“ไม่หรอก ยากอยู่” ฟีบี้เถียง “เรื่องปล้นชิปก็น่าคิดนะ ขนาดเจ้าของบาร์ยังเตือนเลยว่าอย่าไปไหนเปลี่ยว ๆ ตามลำพัง”
“แต่ถ้าปล้นก็ไม่น่าต้องเอาตัวไป” อเล็กซ์ว่า “หรือทั้งสองอย่าง”
“จะว่าไป ฉันฝัน...” มินนี่แทรกขึ้น โคดี้กับฟีบี้พร้อมใจกันถอนหายใจยาว “ฉันพูดจริงนะ” เด็กสาวยืนกราน แววตาหาได้ล่องลอยอย่างเมื่อก่อนไม่ “ฉันคิดว่าเป็นฝีมือเบ็กกี้ เบ็กกี้พยายามติดต่อฉัน หลายคืนมานี้ ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองนอนนิ่งอยู่บนเตียง ขยับไม่ได้ เห็นดวงไฟสว่างจ้า
อึดอัดมากเลย...”“เดี๋ยวนะ” ไมเคิลกับเรมีร้องออกมาพร้อมกัน ตกใจด้วยกันทั้งคู่
“คือ ฉะ...ฉันก็เห็นอะไรคล้าย ๆ แบบนี้ ดวงไฟและความอึดอัดแบบ...” เรมีพยายามอธิบาย ดวงตาสีน้ำตาลชำเลืองมองไมเคิลเหมือนจะถามว่า ใช่หรือเปล่า เขาพยักหน้าหงึก ๆ น่าตลกที่ทั้งสองเป็นรูมเมทกัน แต่ไม่เคยพูดเรื่องนี้เลยเพราะต่างคิดว่ามันเป็นแค่ฝัน ถึงแม้จะฝันติดต่อกันมาสองสามวันแล้วก็ตาม
คนทั้งโต๊ะเริ่มสนใจฟังมินนี่ขึ้นม
“ดีนะที่อเล็กซ์เลี้ยงเบียร์เมื่อกี้”เขาชะงักมือที่กำลังจะหยิบเบคอน “หา” นึกว่าเทสซ่ายกเบียร์ของเธอให้เขาเสียอีก (แน่นอนว่าพอเธอส่งให้ เขาไม่คิดถามว่าเลี้ยงหรือไม่สักนิด ให้คือให้)เรมียักไหล่ “อาคุสะกับอเล็กซ์เพิ่งชนะเควสประจำวันไป สองคนนั้นเลยมีเงินอื้อเลย”“หนึ่งหมื่นสองพันห้าร้อยชิปกับคูปองเสบียงราคา ถ้าหารสองก็จะคนละหกพัน!” ไมเคิลกล่าวเหมือนท่องจำ (“หกพันสองร้อยสิบนะ อันที่จริง” เรมีแก้) “แม่ง” ว่าแล้วก็หยิบเนื้อสันในลงในตะกร้าทันที ไม่เข้าใจเลย ทั้งที่ตัวเองวิ่งเร็วและมีพละกำลังเหนือคนอื่น แต่ก็ยังไม่สามารถหยิบธงโง่ ๆ ได้ นี่สินะที่ปาสคาลบอกว่ากลยุทธ์ที่ดีนั้นสำคัญ“มันราคาสามร้อยกว่าเลยนะ” อีกฝ่ายเตือนเขายักไหล่ “พรุ่งนี้ไปเล่นเควส อย่างน้อยก็ได้มาอีกสองร้อยห้าสิบ แล้วเวลาที่เหลือฉันจะทำงานล้างจานอย่างเดียว”เรมีฟังแล้วทำท่าคิดคำนวณในหัว “โอเค นายจะได้ชิปประมาณหกร้อยถึงเจ็ดร้อย แล้วเรื่องอเล็กซิสกับเบ็กกี้ล่ะ พวกเราจะมีเวลาสืบไหม&rdq
อากาศข้างนอกร้อนอบอ้าว แต่ข้างในระอุยิ่งกว่า บลูไม่ละสายตาไปจากดวงตาสองสีที่กำลังจับจ้องการเคลื่อนไหว จนกระทั่งเธอหลับตา ริมฝีปากเผยอก่อนครางออกมาด้วยน้ำเสียงและสีหน้าสุขสุดยอด บลูครางในลำคอกระหึ่มด้วยความรู้สึกเดียวกันก่อนเอนตัวลงนอนทับร่างเปลือยเปล่า กลิ่นหอมจากตัวเดสซิเรทำให้เขานึกสงสัยว่าเธออาบน้ำมันหอมระเหยสกัดจากดอกไม้ทุกชนิดบนโลกหรืออย่างไร มือของเขาจับปลายผมสีทองไล่วนตรงเนินอก ฟังเสียงลมหายใจเข้าออกและจังหวะหัวใจที่เต้นช้าลง ยายบ้านี่ไม่ต่างจากม้าพยศที่ต้องการให้ครูฝึกอย่างเขาคอยปราบอยู่ตลอดไม่นานเสียงฝีเท้าดังมาแต่ไกล เขาลุกขึ้นปล่อยให้เธอนอนพักอยู่บนโซฟา “นึกยังไงถึงตัดผมสั้นข้างเดียว” แล้วใช้เท้าจิกเสื้อผ้าขึ้นมาสวมทีละชิ้น “ฮื้อ?”“ถ้ามันไม่เวิร์ค ก็ยังเหลืออีกข้างที่ยาวไง”นั่นสินะ ถ้าออกจากปากคนอื่นคงฟังดูงี่เง่า แต่เมื่อออกจากปากเดสซิเร มันฟังดูสมเหตุสมผลได้อย่างน่าเหลือเชื่อ “ลุกเถอะ เจ้าเพียซมาแล้ว” เขาโกยเสื้อผ้าของเธอแล้วโยนใส่ หญิงสาวทำเสียงจิ๊จ๊ะเสียงฝีเท้าดังตึงตังใกล้ขึ้นทุกที เขากดดันเดสซิเรด้วยการจ้องอยู่อย่างนั้นจนเธอค่อย ๆ ลุกขึ้น สวมเสื้อผ้าอย่างเชื่องช้า
“เขาก็เป็นแบบนี้” เดสซิเรยักไหล่ ไม่ใส่ใจคำพูดของบลู “แต่เด็กคนนั้นน่ารักดีนะ ฉันชอบ ถึงจะดูนิ่ง ๆ ไปหน่อยก็เถอะ เฮ้อ อยู่กับพวกนายไม่มีใครมีเซ้นส์เลย ไปผูกมิตรดีกว่า” เธอเดินเหมือนเต้นรำแล้วออกไปอีกคน บลูเกาหัวยิก ๆ“เอมอนช่วยเด็กคนนั้นเพราะต้องการตอบแทน” ริงโก้เป็นฝ่ายเริ่มเล่า บลูอยากจะขอบคุณเขาสักร้อยรอบ “พวกเราปะกับกลุ่มเมลิสซ่าเข้าให้ นายก็รู้จักน้องตัวเอง พอเป็นผู้หญิง หมอนั่นก็ทำตัวสุภาพบุรุษ อีพวกนั้นร้ายจะตาย เล่นก็แรง เด็กคนนั้นช่วยเตือนให้ตอนจะถูกเล่นงาน พวกเราเลยเอาชนะเมลิซซ่าได้”“ร้องเตือน? โง่ชะมัด” บลูกอดอก โดยปกติแล้ว ไม่มีใครวิ่งทื่อ ๆ หรือล้มหุ่นยนต์เพื่อเคลียร์เอาธงหรอก แต่ละทีมล้วนต้องสกัดอีกทีมไม่ให้เข้าถึงธงได้ง่าย ๆ ด้วย “เด็กใหม่”“ใช่” ริงโก้เล่าต่อ “เธอไม่รู้เรื่องหยิบธง ไม่รู้เรื่องสกัดขา ไม่รู้เรื่องอะไรเลย สู้กับหุ่นอย่างเดียว แต่เพราะแบบนี้เอมอนเลยอยากตอบแทน”“ใจสู้ใช้ได้นะ” โอลิแวนเสริม แต่เมื่อเจอสายตาแฟนหนุ่มก็รีบท
เนื่องจากมติเอกฉันท์ว่าบรูโน่ต้องออกไป เย็นวันนั้นบลูกับเดสซิเรจึงเดินจ้ำอ้าวไปยังห้องหมายเลขสี่ของชั้นสอง หากมองเผิน ๆ คงดูเหมือนตึกบ้านเช่าทั่วไป ทั้งประตูไม้และกำแพงฉาบปูนเปลือย แต่พวกเขาใช้เวลาสองปีกว่าจะมีชิปพอซื้อตึกเป็นของตัวเอง แต่มันก็แลกกลับชีวิตของเพื่อน จากกลุ่มนับสิบคน เหลือสี่ จนมีเดสซิเรและโอลิแวนเข้ามาเพิ่ม ระบบรักษาความปลอดภัยของที่นี่ใช้สแกนนิ้วมือ รวมทั้งกลอนประตูก็ใช้วิธีนี้ ทันทีที่มาถึงจุดหมาย เขาเคาะประตู มีเสียงตะโกนออกมาดังลั่นว่า “ไม่จ่ายโว้ย ไม่มี ไม่มี เข้าใจกันบ้างสิวะ” มุมปากของผู้ที่อยู่เหนือกว่ากระตุกเป็นรอยยิ้ม ใช่ ถึงต้องใช้วิธีสแกนนิ้วแต่เพราะพวกบลูเป็นเจ้าของตึก ดังนั้นในหกคนนี้จึงมีสิทธิเข้าห้องไหนก็ได้เมื่อเห็นพ้องกัน และเมื่อนั้นระบบจะปลดคำสั่งสแกนนิ้วของห้องนั้นออกไป กลายเป็นห้องว่าง วิธีนี้นำมาใช้กับเวลาเลิกสัญญาเช่า เพียงบิดลูกบิดแล้วเปิด พวกเขาก็เข้าถึงตัวผู้เช่าจอมเบี้ยวหนี้บรูโน่ก้มตัวลง ท่าทีผิดจากน้ำเสียงตอนแรก “ได้โปรดเถอะบลู ฉันไม่มีชิปให้นายเลย”เขาส่ายหน้า “สองเดือนแล้วบรูโน่ ไม่มีข้อแม้
“อื้อ เขตราซาจึงถูกปิด” พวกเขาเดินเข้าไปในซูเปอร์ “นี่ไง เราซื้อข้าวกันที่นี่ เธอน่าจะเห็นว่ามีร้านอาหารอยู่บ้าง แต่ชิปแค่นี้คงไม่เหมาะกินอะไรแบบนั้น ยิ่งดึก ข้าวกล่องจะลดราคา ระบบก็คล้าย ๆ ...ที่พวกเราจากมา” เขาหัวเราะเบา ๆ นิวโฮปหรือ แทบลืมไปแล้วว่ามันหน้าตาเป็นอย่างไร “เธอเป็นกลุ่มเสี่ยงหรือเปล่า”“เปล่า”“งั้นก็แปลก”“ทำไมเหรอ” อเล็กซิสขมวดคิ้ว เธอชอบหยุดเดินเพื่อซัก บลูจึงเร่งให้เลือกของ“ได้ยินว่ารักษาตัวอยู่กับเฒ่าทรอยเป็นวัน ๆ...”“สี่วัน”“นั่นแหละ”ด้านในซูเปอร์เหมือนร้านค้าปกติ มีแผนกของแห้ง เนื้อสัตว์ อาหารสำเร็จรูป ของใช้ บลูหยิบขนมปังแถวลงตะกร้า อเล็กซิสถืออีกตะกร้า พอเห็นราคาของแล้วไม่กล้าหยิบ “ทำไมถึงว่าแปลก” เด็กสาวยังซักบลูหยิบเนื้อสัตว์ต่าง ๆ ลงตะกร้ามากมาย “เพราะไอ้เฒ่าทรอยนะสิ...”“ทำไมล่ะ เขาดูแลฉันดีมาก”ชายหนุ่มส่ายหัวกับความไม่รู้ของเด็ก “นั
“เธอร้องทั้งคืน เทส ฉันไม่ได้นอนเลย ไม่ไหวจริง ๆ” คำพูดของเบลินดาวนเวียนอยู่ในหัว จนกระทั่ง “เทสซ่า” ไมเคิลปลุกเธอตื่นจากภวังค์สถานการณ์ตรงหน้าตอนนี้สาหัส หุ่นยนต์สามตัวยืนจังก้าขวางทางราวกับเป็นผู้พิทักษ์สมบัติ มีสติสิยัยบ้า หญิงสาวด่าตัวเอง พยายามอย่างยิ่งที่จะเพ่งสายตาไปยังส่วนหัว มวลพลังก่อตัวภายในเหมือนพายุในทะเล เทสซ่าปลดปล่อยมันออกไป เสียงสร้างแรงสะเทือนเคลื่อนตัวเป็นเส้นคล้ายใบมีดตัดศีรษะหุ่นเหล็กขาดออกจากกัน รอยยิ้มปรากฏเพียงครู่เดียว เพราะภาพโนเอลฉายขึ้นมา...หากฉันทำได้มากกว่านี้ หากตอนนั้นควบคุมมันได้ดีกว่านี้ เธอถอนหายใจ เทสซ่าถือว่าตัวเองพัฒนาไปมากหากเทียบกับแบนชีที่เบนชอบล้อเลียน ทว่าดีใจได้ไม่ทันไร กระสุนปริศนาเกือบแฉลบบาดกระพุ้งแก้ม โชคดีสองชั้นเมื่อเรมีไหวตัวทัน ทำตัวเป็นเกราะคุ้มกันห่ากระสุนจากอีกทีม ไมเคิลเหวี่ยงหุ่นที่ยังทำงานอยู่ใส่กลุ่มนั้นเป็นการเอาคืน หางตาของเธอเหลือบเห็นโคดี้วิ่งจ้ำอ้าวใกล้ถึงธง“นายไม่เป็นไรนะ” เธอถามเพื่อนหัวโมฮอว์กเขาส่ายหัว “อย่าเหม่อสิ” ออกปากเตือนแล้วรีบวิ่งตามโคดี้ไปทั้งที่เสื้อขาด เทสซ่าหงุดหงิดที่ตัวเองคงสมาธิไว้ไม่ได้ คิดได้เช่นน
เทสซ่าส่ายหัวแล้วไล่เดินเก็บกล่องอาหารทิ้งขยะ ตั้งแต่เบลินดาพบคนหน้าเหมือนอเล็กซิสในสถานพยาบาลเขตเดอะวาล ไมเคิลกับเรมีก็ยังหาอเล็กซิสไม่เจออยู่ดี ดูเหมือนมินนี่จะเป็นคนเดียวที่มีปัญหากับความฝันเสียด้วย เพราะถ้าไม่อย่างนั้นสองหนุ่มน่าจะพูดกับเธอเรื่องนี้บ้าง แต่ดูเหมือนพวกเขาแค่ฝันเห็นเท่านั้น มันก็แค่ฝันร้ายหรือภาพนิมิตที่เบ็กกี้ส่งมาให้แบบสัญญาณติด ๆ ดับ ๆ ในขณะที่น้องสาวของเธอรับข้อความเต็ม ๆ และทรมานราวกับอยู่ในเหตุการณ์ด้วย เธออดโกรธเบ็กกี้ไม่ได้และมันเป็นความรู้สึกที่เธอไม่อยากยอมรับ ไม่กล้าแม้แต่เผยมันให้ใครรู้ทำไมเบ็กกี้ ทำไมเธอต้องทรมานมินนี่ของฉันด้วย เธอเตะถังขยะดังปัง เทสซ่าไม่สนว่าใครจะมองอย่างไร แต่เธอสบายใจที่ได้ระบาย“เทส ฉันกับเรมีกลับก่อนนะ”เทสซ่าพยักหน้า คาดไว้แล้วว่าอีกเดี๋ยวไมเคิลต้องพูดคำนี้ “เธออาจไปอยู่เขตอื่น หรือไป ๆ มา ๆ ก็ได้ พวกนายเลยไม่เจอ”ไมเคิลพยักหน้า “เพราะอย่างนี้พวกเราถึงกระจายกันอยู่ทั้งสามเขตไม่ใช่หรือ”“หรือไม่ เบลินดาอาจตาฝาด” ฟีบี้แทรกขึ้นมา เทสซ่าส่
แสตนเนอร์ส่ายหัว “เรากำลังสืบสวนอยู่ ผมพอจะบอกพวกคุณได้คร่าว ๆ ว่าทั้งสองถูกลักพาตัวโดยกลุ่มขบวนการที่เรายังจับไม่ได้ และต้องใช้เวลาสืบสวนพอสมควรเพราะข้อมูลถูกลบไปหมด...”“ถูกลบไปหมด” เรมีโพล่งขึ้นมา “แสดงว่าพวกคุณอยู่เบื้องหลัง...”“พวกคุณ?” ชายผมสกินเฮดถอนหายใจ “มีคนในกลุ่มพวกเราอยู่เบื้องหลัง ถูกต้อง แต่ไม่ใช่พวกเราทั้งหมด ผมขอแก้ตัวหน่อยก็แล้วกัน คิดดูสิ ไม่อย่างนั้นคงไม่โดนเปลี่ยนยกหน่วยถูกไหม คำกล่าวหาแบบนี้ระวังนิดนึงนะพ่อหนุ่ม” เขาแตะมือตัวเอง “เอาล่ะ ตอนนี้เบ็กกี้ ควินน์อาจยังอยู่ในเงื้อมมือพวกมันหรือหลบอยู่สักที่ ยังไงพวกเราจะพยายามหาเพื่อนพวกเธอให้เจอ”เทสซ่ากัดปาก เธอควรบอกเรื่องความฝันของมินนี่ดีหรือไม่ไม่ทันได้ตัดสินใจ เรมีเป็นฝ่ายเผย “เบ็กกี้มีพลังเกี่ยวกับความฝัน” แสตนเนอร์เลิกคิ้วรอฟัง “เธอส่งภาพบางอย่างผ่านความฝัน พวกเราเห็นดวงไฟ บรรยากาศค่อนข้างอึดอัด เธอดูเหมือนจะขยับตัวไม่ได้”“พวกเรา?” เขากวาดตามองทุกคน“เป
บลูหัวเราะในลำคอก่อนจะปล่อยออกมาดังลั่น “โธ่ ไอ้น้องชาย แกนึกภาพยัยเดสเป็นแม่ออกเหรอวะ วัน ๆ คงนั่งระแวงว่าชู้จะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เฮ้ย เดี๋ยวก่อน...แกคิดว่าเดสจะคิดอะไรแบบนี้นี่นะ นอกจากแรดไปทั่ว ยัยนั่นไม่คิดเรื่องอื่นแล้ว”“บลู!” เอมอนชกแขนของเขาอย่างแรง “อย่าพูดแบบนี้” เขาส่ายหน้าเอือมระอา “นายก็ใกล้เลขสาม ส่วนฉันก็ตามนายติด ๆ ฉันอยากมีครอบครัว วันหนึ่งถ้านายเจอคนที่ทำให้นายรู้สึกแบบนั้น...แต่นายต้องแก้นิสัยนั้นก่อนนะ บอกไว้เลย วันนั้นนายจะเข้าใจฉัน ใครจะรู้ วันหนึ่งเดสอาจใจอ่อน และถ้าถึงวันนั้น...พวกเราอยากสร้างครอบครัวในสถานที่แบบนี้เหรอวะ”บลูเงียบลง เอมอนถูกพาออกไปจากแดนปีศาจก่อนที่ความชั่วร้ายจะแทรกซึมไปจนถึงอณูผิว เขาอยู่กับทัศนคติคิดบวก แม้ผ่านเรื่องร้ายแรงมาเท่าใดยังมีกะใจคิดถึงวันข้างหน้า คิดถึงอนาคตที่สวยงามใสปิ๊ง “แกก็รู้ว่าพวกเรามีลูกไม่ได้” เขาเตือนสติน้องชาย “พวกเราถูกฉีดยาคุมกำเนิดทุกปี ไม่อย่างนั้นแกกับเดสคงมีลูกเป็นโขยง ไม่สิ...ฉันกับแก และเดส จะดูออกไหมว่าลูกใคร” ชายหนุ่มเข
บลูแทบไม่เชื่อหูตัวเอง “แกจะบ้าเหรอ พวกเราเป็นเจ้าของห้องพัก ไม่ใช่ทหาร มันเป็นหน้าที่ของทางการที่จะจัดการเรื่องนี้”แต่เอมอนใช่ว่าจะฟังง่าย ๆ อย่างที่เขาบอก ไม่มีใครฟังบลูเลย ทั้งที่ทุกคนเลือกให้เขาเป็นหัวหน้าแท้ ๆ “บ้าน่า ถ้าเขาต้องการคนก็แสดงว่าคนไม่พอ อะไรที่พวกเราช่วยได้ก็ควรทำไม่ใช่หรือ บลู พวกเราทำเควสมากี่ปีแล้ว มันกลายเป็นกิจกรรมประจำวันไปแล้ว ไม่ใช่เรื่องยากอะไรสักหน่อย พวกเราสู้เป็น”“เด็กนั่นบอกว่าพวกมันมีหุ่นยนต์พิฆาต ไม่ใช่แก๊งธรรมดา ไม่อย่างนั้นทหารก็คงจัดการไปหมดแล้ว แค่สู้ในเควสก็พอแล้วน่า”“ฉันไม่สนว่ามันเป็นแก๊งธรรมดาหรือตัวอะไร แต่ฉันไม่ชอบอยู่เฉย ๆ” เอมอนเถียง ทำไมน้องชายของเขาถึงดื้อดึงขนาดนี้ "นายจะไม่ไปก็แล้วแต่ แต่ฉันจะไปลงชื่อ” เขาว่า หันไปมองหน้าเพื่อนที่เหลือ “ใครไม่ไปฉันไม่สนใจ” แล้วย่ำเท้าแรง ๆ ออกไป“เอมอน เอมอน” เขาตะโกนตามหลัง แต่น้องชายไม่ฟังเลย “แกโง่หรือไงวะ” เขาหันกลับมาหาเพื่อนที่เหลือ เดสซิเรมองเขาด้วยสายตาตำหนิ “ไม่เอาน่า
เขายังคงเงียบ อเล็กซิสรู้ว่าตัวการจริง ๆ คือใคร แต่เขาไม่คิดขอโทษ เธอจึงถอนหายใจ“ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมไม่โดนลงโทษ แต่ก็ไม่คิดจะท้วงติงให้เขาลงโทษหรอกนะ ส่วนเรื่องรับอาสาสมัครเพิ่ม กลุ่มที่ลักพาตัวเพื่อนฉันไปไม่ใช่คนธรรมดา ไม่ใช่แค่เจ้าหน้าที่ทุจริตหรือให้ความร่วมมือกับแก๊งโจร พวกนั้นมีหุ่นพิฆาตในครอบครอง นั่นหมายความว่าพวกมันมีเทคโนโลยีไว้ต้านกองกำลัง ทหารมีจำนวนไม่พอ และทางการไม่อนุมัติกองกำลังเพิ่ม ถ้าอยากจะช่วยตัวประกัน พวกเราต้องช่วยพวกเขา ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ฉันรู้ เอาละ ที่นี่พวกนายก็ไปได้แล้ว” เด็กสาวเปิดบานประตูค้างไว้ให้พวกเขาเดินออกทว่าบลูไม่ขยับ ถ้าไม่นับสีหน้านิ่งเฉยและใบหน้าเปื้อนน้ำตาแล้ว เขาไม่เคยเห็นเธอแสดงอารมณ์อื่นจนวันนี้ “เธอควรบอกพวกเราตั้งแต่แรก”คิ้วได้รูปสองข้างขมวดเป็นปม “ทำไมฉันต้องบอกพวกนายเรื่องนี้”“เรื่องยาที่อยู่ในตัวเธอ” เขาชี้นิ้ว “บางทีเราอาจจะหาทางช่วยได้”อเล็กซิสส่ายหน้า “ไม่พูดออกไปก็ถือว่าช่วย ถ้าอย่างนั้น ฉันจะขอบคุณมาก ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ก
“บลู เราไม่ควรเข้ามาแบบนี้”ไม่สนใจเสียงริงโก้ เขาปีนข้ามระเบียงกำแพงบันไดหนีไฟแล้วกระโดดลงระเบียงห้องลูกบ้านรายหนึ่ง จากนั้นปีนข้ามไปอีกห้อง ไต่ไปตามทางชันขนาดคืบหนึ่งไม่กลัวตกเลยแม้แต่น้อย ทักษะโจรย่องเบายังอาย ในเมื่อการเข้าห้องลูกบ้านโดยพลการต้องได้รับเสียงโหวตอนุมัติจากหุ้นส่วนทั้งหก แต่เพราะยังไม่มีใครรู้เรื่องนี้นอกจากเขากับริงโก้ มิหนำซ้ำได้เห็นประกาศรับอาสาสมัครที่ทางการติดไว้เมื่อเช้า ดังนั้น บลูจำเป็นต้องรู้ว่าเด็กคนนี้ซ่อนอะไรไว้อีก และความอยากรู้เร่งให้เขาต้องค้นหาความจริงเดี๋ยวนี้“แม่งเอ๊ย ไอ้บลู ฟังบ้างสิวะ”เขาปีนข้ามถึงระเบียงห้องอเล็กซิสได้สำเร็จ ปากตะโกนบอก “แกไปรอหน้าห้อง” เพื่อนตัวโตส่ายหัวไม่เห็นด้วย แต่ใครเล่าจะรั้งคนอย่างบลูได้ เขายื่นมือเข้าไปในหน้าต่างที่เปิดค้างไว้ประมาณสิบเซนติเมตร ปลดล็อก จากนั้นเลื่อนบานขึ้นจนสุด เพียงแค่นี้ เขาก็ปีนเข้าห้องเด็กคนนั้นได้สบายห้องของอเล็กซิสค่อนข้างโล่ง เห็นแล้วสะอาดตาปนน่าสงสาร ข้าวของน้อยชิ้นวางไม่ค่อยเป็นระเบียบนัก แต่เพราะมันไม่เยอะจึงไม่รก บลูเห็นแล้วเข้าใจทันทีว่าเธอมีไว้ซุกหัวนอนมากกว่าเห็นเป็นบ้าน เพราะลักษณะการจั
“หยุด ๆ” เขาดันตัวเธอออกอย่างง่ายดาย แรงของไมเคิลนั้นขัดกับรูปร่างเสมอ “บอกแล้วไง ว่าถ้าไม่อยากให้บอก”อเล็กซิสย้อนคำถาม “นายอยากจูบฉันจริงเหรอ” แววตาไมเคิลนั้นแสดงออกชัดว่าลังเล เขาหลบตา “นายอยากจูบฉันเพื่อให้แน่ใจแค่นั้น ถ้าแค่นั้นก็ไม่ต้องไปสนใจพวกเขา เวลาจะตอบเอง”ไมเคิลนิ่วหน้า “ฉันไม่แน่ใจ แต่...”“นั่นไง” เธอชี้ให้เห็น “นายไม่เคยอยากจูบฉัน เพราะถ้านายอยาก นายจะไม่ลังเลหรอก แค่นี้ก็ตอบได้แล้วว่านายไม่ได้ชอบฉันแบบนั้น บางคนอาจคิดว่าผู้ชายกับผู้หญิงไม่สามารถเป็นเพื่อนกันได้ แบบ...เพื่อนสนิท แต่ฉันมีเพื่อนสนิทที่เป็นผู้ชายตั้งสองคน ไม่สิ ตอนนี้สาม” น้ำเสียงเธออ่อนลงเมื่อนึกถึงออสโล่กับเวด “โลกเราก็แบบนี้แหละ”เขาพยักหน้า แต่กลับยังลังเลว่าจะเชื่อเธอดีหรือไม่ “อย่างงี้แปลว่า เธออยากจูบอเล็กซ์ตลอดเวลาเลยงั้นสิ”“ไมเคิล!” เธอร้อง แอบไขว้นิ้วไว้ข้างหลัง “นายสงสัยจริง ๆ หรืออยากแกล้งฉันกันแน่”“ถามจริง ๆ สิ&
ไมเคิลกับเทสซ่าเข้าใจว่าเธอเป็นลมแดดเท่านั้น อเล็กซิสนึกขอบคุณริงโก้ แต่ขณะเดียวกัน เธอไม่คิดว่าเขาจะปิดบังเรื่องนี้กับเพื่อนตัวเองหรอก ตลอดทางกลับ เทสซ่าเอาแต่โทษตัวเองที่ไม่สังเกตอาการเพื่อนจนเธอต้องยืนกรานว่ามันเป็นความผิดของเธอต่างหากที่ไม่ประมาณตนเพื่อให้หญิงสาวสบายใจขึ้นปาร์ตี้ฉลองวันเกิดย้อนหลังของไมเคิลผ่านไปด้วยดี ถึงแม้จัดเพียงช่วงสั้น ๆ ไม่มีดนตรี เกม และอุปกรณ์อำนวยสิ่งบันเทิง แต่ยังคงประเพณีร้องเพลงให้เจ้าของงาน แถมยังเอาใจด้วยอาหารเน้นโปรตีนกับขนมหวานมากมาย เขาชอบสเต๊กสูตรคาเลบมากจนขอให้เธอจดไว้เผื่อทำเอง อเล็กซิสยอมรับว่าเห็นไมเคิลไม่ต่างจากเจ้าลิงน้อยชาร์ลีเลย คู่เทสซ่ากับโคดี้ยังทำให้เธออิจฉาตาร้อน เพราะพอพวกเขาร้องเพลงจบ โคดี้นึกสนุกร้องเพลงต่อแล้วดึงเทสซ่าขึ้นมาเต้นรำ สายตาที่เขามองหญิงสาวแทบทำให้อเล็กซิสละลายลงไปกับพื้น แววตาที่แสดงออกถึงความรักอย่างเปิดเผย และมันทำให้อเล็กซิสว้าเหว่ที่สุด เสียงหัวเราะของทุกคนกลับเพิ่มดีกรีหดหู่ไปจนสุดเพดาน แต่ต้องซ่อนอยู่ภายใต้ใบหน้าเปื้อนยิ้มนี้ถ้าหาก อเล็กซ์ เบ็กกี้ เบน เวด ออสโล่ โนเอล และ ซาร่าห์อ
ตุ๊กตาหญิงชายยืนคู่กันในชุดแปลกตา ดวงตาโตสองข้างวาดด้วยเส้นสีดำหนาและทั้งสองหันศีรษะไปทางซ้ายของเธอ อเล็กซิสคุ้นตาเหมือนเคยเห็นในหนังหรือไม่ก็หนังสือสารคดีเกี่ยวกับงานศิลปะสมัยอารยธรรมโบราณ ผู้ชายถือตะขอและไม้หวด ส่วนผู้หญิงถือไม้เท้า เธอยื่นหน้ามองชั้นหนังสือที่อยู่ข้างหลังโต๊ะ หากไม่นับรวมหนังสือแพทย์ที่มีคำศัพท์ยากเกินกว่าสมองจะเข้าใจ ยังมีหนังสืองานศิลปะและประวัติศาสตร์ย้อนไปถึงหกพันปีก่อนเวลาปัจจุบัน เธอนึกอยากเปิดอ่านบ้าง ช่วงเวลาก่อนยุคหายนะดูไกลตัวมาก หนังสือบอกเล่าประวัติศาสตร์อันน่าพิศวงล้วนดึงดูดอเล็กซิสเสมอ“อยากอ่านหรือ”ทรอยถือแฟ้มสีเขียวเข้ามา ซึ่งน่าจะเป็นผลตรวจของเธอ อเล็กซิสสูดหายใจเข้าช้า ๆ ทำใจก่อนรับฟังความจริง แต่เมื่อเธอนึกขึ้นได้ว่าริงโก้เป็นคนพาเธอมาจึงมองหาเขา“กลับไปแล้ว กระชากคอเสื้อฉันแบบที่เพื่อนเขาทำไม่มีผิด พวกพ้องเทอร์นเนอร์หัวรุนแรงทุกคน” คนเป็นหมอบ่น พลางส่ายศีรษะระอาอเล็กซิสเงียบ จำได้ว่าบลูเคยเล่าเรื่องทรอยให้ฟัง น่าแปลกนัก เขากลับไม่มีทีท่าเย็นชาต่อเธอดังที่ถูกกล่าวหาว่าบ้าคลั่งกลุ่มเสี่
“โอ๊ย”แรงปะทะทำให้เธอหงายหลังล้ม ริงโก้ยืนมองด้วยสีหน้าถมึงทึงแบบทุกที “ขอโทษ” พูดแล้วดึงเธอลุกขึ้นฉับพลันข้างในร่างกายร้อนวูบเหมือนเปลวเทียนแล่นผ่านร่าง อเล็กซิสดึงมือออก แล้วรีบวิ่งหาที่เหมาะ ๆ มือสาละวนควานหายาในกระเป๋ากางเกง สุดท้ายวิ่งเข้าตรอกแคบร้างผู้คน มือดึงมันออก หลอดยาขนาดยาวกว่านิ้วก้อยนิดเดียว มือทั้งสองข้างสั่นระริกพยายามแกะบรรจุภัณฑ์ ความร้อนในร่างกายเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนมีคนหมุนปุ่มเตาแก๊ส จนเธอเริ่มทนไม่ไหว อเล็กซิสพยายามสะกดความแสบร้อนไว้ภายใน แต่สุดท้ายต้องยอมแพ้ มือทั้งสองข้างเกร็ง ร่างทรุดลงกับพื้น น้ำตาซึมออกมาเมื่อรู้สึกว่าผิวหนังหดตัวเพราะความร้อน หยุดเถอะ เด็กสาวร้องโอดโอยไม่อาจถือของในมือให้มั่น หลอดยาหล่นลงพื้นพร้อมกับที่เธอยืนไม่ไหวอเล็กซิสพลิกตัวไปมาบนพื้น “ฉีดเข้าเส้นเลือด” เสียงทรอยดังในหัว เธอกรีดร้องคำสบถออกมามากมาย เข้าใจแล้วว่าเหตุใดเอเลน่าจึงขอให้พวกเขายื่นความตายให้ ราวกับว่าอุณหภูมิภายในสูงขึ้นเฉียบพลัน เข็มล่องหนนับพันเล่มทิ่มแทงร่างกายไปจนถึงกระดูก เธอร้องจนสุดเสี
อีกอย่างคำว่า มื้อเย็น เป็นคำวิเศษสำหรับไมเคิล เขาหันขวับทันที ดวงตาสีฟ้าเป็นประกายระยิบระยับราวกับผิวน้ำในมหาสมุทร “ฉลองเหรอ จัดปาร์ตี้กันในห้องนี้ก็ได้นะ”เขากะพริบตาถี่ ๆ ราวกับว่ามันเป็นสิ่งที่โหยหามานาน ไมเคิลเคยตามดูชีวิตเธอเพียงเพราะอยากมีครอบครัวแบบเด็กทั่วไป เด็กสาวคิดดังนั้นแล้วพยักหน้า “เอาสิ เรมี นายเป็นเจ้าของห้องอีกคน โอเคหรือเปล่า”“สบาย ใคร ๆ ก็ชอบปาร์ตี้ทั้งนั้น” หนุ่มผิวสีน้ำผึ้งยิ้มแป้น “แต่คงไม่สุดเหวี่ยงเหมือนตอนโน้นนะ”อเล็กซิสมองคนอื่น ทั้งหมดยินดี โดยเฉพาะเทสซ่าแทบจะเต้นอยู่แล้ว เธอเริ่มลิสต์รายการว่าต้องซื้ออะไรบ้าง พวกเขาสรุปกันว่าจะซื้อขนมและน้ำ แต่อาหารบางอย่างอาจต้องทำเองเพื่อประหยัดงบ เจ้าของไอเดียเลยอาสา “ซื้อเนื้อสเต๊กเกรดพรีเมี่ยมก็แล้วกัน ฉันเลี้ยงเอง บ้านฉันมีสูตรเฉพาะ รับรองว่าทุกคนต้องติดใจแน่” อเล็กซิสถูมือทำเหมือนตัวเองช่ำชอง ลึก ๆ แล้ว โหยหาอาหารฝีมือคาเลบ แต่ในเมื่อมันเป็นไม่ได้ ก็ทำมันซะเลยสิ ถึงแม้ฝีมือเธอจะอ่อนกว่าไบรซ์ แต่เรื่องจำสูตรนั้นแม่นแน่นอน ส