บทที่11.ผีทะเล
ชลดามองเลยไปยังบ้านข้างๆ หลังเพื่อนสาวกลับไปกับภูมิแล้ว เธอเห็นเงาของสิ่งมีชีวิต เดินไป เดินมาในบ้านหลังนั้น บ้านที่เจ้าของบ้านไม่อยู่มาเกือบสามปี
“ผีเหรอ?” หญิงสาวคราง เธอไม่เชื่อเรื่องลึกลับ หรือโลกหลังความตาย
ชลดาเป็นสาวยุคใหม่ เชื่อในวิทยาศาสตร์ มากกว่ากฎแห่งกรรม
เธอเลยเดินไปใกล้ๆ รั้ว พอเงานั้นเดินผ่านหน้าไป หญิงสาวเลยลืมตัว ปีนรั้วเพื่อข้ามไปอีกฝั่ง เธอต้องรู้ให้ได้ว่าสิ่งที่เห็นคือสิ่งมีชีวิต หรือพลังงานลึกลับเหมือนที่หลายคนเชื่อ
“อุ้ย!!” ชลดาอุทาน เธอเดินโดยไม่มองทาง เพราะพยายามตามเงาดำๆ นั่นให้
มือแข็งแรงครอบครองเนินอกอวบ เขาเคล้นคลึงช้าๆ เรียกเสียงครางระรัวให้ดังขึ้นมา ชลดากระพือขนตาแรงๆ เธอสูดปากเบาๆ เมื่อปลายยอดอกถูกสะกิด หญิงสาวพยายามห้ามใจตนเอง สิ่งที่เกิดขึ้นไม่น่าจะใช่ความฝันแสนหวานแล้วแหละ รสสัมผัสนั่นเป็นของจริง และคนตัวใหญ่ที่กำลังเล้าโลมเธออยู่นี่... คือคนใจดำคนเดิมแน่นอน เธอรวบรวมแรงเฮือกสุดท้าย ตัดสินใจผลักไซม่อนจนเขากระเด็นห่างออกไป “เห้ย!!” ชายหนุ่มร้องอุทาน เขาหลุดออกมาจากภวังค์หวาม “ไปไกลๆ ฉันเลยนะ ไอ้คนบ้ากาม!!” ชลดากระถดตัวหนีไปนั่งชิดหัวเตียง มือเรียวเล็กสั่นระริก แต่ก็พยายามรวบชายเสื้อเข้าหากัน “ผ
กาแฟดำๆ พ่นใส่หน้าใครบางคนที่มายืนขวางทางไว้ ไซม่อนกระโจนหลบทัน เขาโวยวายเสียงลั่น “ต้อนรับกันแบบนี้เหรอชล...สกปรกชะมัด” หญิงสาวอ้าปากพะงาบๆ ยกมือชี้หน้าเขา แล้วก็ตามด้วยการกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ ‘ไม่นะ ไม่จริงหรอก เธอแค่ฝันไป’ ชลดาพยายามบอกกับตัวเองแบบนั้น แต่คนตรงหน้ามีชีวิต เขาเคลื่อนไหวได้ “ตกใจอะไร เราเจอกันตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะ” หญิงสาวผวา เธอเดินถอยหลังหนี แต่เมื่อนึกขึ้นได้ เธออยู่ในพื้นที่ของตัวเอง ต้องกลัวคนตรงหน้าทำไม เขาต่างหากที่กำลังล้ำเส้น “หลบไปนะ ฉันสายแล้ว”&n
บทที่12.เส้นทางสีกุหลาบ ชลดานั่งหน้าตึง ปรายตามองเพื่อนสนิทที่พลิกหนังสือแมกกาซีนในมือเป็นระวิง หญิงสาวขมวดคิ้ว ยกมือขยี้ตา พร้อมกับกะพริบเปลือกตาปริบๆ ในมือของหวานตาคือหนังสือรวมชุดแต่งงานที่เธอได้มาจากเพื่อนอีกทีหนึ่ง “หวาน แกดูอะไรน่ะ?” หนังสือเล่มนั้นถูกโยนไว้บนโต๊ะ หวานตาเอนตัวพิงพนักโซฟา เงยหน้ายิ้มแหยๆ ให้เพื่อน “เปล๊า!!” หญิงสาวตอบเสียงสูง เสหลบตาเมื่อชลดาส่งสายตาคาดคั้นมา “มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อคืนไหม?” ชลดาถามซ้ำ&nbs
หวานตาเริ่มยอมรับความจริง เธอพยายามสงบใจ เมื่อไม่มีทางแก้ไข ก็คงต้องเดินหน้าต่อ “ช่วยฉันเลือกแบบชุดเจ้าสาวหน่อยสิ ไหนๆ ฉันก็เลี่ยงไม่ได้แล้ว วันนั้นฉันต้องสวย” “แกยอมรับมาเถอะหวาน แกก็ดีใจใช่ไหมล่ะ ที่ได้แต่งงานกับคุณภูมิ” หากเป็นคนอื่นถาม คำตอบย่อมไม่ใช่แบบเดียวกับที่ตอบชลดา แต่นี่คือเพื่อนผู้หญิงคนเดียวที่รู้ไส้ รู้พุงเธอทุกขด โกหกไปก็เปล่าประโยชน์ “ใช่” “ว้ายๆ ในที่สุดก็ยอมรับ ว่าแต่... แกกับคุณภูมิมีซัมติงกันจริงๆ เหรอ?” ชลดาไม่วายซอกแซกถาม “บอกตรงๆ นะชล ฉันจำอะไรไม่ได้เลย” หวานตาตอบเสียงอ่อย “ทำไมล่ะ?” ชลดาไม่วายสงสัย เป็นไปได้เหรอที่หว
“โชคดีมากเลยเนอะชล มีโต๊ะว่างพอดี ออฟฟิตแกจะได้ไม่ถูกปลาร้าถล่ม” หวานตาหัวเราะคิกคัก ความเครียดกระเด็นหายไปจากใจ เมื่อมีของอร่อยๆ อยู่ตรงหน้า “แกสั่งเลยนะหวาน ฉันเดินไปซื้อกาแฟตรงนั้นก่อน แกเอาอะไรล่ะ” “กาแฟเย็น” หวานตาตอบ รีบจดเมนูโปรดยื่นให้แม่ค้า แล้วจึงเดินเลยไปนั่งที่โต๊ะว่าง พอได้ที่นั่งแล้ว หวานตาเลยมีเวลากวาดตามองไปรอบๆ เธอแทบจะเปลี่ยนใจไม่กินอาหารมื้อเที่ยงเสียเลย เมื่อสายตาเลยไปกระทบกับใครบางคน คนที่เธอไม่มีทางลืมหน้า ผู้ชายที่เคยเป็นแฟนชลดานั่นเอง ไซม่อนนั่งยิ้มแผล่ เขานั่งถัดไปจากโต๊ะเธอ สองถึงสามโต๊ะ มีทรงยศกับผู้หญิงสาวๆ สอง สามคนนั่งอยู่ด้วย “สวัสดีหวานตา”
ประเทศไทยในเมืองใหญ่ ยิ่งเป็นเมืองศูนย์กลางธุรกิจด้วยแล้ว รถยนต์แน่นเต็มถนนทุกเวลา ไหนจะรถโดยสาร รถขนส่ง หากยังไม่ควบคุมให้เข้มงวดเรื่องท่อไอเสียควันดำ เจ้าหน้าที่ไม่หยุดหาประโยชน์จากการคอรัปชั่น อนาคตประชาชนคงได้หาอุปกรณ์ปิดปาก ปิดจมูกมาสวมทุกคนเพื่อกรองฝุ่นที่กระจายอยู่ในชั้นบรรยากาศ “แต่ผู้ชายหล่อๆ ก็ช่วยให้บรรยกาศแย่ๆ ดีขึ้นได้นะหวาน” ชลดาเอียงตัวกระแทกหัวไหล่หวานตา ภูมิเดินเข้ามาหา เขาโบกมือให้คนที่เดินตามหลังหวานตามา “สวัสดีครับ” หวานตากับชลดาเอี้ยวตัวหันกลับไปมองด้านหลังพร้อมกัน ชลดาคอแข็งหันหน้ากลับมาแทบไม่ทัน เมื่อคนที่เธอบอกทุกคนว่าเกลียด เดินตามมาห่างๆ “ภูมิรู้จักผู้ชายคนนั้นด้วยเหรอ?”&nbs
หวานตาตวัดตาใส่ชายหนุ่ม มุมปากอิ่มกดลึก สีหน้าเคร่งขึ้นมาทันที “นั่งก่อนค่ะ คงต้องคุยกันยาว แม้จริงๆ แล้วหวานไม่อยากจะคุยกับเขาเลย” หวานตาพูดเสียงแข็ง “ไซม่อนเป็นเพื่อนรุ่นพี่ของผมเองครับ” ชายหนุ่มพยายามรอมชอม เขาแนะนำหวานตาให้รู้จักกับนักข่าวสายอาชยากรรม “เคยรู้จักกันแล้วค่ะ และตอนนี้แม้ไม่อยากรู้จักเลย ก็ต้องทน” คำตอบของหวานตาชลดาหัวเราะดังพรืด ไซม่อนยิ้มไม่ได้แย้งอะไร พอๆ กับภูมิที่สีหน้าไม่เปลี่ยน หนุ่มวัยสามสิบกว่ามองเลยไปยังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ เขาสบตากับนางพญาที่นั่งอยู่หลังคอมพิวเตอร์ ชลดาเบ้ปากให้ เธอเกือบแลบลิ้นให้เขาด้วย ดีทว
ไซม่อนเริ่มระวังตัว สองสาวนี่แสบพอๆ กัน การที่หวานตากุลีกุจอออกตัวเองแบบนี้ ไม่น่าจะใช่เพราะตัดรำคาญหรือหวังดี มันต้องมีอะไรแน่ๆ “ระวังล่ะ” ภูมิขยับปากแบบไม่ออกเสียง “อืมม” ไซม่อนครางรับ เขาแสร้งทำเป็นฉวยแล็ปท็อปของหวานตาขึ้นมาดู ชำเลืองมองหญิงสาวผู้นั้น ที่กำลังทำอะไรอยู่หน้าตู้เย็น หวานตาชั่งใจระหว่างใส่เกลือลงไปในแก้วน้ำหวาน หรือจะเทซีอิ้วดำใส่ลงไปดี แต่นั่นมันมุขเดิมๆ ของผู้หญิงที่คิดจะแก้เผ็ดผู้ชาย ระดับหวานตาลงมือเองทั้งที มันต้องเด็ดดวงให้โลกจำสิ หญิงสาวกวาดตามองหาอุปกรณ์ที่จะทำให้โลกจารึก วีรกรรมครั้งนี้จะถูกกระตุ้นขึ้นมา หากชายผู้นั้นทำให้เพื่อนของเธอเจ็บปวดอีกครั้ง
หญิงสาวชะโงกหน้าเข้าไปมองด้านใน เศษซากขวดเหล้าเปล่าหล่นเกลื่อน ไม่เหมือนกับที่เธอสร้างภาพไว้ในใจ พื้นห้องระเกะระกะไปด้วยขยะและเศษบุหรี่ เธอเงยหน้ามองหมายเลขห้องซ้ำอีกครั้ง คนระเบียบจัดและไม่สูบบุหรี่อย่างภูมิ พอเปลี่ยนที่ เขาเปลี่ยนไปขนาดนี้เชียวเหรอ “ไม่หรอกน่า...” หวานตาพึมพำพยายามคิดในแง่ดี เธอชะเง้อมองเข้าไปด้านในอีกครั้ง เริ่มไม่แน่ใจว่าตัวองตัดสินใจผิดหรือเปล่า... สายตาหวานตาสะดุดเข้ากับกระโปรงผ้าสีหวาน มันกองอยู่ที่พื้น ด้านข้างมีชั้นในผู้หญิงหล่นอยู่ใกล้ๆ หวานตากำมือแน่น กัดริมฝีปากล่างจนชา เธอสูดลมหายใจลึกๆ หมุนตัวเดินหนี เธอไม่ควรมาเพื่อรับรู้อีกด้านหนึ่งของภูมิเลย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่หวานตาคิดว่าตัวเองตัดสินใจพลาด เธอควรรอให้เขากลับไป ไม่ใช่วิ่งโร่มาเจอความจริงที่น่ากลัว หวานตาหยุดเดิน เธอไม่เคยวิ่งหนีปัญหานี่นา ห
ไหนๆ ก็คันปากอยากหาเรื่องกัดใครสักคนแล้ว ไซม่อนนี่น่าจะเหมาะสุดสำหรับการลับฝีปากของเธอ ชลดาหัวเราะกิ๊ก “ไหมล่ะ พูดอะไรไม่พ้นตัวเอง ดีนะที่ชลขอดูผลตรวจเลือดก่อนแต่งงาน ไม่งั้นชลคงระแวงตัวเองจนตาย ชลกลัวเป็นเอดส์ค่ะ” “หวังว่าธามโตมาจะไม่ปากเสียเหมือนพ่อหรอกนะ” หลานชายของเธอจะต้องไม่สืบสานสันดานจากบิดาแย่ๆ อย่างไซม่อน หวานตาพยายามสอนให้ธามมองเห็นความไม่ดีในตัวบิดา ซึ่งหลานชายไม่ค่อยคล้อยตามเท่าไหร่ ธามติดพ่อมากกว่าแม่ คงเพราะไซม่อนมีเวลาดูแลลูกมากกว่าชลดานั่นเอง เขาเป็นตัวตั้งตัวตีในการเลี้ยงบุตรชายเกือบทั้งหมดนี่ รายละเอียดเกี่ยวกับหอพักทวีทรัพย์รับหน้าที่จัดหามาให้ บิดายัดใส่มือก่อนขึ้นเครื่องไม่กี่นาที ตอนแรกหวานตาก็หวั่นๆ เธอจะต้องมาคลำหาทางเอาเองที่ลอนดอนเสียก็ไม่รู้ พอได้ที่อยู่ภูมิมาเลยโล่งใจไปหนึ่งเปราะ อย่างน้อยก็ช่วยร่นระยะเวลาในการเจอหน้าภูมิ
“คุณภูมิกินแต่อาหารจืดๆ เลยไม่รู้ว่าบนโลกใบนี้มีอาหารรสอื่นที่อร่อยมากกว่าสิ่งที่คุณเคยลิ้มรสมาค่ะ” “ผมเป็นคนรักสุขภาพครับ อะไรที่ก่อผลร้ายกับตัวเอง ผมเลยไม่อยากเอาตัวเข้าไปเสี่ยง” “คุณกำลังบอกโรซี่เหรอคะ เรื่องบางเรื่องก็ไม่ได้น่ากลัวหรอกค่ะ ลองสักครั้งแล้วคุณจะติดใจ” “ผมไม่ชอบลองอะไรที่ไม่มีประโยชน์ครับ เสียพลังงานเปล่าๆ แต่ไม่ได้คุณค่าอะไรกลับมาเลย” แค่นี้คงทำให้โรสิตาสำนึกได้บ้าง ในฐานะเพื่อนมนุษย์เขาก็ไม่อยากทำลายน้ำใจหล่อนมากนัก แต่ภูมิไม่รู้ มนุษย์บางคนก็ดื้อด้านเกินกว่าที่จะขุดรากที่หยั่งลึกได้ เหมือนโรสิตา หล่อนถลำลงไปในวังวนที่อยากไถ่ถอนตัวเองคืน คำปรามาสของภูมิเลยก่อให้เกิดความไม่พอใจ และหล่อนจะไม่มีวันถอย จนกว่าจะสยบภูมิให้ศิโรราบได้&nbs
มันเป็นเรื่องน่ารำคาญสำหรับภูมิ แต่กลับเป็นเรื่องน่าสนุกของคนรอบตัว ภูมิรู้มีสายตาหลายคู่คอยสอดส่อง และรอดูบทสรุปเรื่องวุ่นวายในชีวิตเขา มีทั้งคนชื่นชมที่เขายึดมั่นในตัวเอง จนไม่หวั่นไหวไปกับสิ่งลวงล่อที่โรสิตาพยายามสร้าง ชายหนุ่มถอนหายใจ หยุดปั่นจักรยาน เขาเหวี่ยงปลายเท้าลงยืนบนพื้น อิงจักรยานไว้กับพนักเก้าอี้เหล็กที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ “คิดถึงหวานจัง” เสียงพึมพำแผ่วหวิวปนเปไปด้วยความคิดถึง เวลาต่างกันหากเช้าที่ลอนดอน ที่ประเทศไทยคงดึกเอาการ หลายครั้งที่ภูมิห้ามใจตัวเองไว้ ไม่ติดต่อหาหวานตานอกจากเวลาที่กำหนด เขาอยากเห็นหน้า อยากได้ยินเสียง และก็เริ่มเห็นด้วยกับความคิดหวานตา ทั้งเขาและเธอต้องอดทน การจากกันครั้งนี้แค่ชั่วคราว ไม่ใช่ตลอดไป หากจะมีคนตะบะแตก ไม่หวานตาก็เขา
ริมฝีปากล่างถูกกัด มือหมุนปากกาในมือไปมา เรื่องนี้เธอควรมีตัวช่วย หากเก็บเงียบไว้แบบนี้คงอกระเบิดตาย ก่อนที่ภูมิจะกลับมา...เช้าวันใหม่... หวานตาแบกหน้าตาโทรมๆ ของตัวเองไปหาชลดาถึงบ้าน ชลดากับไซม่อนกำลังยุ่งกับการเลี้ยงบุตรชายวัยสามเดือนที่กำลังซนได้ที่ ขนาดเคลื่อนไหวเองไม่ได้ก็ส่งเสียงเจื้อยแจ้วลั่นบ้าน พ่อแม่มือใหม่ที่กำลังหลงลูกชายเลยพากันหยุดงานเลี้ยงลูก หวานตาเพิ่งรู้ไซม่อนไม่ใช่นักข่าวกระจอกๆ เขามีเงินเก็บจากการเทรดหุ้น ไม่ทำงานสักสองสามปียังได้ นับว่าชลดาตาแหลม ได้สามีเงินถุงเงินถังไว้ดูแล ไซม่อนเลิกอาชีพเป็นนักข่าวแล้ว เขาเขียนบทความให้สำนักข่าวของเพื่อนสนิทเขาแทน มีรายได้พอเลี้ยงตัวได้ ไซม่อนเลยกลายเป็นพ่อที่เลี้ยงลูกชายเต็มตัว คงเพราะชลดาไม่สามารถวางมือจากการเป็นบรรณาธิการหนังสือแฟชั่นได้นั่นเอง ชลดาเลยเป็นฝ่ายที่ต้องออกไปทำงานนอกบ้าน แต่เพราะหลงลูก หมู
สะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก ถูกยื่นมาให้ภูมิคว้าเอาไว้ ชายหนุ่มแสร้งทำเป็นไม่รู้ เขาส่ายหน้าปฏิเสธอีกครั้ง “ทำไมคะ คุณไม่ชอบฉันเหรอ” ธรรมดาการปฏิเสธแบบสุภาพ จะทำให้ผู้หญิงมียางอายยอมถอย แต่สำหรับโรซี่แล้ว เธอเลยขีดจำกัดแบบนั้น เธอใช้ชีวิตในต่างแดนเกินหกปี ผ่านผู้ชายมานับไม่ถ้วน ไม่เคยสะดุดตาใครเท่าผู้ชายตรงหน้า เขาดูละมุนน่าครอบครองจนห้ามใจไม่ได้เลย ภูมิแอบผ่อนลมหายใจ เขายอมให้โรสิตาเดินข้ามเส้นแบ่งที่ตัวเองกำหนดไว้ เพราะคิดว่าคุยภาษาเดียวกันแล้วจะรู้เรื่อง เขาแน่ใจว่าโรซสิตารู้ เขาไม่ใช่ผู้ชายโสด ถึงจะยังไม่แต่งงาน แต่ภูมิแน่ใจตัวเอง เขาไม่มีทางเปลี่ยนใจไปจากหวานตาแน่ๆ “คุณกับผมมาจากถิ่นเดียวกัน ทำไมผมจะไม่ชอบคุณล่ะ” “มากกว่าชอบได้ไหมคะ โรซี่ไม่ถือ” โรสิตากระแซะต่อ
“ยัยชล แกจะแต่งงานเหรอ...เมื่อไหร่ล่ะ หมอนั่นยอมแล้วใช่ไหม?” หวานตาถามเสียงสั่น กลั้นยิ้มจนปวดแก้ม ชลดาตวัดสายตามองผ่าน ผิวแก้มร้อนวูบวาบ “เร็วๆ นี้แหละ เอาฤกษ์สะดวกนะ ฉันกับไซม่อนไม่มีญาติผู้ใหญ่แล้วทั้งคู่นี่” “ว้าว...ดีแล้วล่ะ หวานก็ไม่ชอบนักหรอก หมอนั่นกินตับแกหลายครั้งแล้ว อย่าคิดนะว่าหวานไม่รู้” หวานตากระเซ้า จนชลดาตาโต “ยัยหวาน” “ทำไม หวานไม่ใช่เด็ก ไม่มีประสบการณ์ก็จริง แต่หวานพอมองออกย่ะ หมอนั่นมองแกเหมือนขนมหวาน แบบนั้นมีหรือจะปล่อยให้แกครองจิ้นถึงวันแต่งงาน” “พอเลยๆ เลอะเทอะ” “หวานไม่ได้เลอะเทอะ ถามใครในออฟฟิตแกก็ได้ โธ่ๆ อย่าให้ห
บทพิเศษเติมความหวาน การแต่งงานไม่ใช่จุดสิ้นสุดของคนสองคนที่รักกันมากๆ งานวิวาห์คือบททดสอบเบื้องต้นของชีวิตคู่ จุดเริ่มของนิยามความรักที่ไม่มีข้อจำกัด ภูมิกับหวานตาได้แต่หวังให้เขาและเธอยังจับมือกันเช่นนี้ต่อไปในอนาคต โดยไม่มีอุปสรรคมาทำลายความรักของเขาทั้งสองคนลงได้ “ภูมิยกเลิกไปเรียนต่อแล้วเหรอคะ ทำไมล่ะ?” หวานตาถามเสียงหลง เธอรู้สึกแปลกใจนิดๆ ภูมิไม่ใช่คนเหลาะแหละ เขาไม่มีทางเปลี่ยนใจหากตัดสินใจอะไรไปแล้ว และเรื่องเรียนเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ในอนาคตภูมิต้องใช้วิชาความรู้ทั้งหมดเพื่อดูแลกิจการของเขา ภูมิย่นปลายจมูก ก้มหน้าหลบสายตาแฟนสาวหมาดๆ “...” “หวานต้องการเหตุผลค่ะ ภูมิไม่ตอบหวานไม่ได้นะคะ&
“จะถามทำไม ไม่เยอะเท่าที่แกถูกหมอนั่นจูบหรอก” หวานตาตอบเสียงแข็ง รีบชิ่งหนี ด้วยการกดวางสาย “ร้อนตัวนะยะหล่อน รีบวางสายหนีเลย” ชลดาบ่นพึมพำ เธอมองหาไซม่อน และ “คุณๆ พรุ่งนี้ไปโรงพยาบาลกันนะ” ไซม่อนเลกหัวคิ้วขึ้นสูง เขาละสายตาจากการแต่งภาพ เงยหน้ามองแม่สาวข้างบ้าน ที่ยืนท้าวเอวอยู่หน้าโต๊ะทำงาน “ไปทำไม ไม่สบายเหรอ?” “เปล่า...” “อ้าว แล้วจะไปทำไม?” “จะพาคุณไปตรวจเลือด ยัยหวานโทร. มาบอกชลเมื่อซักครู่ ชลเห็นด้วย ดีกว่ามาเสียใจทีหลัง คุณยิ่งมั่วๆ อยู่แล้วด้วย”