ออสโล่หัวเราะออกมาผ่านลำคอ เขาพยักหน้าให้เวดเพื่อบอกว่าเทสซ่าพูดถูก เขาถอนหายใจแล้วเก็บปืน จากนั้นย่อตัวลงนั่งกอดอก แน่สิ ตัวเองรู้จักกับอเล็กซิสมานานกว่าใคร ทำไมจะไม่รู้ว่าเพื่อนคนนี้เป็นคนแน่วแน่ขนาดไหน อเล็กซิสไม่ชอบหลุดจากกรอบ ถ้าเธอตกลงจะทำอะไรแล้วเธอจะไม่ยอมผิดแผนหากไม่มีเหตุจำเป็น...หากไม่มีเหตุจำเป็นยังมีซาร่าห์อีกคน เธอไม่อยู่กับเขาตั้งแต่หุ่นยนต์บุก พลังของซาร่าห์ไม่อำนวยให้กับตัวเธอมากนัก ดังนั้น พอพวกหุ่นยนต์โผล่มากันเป็นฝูง เธอก็รีบหาที่หลบทันที เขาแน่ใจว่าไม่เห็นซาร่าห์สักพักแล้ว คงไม่แปลกหรอกถ้าเธอจะเอาตัวรอดคนเดียว เขากับซาร่าห์อาจไปไกลเกินกว่าคำว่าเพื่อน แต่พวกเขาไม่ใช่คนรัก ก็แค่คนสองคนที่เลียแผลใจกันเองเท่านั้น ที่ผ่านมาแม้เธอพยายามทำเป็นเข้มแข็ง แต่ความกลัวของซาร่าห์แผ่ออกมาจนเขาสัมผัสได้ และที่สำคัญ เธอคงรู้ว่าเขาปกป้องเธอไม่ได้และเพราะเวดจะเลือกอเล็กซิสกับออสโล่ก่อนบ้าจริง เขาตีหัวตัวเอง สนิมที่ชื่อว่าความรู้สึกผิดก่อตัวหนาขึ้น“เรารอจนกว่าพวกเขาจะมาเลยได้ไหม” ออสโล่เสนอ เขาเองก็นั่งอยู่ไม่สุข
นักรบหุ้มเกราะสองตัววิ่งไล่ล่าเด็กหนุ่มสามคน หนึ่งในสามกำลังไล่ล่าอีกสอง เขาวิ่ง วิ่งและวิ่ง พอหางตาเหลือบเห็นแขนเหล็กก็รีบหมุนตัวเปลี่ยนทิศทาง ยกปืนยิงใส่มัน พอศัตรูล้มลง เขาหันกลับไปโฟกัสที่เจ้าหมาน้อยสองตัว ทว่าหากไม่พิชิตมันให้เสร็จสิ้น ต่อให้เหลือครึ่งตัวแต่ระบบยังทำงาน มันจะลุกขึ้นมาใหม่ แขนซ้ายของมันเหวี่ยงมาหมายซัดเป้าหมายให้ตายคาที่ เขาหลบทันก่อนทะลึ่งตัวยิงใส่หัวหลายสิบนัดจนหุ่นเหล็กแน่นิ่ง เขาวิ่งต่อไป ประสาทสัมผัสดีขึ้นหากเทียบกับตอนแรกที่เข้ามา อีกนิดเดียว สาวเท้าเข้าไปอีก อีกคืบเดียว เมื่อนั้นใช้มือข้างซ้ายคว้าหมับเข้าที่คอหมาน้อยตัวหนึ่ง“ไอ้เด็กเปรต” มือนั้นขย้ำคอเสื้อเจ้าโง่พลูทักซ์ ยังไม่ทันฝากรอยหมัด ทั้งสองจำต้องผลักกันและกันเพื่อหนีเลเซอร์ที่ยิงใส่คนทั้งคู่“หนีก่อนได้ไหมวะ” เด็กหนุ่มอีกคนตะโกน ทั้งสามวิ่งแทบไม่ได้หายใจ“แกคิดฆ่าทุกคนเหรอไง” เขาตะโกน แม้จะเหนื่อยแต่แรงโกรธภายในรุนแรงยิ่งกว่า เรมีไม่เคยมองว่าตัวเองแก่กว่าพลูทักซ์แค่ปีเดียว แต่เขามองว่าตัวเองแก่กว่าไอ้
เชิงเทียนสูงตั้งอยู่บนเสาทรงดอริก หรือไอโอนิก เขาไม่แน่ใจ ถ้าเป็นอเล็กซิสคงรู้ว่าเสาแบบนี้เรียกว่าอะไร เขาเคยเห็นเสาลักษณะนี้ในหนังย้อนยุคโบราณสมัยกรีก-โรมัน แสงไฟส่องเป็นช่วง ทุกคนต้องคอยส่องไฟฉายไปตามทาง เวดยังไม่อยากด่วนสรุปว่าอเล็กซิสตายแล้ว เธอต้องรอดอยู่แล้ว แค่ถูกหุ่นลากหายไปไม่ได้หมายความว่ามันฆ่าเธอนี่นา ความพยายามที่จะไม่โทษตัวเองเป็นศูนย์ ถ้าตอนนั้นเขาดึงเพื่อนไว้ทัน ถ้าช่วยเพื่อนให้รอดพ้นจากหุ่นยนต์ได้ล่ะก็ ตอนนี้เธออาจเดินเคียงข้างเขาก็ได้ เด็กหนุ่มตีหัวตัวเอง พยายามระงับไม่ให้คิดถึงภาพน่ากลัว ถ้าเขารอดจากที่นี่ไปได้ ไม่ว่าหนังสยองขวัญน่ากลัวขึ้นหิ้งขนาดไหนก็ไม่อาจทำให้ฝันร้ายได้เท่าที่นี่อีกแล้วก่อนออกมาจากโซนหนึ่ง ยังไม่วายต้องวิ่งหนีซอมบี้ที่โผล่มาในช่วงสุดท้าย ครั้งนี้พวกเขาไม่เน้นปะทะ แต่เน้นป้องกันตัวแล้วชิ่งออกมาให้เร็วที่สุด“พวกนายมีแผนที่ดีกว่าวิ่งหนีไหม”ราวกับเธอมีความสามารถพิเศษในการจุดไฟให้เดือดเพียงแค่อ้าปาก เวดจ้องหน้าคาร์เตอร์นิ่ง ครู่เดียวเธอเบือนหน้าหนี “ใครใช้ให้ตามมา หา!”“
ทันใดนั้นมันคำราม พวกเขารับรู้ได้ว่ามันกำลังโมโห เด็กหนุ่มอ้าปากค้าง ตอนนั้นเองออสโล่โยนปืนกลับมาให้แล้วหยิบระเบิดจากกระเป๋าตัวเอง“พกกันไว้ก่อน” เขาบอกแล้วโยนเวดยกมือกุมหัว “ไอ้บ้าเอ๊ย ยังไม่ได้ถอดสลัก!”เขาอยากจะทึ้งผมตัวเองหรือไม่ก็เตะก้นเพื่อน ลูกระเบิดโดนปลายจมูกแล้วหล่นลงบนพื้นราวกับของเล่นไร้ราคา ปีศาจสุนัขไล่กวดมาทันพร้อมกับแยกเขี้ยวเตรียมจะงับหัวใครสักคน เขาผลักกลุ่มคาร์เตอร์ออกไปให้พ้นรัศมีสายตา จากนั้นดึงแขนออสโล่กับมินนี่หลบ ทว่าช้าเกินไป เทสซ่าซัดพลังใส่พวกเขาแทน ทั้งสามคนกระเด็นออกไปพ้นทาง ปีศาจยักษ์ย่องเดินเข้าหาหญิงสาวที่ถูกต้อนเข้ามุมเพียงคนเดียว เวดยิงใส่ตัวมัน แต่ทำได้เพียงแค่ระคายผิว“ยิง ๆ ดึงความสนใจจากมัน” เขาบอกออสโล่ แต่ดูท่าว่ามันอยากจะลองชิมเนื้อสาวมากกว่าเนื้อเด็กหนุ่ม“เทส” มินนี่จะวิ่งเข้าไปช่วยพี่สาว เขารีบกอดร่างเล็กนั้นไว้ พริบตาเดียว เสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับที่ร่างมันของมันกระเด็นหงายคล้ายถูกหมัดยักษ์ล่องหนมินนี่ดิ้นจนเกือบหลุด เขาตัดสินใจโยนร่างมินนี่
กระสุนเจาะเข้ากลางกะโหลกซอมบี้ นัดเดียวสู่สุคติชั่วนิรันดร์ นี่คือชอตที่ดีที่สุดเท่าที่เธอทดลองมา ผลการประยุกต์ใช้ออกมาดีเกินคาด อเล็กซิสใช้ความจำให้เป็นประโยชน์ เธอจดจำจังหวะและการยิงจนรู้ว่าองศาใด ระดับใด จังหวะไหนจะยิงถูกเป้าหมาย แม้บางครั้งร่างกายขยับไม่ทันตามใจสั่ง แต่การยิงเมื่อครู่แสดงให้เห็นว่าความพยายามใช่ว่าไม่มีประโยชน์หรืออาจเป็นเพราะมีครูดีด้วย“คิดซะว่าปืนเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกาย” อเล็กซ์ยิงแสกหน้าตัวสุดท้าย เขาเป่ากระบอกปืนแบบพระเอกในหนังคาวบอย “พอคิดว่าที่นี่เป็นสนามฝึกยิงก็สนุกไปอีกแบบนะ”สนุกกับผีนะสิเขาส่งยิ้มกวนก่อนจะผายมือเชื้อเชิญให้เธอเดินต่อ อเล็กซ์ บุตรแห่งเจ้าอาณาจักรโวลคอฟ ผู้หามีความกังวลไม่ เธอนึกสงสัยว่าชีวิตในเมืองหลวงของสองหนุ่มเป็นอย่างไร ทายาทนิคมอุตสาหกรรมขนาดยักษ์กับทายาทเจ้าพ่อกาสิโนฝึกยิงปืนกันเป็นกิจวัตร งั้นเหรอ อเล็กซิสนึกสงสัยอยู่ในใจตลอดว่าสองคนนี้เคยมีความกลัวแบบที่เธอกลัวหรือเปล่า หรือเป็นเพราะพลังพิเศษที่มีในตัวทำให้มั่นใจว่าเปอร์เซ็นต์รอดชีวิตจะสูงกว่า
“นายไหวแน่นะ” เธอถาม ยื่นมือไปหา “พวกเราค่อย ๆ เดินกันดีกว่า”แต่เพื่อนร่วมทางอารมณ์เสียซะแล้ว “ฉันไม่เข้าใจ ทำไมไม่หายสักที” เขาฟาดมือกับอากาศ อเล็กซิสกระโดดหลบเพราะหินที่กองอยู่กระเด็นตามแรงเหวี่ยง “ตอนตกเหวอาการสาหัสยิ่งกว่านี้อีก แค่สามวันแผลก็หายหมดแล้ว” เขามองหน้าเธอราวกับเด็กสาวจะตอบคำถามนี้ได้ตกเหว?เธอดึงตัวเขาขึ้น อเล็กซ์จำต้องเกาะไหล่เพื่อนสาวไว้ แต่ท่าทางของคนสองคนค่อนข้างทุลักทุเล เพราะความสูงของชายหนุ่มทำให้เธอดูตัวเล็กไปเลย ทั้ง ๆ ที่อเล็กซิสค่อนข้างสูง“ถ้าอยากให้ไปทางนี้ ก็ได้ ไปก็ได้” อเล็กซ์สรุป “มันก็ทางออกอยู่ดี ยังไงพวกเราแน่ใจว่า เพื่อนยังไม่ตายกันนี่นา”อเล็กซิสหัวเราะเสียงแห้ง ฟังแล้วรู้สึกเหมือนเป็นการคิดเข้าข้างตัวเอง แต่ทำอย่างไรได้ ทั้งคู่ไม่มีทางเลือก พอเหลือบมองอเล็กซ์ เห็นสีหน้าซีดเซียว ใจยิ่งกังวล “นายไหวแน่นะ”“แผลมันตึง!” เขาลดเสียงให้ค่อยลง “คือว่า แผลมันคงเริ่มตึงเพราะเนื้อกำลังสมานกัน”
เธอนึกสงสัยว่าทำไมยาที่ทาลงไปถึงไม่มีประสิทธิภาพเหมือนกับออสโล่ แน่นอนว่าอเล็กซิสไม่คาดหวังว่าจะเห็นแผลสมานกันสนิท แต่มันควรดีขึ้นบ้าง เธอประมวลทุกอย่างในหัว สภาพแวดล้อม ศพ เนื้อเน่า สิ่งสกปรก เหงื่อ ทุกอย่างอาจส่งผลให้แผลของเขาไม่ยอมรักษา หรือว่ากลุ่มเสี่ยงไม่ตอบสนองต่อยา ไม่สิ เขาบอกว่าเคยตกเหวนี่นา เธอสลัดความคิดแล้วพยุงพาร่างสูงนั้นไปหลบอยู่หลังซากหินมุมหนึ่ง จากนั้นลงมือล้างแผล ใส่ยาตามอาการและปิดแผลใหม่อีกรอบ มันเป็นสิ่งเดียวที่เธอพอจะทำได้เขาเหลือบมองอากัปกิริยา ปากพึมพำ “แอบใส่กลับตอนไหนวะ” อเล็กซิสวางกระแทกกล่องปฐมพยาบาล ย้ำเตือนชายหนุ่มอีกทีเขาควรนอนพัก แต่มันเป็นไปไม่ได้อีกเช่นกัน ใกล้วันที่สี่แล้วด้วย หางตาชำเลืองมองรอบตัวอย่างระแวดระวัง อเล็กซิสเอาเป้ของอเล็กซ์มาวางแทนหมอนและป้อนน้ำเปล่าใส่ปากที่แห้งกรัง“สะกาย ฉานจาเรียกเธอว่าสะกาย” เขาพูดด้วยเสียงยานคาง “อยาก...จุดบุหรี่อะ”“เงียบน่า”เธอได้ยินแล้ว เสียงฝีเท้าของสัตว์ร้าย อเล็กซิสหุนหันไปจ่ออยู่กับกองหินที่กำบังข้างต
ในโซนสอง จุดเซฟโซนอยู่ห่างจากกันมากและไม่ถี่เหมือนกับในโซนแรก พวกเขาใช้เวลาเดินอยู่นานก็ยังไม่ถึงจุดหมาย ปะทะกับสุนัขปีศาจบ้าง แต่ซาร่าห์สามารถจัดการพวกมันได้โดยที่ไม่ต้องเปลืองแรงคนอื่น พวกเขาเจอเจ้าตัวใหญ่ด้วย แต่มันโผล่มาในสภาพไม่สมประกอบเท่าไร เหมือนถูกทำร้ายจนแน่นิ่งใกล้ตายหากแต่ไม่ตาย ซาร่าห์ช่วยให้มันหลับสนิท แต่อาจจะทรมานก่อนเล็กน้อยบางครั้งอเล็กซิสก็รู้สึกว่าตัวเองเริ่มซาดิสม์ขึ้นทุกที“...มีหลายตัวข้างหน้า” อเล็กซ์เตือนเสียงเบา สัมผัสของเขายังดีกว่าคนอื่น อเล็กซิสบุ้ยใบ้ให้เลี่ยง พวกเขาเดินลัดเลาะไปตามซากเสาและกำแพงที่กองเกลื่อนกลาด เมื่อหาที่กำบังได้ ซาร่าห์เกาะขอบหิน มองไปทางศัตรู ดวงตาสีฟ้าอ่อนจ้องพวกมันเขม็ง เหมือนได้กลิ่นมนุษย์ มันหันเหความสนใจมาทางที่ซ่อน แต่ก่อนที่จะทันเจอเหยื่อ แต่ละตัวเริ่มอยู่ไม่สุข พวกมันร้องครวญครางก่อนจะกลิ้งไปกับพื้น ถึงมันคิดจะฆ่าทุกคน แต่เสียงร้องก่อนตายไม่ได้น่าฟังเลยอเล็กซ์เขย่าแขน เขานั่งพิงกับกำแพง เธอเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ “เธอไม่ได้อยู่คนเดียวแล้ว” เขากระซิบ“ไม่มีใครทิ้งนายหรอ
บลูหัวเราะในลำคอก่อนจะปล่อยออกมาดังลั่น “โธ่ ไอ้น้องชาย แกนึกภาพยัยเดสเป็นแม่ออกเหรอวะ วัน ๆ คงนั่งระแวงว่าชู้จะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เฮ้ย เดี๋ยวก่อน...แกคิดว่าเดสจะคิดอะไรแบบนี้นี่นะ นอกจากแรดไปทั่ว ยัยนั่นไม่คิดเรื่องอื่นแล้ว”“บลู!” เอมอนชกแขนของเขาอย่างแรง “อย่าพูดแบบนี้” เขาส่ายหน้าเอือมระอา “นายก็ใกล้เลขสาม ส่วนฉันก็ตามนายติด ๆ ฉันอยากมีครอบครัว วันหนึ่งถ้านายเจอคนที่ทำให้นายรู้สึกแบบนั้น...แต่นายต้องแก้นิสัยนั้นก่อนนะ บอกไว้เลย วันนั้นนายจะเข้าใจฉัน ใครจะรู้ วันหนึ่งเดสอาจใจอ่อน และถ้าถึงวันนั้น...พวกเราอยากสร้างครอบครัวในสถานที่แบบนี้เหรอวะ”บลูเงียบลง เอมอนถูกพาออกไปจากแดนปีศาจก่อนที่ความชั่วร้ายจะแทรกซึมไปจนถึงอณูผิว เขาอยู่กับทัศนคติคิดบวก แม้ผ่านเรื่องร้ายแรงมาเท่าใดยังมีกะใจคิดถึงวันข้างหน้า คิดถึงอนาคตที่สวยงามใสปิ๊ง “แกก็รู้ว่าพวกเรามีลูกไม่ได้” เขาเตือนสติน้องชาย “พวกเราถูกฉีดยาคุมกำเนิดทุกปี ไม่อย่างนั้นแกกับเดสคงมีลูกเป็นโขยง ไม่สิ...ฉันกับแก และเดส จะดูออกไหมว่าลูกใคร” ชายหนุ่มเข
บลูแทบไม่เชื่อหูตัวเอง “แกจะบ้าเหรอ พวกเราเป็นเจ้าของห้องพัก ไม่ใช่ทหาร มันเป็นหน้าที่ของทางการที่จะจัดการเรื่องนี้”แต่เอมอนใช่ว่าจะฟังง่าย ๆ อย่างที่เขาบอก ไม่มีใครฟังบลูเลย ทั้งที่ทุกคนเลือกให้เขาเป็นหัวหน้าแท้ ๆ “บ้าน่า ถ้าเขาต้องการคนก็แสดงว่าคนไม่พอ อะไรที่พวกเราช่วยได้ก็ควรทำไม่ใช่หรือ บลู พวกเราทำเควสมากี่ปีแล้ว มันกลายเป็นกิจกรรมประจำวันไปแล้ว ไม่ใช่เรื่องยากอะไรสักหน่อย พวกเราสู้เป็น”“เด็กนั่นบอกว่าพวกมันมีหุ่นยนต์พิฆาต ไม่ใช่แก๊งธรรมดา ไม่อย่างนั้นทหารก็คงจัดการไปหมดแล้ว แค่สู้ในเควสก็พอแล้วน่า”“ฉันไม่สนว่ามันเป็นแก๊งธรรมดาหรือตัวอะไร แต่ฉันไม่ชอบอยู่เฉย ๆ” เอมอนเถียง ทำไมน้องชายของเขาถึงดื้อดึงขนาดนี้ "นายจะไม่ไปก็แล้วแต่ แต่ฉันจะไปลงชื่อ” เขาว่า หันไปมองหน้าเพื่อนที่เหลือ “ใครไม่ไปฉันไม่สนใจ” แล้วย่ำเท้าแรง ๆ ออกไป“เอมอน เอมอน” เขาตะโกนตามหลัง แต่น้องชายไม่ฟังเลย “แกโง่หรือไงวะ” เขาหันกลับมาหาเพื่อนที่เหลือ เดสซิเรมองเขาด้วยสายตาตำหนิ “ไม่เอาน่า
เขายังคงเงียบ อเล็กซิสรู้ว่าตัวการจริง ๆ คือใคร แต่เขาไม่คิดขอโทษ เธอจึงถอนหายใจ“ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมไม่โดนลงโทษ แต่ก็ไม่คิดจะท้วงติงให้เขาลงโทษหรอกนะ ส่วนเรื่องรับอาสาสมัครเพิ่ม กลุ่มที่ลักพาตัวเพื่อนฉันไปไม่ใช่คนธรรมดา ไม่ใช่แค่เจ้าหน้าที่ทุจริตหรือให้ความร่วมมือกับแก๊งโจร พวกนั้นมีหุ่นพิฆาตในครอบครอง นั่นหมายความว่าพวกมันมีเทคโนโลยีไว้ต้านกองกำลัง ทหารมีจำนวนไม่พอ และทางการไม่อนุมัติกองกำลังเพิ่ม ถ้าอยากจะช่วยตัวประกัน พวกเราต้องช่วยพวกเขา ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ฉันรู้ เอาละ ที่นี่พวกนายก็ไปได้แล้ว” เด็กสาวเปิดบานประตูค้างไว้ให้พวกเขาเดินออกทว่าบลูไม่ขยับ ถ้าไม่นับสีหน้านิ่งเฉยและใบหน้าเปื้อนน้ำตาแล้ว เขาไม่เคยเห็นเธอแสดงอารมณ์อื่นจนวันนี้ “เธอควรบอกพวกเราตั้งแต่แรก”คิ้วได้รูปสองข้างขมวดเป็นปม “ทำไมฉันต้องบอกพวกนายเรื่องนี้”“เรื่องยาที่อยู่ในตัวเธอ” เขาชี้นิ้ว “บางทีเราอาจจะหาทางช่วยได้”อเล็กซิสส่ายหน้า “ไม่พูดออกไปก็ถือว่าช่วย ถ้าอย่างนั้น ฉันจะขอบคุณมาก ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ก
“บลู เราไม่ควรเข้ามาแบบนี้”ไม่สนใจเสียงริงโก้ เขาปีนข้ามระเบียงกำแพงบันไดหนีไฟแล้วกระโดดลงระเบียงห้องลูกบ้านรายหนึ่ง จากนั้นปีนข้ามไปอีกห้อง ไต่ไปตามทางชันขนาดคืบหนึ่งไม่กลัวตกเลยแม้แต่น้อย ทักษะโจรย่องเบายังอาย ในเมื่อการเข้าห้องลูกบ้านโดยพลการต้องได้รับเสียงโหวตอนุมัติจากหุ้นส่วนทั้งหก แต่เพราะยังไม่มีใครรู้เรื่องนี้นอกจากเขากับริงโก้ มิหนำซ้ำได้เห็นประกาศรับอาสาสมัครที่ทางการติดไว้เมื่อเช้า ดังนั้น บลูจำเป็นต้องรู้ว่าเด็กคนนี้ซ่อนอะไรไว้อีก และความอยากรู้เร่งให้เขาต้องค้นหาความจริงเดี๋ยวนี้“แม่งเอ๊ย ไอ้บลู ฟังบ้างสิวะ”เขาปีนข้ามถึงระเบียงห้องอเล็กซิสได้สำเร็จ ปากตะโกนบอก “แกไปรอหน้าห้อง” เพื่อนตัวโตส่ายหัวไม่เห็นด้วย แต่ใครเล่าจะรั้งคนอย่างบลูได้ เขายื่นมือเข้าไปในหน้าต่างที่เปิดค้างไว้ประมาณสิบเซนติเมตร ปลดล็อก จากนั้นเลื่อนบานขึ้นจนสุด เพียงแค่นี้ เขาก็ปีนเข้าห้องเด็กคนนั้นได้สบายห้องของอเล็กซิสค่อนข้างโล่ง เห็นแล้วสะอาดตาปนน่าสงสาร ข้าวของน้อยชิ้นวางไม่ค่อยเป็นระเบียบนัก แต่เพราะมันไม่เยอะจึงไม่รก บลูเห็นแล้วเข้าใจทันทีว่าเธอมีไว้ซุกหัวนอนมากกว่าเห็นเป็นบ้าน เพราะลักษณะการจั
“หยุด ๆ” เขาดันตัวเธอออกอย่างง่ายดาย แรงของไมเคิลนั้นขัดกับรูปร่างเสมอ “บอกแล้วไง ว่าถ้าไม่อยากให้บอก”อเล็กซิสย้อนคำถาม “นายอยากจูบฉันจริงเหรอ” แววตาไมเคิลนั้นแสดงออกชัดว่าลังเล เขาหลบตา “นายอยากจูบฉันเพื่อให้แน่ใจแค่นั้น ถ้าแค่นั้นก็ไม่ต้องไปสนใจพวกเขา เวลาจะตอบเอง”ไมเคิลนิ่วหน้า “ฉันไม่แน่ใจ แต่...”“นั่นไง” เธอชี้ให้เห็น “นายไม่เคยอยากจูบฉัน เพราะถ้านายอยาก นายจะไม่ลังเลหรอก แค่นี้ก็ตอบได้แล้วว่านายไม่ได้ชอบฉันแบบนั้น บางคนอาจคิดว่าผู้ชายกับผู้หญิงไม่สามารถเป็นเพื่อนกันได้ แบบ...เพื่อนสนิท แต่ฉันมีเพื่อนสนิทที่เป็นผู้ชายตั้งสองคน ไม่สิ ตอนนี้สาม” น้ำเสียงเธออ่อนลงเมื่อนึกถึงออสโล่กับเวด “โลกเราก็แบบนี้แหละ”เขาพยักหน้า แต่กลับยังลังเลว่าจะเชื่อเธอดีหรือไม่ “อย่างงี้แปลว่า เธออยากจูบอเล็กซ์ตลอดเวลาเลยงั้นสิ”“ไมเคิล!” เธอร้อง แอบไขว้นิ้วไว้ข้างหลัง “นายสงสัยจริง ๆ หรืออยากแกล้งฉันกันแน่”“ถามจริง ๆ สิ&
ไมเคิลกับเทสซ่าเข้าใจว่าเธอเป็นลมแดดเท่านั้น อเล็กซิสนึกขอบคุณริงโก้ แต่ขณะเดียวกัน เธอไม่คิดว่าเขาจะปิดบังเรื่องนี้กับเพื่อนตัวเองหรอก ตลอดทางกลับ เทสซ่าเอาแต่โทษตัวเองที่ไม่สังเกตอาการเพื่อนจนเธอต้องยืนกรานว่ามันเป็นความผิดของเธอต่างหากที่ไม่ประมาณตนเพื่อให้หญิงสาวสบายใจขึ้นปาร์ตี้ฉลองวันเกิดย้อนหลังของไมเคิลผ่านไปด้วยดี ถึงแม้จัดเพียงช่วงสั้น ๆ ไม่มีดนตรี เกม และอุปกรณ์อำนวยสิ่งบันเทิง แต่ยังคงประเพณีร้องเพลงให้เจ้าของงาน แถมยังเอาใจด้วยอาหารเน้นโปรตีนกับขนมหวานมากมาย เขาชอบสเต๊กสูตรคาเลบมากจนขอให้เธอจดไว้เผื่อทำเอง อเล็กซิสยอมรับว่าเห็นไมเคิลไม่ต่างจากเจ้าลิงน้อยชาร์ลีเลย คู่เทสซ่ากับโคดี้ยังทำให้เธออิจฉาตาร้อน เพราะพอพวกเขาร้องเพลงจบ โคดี้นึกสนุกร้องเพลงต่อแล้วดึงเทสซ่าขึ้นมาเต้นรำ สายตาที่เขามองหญิงสาวแทบทำให้อเล็กซิสละลายลงไปกับพื้น แววตาที่แสดงออกถึงความรักอย่างเปิดเผย และมันทำให้อเล็กซิสว้าเหว่ที่สุด เสียงหัวเราะของทุกคนกลับเพิ่มดีกรีหดหู่ไปจนสุดเพดาน แต่ต้องซ่อนอยู่ภายใต้ใบหน้าเปื้อนยิ้มนี้ถ้าหาก อเล็กซ์ เบ็กกี้ เบน เวด ออสโล่ โนเอล และ ซาร่าห์อ
ตุ๊กตาหญิงชายยืนคู่กันในชุดแปลกตา ดวงตาโตสองข้างวาดด้วยเส้นสีดำหนาและทั้งสองหันศีรษะไปทางซ้ายของเธอ อเล็กซิสคุ้นตาเหมือนเคยเห็นในหนังหรือไม่ก็หนังสือสารคดีเกี่ยวกับงานศิลปะสมัยอารยธรรมโบราณ ผู้ชายถือตะขอและไม้หวด ส่วนผู้หญิงถือไม้เท้า เธอยื่นหน้ามองชั้นหนังสือที่อยู่ข้างหลังโต๊ะ หากไม่นับรวมหนังสือแพทย์ที่มีคำศัพท์ยากเกินกว่าสมองจะเข้าใจ ยังมีหนังสืองานศิลปะและประวัติศาสตร์ย้อนไปถึงหกพันปีก่อนเวลาปัจจุบัน เธอนึกอยากเปิดอ่านบ้าง ช่วงเวลาก่อนยุคหายนะดูไกลตัวมาก หนังสือบอกเล่าประวัติศาสตร์อันน่าพิศวงล้วนดึงดูดอเล็กซิสเสมอ“อยากอ่านหรือ”ทรอยถือแฟ้มสีเขียวเข้ามา ซึ่งน่าจะเป็นผลตรวจของเธอ อเล็กซิสสูดหายใจเข้าช้า ๆ ทำใจก่อนรับฟังความจริง แต่เมื่อเธอนึกขึ้นได้ว่าริงโก้เป็นคนพาเธอมาจึงมองหาเขา“กลับไปแล้ว กระชากคอเสื้อฉันแบบที่เพื่อนเขาทำไม่มีผิด พวกพ้องเทอร์นเนอร์หัวรุนแรงทุกคน” คนเป็นหมอบ่น พลางส่ายศีรษะระอาอเล็กซิสเงียบ จำได้ว่าบลูเคยเล่าเรื่องทรอยให้ฟัง น่าแปลกนัก เขากลับไม่มีทีท่าเย็นชาต่อเธอดังที่ถูกกล่าวหาว่าบ้าคลั่งกลุ่มเสี่
“โอ๊ย”แรงปะทะทำให้เธอหงายหลังล้ม ริงโก้ยืนมองด้วยสีหน้าถมึงทึงแบบทุกที “ขอโทษ” พูดแล้วดึงเธอลุกขึ้นฉับพลันข้างในร่างกายร้อนวูบเหมือนเปลวเทียนแล่นผ่านร่าง อเล็กซิสดึงมือออก แล้วรีบวิ่งหาที่เหมาะ ๆ มือสาละวนควานหายาในกระเป๋ากางเกง สุดท้ายวิ่งเข้าตรอกแคบร้างผู้คน มือดึงมันออก หลอดยาขนาดยาวกว่านิ้วก้อยนิดเดียว มือทั้งสองข้างสั่นระริกพยายามแกะบรรจุภัณฑ์ ความร้อนในร่างกายเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนมีคนหมุนปุ่มเตาแก๊ส จนเธอเริ่มทนไม่ไหว อเล็กซิสพยายามสะกดความแสบร้อนไว้ภายใน แต่สุดท้ายต้องยอมแพ้ มือทั้งสองข้างเกร็ง ร่างทรุดลงกับพื้น น้ำตาซึมออกมาเมื่อรู้สึกว่าผิวหนังหดตัวเพราะความร้อน หยุดเถอะ เด็กสาวร้องโอดโอยไม่อาจถือของในมือให้มั่น หลอดยาหล่นลงพื้นพร้อมกับที่เธอยืนไม่ไหวอเล็กซิสพลิกตัวไปมาบนพื้น “ฉีดเข้าเส้นเลือด” เสียงทรอยดังในหัว เธอกรีดร้องคำสบถออกมามากมาย เข้าใจแล้วว่าเหตุใดเอเลน่าจึงขอให้พวกเขายื่นความตายให้ ราวกับว่าอุณหภูมิภายในสูงขึ้นเฉียบพลัน เข็มล่องหนนับพันเล่มทิ่มแทงร่างกายไปจนถึงกระดูก เธอร้องจนสุดเสี
อีกอย่างคำว่า มื้อเย็น เป็นคำวิเศษสำหรับไมเคิล เขาหันขวับทันที ดวงตาสีฟ้าเป็นประกายระยิบระยับราวกับผิวน้ำในมหาสมุทร “ฉลองเหรอ จัดปาร์ตี้กันในห้องนี้ก็ได้นะ”เขากะพริบตาถี่ ๆ ราวกับว่ามันเป็นสิ่งที่โหยหามานาน ไมเคิลเคยตามดูชีวิตเธอเพียงเพราะอยากมีครอบครัวแบบเด็กทั่วไป เด็กสาวคิดดังนั้นแล้วพยักหน้า “เอาสิ เรมี นายเป็นเจ้าของห้องอีกคน โอเคหรือเปล่า”“สบาย ใคร ๆ ก็ชอบปาร์ตี้ทั้งนั้น” หนุ่มผิวสีน้ำผึ้งยิ้มแป้น “แต่คงไม่สุดเหวี่ยงเหมือนตอนโน้นนะ”อเล็กซิสมองคนอื่น ทั้งหมดยินดี โดยเฉพาะเทสซ่าแทบจะเต้นอยู่แล้ว เธอเริ่มลิสต์รายการว่าต้องซื้ออะไรบ้าง พวกเขาสรุปกันว่าจะซื้อขนมและน้ำ แต่อาหารบางอย่างอาจต้องทำเองเพื่อประหยัดงบ เจ้าของไอเดียเลยอาสา “ซื้อเนื้อสเต๊กเกรดพรีเมี่ยมก็แล้วกัน ฉันเลี้ยงเอง บ้านฉันมีสูตรเฉพาะ รับรองว่าทุกคนต้องติดใจแน่” อเล็กซิสถูมือทำเหมือนตัวเองช่ำชอง ลึก ๆ แล้ว โหยหาอาหารฝีมือคาเลบ แต่ในเมื่อมันเป็นไม่ได้ ก็ทำมันซะเลยสิ ถึงแม้ฝีมือเธอจะอ่อนกว่าไบรซ์ แต่เรื่องจำสูตรนั้นแม่นแน่นอน ส