“ห้ามแซว แม่แค่จะเช็ดตัวให้” ฉันอมยิ้ม แล้วเดินกลับไปจิ้มไหล่แม่ เอาจริง ๆ ฉันก็ไม่อยากแกล้งท่านหรอก แต่ที่ผ่านมา ฉันไม่เคยเห็นแม่เขินอะไรแบบนี้เลย มันเห็นแล้วน่ารักดี “ไม่แซวค่ะไม่แซว งั้น... หนูกลับแล้วนะคะ ถ้าพ่อไม่ไหว โทรหานะคะแม่” แม่พยักหน้าเบา ๆ ก่อนคนข้าวต้มในหม้อต่อ แล้วฉันกับคุณหมอศัล ก็ขับรถออกมา นี่ก็สี่โมงกว่าแล้ว เราจะกลับไปทำงานกันต่อก็ยังไง ๆ อยู่ เราจึงตัดสินใจกลับคอนโด ฉันเองก็เบื่อ ๆ อยากจะไปหาอะไรทำแก้เซ็ง ระหว่างทางฉันกับเขาก็คุยกันไปเรื่อย ส่วนมากก็เรื่องที่เกิดขึ้นที่บ้านนั่นล่ะ “เบบี๋เก่งจัง รับได้ทั้งคู่เลย แต่เอาจริง ๆ น่าจะปล่อยให้มินมันตกลงมานะ” เขามองฉันแว๊บนึง แล้วหันไปขับรถต่อ “บาปกรรมเปล่า ๆ ตบเขาเลือดกลบปากแบบนั้นก็พอแล้ว” อุ้ย! พอนึกถึงเรื่องนั้น ฉันก็ยกมือตัวเองขึ้นดู คือมันยังแดง ๆ อยู่เลย ฉันไม่เคยตบใครเลยนะเนี่ย เลยไม่รู้ว่าควรยั้งมือ หรือลงแรงขนาดไหน “เจ็บไหม?” ฉันติดอยู่ในภวังค์ไม่ทันไร มือใหญ่ ๆ ก็เอื้อมมาประสาน กุมมือฉัน
พอดอกไม้กับลูกโป่งเรียบร้อยทุกอย่าง ฉันก็ขับรถตามพ่อแฟนไปอย่างทุลักทุเล เพราะไอ้ลูกโป่งสีฟ้ากับสีชมพูในรถ มันแน่นจนเกิดไฟฟ้าสถิต ทำผมฉันยุ่งเหยิงชี้ไปหมด เฮ้อ... แต่ไม่เป็นไร เพื่อหลาน ฉันก็ตั้งใจจะเอาไปให้ทั้งน้ำปั่นทั้งซินน์นั่นล่ะ เพื่อนฉันมันมีครอบครัวมีลูกกันหมดแล้วเหลือแค่ฉัน งั้นขอเห่อลูกเพื่อนไปก่อนแล้วกัน เมื่อมาถึง พ่อแฟนท่านก็ถือช่อดอกไม้แอบไว้ข้างหลัง ก่อนจะเดินย่องเข้าบ้าน แล้วหันมาพยักหน้าให้ฉันรีบตามไป ฉันจึงดึงลูกโป่งอัดแก๊สออกมาทั้งหมด เดินตามหลัง ความน่ารักของท่าน ที่แอบซ่อนช่อดอกไม้ ฉันเห็นแล้วอดยิ้มตามไม่ได้จริง ๆ นาวินเหมือนพ่อนี่เอง น่ารัก โรแมนติก แล้วนาวาแฟนฉันล่ะ เหมือนใคร? ป้าหวาน? เอ่อ... ก็ไม่น่าใช่ พอฉันเข้ามาข้างในก็เห็นทุกคนยืนแซวลุงนายอยู่ ส่วนเขาคนนั้น คุณหมอศัล เขามองฉันนิ่ง ๆ ไม่สิ เขามองทะลุฉันไปเลย! ฉันจึงยื่นลูกโป่งให้ซินน์กับน้ำปั่นตามจำนวนลูกพวกมัน ทุกคนครึกครื้นมาก คุยกันสนุกสนาน เพราะมันเป็นวันดี ๆ ของหลายคนรวมกัน วันครบรอบแต่งงาน และวันฉลองลูกสาวกับลูกสะ
“ทำไมเหรอ?” เขาถอนหายใจ แต่ไม่ตอบฉัน เอาแต่จ้องถนนแล้วขับรถ จนอยู่ ๆ ก่อนเราจะเลี้ยวเข้าคอนโด เขาก็ถามขึ้นมา “กินยาคุม ไปกี่เม็ดแล้ว?” เงียบไปตั้งนาน ฉันคิดว่าเขาจะเปลี่ยนเรื่องคุยซะอีก! “ไม่แน่ใจ เกือบจะครึ่งแผงแล้วมั้ง” ฉันตอบเขาเสร็จ เขาก็ถอยรถจอดเข้าซองทันที ก่อนที่จะลงจากรถ แล้วอ้อมมาเปิดประตูให้ฉัน “ลงมาสิ ถึงแล้ว” ฉันเก้ ๆ กัง ๆ เพราะยังเดาใจเขาไม่ถูก ว่าคุณหมอศัลเขาถามเรื่องยาคุมทำไม อยากจะมีลูกกับฉัน? หรือว่าไม่อยากวะ? พอลงจากรถ ฉันก็เดินตามเขาขึ้นคอนโดไป เราต่างคนต่างเงียบ ไม่มีใครพูดอะไร แม้กระทั่งตอนอยู่ในลิฟต์ เออ แค่นี้ฉันก็ดูออกแล้วล่ะ ว่าเขาไม่อยากมี! คนจะไปทำลูกกันที่ไหน จะนิ่งใส่กันแบบนี้! ‘ติ๊ง~’ เสียงลิฟต์ที่เปิด ทำฉันดึงสติกลับมาทันที ก่อนที่จะเดินออกไปแตะคีย์การ์ดเข้าห้องตัวเอง จนเขาที่เดินนำฉัน หยุดชะงัก แล้วหันกลับมา “วันนี้นอนที่ไหน?” ฉันจับลูกบิดประตูแล้วถอนหายใจ “เฮ้อ... ที่ไหนก็ได้ แต่ขออาบน้ำก่อนนะ” พอตอบเขาเสร็จ ฉันก็หันมาเปิดประตูเข้าห้
“ลูกฉัน ยังว่ายไม่ถึงไข่ด้วยซ้ำ” จ้ะ! พ่อคนหลักการสูง พ่อคนหัววิทยาศาสตร์ ฉันจึงรีบหาเรื่องอื่น มาชวนเขาคุยแทน ถ้าขืนคุยเรื่องนี้ต่อ มีหวังเขาได้หลอกด่าฉันโง่อีกรอบแน่ จนเรื่องมินมันแว๊บเข้ามา “เออเบบี๋ เค้ากับแม่ ไปเยี่ยมมินมา” “...” เงียบ ไม่มีเสียงตอบ ฉันจึงเหลือบมองเขาแว๊บนึง อ้าว... ไม่ได้หลับ ก็ลืมตาปกตินี่! งั้นพูดต่อเลยแล้วกัน “ยัยนั่นไม่เห็นมีใครรับไปรักษาเลย แถมเจ้าหน้าที่ยังบอกว่า มีคนออกค่าใช้จ่าย ค่ายาให้อีก” “...” เขาฟังฉันเงียบ ๆ ไม่พูดอะไร ฉันจึงพูดต่อ และสังเกตอาการเขาไปด้วย “ตอนนี้ อาการยัยนั่นคงที่แล้ว อยากรู้จัง ว่าใคร เป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้มัน” คราวนี้ฉันได้ยินเสียงถอนหายใจตามมา ก่อนเขาจะถามฉันกลับว่า “เจ้าหน้าที่ไม่บอกเหรอ?” “ไม่ เขาบอกว่าคนคนนั้นไม่ให้บอกใคร แม่แอบสงสัยพ่อเหมือนกัน และเค้า ก็สงสัยเบบี๋ด้วย” เขาลุกขึ้นนั่งทันที จนฉันเห็นแผ่นหลังขาว ๆ ที่มีรอยเล็บฉันเมื่อคืน โห... รุนแรงเหมือนกันนะเรา “สงสัยทำไม ยัย
ฉันดันขนมเข้าปาก แล้วมองหน้าเขา นี่ถึงขนาดไม่ให้ฉัน ทำการทำงานเลยเรอะ! “งั้นหลังแต่งงานก็ได้ เค้าไม่อะไรแล้ว” เม้มปากปิดแทบไม่ทัน เมื่อเจอสายตาจริงจัง ที่หันขวับมาจ้องฉัน! “พูดออกมาได้ไง เป็นคนอยากมี พอฉันมียาก ฉันก็รู้สึกเฟลสิ เฮ้อ! ทำไมวะ ทำไมพวกมันติดง่ายฉิบ!” ง่ะ พวกมันนี่คือ... นาวิน เวียร์ ไทม์ ใช่ไหม “อย่าไปเทียบกับพวกนั้นเลย เบบี๋ทำงานหนัก และเหนื่อย แถมยังผ่าตัดเครียด ๆ อีก ใช่มะ” “เฮ้อ! ไม่ให้เทียบได้ไง มันล้อทุกวัน ว่าฉันไม่มีน้ำยา” ตายแล้ว! ว่าแฟนฉันแบบนี้ได้ไง! “เบบี๋บอกเพื่อนเหรอ ว่าเราจะมีลูก?” เขาส่ายหน้าเบา ๆ แล้วกินผักต่อ ถ้ามีหูยาว ๆ ฉันคงคิดว่าเขาเป็นกระต่ายไปแล้ว “ไม่ได้บอก ขนาดไม่บอก พวกมันยังเกทับ ไอ้เพื่อน กับแฝด ไม่มีคุณภาพ” ใจเย็น ๆ ค่ะ ใจเย็น ๆ “โอ๋เอ๋นะ ครั้งนี้ต้องท้อง! มา ๆ เค้ากินผักเป็นเพื่อนเอง ห้าวันที่จะถึง เราจะจับมือกัน ทำมิสชั่นนี้ให้สำเร็จ นาวาน้อยต้องมา ฮึบ!” เขาหันมาม
‘ตึ้ง~’ PFPIG2: อ้วน! ฉันเปิดตาอ่านข้อความ สลับกับมองแท่งตรวจครรภ์ที่ตัวเองถืออยู่ จนเขาส่งข้อความมาอีก PFPIG2: ไม่เป็นแบบนี้สิ เครียดนะ PFPIG2: จะไปแล้ว ขอกอดได้ไหม ‘ครืน ครืน~’ Darling | Calling ฉันกดตัดสาย แล้วลุกขึ้นกดชักโครก ก่อนจะเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำ มองเกตเช็คอินแต่ละช่องแต่ละช่อง แล้วหยิบพาสปอร์ตตัวเองที่ถือติดตัวไว้ตลอดออกมา เท่าที่จำได้ ไฟลท์บินของเขา คืออีกสามชั่วโมงข้างหน้า มันมีเวลาเหลือเฟือที่ฉันจะออกตั๋ว ฉันไม่รอช้า รีบเดินไปดูแพลตฟอร์มตารางเที่ยวบิน ก่อนจะหยิบผ้าคลุมไหล่มาพันลวก ๆ ไม่ให้ใครเห็น จนฉันไปสะดุดเข้า กับไฟลท์ ที่น่าจะเป็นไฟลท์เดียวกับเขา นี่มันสายการบิน ที่ไคล์กับต้นไม้เป็นกัปตันนี่! เมื่อไฟลท์ทุกอย่างชัดเจน ฉันก็เดินไปที่เคาน์เตอร์ขายตั๋ว ซึ่งตอนนี้ พนักงานกำลังเก็บแผ่นพับ เก็บของทุกอย่างลงจากโต๊ะ “เอ่อ... ขอออกตั๋วไปลอนดอนหนึ่งที่นั่งค่ะ ไฟลท์บ่ายโมงยี่สิบนาที” พนักงานถึงกลับมองหน้ากัน ก่อนจะหันมายิ้มแห้ง ๆ ตอบฉัน
“ค่อยว่ากัน ไปแล้วนะ ๆ เจอกันค่ะกัปตัน” ฉันโบกมือบ้ายบายสองคนนั้น แต่ไคล์กลับวิ่งไปหาเจ้าหน้าที่ภาคพื้น แล้วชี้มาที่ฉันแทน จนเจ้าหน้าที่ ที่เขาคุยเข็นรถเข็นออกมา “รบกวนด้วยนะครับ ผู้โดยสารท้องอ่อน ๆ เดินไปเกตไกล ๆ ไม่ไหว” คุณพระ... ไคล์อ่ะ! ไคล์ หนูจะละมุนไปไหนลูก! พอฉันนั่งลงที่รถเข็นปุ๊บ สองคนนั้นก็รีบเดินไปอีกฝั่ง ก่อนเจ้าหน้าที่จะขอบอร์ดดิ้งพาสกับพาสปอร์ตฉัน ไปยื่นให้พนักงานอีกคนที่เกต หน้าเกต “ผู้โดยสารต้องการเค้กเซอร์ไพรส์ด้วยไหมคะ” เจ้าหน้าที่สาวสวย เธอก้มลงมาถามฉันเบา ๆ รู้ได้ไงว่าฉันจะเซอร์ไพรส์เนี่ย! “เอ่อ ก็... ก็ได้ค่ะ” “ค่ะ มีกระเป๋า carry on (ถือขึ้นเครื่อง) ไหมคะ” ฉันส่ายหน้าเบาๆแล้วยกกระเป๋าสะพายให้พนักงานดู “มีแค่นี้ค่ะ เดี๋ยวถึงเวลาเครื่องขึ้น ก็จะรีบลง” งงกันล่ะสิ รวยตั๋วฟรีค่ะ ใช้สิทธิน้อง แล้วฉันก็ถูกพาขึ้นเครื่องก่อนใคร โดยที่ยังเห็นพนักงานทำความสะอาดเดินกันให้ควัก! แต่เครื่องลำนี้เป็น A380 สองชั้น ชั้นธุรกิจเฟิร์ส
“คุณโทรหาลูกติดรึป่าว หายไปไหนวันนี้ หมอนาวาเขาไปอังกฤษแล้วนี่ ทำไมเจ้าปลายยังไม่กลับอีก เฮ้อ... ใบไม้ไปหาที่คอนโดก็ไม่เจอ” ฉันพร่ำกดโทรหาลูกสาว เพราะนี่ก็ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว ฉันยังติดต่อเธอไม่ได้ “คุณหยุดโทรก่อนสิ เราโทรชนกันน่ะ” จริงด้วย ฉันโยนโทรศัพท์ลงโซฟาอย่างหัวเสีย นี่เขาไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลยใช่ไหม ลูกหายไปนะ! “คุณยังมีอารมณ์ยิ้มอีก ไม่ห่วงลูกรึไง” เขาลุกขึ้นจากโซฟา แล้วจูงมือฉันไปนั่งข้าง ๆ “ไม่หายไปไหนหรอก ถ้าหายไป ก็คงนั่งเครื่องไปส่งหมอนาวาที่อังกฤษ” ฉันที่คิดวิตก หันขวับ มองอาจารย์หมอข้าง ๆ ตกใจ ปลายฟ้าไปอังกฤษ? ตลกรึป่าว ไม่ใช่ง่าย ๆ ไหนต้องขอวีซ่า ขออะไรตั้งหลายอย่าง! “คุณอย่ามาอำฉันเล่นน่า” ฉันตีแขนเขา ก่อนจะเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ มากดโทรต่อ “ไม่ได้อำ หมอนาวาเคยบอกผม ว่าลูกเราขอวีซ่าอังกฤษไว้ตั้งสามเดือน เธออยากจะไปด้วย แต่หมอนาวากลัวไม่มีเวลาให้ เลยห้ามไว้ นี่ถ้าหายไป คงไปด้วยแล้วล่ะ แต่แปลกนะ ไม่โทรบอกพ่อกับแม่เลย” นี่ลูกสาวฉัน ถึงขั้นยื่นวีซ่า เตรียมตัวตามผู้ชายไปถึ
“พ่อครับ ผู้หญิงที่ผมคบด้วยเอาแต่ใจมาก ผมจะเลิกแล้วล่ะ ปวดหัว” ผมหันมองลูกชายที่นั่งเบาะข้างแวบนึง ลูกชายอายุสิบสี่ จะมีแฟนก็ไม่แปลก แต่ที่แปลกคือเปลี่ยนบ่อยเหลือเกิน แล้วแต่ละคนที่เลิกก็จะมาปรึกษาผมแบบนี้ กับแม่เขาไม่ปรึกษาหรอก เพราะปลายฟ้าจะบอกแค่ว่าให้ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ คุย แต่ผมไม่... “อืม ก็เลิกสิ ถ้าปวดหัวก็เลิก อย่าให้กระทบการเรียน” ลูกชายเม้มปากแล้วพยักหน้าอย่างมั่นใจ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ไอโฟนรุ่นใหม่ออกมาจากกระเป๋ากางเกงนักเรียน ลูกไฮโซออกรุ่นไหนก็จัดรุ่นนั้น ฝีมือแม่เขา นั่นแหละ ชอบสอนให้ลูกฟุ่มเฟือย ซึ่งผมเตือนแล้วเตือนอีกเพราะอดห่วงตอนส่งไปเรียนอังกฤษไม่ได้ ถ้าลูกใช้เงินไม่คิดแบบนี้ ผมกับเมียได้กินแกลบกินเกลือแน่ “พี่ณเพชรจะเลิกกับผู้หญิงอีกแล้วอ่ะ ณพิม มาดูเร็ว ๆ” สองแสบรีบเกาะเบาะ ยื่นหน้ามาดูจอโทรศัพท์กับพี่ชาย แต่ณเพชรรีบเก็บใส่กระเป๋าไว้แล้วเบือนหน้าหนี “เอ้า ทำไมเก็บแล้วล่ะคะ ปรึกษาได้นะ ณพิมก็ผู้หญิง” ณพิมยังใจจดใจจ่ออยากดูโทรศัพท์ แต่ณพลอยเธอมีเป้าหมายใหม่ ลุกขึ้นเกาะเบาะผม ก่อนจะยื่นแขนเล็ก ๆ ขอ
สิบปีผ่านไป... “ณภัทร ณเพชร กลับได้แล้ว” ไม่อยากจะเชื่อ ตอนนี้ฉันเป็นยายแก่ที่ยืนโบกไม้โบกมือหน้าโรงเรียนมัธยม ฉันมารอรับลูกกับหลานทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ เว้นแต่หลานสาว ที่หมอนาวาพ่อพวกเธอเป็นคนไปรับเอง เพราะณพลอย ณพิมเรียนโรงเรียนประถมที่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลมาก ก็พ่อเจ้าหล่อนเล่นหวงขนาดนั้น ฉันบอกให้ย้ายโรงเรียนมาเรียนกับปลายฝนก็ไม่ยอม! หมอนาวาไม่อยากคาดสายตาไปไหน เขาทำงานที่โรงพยาบาลใกล้ ๆ ว่างเขาก็แว๊บไปดูลูกได้ตลอด ส่วนณเพชรรายนั้นไม่น่าห่วงแล้ว เพราะเขาโตเป็นหนุ่มอายุสิบสี่เรียนโรงเรียนเดียวกับน้า แหงล่ะอะไรก็น้า ๆ เขาน่ะตัวติดน้าอย่างกับอะไร เด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน แถมหน้าตาก็ไม่ไกลกันมาก บางทีฉันก็แก่จนเรียกผิดเรียกถูก ไม่รู้คนไหนลูกคนไหนหลาน ยิ่งทั้งสองกำลังเข้าสู่วัยรุ่น วัยกำลังโตที่นั่งเล่นเกมส์ เหล่หญิง และอ่านหนังสือกัน เรื่องอ่านหนังสือต้องยอมรับลูกชายฉันณภัทร เขาสอนหลานได้ดีมาก เขาติวหนังสือให้กันจนติดท็อปโรงเรียนทั้งคู่ ผิดกับปลายฝนลูกสาวบุญธรรม รายนั้นเธอชอบวาดรูปชอบศิลปะ ทุกครั้งที่หนุ่ม ๆ ทวนวิชา
สรุปแม่ฉันก็ได้เด็กคนนั้นมาเลี้ยง ใช่ค่ะเธอน่ารักจริง ๆ เรียบร้อยมาก ณภัทรก็ดูรักมาก กลับจากโรงเรียนก็หอม ตื่นเช้าจะไปโรงเรียนก็หอม ฉันพาสองสาวไปเลี้ยงที่นั่นบ่อย เห็นแทบทุกช็อตทุกตอน และเห็นอีก ว่าแม่แทบไม่ต้องเลี้ยงเจ้าหนูคนนั้น เธอเหมือนเด็กที่สงบเสงี่ยมเจียมตัว เอาแต่มองหน้าทุกคนแล้วยิ้ม เจ็บปวดอะไรก็ต้องเจ็บปวดจริง ๆ ถึงจะร้องแอ๊ะออกมา แค่ร้องแอ๊ะนะ เรื่องร้องงอแง แม่บอกว่านอกจากวันแรกที่เห็นที่โรงพยาบาล แม่ก็ไม่ได้เห็นอีกเลย “ปลายฝนไม่ร้องแบบนี้ แม่รู้ได้ไงคะว่าน้องหิว?” “กะเวลาเอาสิ ปลายฝนจะหิวและทำอะไรตามเวลาเป๊ะ ๆ แล้วสองสาวล่ะ อยู่กับลูกที่บ้านดื้อไหม?” “ไม่ดื้อค่ะ จะว่าไปตอนนี้หนูเริ่มชินแล้ว หน้าที่แม่ยิ่งใหญ่จริง ๆ แบบว่า เหนื่อยจนชินค่ะ” แม่ขำเบา ๆ พร้อมกับเขย่าขวดนมเตรียมป้อนปลายฝน ก่อนที่ฉันจะอุ้มณพลอยเข้าเต้าอีกคน และนั่งมองน้องไปด้วย ปลายฝนเป็นเด็กที่ไม่เหมือนเด็ก แววตาเธอเหมือนผู้ใหญ่ที่เฝ้าสังเกตและสำรวจตลอดเวลา ฉันไม่อยากเชื่อ ว่าเด็กเดือนกว่า ๆ จะรู้เรื่องและทำอะไรทุกอย่างเป
คุณน้ำหวานยิ้มให้ฉัน เหมือนเป็นรอยยิ้มแห่งความหวัง เราเป็นแม่คนและมีหลานเหมือน ๆ กัน เราดูกันออก แล้วคุณน้ำหวานก็พาฉันไปที่ห้องเด็กอ่อนทันที ที่ตอนนี้ในห้อง มีตำรวจสองสามคนยืนคุยกับกุมารแพทย์ “เรื่องถึงไหนแล้วคะ?” คุณน้ำหวานถามทันทีเมื่อเดินไปถึง ฉันจึงค่อย ๆ เดินอ้อมไปดูเด็กผู้หญิงคนนั้นที่เตียงเด็ก ตายแล้ว เหมือนที่คุณน้ำหวานพูดเลย เธอน่ารักจิ้มลิ้มจริง ๆ ตอนเธอร้องไห้ฉันรู้สึกเศร้าใจตาม อยากจะอุ้มขึ้นมาโอ๋มาก ‘อุแว้~ อุแว้~’ มีรอยมดกัดเต็มแก้ม น่าสงสารจริง ๆ ทำไมถึงทิ้งได้ลง ลูกทั้งคนนะ “ดูจากกล้องวงจรปิด มีคนอุ้มเด็กมาทิ้งราว ๆ เจ็ดโมงเช้าครับ ลักษณะรูปร่างคล้ายผู้หญิง เธอสวมหมวกบัตเก็ตกับมาสก์ปิดปาก และเธอเอียงตัวหลบเหมือนรู้จักมุมกล้องเป็นอย่างดี” คุณน้ำหวานพยักหน้ารับ พลางก้มมองเจ้าตัวเล็กที่ร้องงอแงไปด้วย “เห็นป้ายทะเบียนรถไหมคะ?” “ไม่เห็นครับ เพราะเธอเดินมา และเธอก็เดินเท้าเปล่าด้วย” แล้วฉันกับคุณน้ำหวาน ก็หันไปถามพร้อมกัน “เท้าเปล่า?” จริงอยู
“ณพิม เหมือนอ้วนตอนเด็ก ๆ” คุณหมอเขามองหน้าณพิมสลับกับฉัน ดูสายตาเขาสิ มันเป็นประกายมาก ถ้าถอดมาสก์ปิดปากออก ฉันคงได้เห็นรอยยิ้มกว้าง ๆ ของเขา “แต่ณพลอยเหมือนเบบี๋นะ เค้าอยากให้ลูกมีลักยิ้มเหมือนเบบี๋จัง” “ไม่แน่ณพลอยอาจจะมี ใช่ไหมครับ ลูกสาวพ่อ” ละมุนจริง ๆ เลยกับลูกสาวเนี่ย “จ้า ลูกสาวหมอนาวา” ฉันล้อเขาเสียงอ่อน เพราะตอนนี้รู้สึกเพลียมาก ก่อนที่พยาบาลเธอจะช่วยอุ้มสอง ณ มาถ่ายรูปครอบครัวกัน วิสัญญีแพทย์ก็จะพูดอะไรสักอย่าง จนฉันเผลอหลับไป “ณเพชรอย่าเสียงดังนะลูก แม่หลับอยู่” เสียงสามีฉันนี่น่า โอ้ย... รู้สึกตึง ๆ ท้องจัง “ปะป๊าณเพชรอยากนอนกับแม่ น้องออกมารึยังครับ?” “น้องอยู่ที่ห้องเด็กอ่อนแล้วครับ เช้า ๆ เดี๋ยวพ่อจะพาไปหาน้องนะ ตอนนี้ณเพชรต้องนอนลูก” “ปะป๊า ณเพชรอยากไปตอนนี้เลยครับ” “รอครับ ณเพชรต้องรู้จักรอ ตอนนี้ตีสี่นะ รบกวนคนอื่นเขา” แล้วเสียงเล็ก ๆ ของลูกชายก็เงียบไป ถ้าให้ฉันเดา ตอนนี้เขาคงเดินกอดผ้าทำหน้าบึ้งใส่พ่ออยู่ โถลูก... แม่ไม่ไหวจริง ๆ
ณเพชรปราบพ่อนาวาอยู่หมัด หลังจากวันนั้น ความบันเทิงก็เกิดขึ้นนับไม่ถ้วน เมื่อฉันต้องเข้าแอ็ดมิทที่โรงพยาบาลเพื่อรอคลอด แน่นอนพ่อนาวาต้องเลี้ยงณเพชรมากกว่าเดิม หนำซ้ำบางวันมีณภัทรมาด้วย รายนั้นเขาไม่เถียงพี่เขยหรอก แต่ณเพชรนี่สิ สายกวนประสาทพ่อ “ปะป๊า วันก่อนณเพชรเอาเรื่องปะป๊าไปถามคุณครู คุณครูบอกว่า... “ “อะไรนะณเพชร?” “ครับ ปะป๊าไม่อธิบายเรื่องช้างน้อย ณเพชรเลยถามคุณครูครับ” คุณหมอนาวาทรุดนั่งข้าง ๆ ลูกชาย ก่อนจะชันเข่าขึ้นมากอดไว้ “ชีวิตกูเนี่ยนะ” “ชีวิตปะป๊าทำไมครับ ช้างน้อยปะป๊าโกรธณเพชรเหรอ?” เขาเงยหน้าขึ้น มองฉันขอความช่วยเหลือ เพราะคำว่าช้างน้อย ฉันสอนณเพชรพูดเองล่ะ เอ่อ ของพ่อไม่มีคำว่า ‘น้อย’ นะลูก ช้างเลยล่ะ! “ถ้าณเพชรไม่ลืมเรื่องนี้ พ่อนี่แหละจะโกรธ” ณเพชรเงียบ และหันไปหาณภัทร จนน้าเขาชี้นิ้วไปจิ้มอกหลานเบา ๆ “ฟังน้า อย่าทำให้พ่อโกรธเข้าใจไหม เดี๋ยวโตขึ้นพ่อไม่ให้ตังค์ไปโรงเรียน” สอนหลานน่ารักเชี
เรื่องดุลูก ปากคุณหมอศัลนี่ไวจริง ๆ ฉันต้องอุ้มณเพชรไปห่าง ๆ เขา จนลูกหลับถึงได้กลับมาขึ้นเตียงนอนเหมือนเดิม ณเพชรเป็นแบบนี้จนถึงสามขวบ เป็นลูกชายที่ติดแม่เหมือนนาวีลูกซินน์ และฉันไม่สามารถที่จะโอ๋ประคบประหงมเขาได้เหมือนแต่ก่อน เพราะตอนนี้ฉันก็ท้องจวนคลอดแล้ว ใช่ค่ะ กว่าจะท้องแฝดได้ ฉันกับคุณหมอศัลเราปั๊มกันนานเหลือเกิน แต่เราภูมิใจนะ ที่ท้องแฝดและได้ผู้หญิงเหมือนที่ตั้งใจ ลูกสาวสองคนห่างจากพี่ชายสามปี พอดิบพอดีที่จะเป็นเพื่อนกับลูกสาวไออุ่น นึกไม่ถึงล่ะสิ! ไออุ่นท้องแล้ว ฮ่า ๆ ฉัน น้ำปั่น ซินน์ รู้ข่าวปุ๊บ ก็นัดกันไปขำใส่หน้ามันปั๊บ! เพราะน้ำปั่นโอมเพี้ยง ๆ ใส่ท้องมันทุกครั้งที่เจอกัน ตอนนี้มันท้องได้สี่เดือนแล้ว แถมได้ลูกสาวด้วย มันหงุดหงิดเวียร์หนักมาก นั่งยันนอนยันว่าคลอดคนนี้จะทำหมันเหมือนซินน์ อย่าว่าแต่ไออุ่นเลยฉันก็จะทำหมันเหมือนกัน เพราะณเพชรไม่ได้เลี้ยงง่ายเหมือนเดิม ยิ่งพูดได้ยิ่งแสบ รู้ทุกเรื่อง! ยิ่งกับณภัทรน้าเขา คือเข้าขากันดีมาก แต่โชคดีที่ณเพชรเขาไม่เถียงฉัน เขาเถียงพ่อแทน! เถียงเหมือนที่คุณหมอ
คุณหมอศัลดูช็อกนิด ๆ แต่ก็ไม่พูดอะไร จนเขาเปิดประตูห้องออกไป ฉันถึงพาลูกกลับไปนอนที่เตียงเด็กและรีบอาบน้ำ แต่งหน้าแต่งตัวเรียบร้อยก็พอดิบพอดีที่ลูกตื่น อาจจะช้าไปบ้าง เพราะฉันต้องสุ่มเดินไปดูว่าณเพชรตื่นรึยังเพราะเขาตื่นมา เขาจะมองเพดานเงียบ ๆ ไม่ส่งเสียงร้องอะไร พอเขาตื่นฉันก็อาบน้ำแต่งตัวให้ เรื่องอาหารเด็กอ่อน ให้เขาไปกินที่บ้านกับน้าณภัทรแล้วกัน ฉันไม่ว่างทำ ถึงลูกจะเลี้ยงง่ายแต่ไม่ใช่ฉันไม่เหนื่อย เหนื่อยมาก! ฉันเป็นคุณแม่ยังสาวที่หุ่นดีจนผู้ชายมองเหลียวหลัง จะบอกอะไรให้ แต่ก่อนหุ่นฉันเฉย ๆ มาก! รูปทรงก็ไม่ค่อยชัดและได้สัดส่วน แต่หลังจากคลอดลูกเท่านั้นแหละ คนละคนกันเลยนมตูดมาเต็ม! ซึ่งฉันชอบมาก... สามีก็ชอบ จัดการลูกเรียบร้อยฉันก็ขับรถออกจากคอนโด เราสองแม่ลูกแวะซุปเปอร์กันนิดหน่อย ฉันซื้อแครอท ซื้อบรอกโคลี ณเพชรเขาไม่ดื้อนะ เขาแค่มองตามมือฉันว่าฉันหยิบจับอะไร บ้างก็อยากจับด้วยเพราะสงสัย เป็นแบบนี้จนฉันซื้อของเสร็จ พอถึงบ้านฉันก็เอาผักทุกอย่างไปล้างให้เขานั่งเล่นที่พื้น สีส้มของแครอทสีชัดเจน บรอกโคลีก็เขียว
ฉันยกมือบีบแขนคุณหมอศัลเบา ๆ บีบจนเขาเงยหน้าที่ซุกตามซอกคอ ขึ้นมาจุมพิตที่ริมฝีปากฉัน “ขอแฝดหญิงนะคะที่รัก” “ครับ” รับปากฉันเสร็จเขาก็ก้มลงประทับริมฝีปากบบาง ก่อนจะเลื่อนมือที่จับตรงหัวไหล่ ลงมาดึงสายชุดนอน ชุดนอนสายเดี่ยวถูกเขาเกี่ยวสาย ถอดออกอย่างง่ายดาย ฉันตั้งใจใส่เพื่อจะให้นมลูกง่าย ๆ แต่ไม่คิดว่ามันจะง่ายถึงขนาดปลดได้แค่ปลายนิ้วแบบนี้ เมื่อสองเต้าที่เปลือยเปล่าประจันหน้าเขา ริมฝีปากที่พรมจูบเบา ๆ ก็ไล่ลงไปหามัน เขาส่งแค่ปลายลิ้นอุ่น ๆ ตวัดวนเท่านั้น สลับกับมือใหญ่ ที่ลูบคลำตามฐานเต้าเบา ๆ “อื้ม~” ไม่นานฉันก็ถูกถอดพันธการช่วงล่างอย่างรวดเร็ว ตามด้วยมือใหญ่ที่ใช้ปลายนิ้ว ถูตามแยกสวาทฉัน เขาเริ่มกดนิ้วกลางลงเบา ๆ เพื่อกระตุ้นน้ำสวาท บ้างก็พยายามดันมันเข้าไป และถูรอบ ๆ แบบนั้น แต่ทุกอย่างถูกกระทำอย่างเบามือ “อ่ะ อื้ม~ เสียวจัง” ฉันเริ่มบีบไหล่ ที่ขยับต่ำลงไปเรื่อย ๆ ตามหว่างขา โดยที่นิ้วยาวเขายังละเลงเล่นตุ่มกระสันช้า ๆ อยู่แบบนั้น เมื่อริมฝีปากไล่ลงไปถึงยอดที่เขาโปรดปราน เขาก็ลงลิ้นทักทายมันทั