เบนเดินไปจนถึงเซฟโซน พอเข้าไปในห้องกระจกก็โยนตัวผู้โดยสารลงบนพื้นทันที โนเอลกับเบ็กกี้ที่กำลังหลับอยู่ถึงกับสะดุ้งเฮือก ยกเว้นเจ้าหัวเงินที่ลืมตามองตั้งแต่เขาย่างกรายเข้ามา อเล็กซิสถลึงตามองพร้อมกับยกนิ้วกลางเป็นคำขอบคุณ
“นี่ เบา ๆ กับผู้หญิงหน่อยสิ” พี่ชายเทสซ่าเอ็ด
เบนบีบไหล่แล้วหมุนคอ “ฉันอุ้มแบมบี้มาตลอดทางเลยนะ ยังไม่นุ่มนวลอีกเหรอ” ก่อนจะหามุมพักผ่อน เขาล้มตัวลงนอน เหลือเพียงหูไว้ฟังอีกกลุ่มคุยกัน โนเอลกับเบ็กกี้รีบถามหาคนของตัวเองกับอเล็กซิส เขาจึงทราบว่าพวกเวดและเทสซ่ายังปลอดภัยดี...เมื่อหลายชั่วโมงที่แล้ว
หากเขาเจออเล็กซ์เร็วกว่านี้ เรื่องมันจะเป็นอย่างไร เบนตามหาเพื่อนมาจนถึงเซฟโซนและเพิ่งเข้าใจว่ามันนำไปสู่ทางออกที่สาม เขาเจอไมเคิลและโนเอลกับเบ็กกี้ (ดูเหมือนว่าตอนแรกโนเอลจะเข้าใจผิด คิดว่าตัวเองช่วยมินนี่ออกมาจากจุดระเบิด แต่กลับคว้าตัวเบ็กกี้มาแทน) พวกเขารวมกลุ่มกันใหม่และตัดสินใจเดินทางต่อ โนเอลยืนกรานให้กลับไปยังเส้นเดิม แต่ทั้งเขาและไมเคิลบอกว่ามันเสียเวลามาก แม้ปากจะค้านโนเอล ทว่าเมื่อมาถึงจุดเซฟโซนแห่งนี้ เขาทำใจไม่ได้ที
“สงสารมันเหรอ มันจะฆ่าเธอ ฆ่ามันซะ” เขาแหวเด็กสาวหันไปมองโนเอล เขาพยักหน้าให้เธอยิงมัน เธอจึงหันไปหาอเล็กซิสเพื่อขอความช่วยเหลือ “ฉันทำไม่ได้”เบนสบตากับเด็กสาวอีกคน เมื่อนั้นอเล็กซิสพยักหน้าให้เบ็กกี้ยิง เป็นอันประจักษ์แล้วว่าอย่างน้อยแบมบี้ก็เรียนรู้ขึ้นมาบ้าง แม้เธอจะเรียนรู้ได้ช้าเหลือเกิน แต่คงไม่ช้าเกินกว่าเด็กคนนี้เขาวางมือลงบนบ่าเด็กสาว “ฆ่ามัน ก่อนที่มันจะฆ่าเธอ” เขากระซิบ มือข้างซ้ายประคองมือเล็ก ๆ ให้คงที่ ไม่กี่วินาที เด็กสาวกลั้นใจแล้วเหนี่ยวไกยิง กระสุนออกมารัวมากกว่าปกติ จนเธอคลายความตกใจ ด้วยการสะบัดปืนลงกับพื้น เขาปล่อยร่างเล็กกะทัดรัดให้เป็นอิสระแล้วเชื้อเชิญให้เธอยืนดูผลงานของตัวเอง แต่เบ็กกี้เลือกที่จะวิ่งไปกอดอเล็กซิสแล้วร้องไห้งอแง“ฉันมันอ่อนแอ ฉันไม่กล้า ฮือ”เขากอดอก มองว่าคนโตกว่าจะสอนเด็กน้อยอย่างไรอเล็กซิสทำหน้านิ่วคิ้วขมวด เธอยกมือลูบผมสีแดงแผ่วเบา “สัตว์พวกนี้ถูกสร้างมาเพื่อฆ่าพวกเรา ถ้าเราไม่ทำ พวกเราก็โดนมันฆ่า”เขาทำท่าปรบมือ อเล็กซิสหน้าบึ
เสียงปืนจากกลุ่มโนเอลบ่งบอกว่าพวกเขายุ่งอยู่กับพวกหมาบ้า เบนเกร็งมือทั้งสองข้าง เสาทรงดอริกที่อยู่ข้างทางล้มลงแต่เจ้างูยักษ์เลื้อยหลบว่องไว ไมเคิลหยิบมีดสั้นออกมาแทน เขาวิ่งไล่แล้วกระโดดแทงส่วนหาง ทั้งมีดและแรงกดทะลุผิวหนัง มันกรีดร้องเสียงแหลมแสบแก้วหู แต่มีดนั้นสั้นเกินกว่าจะทำให้มันเจ็บปวดสาหัส เขาพลิกมือ เสาต้นหนึ่งลอยขึ้นแล้วกระแทกกับส่วนหัว เจ้างูร้องลั่นเมื่อถูกเขก“เบน!” ไมเคิลชี้ แต่ไม่ทัน สุนัขกลายพันธุ์โถมร่างเข้ามา เขาล้มลง เศษหินข้างตัวลอยกระแทกผลักให้พวกมันออกไปทันกาล เขี้ยวสุนัขเกือบฝังจมอกเสียแล้วไหมล่ะ ทางนี้ก็หมา ทางนั้นก็งู จะไม่ให้หายใจกันเลยเหรอวะ เขาล้มเสาอีกคู่เพื่อทำลายกองทัพสุนัขกลุ่มใหม่ที่กำลังดาหน้าเข้ามาก่อนจะบดขยี้ด้วยการกดร่างพวกมันลากไถลไปกับพื้นถ้าไม่ฆ่า พวกแกก็จะฆ่าฉัน อย่าโกรธกันเลยนะ“ดึงตัวเขาไว้ ดึงตัวเขาไว้”เบนหันไป เห็นพวกผู้หญิงกำลังฉุดกระชากร่างโนเอลจากกลุ่มสุนัขกลายพันธุ์ เขาหยิบมีดจากข้อเท้าแล้วปล่อยให้มันลอยทะลุปีศาจสี่ขา โนเอลเป็นอิสระ แต่...
อเล็กซิสลุกขึ้นยืนกวาดสายตามองไปทั่ว เหตุใดหมอกควันสีเทารายล้อมจนมองแทบไม่เห็นสภาพแวดล้อมรอบตัว มันหาใช่ควันบุหรี่ของเบนหรือไมเคิลไม่ และควันจากนิโคตินคงไม่มีทางฟุ้งมากขนาดนี้ เธอไม่ได้กลิ่นบุหรี่และจำได้ว่าเบนไม่ได้สูบ แต่เอ๊ะ เมื่อครู่เธอยังคุยกับเบนอยู่ใช่หรือเปล่า หรือว่าเผลอหลับโดยไม่รู้ตัว แต่ทำไมพอตื่นมาถึงไม่เจอใครเลย มันเหมือนกับเธอหมดสติแล้วทุกคนก็หายไปหมดเด็กสาวควานหาปืนที่ต้องอยู่ข้างตัว แต่ไม่เจอกระบอกปืนอัตโนมัติ ไม่เจอแม้แต่กระเป๋าเป้ที่วางอยู่ แปลก ทุกอย่างแปลกไปหมด หรือว่านี่คือกับดักตัวใหม่ ไม่มีใครตั้งตัวทันแน่นอน หมอกพรางตาให้ทุกคนแยกจากกัน อาวุธเดียวที่เธอมีคือปืนพกข้างเอว อเล็กซิสหยิบมันออกมาถือ เตรียมใจรับมือกับสถานการณ์พิลึกพิลั่น มือของฉันเป็นปืน เธอท่องในใจ “เบ็กกี้ โนเอล” เธอเรียกเสียงปกติ กลัวว่าถ้าเรียกเสียงดังจะมีตัวประหลาดโผล่มาฆ่า แต่ไม่มีเสียงตอบรับ “เบน ไมเคิล” เธอลองอีกครั้ง ไม่มีใครตอบรับอีกเช่นกันทันใดนั้น เสียงแหลมเล็กทักขึ้นเหนือศีรษะ มันเป็นเสียงหัวเราะคิกคักของเด็กผู้ชายตัวเล็ก“อเล็กซ์มาเล่นกัน”เพียงแค่ได้ยิน ขนภายในตัวลุกชัน ทั้งเลือดกายภา
เสียงกรี๊ดหยุดลงเมื่อจูนย่อตัวลงมานั่งข้าง ๆ“เธอหนีพวกเราไปไม่ได้หรอก จะทิ้งพวกเราเหรอ” เพื่อนรักในร่างซอมบี้ลูบไหล่อเล็กซิสแผ่วเบา “เธอจะทิ้งฉันให้อยู่ในสภาพแบบนี้เหรอ”อเล็กซิสจ้องใบหน้างดงามของเพื่อนสนิท แม้จะเป็นศพ แต่จูนยังสวยเหมือนเดิม เหมือนกับภาพวาดมาดามเจ้าของบ้านผีสิงที่มีอายุพันปี จูนคลี่ยิ้ม มุมปากเชิดไปถึงแก้ม มือแห้งเหี่ยวประคองใบหน้าเธอ อเล็กซิสไม่อาจรับความจริงได้ เธอเลือกที่จะถอยออกมาก่อน ดวงตาสีเขียวแสดงออกว่าเจ็บปวดต่อปฏิกิริยานี้ จูนคลานตาม “เธอกลัวฉันเหรอ”“แกไม่ใช่จูน” อเล็กซิสตะคอก “จูนไม่ขอร้องคนอื่นแบบนี้หรอก” ใช่ นี่คือความฝัน หรืออาจจะกับดักภาพหลอน แม้แต่คำขอโทษ เธอยังส่งแค่เศษกระดาษ จูนที่เธอรู้จักไม่น่าสมเพชแบบนี้ แม้เป็นศพ...ศพ...พูดได้หรือ อเล็กซิสกำหมัดแน่นจนเล็บจิกไปถึงเนื้อ แต่เธอก็ยังไม่ตื่น มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่“ฉันขอโทษเรื่องเดวี่ แต่ช่วยฉันให้ออกไปจากร่างกายแบบนี้ทีเถอะ เธอก็รู้ว่าฉันไม่ชอบ” คำพูดนั้นทำให้ใจหวั่นไหวนัก หรือนี่คือเรื่องจริง
เสียงนี้ จะใครอีกล่ะ นอกจาก เบน“เสร็จแล้ว” มือข้างซ้ายปิดก๊อกน้ำ เธอเขยิบตัวให้เขาใช้“ตามสบายเถอะครับ คุณผู้หญิง” ชายหนุ่มจุดบุหรี่ขึ้น กลิ่นมันไม่เหมือนกับที่อเล็กซ์เคยสูบ พอเห็นเขาถือบุหรี่ เธอนึกถึงอีกคน อเล็กซิสคุ้นตากับภาพอเล็กซ์และบุหรี่ในมือมากกว่าเบนกับบุหรี่ เมื่อนึกถึงคนที่หายไป เธอแอบไขว้นิ้วไว้ข้างหลัง ภาวนาให้เขาปลอดภัยเบนกับอเล็กซ์มีอุปนิสัยบางอย่างที่คล้ายและต่างกันมาก แม้ว่าหลายครั้งอเล็กซิสจะตามอเล็กซ์ไม่ทัน แต่สิ่งเดียวที่เธอรู้คือสามารถไว้ใจเขาได้ อเล็กซ์ไม่คิดทำร้ายใคร แต่กับเบน เหมือนกับพยายามเข้าใจภาษาที่สูญหายไปจากโลก เมื่อก่อนเธอมองเขาไม่ต่างจากพวกคุณชายที่ถูกเลี้ยงมาอย่างตามใจ หนุ่มเจ้าเสน่ห์ผู้อยากนอนกับใครก็นอนได้ บางครั้งทำตัวน่าหมั่นไส้แต่ไม่ใช่คนร้ายกาจมากมาย แต่หลังจากที่เขาสังหารซาร่าห์ เธอต้องทบทวนดูใหม่ มันยากที่จะบอกว่าคนคนนี้เป็นคนอย่างไร ฆาตกร หรือแค่ต้องการช่วยเพื่อน? เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารู้สึกกับเบนแบบไหน เกลียด หรือยังเห็นเป็นเพื่อนคนหนึ่ง หลายครั้งที่เขาช่วยชีวิตคนทั้งกลุ่ม สังหารสัตว์ประหล
ไมเคิลตื่นแล้วเช่นกัน เขายืนเกาะอยู่ตรงมุมขนมปัง หากเทียบกับโนเอลแล้ว ใครจะเชื่อว่าเด็กหนุ่มคนนี้กินเยอะที่สุด ไมเคิลสามารถยัดขนมปังเจ็ดก้อน ซุปครีมอีกสองถ้วย และของหวานตบท้ายได้อีกมากมาย จนบางครั้งเบนแซวว่า ‘ไอ้อูฐขนเงิน’ พอเด็กหนุ่มเห็นเธอเดินออกมาก็ยื่นขนมปังให้อย่างเป็นมิตร อเล็กซิสรับแล้วกินรอโนเอลกับเบ็กกี้ที่เพิ่งตื่นและยังงัวเงีย“นายรู้จักฉันกับจูนได้ยังไง” เธอถามร่างสูงยักไหล่ ทำท่ากั๊กไม่ยอมเล่าสักที ไม่พอ ยังเปิดกระป๋องซุปมะเขือเทศแล้วส่งให้เธอ คล้ายกับว่าเห็นว่าพวกกินจุเหมือนกันอย่างนั้นแหละ อันที่จริง อเล็กซิสไม่รู้สึกหิวเท่าไรเลย มันเหมือนกับว่า ร่างกายสูญเสียความอยากอาหารไปแล้ว“สามปีที่แล้ว เธอกับเพื่อนช่วยชีวิตลุงแก่คนหนึ่งไว้” เขาบอกแค่นั้นแล้วเดินหนีไปยังมุมอาวุธ เด็กสาวครุ่นคิดขณะที่ตัวเองพยายามยัดอาหารลงกระเพาะ อีกไม่นานพวกเขาจะเข้าสู่โซนสาม และจุดเซฟโซนจะเหลืออยู่เพียงจุดเดียว ในโซนสี่ไม่มีจุดเซฟโซน การกินในครั้งนี้คงเหมือนเอาเสบียงลงท้องแบบอูฐจริง ๆ นั่นแหละสามปีก่อน อเล็กซิสพยายามนึก
“นายทำอะไรผิด ทางการถึงอยากได้ตัวขนาดนั้น” ชายผมสีน้ำตาลซัก ตอนนี้คนถูกซักกินซุปหมดกระป๋องแล้วและไม่ได้คิดหยิบกินเพิ่ม ส่วนอเล็กซิสยังจัดการขนมปังในมือไม่หมด“อืม” เขายกแขนไขว้หลัง “เอาจริงนะ ฉันไม่รู้ พวกเขาพาฉันหนี และก็หนี ตอนแรกคิดว่าเป็นเพราะพลัง แต่พอถูกจับ พวกเขาก็สอบสวนในเรื่องที่ฉันไม่รู้”“เรื่องอะไร” อเล็กซิสกับเบนโพล่งถามพร้อมกันเด็กหนุ่มเหล่มองคู่สนทนาทั้งสองคนแล้วหัวเราะในคอ “ฉันไม่รู้ มันเป็นเรื่องก่อนฉันเกิด และคนที่รู้ก็ถูกฆ่าไปหมดแล้ว เพราะไม่มีประโยชน์มั้งเลยโดนจับมาในนี้” เขาโยนกระป๋องซุปทิ้ง “ถ้าพวกนายไม่นอน งั้นฉันขอตัวนอนก่อน ถ้าจะนอนก็ปลุกฉันแล้วกัน”อเล็กซิสมองตามร่างสูงของไมเคิล เขาเลือกที่นอนไม่ไกลจากโนเอล เอาเข้าจริง เธอไม่เคยคิดว่าตัวเองจะนอนในสภาพพื้นเปียกชื้นแล้วเหม็นแบบนี้ได้มาก่อน แต่อย่างที่บอก จมูกและนิสัยรักความสะอาดน่าจะพังไปนานแล้ว พอหันมาเจอสายตาเบนก็ถอนหายใจอีกระลอก“เธอยังนอนไม่ได้นะ ต้องอยู่เฝ้ากับฉัน” เขากล่าวดักคอ
ณ เวลาปัจจุบันนิ้วของเธอยังคาอยู่ที่ไกสายตาของอเล็กซิสมองปืนที่พ่อจับมาจ่อตรงอกสลับกับแก้มแหว่งเป็นช่องโหว่ เลยขึ้นไปยังดวงตาสีน้ำตาลแล้วกลับลงมาที่ส่วนปาก ริมฝีปากแห้งผากค่อย ๆ คลี่ยิ้มเชิญชวนให้เธอเหนี่ยวไก ไออุ่นที่หลงคิดว่าเป็นของพ่อเลือนหายไปกลายเป็นไอเย็นยะเยือกซึมลึกไปถึงกระดูกเหนื่อย อเล็กซิสอยากจะจบทุกอย่าง แต่นิ้วกับแข็งทื่อ ลึก ๆ แล้วเธอยังกลัวที่จะไปตอนนี้ แต่ขณะเดียวกัน ทุกครั้งที่หายใจเธอเจ็บปวดกับโลกอันบิดเบี้ยว“ตื่น”เหมือนมีน้ำแข็งสาดหน้า อเล็กซิสผลักร่างซอมบี้คาเลบออกไป เขาเกือบจะล้มและต้องตั้งหลักเพื่อยืน มันยังคงพยายามสบตากับเธอ แสยะยิ้มกว้างอีกรอบ เสียงหัวเราะปีศาจที่คล้ายกับเสียงของชาร์ลียิ่งหลอกหลอน เธอยกปืนเล็งที่หน้าศพคาเลบตัวปลอม “แกไม่ใช่คาเลบ”น่าแปลกที่ว่าร่างนั้นยิ่งพอใจ“ถ้าอย่างนั้นจงฆ่าพวกเราเถิด ปลดปล่อยพวกเราจากความทุกข์ทรมานนี้เถอะลูก” เขากางแขนแล้วหลับตารอให้เธอจบทุกอย่างแต่มือของเธอสั่น ความลังเลทำให้เธอยังไม่กล้าเหนี่ยวไก&ld
“หยุด ๆ” เขาดันตัวเธอออกอย่างง่ายดาย แรงของไมเคิลนั้นขัดกับรูปร่างเสมอ “บอกแล้วไง ว่าถ้าไม่อยากให้บอก”อเล็กซิสย้อนคำถาม “นายอยากจูบฉันจริงเหรอ” แววตาไมเคิลนั้นแสดงออกชัดว่าลังเล เขาหลบตา “นายอยากจูบฉันเพื่อให้แน่ใจแค่นั้น ถ้าแค่นั้นก็ไม่ต้องไปสนใจพวกเขา เวลาจะตอบเอง”ไมเคิลนิ่วหน้า “ฉันไม่แน่ใจ แต่...”“นั่นไง” เธอชี้ให้เห็น “นายไม่เคยอยากจูบฉัน เพราะถ้านายอยาก นายจะไม่ลังเลหรอก แค่นี้ก็ตอบได้แล้วว่านายไม่ได้ชอบฉันแบบนั้น บางคนอาจคิดว่าผู้ชายกับผู้หญิงไม่สามารถเป็นเพื่อนกันได้ แบบ...เพื่อนสนิท แต่ฉันมีเพื่อนสนิทที่เป็นผู้ชายตั้งสองคน ไม่สิ ตอนนี้สาม” น้ำเสียงเธออ่อนลงเมื่อนึกถึงออสโล่กับเวด “โลกเราก็แบบนี้แหละ”เขาพยักหน้า แต่กลับยังลังเลว่าจะเชื่อเธอดีหรือไม่ “อย่างงี้แปลว่า เธออยากจูบอเล็กซ์ตลอดเวลาเลยงั้นสิ”“ไมเคิล!” เธอร้อง แอบไขว้นิ้วไว้ข้างหลัง “นายสงสัยจริง ๆ หรืออยากแกล้งฉันกันแน่”“ถามจริง ๆ สิ&
ไมเคิลกับเทสซ่าเข้าใจว่าเธอเป็นลมแดดเท่านั้น อเล็กซิสนึกขอบคุณริงโก้ แต่ขณะเดียวกัน เธอไม่คิดว่าเขาจะปิดบังเรื่องนี้กับเพื่อนตัวเองหรอก ตลอดทางกลับ เทสซ่าเอาแต่โทษตัวเองที่ไม่สังเกตอาการเพื่อนจนเธอต้องยืนกรานว่ามันเป็นความผิดของเธอต่างหากที่ไม่ประมาณตนเพื่อให้หญิงสาวสบายใจขึ้นปาร์ตี้ฉลองวันเกิดย้อนหลังของไมเคิลผ่านไปด้วยดี ถึงแม้จัดเพียงช่วงสั้น ๆ ไม่มีดนตรี เกม และอุปกรณ์อำนวยสิ่งบันเทิง แต่ยังคงประเพณีร้องเพลงให้เจ้าของงาน แถมยังเอาใจด้วยอาหารเน้นโปรตีนกับขนมหวานมากมาย เขาชอบสเต๊กสูตรคาเลบมากจนขอให้เธอจดไว้เผื่อทำเอง อเล็กซิสยอมรับว่าเห็นไมเคิลไม่ต่างจากเจ้าลิงน้อยชาร์ลีเลย คู่เทสซ่ากับโคดี้ยังทำให้เธออิจฉาตาร้อน เพราะพอพวกเขาร้องเพลงจบ โคดี้นึกสนุกร้องเพลงต่อแล้วดึงเทสซ่าขึ้นมาเต้นรำ สายตาที่เขามองหญิงสาวแทบทำให้อเล็กซิสละลายลงไปกับพื้น แววตาที่แสดงออกถึงความรักอย่างเปิดเผย และมันทำให้อเล็กซิสว้าเหว่ที่สุด เสียงหัวเราะของทุกคนกลับเพิ่มดีกรีหดหู่ไปจนสุดเพดาน แต่ต้องซ่อนอยู่ภายใต้ใบหน้าเปื้อนยิ้มนี้ถ้าหาก อเล็กซ์ เบ็กกี้ เบน เวด ออสโล่ โนเอล และ ซาร่าห์อ
ตุ๊กตาหญิงชายยืนคู่กันในชุดแปลกตา ดวงตาโตสองข้างวาดด้วยเส้นสีดำหนาและทั้งสองหันศีรษะไปทางซ้ายของเธอ อเล็กซิสคุ้นตาเหมือนเคยเห็นในหนังหรือไม่ก็หนังสือสารคดีเกี่ยวกับงานศิลปะสมัยอารยธรรมโบราณ ผู้ชายถือตะขอและไม้หวด ส่วนผู้หญิงถือไม้เท้า เธอยื่นหน้ามองชั้นหนังสือที่อยู่ข้างหลังโต๊ะ หากไม่นับรวมหนังสือแพทย์ที่มีคำศัพท์ยากเกินกว่าสมองจะเข้าใจ ยังมีหนังสืองานศิลปะและประวัติศาสตร์ย้อนไปถึงหกพันปีก่อนเวลาปัจจุบัน เธอนึกอยากเปิดอ่านบ้าง ช่วงเวลาก่อนยุคหายนะดูไกลตัวมาก หนังสือบอกเล่าประวัติศาสตร์อันน่าพิศวงล้วนดึงดูดอเล็กซิสเสมอ“อยากอ่านหรือ”ทรอยถือแฟ้มสีเขียวเข้ามา ซึ่งน่าจะเป็นผลตรวจของเธอ อเล็กซิสสูดหายใจเข้าช้า ๆ ทำใจก่อนรับฟังความจริง แต่เมื่อเธอนึกขึ้นได้ว่าริงโก้เป็นคนพาเธอมาจึงมองหาเขา“กลับไปแล้ว กระชากคอเสื้อฉันแบบที่เพื่อนเขาทำไม่มีผิด พวกพ้องเทอร์นเนอร์หัวรุนแรงทุกคน” คนเป็นหมอบ่น พลางส่ายศีรษะระอาอเล็กซิสเงียบ จำได้ว่าบลูเคยเล่าเรื่องทรอยให้ฟัง น่าแปลกนัก เขากลับไม่มีทีท่าเย็นชาต่อเธอดังที่ถูกกล่าวหาว่าบ้าคลั่งกลุ่มเสี่
“โอ๊ย”แรงปะทะทำให้เธอหงายหลังล้ม ริงโก้ยืนมองด้วยสีหน้าถมึงทึงแบบทุกที “ขอโทษ” พูดแล้วดึงเธอลุกขึ้นฉับพลันข้างในร่างกายร้อนวูบเหมือนเปลวเทียนแล่นผ่านร่าง อเล็กซิสดึงมือออก แล้วรีบวิ่งหาที่เหมาะ ๆ มือสาละวนควานหายาในกระเป๋ากางเกง สุดท้ายวิ่งเข้าตรอกแคบร้างผู้คน มือดึงมันออก หลอดยาขนาดยาวกว่านิ้วก้อยนิดเดียว มือทั้งสองข้างสั่นระริกพยายามแกะบรรจุภัณฑ์ ความร้อนในร่างกายเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนมีคนหมุนปุ่มเตาแก๊ส จนเธอเริ่มทนไม่ไหว อเล็กซิสพยายามสะกดความแสบร้อนไว้ภายใน แต่สุดท้ายต้องยอมแพ้ มือทั้งสองข้างเกร็ง ร่างทรุดลงกับพื้น น้ำตาซึมออกมาเมื่อรู้สึกว่าผิวหนังหดตัวเพราะความร้อน หยุดเถอะ เด็กสาวร้องโอดโอยไม่อาจถือของในมือให้มั่น หลอดยาหล่นลงพื้นพร้อมกับที่เธอยืนไม่ไหวอเล็กซิสพลิกตัวไปมาบนพื้น “ฉีดเข้าเส้นเลือด” เสียงทรอยดังในหัว เธอกรีดร้องคำสบถออกมามากมาย เข้าใจแล้วว่าเหตุใดเอเลน่าจึงขอให้พวกเขายื่นความตายให้ ราวกับว่าอุณหภูมิภายในสูงขึ้นเฉียบพลัน เข็มล่องหนนับพันเล่มทิ่มแทงร่างกายไปจนถึงกระดูก เธอร้องจนสุดเสี
อีกอย่างคำว่า มื้อเย็น เป็นคำวิเศษสำหรับไมเคิล เขาหันขวับทันที ดวงตาสีฟ้าเป็นประกายระยิบระยับราวกับผิวน้ำในมหาสมุทร “ฉลองเหรอ จัดปาร์ตี้กันในห้องนี้ก็ได้นะ”เขากะพริบตาถี่ ๆ ราวกับว่ามันเป็นสิ่งที่โหยหามานาน ไมเคิลเคยตามดูชีวิตเธอเพียงเพราะอยากมีครอบครัวแบบเด็กทั่วไป เด็กสาวคิดดังนั้นแล้วพยักหน้า “เอาสิ เรมี นายเป็นเจ้าของห้องอีกคน โอเคหรือเปล่า”“สบาย ใคร ๆ ก็ชอบปาร์ตี้ทั้งนั้น” หนุ่มผิวสีน้ำผึ้งยิ้มแป้น “แต่คงไม่สุดเหวี่ยงเหมือนตอนโน้นนะ”อเล็กซิสมองคนอื่น ทั้งหมดยินดี โดยเฉพาะเทสซ่าแทบจะเต้นอยู่แล้ว เธอเริ่มลิสต์รายการว่าต้องซื้ออะไรบ้าง พวกเขาสรุปกันว่าจะซื้อขนมและน้ำ แต่อาหารบางอย่างอาจต้องทำเองเพื่อประหยัดงบ เจ้าของไอเดียเลยอาสา “ซื้อเนื้อสเต๊กเกรดพรีเมี่ยมก็แล้วกัน ฉันเลี้ยงเอง บ้านฉันมีสูตรเฉพาะ รับรองว่าทุกคนต้องติดใจแน่” อเล็กซิสถูมือทำเหมือนตัวเองช่ำชอง ลึก ๆ แล้ว โหยหาอาหารฝีมือคาเลบ แต่ในเมื่อมันเป็นไม่ได้ ก็ทำมันซะเลยสิ ถึงแม้ฝีมือเธอจะอ่อนกว่าไบรซ์ แต่เรื่องจำสูตรนั้นแม่นแน่นอน ส
“ดูนี่ ความจุดิสก์มีมากถึงหนึ่งพันเพตะไบต์แต่อีกสองตัวยังแค่เทราไบต์”“ขนาดระบบประมวลยังเล็กจิ๋วขนาดนี้เชียว ทุกอย่างประกอบหลังจอ ไม่กินไฟ แม่ง อยากกลับไปทุบคอมที่บ้านจัง!”เด็กหนุ่มสองคนกับอีกหนึ่งชายหนุ่มรื้อคุ้ยอุปกรณ์ต่าง ๆ ทั้งหมดนั่งถกเถียงกันตั้งแต่พวกเขาเข้ามา ส่วนไมเคิลกับอเล็กซิสนั่งกินไอศกรีมมองคนคุยกันในสายตาคนอื่น ของพวกนี้ต่างอะไรจากเศษขยะอิเล็กทรอนิกส์กันเล่า ชั่วโมงต่อมา เทสซ่าเข้ามาพร้อมกับเบลินดา พวกเธอมาช้ากว่าไมเคิลและอเล็กซิสเพราะเล่นเควสในเขตเครสเตอร์ เมื่อเห็นสาวร่างท้วมผมสีช็อกโกแลต อเล็กซิสยืดตัวตรงโดยอัตโนมัติ ไม่คุ้นเมื่อเบลินดาอยู่ในนี้ด้วย และเพราะมีคนถึงเจ็ดคนอยู่ในห้องเดียวกัน ห้องพักของเรมีและไมเคิลจึงเล็กลงถนัดตา“มินนี่ล่ะ”โคดี้ถามแฟนสาว“กินเยอะเลยปวดท้อง นอนพักอยู่ในห้อง” พูดจบก็ก้มลงหอมหน้าผากแฟนหนุ่มเรมีเห็น อดผิวปากแซวไม่ได้ “อ้าว แล้วอเล็กซ์...”แต่เพราะเทสซ่าเหลือบเห็นอเล็กซิสก่อนจึงชิงพูดว่า “อเล็กซิส อยู่นี่เอง”
ชายผมเทานั่งเคาะโต๊ะ จ้องหน้าเธอเหมือนชั่งใจ “ฟังนะ การปกครองในทอยซิตี้ไม่ขึ้นกับนิวโฮป...จะเรียกว่าอย่างนี้ก็ได้ คณะบริหารของพวกเราไม่มีอะไรข้องเกี่ยวกับนิวโฮป”อเล็กซิสนึกภาพยานหน่วยพยาบาลที่แล่นลงมาในเขตราซาในคืนนั้นแล้วยิ่งสงสัย เทคโนโลยีระดับนี้สามารถถล่มเขตราซาให้วอดวายได้ง่าย แต่เมื่อลองคิดอีกที มันก็เสี่ยงต่อชีวิตเบ็กกี้ ทว่า... “พวกคุณเป็นใครกันแน่”เขาส่ายหัว “เรียกว่าหน่วยพิเศษก็ได้ เดวิส...สิ่งที่เธอควรกังวลก็คือตัวเธอเอง หมอขอย้ำอีกครั้ง พกยาไว้ให้ดีและอย่าปล่อยให้มันออกฤทธิ์จนถึงระดับที่เธอควบคุมตัวเองไม่ได้ อยู่ใกล้เพื่อนที่ไว้ใจไว้ อย่างวาดาสกับโธมัสที่รออยู่ข้างนอก”“หา” อเล็กซิสมองเหลียวหลัง แม้มันเป็นกำแพงทึบ“คงรู้จากเจ้าตัวตึก” ตัวตึก? ทรอยคงหมายถึงริงโก้อเล็กซิสยังไม่อยากออกไป อย่างน้อยขอให้หายคาใจอีกสักนิด “ขอสองคำถามได้ไหมคะ”หมอผมเทาพยักหน้า“คุณอายุเจ็ดสิบจริง ๆ เหรอคะ”เขาเลิกคิ้ว คงแปลกใจที่
ชายผมเทานั่งเคาะโต๊ะ จ้องหน้าเธอเหมือนชั่งใจ “ฟังนะ การปกครองในทอยซิตี้ไม่ขึ้นกับนิวโฮป...จะเรียกว่าอย่างนี้ก็ได้ คณะบริหารของพวกเราไม่มีอะไรข้องเกี่ยวกับนิวโฮป”อเล็กซิสนึกภาพยานหน่วยพยาบาลที่แล่นลงมาในเขตราซาในคืนนั้นแล้วยิ่งสงสัย เทคโนโลยีระดับนี้สามารถถล่มเขตราซาให้วอดวายได้ง่าย แต่เมื่อลองคิดอีกที มันก็เสี่ยงต่อชีวิตเบ็กกี้ ทว่า... “พวกคุณเป็นใครกันแน่”เขาส่ายหัว “เรียกว่าหน่วยพิเศษก็ได้ เดวิส...สิ่งที่เธอควรกังวลก็คือตัวเธอเอง หมอขอย้ำอีกครั้ง พกยาไว้ให้ดีและอย่าปล่อยให้มันออกฤทธิ์จนถึงระดับที่เธอควบคุมตัวเองไม่ได้ อยู่ใกล้เพื่อนที่ไว้ใจไว้ อย่างวาดาสกับโธมัสที่รออยู่ข้างนอก”“หา” อเล็กซิสมองเหลียวหลัง แม้มันเป็นกำแพงทึบ“คงรู้จากเจ้าตัวตึก” ตัวตึก? ทรอยคงหมายถึงริงโก้อเล็กซิสยังไม่อยากออกไป อย่างน้อยขอให้หายคาใจอีกสักนิด “ขอสองคำถามได้ไหมคะ”หมอผมเทาพยักหน้า“คุณอายุเจ็ดสิบจริง ๆ เหรอคะ”เขาเลิกคิ้ว คงแปลกใจที่
วินาทีต่อมา พวกเขาเล่นมวยปล้ำกัน รีเวอร์ดูท่าจะถนัดแนวนี้มากกว่า แต่ก่อนที่เขาจะล็อกคออีกฝ่ายได้ ดวงตาสีฟ้ามองขึ้นมาแล้วสบเข้ากับเธอพอดี ริมฝีปากของเขาเผยอ พึมพำว่า “เทสซ่า”ชั่วเวลานั้นหัวใจของเธอสั่นระรัวแรงฮึดบนใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นประหลาดใจ คงเหมือนกับภาพสะท้อนที่เธอเห็นเขาเมื่อครู่ บลูสบโอกาสใช้ศอกกระแทกหลังและบั้นเอวจนสะบัดตัวออกได้ก่อนจะหมุนตัวหมายเตะก้านคอ รีเวอร์ย่อตัวแต่เพราะสายตายังพะวงมองหาเธอจึงไม่มีสมาธิ บวกกับบลูเริ่มมีน้ำโหเพราะเกือบโดนล็อกคอเมื่อครู่ เขาจึงกลายร่างเป็นกระทิงร้ายเกินต้านทาน ไม่มียั้งมืออีกแล้ว รีเวอร์ตกอยู่ในสภาพคิ้วแตกและช้ำไปทั่วตัว จนหมัดสุดท้าย เธอเห็นรีเวอร์ล้มลงช้า ๆ ทุกคนเริ่มนับถอยหลัง รีเวอร์ยังดูมีสติทุกอย่างหากแต่ตระหนักได้ว่าต่อให้สู้ไป ร่างกายคงช้ำหนักจึงไม่ลุกขึ้นอีกแม้ยังยืนไหว“โดนขนาดนั้น พักเป็นอาทิตย์แน่” อาคุสะเปรย ปรบมือให้กับผู้ชนะ คนที่เชียร์ฝั่งบลูได้ส่วนแบ่งจากที่ลงพนันไว้ ทว่าเบลินดากดแบ่งให้เธอครึ่งหนึ่ง “มันไม่เยอะหรอก คนเชียร์ฝั่งบลูเยอะกว่า อีกอย่างฉ