ผมรีบหันมาสนใจคนไข้ต่อ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว ตอนนี้อาจารย์หมอ ท่านก็ยังไม่กลับเข้ามา จนผมผ่าตัดคนไข้เสร็จและส่งให้พยาบาลจัดการต่อ “เรียบร้อยนะ หมอนาวา” “ครับอาจารย์” พอผมออกจากห้องผ่าตัด แล้วถอดชุดปลอดเชื้อดูนาฬิกาทันที ถ้าให้นับ ก็สองชั่วโมงกว่า ที่อาจารย์หมอหายไป ผมไม่อยากก้าวก่ายว่าท่านออกไปทำอะไร แต่ผมสงสัย... คราบเครื่องสำอางที่อยู่บนเสื้อกาวน์ท่าน อาจารย์คงไม่ได้แอบไปแต่งหน้ามาหรอกนะ เพราะมันเป็นคราบที่ผมเจอประจำ เวลาที่ปลายฟ้า เธอเอาแก้มป่อง ๆ นั้นมาถู พออาจารย์หมอท่านเห็นว่าผมมอง ท่านก็ถอดเสื้อกาวน์นั้นออก แล้วเปลี่ยนตัวใหม่ในล็อคเกอร์ทันที “อาจารย์ครับ...” “หืม ว่าไงหมอนาวา ผ่าตัดราบรื่นไหม?” ผมพยักหน้า แล้วเดินเข้าไปหาท่าน ก่อนจะตัดสินใจหยิบโทรศัพท์มือถือในล็อคเกอร์ เปิดรูปแม่ปลายฟ้าส่งให้ท่านดู และอาจารย์หมอท่านก็รับโทรศัพท์ผมไปถือ ก่อนจะเลื่อนนิ้วซูมดูรูปนั้นใกล้ ๆ “รู้จักไหมครับ...” อาจารย์ดูรูปนั้นแล้วนิ่งไป ท่านไม่ตอบคำถามผม เอาแต่เลื่อนดูรู
ฉันถอดเนคไทออก แล้วโยนมันลงพื้น จนสายตานิ่ง ๆ คู่นั้นของเขา มองลงไปตาม “น่าสงสารจัง ไม่เอาดีกว่า เบบี๋ไปอาบน้ำเถอะ” คิ้วคู่สวย ขมวดกันแทบจะเป็นโบว์ ทำฉันเห็นแล้วอดยิ้มตามไม่ได้ คุณหมอศัลเขาคงสงสัยล่ะ ว่าทำไมฉันเปลี่ยนใจเร็วขนาดนี้ “แน่ใจนะ” ฉันอมยิ้มแล้วพยักหน้ายืนยันอีกครั้ง “อื้อ แน่ใจสิ” แต่ดูเขา ยังไม่ค่อยเชื่อฉัน ยังยืนมองอยู่แบบนั้นไม่ยอมไปไหน “แล้วอ้วน จะไปซื้อกินรึป่าว?” ตายจริง! นี่คิดว่าฉันจะไปซื้อกินจริงเหรอ? ฉันแค่พูดเล่นเองนะ ใครจะไปกล้าทำแบบนั้น! “บ้า! เบบี๋คนเดียวก็พอละ” เขามองหน้าฉัน แล้วปัดผมหน้าม้าบาง ๆ ฉันขึ้น ก่อนที่จะโน้มลงมาประทับริมฝีปากนุ่ม ๆ ลงที่หน้าผาก “เป็นเด็กดีนะ ประจำเดือนมา แสดงว่า... ยาคุมหมดแล้ว อ้วนยังจะกินต่อรึป่าว?” “กินสิ” “อ้วน...” เขาถอนหายใจเสียงดัง แล้วหันหน้าไปทางอื่น “เค้าขออีกเดือนนะเบบี๋ ขอทำใจก่อน” แล้วคุณหมอศัล เขาก็พยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะเดินเลี่ยงฉัน เข้าห้องนอนไป บอกตามตรง ถ้าเขาจะโกรธเรื่อ
ใจผมเหมือนหยุดเต้น เมื่อปลายฟ้าถามอาจารย์ผมไปแบบนั้น ผมว่าแล้ว! ต้องสงสัยแน่! “ไม่ลองถาม แม่หนูดูล่ะ ว่ารู้จักผมรึป่าว” ปลายฟ้าเม้มปากแน่น ผมพอจะเดาออก ว่าเธอห่วงความรู้สึกแม่ตัวเองแค่ไหน จนมือเล็ก ๆ นั้นขยับมาบีบมือผมไว้ “เอ่อ... แม่คงไม่บอกหรอกค่ะ แม่ค่อนข้างอคติกับหมอ” อาจารย์ขมวดคิ้ว มองปลายฟ้าอย่างสงสัย เป็นใคร ใครก็สงสัย เพราะที่เธอบอกอยู่นี่ก็หมอ ผมก็หมอ! “ทำไม? บอกผมได้ไหม?” จากที่ยิ้มแย้ม ตอนนี้อาจารย์ผม สีหน้าไม่ค่อยสู้ดี ปลายฟ้าเอง เธอก็เริ่มไม่แน่ใจ มองผมสลับกับอาจารย์อ้ำอึ้งอยู่สักพัก จนเธอหันมาเรียกผมเบา ๆ “เบบี๋...” นั่นไง อึดอัดแล้วสินะ “เรื่องนี้ปลายฟ้าไม่รู้หรอกครับ แม่เธอไม่ได้บอก” อาจารย์หมอพยักหน้าเบา ๆ แล้วหันมามองผมแทน “งั้น แบบนี้ คุณก็งานยากสิหมอนาวา” “ครับ ไม่ใช่ปัญหาหรอก” ปลายฟ้าหันมามองผมทันที แต่ผมไม่สนใจหรอก เพราะตอนนี้ผมโฟกัสเรื่องอาจารย์หมอกับเธอมากกว่า “ใจสู้นะเรา เอ้อ... วันนั้นที่หนูถามอาการยาย ไม่ต้องเ
ผมยกนาฬิกาข้อมือมือดูเวลา แล้วพยักหน้าเบา ๆ “ครับ ถ้าอาจารย์ไม่ได้ตั้งใจ อย่าโทษตัวเองดีกว่า” อาจารย์ส่ายหน้า แล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง ท่านคงไม่อยากให้ผมเห็น ว่าท่านกำลังอ่อนแอแค่ไหน แค่ผมเห็นไหล่ ที่สั่นระริกนั้น ก็พอจะเดาได้ ว่าอาจารย์ กำลังร้องไห้อยู่ “ผมตั้งใจ และมันเป็นความตั้งใจที่ผิดมหันต์” ผมเงียบทันที ไม่กล้าพูดอะไรอีกแล้ว ได้แต่รับฟังท่าน และถอนหายใจออกมาพร้อม ๆ กัน “วันนั้น ผมเรียนวิชาเสรีกลับมา ผมเห็นแฟนตัวเอง มีอะไรกับผู้ชายคนอื่นที่ห้องผม” “และ... ฮึก! ผู้ชายพวกนั้นเป็นเพื่อนสนิท เป็นนักเรียนหมอเหมือนผม” ผมแสบจมูกขึ้นมาทันที ใจก็อยากหันไปถามอาจารย์ ว่าเรื่องนี้ มันเรื่องเหี้-ย อะไรวะ! “ผมพูดไม่ออก จะร้องไห้ จะวิ่งไปต่อยเพื่อนตัวเองก็ก้าวขาไม่ไหว ได้แต่ยืนมอง มองเธอนอนหลับ เปลือยเปล่ากับเพื่อนผมทั้งสามคน” ผมหลับตาลงแล้วถอนหายใจเสียงดัง ผมเริ่มรู้สึก ไม่อยากฟังมันแล้ว ขนาดผมเป็นคนอื่น ผมยังรับมันไม่ไหวเลย! “ตอนนั้น ผมจึงเลือกเดินออกมา ผ
ผมกับอาจารย์กลับมาเข้าเวรอีกครั้งด้วยสภาพจิตใจห่อเหี่ยวมาก แต่คนที่หนักสุดคงจะเป็นอาจารย์ “อาจารย์ไหวรึป่าวครับ” เมื่อผมเห็น ว่าท่านเริ่มจะไม่ไหว ก็รีบเดินไปถามทันที เคสนี้เป็นเคสเล็ก ๆ ผมกับพยาบาลผ่าได้อยู่แล้ว “ไม่เป็นไร ผมอยากทำงาน จะได้ลืม” อาจารย์พูดเสียงเบาภายใต้มาสก์ปิดปาก ทำผมเผลอมองตามสายตาอาจารย์ ที่ตอนนี้กำลังจ้องไปที่แผลที่เปิดของผู้ป่วย “ครับ” จบการผ่าตัดที่ไม่มีการพูดคุยใด ๆ นอกจากเรื่องงาน ผมก็ขับรถกลับบ้านทันที และตอนนี้ ผมเหมือนซึมซับความเจ็บปวดของอาจารย์กลับมาด้วย เพราะทุกอย่างมันดูแย่ไปหมด ผมไม่มีแรงเดิน ผมเหนื่อย ผมอึดอัด จนผมไม่รู้จะทำยังไงกับตัวเองดี “นาวา... ถือถุงอะไรมาลูก วันนี้นอนบ้านเหรอ?” ผมวางถุงน้ำมะพร้าวบนโต๊ะหน้าโซฟา ก่อนที่จะทิ้งร่างกายที่เหนื่อยล้านั่งอย่างอ่อนแรง “ป่าวครับ พ่อให้เอาของมาให้” “ไหนดูสิ โอ้โห... หมอนายนี่รู้ใจจริง ๆ” ผมหันไปมองแม่ ที่ยกถุงน้ำมะพร้าวขึ้นดู แล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ อืม... ครอบครัวผมสุขสันต์จริง ๆ ผมไม่เคยเห็
แล้วปลายฟ้าเธอก็เดินกลับมาขึ้นเตียง ก่อนที่จะซบอกผมและกอดผมแน่น ช่วงเวลาที่เธอนอนข้าง ๆ นี่ล่ะ ผมต้องหาโอกาส! “ฝันดีอ้วน” “ฝันดีเบบี๋” พอเธอบอกฝันดีผม ไม่นานผมก็หลับไป กว่าผมจะรู้สึกตัวอีกทีก็รุ่งเช้า และเห็นปลายฟ้าเธอขยับตัวยุกยิกเข้ามากระชับกอดผม ผมจึงใช้มือสาง และค่อย ๆ ลูบผมเธอเบา ๆ จนเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนเส้นยาวนั้น มันติดหว่างนิ้วผมออกมา พอได้สิ่งที่ต้องการ ผมก็ค่อย ๆ ดันตัวลุกขึ้น ก่อนที่จะกำเส้นผมของปลายฟ้า ไปใส่ถุงซิบไว้ ตามจริง ผมไม่อยากทำแบบนี้หรอก แต่มันจำเป็น การที่ผมแอบขโมยเส้นผมใครไปตรวจ DNA แบบนี้ มันผิดจรรยาบรรณแพทย์ แต่มาถึงขนาดนี้แล้ว ก็ช่างแม่งเถอะ! ผมมองปลายฟ้าที่หลับพริ้มบนเตียงแล้วเดินไปหอมแก้มป่อง ๆ เธอฟอดใหญ่ ที่ผมทำทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพื่อใคร เพื่อเธอทั้งนั้น... ยัยอ้วนผู้สงสาร... เธอต้องรักแม่เธอมาก ๆ นะ ดวงอาทิตย์ขึ้น ผมก็รีบออกจากคอนโดไปเข้าเวรทันที ที่รีบนี้ไม่ใช่อะไร ผมกลัวปลายฟ้าเธอจะตื่น แล้วมาเจอผมตัวเองในถุงซ
เมื่อเช้าตื่นมา ฉันก็รีบเก็บเส้นผม เก็บทุกอย่างทันที เพราะตอนนี้ฉันสงสัยนาวามาก ยิ่งได้ยินคำพูดอาจารย์ ฉันยิ่งคิดมากไปอีก เพราะอาจารย์พูดแปลก ๆ พูดเหมือน มีความหลัง และสายตาก็ดูมีอะไรบางอย่าง ยิ่งเวลาพูดถึงแม่ฉัน สายตาอาจารย์ ยิ่งชัดเจน ฉันจะทำยังไงดี... วันนี้ทั้งวันฉันไม่มีสมาธิเลย ไออุ่นก็โทรมาระบายเรื่องที่ทำงาน ไทม์ก็โทรมาตื้อฉันให้ช่วยตามจีบน้ำปั่น โอ้ยชีวิต! “เจ๊... เจ๊ถอนหายใจกี่รอบรู้ป่ะ” ฉันหมุนเก้ากี้หลบใบไม้ พยายามหันไปมองนอกหน้าต่าง แล้วนั่งถอนหายใจคนเดียว “เพื่อนก็ปัญหาเยอะ ฉันก็ปัญหาเยอะ ปวดหัวว่ะแก” ใบไม้เอามือท้าวคางและมองฉันเซ็ง ๆ “เจ๊เลือกปัญหาตัวเองก่อนดิ ทีละเรื่อง” “เฮ้อก็ว่างั้น เออ ยายเป็นไงบ้างใบ” “ก็ดีขึ้นนะ เมื่อวานอาบีมโทรมา เจ๊บอกอาบีมเหรอว่ายายไม่สบาย” ฉันพยักหน้าเบา ๆ แต่สายตายังมองออกไปนอกหน้าต่าง “ทำไม?” “ไม่ทำไม เมื่อเช้าตื่นมาหนูก็เห็นอาบีมนั่งคุยกับยายแล้ว” ฉันหันควับไปมองใบไม้ทันที แม่ฉันกลับกรุงเทพเหรอเนี่ย? ทำไมไม
ฉันจะทำยังไงดี จะทำยังไงดี! มันหมายถึงฉันรึป่าว ฉันแน่ ๆ เพราะไอ้ซินน์ไม่ใช่แน่นอน ไออุ่นยิ่งไม่ใช่ไปใหญ่ มันเกลียดเวียร์จะตาย หรือมันจะไปแอบกินกับใคร? ฮือ~ ทำไมชีวิตฉันมันวุ่นวายแบบนี้! “อ้วน กลับเถอะ” ขณะที่ฉันเดินไปมา คิดเยอะอยู่นาน นาวาเขาก็เดินมาสะกิดไหล่ฉัน จนฉันต้องรีบหันกลับมามองซ้ายมองขวา แล้วดึงเขามาที่รถ “เบบี๋ขึ้นรถ มีเรื่องจะคุยด้วย” “ไปด้วยกันเหรอ” ฉันชี้ไปที่รถเขา และรีบขึ้นไปทันที เพราะแม่กลับแล้ว ยายคงไม่ว่าอะไรหรอก พอนาวาเขาตามขึ้นมาแล้วสตาร์ทรถ ฉันก็หันข้อความในไลน์ ให้เขาดูทันที NamPun: กูสัมผัสได้ ว่ามีคนแอบกินกัน “ฉิบหาย” “เรารึป่าว ถ้าไม่ใช่เราจะเป็นใคร ถ้าเค้าโดนน้ำปั่นเค้น เค้าจนมุมแน่” เขาถอนหายใจ แล้วเริ่มออกรถ “เฮ้อ... ยัยนั่นลูกหลงชัด ๆ” “ห้ะ คืออะไร” “ช่างเถอะ ไม่ต้องคิดมาก ช่างมัน” บอกฉันแค่นั้นคุณหมอศัลเขาก็เงียบไปเลย ฉันจึงเปลี่ยนใจโทรหาแม่แทน แต่โทรเท่าไหร่ แม่ก็ไม่รับ
“พ่อครับ ผู้หญิงที่ผมคบด้วยเอาแต่ใจมาก ผมจะเลิกแล้วล่ะ ปวดหัว” ผมหันมองลูกชายที่นั่งเบาะข้างแวบนึง ลูกชายอายุสิบสี่ จะมีแฟนก็ไม่แปลก แต่ที่แปลกคือเปลี่ยนบ่อยเหลือเกิน แล้วแต่ละคนที่เลิกก็จะมาปรึกษาผมแบบนี้ กับแม่เขาไม่ปรึกษาหรอก เพราะปลายฟ้าจะบอกแค่ว่าให้ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ คุย แต่ผมไม่... “อืม ก็เลิกสิ ถ้าปวดหัวก็เลิก อย่าให้กระทบการเรียน” ลูกชายเม้มปากแล้วพยักหน้าอย่างมั่นใจ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ไอโฟนรุ่นใหม่ออกมาจากกระเป๋ากางเกงนักเรียน ลูกไฮโซออกรุ่นไหนก็จัดรุ่นนั้น ฝีมือแม่เขา นั่นแหละ ชอบสอนให้ลูกฟุ่มเฟือย ซึ่งผมเตือนแล้วเตือนอีกเพราะอดห่วงตอนส่งไปเรียนอังกฤษไม่ได้ ถ้าลูกใช้เงินไม่คิดแบบนี้ ผมกับเมียได้กินแกลบกินเกลือแน่ “พี่ณเพชรจะเลิกกับผู้หญิงอีกแล้วอ่ะ ณพิม มาดูเร็ว ๆ” สองแสบรีบเกาะเบาะ ยื่นหน้ามาดูจอโทรศัพท์กับพี่ชาย แต่ณเพชรรีบเก็บใส่กระเป๋าไว้แล้วเบือนหน้าหนี “เอ้า ทำไมเก็บแล้วล่ะคะ ปรึกษาได้นะ ณพิมก็ผู้หญิง” ณพิมยังใจจดใจจ่ออยากดูโทรศัพท์ แต่ณพลอยเธอมีเป้าหมายใหม่ ลุกขึ้นเกาะเบาะผม ก่อนจะยื่นแขนเล็ก ๆ ขอ
สิบปีผ่านไป... “ณภัทร ณเพชร กลับได้แล้ว” ไม่อยากจะเชื่อ ตอนนี้ฉันเป็นยายแก่ที่ยืนโบกไม้โบกมือหน้าโรงเรียนมัธยม ฉันมารอรับลูกกับหลานทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ เว้นแต่หลานสาว ที่หมอนาวาพ่อพวกเธอเป็นคนไปรับเอง เพราะณพลอย ณพิมเรียนโรงเรียนประถมที่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลมาก ก็พ่อเจ้าหล่อนเล่นหวงขนาดนั้น ฉันบอกให้ย้ายโรงเรียนมาเรียนกับปลายฝนก็ไม่ยอม! หมอนาวาไม่อยากคาดสายตาไปไหน เขาทำงานที่โรงพยาบาลใกล้ ๆ ว่างเขาก็แว๊บไปดูลูกได้ตลอด ส่วนณเพชรรายนั้นไม่น่าห่วงแล้ว เพราะเขาโตเป็นหนุ่มอายุสิบสี่เรียนโรงเรียนเดียวกับน้า แหงล่ะอะไรก็น้า ๆ เขาน่ะตัวติดน้าอย่างกับอะไร เด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน แถมหน้าตาก็ไม่ไกลกันมาก บางทีฉันก็แก่จนเรียกผิดเรียกถูก ไม่รู้คนไหนลูกคนไหนหลาน ยิ่งทั้งสองกำลังเข้าสู่วัยรุ่น วัยกำลังโตที่นั่งเล่นเกมส์ เหล่หญิง และอ่านหนังสือกัน เรื่องอ่านหนังสือต้องยอมรับลูกชายฉันณภัทร เขาสอนหลานได้ดีมาก เขาติวหนังสือให้กันจนติดท็อปโรงเรียนทั้งคู่ ผิดกับปลายฝนลูกสาวบุญธรรม รายนั้นเธอชอบวาดรูปชอบศิลปะ ทุกครั้งที่หนุ่ม ๆ ทวนวิชา
สรุปแม่ฉันก็ได้เด็กคนนั้นมาเลี้ยง ใช่ค่ะเธอน่ารักจริง ๆ เรียบร้อยมาก ณภัทรก็ดูรักมาก กลับจากโรงเรียนก็หอม ตื่นเช้าจะไปโรงเรียนก็หอม ฉันพาสองสาวไปเลี้ยงที่นั่นบ่อย เห็นแทบทุกช็อตทุกตอน และเห็นอีก ว่าแม่แทบไม่ต้องเลี้ยงเจ้าหนูคนนั้น เธอเหมือนเด็กที่สงบเสงี่ยมเจียมตัว เอาแต่มองหน้าทุกคนแล้วยิ้ม เจ็บปวดอะไรก็ต้องเจ็บปวดจริง ๆ ถึงจะร้องแอ๊ะออกมา แค่ร้องแอ๊ะนะ เรื่องร้องงอแง แม่บอกว่านอกจากวันแรกที่เห็นที่โรงพยาบาล แม่ก็ไม่ได้เห็นอีกเลย “ปลายฝนไม่ร้องแบบนี้ แม่รู้ได้ไงคะว่าน้องหิว?” “กะเวลาเอาสิ ปลายฝนจะหิวและทำอะไรตามเวลาเป๊ะ ๆ แล้วสองสาวล่ะ อยู่กับลูกที่บ้านดื้อไหม?” “ไม่ดื้อค่ะ จะว่าไปตอนนี้หนูเริ่มชินแล้ว หน้าที่แม่ยิ่งใหญ่จริง ๆ แบบว่า เหนื่อยจนชินค่ะ” แม่ขำเบา ๆ พร้อมกับเขย่าขวดนมเตรียมป้อนปลายฝน ก่อนที่ฉันจะอุ้มณพลอยเข้าเต้าอีกคน และนั่งมองน้องไปด้วย ปลายฝนเป็นเด็กที่ไม่เหมือนเด็ก แววตาเธอเหมือนผู้ใหญ่ที่เฝ้าสังเกตและสำรวจตลอดเวลา ฉันไม่อยากเชื่อ ว่าเด็กเดือนกว่า ๆ จะรู้เรื่องและทำอะไรทุกอย่างเป
คุณน้ำหวานยิ้มให้ฉัน เหมือนเป็นรอยยิ้มแห่งความหวัง เราเป็นแม่คนและมีหลานเหมือน ๆ กัน เราดูกันออก แล้วคุณน้ำหวานก็พาฉันไปที่ห้องเด็กอ่อนทันที ที่ตอนนี้ในห้อง มีตำรวจสองสามคนยืนคุยกับกุมารแพทย์ “เรื่องถึงไหนแล้วคะ?” คุณน้ำหวานถามทันทีเมื่อเดินไปถึง ฉันจึงค่อย ๆ เดินอ้อมไปดูเด็กผู้หญิงคนนั้นที่เตียงเด็ก ตายแล้ว เหมือนที่คุณน้ำหวานพูดเลย เธอน่ารักจิ้มลิ้มจริง ๆ ตอนเธอร้องไห้ฉันรู้สึกเศร้าใจตาม อยากจะอุ้มขึ้นมาโอ๋มาก ‘อุแว้~ อุแว้~’ มีรอยมดกัดเต็มแก้ม น่าสงสารจริง ๆ ทำไมถึงทิ้งได้ลง ลูกทั้งคนนะ “ดูจากกล้องวงจรปิด มีคนอุ้มเด็กมาทิ้งราว ๆ เจ็ดโมงเช้าครับ ลักษณะรูปร่างคล้ายผู้หญิง เธอสวมหมวกบัตเก็ตกับมาสก์ปิดปาก และเธอเอียงตัวหลบเหมือนรู้จักมุมกล้องเป็นอย่างดี” คุณน้ำหวานพยักหน้ารับ พลางก้มมองเจ้าตัวเล็กที่ร้องงอแงไปด้วย “เห็นป้ายทะเบียนรถไหมคะ?” “ไม่เห็นครับ เพราะเธอเดินมา และเธอก็เดินเท้าเปล่าด้วย” แล้วฉันกับคุณน้ำหวาน ก็หันไปถามพร้อมกัน “เท้าเปล่า?” จริงอยู
“ณพิม เหมือนอ้วนตอนเด็ก ๆ” คุณหมอเขามองหน้าณพิมสลับกับฉัน ดูสายตาเขาสิ มันเป็นประกายมาก ถ้าถอดมาสก์ปิดปากออก ฉันคงได้เห็นรอยยิ้มกว้าง ๆ ของเขา “แต่ณพลอยเหมือนเบบี๋นะ เค้าอยากให้ลูกมีลักยิ้มเหมือนเบบี๋จัง” “ไม่แน่ณพลอยอาจจะมี ใช่ไหมครับ ลูกสาวพ่อ” ละมุนจริง ๆ เลยกับลูกสาวเนี่ย “จ้า ลูกสาวหมอนาวา” ฉันล้อเขาเสียงอ่อน เพราะตอนนี้รู้สึกเพลียมาก ก่อนที่พยาบาลเธอจะช่วยอุ้มสอง ณ มาถ่ายรูปครอบครัวกัน วิสัญญีแพทย์ก็จะพูดอะไรสักอย่าง จนฉันเผลอหลับไป “ณเพชรอย่าเสียงดังนะลูก แม่หลับอยู่” เสียงสามีฉันนี่น่า โอ้ย... รู้สึกตึง ๆ ท้องจัง “ปะป๊าณเพชรอยากนอนกับแม่ น้องออกมารึยังครับ?” “น้องอยู่ที่ห้องเด็กอ่อนแล้วครับ เช้า ๆ เดี๋ยวพ่อจะพาไปหาน้องนะ ตอนนี้ณเพชรต้องนอนลูก” “ปะป๊า ณเพชรอยากไปตอนนี้เลยครับ” “รอครับ ณเพชรต้องรู้จักรอ ตอนนี้ตีสี่นะ รบกวนคนอื่นเขา” แล้วเสียงเล็ก ๆ ของลูกชายก็เงียบไป ถ้าให้ฉันเดา ตอนนี้เขาคงเดินกอดผ้าทำหน้าบึ้งใส่พ่ออยู่ โถลูก... แม่ไม่ไหวจริง ๆ
ณเพชรปราบพ่อนาวาอยู่หมัด หลังจากวันนั้น ความบันเทิงก็เกิดขึ้นนับไม่ถ้วน เมื่อฉันต้องเข้าแอ็ดมิทที่โรงพยาบาลเพื่อรอคลอด แน่นอนพ่อนาวาต้องเลี้ยงณเพชรมากกว่าเดิม หนำซ้ำบางวันมีณภัทรมาด้วย รายนั้นเขาไม่เถียงพี่เขยหรอก แต่ณเพชรนี่สิ สายกวนประสาทพ่อ “ปะป๊า วันก่อนณเพชรเอาเรื่องปะป๊าไปถามคุณครู คุณครูบอกว่า... “ “อะไรนะณเพชร?” “ครับ ปะป๊าไม่อธิบายเรื่องช้างน้อย ณเพชรเลยถามคุณครูครับ” คุณหมอนาวาทรุดนั่งข้าง ๆ ลูกชาย ก่อนจะชันเข่าขึ้นมากอดไว้ “ชีวิตกูเนี่ยนะ” “ชีวิตปะป๊าทำไมครับ ช้างน้อยปะป๊าโกรธณเพชรเหรอ?” เขาเงยหน้าขึ้น มองฉันขอความช่วยเหลือ เพราะคำว่าช้างน้อย ฉันสอนณเพชรพูดเองล่ะ เอ่อ ของพ่อไม่มีคำว่า ‘น้อย’ นะลูก ช้างเลยล่ะ! “ถ้าณเพชรไม่ลืมเรื่องนี้ พ่อนี่แหละจะโกรธ” ณเพชรเงียบ และหันไปหาณภัทร จนน้าเขาชี้นิ้วไปจิ้มอกหลานเบา ๆ “ฟังน้า อย่าทำให้พ่อโกรธเข้าใจไหม เดี๋ยวโตขึ้นพ่อไม่ให้ตังค์ไปโรงเรียน” สอนหลานน่ารักเชี
เรื่องดุลูก ปากคุณหมอศัลนี่ไวจริง ๆ ฉันต้องอุ้มณเพชรไปห่าง ๆ เขา จนลูกหลับถึงได้กลับมาขึ้นเตียงนอนเหมือนเดิม ณเพชรเป็นแบบนี้จนถึงสามขวบ เป็นลูกชายที่ติดแม่เหมือนนาวีลูกซินน์ และฉันไม่สามารถที่จะโอ๋ประคบประหงมเขาได้เหมือนแต่ก่อน เพราะตอนนี้ฉันก็ท้องจวนคลอดแล้ว ใช่ค่ะ กว่าจะท้องแฝดได้ ฉันกับคุณหมอศัลเราปั๊มกันนานเหลือเกิน แต่เราภูมิใจนะ ที่ท้องแฝดและได้ผู้หญิงเหมือนที่ตั้งใจ ลูกสาวสองคนห่างจากพี่ชายสามปี พอดิบพอดีที่จะเป็นเพื่อนกับลูกสาวไออุ่น นึกไม่ถึงล่ะสิ! ไออุ่นท้องแล้ว ฮ่า ๆ ฉัน น้ำปั่น ซินน์ รู้ข่าวปุ๊บ ก็นัดกันไปขำใส่หน้ามันปั๊บ! เพราะน้ำปั่นโอมเพี้ยง ๆ ใส่ท้องมันทุกครั้งที่เจอกัน ตอนนี้มันท้องได้สี่เดือนแล้ว แถมได้ลูกสาวด้วย มันหงุดหงิดเวียร์หนักมาก นั่งยันนอนยันว่าคลอดคนนี้จะทำหมันเหมือนซินน์ อย่าว่าแต่ไออุ่นเลยฉันก็จะทำหมันเหมือนกัน เพราะณเพชรไม่ได้เลี้ยงง่ายเหมือนเดิม ยิ่งพูดได้ยิ่งแสบ รู้ทุกเรื่อง! ยิ่งกับณภัทรน้าเขา คือเข้าขากันดีมาก แต่โชคดีที่ณเพชรเขาไม่เถียงฉัน เขาเถียงพ่อแทน! เถียงเหมือนที่คุณหมอ
คุณหมอศัลดูช็อกนิด ๆ แต่ก็ไม่พูดอะไร จนเขาเปิดประตูห้องออกไป ฉันถึงพาลูกกลับไปนอนที่เตียงเด็กและรีบอาบน้ำ แต่งหน้าแต่งตัวเรียบร้อยก็พอดิบพอดีที่ลูกตื่น อาจจะช้าไปบ้าง เพราะฉันต้องสุ่มเดินไปดูว่าณเพชรตื่นรึยังเพราะเขาตื่นมา เขาจะมองเพดานเงียบ ๆ ไม่ส่งเสียงร้องอะไร พอเขาตื่นฉันก็อาบน้ำแต่งตัวให้ เรื่องอาหารเด็กอ่อน ให้เขาไปกินที่บ้านกับน้าณภัทรแล้วกัน ฉันไม่ว่างทำ ถึงลูกจะเลี้ยงง่ายแต่ไม่ใช่ฉันไม่เหนื่อย เหนื่อยมาก! ฉันเป็นคุณแม่ยังสาวที่หุ่นดีจนผู้ชายมองเหลียวหลัง จะบอกอะไรให้ แต่ก่อนหุ่นฉันเฉย ๆ มาก! รูปทรงก็ไม่ค่อยชัดและได้สัดส่วน แต่หลังจากคลอดลูกเท่านั้นแหละ คนละคนกันเลยนมตูดมาเต็ม! ซึ่งฉันชอบมาก... สามีก็ชอบ จัดการลูกเรียบร้อยฉันก็ขับรถออกจากคอนโด เราสองแม่ลูกแวะซุปเปอร์กันนิดหน่อย ฉันซื้อแครอท ซื้อบรอกโคลี ณเพชรเขาไม่ดื้อนะ เขาแค่มองตามมือฉันว่าฉันหยิบจับอะไร บ้างก็อยากจับด้วยเพราะสงสัย เป็นแบบนี้จนฉันซื้อของเสร็จ พอถึงบ้านฉันก็เอาผักทุกอย่างไปล้างให้เขานั่งเล่นที่พื้น สีส้มของแครอทสีชัดเจน บรอกโคลีก็เขียว
ฉันยกมือบีบแขนคุณหมอศัลเบา ๆ บีบจนเขาเงยหน้าที่ซุกตามซอกคอ ขึ้นมาจุมพิตที่ริมฝีปากฉัน “ขอแฝดหญิงนะคะที่รัก” “ครับ” รับปากฉันเสร็จเขาก็ก้มลงประทับริมฝีปากบบาง ก่อนจะเลื่อนมือที่จับตรงหัวไหล่ ลงมาดึงสายชุดนอน ชุดนอนสายเดี่ยวถูกเขาเกี่ยวสาย ถอดออกอย่างง่ายดาย ฉันตั้งใจใส่เพื่อจะให้นมลูกง่าย ๆ แต่ไม่คิดว่ามันจะง่ายถึงขนาดปลดได้แค่ปลายนิ้วแบบนี้ เมื่อสองเต้าที่เปลือยเปล่าประจันหน้าเขา ริมฝีปากที่พรมจูบเบา ๆ ก็ไล่ลงไปหามัน เขาส่งแค่ปลายลิ้นอุ่น ๆ ตวัดวนเท่านั้น สลับกับมือใหญ่ ที่ลูบคลำตามฐานเต้าเบา ๆ “อื้ม~” ไม่นานฉันก็ถูกถอดพันธการช่วงล่างอย่างรวดเร็ว ตามด้วยมือใหญ่ที่ใช้ปลายนิ้ว ถูตามแยกสวาทฉัน เขาเริ่มกดนิ้วกลางลงเบา ๆ เพื่อกระตุ้นน้ำสวาท บ้างก็พยายามดันมันเข้าไป และถูรอบ ๆ แบบนั้น แต่ทุกอย่างถูกกระทำอย่างเบามือ “อ่ะ อื้ม~ เสียวจัง” ฉันเริ่มบีบไหล่ ที่ขยับต่ำลงไปเรื่อย ๆ ตามหว่างขา โดยที่นิ้วยาวเขายังละเลงเล่นตุ่มกระสันช้า ๆ อยู่แบบนั้น เมื่อริมฝีปากไล่ลงไปถึงยอดที่เขาโปรดปราน เขาก็ลงลิ้นทักทายมันทั