ฉันหยุดเดิน หันมาตอบเขาเสียงเรียบ“ถ้าจะคุยก็คุยกันตรงนี้ ฉันจะไม่เข้าไปในบ้านหลังนั้นกับนาย”ไวท์มีสีหน้าสำนึกผิดก่อนโบกมือเป็นเชิงว่าโอเค“ก็ได้ ไวท์ตามใจปายทุกอย่าง”“จะพูดอะไรก็พูดมา อย่ามาดึงเวลา ฉันอยากกลับบ้าน”“เป็นแฟนกับไวท์นะ”ไวท์โพล่งขึ้น พลางดึงมือฉันมากุมไว้ทั้งสองข้าง ฉันเบิกตากว้างมองเขาอย่างอึ้ง ๆ ก็พอจะรู้ว่าเขากำลังง้อ แต่เจอตรง ๆ แบบนี้มันก็ตั้งตัวไม่ค่อยติดฉันตั้งสติ บอกตัวเองในใจให้นิ่งเข้าไว้ ก่อนตอบเสียงเฉยชา“ไม่ ฉันไม่อยากคบกับนาย”“แต่ไวท์รักปาย”คำบอกรักทื่อ ๆ ดังออกมาจากคนตรงหน้า เขาทำให้ฉันแปลกใจ ไวท์ในมุมมองนี้เหมือนเป็นคนละคน คนก่อนที่ทั้งเจ้าเล่ห์ ร้ายกาจ หยาบคายหายไป กลายเป็นผู้ชายเคร่งขรึม จริงจัง ที่บอกขอคบเป็นแฟนหรือบอกรักด้วยถ้อยคำเรียบ ๆ ไม่มีเล่ห์กลใด ๆ คำสารภาพครั้งนี้มันดูเรียบง่าย แต่หนักแน่นมากกว่าวันนั้น วันที่เขาไปร้องตะโกนเรียกฉันหน้าบ้านเสียอีกวันนั้นที่ฉันสัมผัสได้มันคือความรู้สึกผิด ความละอายใจของเขา แต่วันนี้ฉันกลับรู้สึกว่ามันแตกต่างออกไป....ฉันหลุดจากภวังค์เมื่อไวท์คุกเข่าลง เราสบตากันเงียบ ๆ ก่อนที่ฉันจะตัดสินใจดึงมือออกจากเขา แ
เขายื่นนิ้วก้อยให้ฉันทั้งที่ยังคุกเข่าอยู่ ท่าทางเหมือนขอแต่งงาน แต่ต่างกันตรงว่านี้คือการขอคืนดี ฉันปล่อยให้เขานิ่งค้างอยู่ในท่านั้นอย่างสบายอารมณ์ ไม่พูด ไม่ยื่นนิ้วไปเกี่ยวก้อย เพียงแต่จ้องมองเขาเงียบ ๆ ตอนนี้ฉันรู้สึกดีขึ้น อารมณ์ขุ่นมัวทั้งหลายมันจางไป แต่ฉันยังไม่พูดตกปากรับคำเป็นแฟนกับไวท์“ปาย...”ไวท์ที่ส่งสายตาปิ๊ง ๆ ให้ฉันนานสองนานพอนิ่งค้างในท่าเดิมหลายนาทีผ่านไป ก็บอกเสียงเหย“ดีกันได้แล้วมั้งครับ ไวท์ปวดเอว...”“ฮ่า ๆ ๆ”ฉันหลุดหัวเราะอย่างห้ามใจตัวเองไม่อยู่ หัวเราะจนตัวโยนพลางเอามือกุมท้อง ไวท์เมื่อรู้ตัวว่าโดนแกล้งก็ลุกขึ้น ปัดทรายออกจากตัวก่อนบอกฉันเสียงเข้ม“นี่แกล้งกันเหรอปาย!”“ท่าทางนายมันตลกชะมัด ฮ่าๆ” ฉันหัวเราะ ไวท์ทำท่าเข็ดเขี้ยวเคี้ยวฟันอาศัยตอนที่ฉันไม่ทันระวังตัวดึงฉันเข้าชนแผงอกดังปึก ก่อนท่อนแขนแข็งแกร่งจะโอบรัดฉันไว้จนดิ้นไปไหนไม่หลุดฉันหยุดหัวเราะทันที ใบหูฉันแนบกับอกเขาจนได้ยินเสียงหัวใจเขาเต้นตึกตัก“ปะ ปล่อยนะ”ฉันบอกเสียงสั่น รู้สึกหัวใจตัวเองเต้นแรงจนมันแทบจะกระเด็นกระดอนออกมา“ตกลงเราดีกันแล้วนะ” ไวท์ไม่ปล่อย เขาแนบริมฝีปากเข้ากับเส้นผมฉันก่อนเอ
ฉันพยักพเยิดไปทางด้านหลังไวท์จนเขาเหลียวหลังไป พอมองเห็นพี่เชนเขาก็ปลดล็อกรถฉันจึงรีบเปิดประตูลงก่อนวิ่งอ้อมรถไปเกาะแขนพี่เชน พลางส่งสายตาให้เขาออกรถไปทว่าไวท์กลับเปิดประตูรถ เขาก้าวลงจากรถแล้วเดินมาเผชิญหน้ากับพี่เชน“ไอ้ไวท์...”พี่เชนพอเห็นหน้าชัด ๆ ว่าเป็นใครก็พึมพำเสียงเครียด พลางหันมามองฉันด้วยสายตาคาดคั้นฝ่ายไวท์เดินมาหยุดตรงหน้าพี่เชนก่อนบอกเสียงจริงจัง“ผมไวท์ ตอนนี้ผมเป็นแฟนของน้องสาวพี่ เราคบกัน พี่ให้โอกาสผมได้ดูแลปายได้ไหมครับ”ฉันมองไวท์อย่างไม่เชื่อสายตา ที่อาจหาญยืนซึ่ง ๆ หน้าพี่เชนทั้งที่เคยโดนพี่เชนอัดมาก่อน“มึงมาคบน้องกูมึงถามกูยังว่าอนุญาต?”สุดท้ายพี่เชนก็เอ่ยปาก พลางจ้องไวท์นิ่ง ๆ“พี่เชน...” ฉันกระตุกแขนพี่เชนเป็นเชิงบอกให้พอ ก่อนจะบอกไวท์ที่ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้า “นายก็กลับไปได้แล้ว”“ก็ผมถึงบอกพี่นี่ไงครับ” ไวท์ไม่มองฉัน เขายังคงพูดต่อขณะจ้องหน้าพี่เชน“แล้วถ้ากูไม่ให้คบ มึงจะทำไม”“ผมก็จะคบเพราะผมถือว่าบอกพี่ไปแล้ว”“อ้าว กวนตีน” ฉันเห็นพี่เชนแสยะยิ้ม “ทำไมถึงมายุ่มย่ามกับน้องกูนัก ทำมันเสียใจคราวก่อนไม่พอหรือไง”“ผมเคลียร์กับปายแล้ว”“เฮอะ!” พี่เชนแค่นเสียง ก
หลายวันต่อมาฉันสะดุ้งตื่นเพราะโทรศัพท์มือถือที่ลืมปิดเสียงไว้ดังขึ้น พอยื่นมือควานหา หยิบมาดูเบอร์หน้าจอปรากฏว่าเป็นชื่อแม่ฉันเอง ฉันกดรับก่อนกรอกน้ำเสียงงัวเงียลงไป“แม่....มีอะไรหรือเปล่าคะถึงโทร.หาหนูแต่เช้าแบบนี้”“ทำไม แม่โทร.หาต้องมีธุระด้วยเหรอ” เสียงแม่ตอบกลับเสียงแง่งอน ฉันรีบปะเหลาะ“เปล่าค่ะ ปายแค่แปลกใจ ปกติแม่จะโทร.มาหัวค่ำ วันนี้โทร.มาเช้า ปายยังไม่ตื่นดีเลย ตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์แม่เนี่ยแหละ”“ไม่เช้าแล้วนะปาย ตอนนี้ตะวันโด่งแล้วมั้ง”“ค่า ๆ โอเค ปายตื่นสายเอง” ฉันรีบยอมรับผิดเสียงอ่อน ยังไงแม่ก็คือแม่ แม่ถูกเสมอ“แม่กำลังจะขึ้นเครื่อง ถ้าถึงที่นู้นเรากับพี่ชายมารับแม่ที่สนามบินด้วยล่ะ”“หา? ” ฉันงุนงง ก่อนสมองเริ่มประมวลผล ขึ้นเครื่อง ให้มารับ? “แม่จะมาหาปายหรือคะ!”“ใช่สิ ทำไมต้องร้องเสียงหลงขนาดนั้น มีอะไรปิดแม่หรือเปล่า”เสียงแม่เริ่มคาดคั้น ฉันรีบปรับน้ำเสียงเป็นปกติ ก่อนตอบ“มะ ไม่มีค่ะ โอเค เดี๋ยวปายบอกพี่เชนก่อน แล้วเจอกันนะคะแม่”“จ้ะ”ฉันกดวางสาย แล้วรีบลุกจากที่นอนวิ่งเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าแปรงฟัน ไม่นานก็วิ่งตึงตังไปเคาะประตูห้องพี่เชน“ก๊อก ๆ ๆ ๆ”“โว้ย!
แม่พูดเองตัดบทเองจนฉันตามไม่ทัน พี่เชนที่ขึ้นไปเก็บของเดินลงมาแล้วเข้ามานั่งขนาบแม่อีกคน แม่เลยหันไปค้อนพี่เชน“นี่ก็อีกคน จะเรียนจบแล้วจะไปทางไหนต่อล่ะ เคยคิดจะกลับไปบ้านเราไหม”“โธ่ คุณนายครับอย่าเพิ่งงอน ผมจบก็ต้องไปใช้ทุน ตอนนี้ก็หาที่ลงอยู่ ก็ว่าจะไปโรงพยาบาลในจังหวัดเรานั่นแหละน่า”“จริงรึเชน”แม่มีสีหน้าดีใจอย่างเห็นได้ชัด แน่ล่ะ ลูกสองคนมาเรียนไกล นานทีปีหนเจอกัน กว่าจะเรียนจบ เรียนจบก็ต้องมาลุ้นว่าลูกจะไปทางไหน จะคิดถึงแม่บ้างไหม ฉันพอจะเข้าใจความรู้สึกแม่ เพราะแม่เลี้ยงเราสองคนมาตั้งแต่ไม่มีพ่อ ถึงแม้พี่เชนจะถูกคุณป้าขอไปเลี้ยงแต่แม่ก็ไปมาหาสู่ตลอด ความสัมพันธ์แม่ลูกของเราจึงไม่ลดทอนแม้แต่น้อย“จริงสิครับ” พี่เชนพูดยิ้ม ๆ “อยู่ใกล้คอยดูแลแม่ปริม ไหนจะแม่ปรางอีก เชนจะได้หายห่วง”“น่ารักจริงพ่อคุณ มาแม่หอมที” แม่ปลื้มใจจนดึงพี่เชนไปหอมซ้ายขวา ฉันพูดล้อเลียน“แหม มีลูกคนเดียวหรือคะ คุณนาย”“มา ๆ หอมปายอีกคน คนนี้แม่ก็รัก”Rrrrrrrrrrrr……..Rrrrrrrrrr…..เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะ แม่หยิบกระเป๋าถือมาค้นพอเจอโทรศัพท์ตัวเองก็กดรับ ฉันมองแม่นั่งคุยโทรศัพท์ ฟังจากเสียงสนทนาแม่น่าจะ
“อร่อย กลมกล่อมมาก ๆ ค่ะ” ฉันชมจากใจจริง ฉันชอบอาหารรสอ่อนอยู่แล้ว อย่างพวกแกงจืด แกงจืดถ้วยนี้กลมกล่อม รสชาติลงตัวอย่างมากในความรู้สึกของฉัน“น้าดีใจที่หนูปายชอบ พ่อครัวของน้าก็คงดีใจ” ฉันเงยหน้าขึ้นสบตากับน้าอุ่นที่มองฉันอยู่แล้ว สายตาน้าอุ่นดูเป็นประกาย เต็มไปด้วยความเอ็นดู ฉันเลื่อนสายตาไปมองแม่ แม่ยิ้มไม่ว่าอะไรก่อนจะเริ่มลงมือกินข้าว เพราะความหิวและอาหารเต็มโต๊ะดูน่ากินไปหมด ฉันจึงปัดความรู้สึกตงิด ๆ นั้นทิ้งไปและลงมือกินข้าวอย่างจริงจังอาหารบนโต๊ะพร่องไปอย่างรวดเร็ว อาจจะเพราะรสชาติถูกปาก และฉันยังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่ตอนเช้า พอกินอิ่มจึงวางช้อนลง ฝ่ายแม่และน้าอุ่นอิ่มไปก่อนหน้าฉัน กำลังนั่งคุยสัพเพเหระ พอน้าอุ่นเห็นฉันอิ่มก็บอกให้เด็กมาเก็บโต๊ะ“หนูปายเรียนวิศวะฯ เหรอจ๊ะ”“ค่ะ เปิดเทอมนี้ก็ปีสามแล้วค่ะ”“รายนี้ชอบพวกเครื่องจักรเครื่องกล ทั้งที่เป็นผู้หญิงแต่ไม่ห้าวนะอุ่น ยังรักแต่งตัวอยู่บ้าง ตอนเลือกเรียนฉันยังคิดว่าฟังผิด เพราะพี่ชายเขาเรียนทันตะฯ ส่วนน้องกลับเรียนวิศวะฯ เสียได้...แต่เอาเถอะ ลูกเราอยากเรียนอะไรก็ให้เรียน จะบังคับมันไม่ใช่เพราะเราไม่ได้เป็นคนเรียนเสียหน่อย”แ
“พี่รู้ได้ยังไง”“เชนบอก”นั่นไงฉันเดาไม่มีผิด กลับบ้านไปโดนทุบแน่พี่บ้า!“โอเค ปายยอมรับก็ได้ว่าปายไม่ได้คบกับไมค์แบบแฟนจริง ๆ ...แต่ตอนนี้ปายมีแฟนแล้วจริง ๆ นะคะ ไม่ใช่ไมค์ แฟนที่ไม่ได้คบหลอก ๆ”“พี่ไม่เชื่อ...น้องปายแค่อยากบอกให้พี่ตัดใจใช่ไหมคะ น้องปายก็รู้ว่าพี่รู้สึกกับน้องยังไง” พี่ไวน์พึมพำเสียงสั่น ก่อนฉวยมือฉันไปกุมไว้ ฉันพยายามสลัดให้หลุดแต่ไม่เป็นผล“ปายมีแฟนแล้วจริง ๆ พี่ไวน์ปล่อยปายนะ เราไม่ได้เป็นอะไรกันอย่ามาจับมือปายแบบนี้”“ทำไมคะ พี่ไม่ดีตรงไหน พี่เฝ้ามองน้องปายมาหลายปี จนวันที่รู้ว่าน้องปายไม่มีแฟนจริง ๆ พี่ดีใจมากและคิดว่าคงถึงวันที่พี่ได้เข้าไปดูแลน้องปาย แต่ทำไมน้องปายต้องทำร้ายพี่ซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับคำว่ามีแฟนด้วย”ฉันมองพี่ไวน์อึ้ง ๆ คำพูดตัดพ้อเหมือนฉันผิดทำให้ไปไม่ถูก ฉันมีแฟน ฉันจะคบใครแล้วเกี่ยวอะไรกับเขา เขาแค่เพื่อนพี่ชาย เขามีสิทธิ์อะไรมาต่อว่าฉันฉันเริ่มโกรธจึงบอกเสียงเข้ม“พี่ไวน์คะ เราคงพูดกันไม่รู้เรื่องถ้าพี่ยังเป็นแบบนี้ ปล่อยมือปาย ปายจะกลับไปหาคุณแม่”“พี่ไม่ปล่อย แม่ของเราสองคนเปิดทางให้ขนาดนี้แล้ว คุณน้าก็อยากให้พี่ได้ดูแลน้องปาย พี่เต็มใจ น้องป
ไวท์พุ่งปราดเข้ามา ฉวยจังหวะที่พี่ไวน์ตะลึงดึงฉันออก พอพ้นอ้อมกอดพี่ไวน์ฉันรีบหลบอยู่ด้านหลังมือจิกหลังไวท์แน่น“น้องปาย! กลับมาหาพี่!”เสียงพี่ไวน์ตะคอกอย่างโกรธจัด ฉันขยุ้มหลังเสื้อไวท์ รู้สึกกลัวจนตัวสั่น“บ้าหรือเปล่าวะ ปายเป็นเมียกูจะไปหามึงทำไม”“ไม่จริง ปายเป็นคู่หมั้นกู มึงนั่นแหละมาเสือกทำไม เรื่องของผัวเมีย”ฉันทนไม่ไหวยื่นหน้าไปด่าไอ้พี่ไวน์ทันที“มโนแล้ว ปายไม่ได้เป็นอะไรกับพี่!”“เมียเหรอ กล้าพูดนะ ขอเอาเลือดปากมึงออกบ้างเถอะ....”ไวท์คำรามก่อนพุ่งไปชกอีกฝ่ายดังเปรี้ยง! เพราะทางนั้นไม่ทันได้ตั้งตัวจึงล้มไปกองที่พื้นอย่างหมดท่า และพอจะลุกขึ้นมาไวท์ก็เข้าไปคร่อมก่อนประเคนหมัดไม่ยั้งผลัวะ!เสียงกำปั้นกระทบเนื้อทำให้ฉันส่งเสียงร้องห้ามอย่างตกใจ ความจริงอยากจะให้ไวท์อัดไอ้คนขี้โมเมจนสลบเหมือดอยู่หรอก แต่เพราะนี่เป็นร้านอาหาร ตอนนี้มีลูกค้าสองคนที่กำลังจะกลับยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปหรืออัดคลิป แล้วแม่ฉันและน้าอุ่นก็ยังอยู่ในร้าน“ไวท์! หยุด พอแล้ว!”เสียงไอ้พี่ไวน์ร้องแหกปากดังลั่นพลางปัดกำปั้นท่าทางดูไม่ได้ ใบหน้า จมูกเริ่มมีเลือดออก ฉันจึงร้องห้ามอีกครั้ง ไวท์ยังคงชกอีกฝ่าย ฉัน
สะพานบุญโขกู้สุ่ย บ้านแพมบกไวท์พาฉันมาที่สะพานไม้ไผ่ แหล่งท่องเที่ยวอีกทีหนึ่งของแม่ฮ่องสอน ห่างไกลจากตัวเมืองประมาณสิบกิโลเมตร ตลอดการเดินทางลำบากมาก ทั้งชันและแคบ โชคดีที่ไม่ใช่ฤดูฝน ถนนเลยพอให้รถสปอร์ตขับผ่านไปได้ แต่กว่าจะถึงที่หมายฉันแอบสงสารรถคันหรูที่ตอนนี้มันคงจะคลุกฝุ่นจนหมอง เมื่อรถจอดฉันหันไปมองเขาอย่างแปลกใจที่เขารู้จักสถานที่แบบนี้ด้วย นึกว่าเด็กเมืองกรุงอย่างเขาจะพาฉันไปในเมือง เที่ยวห้างสรรพสินค้า ดูหนังอะไรแบบนี้“มองอะไรปาย”“รู้จักที่แบบนี้ด้วยเหรอ เมื่อก่อนเคยมาเที่ยว? ”“ไม่เคย นี่มาครั้งแรก และไม่เคยมาแม่ฮ่องสอนด้วย”“หืม...”“สมัยนี้มันยุคสี่จีนะยายบ๊อง แค่ค้นหาสถานที่เที่ยวจังหวัดนั่นนี่มันก็เจอแล้ว จีพีเอสก็มี มาไม่ถูกก็ไม่รู้จะพูดยังไง”ไวท์พูดจบก็ยกมือขึ้นเขกหัวฉันเบา ๆ ฉันย่นจมูกใส่ ก็คนมันไม่ทันได้นึกถึงนี่ แม่ฮ่องสอนก็มีหลายอำเภอ ฉันยังเที่ยวไม่ทั่วเลย ก็เลยแปลกใจที่เขารู้จักที่นี่เราสองคนลงจากรถ สะพานบุญโขกู้สุ่ยตั้งอยู่หน้าหมู่บ้านแพมบก บริเวณทางเข้ามีร้านค้าชุมชนตั้งอยู่ ขายทั้งอาหาร เครื่องดื่ม ไวท์เดินเข้าไปซื้อน้ำเปล่ามาสองขวด ก่อนยื่นให้ฉันหนึ่งขว
ฉันยืนมองคนงานพากันยกลังส้มขึ้นรถบรรทุกของลูกค้าที่มาซื้อถึงในสวน ตั้งแต่กลับจากกรุงเทพฯ งานที่รออยู่ก็ล้นมือ ประกอบกับเป็นช่วงที่คนงานลางานเพื่อกลับไปทำนา คนงานในสวนจึงมีไม่พอ ทั้งวันฉันต้องดูแลงานในสวน แล้วก็ต้องไปจัดการงานในรีสอร์ตอีกต่อหนึ่ง โชคดีที่ตอนนี้ยังไม่ใช่ช่วงเทศกาลนักท่องเที่ยวยังไม่มากนัก ก็ไม่รู้ทำไมแม่ถึงได้ปิดบังฉันว่าไม่มีปัญหาอะไร งานที่สวนปกติ ทั้งที่ฉันกลับมาเห็นมันไม่ใช่ที่แม่บอกเลย คนงานไม่พอ งานล้นมือ ไม่อยากจะคิดถ้าฉันไม่กลับมาด้วย แม่จะต้องหัวหมุนดูแลคนเดียวไม่มีเวลาพักผ่อนแน่ ๆ“เรียบร้อยหรือยังจ๊ะปาย” แม่เดินมามือข้างนึงถือขวดน้ำก่อนจะยื่นให้ฉัน“ขอบคุณค่ะ” ฉันยื่นมือมารับ แล้วเปิดฝายกน้ำขึ้นดื่มด้วยความกระหาย พอดื่มจนพอใจก็ตอบคำถามแม่ “อีกล็อตหนึ่งก็ครบแล้วค่ะ ปายจะเช็คอีกรอบหนึ่งก็เสร็จ”“เหนื่อยไหม กลับมาก็ไม่ได้พักเลย”“ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ แต่ก่อนปายก็ช่วยแม่นี่ งานในสวนปายคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็กแม่ก็รู้ สบายมากค่ะ”“ขอบใจนะลูก หมดรอบนี้ก็คงจะได้พักแล้วล่ะ แล้วนี่ก็มาเกือบอาทิตย์แล้วยังไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลย เพื่อนฝูงก็พากันถามหา วันก่อนแม่เจอตั้มที่ตลาดยังถา
ผมเปิดประตูห้องก่อนก้าวเข้าไป ห้องตกแต่งโทนเรียบง่าย เครื่องเรือนหรูหรามีระดับ แต่ผมกลับไม่ชอบมัน มาค้างหนึ่งเดือนแค่ครั้งสองครั้ง ไม่สนว่าผู้ชายคนนั้นจะว่ายังไง ปกติถ้าไม่ยุ่งอยู่กับงานสังสรรค์ ติดอีหนู ผู้ชายคนนั้นก็ไม่นึกถึงผมหรอก เราต่างคนต่างอยู่มานานแล้ว ผมอยากจะไปค้างกับแม่ ย้ายไปอยู่ด้วยแต่ก็กลัวทำให้แม่เดือดร้อนจากผู้ชายบ้าอำนาจผมล้มตัวลงนอนบนเตียง กางแขนกางขาเหม่อมองเพดาน สุดท้ายเพราะยังไม่สร่างเมาดีก็ผล็อยหลับไปอีกครั้ง..เช้าวันต่อมา“เออ ดี! โผล่หัวมากลางดึก เช้ามาก็ไป เห็นบ้านฉันเป็นโรงแรมหรือยังไง”น้ำเสียงกระแทกแดกดันดังขึ้นทันทีที่ผมกำลังจะเดินผ่าน ผู้ชายคนนั้นนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ต่างประเทศ แต่ตอนนี้หันมามองผมด้วยสีหน้าบึ้งตึง“ผมมีธุระ”ผมตอบแค่นั้นก่อนทำท่าจะก้าวขาเดินต่อ“เฮอะ! หน้าอย่างแกมีธุระด้วย”“พ่อมีอะไรจะพูดก็รีบพูดมาดีกว่า ผมจะรีบไป”“เย็นนี้กลับมาด้วย ฉันจะพาแกไปทำความรู้จักคุณมานพ ท่านเป็นรัฐมนตรีฯ เย็นนี้เป็นวันเกิดท่าน”“ทำไมผมต้องไป ผมไม่รู้จักท่านเสียหน่อย เชิญพ่อไปคนเดียวเถอะ”“แกต้องไป! ฉันจะพาแกไปรู้จักลูกสาวคนเดียวของท่าน”“อ๋อ กะให้ผมไปดูตัว ทำ
“ก็พี่ไม่บอกว่าปายไปไหน”พี่เชนมองผมด้วยหางตา สุดท้ายก็ยอมเอ่ยปาก“ปายกลับบ้าน”บอกแค่นี้? แล้วผมจะตรัสรู้เรอะ! ผมสบถในใจส่วนฉากหน้าก็ฉีกยิ้ม ทำตัวเป็นน้องเขยที่ดี ไม่โต้เถียง“บ้าน? บ้านที่ไหน พี่บอกเส้นทางให้ผมที”“มึงจะตามน้องกูไป”“ครับ ผมจริงจัง ผมจะไปหาปาย ผมจะเข้าไปคุยกับแม่ปายว่าเรียนจบเราจะแต่งงานกัน เราจะ....”“พอ! มึงพล่ามอะไรของมึงวะ! เฮอะ แดกเหล้าจนเหม็นหึ่ง เมาหนักนะมึง คุยไปถึงเรื่องอนาคตแต่งการแต่งงาน ถามพี่อย่างกูสักคำไหม”“ผมแต่งกับปายไม่ได้แต่งกับพี่นี่”“ถุย! เห็นแก่ที่มึงเมาเหมือนหมา กูไม่เอาเรื่องเอาความอะไรมึงก็แล้วกัน ปายกลับแม่ฮ่องสอน นอกนั้นมึงไปตามหาเอาเอง ไป ๆ กูตอบคำถามแล้วก็ไสหัวไป มึงจะง้อ จะจีบอะไรอย่าลากกูไปยุ่ง ทีหลังอย่ามาถามเรื่องปายกะกู กูไม่ได้ขัดขวางมึง แต่ก็ไม่ได้ชอบมึงถึงขนาดยินดีที่มึงคบกับน้องกู”ผมฟังพี่เชนพล่าม พี่แกมองผมด้วยสายตาหงุดหงิด ก่อนจะเดินหมุนตัวเข้าร้านไปตุบ!ไอ้พันรบเดินมาถึงตัวผมเมื่อไรไม่รู้ มันตบบ่าผมดังตุบ“พี่เมียมึงเหรอ”เสียงไอ้บอมถาม มันเดินมาหยุดข้างผม“เออ”“หน้าคุ้น ๆ”“อยู่มหา’ ลัยเดียวกับเราไง” ผมตอบไอ้รบ “เรียนทัน
White Talksหลายวันผ่านไปโครม!ผมเตะเก้าอี้ที่มันขวางทางจนปลิวไปอยู่แทบเท้าไอ้พันรบ วันนี้ผมมานั่งกินเหล้าที่ผับของมัน ส่วนไอ้บอมกับไอ้เวียร์มันบอกจะตามมาดึก ๆ ผมหันไปมองเก้าอี้ที่นอนตะแคงอย่างเฉยชา เดินไปถึงโต๊ะแล้วนั่งลงก่อนยกแก้วที่มันชงไว้ขึ้นมาดื่มฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ไหลผ่านคอยิ่งทำให้ผมร้อน หงุดหงิด กระสับกระส่ายปึก!ผมวางแก้วเหล้าอย่างแรงเป็นการระบายอารมณ์“มึงเป็นอะไรไอ้ไวท์”มันมองผม แล้วถาม“ไม่รู้”ผมตอบแค่นั้นก่อนยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มต่อ ไอ้รบเป็นคนไม่ค่อยพูดมันเงียบ ๆ มึน ๆ พอเห็นผมไม่บอกมันก็แดกเหล้าต่อ เราสองคนยกแก้วเหล้าขึ้นเงียบ ๆ คนในร้านยังไม่มีเพราะยังเป็นช่วงหัวค่ำ จะมีก็แต่เจ้าของร้านอย่างมันที่บ้ามาแดกเหล้าเป็นเพื่อนผมตั้งแต่หัววันนี่แหละไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร พอเงยหน้าขึ้นจากแก้วเหล้าคนก็แออัดเต็มร้าน เสียงเพลงดังกระหึ่ม ไอ้รบลุกขึ้นบอกว่าจะไปดูลูกน้องหลังร้านหน่อย ผมโบกมือไล่มันไปก่อนนั่งกินเหล้าเงียบ ๆ มีผู้หญิงสองสามคนที่เดินโฉบไปโฉบมา ท่าทางเชื้อเชิญผม ผมแค่ยิ้มก่อนกลับไปสนใจเหล้าในแก้วต่อไม่มีอารมณ์ สวยแค่ไหนก็เถอะ ผมอยากเจอปายแค่นั้นใช่ หลายวันมานี่ปายไม่
“ไวท์โอเคนะ มีอะไรระบายให้ปายฟังได้”“โอเคสิ ตอนนี้ไวท์โอเค ขอแค่มีปายอยู่ข้าง ๆ ไวท์ก็พอ”“อะไรกัน แล้วถ้าวันไหนฉันไม่อยู่ข้างนายล่ะ” ฉันพูดขึ้นเล่น ๆ แต่ไวท์กลับเงียบไปอึดใจก่อนตอบกลับ“ไม่มีวันนั้น เพราะไวท์จะไม่ยอมให้ปายทิ้งไวท์แน่ ๆ ปายก็รู้ว่าชีวิตไวท์มีคนที่สำคัญกับไวท์แค่ไม่กี่คนและปายเป็นหนึ่งในนั้น”ฉันฟังเสียงเขาที่ดูเข้มขึ้นก็รู้สึกแปลก ๆ จะว่าดีใจมันก็ไม่เชิง คำพูดของไวท์มันฟังดูเหมือนเขายึดติดกับฉันมากเกินไป และมันไม่ดีเท่าไร...เราไม่ควรจะเอาชีวิตกันและกันมาผูกติดกันมากเกินไป“เอ่อ...เอาเป็นว่าตอนนี้ปายกำลังดูใจ พิจารณาไวท์ ให้โอกาสไวท์อยู่ ไวท์คงรู้ใช่ไหมว่าตอนนี้อยู่ในช่วงที่ปายกำลังให้โอกาส”ฉันอดย้ำความสัมพันธ์ของเราไม่ได้“รู้ครับ และไวท์จะไม่ทำให้ปายหลุดลอยไปอีกแล้ว” เสียงไวท์ตอบกลับมาจริงจังและแฝงไปด้วยความหมายบางอย่างที่ฉันทำเป็นมองข้าม รู้อยู่หรอกว่าเขาแสดงความเป็นเจ้าของ แต่ฉันเป็นคนไม่ใช่สิ่งของ ฉันไม่ใช่ของใคร ฉันก็คือฉัน แต่ถ้าพูดตรงไปฉันก็กลัวว่าเขาจะโมโหอะไรขึ้นมาอีก คงต้องค่อย ๆ คุย แบ่งความสัมพันธ์ให้ชัดเจน ฉันเป็นแค่แฟนของเขาน้ำเสียงไวท์สั่นนิด ๆ ฉันจึ
เช้าวันต่อมาฉันตื่นอีกทีก็เจ็ดโมงเช้า พอลุกขึ้นมองตัวเองในชุดของเมื่อวานก็ทำหน้าย่น เหม็นเหงื่อตัวเอง จึงเดินหยิบผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำ เสียงโทรศัพท์มือถือดังแทบจะทันทีที่ปิดประตูห้องน้ำ ฉันจึงไม่ออกไปรับคิดว่าอาบน้ำเสร็จค่อยโทร.กลับพอเสร็จธุระส่วนตัว ฉันจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู สายแรกเป็นของไมค์...อีกสายเป็นของไวท์ฉันเลือกโทร.กลับหาไมค์ก่อน ไม่นานไมค์ก็รับสาย“ปาย! เมื่อวานมีอะไรกัน”ฉันยื่นโทรศัพท์ออกห่างหู เสียงไมค์ดังแว้ดจนแสบแก้วหูไปหมด“แกจะร้องลั่นหาพระแสงอะไรฮะ แล้วทำไมรู้? ”“ก็บนโลกออนไลน์เขาแชร์กันเป็นพันแล้วยะ...ที่มันดังน่ะเพราะผู้ชายของแกนะรู้เปล่า”“ผู้ชายของฉัน? ”“เออสิ ฉันก็เพิ่งรู้ว่าไวท์เป็นลูกชายคนเดียวของนักการเมืองชื่อดัง บ้านเขาน่ะรวยมาก แกเรียนที่เดียวกับเขาไม่คุ้นนามสกุลเขาเลยหรือ นามสกุล...”“คนละไวท์หรือเปล่า” ฉันบอกอย่างไม่ค่อยเชื่อ หรือมันก็อาจจริงก็ได้ เพราะฟังนามสกุลที่ไมค์บอกก็เป็นนามสกุลไวท์จริง ฉันแค่รู้ว่าไวท์เป็นลูกหลานคนรวย ดูจากคอนโดฯ บ้านพักตากอากาศที่ไป หรือรถที่ขับ เพียงแต่ฉันไม่ได้สนใจลึกขนาดนั้นว่าเขาเป็นลูกใครหลานใคร เมื่อก่อนเราต่างคนต่างอย
พอฉันเดินเข้าบ้านก็เห็นแม่นั่งรอตรงโซฟา พี่เชนที่คุยโทรศัพท์หน้าตาเคร่งเครียดเดินลงบันไดมา ก่อนจะหยุดตรงหน้าฉัน พอกดวางสายก็พูดขึ้น“ปาย นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมไอ้ไวน์เข้าโรงพยาบาล มันบอกว่าปายพาแฟนไปอัดมัน”ฉันเดินผ่านพี่เชนมานั่งลงข้างแม่“เอาล่ะ ปายจะเล่าทีเดียวนะ พี่เชนจะเชื่อน้องหรือเพื่อนตัวเองก็พิจารณาเอา ส่วนแม่หนูสาบานว่าเรื่องที่เล่าเป็นเรื่องจริง ไม่โกหกพกลมสักนิดเดียว”แล้วฉันก็เล่าตั้งแต่แม่บอกให้ฉันไปเดินเล่นกับพี่ไวน์ จู่ ๆ พี่ไวน์ก็ตาขวางทำตัวรุ่มร่ามกับฉัน แสดงท่าทางเป็นเจ้าของทั้งที่มันไม่ใช่ ฉันถามแม่ว่าที่พาไปร้านอาหารก็เพราะมีแผนจะพาฉันไปดูตัวหวังจับคู่ให้ลูกชายเพื่อนใช่ไหม แม่ที่นั่งฟังฉันเล่าจนจบ ก็พูดขึ้น“ใช่ แม่ติดต่อกับอุ่นมาได้เกือบเดือนมีคุยกันเรื่องอนาคตของลูก ๆ เราสนิทกันมากจนมีความคิดที่จะดองกัน แล้วอีกอย่าง ไวน์ก็เป็นเพื่อนเชน แม่เคยสอบถามเชน นิสัยใจคอไวน์ก็ไม่เลว สุภาพ อ่อนโยน เรียนเก่ง”“แล้วนี่มันสมัยไหนแล้วคะ!” ฉันอดตัดพ้อด้วยความน้อยใจไม่ได้ ความคิดที่จะจับคู่ฉันกับลูกชายเพื่อนทำให้มันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ มันไม่ใช่ความทรงจำที่ดีเลยจริง ๆ ความรู้สึ
ไวท์พุ่งปราดเข้ามา ฉวยจังหวะที่พี่ไวน์ตะลึงดึงฉันออก พอพ้นอ้อมกอดพี่ไวน์ฉันรีบหลบอยู่ด้านหลังมือจิกหลังไวท์แน่น“น้องปาย! กลับมาหาพี่!”เสียงพี่ไวน์ตะคอกอย่างโกรธจัด ฉันขยุ้มหลังเสื้อไวท์ รู้สึกกลัวจนตัวสั่น“บ้าหรือเปล่าวะ ปายเป็นเมียกูจะไปหามึงทำไม”“ไม่จริง ปายเป็นคู่หมั้นกู มึงนั่นแหละมาเสือกทำไม เรื่องของผัวเมีย”ฉันทนไม่ไหวยื่นหน้าไปด่าไอ้พี่ไวน์ทันที“มโนแล้ว ปายไม่ได้เป็นอะไรกับพี่!”“เมียเหรอ กล้าพูดนะ ขอเอาเลือดปากมึงออกบ้างเถอะ....”ไวท์คำรามก่อนพุ่งไปชกอีกฝ่ายดังเปรี้ยง! เพราะทางนั้นไม่ทันได้ตั้งตัวจึงล้มไปกองที่พื้นอย่างหมดท่า และพอจะลุกขึ้นมาไวท์ก็เข้าไปคร่อมก่อนประเคนหมัดไม่ยั้งผลัวะ!เสียงกำปั้นกระทบเนื้อทำให้ฉันส่งเสียงร้องห้ามอย่างตกใจ ความจริงอยากจะให้ไวท์อัดไอ้คนขี้โมเมจนสลบเหมือดอยู่หรอก แต่เพราะนี่เป็นร้านอาหาร ตอนนี้มีลูกค้าสองคนที่กำลังจะกลับยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปหรืออัดคลิป แล้วแม่ฉันและน้าอุ่นก็ยังอยู่ในร้าน“ไวท์! หยุด พอแล้ว!”เสียงไอ้พี่ไวน์ร้องแหกปากดังลั่นพลางปัดกำปั้นท่าทางดูไม่ได้ ใบหน้า จมูกเริ่มมีเลือดออก ฉันจึงร้องห้ามอีกครั้ง ไวท์ยังคงชกอีกฝ่าย ฉัน