“ผมเบื่อกระบวนการทางกฎหมายนี้จริง ๆ มันช้าไม่ทันใจ” อาจารย์ยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะยกแก้วไวน์ที่ผมรินให้ขึ้นมาดู “ปล่อยให้เวรกรรมทำงานของมัน...” ผมนั่งสังเกตอาจารย์อยู่สักพัก เพราะท่าทางท่าน เหมือนจะมั่นใจกับหมอเอกจริง ๆ แต่ผมก็ไม่อยากถามอะไรให้มากความหรอก จึงนั่งจิบไวน์ไปเรื่อย ๆ และมองตามหลังปลายฟ้า ที่ยังใส่ชุดราตรีตัวนั้น ส่งยิ้มหวานทักทายคนนู้นคนนี้ จนจบงาน “คุณเมารึป่าว” แม่ยายเดินมาถามอาจารย์ที่โต๊ะ พร้อมกับจับไหล่ท่าน จนอาจารย์มองผม แล้วยิ้มอย่างภูมิใจ “ไม่เมา แต่ผมไม่ขับรถดีกว่า อันตราย คุณง่วงรึยัง” อาจารย์พูดจบ ก็จับมือแม่ยายมานั่งข้าง ๆ “นิดหน่อย คุณดื่มพอรึยังล่ะ” ท่านยกไวน์ดื่มพรวดเดียว แล้วหันไปยิ้มหวานให้แม่ยายทันที “ครับ พอแล้ว” และแม่ยาย ก็หันมามองผมแทน “หมอนาวา ฝากเจ้าปลายด้วยนะ คุณอย่าเมาก่อนล่ะ ดูนั่น...เจ้าปลายเหมือนจะเมาแล้ว” ผมดันแก้วไวน์ออกทันที ก่อนจะมองไปตามมือแม่ยายที่ชี้ไปข้างหลัง จนผมเห็นปลายฟ้า เธอยืนไม่นิ่ง คุยกับเพื่อนเสียงดัง “ได้ครับ” ท่านพยักหน้ากำชั
และวันนี้ก็เป็นวันที่สาม ที่หมอเอกออกจากคุกแล้วหายไป อาจารย์จากที่เงียบ ตอนนี้เริ่มไม่นิ่งนอนใจแล้ว ท่านรีบเร่งตำรวจ ให้เรียกตัวหมอเอกมาสอบเพิ่ม แต่ติดต่อไปยังไง หมอเอกก็เงียบไม่มาตามนัด ตำรวจเลยออกหมายจับทั้งสามคนทันที ไม่มีไกล่เกลี่ยใด ๆ ทั้งสิ้น ก็ดีเหมือนกัน ในชั้นศาลค่อยว่าอีกที แต่ข่าวในทีวียังคงออกไม่เว้นแต่ละวัน ถึงเรื่องฉาวที่สะเทือนไปถึงวงการแพทย์ผม ทั้งคลิปที่ฟางเอาไปปล่อยลงในทวิตเตอร์ที่เธอใช้หาเงิน ทำคนรีทวิตรัว ๆ ปาไปหลายพันคนแล้วตอนนี้ “สรุปไอ้หมอเอกนั่นมันหายไปเหรอ?” วันนี้ผมกับอาจารย์ จึงมาปรึกษากับลุงทีเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะถึงตำรวจจะออกหมายจับยังไง เราก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี ถ้าหมอเอกคิดจะร่วมมือกับเราจริง ตั้งแต่โดนหมายเรียกครั้งแรก เขาคงให้ความร่วมมือแล้ว “ผมผิดเองที่ไว้ใจมัน ผมคิดว่ามันจะคิดได้ ลูกสาวมันมีส่วนไหมไม่รู้ ผมไม่แน่ใจ” “ไม่มีใครผิดทั้งนั้นล่ะ ลูกสาวหมอนั่น จะพังงานแต่งลูกฉัน สมควรโดนบ้างก็ดี” “เรื่องมิน...” ลุงทียกมือขึ้น ปรามผม “ตอนนี้ไม่มีใครผิด รีบหาตัวมันดี
ตัดทิ้ง! พ่อเลี้ยงฟาง ที่นอนกุมน้องชายตัวเองอยู่ ถึงกลับเบิกตากว้าง ก่อนจะค่อย ๆ พลิกตัวคลานหนี ทีละนิด ทีละนิด “อย่า อย่า! อีฟาง! อีเลว! อย่าทำกู” แต่ฟางเดินไปเหยียบหลังพ่อเลี้ยงเธอไว้ทันที ‘อึก’ “มึงสิเลว! กูเจ็บแทบตาย แต่มึงร้องครางอย่างมีความสุข! ชีวิตที่เปื้อนน้ำกามมึงมาหลายปีเนี่ย กูอยากจะทำลายต้นตอมันให้จบ ๆ สักที!” ‘พลั่ก’ “โอ้ย! อีฟาง! อีเด็กเลว!” ฟางกระทืบ และเหยียบหลังพ่อเลี้ยงเธอหนักขึ้น ๆ ก่อนจะพยักหน้าให้ชายชุดดำสามสี่คน เข้ามาใกล้ ๆ “ผม... ขอออกไปข้างนอกนะครับ” ผมรับไม่ได้ รีบถกแขนเสื้อเดินออกไป ตามด้วยอาจารย์ที่เอามือปิดปากตามผมมาติด ๆ จนเรามายืนหน้าห้องลุงทีพิงกำแพง ฟังเสียงร้องโหยหวนที่ดังลั่นออกมานั่น “โอ้ย! โอ้ย... มึง!” “เฮ้ย! มึงเอาตีนปิดปากมันดิ” บ้าเอ้ย! ผมรีบเดินหนีไปอีกทาง ตอนนี้ผมไม่อยากได้ยินเสียงอะไรทั้งนั้น ยิ่งเสียงร้องเจ็บปวดทรมาน ถึงผมจะได้ยินคนไข้ร้องบ่อยครั้ง แต่ครั้งนี้ผมอึดอัดมาก อึดอัด
“ตกใจอะไรกัน ถ้าไม่ไปหามา จะได้เจอมินไหม ส่งเธอเข้าคุกแบบนั้น เรียกลงมาฟร้อนท์ข้างล่าง เธอคงลงมาหรอก” “มึงยังไม่ทิ้ง?” “เออ... กูลืม” เวรเถอะ ถ้าน้องผมเห็น ผมจะเตรียมดอกไม้จันทน์รอมันเลย “เอ่อ... อย่าบอกเมียกูนะ กูขอ” ผมไม่ตอบ รำคาญแม่ง และแล้ว... ลิฟต์ก็หยุดที่ชั้นสิบแปด ‘ติ๊ง’ พอออกจากลิฟต์ ไอ้ไทม์ก็เดินนำไปห้อง ห้องนึง ก่อนที่ผม อาจารย์ ลุงทีจะรีบแอบข้าง ๆ ให้ไอ้ไทม์มันรับหน้ากับมินไปคนเดียว ‘กริ่ง กริ่ง~’ ‘แอด~’ “พี่ไทม์... “ ผมได้ยินแค่เสียง เสียงแหลม ๆ แบบนี้ คงจะเป็นมินนั่นแหละ “มิน พี่มีเรื่องจะคุยด้วย” “เรื่องอะไร เรื่องที่พี่ไทม์ส่งมินไปนอนคุกน่ะเหรอ พี่รู้ไหม ว่าพี่อ่ะ เห็นแก่ตัว! พี่ทิ้งมินไปแต่งงานกับอีหมอหมานั่น!” “ไม่ใช่ พี่ไม่ได้คุยเรื่องนั้น พี่มาคุยเรื่อง คลีนิคพ่อมินที่เป็นข่าว” เหมือนมินจะเงียบไปสักพัก จนไอ้ไทม์ มันเอามือล้วงกระเป๋า แล้วพูดต่อ “คือ... พี่เห็นข่าวหมดแล้ว พี่ไม่คิดว่ามันจะแ
(พีทมึงเป็นห่วงกูเหรอ? หึหึ กูดีใจนะที่มีคนเป็นห่วงกูด้วย กูอ่านแล้วอ่านอีก กูน้ำตาไหลออกมาเลย แปลกว่ะ กูทำกับมึงไว้มาก แต่มึงก็ยังเป็นห่วงกู ) อาจารย์พยักหน้าเบา ๆ “มึงอยู่ไหน?” เสียงสะอื้นอู้อี้ เริ่มดังเล็ดลอดออกมาในสาย ก่อนที่เราจะมองหน้ากัน แล้วตั้งใจฟังใหม่ ทำไมผมรู้สึกว่ามัน ไม่ใช่เสียงคนคนเดียววะ? ผมพยายามเพ่งมองในจอตอนนี้ เหมือนหมอเอกจะอยู่ในโกดังอะไรสักอย่าง มันไม่ค่อยชัด (มึงคือเพื่อนที่ดีที่สุดของกูแล้ว กูไม่น่าทำแบบนั้นกับมึง มึงดีกับกูมาตลอด ไม่เหมือนพวกเวรนั่น! ที่เหยียบย่ำกู หลอกกู เป็นชู้กับเมียกู!) ผมตกใจเบิกตากว้าง เมื่อภาพในมือถืออาจารย์ เป็นหมอกร หมอธนา และภรรยาหมอเอก ที่กำลังถูกมัดมือมัดเท้า ปิดปากอยู่! มินรีบวิ่งอ้อมมาดู เธอถึงกลับทรุด ลงไปนั่งกับพื้น เพราะกล้องแพลนไปหยุดที่แม่ตัวเอง “มึงจะทำอะไร? จับพวกมันส่งตำรวจเถอะ กูจะส่งตำรวจไปเอง ไอ้เอก!” หมอเอกเอื้อมมือ ไปบีบแก้มภรรยาตัวเอง จนเธอหลับตาปี๋ พยายามส่ายหน้าให้หลุดจากมือเขา (อีเลว มึงมันแพศยา มารยาทำเป็นรั
มินเดินไปที่ระเบียง แล้วเปิดม่านสีขาวนั้นออก “แม่คะ ทำไมแม่ร้องไห้ล่ะ?” ผมกับอาจารย์หันไปมองเธออึ้ง ๆ จนอาจารย์ ท่านลุกขึ้นไปจับไหล่มินไว้ “หนูมิน...” “แม่ แม่ร้องไห้ทำไมคะ ไม่ร้องนะ ไม่ร้อง พ่อทำแม่ร้องไห้เหรอ?” มินก้าวขา ทำท่าจะเดินออกไป แต่อาจารย์รีบดึงมือเธอไว้ก่อน “ปล่อยมิน!” “หนูไม่มีใครอยู่ข้างนอก อย่าออกไป” มินพยายามแกะมืออาจารย์ พร้อมกับกระทืบเท้าตึงตังไม่พอใจ “ไม่ ๆ ปล่อยมิน ปล่อยมิน! แม่มินร้องไห้ มินจะไปปลอบแม่!” อาจารย์รีบดึงมิน ที่ดิ้นและพยายามแกะมือมานั่งโซฟา ก่อนจะจับไหล่สองข้าง และจ้องหน้าเธอจริงจัง “หนูมิน แม่หนู อยู่ข้างนอกจริงเหรอ?” มินพยักหน้ารัว “ค่ะ แต่แม่ร้องไห้ แปลกจังเลยนะคะ ทำไมพ่อไม่มาด้วย” มินหันไปมองที่ระเบียงอีกครั้ง แล้วกวักมือ! “แม่เข้ามาสิคะ” ผมถึงกลับขนลุกซู่ เย็นสันหลังวาบจนแทบอยากจะวิ่งออกไปจากห้อง เธอสติไม่ดี หรือเธอเห็นแม่ตัวเองจริง ๆ วะ? “ไปโรงพยาบาลกับลุงไหม? ไปหาพ่อ?” อาจารย์รีบถาม จนผมมองหน้าอาจ
ผมเลื่อนอ่านเนื้อหาข่าวมือสั่น ๆ ผมไม่รู้เลยว่าทางนั้นเป็นไงบ้าง เพราะไม่มีใครอัพเดทหรือส่งข่าวอะไรในไลน์กลุ่มเลย พิษหึง! หมอฆ่าโหดสามศพ โกดังร้าง นครปฐม เวลาสิบเจ็ดนาฬิกาสี่สิบห้านาที ตำรวจได้เข้าไปตรวจสอบโกดังร้างแห่งหนึ่งในจังหวัดนครปฐม เลขที่xx อ.xx เพื่อจับกุมนายแพทย์สาม คน ในคดีคลิปพรากผู้เยาว์ที่คลินิกแห่งหนึ่ง แต่ขณะเข้าจับกุม กลับพบศพผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บสาหัสในโกดัง ผู้เสียชีวิตคือ นพ.เอกมล อัฐพงศ์กุล นพ.ธนา ธนารัตน์ นพ.พงศ์กร นพพลคุณ และผู้บาดเจ็บสาหัสหนึ่งรายคือ นางมนัสดา อัฐพงศ์กุล ภรรยานพ.เอกมล อัฐพงศ์กุล ซึ่งตำรวจคาดว่าเป็นที่มาของเรื่องชู้สาวทั้งหมด จนเกิดเหตุสลดขึ้น จากการตรวจค้น ศพนพ.เอกมล หนึ่งในผู้ตาย มีจดหมายฉบับนึงเขียนตัดเพ้อ ถึงนางมัสดา ภรรยาของตน ถึงปัญหาชู้สาว ซึ่งขณะนี้นางมัสดาถูกนำส่งโรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อย แต่ยังไม่มีรายงานว่าพ้นขีดอันตราย แม่มินรอด? “เบบี๋ ทำไมทำหน้าอย่างนั้น เค้าล้อเล่นน่า” ผมหลุดจากภวังค์ทันที เมื่ออยู่ ๆ ปลายฟ้า ก็เอื้อมมาจับมือผม “ไม่มีอะไร ต
‘ตึ้ง~’ PFPIG2 PFPIG2: (อิโมติคอนแมว) เขาดูไม่ดีใจอะไรเลย! ที่ฉันจะไปด้วย ตอบมาได้ไง ‘อ๋อ... อืม’ ยืนขึ้น เดินหนี แถมฉันยังได้ยินเขาคุยโทรศัพท์ เรียกชื่อมิน ๆ อะไรอีก อุตส่าห์มองข้าม คิดไปทางที่ดี อาจจะชื่อหมา ชื่อแมว ชื่อควาย ชื่ออะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ชื่อคน! แต่ดูท่าทาง ที่เขาแสดงออกกับฉันสิ ไม่ให้ฉันรู้สึกแย่ได้ไง! โสดแม่งดีไหม! เฮ้อ! ฉันไม่ตอบอะไรเขา เพราะไม่เข้าใจความหมาย ของอีแมวบ้าที่เขาส่งมา ‘ตึ้ง~’ PFPIG2: อ้วน... ทำไมอ่านไม่ตอบ ฉัน: อะไร ว่างมากรึไง PFPIG2: อืม ว่างพอดี ไปกินข้าวกันไหม? ฉัน: ไม่หิว PFPIG2: ทำอะไรอยู่... (อิโมติคอนแมวอีกรอบ) ฉัน: ทำไมต้องอิโมติคอนแมว? PFPIG2: เมี้ยว... ไง อะไรอ่ะ ฉันงง... ฉันเริ่มหงุดหงิด ปิดเครื่องแม่ง ถ้ายิ่งคุย ฉันกลัวตัวเองไปปรี๊ดแตกใส่เขา พอตัดปัญหา... ฉันก็กลับมาทำงานต่อ หาเพลงฟังเบา ๆ ผ่อนคลาย ไม่ให้ตัวเองบ้าไปมากกว่านี้ จนผ่านไปพักใหญ่ ฉันเริ่มเคล
“พ่อครับ ผู้หญิงที่ผมคบด้วยเอาแต่ใจมาก ผมจะเลิกแล้วล่ะ ปวดหัว” ผมหันมองลูกชายที่นั่งเบาะข้างแวบนึง ลูกชายอายุสิบสี่ จะมีแฟนก็ไม่แปลก แต่ที่แปลกคือเปลี่ยนบ่อยเหลือเกิน แล้วแต่ละคนที่เลิกก็จะมาปรึกษาผมแบบนี้ กับแม่เขาไม่ปรึกษาหรอก เพราะปลายฟ้าจะบอกแค่ว่าให้ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ คุย แต่ผมไม่... “อืม ก็เลิกสิ ถ้าปวดหัวก็เลิก อย่าให้กระทบการเรียน” ลูกชายเม้มปากแล้วพยักหน้าอย่างมั่นใจ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ไอโฟนรุ่นใหม่ออกมาจากกระเป๋ากางเกงนักเรียน ลูกไฮโซออกรุ่นไหนก็จัดรุ่นนั้น ฝีมือแม่เขา นั่นแหละ ชอบสอนให้ลูกฟุ่มเฟือย ซึ่งผมเตือนแล้วเตือนอีกเพราะอดห่วงตอนส่งไปเรียนอังกฤษไม่ได้ ถ้าลูกใช้เงินไม่คิดแบบนี้ ผมกับเมียได้กินแกลบกินเกลือแน่ “พี่ณเพชรจะเลิกกับผู้หญิงอีกแล้วอ่ะ ณพิม มาดูเร็ว ๆ” สองแสบรีบเกาะเบาะ ยื่นหน้ามาดูจอโทรศัพท์กับพี่ชาย แต่ณเพชรรีบเก็บใส่กระเป๋าไว้แล้วเบือนหน้าหนี “เอ้า ทำไมเก็บแล้วล่ะคะ ปรึกษาได้นะ ณพิมก็ผู้หญิง” ณพิมยังใจจดใจจ่ออยากดูโทรศัพท์ แต่ณพลอยเธอมีเป้าหมายใหม่ ลุกขึ้นเกาะเบาะผม ก่อนจะยื่นแขนเล็ก ๆ ขอ
สิบปีผ่านไป... “ณภัทร ณเพชร กลับได้แล้ว” ไม่อยากจะเชื่อ ตอนนี้ฉันเป็นยายแก่ที่ยืนโบกไม้โบกมือหน้าโรงเรียนมัธยม ฉันมารอรับลูกกับหลานทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ เว้นแต่หลานสาว ที่หมอนาวาพ่อพวกเธอเป็นคนไปรับเอง เพราะณพลอย ณพิมเรียนโรงเรียนประถมที่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลมาก ก็พ่อเจ้าหล่อนเล่นหวงขนาดนั้น ฉันบอกให้ย้ายโรงเรียนมาเรียนกับปลายฝนก็ไม่ยอม! หมอนาวาไม่อยากคาดสายตาไปไหน เขาทำงานที่โรงพยาบาลใกล้ ๆ ว่างเขาก็แว๊บไปดูลูกได้ตลอด ส่วนณเพชรรายนั้นไม่น่าห่วงแล้ว เพราะเขาโตเป็นหนุ่มอายุสิบสี่เรียนโรงเรียนเดียวกับน้า แหงล่ะอะไรก็น้า ๆ เขาน่ะตัวติดน้าอย่างกับอะไร เด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน แถมหน้าตาก็ไม่ไกลกันมาก บางทีฉันก็แก่จนเรียกผิดเรียกถูก ไม่รู้คนไหนลูกคนไหนหลาน ยิ่งทั้งสองกำลังเข้าสู่วัยรุ่น วัยกำลังโตที่นั่งเล่นเกมส์ เหล่หญิง และอ่านหนังสือกัน เรื่องอ่านหนังสือต้องยอมรับลูกชายฉันณภัทร เขาสอนหลานได้ดีมาก เขาติวหนังสือให้กันจนติดท็อปโรงเรียนทั้งคู่ ผิดกับปลายฝนลูกสาวบุญธรรม รายนั้นเธอชอบวาดรูปชอบศิลปะ ทุกครั้งที่หนุ่ม ๆ ทวนวิชา
สรุปแม่ฉันก็ได้เด็กคนนั้นมาเลี้ยง ใช่ค่ะเธอน่ารักจริง ๆ เรียบร้อยมาก ณภัทรก็ดูรักมาก กลับจากโรงเรียนก็หอม ตื่นเช้าจะไปโรงเรียนก็หอม ฉันพาสองสาวไปเลี้ยงที่นั่นบ่อย เห็นแทบทุกช็อตทุกตอน และเห็นอีก ว่าแม่แทบไม่ต้องเลี้ยงเจ้าหนูคนนั้น เธอเหมือนเด็กที่สงบเสงี่ยมเจียมตัว เอาแต่มองหน้าทุกคนแล้วยิ้ม เจ็บปวดอะไรก็ต้องเจ็บปวดจริง ๆ ถึงจะร้องแอ๊ะออกมา แค่ร้องแอ๊ะนะ เรื่องร้องงอแง แม่บอกว่านอกจากวันแรกที่เห็นที่โรงพยาบาล แม่ก็ไม่ได้เห็นอีกเลย “ปลายฝนไม่ร้องแบบนี้ แม่รู้ได้ไงคะว่าน้องหิว?” “กะเวลาเอาสิ ปลายฝนจะหิวและทำอะไรตามเวลาเป๊ะ ๆ แล้วสองสาวล่ะ อยู่กับลูกที่บ้านดื้อไหม?” “ไม่ดื้อค่ะ จะว่าไปตอนนี้หนูเริ่มชินแล้ว หน้าที่แม่ยิ่งใหญ่จริง ๆ แบบว่า เหนื่อยจนชินค่ะ” แม่ขำเบา ๆ พร้อมกับเขย่าขวดนมเตรียมป้อนปลายฝน ก่อนที่ฉันจะอุ้มณพลอยเข้าเต้าอีกคน และนั่งมองน้องไปด้วย ปลายฝนเป็นเด็กที่ไม่เหมือนเด็ก แววตาเธอเหมือนผู้ใหญ่ที่เฝ้าสังเกตและสำรวจตลอดเวลา ฉันไม่อยากเชื่อ ว่าเด็กเดือนกว่า ๆ จะรู้เรื่องและทำอะไรทุกอย่างเป
คุณน้ำหวานยิ้มให้ฉัน เหมือนเป็นรอยยิ้มแห่งความหวัง เราเป็นแม่คนและมีหลานเหมือน ๆ กัน เราดูกันออก แล้วคุณน้ำหวานก็พาฉันไปที่ห้องเด็กอ่อนทันที ที่ตอนนี้ในห้อง มีตำรวจสองสามคนยืนคุยกับกุมารแพทย์ “เรื่องถึงไหนแล้วคะ?” คุณน้ำหวานถามทันทีเมื่อเดินไปถึง ฉันจึงค่อย ๆ เดินอ้อมไปดูเด็กผู้หญิงคนนั้นที่เตียงเด็ก ตายแล้ว เหมือนที่คุณน้ำหวานพูดเลย เธอน่ารักจิ้มลิ้มจริง ๆ ตอนเธอร้องไห้ฉันรู้สึกเศร้าใจตาม อยากจะอุ้มขึ้นมาโอ๋มาก ‘อุแว้~ อุแว้~’ มีรอยมดกัดเต็มแก้ม น่าสงสารจริง ๆ ทำไมถึงทิ้งได้ลง ลูกทั้งคนนะ “ดูจากกล้องวงจรปิด มีคนอุ้มเด็กมาทิ้งราว ๆ เจ็ดโมงเช้าครับ ลักษณะรูปร่างคล้ายผู้หญิง เธอสวมหมวกบัตเก็ตกับมาสก์ปิดปาก และเธอเอียงตัวหลบเหมือนรู้จักมุมกล้องเป็นอย่างดี” คุณน้ำหวานพยักหน้ารับ พลางก้มมองเจ้าตัวเล็กที่ร้องงอแงไปด้วย “เห็นป้ายทะเบียนรถไหมคะ?” “ไม่เห็นครับ เพราะเธอเดินมา และเธอก็เดินเท้าเปล่าด้วย” แล้วฉันกับคุณน้ำหวาน ก็หันไปถามพร้อมกัน “เท้าเปล่า?” จริงอยู
“ณพิม เหมือนอ้วนตอนเด็ก ๆ” คุณหมอเขามองหน้าณพิมสลับกับฉัน ดูสายตาเขาสิ มันเป็นประกายมาก ถ้าถอดมาสก์ปิดปากออก ฉันคงได้เห็นรอยยิ้มกว้าง ๆ ของเขา “แต่ณพลอยเหมือนเบบี๋นะ เค้าอยากให้ลูกมีลักยิ้มเหมือนเบบี๋จัง” “ไม่แน่ณพลอยอาจจะมี ใช่ไหมครับ ลูกสาวพ่อ” ละมุนจริง ๆ เลยกับลูกสาวเนี่ย “จ้า ลูกสาวหมอนาวา” ฉันล้อเขาเสียงอ่อน เพราะตอนนี้รู้สึกเพลียมาก ก่อนที่พยาบาลเธอจะช่วยอุ้มสอง ณ มาถ่ายรูปครอบครัวกัน วิสัญญีแพทย์ก็จะพูดอะไรสักอย่าง จนฉันเผลอหลับไป “ณเพชรอย่าเสียงดังนะลูก แม่หลับอยู่” เสียงสามีฉันนี่น่า โอ้ย... รู้สึกตึง ๆ ท้องจัง “ปะป๊าณเพชรอยากนอนกับแม่ น้องออกมารึยังครับ?” “น้องอยู่ที่ห้องเด็กอ่อนแล้วครับ เช้า ๆ เดี๋ยวพ่อจะพาไปหาน้องนะ ตอนนี้ณเพชรต้องนอนลูก” “ปะป๊า ณเพชรอยากไปตอนนี้เลยครับ” “รอครับ ณเพชรต้องรู้จักรอ ตอนนี้ตีสี่นะ รบกวนคนอื่นเขา” แล้วเสียงเล็ก ๆ ของลูกชายก็เงียบไป ถ้าให้ฉันเดา ตอนนี้เขาคงเดินกอดผ้าทำหน้าบึ้งใส่พ่ออยู่ โถลูก... แม่ไม่ไหวจริง ๆ
ณเพชรปราบพ่อนาวาอยู่หมัด หลังจากวันนั้น ความบันเทิงก็เกิดขึ้นนับไม่ถ้วน เมื่อฉันต้องเข้าแอ็ดมิทที่โรงพยาบาลเพื่อรอคลอด แน่นอนพ่อนาวาต้องเลี้ยงณเพชรมากกว่าเดิม หนำซ้ำบางวันมีณภัทรมาด้วย รายนั้นเขาไม่เถียงพี่เขยหรอก แต่ณเพชรนี่สิ สายกวนประสาทพ่อ “ปะป๊า วันก่อนณเพชรเอาเรื่องปะป๊าไปถามคุณครู คุณครูบอกว่า... “ “อะไรนะณเพชร?” “ครับ ปะป๊าไม่อธิบายเรื่องช้างน้อย ณเพชรเลยถามคุณครูครับ” คุณหมอนาวาทรุดนั่งข้าง ๆ ลูกชาย ก่อนจะชันเข่าขึ้นมากอดไว้ “ชีวิตกูเนี่ยนะ” “ชีวิตปะป๊าทำไมครับ ช้างน้อยปะป๊าโกรธณเพชรเหรอ?” เขาเงยหน้าขึ้น มองฉันขอความช่วยเหลือ เพราะคำว่าช้างน้อย ฉันสอนณเพชรพูดเองล่ะ เอ่อ ของพ่อไม่มีคำว่า ‘น้อย’ นะลูก ช้างเลยล่ะ! “ถ้าณเพชรไม่ลืมเรื่องนี้ พ่อนี่แหละจะโกรธ” ณเพชรเงียบ และหันไปหาณภัทร จนน้าเขาชี้นิ้วไปจิ้มอกหลานเบา ๆ “ฟังน้า อย่าทำให้พ่อโกรธเข้าใจไหม เดี๋ยวโตขึ้นพ่อไม่ให้ตังค์ไปโรงเรียน” สอนหลานน่ารักเชี
เรื่องดุลูก ปากคุณหมอศัลนี่ไวจริง ๆ ฉันต้องอุ้มณเพชรไปห่าง ๆ เขา จนลูกหลับถึงได้กลับมาขึ้นเตียงนอนเหมือนเดิม ณเพชรเป็นแบบนี้จนถึงสามขวบ เป็นลูกชายที่ติดแม่เหมือนนาวีลูกซินน์ และฉันไม่สามารถที่จะโอ๋ประคบประหงมเขาได้เหมือนแต่ก่อน เพราะตอนนี้ฉันก็ท้องจวนคลอดแล้ว ใช่ค่ะ กว่าจะท้องแฝดได้ ฉันกับคุณหมอศัลเราปั๊มกันนานเหลือเกิน แต่เราภูมิใจนะ ที่ท้องแฝดและได้ผู้หญิงเหมือนที่ตั้งใจ ลูกสาวสองคนห่างจากพี่ชายสามปี พอดิบพอดีที่จะเป็นเพื่อนกับลูกสาวไออุ่น นึกไม่ถึงล่ะสิ! ไออุ่นท้องแล้ว ฮ่า ๆ ฉัน น้ำปั่น ซินน์ รู้ข่าวปุ๊บ ก็นัดกันไปขำใส่หน้ามันปั๊บ! เพราะน้ำปั่นโอมเพี้ยง ๆ ใส่ท้องมันทุกครั้งที่เจอกัน ตอนนี้มันท้องได้สี่เดือนแล้ว แถมได้ลูกสาวด้วย มันหงุดหงิดเวียร์หนักมาก นั่งยันนอนยันว่าคลอดคนนี้จะทำหมันเหมือนซินน์ อย่าว่าแต่ไออุ่นเลยฉันก็จะทำหมันเหมือนกัน เพราะณเพชรไม่ได้เลี้ยงง่ายเหมือนเดิม ยิ่งพูดได้ยิ่งแสบ รู้ทุกเรื่อง! ยิ่งกับณภัทรน้าเขา คือเข้าขากันดีมาก แต่โชคดีที่ณเพชรเขาไม่เถียงฉัน เขาเถียงพ่อแทน! เถียงเหมือนที่คุณหมอ
คุณหมอศัลดูช็อกนิด ๆ แต่ก็ไม่พูดอะไร จนเขาเปิดประตูห้องออกไป ฉันถึงพาลูกกลับไปนอนที่เตียงเด็กและรีบอาบน้ำ แต่งหน้าแต่งตัวเรียบร้อยก็พอดิบพอดีที่ลูกตื่น อาจจะช้าไปบ้าง เพราะฉันต้องสุ่มเดินไปดูว่าณเพชรตื่นรึยังเพราะเขาตื่นมา เขาจะมองเพดานเงียบ ๆ ไม่ส่งเสียงร้องอะไร พอเขาตื่นฉันก็อาบน้ำแต่งตัวให้ เรื่องอาหารเด็กอ่อน ให้เขาไปกินที่บ้านกับน้าณภัทรแล้วกัน ฉันไม่ว่างทำ ถึงลูกจะเลี้ยงง่ายแต่ไม่ใช่ฉันไม่เหนื่อย เหนื่อยมาก! ฉันเป็นคุณแม่ยังสาวที่หุ่นดีจนผู้ชายมองเหลียวหลัง จะบอกอะไรให้ แต่ก่อนหุ่นฉันเฉย ๆ มาก! รูปทรงก็ไม่ค่อยชัดและได้สัดส่วน แต่หลังจากคลอดลูกเท่านั้นแหละ คนละคนกันเลยนมตูดมาเต็ม! ซึ่งฉันชอบมาก... สามีก็ชอบ จัดการลูกเรียบร้อยฉันก็ขับรถออกจากคอนโด เราสองแม่ลูกแวะซุปเปอร์กันนิดหน่อย ฉันซื้อแครอท ซื้อบรอกโคลี ณเพชรเขาไม่ดื้อนะ เขาแค่มองตามมือฉันว่าฉันหยิบจับอะไร บ้างก็อยากจับด้วยเพราะสงสัย เป็นแบบนี้จนฉันซื้อของเสร็จ พอถึงบ้านฉันก็เอาผักทุกอย่างไปล้างให้เขานั่งเล่นที่พื้น สีส้มของแครอทสีชัดเจน บรอกโคลีก็เขียว
ฉันยกมือบีบแขนคุณหมอศัลเบา ๆ บีบจนเขาเงยหน้าที่ซุกตามซอกคอ ขึ้นมาจุมพิตที่ริมฝีปากฉัน “ขอแฝดหญิงนะคะที่รัก” “ครับ” รับปากฉันเสร็จเขาก็ก้มลงประทับริมฝีปากบบาง ก่อนจะเลื่อนมือที่จับตรงหัวไหล่ ลงมาดึงสายชุดนอน ชุดนอนสายเดี่ยวถูกเขาเกี่ยวสาย ถอดออกอย่างง่ายดาย ฉันตั้งใจใส่เพื่อจะให้นมลูกง่าย ๆ แต่ไม่คิดว่ามันจะง่ายถึงขนาดปลดได้แค่ปลายนิ้วแบบนี้ เมื่อสองเต้าที่เปลือยเปล่าประจันหน้าเขา ริมฝีปากที่พรมจูบเบา ๆ ก็ไล่ลงไปหามัน เขาส่งแค่ปลายลิ้นอุ่น ๆ ตวัดวนเท่านั้น สลับกับมือใหญ่ ที่ลูบคลำตามฐานเต้าเบา ๆ “อื้ม~” ไม่นานฉันก็ถูกถอดพันธการช่วงล่างอย่างรวดเร็ว ตามด้วยมือใหญ่ที่ใช้ปลายนิ้ว ถูตามแยกสวาทฉัน เขาเริ่มกดนิ้วกลางลงเบา ๆ เพื่อกระตุ้นน้ำสวาท บ้างก็พยายามดันมันเข้าไป และถูรอบ ๆ แบบนั้น แต่ทุกอย่างถูกกระทำอย่างเบามือ “อ่ะ อื้ม~ เสียวจัง” ฉันเริ่มบีบไหล่ ที่ขยับต่ำลงไปเรื่อย ๆ ตามหว่างขา โดยที่นิ้วยาวเขายังละเลงเล่นตุ่มกระสันช้า ๆ อยู่แบบนั้น เมื่อริมฝีปากไล่ลงไปถึงยอดที่เขาโปรดปราน เขาก็ลงลิ้นทักทายมันทั