หลังจากหมอรู้และทวนเรื่องไทเปคราวๆ ฉันที่นั่งตรงข้ามก็กำซองเอกสารในมือแน่น ตอนนี้พูดอะไรไม่ออกจริงๆ ทำได้แค่มองหน้าหมอ และรอ..รอว่าเขาจะแนะนำอะไรต่อ"ดีแล้วครับที่เข้ามาปรึกษาก่อน แต่ถ้าจะรักษา..คุณต้องพาคนไข้มาเจอผมด้วย ผมอยากคุยกับเธอ^^"งานยากเลยล่ะ..ฟังจากที่เชนเล่าในคลิปเสียง ไม่ต้องเดาให้ปวดหัว ไทเปเธอไม่มาแน่นอน"ถ้าเกิด...ฉันพามาไม่ได้ล่ะคะ คุณหมอพอจะมีวิธีอื่นไหมคะ?" ฉันถามเสียงสั่นเครือ อยากได้คำแนะนำจากจิตแพทย์ตรงหน้ามาก บางทีเขาอาจจะมีเหตุผลให้ฉันพูดเกลี้ยกล่อมไทเปได้"ครับ ผมต้องถามก่อน สถานะคุณกับคนไข้ตอนนี้เป็นยังไง คุณคือญาติคนเดียวของเธอ คุณเป็นคนที่เธอเชื่อใจและไว้ใจที่สุดใช่ไหม?"ฉันพยักหน้าตอบเบาๆ แต่รู้สึกไม่แน่ใจนิดหน่อย... เพราะหลังจากที่รู้เรื่องจากกัปตันต้นไม้แล้ว ฉันก็ไม่ได้ติดต่อน้องอีกเลย น้องเองก็ไม่โทรไม่ทักไลน์มาหาฉัน เราเงียบหายกันไปทั้งคู่"ดูคุณไม่มั่นใจนะ?" จิตแพทย์ตรงหน้าถาม เขาพยายามจ้องตาฉัน เพื่อเค้นความจริง"เอ่อ..ค่ะ ไม่มั่นใจ" ฉันตอบเบาๆพลางก้มมองปากกาที่หมอเขียน เขาทั้งจดทั้งใช้เครื่องบันทึกเสียง ..เพื่อบันทึกลายละเอียดของคนไข้ที่ฉันเล่าไป"ท
ฉันเผลอตีแขนกำยับป้าบนึง ก่อนจะตัดสินใจหยิบมือถือขึ้นมาเปิดแอปไลน์LINE -TAIPEI- เห็นชื่อไลน์ฉันก็ครุ่นคิดอยู่นาน นิ้วชี้นิ้วโป้งที่สัมผัสหน้าจอยกขึ้นกัดแล้วกัดอีก จะเริ่มทักยังไงดี? หรือทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้..เรื่องที่น้องทำแบบนั้นกับกัปตันโอเค! แบบนั้นก็ได้..ทำตัวปกติฉัน : ทำอะไรอยู่ เป็นไงบ้าง เริ่มสอบรึยัง?^^สักพักใหญ่..ที่ฉันรอไทเปอ่าน กระสับกระส่ายไปมาหันซ้ายหันขวา รอน้องยิ่งกว่ารอผู้ชายตอบข้อความ จนแจ้งเตือนมันดังขึ้น!ตึ้ง~!TAIPEI: นอนเล่นค่ะ สอบวิชาแรกแล้วค่ะ อีกสองวิชาก็จบตอบตรงคำถาม ไม่ยิงคำถามกลับเลยสักคำ...ฉัน : สู้ๆน้องสาวพี่ทำได้อยู่แล้ว เก่งขนาดนี้ ฮึบๆ นะ ว่าแต่ของขวัญเรียนจบอยากได้อะไรเอ่ย ?ไทเปอ่านและเงียบไป แล้วจากนั้นก็ไม่ตอบฉันเลยกลับถึงคอนโดฉันจึงตัดสินใจสั่งอาหารเด็ดๆให้ไลน์แมนไปส่งที่ห้องน้อง แต่กัปตันต้นไม้ไม่ยอม..เขากลัวน้องฉันจะกินคนส่งก่อนอาหาร เขาจึงโทรหาเชน..คุยกันไปเหลือบมองฉันไปแถมยังดูสนิทกัน..สนิทจนฉันนึกไม่ถึง"ไอ้เชนอยู่ไหนวะ?" ถามว่าอยู่ไหน? ปลายสายตอบว่าไงไม่รู้ ฉันจึงพยายามเดินไปเอียงหูฟัง แต่กัปตันเขาเดินหนี"มึงไปหาไทเปรึป่าว? อ้าวเหรอ? ไ
มะ..เมียฉันหมุนตัวกลับ ทำเป็นจัดจานจัดช้อน จนช้อนส้อมที่วางผิดคู่มั่วไปหมดเมีย เมีย แบบไหน..ยังไม่ได้ขอแต่งงาน ยังไม่ขอเป็นแฟนด้วยซ้ำ ฉันควรเข้าใจยังไง! ขณะที่ฉันกำลังคิดไปสงสัยไป มือใหญ่...ก็สวมกอดจากด้านหลัง"แล้ว...ฉันล่ะเป็นอะไร" เสียงนุ่มกระซิบหลังหูแผ่วเบา จนมือฉันที่จับช้อนส้อม..ชะงักทันที"เอ่อ...ก็แบบนั้นค่ะ>\\\\คราวนี้ลมหายใจอุ่นๆเปลี่ยนจรดตามไหล่มน พร้อมกับมือที่ซุกซนขยับขึ้นมาช้าๆ..จนมาถึงฐานเต้ากริ๊ง!มือซนหยุดชะงักทันที ก่อนที่ร่างใหญ่จะผละออกจากฉัน แล้วเดินไปหยิบกระเป๋าตังค์บนโต๊ะไปปิดประตู ฉันได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้าง แวบนึงและก้มเตรียมแก้วไวน์ต่อ จนกัปตันเขาถือถุงกัปข้าวเข้ามาวางบนโต๊ะเพียบคุณพระ!! ไหนบอกฉัน..ว่ามีแค่สปาเกตตี้คากับปูดอง! ทำไมมันเยอะแบบนี้ ฉันกวาดมือไปมาไม่รู้จะหยิบถุงไหนก่อนดี จนกัปตันเขาวางกระเป๋าตังค์ลงแล้วเดินมาช่วย"ไง เจ๋งป่ะ..ฉันยกเยาวราชมาไว้ที่นี่-_-" พอยอตัวเสร็จก็เเดินผ่านหลังไปหยิบจาน สงสัยจะหิวมาก ให้ฉันเดานะซื้อเยอะขนาดนี้..เหมือนเขาซื้อตั้งแต่ร้านแรกยันร้านสุดท้ายแล้วตอนนี้เราก็มีกับข้าวเต็มโต๊ะ! ฉันนั่งกินปูดองกับสปาเกตตีคาโบนาร
"ไม่ต้องเรียกฉัน ถ้าเรียกแล้วไม่ฟังอะไร" ฉันเม้มปากสนิทและเงียบกริบทันที ฉันไม่อยากพูดอะไรอีก เพราะยิ่งพูดเขายิ่งโมโห ..จนเราอยู่ในความเงียบกันฉันนั่งก้มหน้าเล่นมือถือ..ส่วนกัปตันเขาถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีก แต่บางทีก็เหลือบมองฉัน..แต่ฉันนิ่ง ไม่กล้ามองเขากลับ ฉันกลัว"เจแปน เงียบทำไม?""ก็กัปตันบอกให้..." ฉันพูดช้าๆเพราะลุ้นเหลือเกิน..ว่าเขาจะฟาดงวงฟาดงาอะไรใส่ฉันอีก"ใช่ ฉันบอกให้ท่อง ท่องสิ!" ให้ตาย! ฉันคิดว่าเขาพูดเล่นซะอีก!! ฉันเงยหน้าขึ้นหันไปมองนอกหน้าต่างทันที ก่อนจะกัดปากเรียกสติตัวเอง..และจำใจพูดว่า"จะ..เจแปนเมียโง่หัวอ่อน เจแปนเมียโง่หัวอ่อน เจ..แปนเมียโง่หัวอ่อน" เสียงฉันเริ่มสั่น สั่นจนพูดไม่เป็นคำ ใช่..ฉันโง่จริงๆ ทำไมฉันโง่แบบนี้เนี่ย โง่ที่ยอมท่องคำด่าตัวเองTT"พอ" ฉันตกใจหันขวับไปมองกัปตัน เพราะอยู่ๆเขาก็พูดเสียงเย็นๆขึ้นมา จนฉันรู้สึกเย็นกว่าเดิมเมื่อมีลมพัดเข้ามาตีหน้า มันพัดแรงขึ้นเรื่อยๆ แรงจนฉันต้องหันกลับไปมองนอกหน้าต่างอีกครั้งเขาเปิดกระจกทำไม!!=[]="กัปตัน เปิดกระจกทำไมคะ!?" ฉันชี้ไปที่จกรถที่ถูกลงจนสุด จนกัปตันกระตุกยิ้มที่มุมปากช้าๆ...แล้วบอกกับฉันว่า"ท่อง
ก้อก ก้อก ก้อก ....."เชิญ" ฉันตอบโดยไม่หันไปมองประตูด้วยซ้ำ วุ่นอยู่กับงานจนไม่อยากละสายตาไปไหน เพราะฉันกำลังชดใช้กรรมที่ติดผัวเด็ก เอ้ย ติดไคล์!! คือฉันติดเขาจริงๆนะ..ติดจนตัวเองลืมเคลียร์งานที่ค้างไว้ที่บริษัทเลยและเสียงประตูก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงรองเท้า ที่ตอนนี้กำลังก้าวเข้าใกล้ฉันเรื่อยๆ ..."ขยันมาก" ?! ฉันเงยหน้าขึ้น มองเจ้าของเสียงทันที ก่อนที่จะตกใจจนลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้"หมอ..ฮาวาย!""ใช่ พ่อเธอบอกว่าเธอป่วย เรียกฉันมาช่วยดูอาการ^^" ฉันชี้มาที่ตัวเองงงๆ กูป่วยตอนไหน?! พ่อเล่นกูแล้วไง!"ฉันป่วย? ไม่นะไม่ได้ป่วย-_-!" เขาพยักหน้าเบาๆแล้วดึงแขนฉันไปทันที ก่อนที่จะจับชีพจรและวัดความดันให้คร่าวๆคือกูจะดึงแขนกลับก็ไม่ได้ รู้สึกอึดอัดแบบ..แบบว่ายังไม่พร้อมที่จะเจอเขา และเสือกเจอแบบไม่ทันตั้งตัวอีก เพราะหลังจากคืนงานแต่งคืนนั้น..เราก็ไม่ได้คุยกันเลยและตอนนี้ฉันก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่มองตามมือเขา..ที่กำลังเขียนอะไรบางอย่างลงสมุดเล่มเล็กๆที่เขาดึงออกมาจากกระเป๋าเสื้อ"ปกตินี่ แต่ทำไมพ่อบอกว่าป่วยล่ะ โกหกพ่อไม่อยากทำงานรึป่าว?^^" ฉันนั่งลง และทำหน้าตีมึนไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนที่จะเหลือบมอ
ฉันรีบลุกขึ้นรับไหว้ทันที ก่อนที่จะปาดน้ำตาที่เปียกๆบนแก้มออก..แล้วเดินไปเปิดประตูให้"ขอให้น้องหายนะเจแปน" เจแปนยกมือไหว้ฉันอีกรอบแถมยังโผกอดฉันด้วย ฉันจึงลูบหลังเธอปลอบเบาๆให้กำลังใจจนมาถึงหมอฮาวาย..ที่เดินมาใกล้ๆฉัน"ดีใจด้วยนะที่ได้เจอน้อง..หมอฮาวายเป็นคนโลกสวยนี่ ผ่านได้สบายและช่วยน้องได้อยู่แล้ว" ฉันชูสองนิ้ว และยิ้มให้เขานิดๆเป็นกำลังใจ จนหมอฮาวาย..เขาดึงฉันเข้าไปกอดหลวมๆมันเป็นกอดที่ฉันตกใจแทบช็อค เพราะประตูก็เปิดกว้างอยู่ แถม..เลขาก็ยืนอยู่ด้วย!"ขอบคุณนะใบไม้..ไว้จะเลี้ยงข้าวเป็นการขอบคุณ"เอ่อ..จะดีเหรอ?-_-ฉันไม่ตอบเลือกลูบหลังเขาเบาๆแทน จนเลขาหันขวับมามองฉันแวบนึงแล้วยืนขึ้นทันที สายตาเธอตอนนี้กำลังมองไปที่ทางเดินสลับกับหน้าฉัน"เอ่อ คุณใบไม้คะ คุณไคล์ออกจากลิฟต์แล้ว กำลังเดินมาค่ะ..." ห้ะ!! พอได้ยินชื่อไคล์ ฉันก็รีบผละออกจากหมอฮาวายทันที ก่อนที่จะรีบวิ่งกลับไปที่โต๊ะทำงานตัวเองและนั่งเหมือนเดิม จนหมอฮาวายที่ยืนอยู่เขามองตามหลังฉันแวบนึงแล้วเดินออกไปตายๆ เขาเดินผ่านไคล์แน่นอน....และในที่สุด..ไคล์ก็เปิดประตูเข้ามา"ไง..." ฉันรีบหันไปยกมือทักทาย แต่ไคล์เขาไม่ตอบ เขาไม่ม
"มีอะไรกันแล้วใช่ไหม?" ถ้าพ่อถามตรงๆแบบนี้ ฉันคงไม่ต้องอ้อมค้อมแล้วล่ะฉันจึงมองพ่อไม่ละสายตาแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ หวังจะพูดทุกอย่างตามตรง แต่ไม่ทันได้อ้าปาก..ก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อไคล์เขารีบเดินมาจับมือฉันไว้และบีบเบาๆ บีบจนพ่อมองมาที่มือเราสองคน"ครับลุงบอส ผมกับใบไม้เรามีอะไรกันแล้ว แต่มันไม่ใช่อารมณ์ชั่ววูบหรือความสนุกนะครับ ผมจริงจังและรักจริง"พ่อนั่งลงที่เก้าอี้อีกครั้งแล้วกุมขมับ ฉันจึงตัดสินใจพูดต่อจากไคล์"ค่ะหนูก็จริงจัง และหนูโอเคกับไคล์ที่สุด หนูยอมเขาเอง บางทีก็ชวนเขาด้วยซ้ำ" พ่อเงยหน้าขึ้นมองฉันทันทีเมื่อฉันพูดคำว่า 'ชวน' ตาท่านเบิกกว้างพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ เหมือนรับไม่ได้"ทำไม..ลูกทำตัวแบบนี้ใบไม้? กับไคล์เราโตมาด้วยกัน มันจะเป็นความสัมพันธ์อื่นได้ไงนอกจากพี่น้อง และ...""แต่เป็นไปแล้วค่ะ หนูชอบไคล์มานานมาก ตั้งแต่เกิดมาหนูไม่เคยชอบอะไรเลยนอกจากไคล์ เพราะพ่อเป็นคนเลือกทุกอย่างให้หนู เลือกจนหนูไม่มีโอกาสได้คิดเองว่าชอบอะไร..หรือไม่ชอบอะไร และหนูต้องเฉยกับมันแค่ไหน..เพื่อจะยอมรับในสิ่งที่พ่อเลือกให้และผ่านมันมาได้""ใบไม้.." ฉันไม่สนใจพ่อ รีบผายมือไปที่โต๊ะทำงานที่พ่อนั่ง
ฉันรถติดกับพี่ฮาวายบนทางด่วน มาถึงตอนนี้ก็ร่วมชั่วโมงแล้วที่ฉันนั่งคุยไปร้องไห้ไป ฉันไม่คิดเลยว่าจะมีวันนี้อีก เพราะตั้งแต่พี่ฮาวายหายไปไม่ติดต่อมา ฉันก็คิดมาตลอดว่า..พี่เขาโกรธพวกเรามาก โกรธจนไม่อยากข้องเกี่ยวอะไรกันอีกแต่เรื่องนี้ฉันไม่โทษใคร ฉันแค่น้อยเนื้อต่ำใจที่เกิดเป็นลูกเมียน้อยเท่านั้น ลูกเมียน้อยที่มีน้อยสิทธิน้อยเสียง ถูกห้ามแม้กระทั่งเข้างานศพพ่อตัวเอง แต่เอาเถอะ..ทุกคนล้วนมีเหตุผล และตอนนั้นฉันก็เด็กเกินกว่าจะรับรู้.."เด็กสมัยนี้โตเร็วจริงๆ ไงล่ะ..มีแฟนรึยัง?^^" พี่ฮาวายถามยิ้มๆ และคำถามนั่นแหละ..ทำให้ฉันนึกอะไรออกขึ้นมา ถ้าตอนนี้ฉันอยู่บนรถกับพี่ฮาวาย แล้วกัปตันต้นไม้ล่ะ?!!ฉันลืมเขาไปเลย!!ฉันรีบเปิดกระเป๋าหยิบโทรศัพท์ทันที..แต่ว่างเปล่า! โทรศัพท์ฉันล่ะ เฮ้ย นี่ฉันแทบรื้อกระเป๋าเทกระจาดบนตักแล้วนะ โทรศัพท์ฉันหายไปไหน?!"อะไรเจแปน หาอะไร?" พี่ฮาวายหันมาถามสงสัย ก่อนจะตบไปเลี้ยวจอดข้างถนนให้"โทรศัพท์เจแปนหายค่ะ ไม่รู้ไปทำหล่นไว้ที่ไหนTT" พูดแล้วก็เศร้า.. ฉันจะบอกกัปตันยังไง ลืมโทรศัพท์ว่าหนักแล้ว ลืมกัปตันต้นไม้หนักกว่าอีก เขาต้องโกรธมากแน่เลย ขนาดฉันแค่ไม่ฟังเขา..ยังถ
ฉันขยับตัวซ้ายทีขวาทีบนโซฟา ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ที่เพิ่งวางหมาดๆ ขึ้นมากดโทรหาพี่เชนอีกครั้งแต่โทรเท่าไหร่พี่เชนก็ไม่รับ แถมสายหลังๆยังปิดเครื่องอีกต่างหากเขาขับรถอยู่ ติดประชุม หรือยุ่ง? ทำไมไม่บอกฉันบ้าง นี่จะมืดค่ำแล้วนะฉันเป็นห่วง และท้องฉันก็แก่มากด้วย ทำไมพี่เชนกล้าทิ้งฉันไว้แบบนี้ตุบๆฉันคลำท้องป่องๆที่โดนลูกถีบทันที ตอนนี้ฉันลุกขึ้นแทบจะไม่ไหวแล้ว อยู่ๆก็เริ่มหน่วงไปทั่วเชิงกราน ปวดมากๆอยู่เป็นระยะๆ"โอ๊ะ โอ้ยยยย...ปวดท้อง พี่เชน พี่เชนอยู่ไหน!"ใจเย็นๆลูก ทำไมต้องปวดวันที่พ่อไม่อยู่ด้วย!"พี่เชนนนนนน"ฉันไม่รู้จะทำยังไง จะเอื้อมหยิบโทรศัพท์กดโทรอีกครั้งก็ไม่ได้ ได้แต่ร้องเรียกกระวนกระวายบนโซฟาร้องจนน้ำตาไหลอาบแก้มร้องจนตัวเองเหนื่อย และนอนซมเม็ดเหงื่อที่เกาะไปตามใบหน้าไม่ไหวแล้ว...ตายแน่ๆ ฉันตายแน่ๆ เจ้าแฝดไม่ใจเย็นช่วยฉันเลยกริ่ง~ กริ่ง กริ่ง~เสียงกริ่งที่ดังขึ้นหน้าประตู ทำร่างที่ไร้เรี่ยวแรงของฉันฟื้นกลับมา ฉันลืมตาที่ปรืออยู่เบิกกว้าง และเมื่อหันขวับมองไปที่ประตูก็เห็นเงาร่างโตของใครยืนอยู่ตรงนั้นพอดี"ช่วยด้วย ! ชะ..ช่วยด้วยค่ะ!"'ส่งพัสดุครับ!' รู้แล้วคุณบุรุษไ
เรื่องท้องไม่ท้อง..คงต้องเอาไว้ก่อน เพราะตอนนี้ฉันกับพี่เชนถูกดึงกลับไปนั่งร่วมโต๊ะกับผู้ใหญ่แล้ว และทุกคนก็พูดเป็นเสียงเดียวว่าฉันควรมีลูกแฝด มีแข่งกับพี่เจแปนไปเลย"ไม่ไหวครับๆ คนเดียวก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่?^^" พี่เชนตอบยิ้มๆแล้วตักนู่นตักนี่ให้ฉันกิน"ไม่ไหว? เออๆเดี๋ยวยกโซลให้ไปเลี้ยงหนึ่งวัน คงไม่อยากมีลูกไปเลย" พี่กัปตันพูดนิ่งๆ..แต่ชวนทุกคนขำกลิ้งทั้งโต๊ะ แต่มีคนทำหน้าไม่พอใจคือหลานชายตัวแสบ ที่นั่งมองหน้าพ่อและเคาะช้อนพลาสติกลงจาน แกร้กๆ~โวยวายเสียงแจ๋นลั่นร้าน"แอ๊ แอ้~!""เอาเข้าไปๆ จะทำสงครามกับพ่ออีกแล้วโซล^^""แสบจริงๆหลานลุง แสบเหมือนใคร^^" พี่ฮาวายจิ้มแก้มโซลจนแก้มป่องๆยุบลง บอกเลยใครๆก็หมั่นเขี้ยวเจ้าแสบจนพี่เจแปนก้มลงถามลูก.."แสบเหมือนพ่อใช่ไหมโซล?^^""แอ้~~^^" เห็นมั้ย..โซลตอบแม่ทันที น่ารักน่าตี จนถูกพ่อกับแม่รุมหอมแก้มหอมหัวหลังจากกินข้าวงานเลี้ยงเล็กๆง่ายๆ..เราก็แยกย้ายกันกลับ พ่อแม่พี่เชนนอนโรงแรมที่สนามบินกลับกันพรุ่งนี้เช้า ส่วนฉันกับสามีกลับคอนโดนอน และแน่นอนมีฉลองกันเล็กๆในห้อง..ก็คือการปั๊มลูก เราจัดกันทันทีที่มาถึง กินหัวกินหางกินกลางตลอดตัวจนหมดแรง..."จ
เปิดออกมาก็เห็นลูกโป่งอัดแก๊สสีชมพู ผูกกับกระถางต้นไม้มุมระเบียง และบนผนังมีริบบิ้นหลากสีติดเป็นลูกศรชี้ลงไปข้างล่าง...ฉันจึงรีบเดินไปเกาะราวระเบียงชะเง้อมองตาม สอดส่องสายตาลงไปตามลูกศรบนผนัง..จนเห็นคนคุ้นเคยคนนึงยืนอยู่ข้างล่าง ข้างๆสระว่ายน้ำส่วนกลางของคอนโด ก่อนเขาจะเงยขึ้นเมื่อเห็นฉันยืนอยู่..และป้องปากตะโกนว่า"กลับมาแล้วค้าบบบบบบ!!^[]^"ฉันยิ้มทั้งน้ำตา..ที่เริ่มคลอออกมาสองข้าง อยากจะตะโกนกลับแต่กลัวห้องอื่นรำคาญ จึงตัดสินใจเดินกลับเข้าห้องไปหยิบโทรศัพท์ ออกมาโทรหาพี่เชนแทนฉันยกโทรศัพท์แนบหนูก้มมองคนข้างล่างยิ้มแป้น ...ห้องฉันอยู่ชั้นห้า ถึงจะเห็นหน้าเขาไม่ค่อยชัด แต่ฉันเห็นรอยยิ้มกว้างๆเขาชัดแจ๋วCalling P'Chain"ฮัลโหล..กลับมาแล้วเหรอคะ?^^" พี่เชนยิ้มแล้วโบกมือให้ฉัน ก่อนจะพูดตอบกลับมาว่า(กลับมาแล้ว..ไม่ไปไหนแล้ว ทนไม่ไหว..คิดถึงใจจะขาด)บ้าๆฉันเขินนะ หยุดเขินไม่ได้เลย>\\พี่เชนอ่ะ แล้วนี่ให้ไทเปใส่เวลส์เจ้าสาวทำไมคะ...แค่กลับมาเอง^^" ฉันทำถาม ถึงจะรู้ลึกๆว่า..เขาน่าจะเซอร์ไพรส์ขอแต่งงาน(อ้าวไม่เซอร์ไพรส์เหรอ? เฮ้อ..นี่พี่เซอร์ไพรส์ไม่เก่งใช่ไหม?)ฉันยิ้มมองคนล่างตัดเพ้
"ข้ามขั้นเลยเหรอ^^?""ข้ามเลยค่ะ ถ้าเทกันอีกอย่างน้อยไทเปก็ต้องได้อะไรบ้าง ว่าไงคะ..กล้าเทกันไหมคะ^^"พี่เชนดึงจมูกฉันทีนึงแล้วอมยิ้ม"หมั่นเขี้ยวจริงๆไม่กล้าครับ งั้นพรุ่งนี้ไปอำเภอกันเลยนะ^^"ฉันพยักหน้าหงึกๆแล้วกอดคอพี่เชนทันที ก่อนที่จะดันโน๊ตบุ๊คเขาไปห่างๆ..แล้วเอนตัวนอนราบลงโซฟา ไม่ต้องเดาว่าเกิดอะไรขึ้น ข้าวไม่ต้องกินแล้ว..ให้พี่เชนบริหารลิ้น บริหารนิ้ว บริหารเอวก่อนอิ่มกันจุกๆฉันกับพี่เชนก็ปรึกษาหารือกันเรื่องวีซ่า โดยพี่เชนให้ความเห็นว่า เราจดทะเบียนสมรสก่อนค่อยขอวีซ่ากัน และพี่เชนจะสปอนเซอร์ค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่างเพราะฉันมันคงว่างงานไม่มีอาชีพจากนั้นหลังเรียนจบ..เราจะกลับมาจัดงานแต่งเล็กๆกันที่ประเทศไทย เพราะพี่เชนเขาไม่อยากทำงานที่อเมริกาและอยู่ที่นั่น เขาคิดถึงส้มตำปูปลาร้าร้านหน้าปากซอยที่เขากินประจำ พูดถึงก็ทำหน้าเศร้า..ทำหน้าตาน่าสงสารใส่ฉัน-_-หลังจากบริหารช่วงล่างกันทั้งคืน เช้าวันต่อมาฉันกับพี่เชนก็ไปจดทะเบียนสมรสกัน เราจดไม่ถึงชั่วโมงก็เสร็จ ได้ทะเบียนมาฉันก็เช็คและแปลเอกสาร เพื่อเตรียมยื่นวีซ่าขอติดตามสามี อุ๊ย..สามี สามี เขินจัง..สามีภรรยาถูกต้องตามกฏหมายด้วยนะ"อ
สองเต้าหยุดชะงัก พร้อมกับฉันที่ค่อยๆเบิกตากว้างแล้วหันไปมองเจ้าของคำหวาน"พี่เชน...0//0""พี่รักไทเป พี่รู้แล้วว่าพี่รักไทเปจริงๆ" ได้ยินอีกครั้งน้ำตาฉันก็หยดเพาะลงแก้มขาว ก่อนฉันจะจ้องเขาน้ำตา..และค่อยๆก้มลงจุมพิตที่ริมฝีปากคู่สวยนั่น มันเป็นจุมพิตที่เนิ่นนาน นานจนวงแขนกว้างสวมกอดฉัน และดันจนเราแนบชิดกัน"รักแล้วยังไงคะ..รักแล้วจะแช่ของพี่เชนไว้แบบนี้เหรอ?.." ฉันถอนจูบประคองแก้มเขาถามเบาๆ และจ้องตาเป็นประกายของเขาไปด้วย ฉันไม่อยากร้องไห้เลย แต่ทำไมน้ำตาไหลก็ไม่รู้"ทำไม..แช่ไว้ไม่ได้เหรอ? คลอเคลียแบบนี้พี่ว่า..พี่คงได้เสียตัวอีก^^" ฉันปาดน้ำตาแล้วตีแขนพี่เชนดังเพียะ..จนเขารีบกระชับกอดและจับฉันลงไปนอนบนเตียงทันทีจากนั้นร่างใหญ่ก็ค่อยๆขยับถอดแก่นกายเปียกๆออกมา เขาขยับถูไถกับกลีบกุหลาบช้าๆจนมันผงาดขึ้นอีกครั้ง..."พะ..พี่เชน อื้ม~~ ไหวเหรอคะ?""พี่ตุนไว้เพียบ...แต่รอบนี้นานหน่อยนะ"และฉันก็เสียตัวอีกรอบ ไม่สิพี่เชนเสียตัวต่างหาก ไอ้เค้กช็อคโกแล็ตกับข้าวเหล้าไวน์ พี่เชนไม่ได้กินไม่ได้แตะหรอก เรามีอะไรกันจนสลบเหมือบกันทั้งคู่ รู้สึกตัวตื่นอีกทีก็เช้าตรู่อิ่มจนจุกกันไปเลยเช้า..ฉันนอนคว่ำ
"ฉันขอเวลาคิด ถึงฉันอยากกลับไปแค่ไหน เธอต้องเข้าใจฉันนะพิมดาว..ว่าฉันต้องเซฟตัวเองด้วย คนเคยเจ็บมา คนเคยถูกทิ้งมา..ฉันใช้เวลาไม่น้อยเลยนะกว่าจะยืนด้วยขาตัวเองได้"ฉันพูดทั้งน้ำตาและมองพิมดาวไปด้วย จนมือที่จับมือฉันค่อยๆคลาย..และแตะเบาๆ"โอเคๆฉันเข้าใจ แต่อย่าเผลอใจให้คนอื่นนะ ถ้าเรื่องนี้เธอดึงคนอื่นเข้ามา มันจะวุ่นวายไปใหญ่ ให้มันมีแค่เธอกับพี่เชนก็พอ ฉันเป็นกำลังใจให้เธอนะไทเป..ทุกๆเรื่องเลยสู้ๆ"ฉันพยักหน้าหงึกๆเหมือนเด็กสามขวบที่โดนโอ๋ จนพิมดาวลุกขึ้นมากอดและลูบหลังฉัน เธอลูบเบาๆแต่เหมือนฉันได้กำลังใจมหาศาล จนสักพัก..ฉันหยุดร้องไห้ ปาดน้ำหูน้ำตาที่ไหลเงยหน้าขึ้นมองเธอ"ฉันจะลองดู..แต่เธออย่าบอกเขาได้ไหม ว่าฉันรู้สึกยังไง""โถ่ไทเป..ไม่บอกพี่เชนก็รู้ กับพี่เชนเธอเคยห้ามใจตัวเองได้เหรอ? แววตาเธอมันฟ้องจะตาย " ฉันเงียบกริบเม้มปากนิดๆคิดตามคำพูดพิมดาวก็จริง..พิมดาวพูดถูก ฉันควบคุมไม่ได้เลย ยิ่งเจอเขาความต้องการฉันยิ่งมาก ฉันต้องการเขา อยากกอดเขา อยากทุกๆอย่าง และเมื่อวานฉันพยายามสุดๆที่จะไม่กระโจนใส่เขาคุยกับพิมดาวเสร็จฉันก็กลับคอนโดนอน ฉันไม่อยากไปไหนแล้วจริงๆ อยู่ๆก็อยากกลับห้องมา
"ก็...เอ่อ เห็นไทเปรักเขาไงฉันก็เลย..อยากให้ไทเปทำตามหัวใจดู^^"ฉันดึงแก้วกาแฟกลับจับหลอดดูดและจ้องตาพิมดาว พยายามจับผิดตาโตๆนั่น ว่าจะวอกแวกหรือหลบตาฉันรึป่าว แต่ไม่..พิมดาวยังยิ้มปกติไม่มีอะไร แถมเธอยังชวนฉันสั่งอาหารว่างมากินรองท้องอีกจนเราสองคนอยู่ในความเงียบ และฉันนั่งทวนงานส่งบก. พิมดาวก็ถามฉันขึ้นมา"เธอ..จะกลับไปคุยกับเขาคนนั้นมั๊ย?^^" ถามไปเขี่ยเค้กฝอยทองในจานไป เอ๊ะ..สั่งมากินหรือสั่งมาเขี่ย ตั้งแต่มาเนี่ยพิมดาวยังไม่ทำอะไรสักอย่าง งานก็ไม่ทำหนังสือก็ไม่อ่าน มีแต่เล่นโทรศัพท์เป็นพักๆและจ้องหน้าฉัน"ไม่รู้เหมือนกัน ดูก่อน" ฉันตอบเรียบๆและเปรยตามองเพื่อนสนิทแวบนึง"แต่ใจเธอสั่นใช่มั๊ยล่ะ?^^" เมื่อเจอคำถามติดต่อกัน ฉันก็ละสายตาจากนิยายที่ทวน...หันไปมองเธอ"ทำแบบสอบถามอะไรอยู่ ถามไม่หยุดเลยนะ-__-""ป่าว แค่อยากรู้ว่าเพื่อนรู้สึกยังไง^^" พิมดาวยิ้มหวานกลบเกลื่อนแล้วเขี่ยเค้กฝอยทองต่อ ฉันจึงหันมองซ้ายมองขวามองรอบๆร้านกาแฟ ว่ามีอะไรผิดปกติไหม? ทำไมคำพูดคำจาและคำถามมันแปลกๆ ปกติพิมดาวไม่ใช่คนชอบซักไซร้แบบนี้นี่"ถ้าถามความรู้สึก...ฉันก็ใจสั่นหวั่นไหวนั่นแหละ แต่ฉันไม่กลับไปง่ายๆหรอ
"ทำไมต้องขอนอนกับไทเป บ้านช่องไม่มีแล้วเหรอคะ?" ฉันถามแล้วหันไปทางอื่น ใครจะไปกล้าสบตาเขา เดี๋ยวเขารู้ว่าฉันอยากและอดอยากปากแห้งมานานเอ๊ะหรือฉันจะเล่นด้วย..ยอมปล่อยตัวหน่อยให้หายคอแห้ง"พี่คิดถึงไทเปไง.." พูดจบมือใหญ่พี่เชนก็วางบนขาฉัน แถมเขายังบีบเบาๆเบาๆ จนตอนนี้หน้าฉันชาหูฉันอื้อไปหมด คนมันเคยๆเขารู้..รู้ว่าฉันชอบให้สัมผัสตรงไหนแล้วตอนนี้มือเขาก็เอาใหญ่..ขยับขึ้นมาเรื่อยๆ บีบเข้าตามหว่างขา ก่อนจะหยุดตรงเนินสาวอวบอั๋นที่เขาเคยสัมผัสมา และสอดมือเข้าไปจนฉันขนลุกซู่ไปทั้งตัวเขาขับรถจับพวงมาลัยมือเดียว มืออีกข้างก็ซุกซนล้วงเข้าไปในขอบกระโปรงฉัน แล้วทำไมฉันไม่ห้ามเนี่ย..ฉันเอาแต่มองออกไปนอกหน้าต่าง ปล่อยตัวอ่อนปวกเปียกและร้อนวูบวาบไปทั้งตัว แถมยังแยกขาพลีชีพให้เขาส่งมือเข้าไปถึงเกษร จนหยุดทักทายสองกลีบกุหลาบที่เปียกพร้อม..ช้าๆเน้นๆอย่างช่ำชอง"ถ้าไม่ให้นอนด้วย..พี่แวะโรงแรมนะ" ฉันบิดตัวจิกสองเท้าลงพื้น เมื่อพี่เชนถามและเขี่ยรัวมาก เขาเขี่ยรัวจนฉันไม่ทนความเสียวซ่านและกลั้นเสียงคราง รีบยกมือขึ้นกัดส่ายหน้ารัวๆ"มะ..ไม่ ไม่ค่ะ เอามือออกไป เอา..ออก""ไม่อยากเอาออก อยากเอาเข้า" พูดจบพี่เช
โรคนิมโฟมาเนีย โรคเฮงซวยที่ฉันเป็นมาเจ็ดปีเต็ม.. ตอนนี้มันหายไปแล้ว..หายไปพร้อมๆกับเขาคนนั้น คนที่ฉันเห็นเขาเป็นคนรัก เห็นเขาเป็นคู่นอน เห็นเขาเป็นพี่ชายที่แสนอบอุ่นและดีพร้อม'พี่ไม่ได้คิดกับไทเปแบบนั้น , ถ้าเจอใครถูกใจเริ่มใหม่ได้เลยนะ'คำพวกนี้สุภาพแต่...เจ็บมาก เจ็บเหมือนจะตาย ฉันคิดว่าตัวเองจะไม่ไหวโดดตึกผูกคอตายในห้องแล้ว แต่คิดไปคิดมา เกิดทั้งทีฉันต้องใช้ชีวิตให้คุ้มกว่านี้ เคยมีความสุขสุดๆตอนได้ผู้ชายคนนั้นมาเป็นของตัวเอง มันก็ถึงเวลาแล้วที่ฉันจะทุกข์ใจบ้าง เพราะทุกๆอย่างมันไม่ถูกต้องตั้งแต่เริ่มหลังจากที่เสียพี่เชนไป ฉันนั่งร้องไห้เป็นเผาเต่า มองไปทางไหนก็คิดถึงแต่หน้าเขา โซฟาตรงนี้ก็เคยได้กัน บาร์ที่ครัวก็เคยโก้งโค้งให้เขามาแล้ว อย่าว่าแต่ห้องนอนห้องน้ำฉันกับพี่เชนเคยมาหมด เหลือแค่ระเบียงที่ยังไม่ได้ทำ กะจะลองสักครั้ง แต่เสียดาย..เขาทิ้งฉันก่อนหลังจากพี่สาวแต่งงานมีครอบครัวและพี่เชนทิ้งฉัน ..ฉันก็ตัวคนเดียว ไปไหนคนเดียว กินข้าวคนเดียว มันเหงามาก แต่ยิ่งจมปลักฉันก็ยิ่งแย่ ฉันจึงไปปรึกษาจิตแพทย์พี่หมอธันวา เขาบอกฉันให้มูฟออน...ออกมาจากมุมเดิมๆเปลี่ยนบรรยากาศให้ตัวเอง ถ้าวันไ