หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เราก็ออกไปเลือกชุดแต่งงานกัน ระหว่างทางฉันตอบไลน์เวียร์ไทม์แทนเขาไม่หยุด เพราะตอนนี้ไทม์สั่งพนักงานจัดโต๊ะ และวางโครงแบลคดรอปให้แล้ว เหลือแค่ดอกไม้สดที่ร้านฉันเท่านั้นแหละ ที่ต้องไปจัดเพิ่มเติมทีหลัง ที่ร้านเวดดิ้ง ก็ค่อนข้างต่างจากงานเพื่อนหน่อย เพราะในกลุ่มมีแค่ฉันคนเดียวมั้ง ที่แฟนมาเลือกชุดแต่งงานด้วย เขินอะ บอกเลย เปลี่ยนชุดออกมาเห็นเขานั่งสวมชุดทักซิโด้ แล้วรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเจ้าหญิงยังไงอย่างงั้น เขาหล่อมาก ออร่าพุ่งมาก! “เอ่อ เบบี๋ ชุดนี้เป็นไง” ฉันหมุนตัวให้เขาดูซ้ายขวา จนเขารีบยกมือห้าม “ไม่ต้องหมุน เดี๋ยวล้ม” ง่ะ! ยังไงล่ะ “สวยไหมเจ้าคะ?” “อืม แน่นท้องไหม?” ฉันลูบท้องเบา ๆ แล้วส่ายหน้าตอบเขาไป ชุดที่ฉันเลือกเป็นชุดเปิดไหล่มีระบายยาวลากพื้น พอดีฉันถูกห้ามไม่ให้ใส่ส้นสูง ฉันจึงเลือกกระโปรงยาว ๆ ปิดเท้าตัวเอง “สวย... เอาชุดนี้ครับ” ง่าย ๆ แป๊บ ๆ จบ ฉันจึงรีบถ่ายเซลฟี่ตัวเองส่งไลน์กลุ่มให้เพื่อนดู จนรู้ว่า พวกนั้นออกจากโรงพยาบาลกลับบ้านตัวเองแล้
ฉันกำลังจะได้น้องชาย! ฉันกับแม่ตกใจแทบหงายหลัง ช็อกกว่าปู่ก็คือแม่ฉัน ตอนนี้ท่านตาเบิกกว้างน้ำตาไหลพรากออกมาแล้ว “ฮือ ๆ ฉันต้องไปแก้บนไหม ไปบนให้เจ้าปลายได้ลูกชาย แต่ฉันได้ลูกชายซะเอง” คุณปู่รีบเอียงหูฟังว่าแม่พูดอะไร ก่อนที่แม่จะทำตัวปกติแล้วหันไปพูดกับคุณปู่แทน “คุณพ่อดีใจไหมคะ มีหลานพร้อมเหลน” “อื้ม ดีใจอายุอานามก็ไม่ใช่น้อย เราน่ะดูแลตัวเองให้ดี พรุ่งนี้งานเริ่มกี่โมงล่ะลูก?” “สี่โมงเย็นครับคุณปู่ ไม่เกินหนึ่งทุ่มก็คงเรียบร้อย ผมจะส่งรถมารับนะครับ” หลานเขยออกปากเองเลย ฉันชอบช่วงเวลาและงานที่เขาคิดมาก ไม่เหนื่อย และสะดวกกับคนแก่สุด ๆ “งานเลิกไวนะ หวังว่าจะได้คุยกับผู้ใหญ่บ้านเรานะ หมอนาวา” “ครับคุณปู่” คุณปู่ยิ้มให้หลานเขย และกวักมือเรียกเขาขยับมาใกล้ ๆ “พรุ่งนี้คงยุ่งกัน ปู่ขออวยพรให้ลูก ๆ หลาน ๆ ตรงนี้นะ ขอให้มีความสุข รักกันถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร ดูแล ช่วยเหลือ เกื้อกูล หนุนในสิ่งดี ๆ และเตือนในสิ่งที่ไม่ดีอย่างมีสติและสมเหตุสมผล ที่สำคัญให้อภัย เชื่อใจกันนะลูก”
ว้าว... คนเพียบ! ฉันเห็นพิธีกรบนเวทีกำลังเอนเตอร์เทรน์แขก และจัดลำดับพิธีอยู่ไกล ๆ แถมตอนนี้พิธีกรสาวเธอยังผายมือตรงมาที่ฉันกับคุณหมอศัล ที่กำลังยืนปากทางเข้างาน และสองข้างทางเต็มไปด้วยดอกกุหลาบฟ้าขาว เสียงพิธีกร และเสียงเพลงที่คลอ ทำฉันจับแขนเขาแน่น ทุกคนต่างพากันยืนขึ้น ปรบมือ ยิ้มให้เราสี่คน ที่กำลังเดินเข้างานช้า ๆ ตามด้วยเพื่อนเจ้าสาวทั้งสามและใบไม้น้องสาวฉัน ที่กำลังยืนโปรยกลีบกุหลาบระหว่างทางเดิน พิธีกร: ขอเสียงปรบมือให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวของเราทั้งสองคู่ด้วยค่า ‘แปะ แปะ แปะ แปะ’ แล้วคนที่ส่งช่อดอกไม้ให้ฉันถือ ก็คือป้าหวาน ท่านยิ้มให้ฉันทั้งน้ำตา และพยุงคุณปู่ยืนขึ้น ส่งช่อดอกไม้อีกช่อให้แม่ จนเสียงปรบมือก็ค่อย ๆ เบาลง เมื่อเท้าฉันก้าวขึ้นเวที ก่อนที่พิธีกรจะเล่าประวัติของแต่ละคนให้แขกฟังคร่าว ๆ พิธีกร: ต้องบอกก่อนนะคะ ว่างานแต่งงานนี้เป็นงานแต่งที่ถูกจัดขึ้นด้วยหัวใจล้วน ๆ ฉะนั้น แน่นอนค่ะอาจจะแตกต่างจากงานอื่น ที่มีพิธีรีตองมากมาย แต่ไม่ใช่เราจะไม่มีพิธีอะไรเลยนะคะ มีแน่นอนค่ะ พิธีแรกคือ พิธ
หลังจากถอนกอดออกมา มือขาว ๆ นั้นก็โอบแก้มฉันอีกคน ก่อนสุดท้าย ป้าหวานจะเดินลงไปข้างล่าง สวมกอดนาวิน ซินน์ น้ำปั่น และไทม์ จนครบ พิธีกร: เป็นโมเม้นที่น่ารักจริง ๆ ค่ะ ใครอยากเป็นสะใภ้บ้านนี้ เสียใจด้วยนะคะ คุณแม่แอบกระซิบดิฉันว่า ท่านปิดรับแล้วนะคะอิอิ เอาล่ะค่ะ เราย้ายฝั่งมาทางเจ้าบ่าวเจ้าสาวคู่นี้บ้าง เจ้าบ่าวเจ้าสาวคู่นี้ ท่านเป็นคุณพ่อคุณแม่ของคุณปลายฟ้านั่นเองค่า พิธีกร: ก่อนอื่น ดิฉันขออนุญาตเรียกคุณแม่บีม คุณพ่อพีทนะคะ ท่านทั้งสองเป็นพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดคุณปลายฟ้าเลย อยากรู้มากค่ะ ว่ากว่าจะมีผลผลิตที่สวยน่ารักอย่างคุณปลายฟ้าเนี่ย ท่านพบรักกันยังไง? ขอเริ่มจากคุณพ่อพีทก่อนนะคะ ขออนุญาตค่ะแม่บีม พิธีกรส่งไมค์ให้หมอพีทตอบ ก็ดีเหมือนกัน ฉันไม่ชินกับการตอบคำถามอะไรแนวนี้เลย ฉันกลัวตัวเองจะทำบรรยากาศที่หวาน ๆ นี้กร่อย หมอพีท: ของผม นานแล้วนะครับ ตั้งแต่ผมสอบติดคณะแพทย์ แม่ปลายฟ้า เอ่อ... ผมขอเรียกว่าบีมนะครับสั้นดี อีกอย่างจะได้ดูวัยรุ่นหน่อย แขกข้างล่าง กับเพื่อนหมอ ๆ เขา แซวเขาใหญ่ แหม... ไม่น้อยหน้าเหมือนกันน
พูดจบฉันก็เดินไปขอช่อดอกไม้แม่มาอีกช่อ ก่อนที่ฉันจะเดินลงจากเวทีช้า ๆ เดินไปหาว่าที่เจ้าสาวสองคน ตอนนี้ทุกคนมองหน้ากัน ลุ้นว่าช่อดอกไม้ทั้งสอง จะเป็นของใคร ไม่ใช่ค่ะ! แก๊งค์แม่ลูกอ่อน ไม่ใช่ของพวกมึงแน่นอน กรุณานั่งอุ้มลูกต่อไป และฉันก็ถือช่อดอกไม้เดินตรงไปหาใบไม้คนแรก ที่ตอนนี้มันนั่งนิ่ง ทำหน้างง และชี้ไปที่ตัวเอง “อะไรเจ๊?” ยังจะถามอีก! “เอาไปสิ ฉันอยากให้แกเป็นเจ้าสาวคนต่อไป” ใบไม้ยืนขึ้น มองช่อดอกไม้ที่ฉันยื่นให้ “เจ๊... เจ้าสาวบ้าบออะไร คราวก่อนหนูได้ช่อดอกไม้งานแต่งพี่น้ำปั่น หนูไม่เห็นจะได้เป็นเจ้าสาวเลย เหอะ อย่าว่าแต่เจ้าสาว ผู้ชายจีบสักคนยังไม่มี” เงียบกริบกันทั้งงาน จริงของมัน ไม่มีใครเอามันจริง ๆ นั่นแหละ “งั้นแกก็รับไปสิ แล้วขึ้นไปโปรโมทตัวเองบนเวที (กระซิบ) เผื่อว่าจะตกหมอ ๆ แถวนี้ได้” “จะบ้าเหรอ!” ‘พรึบ’ แล้วนางก็คว้า ‘หมับ’ เอาช่อดอกไม้ในมือฉัน เดินดุ่ม ๆ ขึ้นเวทีไปเลย อะไรวะ! นึกว่าจะไม่เอาซะอีก ตอนนี้พ่อบอสแม่กิ่ง หัวเราะลูกสาวตัวเอง
“เก็บไว้ดูต่างหน้าเหรอ” “เก็บไว้รอเจ้าของมาใส่” กรี๊ด... เสียงเซ็กซี่มาก! “เหรอ? แล้วใครคือเจ้าของ” เขาวางบราเซียสีชมพูไว้บนอกฉัน ก่อนจะขึ้นมาบนเตียงแล้วนอนลงข้าง ๆ แทน “เมียฉันไง” เรียกเมียได้เต็มปากเต็มคำ ทำไมรู้สึกเขินแบบนี้เนี่ย ปกติก็อยู่กินฉันผัวเมียอยู่แล้วนี่น่า เอ๊ะ หรือว่าวันนี้... มันจะเป็นทางการกว่าเดิม อ๊าย... เขิน “วางบนน่มนมเค้าแบบนี้ จะให้เค้าใส่ให้ดูใช่ไหม?” เขามองบรา เซียที่ทาบบนอกฉันอย่างไว ก่อนที่จะจับมันกดลง เข้าตามส่วนเว้าส่วนโค้ง “อ้วนใส่ไม่ได้ หน้าอกใหญ่ขึ้น ดูสิตรงนี้มันเต็มไปหมด” บ้า! นมฉันไม่ได้ใหญ่ขึ้นขนาดนั้น ฉันจับบราเซียสีชมพูพลิกดูทันที ก่อนที่จะส่งยิ้มเจื่อน ๆ และดึง ‘พรึบ’ ดึงฟองน้ำออก หน้าเขาที่มองฉัน คือเหมือนจะช็อกก็ไม่ เหมือนจะหลอนก็ไม่เชิง “แหะ ๆ แค่นี้ก็ใส่ได้แล้ว” “ว้าย...” เย็นวาบ! ฉันตั้งตัวไม่ทันจริง ๆ อยู่ ๆ เขาก็เลิกเสื้อฉันขึ้นซะงั้น! ไอ้ฉันที่กำลังจะนอน ไม่มีความคิดเรื่องใส่บราอยู่แล้ว มันก
ฉันคิดถูกด้วย ฉันได้ลูกชาย! ฉันดีใจมาก มันลงตัวทุกอย่างถ้าลูกคนแรกเป็นผู้ชาย หนึ่งผู้สืบสกุล สองดูแลน้อง ๆ สามเขาเป็นลูกชายคนโตของบ้าน เขาจะได้เป็นผอ.โรงพยาบาลต่อจากพ่อ และแน่นอน... เป็นหมอ! “ลูกต้องเป็นหมอใช่ไหม?” “ใช่ แต่เป็นหมอด้านไหน ต้องรอดูพัฒนาการเขาก่อน” โอ้ยตาย อย่าบอกนะว่าฉันต้องส่งลูกไปเรียนอังกฤษอีก เอาเถอะ ๆ จะทำอะไรได้ มันเป็นธรรมเนียมบ้านเขา กว่าจะถึงวันนั้นก็อีกตั้งนาน ฉันอาจจะทำใจห่างลูกได้แล้วก็ได้ เมื่อเซอร์ไพรส์สำเร็จ คุณหมอเขาก็แกะลูกโป่ง และเก็บซองจดหมายมาออกมา แต่พอเปิดประตูออกไปปุ๊บ ฉันก็เจอใครบางคน คนที่ฉันลืมกระจายข่าวเรื่องเธอไปสนิทเลย มิน กับนักจิตวิทยาคนนั้น... มินดูจำฉันได้ เพราะเธอเห็นฉันเธอก็รีบยกมือไหว้ทันที แต่คุณหมอศัลนี่สิ! เขาเดินผ่านเร็วมาก ทำฉันที่จับมืออยู่หยุดรับไหว้ไม่ทัน จนต้องกระตุกมือเขา “เบบี๋ ๆ นั่นมินนะ หยุดก่อน ๆ” เขาหยุดเดินแล้วหันมามองฉันทันที “อย่าตบกันที่นี่” มินไหว้ทักทายแบบนั้น ใครจะตบ! “ไม่ได้ตบ เ
“ความดัน ชีพจรพร้อม วิสัญญีพิจารณาสู่ขั้นตอนบล็อคหลังได้เลยครับ” ฉันหลับตาปี๋เมื่อพยาบาลจับแม่นอนตะแคง ตัวฉันรู้สึกเสียวสันหลังวาบแปลก ๆ ถึงแม้ลูกจะดิ้นตุบ ๆ แรงแค่ไหนก็ตาม จนเปิดตาขึ้น ก็เห็นแม่กลับไปนอนปกติแล้ว “บีม คุณรู้สึกอะไรไหม?” แม่ขมวดคิ้ว ท่าทางแปลกใจ “ไม่ค่ะ คุณทำอะไรฉันรึป่าว? ทำไม... ฉันไม่รู้สึกอะไรเลย” ฉันมองสามีแว๊บนึง จนเขาขอมีดจากพยาบาล เท่านั้นแหละฉันใจเต้นตึกตัก รีบหันหน้าไปทางอื่นทันที มีดเล็ก ๆ นั่นมันคงจะคมมาก ‘ตุบ ๆ’ แต่ทำไมลูกฉันต้องดิ้นแรงขนาดนี้! ไม่ต้องตื่นเต้นลูก ไม่ค้องตื่นเต้น! แม่จุกแล้วนะ “โอ้ย... จุก พอได้แล้วลูก พอนะคะ แค่น้าออกมาก่อนเอง หนูไม่ต้องตื่นเต้นไปกับเขาก็ได้” แม่มองฉันตกใจ สามีก็ด้วย อย่าคลอดวันนี้! อย่าแย่งซีนน้า ลูกแค่เจ็ดเดือนกว่า ๆ อย่ารีบ! “อ้วน... โอเคใช่ไหม” คุณหมอศัลวางมีด แล้วเดินมาหาฉันอย่างไว เขาปล่อยให้พ่อผ่าต่อ และก้มลงคุยกับลูกชายในท้องแทน “พ่อทำงาน อย่าดื้อกับแม่... ลูกต้องรู้จักรอ” นิ่ง... นิ่งแล้ว บ่อยนะท
“พ่อครับ ผู้หญิงที่ผมคบด้วยเอาแต่ใจมาก ผมจะเลิกแล้วล่ะ ปวดหัว” ผมหันมองลูกชายที่นั่งเบาะข้างแวบนึง ลูกชายอายุสิบสี่ จะมีแฟนก็ไม่แปลก แต่ที่แปลกคือเปลี่ยนบ่อยเหลือเกิน แล้วแต่ละคนที่เลิกก็จะมาปรึกษาผมแบบนี้ กับแม่เขาไม่ปรึกษาหรอก เพราะปลายฟ้าจะบอกแค่ว่าให้ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ คุย แต่ผมไม่... “อืม ก็เลิกสิ ถ้าปวดหัวก็เลิก อย่าให้กระทบการเรียน” ลูกชายเม้มปากแล้วพยักหน้าอย่างมั่นใจ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ไอโฟนรุ่นใหม่ออกมาจากกระเป๋ากางเกงนักเรียน ลูกไฮโซออกรุ่นไหนก็จัดรุ่นนั้น ฝีมือแม่เขา นั่นแหละ ชอบสอนให้ลูกฟุ่มเฟือย ซึ่งผมเตือนแล้วเตือนอีกเพราะอดห่วงตอนส่งไปเรียนอังกฤษไม่ได้ ถ้าลูกใช้เงินไม่คิดแบบนี้ ผมกับเมียได้กินแกลบกินเกลือแน่ “พี่ณเพชรจะเลิกกับผู้หญิงอีกแล้วอ่ะ ณพิม มาดูเร็ว ๆ” สองแสบรีบเกาะเบาะ ยื่นหน้ามาดูจอโทรศัพท์กับพี่ชาย แต่ณเพชรรีบเก็บใส่กระเป๋าไว้แล้วเบือนหน้าหนี “เอ้า ทำไมเก็บแล้วล่ะคะ ปรึกษาได้นะ ณพิมก็ผู้หญิง” ณพิมยังใจจดใจจ่ออยากดูโทรศัพท์ แต่ณพลอยเธอมีเป้าหมายใหม่ ลุกขึ้นเกาะเบาะผม ก่อนจะยื่นแขนเล็ก ๆ ขอ
สิบปีผ่านไป... “ณภัทร ณเพชร กลับได้แล้ว” ไม่อยากจะเชื่อ ตอนนี้ฉันเป็นยายแก่ที่ยืนโบกไม้โบกมือหน้าโรงเรียนมัธยม ฉันมารอรับลูกกับหลานทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ เว้นแต่หลานสาว ที่หมอนาวาพ่อพวกเธอเป็นคนไปรับเอง เพราะณพลอย ณพิมเรียนโรงเรียนประถมที่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลมาก ก็พ่อเจ้าหล่อนเล่นหวงขนาดนั้น ฉันบอกให้ย้ายโรงเรียนมาเรียนกับปลายฝนก็ไม่ยอม! หมอนาวาไม่อยากคาดสายตาไปไหน เขาทำงานที่โรงพยาบาลใกล้ ๆ ว่างเขาก็แว๊บไปดูลูกได้ตลอด ส่วนณเพชรรายนั้นไม่น่าห่วงแล้ว เพราะเขาโตเป็นหนุ่มอายุสิบสี่เรียนโรงเรียนเดียวกับน้า แหงล่ะอะไรก็น้า ๆ เขาน่ะตัวติดน้าอย่างกับอะไร เด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน แถมหน้าตาก็ไม่ไกลกันมาก บางทีฉันก็แก่จนเรียกผิดเรียกถูก ไม่รู้คนไหนลูกคนไหนหลาน ยิ่งทั้งสองกำลังเข้าสู่วัยรุ่น วัยกำลังโตที่นั่งเล่นเกมส์ เหล่หญิง และอ่านหนังสือกัน เรื่องอ่านหนังสือต้องยอมรับลูกชายฉันณภัทร เขาสอนหลานได้ดีมาก เขาติวหนังสือให้กันจนติดท็อปโรงเรียนทั้งคู่ ผิดกับปลายฝนลูกสาวบุญธรรม รายนั้นเธอชอบวาดรูปชอบศิลปะ ทุกครั้งที่หนุ่ม ๆ ทวนวิชา
สรุปแม่ฉันก็ได้เด็กคนนั้นมาเลี้ยง ใช่ค่ะเธอน่ารักจริง ๆ เรียบร้อยมาก ณภัทรก็ดูรักมาก กลับจากโรงเรียนก็หอม ตื่นเช้าจะไปโรงเรียนก็หอม ฉันพาสองสาวไปเลี้ยงที่นั่นบ่อย เห็นแทบทุกช็อตทุกตอน และเห็นอีก ว่าแม่แทบไม่ต้องเลี้ยงเจ้าหนูคนนั้น เธอเหมือนเด็กที่สงบเสงี่ยมเจียมตัว เอาแต่มองหน้าทุกคนแล้วยิ้ม เจ็บปวดอะไรก็ต้องเจ็บปวดจริง ๆ ถึงจะร้องแอ๊ะออกมา แค่ร้องแอ๊ะนะ เรื่องร้องงอแง แม่บอกว่านอกจากวันแรกที่เห็นที่โรงพยาบาล แม่ก็ไม่ได้เห็นอีกเลย “ปลายฝนไม่ร้องแบบนี้ แม่รู้ได้ไงคะว่าน้องหิว?” “กะเวลาเอาสิ ปลายฝนจะหิวและทำอะไรตามเวลาเป๊ะ ๆ แล้วสองสาวล่ะ อยู่กับลูกที่บ้านดื้อไหม?” “ไม่ดื้อค่ะ จะว่าไปตอนนี้หนูเริ่มชินแล้ว หน้าที่แม่ยิ่งใหญ่จริง ๆ แบบว่า เหนื่อยจนชินค่ะ” แม่ขำเบา ๆ พร้อมกับเขย่าขวดนมเตรียมป้อนปลายฝน ก่อนที่ฉันจะอุ้มณพลอยเข้าเต้าอีกคน และนั่งมองน้องไปด้วย ปลายฝนเป็นเด็กที่ไม่เหมือนเด็ก แววตาเธอเหมือนผู้ใหญ่ที่เฝ้าสังเกตและสำรวจตลอดเวลา ฉันไม่อยากเชื่อ ว่าเด็กเดือนกว่า ๆ จะรู้เรื่องและทำอะไรทุกอย่างเป
คุณน้ำหวานยิ้มให้ฉัน เหมือนเป็นรอยยิ้มแห่งความหวัง เราเป็นแม่คนและมีหลานเหมือน ๆ กัน เราดูกันออก แล้วคุณน้ำหวานก็พาฉันไปที่ห้องเด็กอ่อนทันที ที่ตอนนี้ในห้อง มีตำรวจสองสามคนยืนคุยกับกุมารแพทย์ “เรื่องถึงไหนแล้วคะ?” คุณน้ำหวานถามทันทีเมื่อเดินไปถึง ฉันจึงค่อย ๆ เดินอ้อมไปดูเด็กผู้หญิงคนนั้นที่เตียงเด็ก ตายแล้ว เหมือนที่คุณน้ำหวานพูดเลย เธอน่ารักจิ้มลิ้มจริง ๆ ตอนเธอร้องไห้ฉันรู้สึกเศร้าใจตาม อยากจะอุ้มขึ้นมาโอ๋มาก ‘อุแว้~ อุแว้~’ มีรอยมดกัดเต็มแก้ม น่าสงสารจริง ๆ ทำไมถึงทิ้งได้ลง ลูกทั้งคนนะ “ดูจากกล้องวงจรปิด มีคนอุ้มเด็กมาทิ้งราว ๆ เจ็ดโมงเช้าครับ ลักษณะรูปร่างคล้ายผู้หญิง เธอสวมหมวกบัตเก็ตกับมาสก์ปิดปาก และเธอเอียงตัวหลบเหมือนรู้จักมุมกล้องเป็นอย่างดี” คุณน้ำหวานพยักหน้ารับ พลางก้มมองเจ้าตัวเล็กที่ร้องงอแงไปด้วย “เห็นป้ายทะเบียนรถไหมคะ?” “ไม่เห็นครับ เพราะเธอเดินมา และเธอก็เดินเท้าเปล่าด้วย” แล้วฉันกับคุณน้ำหวาน ก็หันไปถามพร้อมกัน “เท้าเปล่า?” จริงอยู
“ณพิม เหมือนอ้วนตอนเด็ก ๆ” คุณหมอเขามองหน้าณพิมสลับกับฉัน ดูสายตาเขาสิ มันเป็นประกายมาก ถ้าถอดมาสก์ปิดปากออก ฉันคงได้เห็นรอยยิ้มกว้าง ๆ ของเขา “แต่ณพลอยเหมือนเบบี๋นะ เค้าอยากให้ลูกมีลักยิ้มเหมือนเบบี๋จัง” “ไม่แน่ณพลอยอาจจะมี ใช่ไหมครับ ลูกสาวพ่อ” ละมุนจริง ๆ เลยกับลูกสาวเนี่ย “จ้า ลูกสาวหมอนาวา” ฉันล้อเขาเสียงอ่อน เพราะตอนนี้รู้สึกเพลียมาก ก่อนที่พยาบาลเธอจะช่วยอุ้มสอง ณ มาถ่ายรูปครอบครัวกัน วิสัญญีแพทย์ก็จะพูดอะไรสักอย่าง จนฉันเผลอหลับไป “ณเพชรอย่าเสียงดังนะลูก แม่หลับอยู่” เสียงสามีฉันนี่น่า โอ้ย... รู้สึกตึง ๆ ท้องจัง “ปะป๊าณเพชรอยากนอนกับแม่ น้องออกมารึยังครับ?” “น้องอยู่ที่ห้องเด็กอ่อนแล้วครับ เช้า ๆ เดี๋ยวพ่อจะพาไปหาน้องนะ ตอนนี้ณเพชรต้องนอนลูก” “ปะป๊า ณเพชรอยากไปตอนนี้เลยครับ” “รอครับ ณเพชรต้องรู้จักรอ ตอนนี้ตีสี่นะ รบกวนคนอื่นเขา” แล้วเสียงเล็ก ๆ ของลูกชายก็เงียบไป ถ้าให้ฉันเดา ตอนนี้เขาคงเดินกอดผ้าทำหน้าบึ้งใส่พ่ออยู่ โถลูก... แม่ไม่ไหวจริง ๆ
ณเพชรปราบพ่อนาวาอยู่หมัด หลังจากวันนั้น ความบันเทิงก็เกิดขึ้นนับไม่ถ้วน เมื่อฉันต้องเข้าแอ็ดมิทที่โรงพยาบาลเพื่อรอคลอด แน่นอนพ่อนาวาต้องเลี้ยงณเพชรมากกว่าเดิม หนำซ้ำบางวันมีณภัทรมาด้วย รายนั้นเขาไม่เถียงพี่เขยหรอก แต่ณเพชรนี่สิ สายกวนประสาทพ่อ “ปะป๊า วันก่อนณเพชรเอาเรื่องปะป๊าไปถามคุณครู คุณครูบอกว่า... “ “อะไรนะณเพชร?” “ครับ ปะป๊าไม่อธิบายเรื่องช้างน้อย ณเพชรเลยถามคุณครูครับ” คุณหมอนาวาทรุดนั่งข้าง ๆ ลูกชาย ก่อนจะชันเข่าขึ้นมากอดไว้ “ชีวิตกูเนี่ยนะ” “ชีวิตปะป๊าทำไมครับ ช้างน้อยปะป๊าโกรธณเพชรเหรอ?” เขาเงยหน้าขึ้น มองฉันขอความช่วยเหลือ เพราะคำว่าช้างน้อย ฉันสอนณเพชรพูดเองล่ะ เอ่อ ของพ่อไม่มีคำว่า ‘น้อย’ นะลูก ช้างเลยล่ะ! “ถ้าณเพชรไม่ลืมเรื่องนี้ พ่อนี่แหละจะโกรธ” ณเพชรเงียบ และหันไปหาณภัทร จนน้าเขาชี้นิ้วไปจิ้มอกหลานเบา ๆ “ฟังน้า อย่าทำให้พ่อโกรธเข้าใจไหม เดี๋ยวโตขึ้นพ่อไม่ให้ตังค์ไปโรงเรียน” สอนหลานน่ารักเชี
เรื่องดุลูก ปากคุณหมอศัลนี่ไวจริง ๆ ฉันต้องอุ้มณเพชรไปห่าง ๆ เขา จนลูกหลับถึงได้กลับมาขึ้นเตียงนอนเหมือนเดิม ณเพชรเป็นแบบนี้จนถึงสามขวบ เป็นลูกชายที่ติดแม่เหมือนนาวีลูกซินน์ และฉันไม่สามารถที่จะโอ๋ประคบประหงมเขาได้เหมือนแต่ก่อน เพราะตอนนี้ฉันก็ท้องจวนคลอดแล้ว ใช่ค่ะ กว่าจะท้องแฝดได้ ฉันกับคุณหมอศัลเราปั๊มกันนานเหลือเกิน แต่เราภูมิใจนะ ที่ท้องแฝดและได้ผู้หญิงเหมือนที่ตั้งใจ ลูกสาวสองคนห่างจากพี่ชายสามปี พอดิบพอดีที่จะเป็นเพื่อนกับลูกสาวไออุ่น นึกไม่ถึงล่ะสิ! ไออุ่นท้องแล้ว ฮ่า ๆ ฉัน น้ำปั่น ซินน์ รู้ข่าวปุ๊บ ก็นัดกันไปขำใส่หน้ามันปั๊บ! เพราะน้ำปั่นโอมเพี้ยง ๆ ใส่ท้องมันทุกครั้งที่เจอกัน ตอนนี้มันท้องได้สี่เดือนแล้ว แถมได้ลูกสาวด้วย มันหงุดหงิดเวียร์หนักมาก นั่งยันนอนยันว่าคลอดคนนี้จะทำหมันเหมือนซินน์ อย่าว่าแต่ไออุ่นเลยฉันก็จะทำหมันเหมือนกัน เพราะณเพชรไม่ได้เลี้ยงง่ายเหมือนเดิม ยิ่งพูดได้ยิ่งแสบ รู้ทุกเรื่อง! ยิ่งกับณภัทรน้าเขา คือเข้าขากันดีมาก แต่โชคดีที่ณเพชรเขาไม่เถียงฉัน เขาเถียงพ่อแทน! เถียงเหมือนที่คุณหมอ
คุณหมอศัลดูช็อกนิด ๆ แต่ก็ไม่พูดอะไร จนเขาเปิดประตูห้องออกไป ฉันถึงพาลูกกลับไปนอนที่เตียงเด็กและรีบอาบน้ำ แต่งหน้าแต่งตัวเรียบร้อยก็พอดิบพอดีที่ลูกตื่น อาจจะช้าไปบ้าง เพราะฉันต้องสุ่มเดินไปดูว่าณเพชรตื่นรึยังเพราะเขาตื่นมา เขาจะมองเพดานเงียบ ๆ ไม่ส่งเสียงร้องอะไร พอเขาตื่นฉันก็อาบน้ำแต่งตัวให้ เรื่องอาหารเด็กอ่อน ให้เขาไปกินที่บ้านกับน้าณภัทรแล้วกัน ฉันไม่ว่างทำ ถึงลูกจะเลี้ยงง่ายแต่ไม่ใช่ฉันไม่เหนื่อย เหนื่อยมาก! ฉันเป็นคุณแม่ยังสาวที่หุ่นดีจนผู้ชายมองเหลียวหลัง จะบอกอะไรให้ แต่ก่อนหุ่นฉันเฉย ๆ มาก! รูปทรงก็ไม่ค่อยชัดและได้สัดส่วน แต่หลังจากคลอดลูกเท่านั้นแหละ คนละคนกันเลยนมตูดมาเต็ม! ซึ่งฉันชอบมาก... สามีก็ชอบ จัดการลูกเรียบร้อยฉันก็ขับรถออกจากคอนโด เราสองแม่ลูกแวะซุปเปอร์กันนิดหน่อย ฉันซื้อแครอท ซื้อบรอกโคลี ณเพชรเขาไม่ดื้อนะ เขาแค่มองตามมือฉันว่าฉันหยิบจับอะไร บ้างก็อยากจับด้วยเพราะสงสัย เป็นแบบนี้จนฉันซื้อของเสร็จ พอถึงบ้านฉันก็เอาผักทุกอย่างไปล้างให้เขานั่งเล่นที่พื้น สีส้มของแครอทสีชัดเจน บรอกโคลีก็เขียว
ฉันยกมือบีบแขนคุณหมอศัลเบา ๆ บีบจนเขาเงยหน้าที่ซุกตามซอกคอ ขึ้นมาจุมพิตที่ริมฝีปากฉัน “ขอแฝดหญิงนะคะที่รัก” “ครับ” รับปากฉันเสร็จเขาก็ก้มลงประทับริมฝีปากบบาง ก่อนจะเลื่อนมือที่จับตรงหัวไหล่ ลงมาดึงสายชุดนอน ชุดนอนสายเดี่ยวถูกเขาเกี่ยวสาย ถอดออกอย่างง่ายดาย ฉันตั้งใจใส่เพื่อจะให้นมลูกง่าย ๆ แต่ไม่คิดว่ามันจะง่ายถึงขนาดปลดได้แค่ปลายนิ้วแบบนี้ เมื่อสองเต้าที่เปลือยเปล่าประจันหน้าเขา ริมฝีปากที่พรมจูบเบา ๆ ก็ไล่ลงไปหามัน เขาส่งแค่ปลายลิ้นอุ่น ๆ ตวัดวนเท่านั้น สลับกับมือใหญ่ ที่ลูบคลำตามฐานเต้าเบา ๆ “อื้ม~” ไม่นานฉันก็ถูกถอดพันธการช่วงล่างอย่างรวดเร็ว ตามด้วยมือใหญ่ที่ใช้ปลายนิ้ว ถูตามแยกสวาทฉัน เขาเริ่มกดนิ้วกลางลงเบา ๆ เพื่อกระตุ้นน้ำสวาท บ้างก็พยายามดันมันเข้าไป และถูรอบ ๆ แบบนั้น แต่ทุกอย่างถูกกระทำอย่างเบามือ “อ่ะ อื้ม~ เสียวจัง” ฉันเริ่มบีบไหล่ ที่ขยับต่ำลงไปเรื่อย ๆ ตามหว่างขา โดยที่นิ้วยาวเขายังละเลงเล่นตุ่มกระสันช้า ๆ อยู่แบบนั้น เมื่อริมฝีปากไล่ลงไปถึงยอดที่เขาโปรดปราน เขาก็ลงลิ้นทักทายมันทั