหนึ่งที“จะให้เช็คผมก็นั่งลงสิคะ หรือไม่อยากให้เช็ดแล้ว” “อ่า เช็ดสิๆ” พี่ติณรีบนั่งลงที่พื้นตรงกลางหว่างขาของฉัน แต่ทว่าเขากลับนั่งหันหน้าเขา มันทำให้ฉันถึงกับใบหน้าร้อนผ่าวเพราะใบหน้าของพี่ติณมันอยู่ระดับเดียวกับตรงนั้น…..รู้สึกร้อนวูบวาบแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้ “หะ หันหลังสิ จะหันหน้ามาทำไม” ฉันบอกแบบไม่กล้าสบตา“อยากเห็นหน้าเวลาเธอเช็ดผมให้ไม่ได้หรือไง” พี่ติณบอกเสียงหวาน “มันเช็ดไม่ถนัด! ถ้าไม่หันหลังหนูจะไม่ทำให้นะ เรื่องมาก!!” ฉันแก้ต่างโดยการหงุดหงิดใส่เขา ทั้งที่ตอนนี้หัวใจดวงน้อยมันเต
สุดท้ายฉันก็ยอมให้พี่ติณนอนบนเตียงด้วยกัน ตอนนี้ฉันให้อภัยไปมากกว่าครึ่งแล้วที่ยังลังเลอยู่ก็เพราะว่าอยากมั่นใจมากกว่านี้ ฉันนี่ก็บ้าจริงๆ เลย สุดท้ายก็แพ้จนได้ เฮ้อ!! วันนี้มันมีหลากหลายอารมณ์ คนท้องเป็นแบบนี้กันหรือเปล่านะ “เธอหยุดเรียนก่อนไหมอีกไม่กี่เดือนก็จบเดี๋ยวฉันจะจัดการเรื่องนั้นให้เอง” “ตอนนี้ท้องยังไม่โต อีกไม่กี่เดือน…..” “ฉันขอโทษที่ทำอะไรไม่คิดให้ดีๆ ก่อน ฉันน่าจะป้องกันไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ท้องตอนนี้”“หนูก็ผิดเองด้วยค่ะที่ไม่กินยาคุม” “ฉันผิดมากกว่า” ฉันคลี่ยิ้มออกมาเมื่อเห็นใบหน้าที่รู้สึกผิดของพี่ติณ มันดีใจที่ได้ยินคำว่าขอโทษจากเขานะ อย่างน้อยเขาก็ไม่ปล่อยผ่านเรื่องนี้ “นอนกันดีกว่าค่ะดึกแล้ว” ฉันบอกแล้วก็ขยับตัวขึ้นมานอนบนเตียง ส่วนพี่ติณก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เขาลุกขึ้นเดินไปปิดไฟก่อนจะขึ้นมานอนสวมกอดฉันบนเตียง แค่นอนลงแล้วหว่างขาของพี่ติณมันเสียดสีกับขาของฉันก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่มันดันเป้ากางเกงทิ่มที่ขาของฉัน แถมตอนนี้พี่ติณยังหายใจแรงๆ กระทบที่ต้นคอของฉัน “พี่ติณ!!” ฉันเรียกชื่อพี่ติณเสียงแข็งเพื่อจะให้เขาหยุดคิดเรื่องลามก “ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ มันแ
พอเห็นพี่ติณยืนจ้องอยู่ฉันก็รู้ได้ทันทีว่าตัวเองนั้นซวยแล้ว ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ฉันคงจะเมินไม่ใส่ใจ แต่พอตอนนี้ฉันไม่สามารถเมินได้ ยิ่งพี่ติณเป็นคนขี้หวงด้วยเขาเห็นแบบนั้นคงต้องโกรธมากแน่ๆ แต่ถ้าอธิบายแล้วไม่ฟังกันฉันก็ขี้เกียจจะพูด อาจจะบ่อยผ่านง้อมากๆ เดี๋ยวจะได้ใจอีก ฉันปั้นหน้าฉีกยิ้มกว้างจากนั้นก็รีบเดินมาหาพี่ติณ เมื่อมาถึงตัวก็กอดแขนเขาไว้ แต่รู้ไหมพี่ติณทำยังไง เขาดึงแขนออก!! ทำเอาฉันหน้าเหวอไปเลย “ตื่นนานหรือยังคะ ^_^” ฉันฉีกยิ้มถามต่อ “นานพอที่จะเห็นเธอแอบมาจู๋จี๋กับไอ้เวรนั่น!”“พี่วินเขามากับ….”“นัดกันมาว่างั้น ? เดินเล่นริมหาดกันมีความสุขมากไหม ทิ้งให้ฉันนอนในห้องแล้วแอบมาหาชู้มีความสุขมากไหม” พี่ติณใส่คำพูดมารัวๆ แถมยังป้ายความผิดว่าฉันกับพี่วินเป็นชู้กัน ไม่ฟังด้วยทั้งที่ฉันกำลังจะพูดบอกว่าพี่วินน่ะมากับแฟนเขา“ฟังหนูพูดก่อนสิพี่ติณ ทำไมชอบคิดอะไรไปเองแบบมั่วๆ” “ต้องฟังอะไรอีกในเมื่อฉันเห็นเต็มๆ ตาขนาดนี้แล้ว”“เห็นไม่ได้แปลว่ามันจะเป็นอย่างที่เห็นนี่คะ พี่ติณเห็นแล้วได้ยินหรอว่าหนูคุยอะไรกับพี่วิน”“ยิ้มหน้าบานขนาดนั้นคงจะเป็นเรื่องที่สนุก มันคงสนุกมากกว่าตอนที่เธ
“ไม่ต้องมาขอโทษ ตอนหนูอธิบายไม่รู้จักฟังแถมยังพูดว่าหนูมีชู้ หนูยังไม่ให้อภัยพี่ติณนะจะเรียกว่ามีชู้ได้ยังไง” “น้ำมนต์ครับ…”“ไม่ต้องมาพูดเพราะกับหนูเลยค่ะ คืนนี้จะไปนอนไหนก็ไปเลยไปนอนในรถเลย!!” “ขอโทษ ก็คนมันหึง หวง จะให้ทำยังไงฉันควบคุมตัวเองไม่ได้” “หึงจนหน้ามืดแล้วอยากจะต่อว่าหนูยังไงก็ได้แบบนี้หรอคะ ทั้งที่ในท้องหนูก็มีลูกของเราอยู่” ฉันบ่นพี่ติณอย่างเหลืออด อยากให้เขามีเหตุผลมากกว่านี้ ไม่ใช่พอฉันยอมอ่อนให้แล้วจะว่าร้ายยังไงก็ได้ “สำนึกผิดแล้ว อย่าไล่ฉันไปนอนในรถเลยนะ”“ไม่อยากนอนในรถก็ไม่ต้องนอนสิคะ” พอพูดแบบนี้พี่ติณก็ยิ้มออกมาแล้วพูด “หายโกรธแล้วใช่ไหม” “หนูหมายถึงถ้าไม่อยากนอนในรถก็ไปหาที่อื่นนอน ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ห้องนี้”“ขอโทษ อย่าไล่ฉันเลยนะ นะครับน้ำมนต์….” พี่ติณพูดเสียงหวานแต่ฉันไม่ยอมอ่อนให้หรอก เดี๋ยวเขาก็ได้ใจอีก “วันนี้งดเข้ามาในห้อง ออกไปเลยค่ะหนูไม่อยากเห็นหน้าพี่ติณ”“หน้าฉันออกจะหล่อ” ดูเขาพูดตอบกลับมาสิ มันเกี่ยวกันที่ไหนล่ะ“ออกไปจากห้องเดี๋ยวนี้” ฉัาพูดย้ำอีกครั้งพี่ติณทำหน้าบึ้งก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ “ฉันอยู่หน้าห้องนะ”“ไปไหนก็ไป ไปไกลๆ ได้ยิ่งด
พี่ติณอุ้มฉันกลับมาที่ห้องเขาวางตัวฉันลงบนเตียงพร้อมกับขึ้นมาคร่อม แล้วโน้มใบหน้าคมคายลงมาใกล้ๆ แต่ฉันรีบเบือนหน้าหนีก่อน “ตัวหนูเปียกอยู่นะคะ”“อยากอาบน้ำก่อนหรอ ?”“…ค่ะ” “อยากให้ฉันอาบให้หรือเปล่า” พี่ติณถามเสียงหวาน ฉันรู้ว่าเขามีความต้องการ แต่ตอนนี้ในใจมันรู้สึกกลัวทั้งที่นี่มันก็ไม่ใช่ครั้งแรกของเรา “หนูอาบเองดีกว่าค่ะ” “เธอใจร้ายอีกแล้วนะน้ำมนต์” “แค่อาบน้ำเองใจร้ายตรงไหน อื้อ~” ฝ่ามือใหญ่ของพี่ติณจับใบหน้าของฉันให้หันมาอยู่ระดับเดียวกันกับตัวเองก่อนที่จะกดจูบขยี้ จูบที่เร่าร้อนมันทำให้ฉันแทบจะหมดอากาศหายใจ “อื้อ~” ฉันร้องประท้วงในลำคอพร้อมกับทุบแผงอกแกร่งรัวๆ เมื่อเริ่มหายใจไม่ออกจากจูบที่หนักหน่วง พี่ติณยอมปล่อยริมฝีปากของฉันเป็นอิสระ เขายังไม่ยอมขยับใบหน้าออกห่าง ตอนนี้ใบหน้าของเราอยู่ใกล้กันมากๆ “ละ ลุกขึ้นไปสิคะ เสื้อผ้าพี่ติณเปียกหมดแล้วนะ” “เปียกก็ดีจะได้อาบน้ำพร้อมกัน”“หนูอยากอาบคนเดียวนี่คะ”“ฉันอยากอาบกับเมีย” “จะทำเรื่องนั้นกับหนูหรอคะ คือตอนนี้…” พี่ติณยกนิ้วมาแตะริมฝีปากของฉันเพื่อให้หยุดพูด “ฉันมีความต้องการเหมือนผู้ชายปกติ เธอคิดว่าฉันจะอดทนได้มากขน
#ภายในห้องน้ำพอเข้ามาในห้องน้ำยังไม่ทันจะได้พูดคุยอะไร พี่ติณดันตัวฉันให้มาติดกับผนังห้องน้ำ จากนั้นเขาก็กดจูบลงมาขยี้ริมฝีปากของฉันอย่างหื่นกระหาย ท่อนขาแกร่งแทรกมาอยู่ตรงกลางระหว่างขาทั้งสองข้างแล้วขยับมันถูไปมากับจุดอ่อนไหวของฉัน “อื้อ~” มันเหมือนจะขาดอากาศหายใจฉันจึงรีบประท้วงพี่ติณในลำคอ เขายอมเห็นใจโดยการจูบให้นุ่มนวลลงเสื้อที่สวมใส่ถูกพี่ติณถอดออกให้รวมทั้งกางเกงและชุดชั้นใน ใบหน้าคมคายซุกไซร้ซอกคอของฉันพร้อมทั้งขบเม้มจนเกิดรอยแดง ฉันจึงต้องรีบห้าม“ยะ อย่าทำรอยไว้สิคะ” “ตีตราเอาไว้ไงว่าเธอเป็นของฉัน” น้ำเสียงหวานๆ ของพี่ติณเอ่ยขึ้น มันเป็นเสียงที่ทำให้สมาธิของฉันหลุดลอย “อื้อ~” เป็นอีกครั้งที่ฉันเปล่งเสียงครางออกมาในลำคอเพราะถูกริมฝีปากหนาครอบงำยอดปทุมถัน ลิ้นสากตวัดเลียสลับกับดูดเม้มทำเอาฉันแทบหมดเรี่ยวแรงที่จะยืน ใบหน้าคมคายเลื่อนต่ำจากหน้าอกลงไปเรื่อยๆ จนถึงหน้าท้อง พี่ติณใช้ลิ้นตวัดเลียหยอกล้อที่สะดือของฉันครู่หนึ่งก่อนจะเลื่อนริมฝีปากต่ำลงไปอีก “ตะ ตรงนั้นไม่ต้องทำนะคะ” “ฉันอยากทำ” แน่นอนว่าฉันไม่สามารถห้ามความต้องการของผู้ชายคนนี้ได้ จึงปล่อยเลยตามเลย ขาข้างหน
เช้าวันใหม่ ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาภายใต้อ้อมกอดของพี่ติณแถมในตอนนี้เขาก็กำลังจ้องมองใบหน้าของฉันอยู่ “ตื่นสายนะ” พี่ติณบอกแล้วก้มลงมาหอมแก้มฉันฟอดใหญ่ ฉันจึงรีบผลักเขาออก “อื้อ! หนูยังไม่ได้ล้างหน้าเลยนะคะ” “ฉันก็ยังไม่ล้างหน้า ไม่เห็นเป็นอะไรแค่หอมแก้ม หรือจะให้จูบ ?”“ไม่เอาลุกขึ้นไปล้างหน้าอาบน้ำเลยค่ะ วันนี้ต้องกลับบ้านแล้ว” พอฉันบอกว่าจะกลับพี่ติณก็ทำหน้าบึ้งตึง จากนั้นก็ซุกใบหน้าลงมาที่ซอกคอแล้วพูดพึมพำ “ขออยู่ต่ออีกสักวันไม่ได้หรือไง”“ไม่ได้ค่ะ เราอยู่หลายวันแล้วนะ” “ถ้ากลับไปเธอจะมาอยู่ด้วยกันกับฉันหรือเปล่า ?”“ไม่ได้หรอกค่ะ หนูจะยังไม่บอกเรื่องนี้กับพ่อจนกว่าหนูจะให้อภัยพี่ติณ” “ที่ทำเมื่อคืนยังไม่ให้อภัยอีกหรือไง” “ไม่ค่ะ หนูบอกแล้วไงว่าอยากเห็นพี่ติณพยายามมากกว่านี้” พี่ติณถอนหายใจออกมาเบาๆ ตอนนี้สีหน้าของเขาไม่ต่างอะไรกับเด็กที่กำลังงอแง “เธอใจร้ายที่สุด” “ไม่ร้ายเท่าพี่ติณหรอก” พอบอกแบบนั้นพี่ติณก็เบ้บปากใส่ฉัน จากนั้นก็เลื่อนศีรษะลงมาที่หน้าท้องพี่ติณพูดคุยกับลูกในท้องอย่างอบอุ่น เราพูดถึงเรื่องที่ฉันใจร้ายไม่ยอมให้อภัยด้วย ชิ! ทีความผิดตัวเองไม่เห็นจะเล่าให้ลู
ไม่คิดว่าแค่บอกจะไปต่างประเทศกับเฮียเพลิงพี่ติณจะโมโหขนาดนี้ ( เอาไว้ให้พี่ติณใจเย็นกว่านี้เราค่อยมาคุยกันดีกว่านะคะ ) ฉันกำลังจะกดวางสายแล้วแหละแต่ได้ยินเสียงของพี่ติณพูดขึ้นมาซะก่อน ( มาหาฉันได้ไหมคืนนี้ ) น้ำเสียงของเขาเย็นลง ได้ยินแบบนี้ค่อยโล่งใจหน่อย ( เราเพิ่งแยกกันเองนะคะ )( นานแล้ว )( นานที่ไหนกันคะ )( สองชั่วโมงมันนานมากนะ เธอไม่เข้าใจฉันหรอกน้ำมนต์ ) ( นับวันพี่ติณยิ่งทำตัวเหมือนเด็กนะรู้ไหม )( เป็นแค่เวลาอยู่กับเมีย )( หนูไปไม่ได้หรอกค่ะเดี๋ยวที่บ้านจะสงสัยเอา )( แค่อ้างว่ามาหาเพื่อนพ่อเธอคงไม่ว่าอะไร )( จะให้หนูไปหาทำไมคะ ) ( อยากเจอหน้า ) ( เปิดวิดีโอคอลก็ได้นี่ )( วิดีโอคอลมันกอดได้ไหมล่ะ )( ไหนบอกว่าอยากเจอหน้าไงคะ )( อยากกอดด้วย ) ( หนูไปแค่ชั่วโมงเดียวนะ ) ( อืม ) หลังจากวางสายฉันก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็ลงมาชั้นล่าง เห็นพ่อกับแม่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นจึงเดินไปหาท่าน “พ่อคะแม่คะ เดี๋ยวหนูไปหาใบข้าวก่อนนะคะ” ฉันโทรบอกใบข้าวไว้แล้วแหละว่าจะอ้างชื่อเธอกับพ่อแม่ ใบข้าวก็ซักถามใหญ่เลยว่าฉันให้อภัยพี่ติณแล้วหรอ แต่ตอนนี้ฉันยังไม่ได้บอกอะไร
10 เดือนผ่านไปตอนนี้ฉันกำลังนอนให้นมลูกอยู่ในห้อง พ่อกับแม่เพิ่งมาเยี่ยมแล้วกลับไปนี่เอง ส่วนพี่ติณเขามีประชุมที่บริษัท น้ำอิงลูกสาวของฉันตอนนี้ได้สิบเดือนแล้ว นั่งได้คลานได้ ตอนนี้กำลังหัดเดินแต่ยังเดินเป็นก้าวๆ ไม่ได้ต้องคอยจับ เวลาพูดอะไรเขาก็จะมองๆ พอเข้าใจบ้าง ยิ่งเวลาดื้อแล้วถูกดุนี่นะมองหาพ่อก่อนเลย พอเห็นพ่อก็จะร้องไห้ใหญ่ เอาแต่ใจใช่เล่นเลยแหละตอนนี้น้ำอิงอ้วนจ้ำม่ำมากๆ เลย เพื่อนๆ ของฉันต่างเอ็นดูความจ้ำม่ำจนต้องแวะเวียนกันมาคอยเล่นกับหลานบ่อยๆ พี่ติณก็ติดลูกมากๆ ตั้งแต่คลอดเขาเอางานมาทำที่บ้าน จะเข้าบริษัทก็แค่ตอนมีประชุม แถมพวกผ้าอ้อมของลูกแล้วก็เสื้อผ้าพี่ติณเป็นคนซักเองหมด ฉันมีหน้าที่แค่นอนให้นมลูกอย่างเดียวเลย พอให้นมลูกสาวของฉันก็หลับคาอก ฉันค่อยๆ ประคองตัวลูกอย่างเบามือเอามานอนที่เปล เป็นเปลไกวแบบไฟฟ้าพี่ติณซื้อเอาไว้เพราะกลัวว่าถ้าไกวเองแล้วฉันจะปวดแขน กริ้ง~ พอเอาลูกนอนเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ฉันรู้ได้ทันทีว่าคนที่โทรมาต้องเป็นพี่ติณแน่ๆ “ลูกหลับแล้วค่ะ” พอรับสายฉันก็รีบกระซิบบอก พี่ติณโทรมาแบบวีดีโอคลอ(ขอดูหน้าลูกหน่อย) เป็นแบบนี้ประจำเวลาที่ออกไปบริษัทถึง
#ภายในห้อง ตกดึกตอนนี้พี่ติณเริ่มงอแงหนักขึ้นเพราะว่าฉันไม่ยอมให้ทำเรื่องบนเตียงจริงๆ “ทำเบาๆ แค่เอาถูๆ ก็ได้” พี่ติณล้มมานอนบนตักของฉันแล้วพูดอ้อน “ไม่ค่ะ” “ถูๆ เองไม่เอาใส่เข้าไป”“หนูบอกว่าไม่เอาไง”“จะเอาๆ” “ถ้ายังพูดไม่รู้เรื่องหนูจะงดไปสองเดือนเลยนะคะ” ฉันยื่นคำขาดด้วยสีหน้าที่จริงจัง ทำให้พี่ติณปิดปากเงียบแต่สายตาของเขากำลังมองค้อนฉันอยู่ “ไม่เป็นห่วงลูกเลยหรือไงคะ” “เป็นห่วงแต่พ่อมันก็หิวเป็นเหมือนกัน”“ใช้มือช่วยตัวเองไปก่อนก็ได้”“ไม่ชอบ ชอบทำในตัวเธอมากกว่า” “หนูจะกลับไปอยู่บ้านนะถ้าพี่ติณยังหื่นไม่เข้าเรื่องแบบนี้น่ะ” “ได้ไง แต่งงานกันแล้วนะน้ำมนต์”“ไม่รู้แหละ มันหงุดหงิดนี่คะ” ฉันดันศรีษะของพี่ติณออกจากตักเพื่อแสดงอาการไม่พอใจที่เขานั้นหมกมุ่นเรื่องบนเตียงมากเกินไป “ก็ได้ๆ ต่อไปนี้ฉันจะไม่หมกมุ่น” ฉันหันมองพี่ติณอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง “ทำได้หรอคะ”“เมียสั่งฉันก็ต้องทำให้ได้”“สามีของหนูน่ารักที่สุดเลยค่ะ ^_^” ฉันยิ้มหวานให้พี่ติณแต่พอจะแตะตัวเขา เขาก็ลุกขึ้นยืนแล้วบอก “ฉันจะไปห้องพระ”“ไปทำอะไรที่ห้องพระคะ ?” ที่ผ่านมาฉันไม่เคยเห็นพี่ติณเข้าห้องพระเลยนะ วันนี้
“ผะ ผม….” อาจารย์หนุ่มแสดงอาการกลัวออกมาอย่างเห็นได้ชัด “มานี่!!” พี่ติณจ้องฉันเขม็ง ฉันจึงรีบเดินไปหาเขาทันที จากนั้นพี่ติณก็พูดต่อ “ให้เวลาห้าวินาที รีบไปให้พ้นก่อนที่กูจะยิงมึง” สิ้นสุดคำพูดที่ดุดันของพี่ติณอาจารย์หนุ่มก็รีบวิ่งออกไปอย่างไม่คิดชีวิต เขาคงกลัวตายมากๆ “อย่ามองหนูแบบนั้นนะ พี่ติณสั่งให้ลูกน้องหาอาจารย์มาสอน หนูไม่ได้เลือกเองสักหน่อย” ฉันรีบบอกเพราะถูกสายตาเอาผิดของพี่ติณจ้องอยู่ “เธอยอมให้มันอยู่ใกล้” “หนูแค่ไม่เข้าใจที่เขาสอน เขาเลยเดินมาบอก”“แล้วต้องใกล้ขนาดนั้น ? กลิ่นตัวหอม ?” พี่ติณกำลังหาเรื่องฉันอยู่ ไม่คิดจะฟังที่พูดเลยหรือไง นิสัยเดิมอีกแล้ว “แต่หนูก็ไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ดีนะคะ หนูรู้ว่าตัวเองมีสามีแล้ว” “แล้วตอนมันยืนใกล้ๆ ทำไมไม่ลุกหนี ถ้าฉันไม่มาเห็นเธอจะลุกขึ้นหนีมันหรือเปล่า ?”“การลุกหนีมันเสียมารยาทนะคะ อีกอย่างเขาไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการลวนลามหนูเลยด้วยซ้ำ”“ฉันไม่ชอบเธอก็รู้”“เปลี่ยนอาจารย์สอนเป็นผู้หญิงให้หมดทุกคนเลยก็ได้ค่ะ ถ้าเป็นผู้ชายแล้วพี่ติณไม่สบายใจ” “เปลี่ยนแน่!!” ฉันผิดอะไรหรอพี่ติณถึงได้มีท่าทางโกรธมากขนาดนี้ ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรเสีย
วันเวลาล่วงเลยผ่านไปจนกระทั่งถึงวันที่สำคัญมากที่สุดของชีวิต เป็นวันที่มีความสุขมากที่สุดอีกวัน วันที่ฉันกับพี่ติณเข้าพิธีแต่งงานกัน เราจัดงานแบบเรียบง่ายเชิญแค่แขกคนสนิท ถึงแม้จะจัดในโรงแรมหรู แต่เราคุยกันแล้วว่าอยากให้บรรยากาศมันอบอุ่นมากกว่ามีคนมากมายพลุกพล่าน ในงานจึงมีแขกมาร่วมแสดงความยินดีไม่มากนัก ส่วนมากจะเป็นญาติทางฉันและเพื่อนๆ ที่ฉันสนิทเพราะพี่ติณตัวคนเดียว จะมีก็แต่ลูกน้องของเขาที่มาร่วมแสดงความยินดี “เจ้าสาวของฉันทำไมถึงสวยขนาดนี้นะ” พี่ติณพูดเสียงหวานเมื่อพ่อส่งมอบตัวฉันให้กับเขา “อย่าพูดแบบนั้นสินะหนูเขินนะ” ฉันบิดตัวไปมาเล็กน้อยเพราะความเขินอายเราทั้งคู่เดินไปบนพรมสีขาวสะอาดตา มีคนคอยโปรยกุหลาบตลอดทางที่เดินและมีเพลงคลาสสิคเปิดขึ้นมา บรรยากาศในงานอบอวลไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข ทุกคนที่มาต่างแสดงความยินดีให้เราทั้งคู่จากใจจริง ทำให้งานวันนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ในตอนนี้ฉันกับพี่ติณเราคือสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย เราจะครองคู่กันไปชั่วนิจนิรันดร์…. วันต่อมา ฉันย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านของพี่ติณเมื่อวานพ่อกับแม่มาส่ง พ่อร้องไห้ด้วย ฉันเองก็ร้องไห้ รู้สึกว่าแทบไม่ได้อยู
พี่ติณมาส่งฉันที่บ้าน แต่คืนนี้เขาไม่ได้นอนที่บ้านฉันหรอกนะ อย่างที่พ่อเคยบอกว่ายังไงหลังแต่งงานเราก็ได้อยู่ด้วยกันอยู่แล้ว พ่อกับแม่เรียกฉันกับพี่ติณมาคุยกันที่ห้องรับแขกเพื่อนัดแนะเรื่องสถานที่จัดงานแต่งงานของเรา“การ์ดเชิญหนูชอบลายนี้ค่ะน่ารักดี เอาแบบนี้นะคะพี่ติณ^_^” “ครับ ^_^” “แล้วสถานที่ล่ะคะ เราจะใช้ที่โรงแรมไหนดี”“แม่กับพ่อเลือกไว้หลายที่เลยลูกลองดูสิ” ฉันกับพี่ติณนั่งดูภาพโรงแรม แต่จนถึงตอนนี้เราก็ยังเลือกกันไม่ได้ว่าจะจัดงานแต่งที่โรงแรมไหนดี มันยังไม่ถูกใจ “จัดที่โรงแรมของผมก็ได้นะครับ” เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากหน้าห้องรับแขก พอหันไปก็เห็นเฮียเหนือที่ยืนอยู่ “…ไอ้เหนือ” พี่ติณพูดขึ้นมาเบาๆ “ผมผ่านมาก็เลยแวะมาเยี่ยมคุณอาครับ” เฮียเหนือหันมามองฉัน แล้วพูดต่อ “เฮียยินดีด้วยนะ ถึงเจ้าบ่าวจะเป็นมันก็เถอะ” “เป็นกูแล้วทำไม มึงก็รู้มาตั้งแต่แรกว่ากูคิดยังไงกับน้ำมนต์”“เพราะแบบนี้พอมึงรู้ว่ากูถูกจับให้หมั้นกับน้ำมนต์เลยยิ่งโกรธอาละวาดแก้แค้นกู ?”พี่ติณพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วพูด “กูมีเรื่องจะคุยกับมึง”“กูต้องไปคุยด้วย ?”“ตามใจมึง” พูดจบพี่ติณก็เดินไป ส่ว
หลังจากคุยธุระเสร็จคุณธนาก็เดินทางกลับ ส่วนฉันกับพี่ติณก็กลับมาที่ห้องทำงาน แถมเขายังล็อกประตู“ละ ล็อคห้องทำไมคะ เดี๋ยวถ้าเลขามีธุระสำคัญ….” “ฉันกำลังจะทำโทษเด็กขี้อ่อย” พี่ติณพูดสวนขึ้น ทำเอาขนมันลุกซู่“หนูเปล่าอ่อยนะ” “ยิ้มให้คนอื่นที่ไม่ใช่ฉัน แบบนี้เรียกว่าอ่อย” พี่ติณกล่าวหากันหน้าตาเฉย มาโทษว่าฉันอ่อยคุณธนาทั้งที่ในท้องยังมีลูกของเขาอยู่ “แบบนี้พี่ติณยิ้มให้คุณธนาเหมือนกันแปลว่าอ่อยหรือเปล่าคะ ?”“ไม่ต้องมายอกย้อน ฉันเป็นผู้ชายส่วนเธอเป็นผู้หญิง”“หวงไม่เข้าเรื่องเลยค่ะ แบบนี้หนูไม่ชอบ”“ฉันก็ไม่ชอบ!!” จู่ๆ เขาก็มาขึ้นเสียงดังใส่ โอเค!! ฉันผิดมากเลยสินะ “ขึ้นเสียงใส่หนูงั้นหรอ บอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ชอบให้มาเสียงดังใส่” “…..” พอถูกฉันว่าพี่ติณก็เถียงไม่ออก “ถ้าอะไรนิดหน่อยก็เอามาเป็นเรื่องใหญ่เราคงอยู่ด้วยกันไม่ได้หรอกนะคะ” “หมายความว่ายังไง ?“ ลมหายใจร้อนผ่าวของพี่ติณถูกพ่นออกมาแรงๆ เมื่อได้ยินคำพูดของฉัน “หมายความว่าหนูจะไม่แต่งงานกับพี่ติณ ถ้ายังเป็นแบบนี้” มันคือความหงุดหงิดส่วนหนึ่งและความที่ฉันอยากจะดัดนิสัยของพี่ติณด้วยอีกส่วนหนึ่ง เขาเอาแต่ขี้หึงไม่ลืมหูลืมตาแบบ
เช้าวันใหม่หลังจากฉันกับพี่ติณตื่นนอนเราก็จับมือกันมาบอกพ่อกับแม่เรื่องที่ฉันตกลงแต่งงานกับพี่ติณแล้ว เฮียเพลิงก็มากินข้าวเช้าที่บ้านด้วยวันนี้เฮียต้องกลับต่างประเทศแล้ว แต่เหมือนเฮียยังมีอะไรที่ค้างคาอยู่ในใจ ดูท่าไม่อยากกลับสักเท่าไหร่ วันนี้ฉันเข้ามาที่บริษัทกับพี่ติณเพราะไม่อยากนั่งเบื่อๆ รอที่บ้าน ถึงจะตกลงแต่งงานแล้วพ่อก็อยากให้พี่ติณไปๆ มาๆ ที่บ้านมากกว่าจะให้ฉันไปอยู่ที่บ้านเขา พ่อบอกว่าหลังแต่งงานยังไงฉันก็ต้องได้ย้ายไปอยู่ที่บ้านพี่ติณอยู่แล้ว ตอนนี้จึงอยากให้ฉันอยู่ที่บ้าน “พี่ติณพรุ่งนี้หนูไปเจอเพื่อนๆ นะคะ มีนัดกินข้าวตอนเย็น ^_^” ฉันนั่งคุยแชตกับเพื่อนรอพี่ติณทำงาน เพื่อนๆ มีนัดกินข้าวสังสรรค์กันเป็นงานเล็กๆ ของกลุ่มเราที่นานๆ ครั้งจะมาเจอกันแค่กินข้าวไม่มีแอลกอฮอล์ ฉันต้องขออนุญาตพี่ติณก่อน “ไปกี่โมง ?”“หกโมงเย็นค่ะ”“ไม่ให้ไปด้วย ?” “หนูนัดกับเพื่อนในกลุ่มที่สนิทกัน พี่ติณไปด้วยคนอื่นคงจะเกร็งๆ” “มีพิรุธนะแบบนี้” พี่ติณมองฉันด้วยสายตาที่กำลังจับผิดอยู่“พิรุธอะไรคะอย่ามาหาเรื่องหนูนะ” “จะให้ไปส่งไหมพรุ่งนี้” “เดี๋ยวให้คนขับรถที่บ้านไปส่งก็ได้ค่ะ ^_^” แกร็ก! ป
“เราไปบอกพ่อกับแม่กันนะคะ ^_^” พี่ติณสวมแหวนให้ฉันจากนั้นก็อุ้มฉันขึ้นมาวางที่เตียงทั้งยังใส่แค่ผ้าขนหนูอยู่ “นอนได้แล้วพรุ่งนี้ค่อยบอกทุกคนก็ได้ ฉันปิดไฟนะ”“แต่หนูยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเลยนะ ถ้าพี่ติณจะนอนก็นอนก่อนเลยค่ะ แต่งตัวเสร็จเดี๋ยวหนูปิดไฟเอง” ฉันพยุงตัวเองลุกขึ้นแต่ก็ถูกพี่ติณกดให้นอนราบกับเตียงเหมือนเดิมพี่ติณขึ้นมาคร่อมจากนั้นก็โน้มใบหน้าลงมากระซิบบอกข้างๆ ใบหู “ไม่ต้องใส่เสื้อผ้าก็ได้ เพราะเดี๋ยวเธอก็ได้ถอดมันออกอยู่ดี” “บ่อยเกินไปแล้วนะคะ” พอฉันบอกแบบนั้นพี่ติณก็ขมวดคิ้วถาม “อะไรบ่อย ?”“ก็มีเซ็กส์ไงคะ”“วันนี้เป็นวันดีเธอยอมแต่งงานกับฉัน มันก็ต้องฉลองเป็นธรรมดา”“เจ้าเล่ห์” ฉันพูดค้อน “ขอนะครับ” ไม่พูดเปล่าพี่ติณยังยิ้มหวานอีกด้วย ไม่ใจอ่อนได้ไงล่ะ “ทีตอนอยากได้เนี่ยพูดเพราะจังเลยนะคะ” “พูดแบบนี้ปกติ” พี่ติณพูดพร้อมกับใช้มือค่อยๆ ดึงผ้าขนหนูที่พันตัวฉันออก เผยให้เห็นเรือนร่างที่ไร้เสื้อผ้าปิดคลุม “ปะ ปิดไฟก่อนสิคะ” ฉันยกมือขึ้นมาปิดหน้าอกของตัวเองอย่างเขินอายเพราะความสว่างของห้อง “อยากเห็นหน้าเมียชัดๆ”“ไม่เอาค่ะ หนูอาย”“สวยไปทั้งตัวขนาดนี้ทำไมต้องอาย” ปากหวาน
“ตะ แต่หนูยังไม่พูดเรื่องแต่งงานเลยนะคะ”“ในเมื่อลูกเปิดโอกาสให้ตาติณแล้วแม่ว่าการแต่งงานก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ยิ่งท้องโตขึ้นเรื่อยๆ คนจะนินทาเอานะลูก”“หนูรู้ค่ะหนูให้โอกาสพี่ติณแต่ยังไม่อภัยให้เขานี่คะ” “ถึงขั้นนี้แล้วยังไม่ให้อภัยฉันอีกหรือไง” พี่ติณถาม “อยากดูๆ ไปก่อนนี่คะ อย่าเร่งหนูสิ เอาไว้คลอดแล้วเราค่อยแต่งงานกันก็ได้”“คลอดแล้วคงไม่มีเวลาขนาดนั้นหรอกลูก ไหนจะยุ่งกับการเลี้ยงลูกอีก”“ไม่เป็นไรครับถ้าน้ำมนต์ยังไม่อยากแต่งผมก็จะไม่บังคับ ตอนนี้ผมคงยังดีไม่พอที่เธอจะเปิดใจมากขนาดนั้น” พี่ติณพูดขัดขึ้นมา ฟังจากน้ำเสียงก็รู้แล้วว่าเขากำลังน้อยใจอยู่ “……..” ฉันได้แต่เงียบ ไม่ใช่ว่าไม่อยากแต่งหรอกนะจะขอแต่งงานทั้งทีทำไมถึงไม่ทำให้โรแมนติกกว่านี้ก็ไม่รู้ ถ้าถูกขอแต่งงานแบบโรแมนติกฉันคงจะตอบตกลงไปแล้วก็ได้ สักครั้งหนึ่งในชีวิตผู้หญิงก็ต้องการอะไรแบบนี้ อยากสัมผัสความรู้สึกที่ถูกคุกเข่าขอแต่งงานบ้าง แต่พี่ติณไม่เคยคุกเข่าขอฉันเลย “ต่อไปนี้ก็ทำตัวให้มันดีๆ ให้สมกับที่จะเข้ามาเป็นลูกเขยบ้านนี้ล่ะ” พ่อพูดกับพี่ติณ“ครับอา ผมขอโทษจริงๆ กับเรื่องที่ผ่านมา”“แล้วนี่ได้คุยปรับความเข้าใจ