วินาทีต่อมา พวกเขาเล่นมวยปล้ำกัน รีเวอร์ดูท่าจะถนัดแนวนี้มากกว่า แต่ก่อนที่เขาจะ
ล็อกคออีกฝ่ายได้ ดวงตาสีฟ้ามองขึ้นมาแล้วสบเข้ากับเธอพอดี ริมฝีปากของเขาเผยอ พึมพำว่า “เทสซ่า”ชั่วเวลานั้นหัวใจของเธอสั่นระรัว
แรงฮึดบนใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นประหลาดใจ คงเหมือนกับภาพสะท้อนที่เธอเห็นเขาเมื่อครู่ บลูสบโอกาสใช้ศอกกระแทกหลังและบั้นเอวจนสะบัดตัวออกได้ก่อนจะหมุนตัวหมายเตะก้านคอ รีเวอร์ย่อตัวแต่เพราะสายตายังพะวงมองหาเธอจึงไม่มีสมาธิ บวกกับบลูเริ่มมีน้ำโหเพราะเกือบโดนล็อกคอเมื่อครู่ เขาจึงกลายร่างเป็นกระทิงร้ายเกินต้านทาน ไม่มียั้งมืออีกแล้ว รีเวอร์ตกอยู่ในสภาพคิ้วแตกและช้ำไปทั่วตัว จนหมัดสุดท้าย เธอเห็นรีเวอร์ล้มลงช้า ๆ ทุกคนเริ่มนับถอยหลัง
รีเวอร์ยังดูมีสติทุกอย่างหากแต่ตระหนักได้ว่าต่อให้สู้ไป ร่างกายคงช้ำหนักจึงไม่ลุกขึ้นอีกแม้ยังยืนไหว“โดนขนาดนั้น พักเป็นอาทิตย์แน่” อาคุสะเปรย ปรบมือให้กับผู้ชนะ คนที่เชียร์ฝั่งบลูได้ส่วนแบ่งจากที่ลงพนันไว้ ทว่าเบลินดากดแบ่งให้เธอครึ่งหนึ่ง “มันไม่เยอะหรอก คนเชียร์ฝั่งบลูเยอะกว่า อีกอย่างฉ
วินาทีต่อมา พวกเขาเล่นมวยปล้ำกัน รีเวอร์ดูท่าจะถนัดแนวนี้มากกว่า แต่ก่อนที่เขาจะล็อกคออีกฝ่ายได้ ดวงตาสีฟ้ามองขึ้นมาแล้วสบเข้ากับเธอพอดี ริมฝีปากของเขาเผยอ พึมพำว่า “เทสซ่า”ชั่วเวลานั้นหัวใจของเธอสั่นระรัวแรงฮึดบนใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นประหลาดใจ คงเหมือนกับภาพสะท้อนที่เธอเห็นเขาเมื่อครู่ บลูสบโอกาสใช้ศอกกระแทกหลังและบั้นเอวจนสะบัดตัวออกได้ก่อนจะหมุนตัวหมายเตะก้านคอ รีเวอร์ย่อตัวแต่เพราะสายตายังพะวงมองหาเธอจึงไม่มีสมาธิ บวกกับบลูเริ่มมีน้ำโหเพราะเกือบโดนล็อกคอเมื่อครู่ เขาจึงกลายร่างเป็นกระทิงร้ายเกินต้านทาน ไม่มียั้งมืออีกแล้ว รีเวอร์ตกอยู่ในสภาพคิ้วแตกและช้ำไปทั่วตัว จนหมัดสุดท้าย เธอเห็นรีเวอร์ล้มลงช้า ๆ ทุกคนเริ่มนับถอยหลัง รีเวอร์ยังดูมีสติทุกอย่างหากแต่ตระหนักได้ว่าต่อให้สู้ไป ร่างกายคงช้ำหนักจึงไม่ลุกขึ้นอีกแม้ยังยืนไหว“โดนขนาดนั้น พักเป็นอาทิตย์แน่” อาคุสะเปรย ปรบมือให้กับผู้ชนะ คนที่เชียร์ฝั่งบลูได้ส่วนแบ่งจากที่ลงพนันไว้ ทว่าเบลินดากดแบ่งให้เธอครึ่งหนึ่ง “มันไม่เยอะหรอก คนเชียร์ฝั่งบลูเยอะกว่า อีกอย่างฉ
ชายผมเทานั่งเคาะโต๊ะ จ้องหน้าเธอเหมือนชั่งใจ “ฟังนะ การปกครองในทอยซิตี้ไม่ขึ้นกับนิวโฮป...จะเรียกว่าอย่างนี้ก็ได้ คณะบริหารของพวกเราไม่มีอะไรข้องเกี่ยวกับนิวโฮป”อเล็กซิสนึกภาพยานหน่วยพยาบาลที่แล่นลงมาในเขตราซาในคืนนั้นแล้วยิ่งสงสัย เทคโนโลยีระดับนี้สามารถถล่มเขตราซาให้วอดวายได้ง่าย แต่เมื่อลองคิดอีกที มันก็เสี่ยงต่อชีวิตเบ็กกี้ ทว่า... “พวกคุณเป็นใครกันแน่”เขาส่ายหัว “เรียกว่าหน่วยพิเศษก็ได้ เดวิส...สิ่งที่เธอควรกังวลก็คือตัวเธอเอง หมอขอย้ำอีกครั้ง พกยาไว้ให้ดีและอย่าปล่อยให้มันออกฤทธิ์จนถึงระดับที่เธอควบคุมตัวเองไม่ได้ อยู่ใกล้เพื่อนที่ไว้ใจไว้ อย่างวาดาสกับโธมัสที่รออยู่ข้างนอก”“หา” อเล็กซิสมองเหลียวหลัง แม้มันเป็นกำแพงทึบ“คงรู้จากเจ้าตัวตึก” ตัวตึก? ทรอยคงหมายถึงริงโก้อเล็กซิสยังไม่อยากออกไป อย่างน้อยขอให้หายคาใจอีกสักนิด “ขอสองคำถามได้ไหมคะ”หมอผมเทาพยักหน้า“คุณอายุเจ็ดสิบจริง ๆ เหรอคะ”เขาเลิกคิ้ว คงแปลกใจที่
ชายผมเทานั่งเคาะโต๊ะ จ้องหน้าเธอเหมือนชั่งใจ “ฟังนะ การปกครองในทอยซิตี้ไม่ขึ้นกับนิวโฮป...จะเรียกว่าอย่างนี้ก็ได้ คณะบริหารของพวกเราไม่มีอะไรข้องเกี่ยวกับนิวโฮป”อเล็กซิสนึกภาพยานหน่วยพยาบาลที่แล่นลงมาในเขตราซาในคืนนั้นแล้วยิ่งสงสัย เทคโนโลยีระดับนี้สามารถถล่มเขตราซาให้วอดวายได้ง่าย แต่เมื่อลองคิดอีกที มันก็เสี่ยงต่อชีวิตเบ็กกี้ ทว่า... “พวกคุณเป็นใครกันแน่”เขาส่ายหัว “เรียกว่าหน่วยพิเศษก็ได้ เดวิส...สิ่งที่เธอควรกังวลก็คือตัวเธอเอง หมอขอย้ำอีกครั้ง พกยาไว้ให้ดีและอย่าปล่อยให้มันออกฤทธิ์จนถึงระดับที่เธอควบคุมตัวเองไม่ได้ อยู่ใกล้เพื่อนที่ไว้ใจไว้ อย่างวาดาสกับโธมัสที่รออยู่ข้างนอก”“หา” อเล็กซิสมองเหลียวหลัง แม้มันเป็นกำแพงทึบ“คงรู้จากเจ้าตัวตึก” ตัวตึก? ทรอยคงหมายถึงริงโก้อเล็กซิสยังไม่อยากออกไป อย่างน้อยขอให้หายคาใจอีกสักนิด “ขอสองคำถามได้ไหมคะ”หมอผมเทาพยักหน้า“คุณอายุเจ็ดสิบจริง ๆ เหรอคะ”เขาเลิกคิ้ว คงแปลกใจที่
“ดูนี่ ความจุดิสก์มีมากถึงหนึ่งพันเพตะไบต์แต่อีกสองตัวยังแค่เทราไบต์”“ขนาดระบบประมวลยังเล็กจิ๋วขนาดนี้เชียว ทุกอย่างประกอบหลังจอ ไม่กินไฟ แม่ง อยากกลับไปทุบคอมที่บ้านจัง!”เด็กหนุ่มสองคนกับอีกหนึ่งชายหนุ่มรื้อคุ้ยอุปกรณ์ต่าง ๆ ทั้งหมดนั่งถกเถียงกันตั้งแต่พวกเขาเข้ามา ส่วนไมเคิลกับอเล็กซิสนั่งกินไอศกรีมมองคนคุยกันในสายตาคนอื่น ของพวกนี้ต่างอะไรจากเศษขยะอิเล็กทรอนิกส์กันเล่า ชั่วโมงต่อมา เทสซ่าเข้ามาพร้อมกับเบลินดา พวกเธอมาช้ากว่าไมเคิลและอเล็กซิสเพราะเล่นเควสในเขตเครสเตอร์ เมื่อเห็นสาวร่างท้วมผมสีช็อกโกแลต อเล็กซิสยืดตัวตรงโดยอัตโนมัติ ไม่คุ้นเมื่อเบลินดาอยู่ในนี้ด้วย และเพราะมีคนถึงเจ็ดคนอยู่ในห้องเดียวกัน ห้องพักของเรมีและไมเคิลจึงเล็กลงถนัดตา“มินนี่ล่ะ”โคดี้ถามแฟนสาว“กินเยอะเลยปวดท้อง นอนพักอยู่ในห้อง” พูดจบก็ก้มลงหอมหน้าผากแฟนหนุ่มเรมีเห็น อดผิวปากแซวไม่ได้ “อ้าว แล้วอเล็กซ์...”แต่เพราะเทสซ่าเหลือบเห็นอเล็กซิสก่อนจึงชิงพูดว่า “อเล็กซิส อยู่นี่เอง”
อีกอย่างคำว่า มื้อเย็น เป็นคำวิเศษสำหรับไมเคิล เขาหันขวับทันที ดวงตาสีฟ้าเป็นประกายระยิบระยับราวกับผิวน้ำในมหาสมุทร “ฉลองเหรอ จัดปาร์ตี้กันในห้องนี้ก็ได้นะ”เขากะพริบตาถี่ ๆ ราวกับว่ามันเป็นสิ่งที่โหยหามานาน ไมเคิลเคยตามดูชีวิตเธอเพียงเพราะอยากมีครอบครัวแบบเด็กทั่วไป เด็กสาวคิดดังนั้นแล้วพยักหน้า “เอาสิ เรมี นายเป็นเจ้าของห้องอีกคน โอเคหรือเปล่า”“สบาย ใคร ๆ ก็ชอบปาร์ตี้ทั้งนั้น” หนุ่มผิวสีน้ำผึ้งยิ้มแป้น “แต่คงไม่สุดเหวี่ยงเหมือนตอนโน้นนะ”อเล็กซิสมองคนอื่น ทั้งหมดยินดี โดยเฉพาะเทสซ่าแทบจะเต้นอยู่แล้ว เธอเริ่มลิสต์รายการว่าต้องซื้ออะไรบ้าง พวกเขาสรุปกันว่าจะซื้อขนมและน้ำ แต่อาหารบางอย่างอาจต้องทำเองเพื่อประหยัดงบ เจ้าของไอเดียเลยอาสา “ซื้อเนื้อสเต๊กเกรดพรีเมี่ยมก็แล้วกัน ฉันเลี้ยงเอง บ้านฉันมีสูตรเฉพาะ รับรองว่าทุกคนต้องติดใจแน่” อเล็กซิสถูมือทำเหมือนตัวเองช่ำชอง ลึก ๆ แล้ว โหยหาอาหารฝีมือคาเลบ แต่ในเมื่อมันเป็นไม่ได้ ก็ทำมันซะเลยสิ ถึงแม้ฝีมือเธอจะอ่อนกว่าไบรซ์ แต่เรื่องจำสูตรนั้นแม่นแน่นอน ส
“โอ๊ย”แรงปะทะทำให้เธอหงายหลังล้ม ริงโก้ยืนมองด้วยสีหน้าถมึงทึงแบบทุกที “ขอโทษ” พูดแล้วดึงเธอลุกขึ้นฉับพลันข้างในร่างกายร้อนวูบเหมือนเปลวเทียนแล่นผ่านร่าง อเล็กซิสดึงมือออก แล้วรีบวิ่งหาที่เหมาะ ๆ มือสาละวนควานหายาในกระเป๋ากางเกง สุดท้ายวิ่งเข้าตรอกแคบร้างผู้คน มือดึงมันออก หลอดยาขนาดยาวกว่านิ้วก้อยนิดเดียว มือทั้งสองข้างสั่นระริกพยายามแกะบรรจุภัณฑ์ ความร้อนในร่างกายเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนมีคนหมุนปุ่มเตาแก๊ส จนเธอเริ่มทนไม่ไหว อเล็กซิสพยายามสะกดความแสบร้อนไว้ภายใน แต่สุดท้ายต้องยอมแพ้ มือทั้งสองข้างเกร็ง ร่างทรุดลงกับพื้น น้ำตาซึมออกมาเมื่อรู้สึกว่าผิวหนังหดตัวเพราะความร้อน หยุดเถอะ เด็กสาวร้องโอดโอยไม่อาจถือของในมือให้มั่น หลอดยาหล่นลงพื้นพร้อมกับที่เธอยืนไม่ไหวอเล็กซิสพลิกตัวไปมาบนพื้น “ฉีดเข้าเส้นเลือด” เสียงทรอยดังในหัว เธอกรีดร้องคำสบถออกมามากมาย เข้าใจแล้วว่าเหตุใดเอเลน่าจึงขอให้พวกเขายื่นความตายให้ ราวกับว่าอุณหภูมิภายในสูงขึ้นเฉียบพลัน เข็มล่องหนนับพันเล่มทิ่มแทงร่างกายไปจนถึงกระดูก เธอร้องจนสุดเสี
ตุ๊กตาหญิงชายยืนคู่กันในชุดแปลกตา ดวงตาโตสองข้างวาดด้วยเส้นสีดำหนาและทั้งสองหันศีรษะไปทางซ้ายของเธอ อเล็กซิสคุ้นตาเหมือนเคยเห็นในหนังหรือไม่ก็หนังสือสารคดีเกี่ยวกับงานศิลปะสมัยอารยธรรมโบราณ ผู้ชายถือตะขอและไม้หวด ส่วนผู้หญิงถือไม้เท้า เธอยื่นหน้ามองชั้นหนังสือที่อยู่ข้างหลังโต๊ะ หากไม่นับรวมหนังสือแพทย์ที่มีคำศัพท์ยากเกินกว่าสมองจะเข้าใจ ยังมีหนังสืองานศิลปะและประวัติศาสตร์ย้อนไปถึงหกพันปีก่อนเวลาปัจจุบัน เธอนึกอยากเปิดอ่านบ้าง ช่วงเวลาก่อนยุคหายนะดูไกลตัวมาก หนังสือบอกเล่าประวัติศาสตร์อันน่าพิศวงล้วนดึงดูดอเล็กซิสเสมอ“อยากอ่านหรือ”ทรอยถือแฟ้มสีเขียวเข้ามา ซึ่งน่าจะเป็นผลตรวจของเธอ อเล็กซิสสูดหายใจเข้าช้า ๆ ทำใจก่อนรับฟังความจริง แต่เมื่อเธอนึกขึ้นได้ว่าริงโก้เป็นคนพาเธอมาจึงมองหาเขา“กลับไปแล้ว กระชากคอเสื้อฉันแบบที่เพื่อนเขาทำไม่มีผิด พวกพ้องเทอร์นเนอร์หัวรุนแรงทุกคน” คนเป็นหมอบ่น พลางส่ายศีรษะระอาอเล็กซิสเงียบ จำได้ว่าบลูเคยเล่าเรื่องทรอยให้ฟัง น่าแปลกนัก เขากลับไม่มีทีท่าเย็นชาต่อเธอดังที่ถูกกล่าวหาว่าบ้าคลั่งกลุ่มเสี่
ไมเคิลกับเทสซ่าเข้าใจว่าเธอเป็นลมแดดเท่านั้น อเล็กซิสนึกขอบคุณริงโก้ แต่ขณะเดียวกัน เธอไม่คิดว่าเขาจะปิดบังเรื่องนี้กับเพื่อนตัวเองหรอก ตลอดทางกลับ เทสซ่าเอาแต่โทษตัวเองที่ไม่สังเกตอาการเพื่อนจนเธอต้องยืนกรานว่ามันเป็นความผิดของเธอต่างหากที่ไม่ประมาณตนเพื่อให้หญิงสาวสบายใจขึ้นปาร์ตี้ฉลองวันเกิดย้อนหลังของไมเคิลผ่านไปด้วยดี ถึงแม้จัดเพียงช่วงสั้น ๆ ไม่มีดนตรี เกม และอุปกรณ์อำนวยสิ่งบันเทิง แต่ยังคงประเพณีร้องเพลงให้เจ้าของงาน แถมยังเอาใจด้วยอาหารเน้นโปรตีนกับขนมหวานมากมาย เขาชอบสเต๊กสูตรคาเลบมากจนขอให้เธอจดไว้เผื่อทำเอง อเล็กซิสยอมรับว่าเห็นไมเคิลไม่ต่างจากเจ้าลิงน้อยชาร์ลีเลย คู่เทสซ่ากับโคดี้ยังทำให้เธออิจฉาตาร้อน เพราะพอพวกเขาร้องเพลงจบ โคดี้นึกสนุกร้องเพลงต่อแล้วดึงเทสซ่าขึ้นมาเต้นรำ สายตาที่เขามองหญิงสาวแทบทำให้อเล็กซิสละลายลงไปกับพื้น แววตาที่แสดงออกถึงความรักอย่างเปิดเผย และมันทำให้อเล็กซิสว้าเหว่ที่สุด เสียงหัวเราะของทุกคนกลับเพิ่มดีกรีหดหู่ไปจนสุดเพดาน แต่ต้องซ่อนอยู่ภายใต้ใบหน้าเปื้อนยิ้มนี้ถ้าหาก อเล็กซ์ เบ็กกี้ เบน เวด ออสโล่ โนเอล และ ซาร่าห์อ
ไมเคิลส่ายหัวปัดมือให้เธอถอยออกไป (ไม่กล้าแตะตัวเธออีก) อเล็กซิสในอ้อมกอดอเล็กซ์ไม่ได้นอนหรือหลับ หากแต่ตื่นอยู่แต่เหมือนไม่ค่อยมีสติ ริมฝีปากพึมพำว่า “ปล่อย” เบา ๆ ในลำคอ“เปิดประตูสิ” อเล็กซ์สั่งเพราะมือทั้งสองอุ้มเพื่อนของเขาไว้“นายก็เขยิบสิ” เขาสั่งกลับ อเล็กซ์เลื่อนตัวเข้ามาใกล้ประตู เขาจับมืออเล็กซิสแตะที่ตัวสแกนเพื่อปลดกลอน มีเสียงดังกริ๊ก มือผลักบานประตูเปิดให้อเล็กซ์เข้าข้างใน “นี่” ไมเคิลไม่สนใจหญิงสาวเลยปิดประตูใส่หน้าหล่อนดังปัง เธอทุบครั้งหนึ่งก่อนจะด่าออกมา เมื่อนั้นเสียงฝีเท้าห่างออกไป ในที่สุด“ฉันอยากได้ผ้าชุบน้ำ”ไมเคิลพยักหน้า ส่วนอเล็กซิสก็พยายามจะลุกขึ้นจากเตียงให้ได้ “ไม่...ต้อง...” จนอเล็กซ์ดันตัวเธอลง “ไม่” สภาพอเล็กซิสไม่ต่างจากคนเมายา เขาไม่รู้ว่าเธอไปโดนอะไรมาแต่ก็ทำตามที่อเล็กซ์บอก นั่นคือเข้าไปในห้องน้ำแล้วคว้าผ้าขนหนูผืนเล็ก พอเปิดก๊อกก็พบว่าน้ำแรงปกติ โกหกจริงด้วย มือทั้งสองรีบบิดน้ำหมาด ๆ พอออกมาก็เห็นสองอเล็กซ์เถียง
ไมเคิลรุดไปยังหน้าต่างตรงทางเดิน ยกบานหน้าต่างจนสุดแล้วชะโงกหน้าออกไป ลมแรงตีปะทะหน้า ถึงแม้เขาจะชอบอากาศเย็นสบายมากกว่าร้อน แต่เมื่อทอยซิตี้เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ลมกลับไม่น่าพิสมัย สายตาของเขาเลื่อนไปช้า ๆ ทีละจุด ทีละจุด แต่ไร้ประโยชน์ ถึงอเล็กซิสอยู่แถวนี้ก็ยากที่จะเห็นอยู่ดี ทำไมต้องโกหก เธอไปไหนกันแน่ หัวใจบีบรัดเมื่อความผิดหวังจู่โจม เขาคิดว่าเธอไม่ไว้ใจเขา ทั้งที่เข้าใจว่าตนเองคือคนที่เธอสนิทใจที่สุด มากกว่าเทสซ่า แต่สุดท้าย เขาคิดผิดอเล็กซ์โผล่หน้าออกมาข้าง ๆ ผมของเขายาวจนต้องจับมันไว้ไม่ให้ปลิวและพัดเข้าหน้า “เขามีท่าทีแบบนี้มาสักพักแล้วยัง”ไมเคิลไม่แน่ใจว่าจะตอบอย่างไร ตอนนี้ดูเหมือนทั้งสองจะพักอารมณ์เหม็นขี้หน้าชั่วคราว ถึงแม้ทุกคนเห็นว่าเธอค่อนข้างโทรมและเงียบกว่าตอนอยู่ในศูนย์ฝึก แต่ไม่ได้นึกถึงเรื่องอื่นเลย ใช่แล้ว ไม่มีใครสังเกตเลยรวมทั้งตัวเขาเองด้วย“เขาบอกอะไรนายบ้าง” ชายหนุ่มเริ่มยิงคำถาม “มันเกี่ยวกับที่โดนจับไปหรือเปล่า หรือไม่ใช่”“ไม่รู้!” ไมเคิลตอบอย่างมีอารมณ์ “แล้วนาย
ห้องของไมเคิลกับเรมีแออัดยิ่งกว่าเดิมเมื่อรองรับคนถึงเก้าคน คอมพิวเตอร์จอแบนขนาดสิบห้านิ้วตั้งกลางวง หน้าตามันดูดีจนไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาประกอบกันเอง เรมีเสียบปลั๊กแล้วกดเปิด หน้าจอสีดำกะพริบถี่ ๆ ก่อนเปลี่ยนเป็นสีฟ้าน้ำทะเลปรากฏเปลวไฟเป็นตัวอักษรรูปตัวเอทับต้นไม้ มันพลิ้วไหวเหมือนไฟมีชีวิต “โอ้โห” พวกเขาตื่นเต้น ไม่นานกล่องสีขาวเด้งออกมาเพื่อให้กรอกรหัส“ข้างในมีอะไรบ้าง” อเล็กซิสยื่นหน้าเข้ามา มือกำขวดน้ำแน่นท่าทางกระหายน้ำตั้งแต่เข้ามาในห้อง“ต้องกรอกรหัสก่อน” เรมีย้ำ สายตาจดจ่อกับหน้าจอดังกล่าว“กรอกสิ” เทสซ่าเร่ง “ฉันอยากรู้แล้ว”“เอ่อ” หนุ่มน้อยวัยสิบหกเคาะคีย์บอร์ดสัมผัส “เรายังแฮคมันไม่ได้”“หา?” พวกที่เหลือร้องออกมาพร้อมกัน “ถ้าอย่างนั้น...พวกนายเรียกให้พวกเราดูแค่ว่ามันเปิดได้”“ใช่” เรมีพยักหน้าหงึก ๆ “ไม่ตื่นเต้นกันเหรอ”“ฉันบอกแล้วว่าเราควรเจาะรหัสให้ได้ก่อน” อาคุสะพูดเสียงเรียบ เข
อเล็กซิสเงยหน้ามองไฟข้างบนอย่างกับจะจับผิดระบบ แต่ไมเคิลรู้ตัวการดีจึงเหยียดเท้าถีบเก้าอี้ข้างหน้า แม้ยั้งแรงไว้บ้างแต่ตัวอเล็กซ์อัดเข้ากับขอบโต๊ะจัง ๆ ไม่ทันร้องว่าเจ็บก็ลุกพรวดจนเก้าอี้กระแทกโต๊ะข้างหลังซึ่งก็คือระหว่างไมเคิลและอเล็กซิส เขาหมุนตัวเตรียมจะพุ่งเข้ามา ไมเคิลรออยู่แล้วง้างหมัดเตรียมสวน ทว่าสงครามยุติก่อนที่มันจะเริ่ม อเล็กซิสกับเรมีพร้อมใจกันกดเขาไว้กับโต๊ะ ส่วนอาคุสะและฟีบี้ทำแบบเดียวกันกับอเล็กซ์“ตรงนั้นมีอะไรกัน!”“เข้าใจผิดครับ เข้าใจผิด” เรมีตะโกน “พวกนายหยุดเดี๋ยวนี้”ทั้งสองจ้องหน้ากันราวกับเป็นศัตรูมาช้านาน ยิ่งอเล็กซ์ไม่ได้ตัดผมโกนหนวด หน้าตารุงรัง ยิ่งทำให้สีหน้านั้นเอาเรื่องกว่าตอนใบหน้าเกลี้ยงเกลา “บอกให้เขาหยุดสิ” ไมเคิลเถียง เสียงแหบแห้งเพราะน้ำลายติดคอ“นายนั่นแหละที่หยุด” เรมีกดศีรษะเขาลง“เบา ๆ เรมี ไมเคิลนายอยู่นิ่ง ๆ” อเล็กซิสว่า“ฉันไม่ได้เริ่ม!” เขาจ้องหน้าอเล็กซ์เขม็ง“เฮ้ ๆ พวกนาย” เทสซ่ายืนขึ้นเตรียมพ
บ่ายสองสี่สิบห้านาที ขาข้างขวาสั่นเป็นจังหวะ ใจของเขาจดจ่อว่าเมื่อไหร่เวลาจะหมด เขาเงยหน้ามองแสงไฟเบื้องบน สติค่อย ๆ ศิโรราบต่อความง่วง พลันในหัวเห็นเปลวไฟปกคลุมร่างชายคนหนึ่งที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อ เมื่อนั้นเขาผงกศีรษะลงเพื่อลบภาพนั้นออกไปห้องประชุมขนาดหกเหลี่ยมในศูนย์บัญชาการกลางเขตเดอะวาลกว้างพอจุคนได้เป็นร้อย แต่สถานที่หาได้แออัดไม่ เพราะจำนวนอาสาสมัครมีเพียงเจ็ดสิบสองคน น่าใจหาย แต่ถ้าหากเทียบกับจำนวนประชากรจากสามเขตที่ไม่น่าจะถึงสองพัน (ซึ่งหนึ่งในสี่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ) ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไร ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่ได้ต้องการจำนวน หากแต่ต้องการความสามารถของพวกกลุ่มเสี่ยงมากกว่า ไมเคิลหยิบช็อกโกแลตในกระเป๋ากางเกงแล้วหักแบ่งให้อเล็กซิสกับเรมี ส่วนตัวเองยัดส่วนที่เหลือเข้าปากผู้บรรยายชี้จุดต่าง ๆ กลุ่มเสี่ยงถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มเอและบี ไมเคิลถูกจัดอยู่ในกลุ่มเอและต้องอยู่แนวหน้า อาสาสมัครกลุ่มบีและกลุ่มต้องสงสัยอยู่ในหน่วยสนับสนุนทั้งหมด ฐานที่พวกเขาจะบุกเข้าไปมีสามแห่ง คือ ศูนย์บัญชาการกลางราซา ตึกร้าง และสถานพยาบาล โดยแบ่งกำลังเป็นสองฝ่าย บุกศูนย์บัญชาการและตึกร้างก่อนพร้อมกัน เมื่อทล
บลูหัวเราะในลำคอก่อนจะปล่อยออกมาดังลั่น “โธ่ ไอ้น้องชาย แกนึกภาพยัยเดสเป็นแม่ออกเหรอวะ วัน ๆ คงนั่งระแวงว่าชู้จะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เฮ้ย เดี๋ยวก่อน...แกคิดว่าเดสจะคิดอะไรแบบนี้นี่นะ นอกจากแรดไปทั่ว ยัยนั่นไม่คิดเรื่องอื่นแล้ว”“บลู!” เอมอนชกแขนของเขาอย่างแรง “อย่าพูดแบบนี้” เขาส่ายหน้าเอือมระอา “นายก็ใกล้เลขสาม ส่วนฉันก็ตามนายติด ๆ ฉันอยากมีครอบครัว วันหนึ่งถ้านายเจอคนที่ทำให้นายรู้สึกแบบนั้น...แต่นายต้องแก้นิสัยนั้นก่อนนะ บอกไว้เลย วันนั้นนายจะเข้าใจฉัน ใครจะรู้ วันหนึ่งเดสอาจใจอ่อน และถ้าถึงวันนั้น...พวกเราอยากสร้างครอบครัวในสถานที่แบบนี้เหรอวะ”บลูเงียบลง เอมอนถูกพาออกไปจากแดนปีศาจก่อนที่ความชั่วร้ายจะแทรกซึมไปจนถึงอณูผิว เขาอยู่กับทัศนคติคิดบวก แม้ผ่านเรื่องร้ายแรงมาเท่าใดยังมีกะใจคิดถึงวันข้างหน้า คิดถึงอนาคตที่สวยงามใสปิ๊ง “แกก็รู้ว่าพวกเรามีลูกไม่ได้” เขาเตือนสติน้องชาย “พวกเราถูกฉีดยาคุมกำเนิดทุกปี ไม่อย่างนั้นแกกับเดสคงมีลูกเป็นโขยง ไม่สิ...ฉันกับแก และเดส จะดูออกไหมว่าลูกใคร” ชายหนุ่มเข
บลูแทบไม่เชื่อหูตัวเอง “แกจะบ้าเหรอ พวกเราเป็นเจ้าของห้องพัก ไม่ใช่ทหาร มันเป็นหน้าที่ของทางการที่จะจัดการเรื่องนี้”แต่เอมอนใช่ว่าจะฟังง่าย ๆ อย่างที่เขาบอก ไม่มีใครฟังบลูเลย ทั้งที่ทุกคนเลือกให้เขาเป็นหัวหน้าแท้ ๆ “บ้าน่า ถ้าเขาต้องการคนก็แสดงว่าคนไม่พอ อะไรที่พวกเราช่วยได้ก็ควรทำไม่ใช่หรือ บลู พวกเราทำเควสมากี่ปีแล้ว มันกลายเป็นกิจกรรมประจำวันไปแล้ว ไม่ใช่เรื่องยากอะไรสักหน่อย พวกเราสู้เป็น”“เด็กนั่นบอกว่าพวกมันมีหุ่นยนต์พิฆาต ไม่ใช่แก๊งธรรมดา ไม่อย่างนั้นทหารก็คงจัดการไปหมดแล้ว แค่สู้ในเควสก็พอแล้วน่า”“ฉันไม่สนว่ามันเป็นแก๊งธรรมดาหรือตัวอะไร แต่ฉันไม่ชอบอยู่เฉย ๆ” เอมอนเถียง ทำไมน้องชายของเขาถึงดื้อดึงขนาดนี้ "นายจะไม่ไปก็แล้วแต่ แต่ฉันจะไปลงชื่อ” เขาว่า หันไปมองหน้าเพื่อนที่เหลือ “ใครไม่ไปฉันไม่สนใจ” แล้วย่ำเท้าแรง ๆ ออกไป“เอมอน เอมอน” เขาตะโกนตามหลัง แต่น้องชายไม่ฟังเลย “แกโง่หรือไงวะ” เขาหันกลับมาหาเพื่อนที่เหลือ เดสซิเรมองเขาด้วยสายตาตำหนิ “ไม่เอาน่า
เขายังคงเงียบ อเล็กซิสรู้ว่าตัวการจริง ๆ คือใคร แต่เขาไม่คิดขอโทษ เธอจึงถอนหายใจ“ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมไม่โดนลงโทษ แต่ก็ไม่คิดจะท้วงติงให้เขาลงโทษหรอกนะ ส่วนเรื่องรับอาสาสมัครเพิ่ม กลุ่มที่ลักพาตัวเพื่อนฉันไปไม่ใช่คนธรรมดา ไม่ใช่แค่เจ้าหน้าที่ทุจริตหรือให้ความร่วมมือกับแก๊งโจร พวกนั้นมีหุ่นพิฆาตในครอบครอง นั่นหมายความว่าพวกมันมีเทคโนโลยีไว้ต้านกองกำลัง ทหารมีจำนวนไม่พอ และทางการไม่อนุมัติกองกำลังเพิ่ม ถ้าอยากจะช่วยตัวประกัน พวกเราต้องช่วยพวกเขา ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ฉันรู้ เอาละ ที่นี่พวกนายก็ไปได้แล้ว” เด็กสาวเปิดบานประตูค้างไว้ให้พวกเขาเดินออกทว่าบลูไม่ขยับ ถ้าไม่นับสีหน้านิ่งเฉยและใบหน้าเปื้อนน้ำตาแล้ว เขาไม่เคยเห็นเธอแสดงอารมณ์อื่นจนวันนี้ “เธอควรบอกพวกเราตั้งแต่แรก”คิ้วได้รูปสองข้างขมวดเป็นปม “ทำไมฉันต้องบอกพวกนายเรื่องนี้”“เรื่องยาที่อยู่ในตัวเธอ” เขาชี้นิ้ว “บางทีเราอาจจะหาทางช่วยได้”อเล็กซิสส่ายหน้า “ไม่พูดออกไปก็ถือว่าช่วย ถ้าอย่างนั้น ฉันจะขอบคุณมาก ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ก
“บลู เราไม่ควรเข้ามาแบบนี้”ไม่สนใจเสียงริงโก้ เขาปีนข้ามระเบียงกำแพงบันไดหนีไฟแล้วกระโดดลงระเบียงห้องลูกบ้านรายหนึ่ง จากนั้นปีนข้ามไปอีกห้อง ไต่ไปตามทางชันขนาดคืบหนึ่งไม่กลัวตกเลยแม้แต่น้อย ทักษะโจรย่องเบายังอาย ในเมื่อการเข้าห้องลูกบ้านโดยพลการต้องได้รับเสียงโหวตอนุมัติจากหุ้นส่วนทั้งหก แต่เพราะยังไม่มีใครรู้เรื่องนี้นอกจากเขากับริงโก้ มิหนำซ้ำได้เห็นประกาศรับอาสาสมัครที่ทางการติดไว้เมื่อเช้า ดังนั้น บลูจำเป็นต้องรู้ว่าเด็กคนนี้ซ่อนอะไรไว้อีก และความอยากรู้เร่งให้เขาต้องค้นหาความจริงเดี๋ยวนี้“แม่งเอ๊ย ไอ้บลู ฟังบ้างสิวะ”เขาปีนข้ามถึงระเบียงห้องอเล็กซิสได้สำเร็จ ปากตะโกนบอก “แกไปรอหน้าห้อง” เพื่อนตัวโตส่ายหัวไม่เห็นด้วย แต่ใครเล่าจะรั้งคนอย่างบลูได้ เขายื่นมือเข้าไปในหน้าต่างที่เปิดค้างไว้ประมาณสิบเซนติเมตร ปลดล็อก จากนั้นเลื่อนบานขึ้นจนสุด เพียงแค่นี้ เขาก็ปีนเข้าห้องเด็กคนนั้นได้สบายห้องของอเล็กซิสค่อนข้างโล่ง เห็นแล้วสะอาดตาปนน่าสงสาร ข้าวของน้อยชิ้นวางไม่ค่อยเป็นระเบียบนัก แต่เพราะมันไม่เยอะจึงไม่รก บลูเห็นแล้วเข้าใจทันทีว่าเธอมีไว้ซุกหัวนอนมากกว่าเห็นเป็นบ้าน เพราะลักษณะการจั