“ไหวนะ” ไมเคิลถามเมื่อเห็นอเล็กซิสลุกขึ้นมาสะพายกระเป๋า
“อื้อ” เธอเปลี่ยนมาถือปืนข้างขวาด้วย สิ่งหนึ่งที่เขาตัดสินใจอยู่กับกลุ่มนี้คงเป็นเพราะเด็กคนนี้ เพราะดวงตาของเธอ และเพราะอเล็กซิสเคยช่วยชีวิตปาสคาลไว้แม้เธอจำเหตุการณ์นั้นไม่ได้
เบ็กกี้ยังคงเดินเงียบ ไม่ปริปากพูดกับใคร เขาสงสารเธออยู่หน่อย ไม่มีใครพูดเรื่องนอนพักอีกเลย เพราะกลัวพลังเบ็กกี้จะเล่นงานอีก “ความจริงแล้ว ถ้าเธอคุมพลังได้ มันจะมีประโยชน์มากเลยนะ” เขาพยายามพูดให้เด็กสาวรู้สึกดีขึ้น
เธอเงยหน้าอวดใบหน้าตกกระ ดวงตาสีเขียวคู่นี้ช่างดูเศร้าเหลือเกิน มันไม่สว่างเจิดจ้าเหมือนตาสีเขียวของจูน ตาของเบ็กกี้เหมือนป่าทึบ
“นายก็เห็นว่าฉันคุมมันไม่ได้ ฉันไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไปด้วยซ้ำ” เธอกอดอกแน่น ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ (อีกแล้ว) เบ็กกี้เป็นคนประเภทไม่เชื่อในศักยภาพของตัวเอง
“ทุกอย่างล้วนต้องใช้การฝึกฝนและพยายามนะ” เขาพยายามให้กำลังใจ “ฉันไม่ได้คุมพลังได้ตั้งแต่เกิดสักหน่อย”
“พวกเราควรได้พัก แต่กลับกลายเป็นแบบนี้&r
แสงอบอุ่นที่ไหนกัน อากาศร้อนระอุแผดเผาไปถึงทรวงสิไม่ว่า เหงื่อของเธอไหลออกจากร่างราวกับผ้าเปียกที่ถูกวางทิ้งไว้กลางแดดก่อนแห้งแข็งกรัง พวกเขาวิ่งกระเสือกกระสน ใช้พลังเท่าที่มีไปให้ถึงบันไดเชือกฝั่งตรงข้าม ระหว่างทาง กรงขังรอบกำแพงทยอยเปิดออกปล่อยซอมบี้ออกมาไล่ฆ่า เทสซ่าซัดคลื่นเสียงออกไปไม่ยั้ง“ขึ้นเร็ว” เทสซ่าผลักน้องสาว “อย่าช้ามินนี่” เธอเร่ง หัวใจจะวาย เด็กสาวกลับมองเธออาลัยอาวรณ์ “เทสตามมาสิ”“ขึ้นไป ออสโล่” เธอบอกเด็กหนุ่มผมแดง“เธอล่ะ เวดอีก” เขามองหาเพื่อน เวดกำลังวิ่งมา เขาเล็งบันไดที่อยู่ถัดจากเธอ“ฉันตามไป ไม่ต้องห่วง”ออสโล่ไม่อยากทิ้งเธอไว้ข้างหลัง“ไปเร็ว” เธอเร่ง “ฉันขึ้นอีกข้าง”“โอเค งั้นรีบปีนขึ้นไปนะ” ว่าแล้วก็ไต่ตามมินนี่ไปเทสซ่ามองขึ้นไป กำแพงสูงเท่าตึกสามชั้น มีบันไดห้อยอยู่หลายชุด เวดเกาะบันไดที่อยู่ข้างเธอแล้วปีน “รออะไร”“แบบนี้ไง” เทสซ่าวาดมือ คลื่นเสียงผลักกลุ่มซ
หินเหนียวหนืดสีแดงไหลตามร่องแตกริมสองข้างทาง บนเพดานถ้ำยังมีหินงอกหินย้อยขึ้นสลับ อากาศภายในไม่ต่างจากเตาอบร้อนขนาดยักษ์เท่าไรนัก เธอทิ้งกระเป๋าสัมภาระลงบนพื้นหิน ย่อตัวนั่งลงด้วยท่าทางเชื่องช้า ความเวิ้งว้างหลอมรวมไปกับบรรยากาศรอบตัว เบนล้มตัวลงหอบหายใจข้างกาย “ไหวไหม” ไมเคิลใช้ปืนสะกิดที่แขนอเล็กซิสพยักหน้า “อืม” สายตามองย้อนกลับไปยังทางเข้าที่ตัวเองเพิ่งผ่านมาเมื่อครู่ “เบ็กกี้ล่ะ”ไมเคิลชี้ให้ดู แต่เธอเห็นแค่ที่ว่างโล่ง “ฉันส่งให้เธอไปกับพอร์ต คิดว่ามันเป็นพอร์ตนะ มัน...หายไปเหมือนถูกเสกวับ” เขาไม่รู้ว่าอาการเบ็กกี้หนักหรือไม่ แต่มอบสิทธิพิเศษนี้ให้กับเด็กสาวผมแดงแทนตัวเองเรียบร้อยแล้ว“เสียใจด้วยนะ”“อื้อ” ดวงตาสีน้ำเงินเข้มกวาดไปรอบตัว คราวนี้เป็นถ้ำอย่างนั้นเหรอ “ฉันไม่เป็นไร แค่ไม่รู้ว่าถ้าออกไปได้จะบอกกับเพื่อนยังไงดี” เธอนึกถึงเทสซ่ากับมินนี่ ปฏิกิริยาของน้องเล็กคงเดาไม่ยาก แต่สำหรับเทสซ่า เธอเดาไม่ออก และที่สำคัญจะบอกพวกเขาอย่างไรนี่สิ ปัญหาใหญ่ อเล็กซิสถอนหายใจ ถ้าเส้นชะตาชีวิตยังยืนยาวไปถึงเวลานั้นค่อยคิดก็แล้วกันโนเอลจากไปแล้ว จากไปพร้อมกับเสียงระเบิดและสะพานเชื่อมที
นี่คือสิ่งที่เธอรู้สึกตั้งแต่เข้าโซนสี่ ไม่สิ ตั้งแต่เขาเห็นภาพหลอน เบนกลายเป็นคนขรึมระคนเศร้า เดี๋ยวเงียบ เดี๋ยวกวนประสาท ยากนักที่จะจับต้นชนปลายอารมณ์ได้ถูก อาการนี้ยิ่งปรากฏชัดขึ้นเมื่อโนเอลตาย หากมีสิ่งหนึ่งที่เธอเริ่มเห็นความเป็นมนุษย์ในตัวคนคนนี้ นอกจากเรื่องที่เขาปกป้องอเล็กซ์ยิ่งชีพและช่วยชีวิตคนทั้งกลุ่มหลายครา คงเป็นเรื่องที่เบนรอโนเอล เขาไม่ได้เฉยชาเหมือนกับตอนซาร่าห์และเอ็มเมต เบนรอให้โนเอลลุกขึ้นมาเหมือนที่เธอรอ“คิดว่าพอร์ตจะส่งพวกเขาไปถึงปลายทางจริงเหรอ หรือว่ามันเป็นกับดัก หรือว่าฉันส่งเขาไปตาย” เขาถามทั้งสองคน “ฉันเริ่มไม่แน่ใจแล้วสิ”“มันเป็นภาพหลอน” เธอย้ำ “ภาพหลอน นายอย่ายึดติดกับพลังของเบ็กกี้ อเล็กซ์และแนทที่นายเห็นในหัวคือผลพวงจากพลังของเธอ”เบนเลิกคิ้วข้างหนึ่ง “มันเป็นคำถาม...ถ้ามันเป็นแบบนั้นล่ะ ถ้าพวกเขาคือตัวจริง พวกเธอหันปืนไปทางไหน หรือเธออยากจะเชื่อแบบนั้น ฉันคิดถึงความเป็นไปได้ พวกมันนึกอยากจะทำอะไรก็ทำได้ ดูรอบตัวสิ จำพวกสัตว์ผสมอุบาทว์ได้ไหม พวกมันจะทำอะไรกับเขา”“เบน ใจเย็น ๆ ฉันอยากให้เขาปลอดภัยไม่ต่างจากนาย”“รู้ แต่ถ้ามันไม่ใช่ล่ะ”เธอเงียบ ไมเค
“คุณพ่อนายเหรอ” อเล็กซิสเดา ถ้าเจมม่าคือแม่ คนที่ให้น่าจะเป็นพ่อมิใช่หรือ“เปล่า” ไมเคิลตอบ “เขาเป็นคนดูแลฉันหลังจากพ่อกับแม่ตายหมด ไม่สิ จริง ๆ เขาดูแลพวกเราทั้งครอบครัว ตั้งแต่จำความได้พวกเราเปลี่ยนที่อยู่ไปเรื่อย คิดว่าทางการมีคนที่มีพลังพิเศษเหมือนกัน และพลังนั้นคือความสามารถตรวจจับว่าใครเข้าข่ายเอชโอวัน ทั้งฉันและปาสคาลเข้าข่ายด้วยกันทั้งคู่จึงต้องหนี อ้อ พ่อแม่ของฉันล้วนเข้าข่ายเอชโอวันเหมือนกัน”“ไล่ล่าเลยเหรอ” เบนทึ่ง “ฉันนึกว่าถ้ามีคนรายงานตำรวจ หรือเห็นอะไรประหลาด พวกเขาถึงจะจับ”เธอพยักหน้ายืนยันคำพูดไมเคิล “มีคนเคยเล่าว่ามีหน่วยงานนี้อยู่ แม้ประกาศยกเลิกไปนานแล้ว แต่พวกเขายังทำงานอยู่ลับ ๆ เรื่องของไมเคิลทำให้ฉันนึกถึงเรื่องที่...” เธอถอนหายใจเมื่อนึกถึงครูโดบี้ส์กับแมรี่ สตีเว่น “...ครูเคยเล่า”ดวงตาสีฟ้าของเด็กหนุ่มมองเลยผ่านเพื่อนอีกสองคนไป “ซานโบซ่าเป็นเมืองที่สงบดีนะ ฉันกับปาสคาลชอบมาก อยากจะอยู่ถาวรเลยด้วยซ้ำ ฉันฝันอยากไปโรงเรียนและมีเพื่อนเหมือนคนอ
“และพวกเขาก็ตายไปพร้อมกันมัน” ไมเคิลสรุป “อย่าคาดคั้น เพราะฉันไม่รู้จริง ๆ และมันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ฉันโกรธพวกเขา”แวบหนึ่งที่ดวงตาสีฟ้าเข้มมองขึ้นไปด้านบนเหมือนเห็นท้องฟ้า แต่เมื่ออเล็กซิสมองตามสายตาไมเคิล สิ่งที่เธอเห็นคือเพดานถ้ำสีเทาทึบกับหินงอกหินย้อยแหลมเฟี้ยวจนกลัวว่ามันอาจจะตกลงมาเสียบหัว“...มันเหมือนโลกภายในตัวเธอล่มสลาย...” ท้องฟ้าจำลองในหอพักอาจเป็นที่เดียวที่พาเธอออกจากไข่ใบนี้ เป็นอิสระจากความคิดตัวเอง และเมื่อคิดถึงห้องนั้น เธอคิดถึงดวงตาสีดำของอเล็กซ์ด้วย ตอนนี้เธอมาถึงโซนสี่แล้ว จะมีสิ่งใดการันตีได้ไหมว่าคนธรรมดาที่ไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงจะสามารถออกไปจากที่นี่ได้พร้อมกับมนุษย์พลังพิเศษทั้งสองคน และเมื่อถึงตอนนั้น วันที่เธอรอดไปเจอเขาอีกครั้ง อเล็กซ์จะยังอยากเรียกเธอว่า “สกาย” อยู่หรือเปล่าอีกไม่กี่วัน เหมือนไม่กี่ปี“แปลกดีนะ ตาของเธอเหมือนมีไฟจุดอยู่ข้างใน อะไรบางอย่างที่ส่องประกาย”“หา”ไมเคิลชี้ไปที่ดวงตาของเขาแล้วเลื่อนม
“นั่นรอยอะไรเหรอครับ”เด็กชายจ้องแก้มเธอเขม็ง หากมองดี ๆ จะเห็นรอยช้ำสีเขียวคล้ำบริเวณแก้มจนถึงคาง นาตาเลียจับหน้าตัวเองอัตโนมัติ พอนึกขึ้นได้จึงทำทีขยับสร้อยเพชรเส้นงามที่ประดับบนคอระหงให้เข้าที่ “ไม่มีอะไรจ้ะ ทำไมเราถึงมาอยู่ตรงนี้ล่ะ”ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอมเหลืองจับจ้องหญิงสาวอย่างเจ้าเล่ห์เกินอายุ นิ้วชี้กลมป้อมแตะริมฝีปากเป็นเชิงบอกไม่ให้เธอพูดเสียงดัง “ผมแอบอเล็กซ์อยู่” เขาหรี่เสียงเบาเหมือนกระซิบเธอหัวเราะเสียงขรึม รอยยิ้มสุขุมแฝงความหวาน ดวงตาสีฟ้าเหมือนท้องนภาเต็มไปด้วยก้อนเมฆฝนขมุกขมัวกลับส่อเค้าสดใสขึ้น พอเธอเห็นสายตาเชื่อมของเด็กชายก็เผยอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ยิ่งทำให้เจ้าหนุ่มตัวกะเปี๊ยกเคลิบเคลิ้ม รอยยิ้มน่ารักเหมือนลูกแมวเช่นนี้ ไม่ว่าใครย่อมตกอยู่ในภวังค์ ยิ่งยามปกติเธอมักทำหน้าเคร่งขรึมอันเนื่องจากสถานะราชินีสาวเคียงคู่ราชาอาณาจักรโวลคอฟ หรือหนึ่งในผู้บริหารระดับสูงแห่งโวลคอฟ คอร์เปอเรชั่น กรุ๊ป รอยยิ้มนี้แหละที่ทำให้เบนเข้าใจแล้วว่าเหตุใดเขาจึงชอบมองแบมบี้นักหญิงสาวหยิบตลับแป้งออกจากกระเป๋าปักเลื่อมสีเงิน เธอเริ่มบรรจงปกปิดรอยดังกล่าว ระหว่างนั้นชำเลืองมองซ้ายขวากลัวว่าม
“เฮ้”อเล็กซิสโบกมือไปมาเบนกลืนน้ำลาย อยู่ ๆ เกิดนึกถึงความฝันครั้งล่าสุดขึ้นมาเฉยเลย “มีอะไร”“ฉันเห็นนายเหม่อ เป็นอะไรหรือเปล่า”“เปล่านี่”เธอทำหน้าสงสัยแต่ไม่ได้ซักไซ้ เด็กสาวนั่งลงข้างไมเคิล ทั้งสองชี้นิ้ววางแผนราวกับเป็นนักรบวางกลยุทธ์กำจัดข้าศึก แต่สุดท้ายแล้ว สิ่งที่ต้องทำคือกระโดดลงไปแล้วว่ายขึ้นฝั่งเท่านั้นเองว่ายขึ้นฝั่ง ถูกต้อง ทางออกอีกไม่ไกล“งั้นฉันโดดลงไปก่อน” เจ้าหัวเงินเสนอตัวก่อนทุกครั้ง แน่นอนว่าเบนไม่เคยห้าม“อย่าเพิ่งเลย”คนที่มักห้ามคือคนนี้ แบมบี้มักเสนอตัวเองด้วย ชายหนุ่มส่ายหัวถอนหายใจ เจ้าพวกกวางน้อยในป่าใหญ่แต่ครั้งนี้แบมบี้ไม่ได้จะโดดลงไปก่อน เธอโกยหินก้อนเล็กแล้วโยนลงไป ทั้งหมดชะโงกมองข้างล่าง มันเป็นแม่น้ำสายเล็ก หากกระโดดแล้วว่ายขึ้นฝั่งใช้เวลาไม่นานมากนัก แต่ไม่มีใครวางใจกับกลไกของที่นี่ หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งหมดถอนหายใจ แต่โล่งอกได้ไม่นานกลับอ้าปากค้างกันถ้วนหน้า มวลน้ำเริ่มจับกลุ่มก้อ
“ทำใจดี ๆ” เขาบอก อเล็กซิสหายใจหนักหน่วง เธออ้าปากหายใจ ดีแค่ไหนแล้วที่ไม่เกิดอาการระหว่างว่ายในน้ำ ไม่งั้นกลายเป็นประติมากรรมน้ำแข็งแน่“ไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะ...” ไมเคิลสูดหายใจเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องยาก ทันทีที่เห็นว่าไอ้หัวเงินอ้าแขนจะโอบกอดเด็กสาว ไหนว่าไม่ชินกับคนจับตัวไงวะ เบนตัดหน้าดึงตัวคนป่วยเข้ามากอดแทน สิ่งแรกที่เขาทำคือจับมือเล็กคู่นี้แล้วบีบช้า ๆ เพื่อคลายกล้ามเนื้อ“พยายามควบคุมลมหายใจ” เขาพูด “นายนวดขาเธอซะ”“ครับ ๆ” ไมเคิลบรรจงถอดรองเท้าผ้าใบออกดวงหน้าจิ้มลิ้มเอาแต่จ้องมือตัวเองราวกับว่ามันจะกลับมาเป็นปกติเพียงแค่ใช้สายตา แรงปรารถนาที่ฝังอยู่ถูกกดทับด้วยความขบขันกับท่าทางกวางน้อย บางส่วนขำที่ตัวเองกระหายไม่ดูเวล่ำเวลา ณ ตอนนี้ เพียงแค่อยากกอดแล้วลูบหัวให้เธอหายเป็นปกติก็พอแล้ว“ตัวเลขยังนิ่งอยู่” ไมเคิลพากย์เสียงไปนวดคลึงเท้าเธอไป“ทำไงได้ เราไม่มีน้ำอุ่นหรือผ้าแห้งเลย”เด็กหนุ่มนิ่งคิด “จะว่าไป ตรงนี้มันเย็นนะ&rdq
บลูหัวเราะในลำคอก่อนจะปล่อยออกมาดังลั่น “โธ่ ไอ้น้องชาย แกนึกภาพยัยเดสเป็นแม่ออกเหรอวะ วัน ๆ คงนั่งระแวงว่าชู้จะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เฮ้ย เดี๋ยวก่อน...แกคิดว่าเดสจะคิดอะไรแบบนี้นี่นะ นอกจากแรดไปทั่ว ยัยนั่นไม่คิดเรื่องอื่นแล้ว”“บลู!” เอมอนชกแขนของเขาอย่างแรง “อย่าพูดแบบนี้” เขาส่ายหน้าเอือมระอา “นายก็ใกล้เลขสาม ส่วนฉันก็ตามนายติด ๆ ฉันอยากมีครอบครัว วันหนึ่งถ้านายเจอคนที่ทำให้นายรู้สึกแบบนั้น...แต่นายต้องแก้นิสัยนั้นก่อนนะ บอกไว้เลย วันนั้นนายจะเข้าใจฉัน ใครจะรู้ วันหนึ่งเดสอาจใจอ่อน และถ้าถึงวันนั้น...พวกเราอยากสร้างครอบครัวในสถานที่แบบนี้เหรอวะ”บลูเงียบลง เอมอนถูกพาออกไปจากแดนปีศาจก่อนที่ความชั่วร้ายจะแทรกซึมไปจนถึงอณูผิว เขาอยู่กับทัศนคติคิดบวก แม้ผ่านเรื่องร้ายแรงมาเท่าใดยังมีกะใจคิดถึงวันข้างหน้า คิดถึงอนาคตที่สวยงามใสปิ๊ง “แกก็รู้ว่าพวกเรามีลูกไม่ได้” เขาเตือนสติน้องชาย “พวกเราถูกฉีดยาคุมกำเนิดทุกปี ไม่อย่างนั้นแกกับเดสคงมีลูกเป็นโขยง ไม่สิ...ฉันกับแก และเดส จะดูออกไหมว่าลูกใคร” ชายหนุ่มเข
บลูแทบไม่เชื่อหูตัวเอง “แกจะบ้าเหรอ พวกเราเป็นเจ้าของห้องพัก ไม่ใช่ทหาร มันเป็นหน้าที่ของทางการที่จะจัดการเรื่องนี้”แต่เอมอนใช่ว่าจะฟังง่าย ๆ อย่างที่เขาบอก ไม่มีใครฟังบลูเลย ทั้งที่ทุกคนเลือกให้เขาเป็นหัวหน้าแท้ ๆ “บ้าน่า ถ้าเขาต้องการคนก็แสดงว่าคนไม่พอ อะไรที่พวกเราช่วยได้ก็ควรทำไม่ใช่หรือ บลู พวกเราทำเควสมากี่ปีแล้ว มันกลายเป็นกิจกรรมประจำวันไปแล้ว ไม่ใช่เรื่องยากอะไรสักหน่อย พวกเราสู้เป็น”“เด็กนั่นบอกว่าพวกมันมีหุ่นยนต์พิฆาต ไม่ใช่แก๊งธรรมดา ไม่อย่างนั้นทหารก็คงจัดการไปหมดแล้ว แค่สู้ในเควสก็พอแล้วน่า”“ฉันไม่สนว่ามันเป็นแก๊งธรรมดาหรือตัวอะไร แต่ฉันไม่ชอบอยู่เฉย ๆ” เอมอนเถียง ทำไมน้องชายของเขาถึงดื้อดึงขนาดนี้ "นายจะไม่ไปก็แล้วแต่ แต่ฉันจะไปลงชื่อ” เขาว่า หันไปมองหน้าเพื่อนที่เหลือ “ใครไม่ไปฉันไม่สนใจ” แล้วย่ำเท้าแรง ๆ ออกไป“เอมอน เอมอน” เขาตะโกนตามหลัง แต่น้องชายไม่ฟังเลย “แกโง่หรือไงวะ” เขาหันกลับมาหาเพื่อนที่เหลือ เดสซิเรมองเขาด้วยสายตาตำหนิ “ไม่เอาน่า
เขายังคงเงียบ อเล็กซิสรู้ว่าตัวการจริง ๆ คือใคร แต่เขาไม่คิดขอโทษ เธอจึงถอนหายใจ“ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมไม่โดนลงโทษ แต่ก็ไม่คิดจะท้วงติงให้เขาลงโทษหรอกนะ ส่วนเรื่องรับอาสาสมัครเพิ่ม กลุ่มที่ลักพาตัวเพื่อนฉันไปไม่ใช่คนธรรมดา ไม่ใช่แค่เจ้าหน้าที่ทุจริตหรือให้ความร่วมมือกับแก๊งโจร พวกนั้นมีหุ่นพิฆาตในครอบครอง นั่นหมายความว่าพวกมันมีเทคโนโลยีไว้ต้านกองกำลัง ทหารมีจำนวนไม่พอ และทางการไม่อนุมัติกองกำลังเพิ่ม ถ้าอยากจะช่วยตัวประกัน พวกเราต้องช่วยพวกเขา ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ฉันรู้ เอาละ ที่นี่พวกนายก็ไปได้แล้ว” เด็กสาวเปิดบานประตูค้างไว้ให้พวกเขาเดินออกทว่าบลูไม่ขยับ ถ้าไม่นับสีหน้านิ่งเฉยและใบหน้าเปื้อนน้ำตาแล้ว เขาไม่เคยเห็นเธอแสดงอารมณ์อื่นจนวันนี้ “เธอควรบอกพวกเราตั้งแต่แรก”คิ้วได้รูปสองข้างขมวดเป็นปม “ทำไมฉันต้องบอกพวกนายเรื่องนี้”“เรื่องยาที่อยู่ในตัวเธอ” เขาชี้นิ้ว “บางทีเราอาจจะหาทางช่วยได้”อเล็กซิสส่ายหน้า “ไม่พูดออกไปก็ถือว่าช่วย ถ้าอย่างนั้น ฉันจะขอบคุณมาก ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ก
“บลู เราไม่ควรเข้ามาแบบนี้”ไม่สนใจเสียงริงโก้ เขาปีนข้ามระเบียงกำแพงบันไดหนีไฟแล้วกระโดดลงระเบียงห้องลูกบ้านรายหนึ่ง จากนั้นปีนข้ามไปอีกห้อง ไต่ไปตามทางชันขนาดคืบหนึ่งไม่กลัวตกเลยแม้แต่น้อย ทักษะโจรย่องเบายังอาย ในเมื่อการเข้าห้องลูกบ้านโดยพลการต้องได้รับเสียงโหวตอนุมัติจากหุ้นส่วนทั้งหก แต่เพราะยังไม่มีใครรู้เรื่องนี้นอกจากเขากับริงโก้ มิหนำซ้ำได้เห็นประกาศรับอาสาสมัครที่ทางการติดไว้เมื่อเช้า ดังนั้น บลูจำเป็นต้องรู้ว่าเด็กคนนี้ซ่อนอะไรไว้อีก และความอยากรู้เร่งให้เขาต้องค้นหาความจริงเดี๋ยวนี้“แม่งเอ๊ย ไอ้บลู ฟังบ้างสิวะ”เขาปีนข้ามถึงระเบียงห้องอเล็กซิสได้สำเร็จ ปากตะโกนบอก “แกไปรอหน้าห้อง” เพื่อนตัวโตส่ายหัวไม่เห็นด้วย แต่ใครเล่าจะรั้งคนอย่างบลูได้ เขายื่นมือเข้าไปในหน้าต่างที่เปิดค้างไว้ประมาณสิบเซนติเมตร ปลดล็อก จากนั้นเลื่อนบานขึ้นจนสุด เพียงแค่นี้ เขาก็ปีนเข้าห้องเด็กคนนั้นได้สบายห้องของอเล็กซิสค่อนข้างโล่ง เห็นแล้วสะอาดตาปนน่าสงสาร ข้าวของน้อยชิ้นวางไม่ค่อยเป็นระเบียบนัก แต่เพราะมันไม่เยอะจึงไม่รก บลูเห็นแล้วเข้าใจทันทีว่าเธอมีไว้ซุกหัวนอนมากกว่าเห็นเป็นบ้าน เพราะลักษณะการจั
“หยุด ๆ” เขาดันตัวเธอออกอย่างง่ายดาย แรงของไมเคิลนั้นขัดกับรูปร่างเสมอ “บอกแล้วไง ว่าถ้าไม่อยากให้บอก”อเล็กซิสย้อนคำถาม “นายอยากจูบฉันจริงเหรอ” แววตาไมเคิลนั้นแสดงออกชัดว่าลังเล เขาหลบตา “นายอยากจูบฉันเพื่อให้แน่ใจแค่นั้น ถ้าแค่นั้นก็ไม่ต้องไปสนใจพวกเขา เวลาจะตอบเอง”ไมเคิลนิ่วหน้า “ฉันไม่แน่ใจ แต่...”“นั่นไง” เธอชี้ให้เห็น “นายไม่เคยอยากจูบฉัน เพราะถ้านายอยาก นายจะไม่ลังเลหรอก แค่นี้ก็ตอบได้แล้วว่านายไม่ได้ชอบฉันแบบนั้น บางคนอาจคิดว่าผู้ชายกับผู้หญิงไม่สามารถเป็นเพื่อนกันได้ แบบ...เพื่อนสนิท แต่ฉันมีเพื่อนสนิทที่เป็นผู้ชายตั้งสองคน ไม่สิ ตอนนี้สาม” น้ำเสียงเธออ่อนลงเมื่อนึกถึงออสโล่กับเวด “โลกเราก็แบบนี้แหละ”เขาพยักหน้า แต่กลับยังลังเลว่าจะเชื่อเธอดีหรือไม่ “อย่างงี้แปลว่า เธออยากจูบอเล็กซ์ตลอดเวลาเลยงั้นสิ”“ไมเคิล!” เธอร้อง แอบไขว้นิ้วไว้ข้างหลัง “นายสงสัยจริง ๆ หรืออยากแกล้งฉันกันแน่”“ถามจริง ๆ สิ&
ไมเคิลกับเทสซ่าเข้าใจว่าเธอเป็นลมแดดเท่านั้น อเล็กซิสนึกขอบคุณริงโก้ แต่ขณะเดียวกัน เธอไม่คิดว่าเขาจะปิดบังเรื่องนี้กับเพื่อนตัวเองหรอก ตลอดทางกลับ เทสซ่าเอาแต่โทษตัวเองที่ไม่สังเกตอาการเพื่อนจนเธอต้องยืนกรานว่ามันเป็นความผิดของเธอต่างหากที่ไม่ประมาณตนเพื่อให้หญิงสาวสบายใจขึ้นปาร์ตี้ฉลองวันเกิดย้อนหลังของไมเคิลผ่านไปด้วยดี ถึงแม้จัดเพียงช่วงสั้น ๆ ไม่มีดนตรี เกม และอุปกรณ์อำนวยสิ่งบันเทิง แต่ยังคงประเพณีร้องเพลงให้เจ้าของงาน แถมยังเอาใจด้วยอาหารเน้นโปรตีนกับขนมหวานมากมาย เขาชอบสเต๊กสูตรคาเลบมากจนขอให้เธอจดไว้เผื่อทำเอง อเล็กซิสยอมรับว่าเห็นไมเคิลไม่ต่างจากเจ้าลิงน้อยชาร์ลีเลย คู่เทสซ่ากับโคดี้ยังทำให้เธออิจฉาตาร้อน เพราะพอพวกเขาร้องเพลงจบ โคดี้นึกสนุกร้องเพลงต่อแล้วดึงเทสซ่าขึ้นมาเต้นรำ สายตาที่เขามองหญิงสาวแทบทำให้อเล็กซิสละลายลงไปกับพื้น แววตาที่แสดงออกถึงความรักอย่างเปิดเผย และมันทำให้อเล็กซิสว้าเหว่ที่สุด เสียงหัวเราะของทุกคนกลับเพิ่มดีกรีหดหู่ไปจนสุดเพดาน แต่ต้องซ่อนอยู่ภายใต้ใบหน้าเปื้อนยิ้มนี้ถ้าหาก อเล็กซ์ เบ็กกี้ เบน เวด ออสโล่ โนเอล และ ซาร่าห์อ
ตุ๊กตาหญิงชายยืนคู่กันในชุดแปลกตา ดวงตาโตสองข้างวาดด้วยเส้นสีดำหนาและทั้งสองหันศีรษะไปทางซ้ายของเธอ อเล็กซิสคุ้นตาเหมือนเคยเห็นในหนังหรือไม่ก็หนังสือสารคดีเกี่ยวกับงานศิลปะสมัยอารยธรรมโบราณ ผู้ชายถือตะขอและไม้หวด ส่วนผู้หญิงถือไม้เท้า เธอยื่นหน้ามองชั้นหนังสือที่อยู่ข้างหลังโต๊ะ หากไม่นับรวมหนังสือแพทย์ที่มีคำศัพท์ยากเกินกว่าสมองจะเข้าใจ ยังมีหนังสืองานศิลปะและประวัติศาสตร์ย้อนไปถึงหกพันปีก่อนเวลาปัจจุบัน เธอนึกอยากเปิดอ่านบ้าง ช่วงเวลาก่อนยุคหายนะดูไกลตัวมาก หนังสือบอกเล่าประวัติศาสตร์อันน่าพิศวงล้วนดึงดูดอเล็กซิสเสมอ“อยากอ่านหรือ”ทรอยถือแฟ้มสีเขียวเข้ามา ซึ่งน่าจะเป็นผลตรวจของเธอ อเล็กซิสสูดหายใจเข้าช้า ๆ ทำใจก่อนรับฟังความจริง แต่เมื่อเธอนึกขึ้นได้ว่าริงโก้เป็นคนพาเธอมาจึงมองหาเขา“กลับไปแล้ว กระชากคอเสื้อฉันแบบที่เพื่อนเขาทำไม่มีผิด พวกพ้องเทอร์นเนอร์หัวรุนแรงทุกคน” คนเป็นหมอบ่น พลางส่ายศีรษะระอาอเล็กซิสเงียบ จำได้ว่าบลูเคยเล่าเรื่องทรอยให้ฟัง น่าแปลกนัก เขากลับไม่มีทีท่าเย็นชาต่อเธอดังที่ถูกกล่าวหาว่าบ้าคลั่งกลุ่มเสี่
“โอ๊ย”แรงปะทะทำให้เธอหงายหลังล้ม ริงโก้ยืนมองด้วยสีหน้าถมึงทึงแบบทุกที “ขอโทษ” พูดแล้วดึงเธอลุกขึ้นฉับพลันข้างในร่างกายร้อนวูบเหมือนเปลวเทียนแล่นผ่านร่าง อเล็กซิสดึงมือออก แล้วรีบวิ่งหาที่เหมาะ ๆ มือสาละวนควานหายาในกระเป๋ากางเกง สุดท้ายวิ่งเข้าตรอกแคบร้างผู้คน มือดึงมันออก หลอดยาขนาดยาวกว่านิ้วก้อยนิดเดียว มือทั้งสองข้างสั่นระริกพยายามแกะบรรจุภัณฑ์ ความร้อนในร่างกายเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนมีคนหมุนปุ่มเตาแก๊ส จนเธอเริ่มทนไม่ไหว อเล็กซิสพยายามสะกดความแสบร้อนไว้ภายใน แต่สุดท้ายต้องยอมแพ้ มือทั้งสองข้างเกร็ง ร่างทรุดลงกับพื้น น้ำตาซึมออกมาเมื่อรู้สึกว่าผิวหนังหดตัวเพราะความร้อน หยุดเถอะ เด็กสาวร้องโอดโอยไม่อาจถือของในมือให้มั่น หลอดยาหล่นลงพื้นพร้อมกับที่เธอยืนไม่ไหวอเล็กซิสพลิกตัวไปมาบนพื้น “ฉีดเข้าเส้นเลือด” เสียงทรอยดังในหัว เธอกรีดร้องคำสบถออกมามากมาย เข้าใจแล้วว่าเหตุใดเอเลน่าจึงขอให้พวกเขายื่นความตายให้ ราวกับว่าอุณหภูมิภายในสูงขึ้นเฉียบพลัน เข็มล่องหนนับพันเล่มทิ่มแทงร่างกายไปจนถึงกระดูก เธอร้องจนสุดเสี
อีกอย่างคำว่า มื้อเย็น เป็นคำวิเศษสำหรับไมเคิล เขาหันขวับทันที ดวงตาสีฟ้าเป็นประกายระยิบระยับราวกับผิวน้ำในมหาสมุทร “ฉลองเหรอ จัดปาร์ตี้กันในห้องนี้ก็ได้นะ”เขากะพริบตาถี่ ๆ ราวกับว่ามันเป็นสิ่งที่โหยหามานาน ไมเคิลเคยตามดูชีวิตเธอเพียงเพราะอยากมีครอบครัวแบบเด็กทั่วไป เด็กสาวคิดดังนั้นแล้วพยักหน้า “เอาสิ เรมี นายเป็นเจ้าของห้องอีกคน โอเคหรือเปล่า”“สบาย ใคร ๆ ก็ชอบปาร์ตี้ทั้งนั้น” หนุ่มผิวสีน้ำผึ้งยิ้มแป้น “แต่คงไม่สุดเหวี่ยงเหมือนตอนโน้นนะ”อเล็กซิสมองคนอื่น ทั้งหมดยินดี โดยเฉพาะเทสซ่าแทบจะเต้นอยู่แล้ว เธอเริ่มลิสต์รายการว่าต้องซื้ออะไรบ้าง พวกเขาสรุปกันว่าจะซื้อขนมและน้ำ แต่อาหารบางอย่างอาจต้องทำเองเพื่อประหยัดงบ เจ้าของไอเดียเลยอาสา “ซื้อเนื้อสเต๊กเกรดพรีเมี่ยมก็แล้วกัน ฉันเลี้ยงเอง บ้านฉันมีสูตรเฉพาะ รับรองว่าทุกคนต้องติดใจแน่” อเล็กซิสถูมือทำเหมือนตัวเองช่ำชอง ลึก ๆ แล้ว โหยหาอาหารฝีมือคาเลบ แต่ในเมื่อมันเป็นไม่ได้ ก็ทำมันซะเลยสิ ถึงแม้ฝีมือเธอจะอ่อนกว่าไบรซ์ แต่เรื่องจำสูตรนั้นแม่นแน่นอน ส